BAiJR - Sakuya


東方文花帖 ~ Bohemian Archive in Japanese Red.
โทวโฮวบุนคะโฉว (บันทึกอักขระบุปผาแห่งตะวันออก) ~ บทความแหกกฎในสมุดญี่ปุ่นปกแดง


.........................................................................................................................................................................................

ฤดูกาลที่ 119 เดือนจันทรคติที่ 8 วันที่ 3

นักล่าของแปลกผู้ทะยานไปในยามราตรี ปรากฏตัว
ท่อ, ลูกข่าง, ตะพาบน้ำ, ทำไมแม้แต่ของพรรค์นั้น... ...

เดือน ◯ วันที่ ◯ เวลาเช้ามืด, จากรายงานของผู้เสียหายทำให้ทราบว่า มีมนุษย์ที่ลอบเข้าไปตามที่ต่างๆ แล้วเก็บรวบรวมแต่วัตถุแปลกๆอยู่
คนร้ายได้ลอบเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย และคิดจะขโมยอุปกรณ์อันแสนสำคัญที่ถูกเรียกขานว่า เตาแปดวิถี
แต่ผู้เสียหายที่ยังไม่หลับได้รู้สึกตัวขึ้น จึงทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดถูกเปิดโปง

คนร้ายคือหัวหน้าเมดแห่งคฤหาสน์มารแดงที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ, อิซาโยอิ ซาคุยะ (มนุษย์)
ผู้เสียหายสอบสวนคนร้ายจนทราบว่า ได้ชิงเอาของแปลกอื่นๆมากมายหลายชนิดมาไว้ในครอบครองแล้ว
ผู้เสียหายนึกสงสัย จึงตามไปจนถึงคฤหาสน์มารแดง
ซึ่งคนร้ายได้ชี้แจงตามด้านล่างนี้
「สิ่งของเหล่านี้ คืออุปกรณ์สำหรับขับเคลื่อนเวทมนตร์ที่จะใช้เดินทางไปยังดวงจันทร์น่ะ
 เป็นเพราะคุณหนูบอกว่า อยากไปดวงจันทร์ก่อนเช้ามืด ฉันจึงออกมารวบรวมอุปกรณ์เพื่อการนั้น
 ตั้งใจว่าพอรุ่งเช้าก็จะเอาของทั้งหมดไปคืนให้อยู่แล้วแท้ๆเชียว」

วันที่เกิดเหตุนั้น เป็นวันที่เกิดเหตุวิปลาสครั้งใหญ่ คือ มีช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนานกว่าปกติหลายเท่า
จากผลกระทบอันนั้น ทำให้เป็นวันที่เกิดเรื่องแปลกๆมากมายไม่รู้จบ
และคนร้ายเองก็สร้างความวุ่นวายขึ้นนิดหน่อยเช่นกัน
ทำให้รู้สึกว่า เรื่องที่เธอกล่าวต่อไปนี้มันฟังดูแปลกผิดปกติไปหน่อย
「ท่อเอามาใช้แทนลำตัวของจรวด, ลูกข่างเป็น Gyro,
 ตะพาบน้ำก็เอาเลือดสดมาทำเชื้อเพลิงเหลว และลักษณะภายนอกมันก็ดูคล้ายดี จริงมั้ย ?
 และแน่นอนว่าเตาแปดวิถีเอาไว้ใช้เป็น Rocket Engine... ...
 แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า Armstrong มันคืออะไรน่ะนะ」

ปกติแล้วคนร้ายนั้น แม้แต่ในหมู่มนุษย์ของเกนโซวเคียวก็จัดว่าเป็นเมดที่มีชื่อเสียงและขยันขันแข็ง
อาจด้วยเหตุนั้นทำให้เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของวันนี้ ว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะกระทำการ
เพียงแต่ จากที่ทราบมา คนร้ายนั้นมีนิสัยชอบสะสมของแปลกอย่างดอกไม้ไผ่หรือบลูไดมอนด์
คิดว่าคดีที่ก่อขึ้นในครั้งนี้อาจเกิดจากแนวคิดแปลกประหลาดของนิสัยอันนั้นของเธอเอง

คิริซาเมะ มาริสะ (มนุษย์) ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ให้ความเห็นต่อคดีนี้ว่า
「เอาของของคนอื่นไปตามใจชอบได้ไง ยัยบ้านี่
 บอกว่าจะเอามาคืนทีหลังงั้นเหรอ
 ไอ้เรื่องพรรค์นั้นมันต้องตอแหลแหงแซะอยู่แล้ว」

ครั้งนี้ได้เตาแปดวิถีกลับคืนมาอย่างปลอดภัย ผู้เสียหายจึงไม่ได้ถือสาหาความมากไปกว่านั้น
ทั้งเมดที่เป็นคนร้ายและผู้อาศัยในคฤหาสน์มารแดง ต่างก็ปิดปากเงียบไม่พูดถึงคดีดังกล่าวเลย
สุดท้ายแล้วเรื่องก็จบลงทั้งๆที่ยังไม่ทราบแรงจูงใจและจุดประสงค์ของคนร้ายเลย
(ชาเมย์มารุ อายะ)

Tips :
 - Gyro หมายถึง Gyroscope ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดการหมุนรอบ
 - สำนวนญี่ปุ่นกล่าวว่า [พระจันทร์กับตะพาบ] ทั้งนี้เพราะกระดองของตะพาบนั้นกลมเหมือนพระจันทร์นั่นเอง
 - Armstrong นัยถึง Neil Alden Armstrong ผู้เหยียบดวงจันทร์ได้เป็นคนแรกของโลก
 - ดอกไม้ไผ่ คือ ดอกไม้ของต้นไผ่ ที่ว่ากันว่าจะเบ่งบานทุกๆ 60 ปี


.........................................................................................................................................................................................

สวรผัสสะมายา

พอได้เห็นของกินท่าทางน่าอร่อย, ต่อให้เป็นเพียงรูปภาพก็รู้สึกเหมือนจะสามารถสัมผัสรสและกลิ่นของมันได้
ทั้งการรับรู้รส และการรับรู้กลิ่น ล้วนเป็นการรับรู้ที่เกิดจากการตอบสนองของสมอง
แต่ที่เหนือล้ำยิ่งกว่า คือการรับรู้ที่เกิดจากจินตนาการ ซึ่งมิใช่การรับรู้ลวงหลอกแต่อย่างใด

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ดนตรีก็จะไม่ใช่สิ่งที่สร้างสรรค์ได้เพียงแค่เสียงเพลงอีกต่อไป
หากดนตรีสามารถแต่งแต้มสีสันให้กับโลกได้แล้วล่ะก็ ดนตรีย่อมสามารถเรียกเอาความทรงจำกลับมาได้เช่นกัน
การรับรู้ดังกล่าวนั้นจึงจำเป็นต่อการบรรเลงดนตรีอย่างขาดเสียมิได้
การรับรู้แห่งมายาที่มิใช่การหลงคิดไปเองอย่างแน่นอน, ใช่แล้ว, นั่นล่ะคือ ผัสสะมายา

บันทึกฉบับนี้ ได้ขีดเขียนโคลงเพลงที่บรรจุความคิดคำนึงอันเปี่ยมด้วยผัสสะมายาอันสูงล้ำ ซึ่งข้าพเจ้าจินตนาการออกมาได้นับไม่ถ้วน
เป็นบันทึกอันต้อยต่ำของข้าพเจ้าที่เฝ้าโหยหาแต่ผัสสะมายาเท่านั้น
(เจ้าอาวาสฮาคุเรย์)

Tips :
 - สวระ (สะ-วะ-ระ) แปลว่า เสียง + ผัสสะ ที่แปลว่า สัมผัส = ประสาทสัมผัสในการได้ยินและรับรู้เสียง
 - สาเหตุที่ดันทุรังสรรหาคำยากๆแบบนี้มาใช้ ก็เพราะท่าน ZUN นั้นเอาคำที่ไม่มีในพจนานุกรมมาใช้นั่นเองครับ
 - ผัสสะมายา หรือก็คือ ประสาทสัมผัสแห่งมายา (ประสาทสัมผัสแห่งจินตนาการ)
 - คำที่ท่าน ZUN ใช้คือ 幻覚 (เกนคาคุ) ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า ประสาทหลอน , ภาพลวงตา ซึ่งเมื่ออ่านตามเนื้อความแล้วพบว่ามิได้แปลเช่นนี้
 - เจ้าอาวาสฮาคุเรย์ หรือก็คือ ท่าน ZUN นั่นเอง


.........................................................................................................................................................................................


(บทพูดนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณครึ่งปีต่อมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ในภาค 9 และต่อเนื่องจากฉากจบของซาคุยะในภาค 9 พอดี)
อายะ 「นี่ก็ผ่านมาประมาณครึ่งปีแล้วนะคะ
    น่าจะถึงเวลาเล่าความจริงเกี่ยวกับคดีนี้ได้แล้วนะคะ ?」
ซาคุยะ 「ตายจริง, ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ ?」
อายะ 「อย่าแกล้งลืมสิคะ
    ฉันน่ะคิดว่าคุณเกี่ยวพันกับเหตุราตรีนิรันดร์วิปลาส(*)ในวันนั้นด้วยนะคะ, ไม่ใช่แค่คดีนี้คดีเดียว」
ซาคุยะ 「งั้นเหรอ
    แต่ต่อให้ฉันหยุดเวลาก็ไม่สามารถหยุดราตรีไว้ได้หรอกนะ」
อายะ 「ถ้างั้น ทำไมคุณถึงรวบรวมแต่ของแปลกประหลาดพวกนั้นล่ะคะ」
ซาคุยะ 「นั่นน่ะ เป็นคำสั่งของคุณหนูค่ะ
    ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ค่ะ
    เพราะงั้น กลับไปเสียเถอะนะคะ」
อายะ 「งั้นคุณหนูอยู่ที่ไหนเหรอคะ ?
    เดี๋ยวฉันจะไปถามคุณหนูเองค่ะ」
ซาคุยะ 「คุณหนูไม่มีทางจำเรื่องยิบย่อยแบบนั้นได้หรอกค่ะ
    ถามไปก็รังแต่จะเสียเวลาและเรี่ยวแรงเปล่าๆนะคะ ?」
อายะ 「งั้นก็ไม่เป็นไรมั้งคะ
    เล่นพูดออกมาแบบนี้แล้ว
    เอ หรือว่าที่จริงแล้วคุณก็จำไม่ได้เหมือนกันสินะคะ ?」
ซาคุยะ 「จำไม่ได้หรอกค่ะ
    เพราะงั้นพอแค่นี้ดีกว่ามั้ง เรื่องนั้นน่ะ」
แพชูลี่ 「มันเป็นการรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อเวทมนตร์เดินทางสู่ดวงจันทร์น่ะ」
ซาคุยะ 「อ๊ะ ท่านแพชูลี่
    จะยกชาฝรั่งไปให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ」 (ชาฝรั่งในภาษาญี่ปุ่นสามารถแปลตรงตัวได้ว่า ชาแดง)
แพชูลี่ 「ถึงเวลาน้ำชาแล้วไม่ยกชามาสักที ก็เลยเดินมาดูน่ะ」
อายะ 「เอ๊ะ เวทมนตร์เดินทางสู่ดวงจันทร์... ...หรือว่า จะสามารถไปถึงดวงจันทร์ได้ ด้วยอุปกรณ์พวกนั้นน่ะเหรอคะ ?」
แพชูลี่ 「ใครน่ะ ?」
อายะ 「ฉันเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ค่ะ
    ฉันแค่อยากรู้ความจริงเท่านั้นเองค่ะ
    แล้วมันเป็นยังไงบ้างคะ ? ได้ไปดวงจันทร์มั้ยคะ ?」
แพชูลี่ 「สุดท้ายก็ล้มเหลวน่ะนะ
    เวทมนตร์ของโลกภายนอกมันซับซ้อนเกินไป
    เวทนั้นน่ะ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สำเร็จทั้งนั้น จนกว่าจะมีการรวบรวมพลังทั้งหมดในเกนโซวเคียวนั่นล่ะ
    แต่ว่า ข้อความที่ติดมากับตะพาบน้ำที่ซาคุยะจะเอามาใช้แทนเชื้อเพลิงเหลวน่ะ เข้าใจได้ทันทีเลย」
ซาคุยะ 「... ...ชาฝรั่งวันนี้ ใส่ของหายากลงไปนะคะ」 (หมายถึงดอกไม้ที่ซาคุยะไปรวบรวมมาได้ตอนภาค 9 นั่นเอง)
อายะ 「ข้อความที่ติดมากับตะพาบน้ำ ? หมายถึง พระจันทร์กับตะพาบน้ำ น่ะเหรอคะ ?」
แพชูลี่ 「ดูเหมือนเธอเองก็จะเข้าใจความหมายของสำนวนนั้นผิดไปนะ ?
    สำนวน พระจันทร์กับตะพาบ น่ะแท้จริงแล้วไม่ได้หมายความว่า 『แม้จะคล้ายก็เอามาเทียบกันไม่ได้』
    แต่หมายถึง ความจริงกับภาพมายา, สิ่งที่สัมผัสได้กับสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ ต่างหาก
    กล่าวคือ พอเอาของที่หาได้มาให้ฉันดู ฉันก็พาลคิดไปว่ามันไม่น่าจะสามารถไปถึงดวงจันทร์ได้」
ซาคุยะ 「จากนี้ไปจะเป็นเวลาน้ำชาแล้วค่ะ
    อายะซังก็ดื่มชาด้วยกันสิคะ ?
    เพราะรู้สึกว่ามันจะกลายเป็นการสนทนาที่ยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก
    แต่ยังไงซะ น้ำชาวันนี้ก็มีเหลือเฟือค่ะ」 (เพราะดอกไม้ที่เก็บมาได้ มีเยอะมาก)


(※เพิ่มเติมโดยชาเมย์มารุ · เหตุวิปลาสที่ราตรีไม่มีฟ้าสาง และการเคลื่อนที่ของพระจันทร์ก็ถูกหยุดโดยสมบูรณ์
ทั้งมนุษย์ที่หลับนอนในเวลากลางคืนและโยวไคที่ได้รับผลกระทบจากดวงจันทร์ได้ง่าย ต่างก็ตกเข้าสู่สถานการณ์วุ่นวายขั้นร้ายแรงนี้ทีละน้อย
เป็นเหตุวิปลาสที่อันตรายที่สุดในหมู่เหตุวิปลาสที่เกิดขึ้นในระยะนี้เลยก็ว่าได้
ณ เวลานี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคนร้ายเป็นใคร และสาเหตุคืออะไร
เพราะสุดท้ายแล้ว จู่ๆพระจันทร์ก็หายไปอย่างกะทันหัน และกลายเป็นยามเช้าไปในบัดดล
มีแต่ข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่า
ผู้ที่คลี่คลายเหตุวิปลาสนั้นเกี่ยวข้องกับมนุษย์/ภูตคนไหนสักคนโดยเริ่มจากมิโกะแห่งฮาคุเรย์ หรืออิซาโยอิ ซาคุยะ
และไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังหลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย)


อิซาโยอิ ซาคุยะ

มนุษย์ที่ทำงานเป็นหัวหน้าเมดในคฤหาสน์มารแดง
มีความสามารถในการควบคุมเวลา

ผลงานการแสดง :
『東方紅魔郷』
『東方妖々夢』
『東方萃夢想』
『東方永夜抄』
『東方花映塚』

Tips:
- เนื่องจากเป็นตัวละครที่มีให้เล่นในเดโมของภาค 9 ที่แถมมากับหนังสือ จึงปรากฏชื่อว่ามีบทบาทในภาค 9
ในขณะที่ตัวละครอื่นๆหลายตัวในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ระบุไว้ ทั้งนี้เพราะท่าน ZUN ต้องการเก็บเป็นความลับไว้จนกว่าตัวเกมตัวจริงจะออก



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้