BAiJR - Suika


東方文花帖 ~ Bohemian Archive in Japanese Red.
โทวโฮวบุนคะโฉว (บันทึกอักขระบุปผาแห่งตะวันออก) ~ บทความแหกกฎในสมุดญี่ปุ่นปกแดง


.........................................................................................................................................................................................

ฤดูกาลที่ 120 เดือนจันทรคติที่ 2 วันที่ 1

จันทร์เพ็ญกลางฤดูหนาว, ระเบิดอย่างรุนแรง
เศษเสี้ยวของพระจันทร์ร่วงตกลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับหิมะ

เดือน ◯ วันที่ ◯, ฉันได้ทราบเรื่องจันทร์เพ็ญที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงโดยไม่มีเสียง
แม้จะเป็นคดีใหญ่ แต่เป็นเพราะดึกมากแล้วจึงมีคนที่ไม่รู้สึกตัวอยู่มากมายจนคาดไม่ถึง

จันทร์เพ็ญแตกกระจายอย่างเงียบงัน, เศษเสี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงโรยลงสู่พื้นดินทั้งๆที่ยังมีแสงจันทร์อยู่ภายใน
แต่เพียงครู่ต่อมา เศษเสี้ยวเหล่านั้นก็แตกละเอียดจนเหมือนหมอก แล้วกลับไปรวมตัวกันอีกครั้งจนเป็นจันทร์เพ็ญดังเดิม
ผู้ที่ได้เห็นภาพมายาที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริงนี้นับว่าโชคดียิ่งนัก เพราะมันเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆโดยไม่มีเสียง ทั้งยังเป็นเวลาค่ำมืดดึกดื่นอีกด้วย
ฉันคิดว่าควรจะตรวจสอบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงรวบรวมข้อมูล และในที่สุดก็สามารถติดต่อกับผู้ที่ทำให้พระจันทร์ระเบิดได้

ผู้ก่อเหตุคือ อิบุคิ ซุยกะ (ยักษ์)
ดูเหมือนเธอกำลังเมาสุดๆ แต่ก็เริ่มถามตอบเกี่ยวกับคดีนี้ได้อย่างไหลลื่น

「พระจันทร์ ? อ๋อ อันนั้นแค่ขู่น่ะ แค่ขู่เฉยๆ
 เพราะทุกคนเอาแต่พูดว่า "ยักษ์จงออกไป ยักษ์จงออกไป" อย่างสนุกสนาน ก็เลยลองขู่ดูนิดหน่อยน่ะ
 ดูเหมือนจะตกใจตามที่คาดไว้น่ะน้า」

ขนาดฉันยังตกใจ คนที่อยู่ด้วยกันก็คงต้องตกใจแน่
จากนั้นจึงลองถามดูว่า ทำอย่างไรให้พระจันทร์ระเบิดได้

「เธอคิดว่า พระจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตา มันคืออะไรกันล่ะ ?
 ทุกคนมองเจ้านั่นจนเคยชินแล้วก็คิดไปเองว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างกลมๆอยู่ตรงนั้น ใช่มั้ยล่ะ ?
 นั่นเป็นเรื่องที่โง่เง่าสิ้นดี
 ของจริงน่ะ เป็นสิ่งที่น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่านี้เสียอีก
 การมองมันโดยตรงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ และยังเป็นภัยต่อมนุษย์อีกด้วย
 เราจะมองเห็นพระจันทร์ได้ก็ต่อเมื่อมันสะท้อนภาพบนอะไรสักอย่างเท่านั้น
 พระจันทร์ที่สะท้อนภาพบนทะเลสาบ พระจันทร์ที่สะท้อนภาพบนแก้ว, ภาพสะท้อนเหล่านั้นล้วนสามารถบดขยี้ได้ จริงมั้ย ?
 พระจันทร์บนท้องฟ้าก็แค่สะท้อนอยู่บนผืนนภาเท่านั้น ถ้าแหวกนภาออกเป็นเสี่ยงๆ จะสักเท่าไรก็สามารถบดขยี้ได้อยู่แล้ว~」

ถึงจะเข้าใจแล้วว่าเธอบดขยี้พระจันทร์ได้อย่างไร แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเธอแหวกผืนนภาได้อย่างไร
ทว่า, พลังของยักษ์เป็นสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการ
บางทีอาจแหวกนภาเล่นเป็นกิจวัตรก่อนอาหารมื้อเช้าเลยก็เป็นได้
(ชาเมย์มารุ อายะ)

Tips :
- ท่าน ZUN ใช้คำว่า เทนไก (天蓋) แทนคำว่า ท้องฟ้า หรือ ชั้นบรรยากาศ
เทนไก คำนี้หมายถึง เครื่องสูงที่ใช้ประดับพระพุทธรูป หรือบัลลังก์หรือที่นอนของผู้สูงศักดิ์ คาดว่าน่าจะหมายถึง ฉัตร ของประเทศไทยนั่นเอง
นอกจากนี้ยังใช้แสลงถึงคำว่า ท้องฟ้า ได้ด้วย เพราะ 天 แปลว่า ท้องฟ้า, สวรรค์ / ส่วน 蓋 แปลว่า ปกคลุม / รวมกันเป็นท้องฟ้าที่ปกคลุมผืนดิน
แต่จะแปลว่าท้องฟ้าทั้งๆที่มีคำว่าท้องฟ้าอยู่เต็มบทความก็กระไร จึงขอใช้คำว่า ผืนนภา เพื่อแบ่งแยกคำศัพท์ออกจากกัน
- ก่อนอาหารเช้า เป็นสำนวนหมายถึง สิ่งที่ทำได้ง่ายๆโดยใช้เวลาไม่มาก


ข้าวผสมธัญพืชเทนกุ

บำรุงกำลัง・แก้อาการเหนื่อยล้า・ของว่างสำหรับผู้ใหญ่


Tips :
- ข้าวผสมธัญพืชเทนกุ มีอยู่จริง ไม่ได้เป็นชื่อที่แต่งขึ้นเล่นๆ
มันเป็นชื่อเรียก [กลุ่มจุลินทรีย์] ที่พบตามบริเวณภูเขาไฟที่อยู่ตอนใต้ของโตเกียว มีลักษณะแตกต่างตามสถานที่ที่พบ มีขนาดตั้งแต่ 0.1 mm - 1.0 cm และมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง มักพบอยู่ใต้พื้นดินของทุ่งหญ้าบนภูเขา อาจอยู่ลึกหลายเซนติเมตรถึงหลายสิบเซนติเมตร บางครั้งพบลึกถึง 2 เมตรเลยทีเดียว
สมัยก่อนเรียกกันว่า อิอิซึนะ จนเป็นที่มาของชื่อภูเขา อิอิซึนะยามะ และเชื่อกันว่าเป็นยางไม้ที่หลั่งออกมาจากต้นท้อ
เล่ากันมาแต่โบราณว่า พวกนักพรตที่ฝึกตนบนภูเขา (ซึ่งอ้างตนว่าเป็นเทนกุ) มักจะเก็บมากินประทังชีวิต จึงถูกเรียกว่า ข้าวผสมธัญพืชเทนกุ
แม้จะเรียกว่าธัญพืชแต่แท้จริงแล้วมันเป็นจุลินทรีย์ ซึ่งไม่มีรสชาติ และเป็นที่น่าแปลกใจว่า ไม่มีรายงานการเกิดโรคทางเดินอาหาร โรคติดต่อ หรือโรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานพวกมันสักเท่าใดนัก



.........................................................................................................................................................................................

สวรผัสสะมายา

古の冥界寺
อินิชิเอะโนะเมย์ไคเดระ (วัดโลกวิญญาณโบราณ)
(เพลงจาก 『蓮台野夜行 ~ Ghostly Field Club』)

เพลงนี้... ...ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
ตอนที่แต่งเพลงก็จำไม่ค่อยได้
เพียงแต่, Main ของเพลงนี้คือ Lastความซาบซึ้ง (ตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 3 เป็นต้นไป) อย่างแน่นอน
เพื่อให้สนุกสนานกับ Lastความซาบซึ้ง เพียงอย่างเดียว จึงไม่รู้สึกถึงอะไรอย่างอื่นนอกจาก Intro กับ Melody

ภาพมายาของเพลงนี้ จะมองไม่เห็นจนกว่าจะถึง ความซาบซึ้งครั้งสุดท้าย
ทว่า, สุดท้ายแล้วก็จะเหลือเพียงความเหงาและความทรงจำว่าเคยได้ฟังอะไรบางอย่างเท่านั้น

Comment อันนี้ก็มิได้เขียนขึ้นทันทีหลังจากที่แต่งเพลงเสร็จ ก็เลยนึกไม่ออกว่าสภาพจิตใจตอนที่แต่งเพลงนั้นเป็นอย่างไร
ก็เลยตัดสินไปตามตัวเพลงและชื่อเพลงเท่านั้น แต่ในทางตรงข้าม การที่ได้มองจากมุมมองที่ไม่ลำเอียงแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่สนุกดีครับ

Tips :
- เนื่องจากข้อจำกัดของภาษาไทยทำให้อ่านแล้วอาจสับสนได้ แต่ว่าสิ่งที่โบราณในชื่อนี้คือ ตัววัด ไม่ใช่โลกวิญญาณ
- Lastความซาบซึ้ง มันก็คือ ความซาบซึ้งครั้งสุดท้าย นั่นเอง


.........................................................................................................................................................................................


ซุยกะ 「เอาเหล้าอีก~」
อายะ 「เอาแต่ดื่มมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะ」
ซุยกะ 「ตั้งแต่เมื่อกี้ ? ฉันดื่มมาตลอดตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนนั่นล่ะ
    ตอนที่ไม่เมาน่ะมันอยู่ในนิทานยุคเก่าโน่น~」
อายะ 「ดื่มหนักขนาดนั้น, เล่นเอาฉันไม่รู้สึกอยากพูดว่ามันไม่ดีต่อร่างกายเลยล่ะค่ะ... ...」
ซุยกะ 「มาดื่มแข่งกันมั้ย ?」
อายะ 「ฉันไม่โง่ขนาดไปดื่มแข่งกับยักษ์อย่างคุณหรอกค่ะ」
ซุยกะ 「อย่าพูดอย่างนั้นสิ~
    เธอเป็นเทนกุไม่ใช่เหรอ ? เทนกุก็เป็นพวกนักดื่มตัวยงนี่นา~」
อายะ 「อุฮุฮุ ตอนนี้อยู่ระหว่างปฏิบัติงานน่ะค่ะ
    แต่ว่าฉันเคยเจอร้านแผงลอยดีๆอยู่ เอาไว้เสร็จงานแล้วไปดื่มด้วยกันมั้ยคะ ?」
ซุยกะ 「ร้านแผงลอย ? ร้านนกย่างเหรอ~」
อายะ 「เป็นร้านปลาไหลยัทสึเมะย่างน่ะค่ะ
    แต่ปลาไหลทอดเสียบไม้เป็นกับแกล้มขั้นสุดยอดเลยนะคะ」
ซุยกะ 「ดีจังน้า
    งานเลี้ยงมันก็ดีอยู่หรอก แต่นานๆครั้งไปนั่งดื่มเงียบๆบ้างก็คงไม่เลว」
อายะ 「งั้นก็น่าเสียดายนะคะ, ร้านนั้นค่อนข้างหนวกหูทีเดียวเลยล่ะค่ะ... ...
    เพลงของเจ้าของร้านน่ะ, นะ」
ซุยกะ 「ถ้ามันหนวกหูจนดื่มไม่ได้ล่ะก็ ฉันจะทำให้หุบปากเอง」
อายะ 「ถ้าถูกยักษ์อย่างคุณขู่เข้าให้แบบนี้... ...นกกระจอกราตรีก็น่าสงสารแย่เลยนะ
    แต่จะว่าไปแล้วก็น่าตกใจนะคะ
    เรื่องพระจันทร์ก็น่าตกใจอยู่ แต่ฉันไม่คิดว่าจะยังมียักษ์อยู่ในเกนโซวเคียวเลยค่ะ」
ซุยกะ 「ไม่ได้กลับเข้ามาเสียนานเลย
    ถึงจะแค่ฉันคนเดียวก็เถอะ~」
อายะ 「ถ้ามียักษ์ล่ะก็ เกนโซวเคียวที่เอะอะวุ่นวายมาแต่ไหนแต่ไร คงได้เอะอะวุ่นวายยิ่งขึ้นอีกเป็นแน่」
ซุยกะ 「ผิดหวังบ้างมั้ยที่การปกครองใต้หล้าของเทนกุจบสิ้นลง~?」
อายะ 「ถามอะไรแบบนั้นล่ะคะ, อย่างเทนกุจะไปพิชิตใต้หล้าได้ยังไงกันล่ะคะ
    ใต้หล้าก็อยู่ในกำมือของยักษ์มาตลอดนั่นแหละค่ะ」
ซุยกะ 「มีชีวิตอยู่ด้วยปากอย่างเดียวไม่เคยเปลี่ยนเลยน้า
    ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว พวกเทนกุน่ะ พอเจอคนที่แข็งแกร่งก็จะแสดงท่าทีนอบน้อม พอเจอคนที่อ่อนแอก็จะแสดงท่าทีแข็งกร้าว
    แท้จริงแล้วเป็นพวกสุดแกร่งยิ่งยวดที่รู้จักออมมือให้พอเหมาะ, และยังชอบทำเป็นหลงๆลืมๆทั้งๆที่น่าจะหัวแหลม
    อันที่จริง, ต้องจัดว่าเป็นพวกที่เจ้าเล่ห์น่าดูเลยน้า
    อย่างกับพวกค้างคาวเลย」 (ค้างคาว : ศัพท์แสลง หมายถึง พวกจอมฉวยโอกาส)
อายะ 「ไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้นก็ได้นี่คะ
    จริงๆแล้วเทนกุในตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแล้วล่ะค่ะ
    ตอนนี้เป็นเหมือนร้านขายข่าวที่น่าสังเวชมากกว่า」
ซุยกะ 「เป็นเรื่องจริงสักแค่ไหนกันน้า
    เอาเถอะ ตรงจุดที่เทนกุชอบเรื่อง Gossip ก็ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนเลยนะ」
อายะ 「ยักษ์เองก็ไม่เปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ
    เพราะว่าการแหวกผืนนภาเนี่ย ไม่ใช่พลังระดับธรรมดาสามัญเลย」
ซุยกะ 「เอะเฮะเฮะーก็แค่ก่อนมื้อเที่ยงน่ะน้า, เพราะฉันเชี่ยวชาญการบดขยี้และรวบรวมน่ะ」
อายะ 「งั้นก็หมายความว่า การรวบรวมข่าวก็เป็นแค่ก่อนมื้อเย็นสินะคะ ?」
ซุยกะ 「เอ๋ ? ข.. ข่าว ? น.. แน่นอน, ก็แค่ขนมคู่น้ำชาอันแสนจิ๊บจ๊อย」 (ขนมคู่น้ำชา : ศัพท์แสลง หมายถึง เรื่องง่ายๆ เรื่องเล็ก)
อายะ 「สุดยอดไปเลยค่ะ~
    เอาล่ะ เรื่องราวต่างๆก็ได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว, เราไปที่ร้านแผงลอยแล้วค่อยๆดื่มไปคุยไปดีกว่ามั้ยคะ ? ต้องมีเรื่องสนุกๆให้ฉันได้ถามแน่เลย」
ซุยกะ 「นั่นสินะ
    งั้นคืนนี้เราไปดื่มกันให้เมาจนคุยกันไม่รู้เรื่องไปเลย」
อายะ 「อุฮุฮุ ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฉันก็เป็นเทนกุนะคะ ?
    ถ้าจะให้ฉันดื่มจนเมาแอ๋ถึงขั้นที่ว่าถามหาข่าวจากคุณไม่ได้ล่ะก็... ...ฮุฮุฮุฮุฮุ」
ซุยกะ 「เพราะอย่างนี้ล่ะนะ ถึงได้มีคำกล่าวว่า อย่าไปข้องเกี่ยวกับเทนกุจะดีกว่า」

Tips :
- เทนกุและยักษ์ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดื่มเหล้าเก่งทั้งคู่... ถ้าจะให้ดื่มจนเมาถึงขั้นคุยไม่รู้เรื่องล่ะก็ ไม่รู้ต้องดื่มกันนานขนาดไหน...


ซุยกะ อิบุคิ

ยักษ์ที่เคยสาบสูญไปจากเกนโซวเคียว
นิสัยร่าเริง ชอบดื่มเหล้าเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกไม่พอใจที่งานเลี้ยงลดน้อยลงด้วยฝีมือของยูยูโกะ
จึงจัดงานเลี้ยงกับพวกมาริสะขึ้นทุกๆสามวัน

ผลงานการแสดง :
『東方萃夢想』

(หมายถึงเหตุการณ์ในภาค 7 ที่ยูยูโกะเป็นต้นเหตุทำให้ฤดูหนาวยาวนานขึ้นจนฤดูใบไม้ผลิสั้นลง ทำให้จัดงานเลี้ยงได้น้อยลงตามไปด้วย และบรรทัดต่อมาก็คือเหตุการณ์ในภาค 7.5 ซึ่งเธอเป็นคนก่อขึ้นเอง)



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้