MoF - AllCharacter


東方風神録 ~ Mountain of Faith.
โทวโฮวฟูวจินโระคุ (บันทึกเทพวายุแห่งตะวันออก) ~ ขุนผาแห่งศรัทธา


.........................................................................................................................................................................................

แนะนำตัวละครทั้งหมด

--------------------------------------------------------------------
◇ ฝ่ายผู้เล่น
--------------------------------------------------------------------



 ○ มิโกะแห่งสรวงสวรรค์
   ฮาคุเรย์ เรย์มุ
   Hakurei Reimu

  เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
  ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า

คุณมิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่คุ้นเคยกันดี

เป็นคนที่มองผู้อื่นเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์
เพียงแต่งานของเธอคือการกำราบโยวไค ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นเข้มงวดกับพวกโยวไค
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไค เธอก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไรนัก

ทว่าครั้งนี้เป็นเรื่องวุ่นวายที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า, ในขณะที่ตนเองมีฐานะเป็นผู้สื่อสารแทนองค์เทพเจ้า
งานนี้จึงต่างจากการกำราบโยวไคธรรมดาๆเหมือนเช่นทุกครั้ง, เธอจึงลังเลใจอยู่ไม่น้อย



 ○ จอมเวทธรรมดาสามัญ
   คิริซาเมะ มาริสะ
   Kirisame Marisa

  เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
  ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์

จอมเวทธรรมดาสามัญที่อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียวและมีนิสัยรักการสะสม

แม้จะเห็นว่าเป็นคนไม่ซื่อ แต่ที่จริงแล้วตรงไปตรงมายิ่งกว่าใคร
เธอมักจะสวมชุดสีดำอยู่เสมอ โดยอ้างว่าเวลาชุดเปื้อนแล้วไม่สะดุดตา และมีความคิดที่ว่า จอมเวทมันต้องสีดำ
ช่างตรงไปตรงมาเสียจริงๆ

ครั้งนี้เป็นเพราะเรย์มุเคลื่อนไหว เธอก็เลยเคลื่อนไหวตามใจตัวเองบ้าง
แต่เนื่องจากคราวนี้เธอเห็นว่าไม่ได้เกิดเหตุวิปลาสที่สมกับเป็นเหตุวิปลาส,
เธอจึงขึ้นเขาไปพลางคิดไปพลางว่า เมื่อถึงจุดหมายแล้วจะพูดว่าอะไรดี






--------------------------------------------------------------------
◇ ฝ่ายศัตรู
--------------------------------------------------------------------



 ○ บอสกลางด่าน 1 สัญลักษณ์แห่งความเหงาและการสิ้นสุด
   อาคิ ชิซึฮะ
   Aki Sizuha

  เผ่าพันธุ์ : เทพแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
  ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลการเปลี่ยนสีของใบไม้

พี่สาวของมิโนริโกะที่เป็นบอสด่าน 1
ปกติแล้วทั้งสองจะช่วยกันดูแลฤดูใบไม้ร่วงของเกนโซวเคียว
พวกเธอไม่ชำนาญการต่อสู้เลย แต่ได้ยินว่ามีมนุษย์มาก่อกวนฤดูใบไม้ร่วง จึงคิดจะตักเตือนและลงโทษสักเล็กน้อย

เธอคิดว่าสิ่งที่เลิศเลอที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงก็คือใบไม้เปลี่ยนสี
เธอจึงแสดงการเปลี่ยนสีของใบไม้อันแสนงดงามให้น้องสาวดู ด้วยความรู้สึกว่าตนเหนือกว่า
เมื่อฤดูหนาวมาเยือนก็จะซึมเศร้า



 ○ บอสด่าน 1 สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว
   อาคิ มิโนริโกะ
   Aki Minoriko

  เผ่าพันธุ์ : เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์
  ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลความอุดมสมบูรณ์

น้องสาวของชิซึฮะที่เป็นบอสกลางด่าน 1
ปกติแล้วทั้งสองจะช่วยกันดูแลฤดูใบไม้ร่วงของเกนโซวเคียว
ทุกปีมิโนริโกะจะถูกเชิญไปเป็นแขกพิเศษในงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่จัดขึ้นที่หมู่บ้าน
หากไม่ถูกเรียกไปก่อนการเก็บเกี่ยว เธอก็ไม่สามารถรับประกันพืชผลให้กับชาวบ้านได้
แต่เธอคิดว่ามันจะเป็นยังไงก็ช่าง เพราะเธอไม่ได้กำหนดว่าต้องเชิญเธอสักหน่อย

ทุกครั้งที่กลิ่นอันแสนหอมหวานของผลไม้และพืชผลต่างๆโชยไปทั่ว มิโนริโกะจะแอบรู้สึกว่าตนเหนือกว่าพี่สาวอยู่ในใจ
เมื่อฤดูหนาวมาเยือนก็จะซึมเศร้า



 ○ บอสด่าน 2 เทพลับนางาชิบินะ
   คางิยามะ ฮินะ
   Kagiyama Hina

  เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้าแห่งเคราะห์ร้าย
  ความสามารถ : สะสมเคราะห์ร้าย

ผู้นำกองทัพนางาชิบินะแห่งโศกนาฏกรรม
เธอสะสมรวบรวมเคราะห์ร้ายที่ถูกขจัดปัดเป่ามาจากพิธีสะเดาะเคราะห์ขจัดทุกข์ภัย
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่มือสมัครเล่นก็ยังสามารถดูออกได้ว่ามีเคราะห์ร้ายอบอวลอยู่รอบตัวเธอ

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไค เมื่อได้อยู่ใกล้เธอก็จะต้องเจอกับความทุกข์
ส่วนตัวเธอเองนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
เพราะเคราะห์ร้ายนั้นมาสะสมอยู่แค่รอบๆตัวเธอเท่านั้นนั่นเอง
นอกจากนี้เธอยังคอยเฝ้าระวังไม่ให้เคราะห์ร้ายหวนกลับไปยังถิ่นฐานของมนุษย์อีกด้วย


Tips :
- นางาชิบินะ (ฮินะล่องน้ำ) เป็นชื่อของพิธีกรรมโบราณอย่างหนึ่งในงานเทศกาลตุ๊กตาฮินะ(วันเด็กผู้หญิง)(วันที่ 3 เดือน 3)
โดยการนำตุ๊กตากระดาษรูปร่างมนุษย์มาลูบไล้เรือนกาย แล้ววางลงบนเรือฟางหรือวัสดุอื่นๆ แล้วนำไปลอยที่แม่น้ำ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอพรให้แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ อาจพูดอีกอย่างว่าให้ตุ๊กตาตัวนั้นรับเคราะห์แทนก็ว่าได้
ปัจจุบันได้มีการพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเนื่องจากตุ๊กตาฮินะล่องน้ำ ทำให้มีหลายแห่งยกเลิกประเพณีนี้ไป
แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมนี้เอาไว้ โดยเฉพาะในแถบตะวันตก (คันไซ)
(รายละเอียดเกี่ยวกับงานเทศกาลฮินะนอกเหนือจากนี้ สามารถหาอ่านแบบภาษาไทยได้ทั่วไป)



 ○ บอสด่าน 3 สุดยอดหัวรบโยวไค
   คาวาชิโระ นิโทริ
   Kawasiro Nitori

  เผ่าพันธุ์ : กัปปะ
  ความสามารถ : ควบคุมน้ำ

กัปปะที่อาศัยอยู่บนภูเขาโยวไค
โดยปกติแล้ว กัปปะจะแทบไม่ปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นเลย
แต่พวกกัปปะเองก็แอบสังเกตมนุษย์อยู่เสมอมา และคิดว่าน่าจะเข้ากับพวกมนุษย์ได้ดี

เธอมีลักษณะนิสัยที่แปลกประหลาดอยู่สักหน่อย
เนื่องจากบางครั้งเธอจะเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกหรือวิธีพูดอย่างกระทันหัน แต่ก็เป็นคนที่ขี้อายอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อเห็นมนุษย์ก็จะรีบหนีทันที

เธอมีความเป็นวิศวกรอย่างรุนแรง เมื่อเห็นอุปกรณ์ที่สร้างโดยมนุษย์ก็จะจับแยกชิ้นส่วนในทันใด แล้วประกอบกลับให้เป็นเหมือนเดิมทันที
ชุดของเธอนั้นจึงอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ที่ทำให้เธอสามารถทำงานดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ตลอดเวลา

ในครั้งนี้เธอคิดจะไล่พวกเรย์มุที่พยายามจะขึ้นเขากลับไป
ทั้งนี้เพราะภูเขาโยวไคกำลังอยู่ในสถาณการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเธอคิดว่ามันเป็นอันตรายต่อมนุษย์

แต่สุดท้ายแล้วพวกเรย์มุก็ไม่รับฟังคำแนะนำของเธอ เธอจึงแอบปล่อยให้พวกเรย์มุเข้าไปสู่ส่วนในของภูเขา
เธอคิดว่าลองให้พวกเรย์มุไปพบกับเทพเจ้าปริศนาดูก็คงจะดี

ผลที่ได้จากการโต้เถียงอันแสนวุ่นวาย ท้ายที่สุดเหล่ากัปปะก็ยอมรับเทพเจ้าองค์ใหม่ที่มาเยือนภูเขาโยวไค


(ไม่มีรูปตัวละคร จึงต้องใช้รูปในเกมแทน)
 ○ บอสกลางด่าน 4 เทนกุลาดตระเวนชั้นผู้น้อย
   อินุบาชิริ โมมิจิ
   Inubashiri Momizi

  เผ่าพันธุ์ : เทนกุหมาป่าขาว
  ความสามารถ : เห็นไกลพันลี้

เทนกุที่คอยตรวจตรารอบๆภูเขาโยวไค
เธอมีความสามารถในการมองเห็นและรับกลิ่นที่ดีเยี่ยม จึงตรวจพบผู้บุกรุกได้ในพริบตา
เมื่อพบผู้บุกรุก ก็จะข่มขู่ด้วยการโจมตีธรรมดาก่อน แต่หากรับมือไม่ไหวก็จะกลับไปรายงานให้ท่านเทนกุยักษ์ทราบ

กองกำลังของเธอนั้นปกติแล้วจะประจำการอยู่ที่ด้านหลังของน้ำตก
เธอเป็นคนที่มีความสามัคคีสูง และทำงานตามหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับโยวไค แต่นี่เป็นเรื่องที่พบได้เสมอในสังคมของเทนกุ

หากแต่ภูเขาโยวไคนั้นแทบจะไม่มีผู้ใดบุกรุกเข้ามาเลย เธอจึงว่างอยู่เสมอ
ระหว่างประจำการ เธอมักเล่นเกมฆ่าเวลาที่เรียกว่า ไดโชวกิ หลายๆรอบกับกัปปะที่กำลังว่างๆอยู่แถวนั้นพอดี

เป็นเรื่องยากของเหล่าโยวไคที่มีอายุขัยยืนยาวในการหาวิธีฆ่าเวลา


Tips :
- เทนกุมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่ในสังคมต่างกัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
- 里 ลี้ เป็นหน่วยวัดระยะทาง ซึ่งมีค่าต่างๆกันไป
1 ลี้ ในจีนมีค่าประมาณ 500 เมตร ส่วนญี่ปุ่นนั้นมีค่าประมาณ 4,000 (3,927.27) เมตร
ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าผู้แต่งต้องการหมายถึงค่าไหนกันแน่
- โชวกิ คือ หมากรุกญี่ปุ่น ซึ่งมีการแบ่งแยกได้หลายอีกหลายแบบ โดยแบบมาตรฐานคือ 9x9 ส่วนแบบไดโชวกิคือ 15x15



 ○ บอสด่าน 4 เทนกุผู้อยู่ใกล้หมู่บ้านที่สุด
   ชาเมย์มารุ อายะ
   Syameimaru Aya

  เผ่าพันธุ์ : เทนกุอีกา
  ความสามารถ : ควบคุมลม

นักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งภูเขาโยวไค
เทนกุที่ชอบนำข่าวทั่วไปเกี่ยวกับเหล่าสาวน้อยในเกนโซวเคียวมาลงหนังสือพิมพ์

ในครั้งนี้มีรายงานจากเทนกุหมาป่าขาวว่ามีผู้บุกรุกเข้าสู่ภูเขาโยวไค
ในสถานการณ์อย่างนี้ โดยปกติแล้วเทนกุยักษ์ที่เป็นผู้นำของกองกำลังป้องกันตนเอง
จะออกคำสั่งให้เทนกุหมาป่าขาวไปเจรจาต่อรองกับผู้บุกรุกพร้อมทั้งดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัย

แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด เทนกุยักษ์จึงมีคำสั่งเรียกตัวเธอซึ่งสังกัดฝ่ายกระจายข่าวไปเป็นผู้เจรจาต่อรอง
เธอมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุทั้งที่ยังสงสัย, และเมื่อเดินทางมาถึง ความสงสัยก็ละลายไปในบัดดล

ที่แท้ผู้บุกรุกก็คือมนุษย์ที่เธอชอบไปขอข้อมูลมาทำข่าวเป็นประจำนั่นเอง

กล่าวคือ เทนกุยักษ์ตัดสินว่าอายะน่าจะเข้าใจผู้บุกรุกได้ดีที่สุด จึงให้มาถามถึงจุดประสงค์ของผู้บุกรุก

เธอออมมือให้และแสร้งทำเป็นต่อสู้จริงจัง พร้อมทั้งจงใจแกล้งแพ้ไปในที่สุด
ทั้งนี้เพราะหากปล่อยให้ผู้บุกรุกผ่านเข้าไปในภูเขาโดยไม่ต่อสู้เลย เธอเองก็อาจถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวพันไปด้วยเช่นกัน

อายะแกล้งแพ้ แล้วนำทางมนุษย์ไปยังศาลเจ้าปริศนาที่เพิ่งโผล่มาเมื่อเร็วๆนี้
เธอรายงานแก่เทนกุยักษ์ว่า
『จุดประสงค์ของผู้บุกรุกคือแขกเจ้าปัญหาที่มาจากภูเขา มิได้พุ่งเป้ามายังสังคมเทนกุแต่อย่างใด
ขณะนี้พวกเธอไปดูสภาพการณ์ของศาลเจ้าปริศนาที่โผล่มาเมื่อเร็วๆนี้แล้ว』

เมื่อเทนกุยักษ์ได้ฟังรายงานก็กล่าวยกย่องชื่นชมอายะที่รู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้
จากนั้นก็ได้ออกคำสั่งให้ อินุบาชิริ เทนกุชั้นผู้น้อย รับช่วงไปสังเกตการณ์มนุษย์ต่อ พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพการณ์ของศาลเจ้าปริศนาด้วย

จากรายงานของอินุบาชิริ
เทพเจ้าปริศนาได้ทำการต่อสู้กับมนุษย์ แต่มันดูเหมือนการละเล่นมากกว่า และพวกเธอก็สนุกกับการละเล่นนั้น
ลักษณะนิสัยร่าเริงสดใสอย่างมาก ทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยสติปัญญา ดูแล้วไม่น่าจะมีอันตรายมากนัก
ในทางกลับกัน หากผูกมิตรด้วย อาจทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของโยวไคในภูเขาดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

หลังจากนั้นก็ได้เกิดการเจรจาลับขึ้นระหว่างเทพเจ้าแห่งขุนผากับท่านเทนมะ(มารฟ้า)ซึ่งเป็นหัวหน้าของเหล่าเทนกุ
แม้ไม่มีการเปิดเผยว่าพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง แต่เป็นที่รู้กันว่าผลลัพธ์ที่ได้คือการผูกสัมพันธไมตรี ในฐานะผู้อาศัยในภูเขาร่วมกัน

นับแต่นั้นมา เทนกุและกัปปะก็ได้มอบศรัทธาให้แก่เทพเจ้าองค์ใหม่
แต่จะว่ามอบศรัทธาก็ไม่เชิงนัก เพราะมันดูเหมือนงานเลี้ยงสังสรรค์ร่วมกันซะมากกว่า




 ○ บอสด่าน 5 มนุษย์แห่งสายลมที่ได้รับการบวงสรวง
   โคจิยะ ซานาเอะ
   Kotiya Sanae

  เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
  อาชีพ : ผู้ฉลองวายุ
  ความสามารถ : ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์

มนุษย์ผู้มีวิชาลับซึ่งถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น
เธอเป็นคนที่ขยันขันแข็งเอาจริงเอาจังอย่างมาก และเชื่อมั่นในพลังของตนเอง แต่บางครั้งก็เชื่อมั่นมากจนเกินไป

ดูเหมือนว่าแต่เดิมจะเป็นเพียงมนุษย์ที่บวงสรวงบูชาเทพเจ้าแห่งสายลม
แต่ด้วยวิชาลับที่มีความลับมากมายของตระกูล ทำให้สามารถสร้างปาฏิหาริย์ ก่อให้เกิดลมพัดหรือฝนตกได้
มนุษย์ผู้มีวิชาลับจึงได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากมนุษย์คนอื่นๆที่อยู่รอบตัว

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ปาฏิหาริย์อันเกิดจากเทพเจ้าแห่งสายลมถูกเข้าใจผิดไปว่าเป็นเพราะฝีมือของมนุษย์

ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ที่มีวิชาลับอย่างพวกเธอ กลับได้รับศรัทธามารวบรวมไว้ในตัว ทั้งๆที่ยังเป็นมนุษย์อยู่
และได้รับการปรนนิบัติเฉกเช่นเดียวกับเทพ, จนกลายเป็น อาราฮิโตะงามิ (สมมติเทพ)

ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซานาเอะก็บรรลุวิชาลับที่ใช้เรียกปาฏิหาริย์ซึ่งถ่ายทอดกันปากต่อปากเท่านั้น จนถึงระดับ Master
ตัวเธอที่สามารถเรียกปาฏิหาริย์ได้ทั้งๆที่ยังเป็นเด็กนั้น ―― คงจะรวบรวมศรัทธามาได้มหาศาลเลยทีเดียว

หากแต่ โลกภายนอกได้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น แม้แต่เทพเจ้าที่มีเดชานุภาพมากก็ยังมีจำนวนผู้ศรัทธาลดลงอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า สมมติเทพซึ่งเป็นเทพทั้งที่ยังเป็นมนุษย์นั้น แทบจะไม่มีผู้ศรัทธาเลย


ซานาเอะนั้นแม้ไม่ได้รับศรัทธา ก็สามารถใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับคานาโกะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ซานาเอะสักการบูชาอยู่

เมื่อเทพเจ้าสูญเสียศรัทธาก็เท่ากับว่าสูญเสียพลัง ไม่สามารถแสดงเดชานุภาพได้
เปรียบได้กับความตายของเทพนั่นเอง

คานาโกะจึงตัดสินใจ
ในเมื่อการรวบรวมศรัทธาจากมนุษย์มาถึงทางตันแล้ว
จากนี้ไปก็ต้องคิดถึงเรื่องการรวบรวมศรัทธาจากโยวไคบ้างเสียที

ซานาเอะได้ฟังแผนการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างนี้แล้วก็ตกใจ
ประเทศของเรานั้นมีโลกที่ชื่อว่า 『เกนโซวเคียว』 อยู่มาตั้งแต่ในอดีตกาล
และโลกนั้นก็ยังคงมีตัวตนอยู่อย่างเงียบๆมาจนถึงปัจจุบัน
เกนโซวเคียวเป็นแหล่งรวมสิ่งที่สาบสูญ(กลายเป็นเพียงมายา)ไปจากโลกภายนอก
อาจคิดได้อีกแง่ว่า แม้แต่ศรัทธาที่มีให้ต่อเทพเจ้าก็ยังย้ายเข้าไปในเกนโซวเคียว
มาถึงจุดนี้แล้ว คานาโกะก็ได้ตัดสินใจว่า จะย้ายเข้าไปในเกนโซวเคียวพร้อมกันทั้งตัวศาลเจ้าด้วยเลย
และได้ตัดขาดจากโลกมนุษย์ในที่สุด


แม้ว่าการต้องจากโลกมนุษย์มาจะเป็นเรื่องน่ากลัว
แต่สำหรับสาวน้อยที่มีพลังในการสร้างปาฏิหาริย์นั้น การเดินทางไปยังโลกแห่งปาฏิหาริย์ก็ถือเป็นเรื่องน่าสนุกอย่างหนึ่งเหมือนกัน

เธอดูแคลนความสามารถของมนุษย์ในเกนโซวเคียวอย่างซื่อตรง
เธอคิดว่า หากข่มขู่ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวได้ พวกเธอก็จะสามารถทำอะไรกับเกนโซวเคียวก็ได้ตามอำเภอใจ
เธอจึงเดินทางมาข่มขู่เรย์มุ โดยหารู้ไม่ว่าจะโดนเอาคืนอย่างเจ็บปวดดังเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้

มนุษย์ที่อาศัยในเกนโซวเคียวนั้นรับมือยากกว่าที่เธอคิดเอาไว้
เธอถูกทำให้ตระหนักถึงพลังที่พวกเขามีอยู่ จากเหตุการณ์ครั้งนี้

เธอรู้สึกตัวจนได้ว่า ในที่แห่งนี้ เธอไม่ได้มีฐานะพิเศษแต่อย่างใด
สมมติเทพอะไรก็ไม่ใช่แล้ว เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น
นับจากนี้ไปก็มีแต่ต้องใช้ชีวิตเรียบง่ายในฐานะมนุษย์แห่งเกนโซวเคียวเท่านั้น


Tips :
- เมื่อนานมาแล้ว เทพสุวะมีชื่อเสียงในฐานะเทพแห่งสายลม ทางมหาวิหารสุวะจึงได้จัดตั้งผู้เชี่ยวชาญการขอพรให้สายลมสงบร่มรื่นขึ้น
ผู้บวงสรวงสายลมนี้ถูกเรียกขานว่า ผู้ฉลองวายุ (คาเซะฮาฮุริ คาเซะฮาโอริ หรือ คาซะฮาโอริ)
แต่ปัจจุบันไม่มีการสืบทอดอาชีพนี้แล้ว และว่ากันตามจริงก็มีปรากฏแต่เพียงในตำนานเทพสุวะเท่านั้น



 ○ บอสด่าน 6 อวตารแห่งเนินเขาและทะเลสาบ
   ยาซากะ คานาโกะ
   Yasaka Kanako

  เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
  ความสามารถ : สร้างสรรค์นภา

เทพเจ้าที่ย้ายเข้ามาสู่ภูเขาโยวไคพร้อมกับศาลเจ้าเมื่อเร็วๆนี้

ด้วยเพราะนาม ยาซากะ (เนินนับไม่ถ้วน) ทำให้เธอถูกขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งขุนผา
แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอเป็น เทพเจ้าแห่งลมฝน ต่างหาก
และเนื่องจากเธอรับผิดชอบดูแลเรื่องลมและฝน เธอจึงถูกสักการบูชาในฐานะ เทพแห่งเกษตรกรรม

รายละเอียดเรื่องราวที่ทำให้ถูกสักการบูชาในฐานะเทพเจ้าแห่งขุนผานั้นมีความซับซ้อนมาก
ผู้ที่รู้ความหมายที่แท้จริงจึงมีเพียงคานาโกะและสุวะโกะเพียงสองคนเท่านั้น


เครื่องหมายการค้าของคานาโกะคือ 『ชิเมะนาวะ (เชือกบิด)』 ซึ่งแสดงการอุปมาถึงรูปลักษณ์ของงูที่เกี่ยวพันกันเป็นกลุ่ม
งูเป็นสัตว์ที่มีการลอกคราบซ้ำไปซ้ำมา จึงมีความหมายถึง การงอกใหม่ การคืนชีพ และความเป็นนิรันดร์

หากแต่มนุษย์รู้จักสิ่งที่เรียกว่า อายุขัย, จึงไม่เชื่อเรื่องความเป็นนิรันดร์
แม้แต่ในด้านเกษตรกรรม มนุษย์ก็ค้นพบวิธีที่จะต่อกรกับลมและฝนได้
ทั้งยังเรียนรู้ว่าภูเขากำเนิดจากภูเขาไฟหรือการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, ความอันตรายในการข้ามภูเขาจึงสาบสูญไปสิ้น

ใช่แล้ว, มนุษย์เริ่มศรัทธาในวิทยาศาสตร์และข้อมูลข่าวสาร
พร้อมกันนั้น ก็ได้สูญเสียจิตศรัทธาที่มีต่อเหล่าเทพอย่างพวกเธอไป


คานาโกะจึงควานหาวิธีที่จะเรียกจิตศรัทธากลับคืนมา
จนเกิดเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
นั่นก็คือ
  『การทำให้ศาลเจ้ากลายเป็นวัตถุมายาจากโลกมนุษย์ แล้วไปรวบรวมศรัทธาในเกนโซวเคียว』

มีความเป็นไปได้ที่เธอจะสูญเสียศรัทธาที่เหลืออยู่ทั้งหมดไป และสูญเสียพลังเป็นเวลาชั่วคราว
แต่เธอก็เลือกอนาคตที่มีความเป็นไปได้ มากกว่าความรุ่งเรืองในอดีตที่มีแต่หายนะรออยู่



――และแล้ว แผนการของเธอก็ดูท่าจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ศาลเจ้าได้รับการยอมรับจากเกนโซวเคียวอย่างราบรื่นเกินกว่าที่คาดไว้
และเธอก็เริ่มได้รับการสักการบูชาในฐานะเทพเจ้าแห่งภูเขาโยวไคอย่างรวดเร็ว

แม้จะมีปัญหาหลายอย่างในความราบรื่นเหลือคณานี้ แต่เมื่อได้มองดูโครงสร้างของเกนโซวเคียวแล้วเธอก็เข้าใจสาเหตุนั้นขึ้นมาทันที

เป็นเพราะเกนโซวเคียวมีศาลเจ้าที่ชื่อ ฮาคุเรย์ ตั้งอยู่นั่นเอง
ศาลเจ้าแห่งนั้นสูญเสียจิตศรัทธาไปแทบหมดสิ้น แต่ก็เป็นที่นิยมของเหล่าโยวไค
ว่ากันว่ามีโยวไคมากหน้าหลายตาไปพักผ่อนที่นั่นอยู่เสมอ

สำหรับพวกโยวไค ศาลเจ้าก็เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นชั้นดีนั่นเอง

คานาโกะจึงยอมรับการเป็นเพื่อนเล่นให้กับเหล่าโยวไค ไปพร้อมๆกับจุดประสงค์แรกคือรวบรวมศรัทธา
และยังจัดงานเลี้ยงขึ้นแทบทุกคืน

ที่จริงแล้ว เทพเจ้านั้นปรารถนาที่จะได้เล่นด้วยกัน
งานเทศกาลก็คือการเล่นด้วยกันของมนุษย์กับเทพนั่นเอง
ลืมเรื่องราวในวันธรรมดา แล้วมาสนุกร่วมกัน
เทพกับมนุษย์ หรือมนุษย์ด้วยกัน ล้วนมารวมตัวกันและก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวขึ้น
ต่อให้เปลี่ยนจากมนุษย์มาเป็นโยวไค ก็สนุกร่วมกันได้เช่นกัน

นั่นต้องเป็นรูปลักษณ์ของ 『ศรัทธา』 ที่คานาโกะหวังเอาไว้อย่างแน่นอน




แต่ทว่า ความรู้เกี่ยวกับเกนโซวเคียวที่คานาโกะมีอยู่นั้นยังตื้นเขินนัก

เธอไม่รู้เลยว่าเหล่าโยวไคในเกนโซวเคียวนั้นมีพลังมากมายเพียงไร
ทั้งอย่างนั้น เธอก็ยังคงรวบรวมศรัทธาจากเหล่าโยวไคภูเขา และตอบแทนด้วยการแสดงเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ออกมา
เธอไม่รู้ตัวเลยว่า นั่นทำให้พลังของเหล่าโยวไคภูเขา หรือก็คือพวกเทนกุและกัปปะนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่หวาดกลัวกันว่าสมดุลแห่งพลังของเกนโซวเคียวที่สงบสุขจะพังทลายลง

จากนี้ไป คานาโกะจำเป็นต้องรับศรัทธาจากมนุษย์และโยวไคที่ตีนเขาบ้าง เพื่อรักษาสมดุลแห่งเกนโซวเคียว

เพื่อให้การนั้นลุล่วงไปด้วยดี จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากศาลเจ้าฮาคุเรย์
การกอบกู้ศรัทธาจากเกนโซวเคียวให้กลับมาเท่ากับสมัยที่อาศัยอยู่ในโลกภายนอกนั้น ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะ


Tips :
- ยาซากะ (แปดเนิน) ก็คล้ายกับคำว่า ยาโอโยโรซึ (แปดล้าน) ที่มีความหมายจริงว่า มากมายจนนับไม่ถ้วน
- ท่าน ZUN เลือกใช้คำว่า Trademark (เครื่องหมายการค้า) แทนที่จะเป็นคำว่า สัญลักษณ์ หรือคำอื่น
- หลังจากวรรค ―― นั้นเป็นเรื่องราวหลังจากเล่นจบ Story แล้ว และไปเชื่อมโยงกับ Ending แต่ละแบบ



 ○ Extra Boss จุดสูงสุดของเทพพื้นเมือง
   โมริยะ สุวะโกะ
   Moriya Suwako

  เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
  ความสามารถ : สร้างสรรค์พิภพ

เทพเจ้าที่แท้จริงซึ่งอาศัยในศาลเจ้าโมริยะ (守矢)
เทพเจ้าแห่งขุนผา อันเป็นผู้นำของเหล่าเทพเจ้าต่างๆที่อาศัยอยู่ในภูเขา

ในยุคโบราณอันนานเนิ่น สุวะโกะเป็นเทพที่ได้รับจิตศรัทธามากมายอย่างมหัศจรรย์จากการที่ได้ควบคุม 『ท่านมิชากุจิ』
ท่านมิชากุจิ เป็นเทพแห่งคำสาปในเรื่องต่างๆเช่น การเกิด การเกษตร การทหาร และอื่นๆ
หากดูหมิ่นว่าร้ายเทพองค์นี้ก็จะถูกเทวทัณฑ์บันดาลใส่ในบัดดล จึงเป็นเทพเจ้าที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง
ผู้ที่สามารถควบคุมเทพเจ้าองค์นี้ได้ มีเพียงสุวะโกะเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จิตศรัทธาที่มีต่อเธอจึงมากมายอย่างน่าตกใจ
ในตอนนั้นเธอจึงก่อตั้งอาณาจักรขึ้นในฐานะราชาผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า พร้อมทั้งเป็นเทพเจ้าไปด้วย

แต่ทว่า อาณาจักรของเธอนั้นก็ถูกรุกรานโดยเหล่าเทพแห่งยามาโตะ
เทพแห่งยามาโตะที่มาเยือนอาณาจักร ก็คือ คานาโกะ นั่นเอง
เหล่าเทพแห่งยามาโตะนั้นกล่าวว่า พวกตนได้ยึดครองอาณาจักรเล็กๆไปทีละแห่งทีละแห่ง
โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการรวมประเทศทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว และสถาปนาประเทศหนึ่งเดียวนี้ในนามว่า ญี่ปุ่น


แน่นอนว่าสุวะโกะขัดขืน
เธอเข้าต่อสู้โดยใช้อาวุธโลหะที่ล้ำยุคที่สุดในตอนนั้น
แต่เมื่อคานาโกะชูเถาไม้เล็กๆขึ้นเหนือศีรษะ วงแหวนเหล็กจำนวนมากที่สุวะโกะนำติดตัวมา ก็กลายเป็นสนิมและแหลกร่วงไปในทันใด
สุวะโกะเล็งเห็นถึงความต่างของพลังและมั่นใจว่าแพ้แน่ จึงยอมจำนนอย่างสง่าผ่าเผย และยกประเทศให้คานาโกะไปในที่สุด

ฉะนี้แล คานาโกะจึงได้อาณาจักรโมริยะ(洩矢)มาครอบครอง


แต่ทว่า มนุษย์ในอาณาจักรโมริยะนั้นไม่สามารถลืมเลือนความหวาดกลัวที่มีต่อท่านมิชากุจิที่เป็นเทพเจ้าท้องถิ่นได้
จึงมีทีท่าว่าจะไม่ยอมรับเทพเจ้าองค์ใหม่

เมื่อคานาโกะไม่ได้รับจิตศรัทธา เธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำให้อาณาจักรนี้เป็นของตน
และหันไปใช้วิธีควบรวมเทพแห่งโมริยะเข้ากับตน เพื่อให้เรียกขานเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่แทน
เทพเจ้าองค์ใหม่นี้มีนามที่ใช้เรียกขานกันในอาณาจักรว่า 『โมริยะ (守矢)』 ส่วนนอกอาณาจักรนั้นก็มีชื่อเรียกต่างๆกันออกไป
ด้วยวิธีการนี้ เธอก็สามารถครอบครองอาณาจักรได้สำเร็จ
แน่นอนว่าหากกล่าวถึง โมริยะ (守矢) นั้นย่อมหมายถึง โมริยะ (洩矢) นั่นเอง
จากนั้น คานาโกะก็ยืมพลังของสุวะโกะมาใช้ในการปกครองประเทศอย่างลับๆ ในฐานะที่ตนเป็นเทพเจ้าแห่งขุนผา


เทพเจ้าองค์ใหม่ที่ว่ากันว่าปกครองอาณาจักรนี้อยู่นั้น เป็นเพียงเทพเจ้าแต่ในนามที่ตั้งมาเพื่อรักษาหน้าตาของตำนานเทพยามาโตะเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว สุวะโกะก็ยังคงปกครองอาณาจักรนี้เรื่อยมา
ทั้งๆที่ปัจจุบันนี้ เทพเจ้าของโลกภายนอกส่วนใหญ่ได้ถูกเปลี่ยนไปคล้อยตามตำนานเทพยามาโตะกันหมดแล้ว
แต่สุวะโกะก็ยังคงได้รับศรัทธาอย่างเงียบๆ ด้วยรูปลักษณ์จากยุคเก่านั้น



แต่กระนั้นก็ตามที ศรัทธาที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็ค่อยๆสูญเสียไปเมื่อเข้าสู่ยุคแห่งวิทยาศาสตร์

ถึงสุวะโกะจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ก็เถอะ แต่คานาโกะก็รีบร้อนลงมือย้ายทั้งศาลเจ้าเข้ามาในเกนโซวเคียวซะแล้ว

สุวะโกะเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเข้ากับเกนโซวเคียวนี้ได้เป็นอย่างดีรึเปล่า แต่ในฐานะการละเล่นครั้งสุดท้าย เธอก็คิดจะสนุกกับมัน
สาเหตุที่เธอไม่แสดงท่าทีไม่พอใจกับการกระทำของคานาโกะที่ทิ้งอาณาจักรมาตามอำเภอใจแล้วย้ายเข้ามาในเกนโซวเคียวนี่
ก็เป็นเพราะเธอนั้นไม่มีสิ่งใดให้อาลัยอาวรณ์หลงเหลืออยู่ในโลกภายนอกอีกแล้ว
มนุษย์ที่รู้จักชื่อของเธอก็แทบจะไม่มีเลย

ขนาดมนุษย์ที่น่าจะใกล้ชิดกับเธอที่สุดอย่างซานาเอะ ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องของเธอสักเท่าไหร่เลย

ถึงแม้ว่าซานาเอะในตอนนี้จะมีศักดิ์เป็นเหมือนมิโกะของคานาโกะก็ตาม แต่การที่ซานาเอะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้นั้น
แท้จริงแล้วเป็นเพราะซานาเอะคือลูกหลานห่างๆของสุวะโกะต่างหาก

ทั้งอย่างนั้นก็ตาม, เรื่องจริงก็คือ แม้แต่สาเหตุที่ศาลเจ้าของตนมีเทพเจ้าสององค์ ซานาเอะก็ไม่เคยรู้เลย

อย่างไรเสีย สุวะโกะก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ตนถูกลืมเลือนหรือเรื่องใดๆแล้ว
อันที่จริงแล้วเธอรู้สึกขอบคุณคานาโกะเสียด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะสามารถใช้ชีวิตที่สองในเกนโซวเคียวได้




เอาล่ะ งั้นทำไมคานาโกะที่เป็นเทพแห่งสายลมถึงได้ใช้เครื่องหมายการค้าเป็นเชือกบิดที่สื่อถึงงูงั้นเหรอ ?

เหตุผลมีอยู่สองข้อด้วยกัน

หนึ่งคือ งูมีความหมายถึงการคืนชีพ จึงเอาไว้ใช้ต่อกรกับความน่าสะพรึงกลัวของท่านมิชากุจิ


และอีกหนึ่งคือ... ...
เพื่อดึงดูดให้สุวะโกะไม่รู้สึกว่าจะชนะนั่นเอง

ทำไมเป็นอย่างนั้นน่ะหรือ ?
เพราะสุวะโกะเป็นเทพกบ และงูเป็นสัตว์ที่กินกบเป็นอาหารน่ะสิ
พิธีกรรมทางศาสนาของอาณาจักรใหม่ ก็มีการเพิ่มเติมพิธีเซ่นสังเวยกบลงไปด้วย
เป็นการดึงดูดความคิดของมนุษย์อย่างต่อเนื่องให้รู้ว่า 『งูได้ปกครองอาณาจักรนี้แทนที่กบแล้ว』


นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุวะโกะทะเลาะกับคานาโกะบ่อยๆ

อันที่จริงก็ได้เปรียบเสียเปรียบกันไปคนละอย่าง พวกเธอจึงเข้ากันได้ดีสุดยอดเลยล่ะ


Tips :
- อาวุธของสุวะโกะคือ วงแหวนเหล็ก ซึ่งตามตำนานเทพสุวะก็มีกล่าวถึงไว้เช่นกัน
- กล่าวคือ ซานาเอะเองก็มีเชื้อสายของเทพเจ้าเหมือนกัน
- สุวะโกะได้เปรียบตรงที่เป็นแหล่งให้ยืมพลังแก่คานาโกะ จะตัดทิ้งซะก็ได้ ส่วนคานาโกะได้เปรียบตรงที่เป็นงูเลยข่มกบได้ชะงัด



.........................................................................................................................................................................................