IaMP - GamePlay


東方萃夢想 ~ Immaterial and Missing Power.
โทวโฮวซุยมุโซว (ชุมนุมจินตนาการแห่งตะวันออก) ~ พลังที่สูญหายไร้ตัวตน


.........................................................................................................................................................................................

GamePlay

ขั้นแรกสุด ก่อนที่จะเข้าเกม ให้ไปที่โฟลเดอร์ของตัวเกม แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน
แล้วจะได้กล่องเครื่องมือที่มีลักษณะตามภาพด้านล่างนี้


1. ตั้งค่าปุ่มในเกม โดยมีรายละเอียดดังนี้
UP   บน
DOWN   ล่าง
LEFT   ซ้าย
RIGHT   ขวา
A (ต่อย)   โจมตีเบา / ตกลง
B (เตะ)   โจมตีหนัก / ยกเลิก
C (ยิง)   ยิงกระสุน
D (วิญญาณ)   Dash / Spell Card
Pause   หยุดเกมชั่วคราว / เล่นต่อ

2. ฉากหลัง มีให้เลือกสองแบบคือ งดงาม / ธรรมดา

3. Effect มีให้เลือกสองแบบคือ ธรรมดา / เรียบง่าย

4. FPS (Framerate Per Sec) มีให้เลือกสองแบบคือ 60 / 30
(ยิ่งตั้งค่าสูง การเคลื่อนไหวก็ยิ่งดี แต่ตัวเกมจะกินสเปคเครื่องมากขึ้น)

5. หน้าจอ หากติ๊กเครื่องหมายถูกในช่อง จะเป็นการเล่นแบบ Full Screen หากไม่ติ๊กจะเป็นการเล่นแบบ Window

6. Texture Resize หากติ๊กเครื่องหมายถูกในช่อง จะเป็นการลดความละเอียดของ Texture ในเกม
(การลดความละเอียดจะทำให้ตัวเกมกินสเปคเครื่องน้อยลง)

7. ใช้สี 16 Bit เมื่อเล่นแบบ Full Screen หากติ๊กเครื่องหมายถูกในช่อง จะเป็นการเปิดใช้งานระบบนี้
(ค่าสีปกติจะอยู่ที่ 32 Bit หากลดลงเหลือ 16 Bit จะทำให้ตัวเกมกินสเปคเครื่องน้อยลง)

8. ระดับความยาก มีให้เลือกสามระดับคือ Easy / Normal / Hard
(แต่ใน Option ภายในตัวเกมจะมีให้เลือกระดับ Lunatic ด้วย)



*ข้อควรรู้*


1. เกมต่อสู้ทุกเกมล้วนถูกสร้างมาให้ใช้เล่นด้วย JoyStick หรือ JoyPad เป็นหลัก มิใช่ Keyboard
โดยเฉพาะคีย์บอร์ดของ Notebook ที่มักจะกดพร้อมกันได้เพียง 3 ปุ่มเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะเอาคีย์บอร์ดมาใช้เล่นไม่ได้ เพราะผู้เล่นเก่งๆที่ใช้คีย์บอร์ดก็มีอยู่ถมไป แค่ต้องระวังตอนไปเล่นกับคนอื่นด้วยคอมเครื่องเดียว

2. หากตั้งค่าปุ่มด้วยจอยแพด แต่พอจะเริ่มเกมกลับไม่ได้เสียบจอยแพด จะมีคำเตือนขึ้นมาว่า "หาจอยแพดไม่เจอ"
หากตั้งค่าให้ทั้ง 2 Player ด้วยจอยแพด แต่เปิดเกมโดยไม่เสียบจอยเลย จะขึ้นเตือน 2 ครั้ง แล้วจะบังคับอะไรในเกมไม่ได้เลย

3. เมื่อเข้ามาปรับแต่ง Config จะทำให้ระดับความดังของเพลงถูกตั้งค่าไปที่ 0 ทำให้ไม่มีเสียง
หากประสบปัญหาเสียงหายก็ไม่ต้องตกใจ แค่เข้าไปปรับแต่งที่ Option ในตัวเกมก็จะกลับมาเป็นปกติ






ระบบภายในเกม

หน้าจอในเกม


1. ตัวละครที่เลือกใช้
2. พลังชีวิตที่เหลืออยู่
3. จำนวนบอมบ์ที่เหลืออยู่
4. ระดับของสเปลการ์ดที่ถืออยู่ในปัจจุบัน
5. พลังวิญญาณ
6. สเปลการ์ดเลเวล



การระบุปุ่มทิศทางด้วย NumPad

ในเวบไซต์ส่วนใหญ่จะระบุวิธีการกดท่าต่างๆด้วยตัวเลขแบบ NumPad คือ

7 8 9
4 5 6
1 2 3

โดย 5 คือตัวละครของผู้เล่น ซึ่งกำลังหันหน้าไปทางขวา
*ข้อควรรู้* เกมต่อสู้ทั่วไปจะบอกวิธีกดท่าต่างๆในลักษณะ "ตัวผู้เล่นหันหน้าไปทางขวา" เสมอ

1 = การกดล่าง+ซ้ายพร้อมกัน (ในเกมจะกลายเป็นการนั่งป้องกัน)
2 = การกดล่าง
3 = การกดล่าง+ขวาพร้อมกัน
4 = การกดซ้าย
5 = ตัวละครของผู้เล่น ซึ่งกำลังหันหน้าไปทางขวา
6 = การกดขวา
7 = การกดบน+ซ้าย (ในเกมจะกลายเป็นการกระโดดถอยหลัง)
8 = การกดบน
9 = การกดบน+ขวา (ในเกมจะกลายเป็นการกระโดดไปข้างหน้า)

ต่อไปจะเป็นการระบุวิธีกดที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น

66   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง
66ค้าง   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง โดยครั้งที่สองให้กดค้างเอาไว้
66(ค้าง)   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง โดยครั้งที่สองให้กดค้างเอาไว้หรือไม่ก็ได้
66+A   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้งแล้วกดปุ่ม A
236+A   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มล่าง ไปหาปุ่มขวา แล้วกดปุ่ม A
214+AB   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มล่าง ไปหาปุ่มซ้าย แล้วกดปุ่ม AB พร้อมกัน
41236+D   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มซ้าย ไปหาปุ่มล่าง แล้วไปยังปุ่มขวา (ครึ่งวงกลม) จากนั้นก็กดปุ่ม D

เป็นต้น


สำหรับการกดปุ่มแบบลากนั้น ให้นึกถึงจอยคันโยก ซึ่งพบได้บ่อยตามเครื่องเล่นเกมในห้างสรรพสินค้า
236+A ก็คือการดันคันโยกลงไปที่ปุ่มล่าง แล้วดันชิดขอบไปจนถึงปุ่มขวา จากนั้นให้กดปุ่ม A ทันที
หากทำสำเร็จภายใน 0.1-0.5 วินาที (โดยประมาณ) ก็จะสามารถกด "ท่า" นั้นได้สำเร็จ



การเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน

*ข้อควรรู้* เกมต่อสู้ทั่วไปจะบอกวิธีกดท่าต่างๆในลักษณะ "ตัวผู้เล่นหันหน้าไปทางขวา" เสมอ

1 = นั่ง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "นั่งป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันล่าง")
2 = นั่ง
3 = นั่ง
4 = ถอยหลัง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "ป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันบน")
6 = เดินหน้า
7 = กระโดดไปข้างหลัง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "ป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันกลางอากาศ")
8 = กระโดดอยู่กับที่
9 = กระโดดไปข้างหน้า

D = กดค้างไว้แล้วกดปุ่มทิศทางเพื่อทำการ Dash หรือ High Jump



การเคลื่อนไหวขั้นสูง

66(ค้าง) / D(ค้าง)+6   = การแดชไปด้านหน้า
44(ค้าง) / D(ค้าง)+4   = การแดชไปด้านหลัง
(กระโดด) 66(ค้าง) / D(ค้าง)+6 = การแดชกลางอากาศไปด้านหน้า
(กระโดด) 44(ค้าง) / D(ค้าง)+4 = การแดชกลางอากาศไปด้านหลัง
27 / D(ค้าง)+7   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) ไปด้านหลัง
28 / D(ค้าง)+8   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) อยู่กับที่
29 / D(ค้าง)+9   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) ไปด้านหน้า



การโจมตีพื้นฐาน

โดยทั่วไปจะเหมือนกันในทุกตัวละคร แต่บางตัวละครจะไม่มีบางท่า

A = โจมตีเบา
B = โจมตีหนัก
C = ยิงกระสุน

A / B   = โจมตี
2+A / 2+B   = นั่งโจมตี
6+A / 6+B   = โจมตี
(ระยะไกล) A / B = ยิงกระสุน
(ระยะไกล) 2+A / 2+B = ยิงกระสุน
(ระยะไกล) 6+A / 6+B = ยิงกระสุน
C   = ยิงกระสุน
2+C   = ยิงกระสุน
6+C   = ยิงกระสุน

66(ค้าง)+A   = แดชโจมตี
66(ค้าง)+B   = แดชโจมตี
66(ค้าง)+3A   = แดชโจมตี
66(ค้าง)+3B   = แดชโจมตี

22+A   = ทำลายการป้องกันด้านบน
22+B   = ทำลายการป้องกันด้านล่าง
22+C   = บอมบ์
22+D   = ประกาศใช้สเปลการ์ด

โดยท่าหลายท่า สามารถกดปุ่ม A/B/C ค้างได้



การโจมตีพิเศษ

ก่อนเลือกตัวละครจะมีตารางท่าบอกเอาไว้ว่ากดอย่างไรบ้าง แต่ในที่นี้ก็จะขอนำเสนอแบบรวมๆ

236+?       (ล่างหน้า+?)
623+?       (หน้าล่างเฉียง+?)
214+?       (ล่างหลัง+?)
421+?       (หลังล่างเฉียง+?)
412+?       (หลังล่าง+?) (พบได้ในยูยูโกะและยูคาริ)
41236+?   (หลังล่างหน้า+?) (พบได้ในมาริสะและโยวมุ)

อนึ่ง, ท่าใดมีสัญลักษณ์  อยู่ด้านหน้าวิธีกดท่า แสดงว่าสามารถกดใช้เมื่ออยู่กลางอากาศได้
และท่าหลายท่า สามารถกดปุ่ม A/B/C ค้างได้



การทำ Combo

- ในขณะที่ทำคอมโบ จะมีการแสดงตัวเลขความเสียหายรวม (Damage) และค่า Power
- ค่า Power เริ่มต้นที่ 1000 หมายถึง 100.0%
- ค่า Power จะถูกคำนวณเป็นความเสียหายของการโจมตีฮิตต่อไป
- ยิ่งทำคอมโบได้จำนวนฮิตมากขึ้น ค่า Power ก็จะยิ่งน้อยลง
- ระบบนี้ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถทำคอมโบแบบชุดเดียวตายได้โดยง่าย และเป็นเรื่องท้าทายในการค้นหาคอมโบที่รุนแรง

- ขณะที่ตัวละครถูกซัดจนลอยอยู่ในอากาศ จะมีแท่งแสดงให้เห็นว่าสามารถกลับตัวได้หรือไม่ (ต้องเปิดใช้ใน Option)
- แท่งนี้นิยมเรียกว่า Stunning Guage และเมื่อแท่งนี้หมดลง ก็จะสามารถกลับตัวกลางอากาศได้
- หากถูกศัตรูใช้บอมบ์ใส่ แท่งนี้จะยาวขึ้นเป็นอย่างมาก
- เมื่อแท่ง Stunning Guage หมดลงผู้เล่นสามารถกลับตัวกลางอากาศได้โดยการกดปุ่มซ้ายหรือขวา พร้อมปุ่มอะไรก็ได้ (A/B/C/D)
- เมื่อผู้เล่นถูกโจมตีจนนอนอยู่กับพื้น สามารถกลับตัวจากพื้นขึ้นมาได้โดยกดปุ่มซ้ายหรือขวา พร้อมปุ่มอะไรก็ได้ (A/B/C/D)
- ผู้เล่นจะกลับตัวไปในทิศทางที่ตนเองเลือกกด



Item ภายในเกม

ลูกแก้ววิญญาณ (ไอเทมสีฟ้า)
   ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณ ซึ่งจำเป็นต่อการยิงกระสุนและใช้ท่าต่างๆ
   ได้มาเมื่อสามารถโจมตีศัตรูจนล้ม หรือโจมตีโดนศัตรูในขณะที่มีกระสุนของศัตรูอยู่ในหน้าจอ กระสุนของศัตรูจะถูกเปลี่ยนเป็นไอเทมนี้

Bomb (ไอเทมสีเขียว)
   ช่วยเพิ่มจำนวนบอมบ์ให้กับฝ่ายเรา (เต็ม 2 ลูกเท่านั้น)
   ได้มาเมื่อสามารถโจมตีศัตรูจนล้มได้ครบสามครั้ง



พลังชีวิต

- พลังชีวิตมีสองแท่ง แท่งแรกคือสีขาว หากแพ้ไปแล้วหนึ่งยกจะเปลี่ยนเป็นแท่งสีแดง หากแพ้เป็นยกที่สองจะถือว่าจบศึกนั้น
- ในขณะที่ใช้พลังชีวิตแท่งแรก จะใช้สเปลการ์ดใบแรกที่เลือกมา และเมื่อพลังชีวิตกลายเป็นแท่งสีแดง ก็จะเปลี่ยนไปใช้สเปลการ์ดใบที่สอง
- ในขณะที่พลังชีวิตลดลง จะมีแถบสีแดงเข้มคงค้างอยู่ในแท่งพลังชีวิต, เมื่อ "ประกาศใช้สเปลการ์ด" จะได้รับการฟื้นพลังเท่ากับแถมสีแดงเข้ม
- ทุกครั้งที่จบยก แท่งสเปลการ์ดเลเวลจะกลับไปเริ่มนับใหม่ที่ 0 เสมอ และพลังชีวิตกับพลังวิญญาณจะถูกฟื้นฟูจนเต็ม (บอมบ์เท่าเดิม)



การป้องกัน

- ในขณะที่ศัตรูทำการโจมตี หากกดปุ่มที่มีทิศทางไปด้านหลังของตัวละคร (1 / 4 / 7) จะกลายเป็นการ "ป้องกัน"
- การป้องกันจะทำให้สุญเสียพลังวิญญาณ และได้รับบาดเจ็บน้อยลงหรือไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ขึ้นอยู่กับการโจมตีของศัตรูว่าเป็นแบบใด
- การโจมตีบางแบบสามารถทำให้แท่งพลังชีวิตสีแดงเข้มลดลงได้
- การโจมตีมีสองแบบคือ โจมตีบน/ล่าง และการป้องกันก็มีสองแบบคือ บน/ล่าง เช่นกัน
- หากป้องกันผิดแบบ (เกิดเอฟเฟคท์สีแดง แทนที่จะเป็นสีฟ้า) ก็จะทำให้พลังชีวิตและพลังวิญญาณลดลงเร็วยิ่งขึ้น
- หากพลังวิญญาณหมดในขณะที่ป้องกันจะเกิดสภาวะ Guard Crash (การ์ดแตก) ทำให้ตัวละครชะงักไปชั่วขณะ
- ท่าโจมตีทำลายการป้องกัน (22+A / 22+B) สามารถทำให้เกิดสภาวะการ์ดแตกได้ทันที หากป้องกันผิดแบบ



พลังวิญญาณ

- ใช้ในการยิงกระสุนและใช้ท่าต่างๆ รวมถึงใช้ในการป้องกันการโจมตีของศัตรูด้วย
- พลังวิญญาณจะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง เมื่อผู้เล่นหยุดใช้พลังวิญญาณ
- หากเก็บไอเทมได้ จะทำให้พลังวิญญาณฟื้นฟูเร็วขึ้น
- หากพลังวิญญาณหมด แท่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้ยิงกระสุนและใช้ท่าไม่ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
- เมื่อแท่งสีแดงเพิ่มขึ้นจนเต็ม ก็จะกลับเป็นสีน้ำเงินและใช้พลังวิญญาณได้ตามเดิม
- ในขณะที่พลังวิญญาณเป็นสีแดง หากป้องกันผิดแบบ จะทำให้การโจมตีนั้นเข้าเป้าอย่างจัง
- ในขณะที่พลังวิญญาณเป็นสีแดง จะสามารถป้องกันกระสุนได้เมื่ออยู่บนพื้นเท่านั้น หากอยู่บนอากาศจะไม่สามารถป้องกันกระสุนได้



Bomb

- กด 22+C เพื่อใช้บอมบ์
- ในขณะที่ใช้บอมบ์ ผู้เล่นจะเป็นอมตะชั่วระยะเวลาหนึ่ง
- หากศัตรูอยู่ใกล้ จะถูกบอมบ์ซัดจนกระเด็น โดยมีแท่ง Stunning Guage ยาวเฟื้อยเป็นของแถม
- หากเรียนรู้ดีๆ จะสามารถใช้บอมบ์ได้ทั้งในการรุกและการรับ



Graze

- Graze ในภาค Shooting คือการหลบแบบเฉียดตัว แต่เมื่อมาอยู่ในภาคต่อสู้ มันคือ การพุ่งผ่านกระสุน
- ผู้เล่นสามารถ Dash หรือ High Jump เพื่อทำการเกรซกระสุนได้
- ผู้เล่นจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆจากการเกรซ
- การเกรซกระสุนบางชนิดทำให้พลังวิญญาณลดลงได้
- กระสุนที่ถูกเกรซไปแล้ว อาจหายไปเลยก็ได้ หรือยังอยู่ในหน้าจอแต่ไม่มีผลอะไรอีกแล้วก็ได้
- กระสุนที่ถูกเกรซไปแล้ว สามารถกลายเป็นไอเทมได้เมื่อเจ้าของถูกโจมตี



Spell Card

- เมื่อผู้เล่นสะสมสเปลการ์ดเลเวลได้ไม่น้อยกว่า 1 , จะสามารถ "ประกาศใช้สเปลการ์ด" ได้โดยการกด 22+D
- เมื่อผู้เล่นประกาศใช้สเปลการ์ด พลังชีวิตจะฟื้นฟูขึ้นเท่ากับแท่งพลังชีวิตสีแดงเข้ม
- สเปลการ์ดที่ถูกใช้ คือสเปลการ์ดที่เลือกเอาไว้ตอนเลือกตัวละคร หากยังไม่แพ้เลยจะใช้ใบแรก หากแพ้ไปแล้วหนึ่งยกจะใช้ใบที่สองแทน
- เมื่อประกาศแล้ว จะสามารถกด 236+D เพื่อใช้สเปลการ์ดได้ (บางตัวละครสามารถกด 214+D เพื่อใช้สเปลการ์ดแบบพลิกแพลงได้ด้วย)
- การใช้สเปลการ์ด จะกินค่าสเปลการ์ดไป 1 เลเวล (ยกเว้นบางสเปลการ์ดที่จะกินเลเวลทั้งหมดในคราวเดียว แลกกับพลังโจมตีมหาศาล)
- เมื่อประกาศแล้ว จะมีการจับเวลาถอยหลัง โดยระยะเวลานี้จะขึ้นอยู่กับสเปลการ์ดเลเวลที่สะสมมา ยิ่งมากก็ยิ่งนาน
- เมื่อเวลาหมดลง จะถือว่าสิ้นสุดการประกาศใช้สเปลการ์ด
- ในหนึ่งยก สามารถประกาศใช้สเปลการ์ดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น






Main Menu

อธิบายลักษณะของโหมดต่างๆ พร้อมปุ่มพิเศษที่มีอยู่ในโหมดนั้นๆ

Story Mode
- เลือกตัวละคร แล้วเล่นไปตามเนื้อเรื่องของตัวละครนั้นๆ โดยจะต้องต่อสู้กับบอสทั้งหมด 7 ตัวในแต่ละบท
- ศัตรูในโหมดนี้จะมีสเปลการ์ดพิเศษ ซึ่งไม่มีให้ผู้เล่นใช้
- โดยเมื่อพลังชีวิตสีขาวหมดลง ศัตรูจะเริ่มใช้สเปลการ์ดพิเศษออกมา และเริ่มใช้พลังชีวิตสีแดง
- ไม่มีการจับเวลาตามปกติ แต่จะเอาคะแนน Bonus มานับถอยหลังแทน หากชนะได้ ก็จะได้คะแนนเท่าที่เหลืออยู่
- แม้คะแนนนับถอยหลังจะหมดลง บอสก็จะยังคงใช้สเปลการ์ดต่อไป
- เมื่อพลังชีวิตสีแดงหมดลง สเปลการ์ดของศัตรูจะถูกยกเลิก แล้วดำเนินการต่อสู้ในขั้นต่อไป
- หากเอาชนะสเปลการ์ดของบอสได้โดยที่ไม่ใช้สเปลการ์ดและไม่เสียพลังชีวิตเลย จะได้รับ "ดาว" ต่อท้ายชื่อสเปลการ์ดใบนั้นใน Result
- หนึ่งสเปลการ์ดของบอสเทียบได้กับหนึ่งยก หากผู้เล่นไม่ได้ประกาศใช้สเปลการ์ด, สเปลการ์ดเลเวลของผู้เล่นจะถูกสะสมไปเรื่อยๆ
- หากประกาศใช้ไปแล้ว เมื่อจบยก เลเวลจะลดลงจนเหลือ 0 และต้องสะสมใหม่
- เมื่อเอาชนะบอสได้ มีผลเท่ากับจบศึก



Arcade Mode
- เลือกตัวละคร เลือกสเปลการ์ด แล้วสู้กับ CPU ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบเกม โดยไม่มีเนื้อเรื่องใดๆ และศัตรูไม่มีสเปลการ์ดพิเศษ
- บอสสามตัวแรกจะถูกสุ่ม แต่บอสสี่ตัวท้ายจะเป็น เรมิเลีย ยูยูโกะ ยูคาริ ซุยกะ ตามลำดับเสมอ



Duel Human
- เล่นกับมนุษย์ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างเลือกตัวละคร เลือกสเปลการ์ด แล้วต่อสู้กันจนกว่าจะจบศึก
- สามารถกดปุ่ม Pause ในระหว่างเลือกตัวละคร เพื่อตั้งค่าได้ 2 อย่างคือ Auto-Guard และ Handicap
   - Auto-Guard คือการป้องกันโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้เล่นไม่ได้กดปุ่มอะไร
   - Handicap คือการต่อให้คู่ต่อสู้ โดยจำนวนดาวคือพลังโจมตีของผู้เล่น 50/75/100/150/200 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
- สามารถกดปุ่ม Pause ในระหว่างเลือกสเปลการ์ด เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสเปลการ์ดแต่ละใบได้
- สามารถเลือกตัวละครให้เป็นสี 2P ได้โดยการกดปุ่ม D แทนที่จะกดปุ่ม A



Duel CPU
- เหมือนกับ Duel Human ต่างกันเพียงคู่ต่อสู้เป็น AI เท่านั้น



Practice Mode
- ห้องฝึกซ้อมฝีมือ โดยผู้เล่นทำการเลือกตัวละครที่ต้องการฝึกซ้อม และเลือกคู่ซ้อม (หรือกระสอบทราย?)
- จากนั้นก็ทำการทดสอบตามอำเภอใจจนกว่าจะพอใจแล้วออกจากการต่อสู้นี้ไปทำอย่างอื่นต่อ
- หากกด Pause จะพบคำสั่งพิเศษที่ไม่มีในโหมดอื่น (ในวงเล็บคือปุ่มคีย์ลัด) ได้แก่
   สเปลการ์ด (F1) เป็นการเลือกสเปลการ์ดที่จะใช้
   สเปลาร์ด เลเวล (F2/F3) ปรับระดับของแท่งเลเวล
   การป้องกันโดยอัตโนมัติของ CPU(F4) ไม่ป้องกัน / เฉพาะตอนยืน / เฉพาะตอนนั่ง / ตลอดเวลา
   การกลับตัวกลางอากาศของ CPU (F5) กลับตัวทันที / ไม่กลับตัว
   สถานะของ CPU (F6) ยืน / นั่ง / กระโดด / ทำตามใจ
   ตำแหน่งของ CPU (F7) หยุดอยู่กับที่ / เดินไปที่กลางจอ
   ยกเลิกการประกาศใช้สเปลการ์ด (F8)
   ยกเลิกการ Pause แล้วกลับเข้าไปฝึกต่อ
   กลับไปที่หน้าจอเลือกตัวละคร

Replay
- เมื่อจบการต่อสู้ จะสามารถเซฟรีเพลย์เพื่อนำมาย้อนดูได้ทุกเมื่อที่ห้องนี้

Music Room
- สามารถนั่งฟังเพลงในเกมได้ที่ห้องนี้

Result
- แสดงผลงานการเล่นของผู้เล่น

Option
- ปรับระดับความยากของเกม (สามารถปรับได้มากกว่าใน Config)
- ตั้งค่าให้ฉากหลังเป็นแบบเรียบง่าย
- ตั้งค่า FPS ให้เหลือเพียงครึ่งเดียว (30)
- ตั้งค่าให้แสดงแท่ง Stunning Guage
- ตั้งค่าความดังของเพลง
- ตั้งค่าความดังของเสียง
- กลับไปที่หน้าจอไตเติ้ล

Exit
- ออกจากเกม






วิธีการปลดล็อคตัวละคร

Story Mode
- เรมิเลีย , ยูยูโกะ
   เล่นจบ Story Mode ด้วยตัวละครตั้งต้นทั้ง 6 ตัว
- ยูคาริ
   เล่นจบ Story Mode ด้วย เรมิเลีย , ยูยูโกะ
- ซุยกะ
   เล่นจบ Story Mode ด้วย ยูคาริ

Mode อื่นๆ
- เรมิเลีย , ยูยูโกะ , ยูคาริ , ซุยกะ
   สู้ให้ชนะใน Story Mode สักครั้งหนึ่งก็เพียงพอ
- เหม่ยหลิง
   ติดตั้งแพทช์เวอร์ชั่น 1.11 แล้วเล่นจบ Story Mode ด้วยตัวละครใดก็ได้สักครั้งหนึ่ง

อนึ่ง, เหม่ยหลิงไม่มี Story เป็นของตัวเอง จึงไม่มีให้เลือกเล่นใน Story Mode
แต่เนื่องจากแฟนโทโฮรู้สึกเห็นใจ จึงได้พยายามวาดลอกลายเส้นของ อ. alphes แล้วสร้างฉากจบให้เหม่ยหลิง ตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.nicovideo.jp/watch/sm41351
มีเนื้อหาประมาณว่า เหม่ยหลิงหลับฝันว่าตัวเองเอาชนะทุกคนได้สำเร็จ แต่ก็ต้องตื่นมาโดนซาคุยะลงโทษในที่สุด
ซึ่งเชื่อกันว่าบางทีท่าน ZUN อาจชอบใจจนนำไปเขียนเป็นเนื้อเรื่องและฉากจบให้เหม่ยหลิงในภาค 12.3
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่าท่าน ZUN ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างตัวละครเหม่ยหลิงเลยแม้แต่นิดเดียว
ทำให้ชื่อท่าบางท่าในภาคนี้ถูกเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเข้าสู่ภาค 12.3

แต่เท็จจริงอย่างไรนั้นก็มีแต่ท่าน ZUN ที่ทราบ



.........................................................................................................................................................................................