東方永夜抄 ~ Imperishable Night.
โทวโฮวเอย์ยะโชว (บทสรุปราตรีนิรันดร์แห่งตะวันออก) ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด
.........................................................................................................................................................................................
*กดที่ชื่อทีมของตัวละครเพื่อแสดงข้อความ*
Story ทีมเขตแดนมายา
ทีมเขตแดนมายา มนุษย์และโยวไคผู้อาศัยอยู่ ณ เส้นเขตแดน ใช้งานง่าย และเสถียร |
|||||||||||
มนุษย์ | โยวไค | ||||||||||
ฮาคุเรย์ เรย์มุ | ยาคุโมะ ยูคาริ | ||||||||||
คุณมิโกะผู้เลิศล้ำแห่งสรวงสวรรค์ ขี้โกงด้วยการโจมตีแบบติดตามเป้าหมาย |
โยวไคที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตมายา เอาแต่ใช้งานภูตรับใช้จนชีวิตสุขสบาย |
||||||||||
(ทีม) ☆☆☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบเร็ว : | ☆☆☆☆ | |||||||||
☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบช้า : | ☆ (ทีม) | |||||||||
ท่าพิเศษ : | ไม่กระทบกับข้ารับใช้ของศัตรู | 「อัญเชิญภูตรับใช้ยาคุโมะ」 | : ข้ารับใช้ |
「Mind Amulet」 | : กระสุน : | 「เข็มย้อนภูต」 |
ยันต์วิญญาณ「ลูกแก้วจินตนาการ」 | : Spell Card : | ยันต์อาณาเขต「เขตแดนซ้อนสี่」 |
วิญญาณเทพ「ผนึกจินตนาการ ชั่วพริบตา」 | : Last Spell : | อาณาเขต「เขตแดนซ้อนสี่ชั่วราตรีนิรันดร์」 |
ลักษณะพิเศษของทีม | ||
จุดกระทบมีขนาดเล็กกว่าปกติ เขตแดนเป็นตายมีระยะเวลานานกว่าปกติ |
Tips :
- ต้นฉบับญี่ปุ่นของคำว่า ย้อนภูต คือ โยวไค(妖回) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า โยวไค(妖怪)
- เขตแดนเป็นตาย เป็นชื่อเรียกระยะเวลาหลังโดนกระสุนศัตรูซึ่งผู้เล่นยังสามารถกดบอมบ์ได้ก่อนที่จะ Miss (ตาย)
Stage 1
ชื่อด่าน : ปลายทางของไฟหิ่งห้อย
คิดไปเองรึเปล่านะว่าแสงของหิ่งห้อยมันสว่างกว่าทุกที
ท่าทางคืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ยาวนานนะ
(เปิดเพลง BGM : ราตรีลวงตา ~ โกสท์ลี่ อายส์ (ตาผี))
เรย์มุ : ดูสิ ! ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา !
ยูคาริ : ราตรียังเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
ยูคาริ : ไม่ต้องรีบร้อนไป
เรย์มุ : ก็เธอรีบร้อนพาฉันออกมาไม่ใช่เหรอ
เรย์มุ : ไม่รีบก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ?
เรย์มุ : จำไว้ด้วยล่ะว่าค่าตอบแทนมันแพงนะ
?? : เฮ้ย, พูดว่าไม่มีอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว... ...
?? : แต่มีฉันอยู่มาแต่แรกแล้วนะ !
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก เข้ามาในหน้าจอ)
ยูคาริ : ไม่ต้องกังวลไปหรอก... ...
ยูคาริ : จะจ่ายค่าตอบแทนให้แน่
ยูคาริ : ฉันไม่เหมือนเธอสักหน่อย
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก
Wriggle Nightbug
ริกเกิ้ล : เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว
ริกเกิ้ล : กล้าดีนักนะที่ทำเป็นไม่เห็นฉันเนี่ย (คำว่า ทำเป็นไม่เห็น อ่านว่า มุชิ ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า แมลง)
ริกเกิ้ล : คงจะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วสินะ !
เรย์มุ : เล่นมุขเหรอ ?
ยูคาริ : เล่นมุขล่ะมั้ง ?
เรย์มุ : จะว่าไป, ทั้งที่ออกมาตอนกลางคืนแท้ๆ
เรย์มุ : แต่ดันลืมของสำคัญไว้ที่ศาลเจ้าซะได้
ริกเกิ้ล : ?
ยูคาริ : ฉันเข้าใจสิ่งที่เธออยากจะพูดนะ
ยูคาริ : ยากันยุงใช่มั้ย ?
ริกเกิ้ล : หิ่งห้อยต่างหากล่ะ !
(เปิดเพลง BGM : พระจันทร์ฤดูใบไม้ผลิยั้วเยี้ย ~ มูนด์ อินเสคท์ (แมลงครึ่งจันทร์))
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก แพ้พ่าย)
ยูคาริ : ตกกลางคืนแล้วแมลงเยอะอย่างนี้ไม่ชอบเลยจริงๆน้า
เรย์มุ : คนที่ตื่นเฉพาะตอนกลางคืนอย่างเธอยังจะพูดอีกเหรอ
ยูคาริ : ใช่, ตอนกลางคืนมันเต็มไปด้วยธรรมชาตินะ
เรย์มุ : ช่วงนี้ก็มีแมลงเพิ่มขึ้นเยอะเลยซะด้วย... ...
เรย์มุ : ชักเป็นห่วงโลกภายนอกขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ
ยูคาริ : ก็เข้าใจดีนี่นา
ยูคาริ : แต่การที่ออกอาการเป็นห่วงแบบนี้ มันไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ
Stage 2
ชื่อด่าน : ถนนที่มนุษย์หายตัวไป
แม้เป็นถนนที่มนุษย์ใช้สัญจร, พอตกกลางคืนก็มีแต่สัตว์ป่าหรือโยวไคมาใช้งาน
อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเห็นมนุษย์ล่ะ
(เปิดเพลง BGM : เสียงร้องของนกกระจอกราตรี ~ ไนท์ เบิร์ด (วิหคราตรี))
(มิสเทีย โลเรไล เข้ามาในหน้าจอ)
?? : คะ.. คอยเดี๋ยวสิ~ !
เรย์มุ : อะไร ?
?? : อุตส่าห์นึกว่าเป็น ฮิโตะเนกิ ที่ไม่ได้เจอมานานแท้ๆ
(ล้อคำว่า คาโมะเนกิ ซึ่งย่อมาจากสำนวนที่แปลได้ว่า เป็ดป่าแบกต้นหอมมา หมายถึง เหยื่ออันโอชะเข้ามาหาเองถึงที่)
(ฮิโตะ แปลว่า คน ซึ่งในที่นี้แทนที่คำว่า คาโมะ ที่แปลว่า เป็ดป่า นั่นก็หมายความว่า...)
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ภูตนกกระจอกราตรี
มิสเทีย โลเรไล
Mystia Lorelei
มิสเทีย : พวกเธอ, เป็นใครกันแน่น่ะ~ ?
ยูคาริ : ก็, ไม่ใช่มนุษย์
มิสเทีย : ไม่ใช่มนุษย์ ?
เรย์มุ : เอ่อ, จะไม่ใช่มนุษย์หรืออะไรก็ช่างเหอะ
มิสเทีย : หายากนะ, ที่จะมีอย่างอื่นผ่านมาตามถนนสายนี้
ยูคาริ : หืม---, เธอคือนกกระจอกราตรีสินะ
ยูคาริ : เอาแต่ทำร้ายมนุษย์ซะจน~
ยูคาริ : ไม่มีมนุษย์อยู่แถวนี้อีกเลยน่ะสิ
เรย์มุ : ถึงได้บอกไงล่ะ, ลองทำร้ายโยวไคแทนมนุษย์ดูมั้ย ?
มิสเทีย : ช่างฉันเถอะน่า
มิสเทีย : อันที่จริง, พวกมนุษย์ก็หายตัวไปจากถนนยามราตรีนานแล้วด้วย
มิสเทีย : ที่มีอยู่, ก็มีแต่พวกไม่ใช่มนุษย์ หรือพวกที่มีเหตุผล หรือพวกที่กำลังรีบสุดๆเท่านั้นแหละ
ยูคาริ : เข้าใจรึเปล่า ? จะพูดอีกครั้งนะ
ยูคาริ : พวกฉันน่ะ, เป็นพวกไม่ใช่มนุษย์ที่กำลังรีบสุดๆเพราะมีเหตุผลไงล่ะ
ยูคาริ : ไม่มีเวลาว่างจะมาเสียในที่แบบนี้หรอกนะ
ยูคาริ : ปล่อยให้พวกฉันผ่านที่นี่ไปได้มั้ย ?
เรย์มุ : ถึงแม้ว่าปลายทางของถนนสายนี้ จะไม่ใช่สถานที่ที่โยวไคอย่างยูคาริควรไปก็เถอะนะ... ...
มิสเทีย : อุตส่าห์เจอเพื่อนเล่นที่ไม่มีมานานแท้ๆ... ...
มิสเทีย : จริงสิ, ไปแกล้งมนุษย์ที่หมู่บ้านด้วยกันมั้ย ?
เรย์มุ : ให้ตายสิ, ฉันพูดไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ !
ยูคาริ : ?
มิสเทีย : ??
เรย์มุ : ว่าฉันไม่ได้ตาบอดกลางคืนนะ (เคยพูดไว้ตอนภาค 6)
มิสเทีย : อ๊ะ, ค้นพบมนุษย์แล้ว
มิสเทีย : ฉันจะทำให้ตาบอดกลางคืนเอง !
(เปิดเพลง BGM : ได้ยินแต่เสียงเพลงแล้ว)
(มิสเทีย โลเรไล แพ้พ่าย)
ยูคาริ : ให้ตายสิ, นกกระจอกราตรีนี่นะ
ยูคาริ : จะวางท่าเป็นราชินีมดน่ะ มันยังเร็วเกินไปจนน่าสิ้นหวังเลยนะ (ประมาณว่า กระจอกจนไม่รู้จะเทียบยังไง ?)
เรย์มุ : ...ยัยคนเมื่อกี้, เป็นนกกระจอกจริงๆเหรอ ?
เรย์มุ : มันมืดจนมองไม่ค่อยเห็นเลยแฮะ
ยูคาริ : นกขนาดเล็กในตอนกลางคืนส่วนใหญ่ก็คือนกกระจอกราตรีนั่นล่ะ
ยูคาริ : ถ้าจัดการอย่างไม่ระวังล่ะก็, จะถูกทำให้ตามองไม่เห็นในที่มืดนะ
เรย์มุ : (... ...นกกระจอกราตรีเนี่ยมีรูปร่างแบบนั้นหรอกเหรอ, มองไม่ค่อยเห็นเลยน้า)
เรย์มุ : อ๊า, เริ่มเห็นหมู่บ้านมนุษย์แล้วล่ะ, ถึงจะไม่อยากมากับเธอก็เถอะน้า... ...
Stage 3
ชื่อด่าน : ความอาลัยอาวรณ์แห่งการเขมือบประวัติศาสตร์
ปลายทางเกวียนสายหนึ่ง มีหมู่บ้านเล็กๆที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่
แต่สถานที่ซึ่งน่าจะมีหมู่บ้านอยู่นั้น, กลับไม่มีอะไรอยู่เลย
(เปิดเพลง BGM : เลือดตะวันออกแสนอาวรณ์ ~ โอลด์ เวิลด์ (โลกเก่า))
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : พวกเธอเองเหรอ
?? : ที่คิดจะจู่โจมหมู่บ้านกลางดึกแบบนี้
เรย์มุ : สภาพที่น่าอนาถแบบนี้เป็นฝีมือของเธอสินะ ?
เรย์มุ : เอามนุษย์กับหมู่บ้านไปไว้ทีไหน ?
?? : ฉันไม่ยอมมอบมนุษย์ให้กับโยวไคอย่างพวกเธอหรอก
?? : จะทำให้คืนนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ !
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ หยุดต่อสู้ชั่วคราว)
?? : อ๊า---, พวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ?
เรย์มุ : เดี๋ยวสิ, ทำให้หมู่บ้านกลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ !
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ออกไปจากหน้าจอ)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ตื๊อจริงนะ
เรย์มุ : เธอจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ
เรย์มุ : ตรงนี้มันน่าจะเป็นหมู่บ้านมนุษย์นี่นา ?
เรย์มุ : แต่ไม่เห็นมีอะไรอยู่เลย
เรย์มุ : ทำอะไรกับบ้านเรือนและผู้คนน่ะ !
?? : ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ครึ่งสัตว์แห่งประวัติศาสตร์และความรู้
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
Keine Kamishirasawa
เคย์เนะ : แค่ทำให้พวกเธอมองไม่เห็นเท่านั้นเอง
ยูคาริ : เรย์มุ, ไม่มีเวลามาเฉื่อยแฉะในที่แบบนี้นะ
ยูคาริ : ในขณะที่มัวทำแบบนี้, พระจันทร์ก็ค่อยๆตกดินไปทุกทีๆแล้ว
เรย์มุ : ไม่ได้เฉื่อยแฉะสักหน่อย, รอเดี๋ยวสิ
เรย์มุ : จะให้มองข้ามโยวไคที่ทำให้มนุษย์กับหมู่บ้านหายไปได้ยังไงกันล่ะ
เคย์เนะ : แค่ทำให้มองเห็นว่า...
เคย์เนะ : ที่นี่น่ะ, ไม่เคยมีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว... เท่านั้นเอง
เคย์เนะ : ฉันน่ะ, จะปกป้องมนุษย์จากค่ำคืนแห่งลางร้ายนี้ให้ได้
ยูคาริ : นี่ นี่
ยูคาริ : ฉันยังมองเห็นพวกมนุษย์ได้ตามปกติอยู่เลยน้า
ยูคาริ : กลลวงระดับนี้เนี่ย, มันไม่ก่อประโยชน์เลยสักนิดนี่นา ?
เคย์เนะ : ! จริงๆแล้วพวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ?
เรย์มุ : ไม่ต้องห่วง, ฉันมองไม่เห็นหมู่บ้านหรอก
เคย์เนะ : อือ... โดนแสดงท่าทีสงสารซะได้
ยูคาริ : ที่สำคัญ เธอน่ะ
ยูคาริ : เป็นครึ่งสัตว์สินะ ?
เคย์เนะ : ถ้าพระจันทร์ไม่เต็มดวง ก็เป็นมนุษย์น่ะ
ยูคาริ : ต่างจากหมาหน้าคนหรือหินหน้าคนอยู่มากทีเดียวนะ
เคย์เนะ : แล้วมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องแปลงร่างโดยเหลือไว้แต่หน้าด้วยล่ะ
เคย์เนะ : แปลงทั้งตัวเลยต่างหาก
ยูคาริ : หรือว่าแปลงร่างเฉพาะใบหน้า, อย่างหน้าม้าหรือหน้าวัว
เคย์เนะ : ... ...ช่างเถอะ
เคย์เนะ : ถ้าพูดถึงขั้นนั้นล่ะก็, จะไม่ปล่อยไปแล้ว
(เปิดเพลง BGM : Plain Asia (เอเชียที่เรียบง่าย))
เคย์เนะ : คืนนี้, จะเลี้ยงโต๊ะจีนด้วยประวัติศาสตร์ของพวกเธอซะเลย !
ยูคาริ : ของฉันก็ว่าไปอย่าง, แต่ประวัติศาสตร์ของยัยนี่น่ะ แค่ประมาณติ่มซำเท่านั้นแหละ
เรย์มุ : หนวกหูน่า
เรย์มุ : ของแค่นั้นฉันกินแกล้มน้ำชาทุกวันเลยนะ
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
เรย์มุ : เอาล่ะ, ทำให้หมู่บ้านมนุษย์กลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ !
ยูคาริ : ทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไรหรอก
ยูคาริ : แต่เดิมก็ไม่ได้หมายตามนุษย์ของที่นี่หรือว่าคนอย่างเธออยู่แล้ว
เคย์เนะ : ถ้างั้น, คิดจะไปที่ไหนกันล่ะ ?
เรย์มุ : ทางนั้น
ยูคาริ : ทางนี้
เคย์เนะ : ... ...
เคย์เนะ : ถ้าเป็นคนที่เป็นต้นเหตุให้พระจันทร์ผิดปกติในคืนนี้ล่ะก็, ทางโน้น
เรย์มุ : เห็นมั้ย, เป็นอย่างที่ฉันพูดเลย
ยูคาริ : มันห่างจากทางที่เธอชี้ตั้ง 70 องศาเชียวนะ
เรย์มุ : ห่างจากของเธอตั้ง 110 องศาละกันน่า
เรย์มุ : เอ๊ะ เธอน่ะ, ก็รู้เป้าหมายของพวกฉันดีนี่นา
ยูคาริ : ไม่รู้สิถึงจะแปลก
Stage 4 Powerful
ชื่อด่าน : ข้างใต้ของดินที่สั่งสมพลังเวทเอาไว้
ใต้ต้นไผ่ที่ทรงพลังนั้น, มีรากที่ทรงพลังยิ่งกว่า กำลังแผ่ขยายอยู่โดยรอบ
ผู้ที่มองแต่เพียงผิวหน้านั้น, มีแค่มนุษย์กับโยวไคที่โง่เขลาเท่านั้น
(เปิดเพลง BGM : กรรมสนองราตรีนิรันดร์ ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด.)
มาริสะ : อย่าขยับไม่งั้นยิง !
(คิริซาเมะ มาริสะ เข้ามาในหน้าจอ)
มาริสะ : ไม่ใช่สิ
มาริสะ : ต้องยิงแล้วค่อยขยับนี่หว่า, เดี๋ยวจะขยับล่ะ
(ล้อบทพูดในเรื่องมุเกนชินชิ และบทพูดของมาริสะเองในเกมชุโซวโกะคุ (เซย์โฮวโปรเจคท์) โดยในภาคนั้นเธอพูดว่า ยิงแล้วค่อยขยับ)
เรย์มุ : อะไรน่ะ ?
เรย์มุ : ทำไมมาริสะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมเวทดำธรรมดาสามัญ
คิริซาเมะ มาริสะ
Marisa Kirisame
มาริสะ : ไม่รู้สินะ, ฉันก็แค่ออกมากำราบโยวไคจอมป่วน, เหมือนกับทุกทีเท่านั้นแหละว้อย
เรย์มุ : เห, บังเอิญจังนะ
เรย์มุ : ฉันก็กำลังกำราบโยวไคจอมป่วนอยู่เหมือนกัน
มาริสะ : ที่ฉันพูดน่ะคือ กำราบ 「โยวไคจอมป่วน」 นะโว้ย
มาริสะ : กรณีของเธอน่ะมันคือ 「กำราบโยวไค」 จนปั่นป่วน มากกว่ามั้ง ?
เรย์มุ : ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย
ยูคาริ : เห, กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้, เธอตัวคนเดียวจะทำอะไรได้
มาริสะ : กำราบโยวไคจอมป่วนไงล่ะ
มาริสะ : วันนี้ดูพระจันทร์จนเบื่อแล้วว้อย
มาริสะ : ได้เวลาทำให้ถึงวันรุ่งขึ้นซะที
ยูคาริ : แล้ว, โยวไคจอมป่วน ที่ว่าล่ะ ?
มาริสะ : ก็เธอไงล่ะ
มาริสะ : คงจะก่อกวนอาณาเขตระหว่างกลางวันกับกลางคืนอีกแล้วล่ะสิ ? (ยูคาริเคยพูดไว้ใน Extra Story ของภาค 7 บทมาริสะ)
เรย์มุ : คนที่กำลังหยุดราตรีเอาไว้ก็คือพวกฉันเอง
เรย์มุ : แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนี้นะ !
ยูคาริ : ใช่
ยูคาริ : เธอน่ะ, ไม่มีตาอยู่ข้างหลังล่ะสิ ? (หมายถึง .. ถึงได้ไม่สังเกตพระจันทร์ที่อยู่ข้างหลัง)
มาริสะ : อ๋า--- ?
เรย์มุ : แหม่, ก็ไม่น่าจะมีหรอกนะ
เรย์มุ : ของแบบนั้นน่ะ
มาริสะ : พูดภาษาญี่ปุ่นสิวะ (คนญี่ปุ่นมักจะพูดแบบนี้ออกมา เวลาไม่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายพูด)
มาริสะ : ที่นี่เกนโซวเคียวนะ
(เปิดเพลง BGM : มาสเตอร์สปาร์คสีรัก)
เรย์มุ : มาริสะจะพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์
ยูคาริ : ทั้งที่พระจันทร์เบี้ยวๆนั่นมันเป็นอันตรายแท้ๆ... ...
เรย์มุ : เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมนุษย์น่ะ
มาริสะ : อ๋า--- ? ไม่เข้าใจว่าอะไรของพวกเธอหรอกนะ
มาริสะ : แต่ถ้าราตรีไม่ยอมสิ้นสุดก็จะมีแต่ปัญหาเต็มไปหมดแหละว่ะ
มาริสะ : โยวไคจะเขมือบมนุษย์ในเวลากลางคืน
มาริสะ : หากราตรียังคงดำเนินต่อไป, พวกโยวไคจะทำลายตัวเองเพราะกินมากเกินไปนะว้อย
ยูคาริ : จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า
มาริสะ : ต้องกำราบซะตั้งแต่ก่อนที่จะทำลายตัวเองนี่ล่ะ
(คิริซาเมะ มาริสะ ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : อ๊ะ, หนีแล้ว ?
ยูคาริ : เอาล่ะ, ตามไปจนถึงจุดจบของปฐพีกันเถอะ
(คิริซาเมะ มาริสะ เข้ามาในหน้าจอ)
มาริสะ : อ้าว, เรย์มุไม่ใช่เหรอ ?
มาริสะ : มีอะไรเหรอ ?
เรย์มุ : จะแกล้งโง่ก็ให้มันน้อยๆหน่อย
มาริสะ : เมื่อกี้นี้เป็นส่วนของยูคาริ
มาริสะ : คราวนี้เป็นส่วนของเธอไงล่ะ !
(คิริซาเมะ มาริสะ แพ้พ่าย)
เรย์มุ : ดูเหมือนว่าจะมาถึงจุดหมาย, ในขณะที่กำลังไล่ตามมาริสะสินะ
ยูคาริ : เธอเนี่ย, ช่างโชคดีจริงๆเลยน้า
ยูคาริ : โชคดีจนอยากขอแบ่งมาให้รันของฉันมั่งจัง
มาริสะ : บัดซบ
มาริสะ : พูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ?
ยูคาริ : เพราะเธอ, เลยรู้ตัวคนร้ายแล้วล่ะ
ยูคาริ : เธอนี่ก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ซะทีเดียวนะ
เรย์มุ : เอ่อ, ยังไม่รู้ตัวคนร้ายหรอก
เรย์มุ : แต่อย่างน้อย, ก็น่าจะอยู่ในเรือนหลังนั้น
มาริสะ : เอาเถอะ แพ้แล้วก็ช่วยไม่ได้แฮะ
มาริสะ : กลับไปนอนดีกว่า
มาริสะ : ขอให้ตื่นมาแล้วเจอยามเช้านะโว้ย
ยูคาริ : จงพักผ่อนไปตลอดกาลนั่นล่ะ
เรย์มุ : อ่า, ระวังอย่าให้เป็นหวัดล่ะ
Stage 5
ชื่อด่าน : กรงที่สวยงามในโลกที่โสมม
「เหตุใดจึงต้องอยู่ในโลกที่โสมมนี้ไปอีกนานๆด้วยล่ะ」
เมื่อกล่าวเช่นนั้น, ประตูที่ถูกปิดก็เปิดออกจนหมดสิ้น------
(จากนิทานคนตัดไผ่ / นิทานเจ้าหญิงคางุยะ)
(เปิดเพลง BGM : Cinderella Cage (กรงซินเดอเรลล่า) ~ คาโกเมะ-คาโกเมะ)
?? : สายไปแล้วนะ
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ประตูทั้งหมดถูกผนึกแล้ว
?? : ใครจะยอมให้พาองค์หญิงออกไปได้กันล่ะ ?
เรย์มุ : คนร้ายคือยัยนี่เหรอ ?
ยูคาริ : ไม่รู้สิน้า, ลองโค่นดูก่อนมั้ย ?
ยูคาริ : ยังไงก็น่าจะอยู่ที่นี่แหละ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต
เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ
Reisen Udongein Inaba
เรย์เซน : อะไรกัน, โยวไคหรอกเหรอ
เรย์เซน : นั่นสินะ, ไม่น่าจะสามารถมาถึงที่นี่ได้ซะด้วยสิ (หมายถึงพวกทูตจากดวงจันทร์)
เรย์เซน : เสียเวลาเป็นห่วงเปล่าๆแฮะ
เรย์มุ : ฉันยังเป็นมนุษย์อยู่นะ
เรย์เซน : ถ้าเป็นมนุษย์ก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย
ยูคาริ : แล้วตกลงว่ากำลังเป็นห่วงเรื่องอะไรอยู่ล่ะ ?
ยูคาริ : ถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ลงไป
เรย์เซน : เรื่องเลวร้าย ?
เรย์เซน : อืม---, หมายถึง ห้องลับบนพื้นพิภพ น่ะเหรอ ?
เรย์มุ : ล่ะมั้ง ?
เรย์มุ : ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
ยูคาริ : เรื่องของจันทร์เพ็ญน่ะ
ยูคาริ : ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
เรย์เซน : อ้อ เรื่องของพระจันทร์สินะ ?
เรย์เซน : นั่นน่ะ, เป็นวิชาลับอันยิ่งใหญ่ของอาจารย์ของฉัน ผู้นามว่า เอย์ริน น่ะ
เรย์เซน : เป็นวิชาลับที่เปลี่ยนให้พื้นพิภพแห่งนี้กลายเป็นห้องลับ
เรย์เซน : เข้าใจรึเปล่าเนี่ย ?
เรย์มุ : จะไปเข้าใจได้ไงล่ะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
เอย์ริน : อืม~
เอย์ริน : อธิบายแบบนั้น มนุษย์ไม่เข้าใจหรอกจ้ะ
เอย์ริน : ที่สำคัญ, มันคือวิชาที่ทำให้จันทร์เพ็ญหายไปเท่านั้น
เอย์ริน : ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
ยูคาริ : เรย์มุ
ยูคาริ : ยัยนี่คือคนร้าย, กลิ่นมันฟ้อง
เรย์มุ : เหรอ ?
เรย์มุ : ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกไม่ถูกแฮะ... ...
ยูคาริ : เอาล่ะ, ช่วยให้ทำให้พระจันทร์เบี้ยวๆนี่กลับเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า !
เอย์ริน : ... ...เรื่องนั้น, มันยังเร็วเกินไปนะ
เอย์ริน : ตอนนี้, ยังคลายวิชานี้ออกไม่ได้หรอก
เอย์ริน : อุดองเกะ
เอย์ริน : ความคลุ้มคลั่งและการอาละวาดล้วนเป็นงานของเธอจริงมั้ย ?
เอย์ริน : ฝากที่นี่ด้วยนะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์เซน : ให้ฉันจัดการเองค่ะ
เรย์เซน : ประตูที่ถูกปิดไว้, จะไม่ให้ถูกเปิดแม้แต่บานเดียวค่ะ
เรย์มุ : น่าจะหนีไปด้วยกันเลยนะ
เรย์มุ : ยังไงซะ พอโค่นยัยนี่ได้ก็ต้องตามไปอยู่ดี
ยูคาริ : นั่นสิน้า
ยูคาริ : แถมดูท่าว่าถึงจะโค่นยัยนี่ได้, จันทร์เพ็ญก็ไม่กลับมาซะด้วยสิน้า
เรย์เซน : ฮึ
เรย์เซน : มาได้จังหวะพอดี เพราะช่วงนี้ฉันหาคู่มือที่สมน้ำสมเนื้อไม่ได้เลย
(เปิดเพลง BGM : ม่านตาแห่งความวิกลจริต ~ อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน (จันทร์เพ็ญล่องหน))
เรย์เซน : ฉันจะแสดงให้พวกเธอดูทั้งหมดเอง
เรย์เซน : ความคลุ้มคลั่งของดวงจันทร์ !
เรย์มุ : ความคลุ้มคลั่งของดวงจันทร์ ?
เรย์เซน : วิชาสะกดจิตที่ทำให้มนุษย์ผู้มาเยือนดวงจันทร์ต้องเสียสติไงล่ะ
เรย์เซน : มนุษย์คนนั้นช่างอ่อนแอเสียจริง (อ้างถึง Neil A. Armstrong ที่พูดว่าเห็นยานอวกาศในระหว่างปฏิบัติการ Apollo 11)
ยูคาริ : ยัยนี่, ท่าทางจะอันตรายนะ
เรย์เซน : ดวงจันทร์ทำให้ผู้คนเสียสติ
เรย์เซน : ใช่แล้ว, จะสามารถทนมองตาของกระต่ายจันทราอย่างฉันโดยที่ไม่เสียสติได้อย่างนั้นหรือ ?
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ แพ้พ่าย)
(ผู้เล่นเลือกทางแยก)
ไล่ตามสิ่งที่มองเห็นด้วยตา (Final A)
เชื่อมั่นในลางสังหรณ์ (Final B)
Final A เรย์มุ : เอาล่ะ, ตามเจ้าคนเมื่อกี้ไปกันเถอะ ยูคาริ : แล้วเจ้าคนเมื่อกี้มันเข้าประตูไหนไปล่ะ ? ยูคาริ : ประตูเยอะจนดูไม่ออกเลย เรย์เซน : เจ้าคนเมื่อกี้, ... ...อ๊ะ, เรย์เซน : อย่าเรียกอาจารย์ว่าเจ้าคนเมื่อกี้นะ เรย์มุ : คนร้ายอยู่ข้างในนี้สินะ ยูคาริ : ไปจับตัวคนร้ายก่อนที่มันจะฆ่าตัวตายเถอะ เรย์เซน : ไม่ฆ่าตัวตายหรอก, คนร้ายที่ว่าน่ะ... ... เรย์มุ : หนวกหูน่า กระต่ายขาว เรย์มุ : เดี๋ยวปั๊ดจับถลกหนังทิ้งไว้ที่นี่ซะเลย |
Final B เรย์มุ : เอาล่ะ, ตามเจ้าคนเมื่อกี้ไปกันเถอะ ยูคาริ : แล้วเจ้าคนเมื่อกี้มันเข้าประตูไหนไปล่ะ ? ยูคาริ : ประตูเยอะจนดูไม่ออกเลย เรย์มุ : ยูคาริ เรย์มุ : ดูสิ, ประตูตรงนั้น... ... เรย์เซน : อ๊า แย่แล้ว เรย์เซน : ปิดผนึกไม่ทันเหรอเนี่ย ยูคาริ : คนร้ายอยู่ในนั้นล่ะมั้ง ? เรย์มุ : ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่าอยู่ในนั้นน่ะ เรย์มุ : ไปกันเถอะ เรย์เซน : อ๊า, โดนอาจารย์ดุแน่เลย |
Final A
ชื่อด่าน : ลูกแก้วแห่งท้องฟ้ายามราตรีที่ซุกซ่อนเจ้าหญิงเอาไว้
ทางเดินที่ยาวแสนยาว, ทางเดินนี้เป็นภาพหลอนที่สร้างขึ้นโดยใครบางคนรึเปล่านะ
ความทรงจำของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้เกินไปนั้น, เป็นสิ่งเลือนรางที่น่าคิดถึงสำหรับโยวไค
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
เอย์ริน : ฮุฮุฮุ
เอย์ริน : ตามมาอย่างดีเลยสินะ
ยูคาริ : ทางเดินนี่มันแปลกๆนะ
ยูคาริ : ไม่น่าจะยาวถึงขนาดนี้นี่นา
เรย์มุ : ข้างนอกกลายเป็นโลกที่ไม่เคยเห็นไปแล้ว !
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : ดูเหมือนทางเดินยาวๆก็สิ้นสุดลงแล้วนะ
เรย์มุ : ลองแสดงความเห็นหน่อยเป็นไง ?
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
เอย์ริน : อะฮะฮะฮะฮะ
เอย์ริน : พวกเธอนี่โง่เขลาจังน้า
ยูคาริ : ดูสิ, โง่เลย
ยูคาริ : เพราะปล่อยให้มิโกะจากศาลเจ้าลงมือนั่นแหละ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มันสมองของดวงจันทร์
ยาโกะโคโระ เอย์ริน
Eirin Yagokoro
เอย์ริน : อีกเดี๋ยวก็จะเช้าแล้วล่ะ
เอย์ริน : หากเป็นเช่นนั้น, ก็จะคืนจันทร์เพ็ญให้ล่ะ
เรย์มุ : อ้าว, เข้าใจอะไรง่ายดีนี่นา
เอย์ริน : วิชาก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว
เอย์ริน : ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพาองค์หญิงออกไปได้แล้ว
ยูคาริ : องค์หญิง ?
ยูคาริ : ฉันไม่ได้สนใจองค์หญิงตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
เรย์มุ : พวกฉันแค่มาทวงเอาจันทร์เพ็ญคืนเท่านั้นแหละ
เอย์ริน : ไม่ต้องห่วงหรอก, เดี๋ยวพอถึงเช้าก็จะกลับเป็นปกติเอง
เรย์มุ : ไม่ใช่อย่างนั้น
เรย์มุ : พวกฉันน่ะ, มาเพื่อทวงเอาจันทร์เพ็ญคืนให้ได้ก่อนที่รุ่งเช้าจะมาถึงต่างหาก
เอย์ริน : ใจร้อนจริงน้า
เอย์ริน : แต่ว่า, สถานที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้น่ะ
เอย์ริน : รู้รึเปล่าว่าคือที่ไหน ?
เรย์มุ : ??
เอย์ริน : ที่นี่คือพื้นที่ระหว่างพื้นพิภพกับพระจันทร์ปลอม
เอย์ริน : ทางเดินยาวๆเมื่อกี้น่ะ, คือทางเดินปลอมที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นพิภพกับพระจันทร์ปลอม
เอย์ริน : พวกเธอถูกหลอกโดยภาพมายาที่ก่อให้เกิดพระจันทร์ปลอมจนมาถึงที่นี่ไงล่ะ
เรย์มุ : แล้ว ?
เรย์มุ : มันจะทำไมล่ะ
เอย์ริน : จะมีวิชาที่ใช้เดินทางกลับสำหรับพวกเธอรึเปล่านะ ?
ยูคาริ : นั่นสิน้า
ยูคาริ : เอาไว้โค่นเธอได้แล้วค่อยคิดละกัน
ยูคาริ : ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบร้อนหรอก
เอย์ริน : คนที่โดนหลอกด้วยวิชาของฉันเข้าไปเต็มๆ กลับคิดว่าจะต่อกรกับฉันได้เนี่ย มันช่างน่าประหลาดเสียจริง
เอย์ริน : เอาเถอะ, ฉันก็ไม่ใช่ยักษ์มารซะด้วย
เอย์ริน : เอาล่ะ, จะเล่นด้วยจนถึงเช้าเลยละกัน
เรย์มุ : ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ
เรย์มุ : แต่ว่าทุกเรื่องจะคลี่คลาย ถ้าโค่นยัยนี่ได้สินะ ?
ยูคาริ : เพราะอย่างนี้ถึงได้โดนด่าว่าโง่ไงล่ะ
ยูคาริ : แต่ก็ถูกเผงแล้วล่ะ
ยูคาริ : สิ่งที่ ฮาคุเรย์ เรย์มุ เป็นคนพูดน่ะถูกต้องทุกอย่างเลย
เอย์ริน : ป่านนี้ชาวพื้นพิภพคงกำลังเตร็ดเตร่ไปตลอดกาลโดยไม่อาจไปถึงดวงจันทร์ได้
เอย์ริน : ชาวจันทราก็เช่นกัน
เอย์ริน : เพียงเท่านี้, ชาวจันทราก็น่าจะไม่สามารถมายังพื้นพิภพได้
เอย์ริน : นี่คือหนึ่งในวิชาลับขั้นสูงสุดของฉัน
เอย์ริน : การแปลงพื้นพิภพให้กลายเป็นห้องลับขนาดใหญ่ไงล่ะ
ยูคาริ : กระต่ายเมื่อกี้ก็เหมือนกัน
ยูคาริ : มีพวกสติไม่ดีอยู่เยอะเกินไปจริงๆนะ
เรย์มุ : เอาล่ะ, ยูคาริ
เรย์มุ : รีบโค่นยัยนี่แล้วกลับไปยังพื้นพิภพกันเหอะ
เอย์ริน : ตายจริง, ดูเหมือนจะมีอารมณ์เล่นขึ้นมาแล้วสินะ
เอย์ริน : น่าเสียดายที่ฉันไม่มีพลังในการเล่นไปตลอดกาล... ...
เอย์ริน : แต่ถ้าแค่เล่นจนถึงเช้าล่ะก็ ไม่มีปัญหา
ยูคาริ : ดูเหมือนจะอยากเล่นไปตลอดกาลสินะ
ยูคาริ : แต่ว่า, เอาไว้โอกาสหน้าละกัน... ...
(เปิดเพลง BGM : เกนโซวเคียวพันปี ~ ฮิสทอรี่ ออฟ เดอะ มูน (ประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์))
เอย์ริน : เอาล่ะ, รุ่งสางของเกนโซวเคียวมาอยู่ตรงหน้าแล้ว !
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
?? : มัวเล่นอะไรอยู่น่ะ !
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : เอย์ริน, ฉันจะให้โอกาสอีกเพียงครั้งเดียวด้วยพลังของฉัน
?? : ถ้าคราวนี้ยังแพ้อีกล่ะก็... ...
?? : มนุษย์ภูตตรงนั้นน่ะ !
?? : ยาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของฉัน กับพลังที่แท้จริงของเอย์ริน,
?? : จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต !
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
・หากเวลาล่วงเลยถึง 5:00 am >> BAD ENDING No. 9
・หากจบเกมได้ก่อนเวลา 5:00 am >> NORMAL ENDING No. 5
Final B
ชื่อด่าน : สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า
สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้าซึ่งไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้
หากแต่, เดือนปีที่ยาวนานและพลังแห่งมายานั้น,
มันเพียงพอที่จะทำสิ่งเรียกร้องเหล่านั้นให้เป็นจริงได้แล้ว
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
เอย์ริน : ให้ตายสิ
เอย์ริน : อุตส่าห์บอกว่าอย่าปล่อยให้มาทางนี้แท้ๆ
ยูคาริ : เรย์มุ
ยูคาริ : เข้าใจความหมายที่ยัยนี่พูดรึเปล่า ?
เรย์มุ : รู้สิ, ทางนี้คือทางที่ถูกต้องใช่มั้ยล่ะ ?
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
ยูคาริ : จันทร์เพ็ญที่ไม่ได้เห็นเสียนาน... ...
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ใช่แล้ว, จันทร์เพ็ญของจริงที่เห็นได้จากพื้นพิภพไงล่ะ
?? : ที่สำคัญกว่านั้นคือ มนุษย์กับโยวไค... ...
?? : วันนี้มีแขกขาจรมาเยือนสินะ
ยูคาริ : เธอน่ะ... ...
ยูคาริ : เป็นใครกันแน่
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
คนบาปแห่งความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
โฮวไรซัน คางุยะ
Kaguya Houraisan
คางุยะ : ฉันคือ คางุยะ
คางุยะ : แต่ว่าฉันไม่โกรธหรอกนะ ที่พวกเธอถามออกมา
คางุยะ : ทั้งๆที่พวกเธอไม่เอ่ยนามตัวเองก่อนแท้ๆ
ยูคาริ : คนที่คิดแค้นกับเรื่องแค่นั้นก็ต้องถือว่าอ่อนหัดนะ
คางุยะ : ไม่มีใครพูดแบบนั้นสักหน่อย
คางุยะ : ช่วงนี้, เอย์รินไม่ยอมให้ออกไปนอกตัวเรือนน่ะ
คางุยะ : เพราะงั้นเลยต้องให้ความสำคัญกับแขกที่นานๆจะมีมาสักที
เรย์มุ : แม้แต่แขกที่มากับกระสุน(ทามะ) ?
ยูคาริ : อย่าพูดเหมือนพวกบ้าห่ากระสุนสิ
คางุยะ : วิญญาณ(ทามะ)อันไร้แก่นสารสิงสู่อยู่ในมนุษย์
คางุยะ : ที่ซึ่งมนุษย์เหล่านั้นอาศัยอยู่คือลูกแก้ว(ทามะ)ขนาดใหญ่
คางุยะ : และ, ที่ซึ่งเหล่าผู้สูงส่งอาศัยอยู่ก็คือ... ...
คางุยะ : ลูกแก้ว(ทามะ)วิกลจริตที่เห็นอยู่ข้างหลังนั่น
ยูคาริ : แล้ว, สิ่งที่พวกฉันต้องหลบเลี่ยงล่ะ
เรย์มุ : กระสุน(ทามะ)ที่สวยงาม, ไงล่ะ
คางุยะ : อย่าแย่งบทพูดของคนอื่นสิ
คางุยะ : เดี๋ยวทางนี้ก็โกรธซะเลย
เรย์มุ : แหม, บทพูดที่เดาได้ล่วงหน้าน่ะ, ถึงไม่พูดก็สื่อออกมาได้น่า
เรย์มุ : ยังไงซะ, พวกฉันก็เป็นแขกที่มากับกระสุนน่ะน้า
คางุยะ : ให้ตายสิ, ใจร้อนจริงน้า
คางุยะ : ถึงไม่รีบ ก็จะแสดงให้ดูอยู่แล้วล่ะ
คางุยะ : ความเป็นพิษที่พระจันทร์ของจริงมีอยู่ !
คางุยะ : แล้วก็, สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้อันแสนงดงามของฉัน !
ยูคาริ : ท่าทางจะว่างจริงๆนะ... ...
ยูคาริ : กำลังหาเพื่อนเล่นอยู่พอดีล่ะสิ ?
คางุยะ : ง่ะ, ของมันแน่อยู่แล้ว อย่าชักใบให้เรือเสียสิ
คางุยะ : แค่ต้องซ่อนตัวอยู่จนถึงตอนนี้เลยไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเท่านั้นแหละ
คางุยะ : แต่ว่า, วันนี้ขอเล่นชดเชยในส่วนนั้นเลยละกัน
เรย์มุ : เอางั้นก็ได้อยู่หรอก
เรย์มุ : แต่ว่าอยากเห็นจันทร์เพ็ญกลับเป็นปกติแล้วซะด้วยสิ
เรย์มุ : ที่เหลือก็แค่ลงโทษคนร้ายตามความผิดเท่านั้นแหละ
คางุยะ : โชคร้ายหน่อยนะ, จะเห็นจันทร์เพ็ญของจริงได้จากที่นี่เท่านั้นล่ะ
เรย์มุ : ว่าไงนะ--- !
เรย์มุ : อ่า ก็ไม่ได้จะพูดถึงขนาดนั้นหรอก
เรย์มุ : แต่ยังไงซะ ก็ต้องลงโทษอยู่แล้วด้วย
คางุยะ : เอาล่ะ, เตรียมตัวเตรียมใจเสร็จแล้วสินะ
ยูคาริ : ไม่เลย
เรย์มุ : ไม่เลย
คางุยะ : โจทย์ทั้งห้าซึ่งทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน
(เปิดเพลง BGM : คนตัดไผ่โบยบิน ~ ลูนาติค พรินเซส (เจ้าหญิงวิกลจริต))
คางุยะ : พวกเธอจะทำสำเร็จได้สักกี่ข้อกันนะ ?
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
คางุยะ : อะไรกันเนี่ย !
คางุยะ : ที่แท้, คนที่กำลังหยุดราตรีเอาไว้ก็คือ... ...,
คางุยะ : พวกเธอเองสินะ
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
คางุยะ : ราตรีไม่สิ้นสุดแบบครึ่งๆกลางๆที่พวกเธอสร้างขึ้นน่ะ... ...
คางุยะ : จะทำลายให้สิ้นด้วยวิชาควบคุมความนิรันดร์ของฉันให้เป็นขวัญตา
คางุยะ : รุ่งสางน่าจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว
คางุยะ : ว่าไง ?
คางุยะ : เพียงเท่านี้ก็จะทำลายวิชาราตรีนิรันดร์, และรุ่งสางก็จะมาถึง !
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
・หาก Game Over ในฉากนี้จะคอนทินิวไม่ได้ และ >> BAD ENDING No. 9
・หากเล่นจนถึง Last Spell ของคางุยะได้ >> GOOD ENDING No. 1
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Story ทีมท่วงทำนองอาคมต้องห้าม
ทีมท่วงทำนองอาคมต้องห้าม สองจอมเวทผู้อาศัยอยู่ในป่าเวทมนตร์ เคลื่อนที่เร็ว พลังทำลายสูงส่ง |
|||||||||||
มนุษย์ | โยวไค | ||||||||||
คิริซาเมะ มาริสะ | อลิส มาร์กาทรอยด์ | ||||||||||
สาวน้อยจอมเวทดำธรรมดาสามัญ พลังทำลายจากแรงส่งขั้นสูงสุดต้องมาก่อน |
จอมเวทผู้ใช้สิ่งที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ มีความสุขที่ตุ๊กตาไม่ปริปากบ่น |
||||||||||
(ทีม) ☆☆☆☆☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบเร็ว : | ☆☆☆☆ | |||||||||
☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบช้า : | ☆☆ (ทีม) | |||||||||
ท่าพิเศษ : | ดูดไอเทมได้แม้จะไม่ Power MAX | 「ตุ๊กตาเซี่ยงไฮ้」 | : ข้ารับใช้ |
「Stardust Missile」 | : กระสุน : | 「Spectrum Mystery」 |
ยันต์รัก「Master Spark」 | : Spell Card : | ยันต์เวท「Artful Sacrifice」 |
ปืนใหญ่เวท「Final Spark」 | : Last Spell : | เวทเชิดหุ่น「Return Inanimateness」 |
ลักษณะพิเศษของทีม | ||
ขอบเขตการดูดไอเทมในจออยู่ใกล้กว่าปกติ จุดกระทบที่มีต่อไอเทมกว้างกว่าปกติ |
Tips :
- สิ่งที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ (人の形) มาจากคำว่า ตุ๊กตา (人形)
Stage 1
ชื่อด่าน : ปลายทางของไฟหิ่งห้อย
คิดไปเองรึเปล่านะว่าแสงของหิ่งห้อยมันสว่างกว่าทุกที
ท่าทางคืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ยาวนานนะ
(เปิดเพลง BGM : ราตรีลวงตา ~ โกสท์ลี่ อายส์ (ตาผี))
มาริสะ : อา, พระจันทร์สวยจังน้า
อลิส : เอ๊ะ, เธอเห็นเป็นอย่างนั้นเหรอ ?
มาริสะ : ฮึ, ก็สวยไม่ใช่เรอะ
มาริสะ : พระจันทร์แบบนี้มันเรียกว่าอะไรนะ ? มัทสึโยอิ ? (เป็นพระจันทร์ที่เห็นได้ในวันขึ้น 14 ค่ำ)
อลิส : สบายใจเสียจริงนะ
อลิส : ถ้ามัวแต่สนุกกับการชมจันทร์จนไม่ยอมช่วยเหลืออะไรล่ะก็... ...
อลิส : ฉันไม่พาคนอย่างเธอออกมาด้วยแน่ๆ
?? : คืนที่มองเห็นพระจันทร์ก็ต้องสนุกไปกับมันสิ
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก เข้ามาในหน้าจอ)
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก
Wriggle Nightbug
ริกเกิ้ล : เนอะ, ท่านทั้งสอง
มาริสะ : สนุกอยู่นะว้อย, ฉันน่ะ
อลิส : ตายจริง, ฉันก็สนุกอยู่เหมือนกัน
อลิส : มากกว่าเธออีกนะ, มาริสะ
ริกเกิ้ล : เรื่องที่พูดเมื่อกี้ต้องผิดแหงเลย
อลิส : ผิดสิ
อลิส : เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันสนุกน่ะไม่ใช่การชมจันทร์, (มาริสะพูดแทรก)
มาริสะ : ชมหิ่งห้อยรึไง ?
อลิส : น่าเสียดายนะ, สำหรับเธอ
ริกเกิ้ล : ... ...ถ้าไม่เข้ามาล่ะก็ ฉันจะลุยล่ะนะ !
อลิส : มันคือการล่าหิ่งห้อยต่างหากล่ะ
(เปิดเพลง BGM : พระจันทร์ฤดูใบไม้ผลิยั้วเยี้ย ~ มูนด์ อินเสคท์ (แมลงครึ่งจันทร์))
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก แพ้พ่าย)
มาริสะ : ล่าหิ่งห้อยน่ะ มันคือการจับหิ่งห้อยนะ
มาริสะ : ไม่ใช่การสอยทิ้งโว้ย
อลิส : ฉันก็คิดจะจับอยู่หรอกนะ, แต่เธอเป็นคนซัดร่วงไปเองนี่นา ?
มาริสะ : บ๊ะ, ให้ตายสิวะ... ...
มาริสะ : ฉันแค่หลบหิ่งห้อยเท่านั้นเอง, อย่าเข้าใจผิดเซ่
Stage 2
ชื่อด่าน : ถนนที่มนุษย์หายตัวไป
แม้เป็นถนนที่มนุษย์ใช้สัญจร, พอตกกลางคืนก็มีแต่สัตว์ป่าหรือโยวไคมาใช้งาน
อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเห็นมนุษย์ล่ะ
(เปิดเพลง BGM : เสียงร้องของนกกระจอกราตรี ~ ไนท์ เบิร์ด (วิหคราตรี))
(มิสเทีย โลเรไล เข้ามาในหน้าจอ)
?? : คะ.. คอยเดี๋ยวสิ~ !
มาริสะ : อ๋า--- ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ภูตนกกระจอกราตรี
มิสเทีย โลเรไล
Mystia Lorelei
มิสเทีย : กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ คิดจะไปไหนกันเหรอ ?
มาริสะ : นี่เป็นช่วงเดือนมุ่งเน้นกำราบโยวไคประจำปีน่ะ (เพราะหลายภาคที่ผ่านมา ตัวเกมจะวางขายในงาน Comike (ช่วงเดือนสิงหาคม) เสมอ)
มาริสะ : มีโยวไคอยู่ที่ไหนก็จะมุ่งหน้าไปที่นั่นไงล่ะว้อย
มิสเทีย : อะไรล่ะนั่น ?
มิสเทีย : จะหาเรื่องฉันงั้นเหรอ ?
อลิส : มาริสะเป็นพวกที่เห็นการกำราบโยวไคเป็นเรื่องเล่นน่ะ
มาริสะ : โอ๋ ?
มาริสะ : ไม่รู้ฝีมือในการกำราบโยวไคของฉันรึไง ?
มาริสะ : หลังจากที่ฉันปล่อยปืนใหญ่เวทออกไปน่ะ, อย่าว่าแต่โยวไคเลย, มนุษย์ก็ไม่เหลือ
มิสเทีย : มนุษย์ตรงนั้นน่ะ
มิสเทีย : ไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ
มาริสะ : อ๋า--- ?
มิสเทีย : ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่กลัวฉันบนถนนยามราตรีหรอกนะ
มิสเทีย : ถ้าอยากจะทำขึ้นมาล่ะก็, ฉันสามารถเรียกโยวไคมามากพอที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เลยนะ
อลิส : ... ...ฮึ, เจ้านกกระจอกราตรีนี่พูดอะไรออกมาน่ะ
มาริสะ : ฮะฮะฮ่า~
มาริสะ : ไม่รู้ซะแล้วว่าฉันคนนี้เป็นใคร
อลิส : ก็มนุษย์ไง ?
มิสเทีย : มนุษย์ไง
อลิส : มนุษย์แท้ๆเลยล่ะ
มาริสะ : ก็ใช่อ่ะนะ
มิสเทีย : เข้าใจรึเปล่า ?
มิสเทีย : ตั้งแต่คืนนี้ไป พวกเธอน่ะ... ...
มิสเทีย : จะมองไม่เห็นในยามกลางราตรีอีกต่อไป
(เปิดเพลง BGM : ได้ยินแต่เสียงเพลงแล้ว)
(มิสเทีย โลเรไล แพ้พ่าย)
มาริสะ : อ๊า--- เห็นชัดแจ๋วเลย
มาริสะ : มืดแค่ไหนก็ไร้ปัญหาล่ะว้อย
อลิส : ให้ตายสิ !
อลิส : อย่ามัวแต่สนใจพวกปลาซิวปลาสร้อยพรรค์นี้เลยน่า รีบไปกันเถอะ !
มาริสะ : ไอ้นั่นมันก็จริง ว่าแต่จะไปทางไหนล่ะ
มาริสะ : ทางโน้นไม่น่าจะมีศัตรูอยู่หรอกมั้ง... ...
อลิส : แต่ว่า, ฉันรู้สึกได้ถึงปราณภูตจากทางนั้นนะ
มาริสะ : ทางโน้นน่ะมีแต่มนุษย์เท่านั้นแหละ
มาริสะ : แถมยังนิสัยดีเหมือนฉันด้วยนะว้อย
Stage 3
ชื่อด่าน : ความอาลัยอาวรณ์แห่งการเขมือบประวัติศาสตร์
ปลายทางเกวียนสายหนึ่ง มีหมู่บ้านเล็กๆที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่
แต่สถานที่ซึ่งน่าจะมีหมู่บ้านอยู่นั้น, กลับไม่มีอะไรอยู่เลย
(เปิดเพลง BGM : เลือดตะวันออกแสนอาวรณ์ ~ โอลด์ เวิลด์ (โลกเก่า))
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : พวกเธอเองเหรอ
?? : ที่คิดจะจู่โจมหมู่บ้านกลางดึกแบบนี้
มาริสะ : เปล่านา
มาริสะ : แค่จะผ่านทางเท่านั้นแหละ, อย่าใส่ใจเลยน่า
?? : ฮึ, คำพูดของโยวไคน่ะเชื่อถือไม่ได้หรอก
?? : จะทำให้คืนนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ !
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ หยุดต่อสู้ชั่วคราว)
?? : พวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ?
มาริสะ : โอ๊ะ ไอ้ที่พูดนั่นน่ะ แสดงว่า,
มาริสะ : สำนึกได้แล้วใช่มะ ? ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจมองข้ามได้
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ออกไปจากหน้าจอ)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ถอยมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆสินะ
มาริสะ : เอ้า, ส่งพวกมนุษย์มาซะทีได้มั้ย
อลิส : เดี๋ยวสิเดี๋ยวสิ มาริสะ ! ใครบอกว่าจะกินพวกมนุษย์กันเล่า
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ครึ่งสัตว์แห่งประวัติศาสตร์และความรู้
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
Keine Kamishirasawa
เคย์เนะ : ฮึ
เคย์เนะ : การที่มีโยวไคโผล่มาถึงหมู่บ้านแบบนี้
เคย์เนะ : เป็นเพราะพระจันทร์ประหลาดนี่จริงๆด้วยสินะ
เคย์เนะ : ทั้งๆที่แทบจะไม่เคยโผล่มาให้เห็นเลยจนถึงตอนนี้แท้ๆ
มาริสะ : ไม่มีใครพูดว่าจะกินมนุษย์นะว้อย
อลิส : ยังไงก็ช่างเถอะ
อลิส : ฉันกำลังรีบนะ !
อลิส : เธอจะเป็นใครฉันไม่รู้หรอก,
อลิส : แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามายุ่งกับพวกมนุษย์แล้ว
มาริสะ : พูดแรงจังว่ะ
เคย์เนะ : ถ้าผ่านไปอย่างสงบเสงี่ยม,
เคย์เนะ : ฉันก็จะไม่ทำอะไรหรอก
เคย์เนะ : แต่พวกเธอน่ะเสียงดังเกินไปหน่อยแล้ว
อลิส : เขาว่าเสียงดังแน่ะ, มาริสะ
อลิส : เป็นเพราะเธอใช้เวทมนตร์เต็มกำลัง, ทั้งๆที่เป็นเวลากลางคืนนั่นแหละ
มาริสะ : พูดอะไรของเธอน่ะ ?
มาริสะ : เวทมนตร์มันเป็นของที่ต้องใช้อย่างเต็มกำลังในเวลากลางคืนนะว้อย ?
มาริสะ : แอบใช้ไม่ให้ใครเห็นใต้แสงตะวันน่ะ,
มาริสะ : มันพวกภาพถ่ายแสงอาทิตย์โน่น (หมายถึงเทคนิคการถ่ายภาพแบบ Cyanotype ซึ่งต้องถ่ายภายใต้แสงอาทิตย์)
เคย์เนะ : บรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจโชยมา ก็เลยปิดกั้นหมู่บ้านไป... ...
เคย์เนะ : แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดถูกแล้วสินะ
มาริสะ : ก็บอกแล้วไงเล่า---
มาริสะ : ไม่มีใครพูดว่าจะทำร้ายมนุษย์สักหน่อย
อลิส : (... ...ก็พูดว่า, ส่งมาซะ, ไม่ใช่เหรอ ?)
มาริสะ : สงสัยต้องมีธุระกับมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าสักหน่อยแล้ว !
เคย์เนะ : จะยังไงก็ช่างเถอะ, เจ้าคนโป้ปดนี่
(เปิดเพลง BGM : Plain Asia (เอเชียที่เรียบง่าย))
เคย์เนะ : ฉันจะไม่ยอมให้ห่ากระสุนตกลงไปที่หมู่บ้านและประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแม้แต่นัดเดียว
อลิส : มาริสะ !
อลิส : คิดว่าเธอคงไม่เข้าใจ แต่ว่า,
อลิส : ยัยนี่ไม่ใช่มนุษย์นะ
อลิส : เป็นครึ่งสัตว์ต่างหาก
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
มาริสะ : ครึ่งสัตว์ที่แปลงร่างไม่ได้เพราะไม่มีจันทร์เพ็ญน่ะ,
มาริสะ : มันก็แค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นแหละ
อลิส : เธอก็เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เหรอ ?
เคย์เนะ : ถ้าเพียงมีจันทร์เพ็ญล่ะก็... กับแค่เจ้าพวกนี้... ...
อลิส : ใช่ใช่
อลิส : พวกฉันกำลังพยายามตามหาจันทร์เพ็ญกลับมาอยู่น่ะ
มาริสะ : ใช่แล้ว, ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ?
เคย์เนะ : อ๋า--- ?
เคย์เนะ : อะไรล่ะนั่น, ไม่เคยได้ยินเลย
อลิส : ถ้าเป็นเธอล่ะก็, น่าจะรู้ว่าเป็นฝีมือของใครสินะ
มาริสะ : เอ้า, ฉันเป็นฝ่ายชนะนะ, บอกมาตามสัญญาซะทีสิ
มาริสะ : ถึงจะเพิ่งทำสัญญาเมื่อกี้ก็เถอะ
Stage 4 Uncanny
ชื่อด่าน : ดินแดนแห่งความฝันในตำนาน
ดินแดนแห่งต้นไผ่ต้องแสงจันทร์, ดูราวกับความฝันอย่างน่าประหลาด
ดูเหมือนว่าแม้จนตอนนี้, ต้นไผ่ก็ยังคงส่องแสงออกมาอย่างน่าพิศวง
(เปิดเพลง BGM : กรรมสนองราตรีนิรันดร์ ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด.)
?? : หยุดเดี๋ยวนี้นะ !
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ เข้ามาในหน้าจอ)
เรย์มุ : อะไรกัน, คิดอยู่ว่ามันแปลกๆที่ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่ถึงรุ่งสางสักที,
เรย์มุ : ที่แท้ก็เป็นฝีมือของมาริสะเองสินะ
มาริสะ : เฮ้ย, เข้าใจผิดแล้ว
มาริสะ : คนผิดคือยัยนี่คนเดียวต่างหากล่ะว้อย
อลิส : อะไรเล่า
อลิส : เธอเองก็มีความผิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มิโกะผู้เลิศล้ำแห่งสรวงสวรรค์
ฮาคุเรย์ เรย์มุ
Hakurei Reimu
เรย์มุ : ทำเรื่องแบบนี้ลงไป... ...
เรย์มุ : วางแผนอะไรอยู่กันแน่
มาริสะ : เรื่องนั้นมันก็, ไอ้นั่นไง
มาริสะ : คือเรย์มุ, จะบอกเธอยังไงดีหว่า... ...
อลิส : มัวอ้อมแอ้มอยู่ได้
อลิส : พูดออกไปเหมือนทุกทีก็ได้นี่
อลิส : เกะกะน่า, หลบไปให้พ้น !
อลิส : อะไรแบบนั้น
มาริสะ : จะบ้าเรอะ !
มาริสะ : ไปทำให้ยัยนั่นโกรธเดี๋ยวก็ซวยกันพอดี
เรย์มุ : การทำให้ฉันโกรธนี่ถือเป็นเรื่องแย่งั้นเหรอ ?
เรย์มุ : วันนี้ต้องลงโทษสักหน่อยแล้วสินะ
อลิส : ฮึ
อลิส : เธอน่ะ, มองข้างหลังแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ?
อลิส : พระจันทร์เบี้ยวจนดูออกได้ง่ายขนาดนั้นแล้วแท้ๆ !
เรย์มุ : อ๋า !
เรย์มุ : พระจันทร์นี่ก็เป็นฝีมือของพวกเธอสินะ !
(เปิดเพลง BGM : ความเอาแต่ใจของสาวน้อย ~ ดรีม แบทเทิล (ศึกในฝัน))
มาริสะ : เออ, ช่างแม่ง, ยอมแล้ว
มาริสะ : ถูกต้องแล้ว
มาริสะ : ราตรีที่ไม่ยอมสิ้นสุดนี่, พระจันทร์แหว่งๆเบี้ยวๆนี่,
มาริสะ : หมู่บ้านมนุษย์ที่หายไป,
มาริสะ : เอาร่มไปติดให้คุณจิโซว,
(มาจากนิทานญี่ปุ่น ซึ่งคุณตาเอาร่มไปติดให้คุณจิโซว (พระพุทธรูปหินข้างทาง) เพื่อกันหิมะ แล้วคุณจิโซวตามมาตอบแทนบุญคุณ)
มาริสะ : อลิสเป็นคนทำทั้งหมดเลย
มาริสะ : เพราะงั้น, หลบไปซะ !
เรย์มุ : มันก็ได้อยู่หรอกนะ
เรย์มุ : ด้วยป่าไผ่อาบแสงจันทร์แห่งนี้,
เรย์มุ : พวกเธอจะกลายเป็นหนึ่งในปล้องไผ่เปล่งแสง
เรย์มุ : ช่างงดงามเสียจริงนะ
อลิส : คำพูดนั้นน่ะ, ขอแก้นิดหน่อยแล้วคืนให้ละกัน
เรย์มุ : เอาล่ะ !
เรย์มุ : ราตรีที่ไม่ยอมจบ, จะจบลงที่นี่ล่ะ !
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : อ้าว ?
มาริสะ : หนีไปแบบนี้ไม่สมกับเป็นยัยนั่นเลยแฮะ
อลิส : ตามไปกันเถอะ, มาริสะ
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ เข้ามาในหน้าจอ)
เรย์มุ : เอาล่ะ, ฉันจะแสดงเขตแดนที่แท้จริงให้พวกเธอดูเอง
มาริสะ : มีความจำเป็นอะไรถึงต้องแบ่งเป็นสองช่วงแบบนี้เนี่ย
เรย์มุ : ทางนั้นมีสองคนก็ต้องสองครั้งสิ !
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ แพ้พ่าย)
มาริสะ : เอาล่ะ, รีบไปกันเหอะว่ะ
อลิส : เห็นจุดหมายปลายทางแล้วล่ะ
เรย์มุ : ช่วยไม่ได้นะ
เรย์มุ : จะวางแผนร้ายอะไรก็เอาแค่พอประมาณล่ะ
อลิส : ไหงพูดอะไรแบบนั้นล่ะ ?
มาริสะ : เห
มาริสะ : กลางป่าไผ่มีเรือนไม้ใหญ่โตขนาดนี้อยู่ด้วยว่ะ, เพิ่งรู้นะเนี่ย
เรย์มุ : อ๋า--- ?
เรย์มุ : ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน
อลิส : ไปก่อนนะ
อลิส : บอกลาเด็กดีกับหมาขี้แพ้ตรงนี้ล่ะ
มาริสะ : เรย์มุ, ท่าทางเธอจะได้หยุดหนึ่งตาไปชั่วนิรันดร์ว่ะ (หยุดหนึ่งตา=ศัพท์ในเกมเศรษฐี) (และหมายถึงเรย์มุจะโดนแย่งงานอย่างถาวรนั่นเอง)
มาริสะ : ไปล่ะ
Stage 5
ชื่อด่าน : กรงที่สวยงามในโลกที่โสมม
「เหตุใดจึงต้องอยู่ในโลกที่โสมมนี้ไปอีกนานๆด้วยล่ะ」
เมื่อกล่าวเช่นนั้น, ประตูที่ถูกปิดก็เปิดออกจนหมดสิ้น------
(จากนิทานคนตัดไผ่ / นิทานเจ้าหญิงคางุยะ)
(เปิดเพลง BGM : Cinderella Cage (กรงซินเดอเรลล่า) ~ คาโกเมะ-คาโกเมะ)
?? : สายไปแล้วนะ
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ประตูทั้งหมดถูกผนึกแล้ว
?? : ใครจะยอมให้พาองค์หญิงออกไปได้กันล่ะ ?
มาริสะ : โอ้
มาริสะ : เป็นทางเดินที่มืดและยาวน่าดูเลยนะ, อลิสเอ๋ย
อลิส : ก่อนอื่นก็, จัดการศัตรูก่อนดีมั้ย ?
อลิส : ไอ้ที่อยู่ตรงหน้าเนี่ย
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต
เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ
Reisen Udongein Inaba
เรย์เซน : เอ๊ะ, อะไรกัน ?
เรย์เซน : พวกเธอ... ..., ชาวพื้นพิภพ(โลก)นี่นา
เรย์เซน : กลางดึกแบบนี้มีธุระอะไรเหรอ ?
มาริสะ : ถ้ายาวขนาดนี้ล่ะก็,
มาริสะ : ต่อให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดสักกี่คนก็ต้องถูพื้นกันทั้งวันถึงจะเสร็จแหงๆ
อลิส : แต่ฉันคิดว่าน่าจะใช้เวลาและแรงงานน้อยกว่าการทำความสะอาดบ้านของมาริสะนะ
อลิส : เอ๊ย, รีบจัดการศัตรูกันสักทีดีกว่ามั้ย ?
เรย์เซน : ให้ตายสิ, มีพวกเพี้ยนๆหลงเข้ามาซะได้
เรย์เซน : ทางเรากำลังยุ่งอยู่นะ
เรย์เซน : ถ้าไม่มีธุระอื่นใดนอกจากย่องเบาล่ะก็, รีบกลับไปซะเถอะ
มาริสะ : พวกที่มีงานยุ่งในเวลาค่ำคืนน่ะ, มีแต่พวกที่ใช้ชีวิตอย่างไม่เหมาะสมเท่านั้นแหละ
มาริสะ : เนอะ, เพื่อนร่วมอาชีพเอ๋ย
อลิส : ถ้ามาริสะไม่ยอมพูดเข้าประเด็นล่ะก็, ฉันจะพูดเอง
อลิส : เหตุวิปลาสที่พระจันทร์บิดเบี้ยวเนี่ย, เป็นฝีมือของเธอหรือพรรคพวกของเธอใช่มั้ย ?
เรย์เซน : ใช่แล้ว
มาริสะ : เอาล่ะ, งั้นจะทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมแต่โดยดี,
มาริสะ : หรือตีกันสักตั้งก่อนค่อยทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมแต่โดยดี
มาริสะ : เลือกเอาซักอย่างซิ !
อลิส : อย่าแย่งแต่ส่วนที่อร่อยสิ (หมายถึง บทพูดที่เด็ดๆ)
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : พระจันทร์นั่น, ยังทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก
?? : แม้แต่ในตอนที่กำลังทำแบบนี้อยู่, ความสัมพันธ์ต่อชาวจันทราก็ยังคงเลวร้ายอยู่เช่นเดิม
?? : ฉะนี้แล้ว, ทางหนีสำหรับองค์หญิงจึงมีเพียงการทำให้พื้นพิภพกลายเป็นห้องลับขนาดใหญ่เท่านั้น
มาริสะ : อ๋า ? อะไรกันล่ะนั่น ?
อลิส : มาริสะ, อันตราย
อลิส : พลังของยัยนี่น่ะ มากมายชนิดที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนเลย... ...
?? : ดูเหมือนพวกเธอจะ Copy พลังแห่งยุคโบราณมาใช้อยู่สินะ
?? : พลังแห่งความปั่นป่วนในยุคที่ยังไม่มีมนุษย์
?? : ช่างน่าคิดถึงยุคนั้นเสียจริง
?? : ความสามารถของพวกเธอก็ควรจะต้องยอมรับว่าเป็นแบบพิเศษล่ะมั้ง
?? : เอาเถอะ ก่อนอื่น, อุดองเกะ, ฝากที่นี่ให้เธอจัดการหน่อยนะ
?? : ต่อให้ผิดพลาด, ก็พยายามอย่าให้องค์หญิงถูกพาตัวไปได้ล่ะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์เซน : ให้ฉันจัดการเองค่ะ
เรย์เซน : ประตูที่ถูกปิดไว้, จะไม่ให้ถูกเปิดแม้แต่บานเดียวค่ะ
มาริสะ : อะไรว้า ? เอาแต่พูดบลาบลาบลา แล้วก็หนีไปพูดไปเนี่ยน้า,
มาริสะ : อย่างกับจะบอกว่า, หลังจากนี้ช่วยมาโค่นฉันที, เลยว่ะ (เพราะการฝากให้ลูกน้องจัดการ เป็นบทพูดยอดนิยมของพวกบอส)
อลิส : ก็พูดอย่างนั้นนั่นแหละ
อลิส : แต่จะตามไปโค่นหรือทำอะไร,
อลิส : ก็ต้องตัดสินให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นตัวการก่อเหตุวิปลาสหรือเปล่าน่ะนะ
อลิส : ถ้าลืมเรื่องนั้นล่ะก็, เดี๋ยวจะถึงเช้าซะก่อน
เรย์เซน : พวกเธอน่ะ, มองข้ามฉันมากเกินไปแล้วนะ
(เปิดเพลง BGM : ม่านตาแห่งความวิกลจริต ~ อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน (จันทร์เพ็ญล่องหน))
เรย์เซน : เข้าใจรึเปล่า ?
เรย์เซน : ทางเดินนี้น่ะคือ ทางเดินสะกดจิต ซึ่งเป็นหนึ่งในกับดักของฉัน
เรย์เซน : พวกเธอที่บินตรงๆยังทำไม่ได้น่ะ,
เรย์เซน : จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยพลังของฉันไงล่ะ
อลิส : นั่นมันบทพูดของมาริสะต่างหาก
อลิส : จงหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยด้วยปืนใหญ่เวทแห่งแสงซะเถอะ, เจ้าหญ้าเพนเพนเอ๋ย (หญ้าชนิดหนึ่งในญี่ปุ่น ค่อนข้างบอบบางและอ่อนแอ)
มาริสะ : อย่าแย่งส่วนที่อร่อยสิวะ
เรย์เซน : บทพูดนั่นน่ะ, หากมองมาที่ตาของฉันซึ่งเป็นกระต่ายจันทรา,
เรย์เซน : จะยังพูดออกมาได้รึเปล่านะ ?
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ แพ้พ่าย)
(ผู้เล่นเลือกทางแยก)
ไล่ยิงเจ้าคนเมื่อกี้ (Final A)
ยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า (Final B)
Final A มาริสะ : พระจันทร์กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วเหรอ ? อลิส : ไม่, ไม่ใช่ยัยนี่ อลิส : คงเป็นเจ้าคนเมื่อกี้จริงๆ... ... เรย์เซน : แค่เอาชนะฉันได้เนี่ย, เรย์เซน : คิดว่าจะต่อกรกับอาจารย์ได้อย่างนั้นเหรอ ? อลิส : ก็ไม่น่าจะแพ้น่ะนะ มาริสะ : อย่าทำท่าน่าสังเวชแบบนั้นน่า เรย์เซน : คราวนี้น่ะ, ฉันยอมรับว่าพ่ายแพ้ในแง่ของพลังก็จริง... ... เรย์เซน : แต่อาจารย์น่ะ, เรย์เซน : เป็นเจ้าของมันสมองอันดับหนึ่งแห่งผิวจันทร์ เรย์เซน : พวกโง่เง่าอย่างพวกเธอน่ะไม่มีทางเอาชนะได้หรอก มาริสะ : อ๋า--- ? ใช้สมองในการดันมาคุ ? มาริสะ : บ้าอ๊ะป่าว ? ดันมาคุมันต้อง Power ต่างหาก อลิส : เพราะพูดแบบนั้นถึงได้โดนหาว่าโง่ไงล่ะ อลิส : ดันมาคุมันต้อง Brain อยู่แล้ว, เป็นสามัญสำนึกเลยนะ |
Final B มาริสะ : พระจันทร์กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วเหรอ ? อลิส : ไม่, ไม่ใช่ยัยนี่ อลิส : ดูสิ, ตรงโน้น... ... มาริสะ : รู้แล้วว้อย, เฉพาะประตูนั่นที่แง้มอยู่นิดหน่อย มาริสะ : เพิ่งเคยเจอปราณภูตที่แข็งแกร่งขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยว่ะ เรย์เซน : อ๊า, ตรงนั้นมัน อลิส : คลังดินปืนสินะ ? (ความหมายแฝง=สถานที่ซึ่งอันตรายมากๆ) มาริสะ : คลังดินปืนนั่นแหละ อลิส : ยังไงก็ต้องไปล่ะนะ อลิส : ต่อให้เป็นคลังดินปืนของตัวการก่อเหตุวิปลาสก็ตาม มาริสะ : นั่นสินะ มาริสะ : มันดันเป็นคลังดินปืนที่จะคลี่คลายทุกอย่างซะด้วยสิ เรย์เซน : อ๊า, โดนอาจารย์โกรธแน่เลย |
Final A
ชื่อด่าน : ลูกแก้วแห่งท้องฟ้ายามราตรีที่ซุกซ่อนเจ้าหญิงเอาไว้
ทางเดินที่ยาวแสนยาว, ทางเดินนี้เป็นภาพหลอนที่สร้างขึ้นโดยใครบางคนรึเปล่านะ
ความทรงจำของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้เกินไปนั้น, เป็นสิ่งเลือนรางที่น่าคิดถึงสำหรับโยวไค
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ฮุฮุฮุ
?? : ตามมาอย่างดีเลยสินะ
อลิส : มาริสะ !
อลิส : ยัยนั่นจะโจมตีแล้ว
มาริสะ : ให้ตายสิวะ, ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วโว้ย
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหนีมาหลายทีแล้วนะ,
มาริสะ : หรือว่ากำลังรีบร้อนอยู่ ?
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : รีบร้อน ?
?? : พวกเธอนี่โง่เขลาจังน้า
?? : ไม่รู้สึกตัวเลยล่ะสิว่าถูกล่อมาจนถึงที่นี่
อลิส : มาริสะ, ดูรอบๆสิ !
มาริสะ : ดูอยู่
มาริสะ : ออกมาข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มันสมองของดวงจันทร์
ยาโกะโคโระ เอย์ริน
Eirin Yagokoro
เอย์ริน : ใช่แล้ว, ข้างนอก
เอย์ริน : พวกเธอถูกล่อด้วยทางเดินยาวจนมาถึงที่นี่ไงล่ะ
เอย์ริน : เป็นไงบ้างล่ะ ?
เอย์ริน : อากาศของข้างนอก
มาริสะ : จะว่าไปก็มีอากาศอยู่เหมือนกันแฮะ
มาริสะ : นอกพื้นพิภพ(โลก)เนี่ย
อลิส : มาริสะ ! มันแปลกนะ
อลิส : ทั้งพระจันทร์นี่และพวกดวงดาว... ...
มาริสะ : เอาแต่เรียก มาริสะ มาริสะ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว น่ารำคาญว้อย
มาริสะ : สุดท้ายแล้วถ้าไม่มีใครอยู่ด้วยก็ทำอะไรไม่เป็นรึไง
เอย์ริน : ฮุฮุฮุ
เอย์ริน : พอทำอย่างนี้, ก็จะเชื่อมโยงพระจันทร์ปลอมเข้ากับมนุษย์ที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ได้
เอย์ริน : เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างดวงจันทร์กับพื้นพิภพ, ได้ถูกตัดขาดลงด้วยมือของฉันแล้ว
เอย์ริน : เพียงเท่านี้, ชาวพื้นพิภพก็ไม่อาจไปถึงดวงจันทร์ได้
เอย์ริน : และชาวจันทรา, ก็จะไม่สามารถออกตามหาองค์หญิงได้
มาริสะ : องค์หญิง ?
มาริสะ : งั้นเหรอ, พวกเธอเป็นชาวจันทราสินะ
อลิส : ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ?
มาริสะ : พวกที่สติแตกน่ะ, ส่วนใหญ่จะมีดวงจันทร์เป็นต้นเหตุ
มาริสะ : ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งหรอกว้อย
เอย์ริน : ใช่แล้ว, ทั้งองค์หญิง ทั้งฉัน ทั้งเรย์เซน ล้วนมาจากดวงจันทร์
เอย์ริน : แต่ไม่คิดจะกลับไปแล้วล่ะ
เอย์ริน : ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว
มาริสะ : ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอจะกลับหรือจะทำอะไรหรอกว้อย
มาริสะ : คิดว่าชาวจันทราเป็นพวกที่สนุกกับการชมจันทร์รึไง ?
เอย์ริน : อะไรกัน... ...
เอย์ริน : ชาวพื้นพิภพเอง ถ้าเพียงแค่มองก็ไม่เกิดปัญหาอะไรแล้วแท้ๆ... ...
เอย์ริน : แต่กลับมีชาวพื้นพิภพที่แสนโง่เขลาปรากฏตัวขึ้น,
เอย์ริน : และพยายามเดินทางจนมาถึงดวงจันทร์,
เอย์ริน : จนในท้ายที่สุด,
เอย์ริน : ก็ปักธง, และทำเหมือนกับว่าดวงจันทร์เป็นสิ่งของของตนเอง
เอย์ริน : เพราะแบบนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด,
เอย์ริน : ชาวพื้นพิภพก็ยังเป็นชนชั้นต่ำอยู่วันยันค่ำ
อลิส : ฮึ
อลิส : พวกฉันไม่เลียนแบบเรื่องทำนองนั้นหรอก
อลิส : บนพื้นพิภพเองก็มีคนที่เดือดร้อนถ้าปราศจากจันทร์เพ็ญอยู่นะ
อลิส : ถ้าหากเธอเอาจันทร์เพ็ญไปซ่อนล่ะก็,
อลิส : ได้คิดถึงผลกรรมที่จะตามมาบ้างรึเปล่า ?
เอย์ริน : อา, ช่างเถอะ
เอย์ริน : อย่างไรเสีย, วิชานี้ก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว
เอย์ริน : ไว้ถ้าถึงเช้าเมื่อไหร่ จะคืนจันทร์เพ็ญให้ละกัน
เอย์ริน : ถึงแม้ว่าแต่แรกเริ่มเดิมที, มันจะเป็นของพวกฉันก็เถอะนะ
มาริสะ : งั้นเหรอ
มาริสะ : ถ้างั้น, ที่เหลือก็แค่รับผลกรรมเฉพาะส่วนที่ซ่อนมาจนถึงตอนนี้ละกันนะ
อลิส : นั่นสินะ
อลิส : เอาให้เจ็บสักขนาดไหนดีล่ะ
เอย์ริน : ตายจริง, ไม่เอาแบบเจ็บๆนะ
เอย์ริน : และโชคร้ายหน่อยนะ, ฉันมีความรู้ด้านเภสัชศาสตร์อยู่,
เอย์ริน : ถ้าแค่บาดแผลเล็กน้อยล่ะก็ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลยล่ะ
มาริสะ : นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ
มาริสะ : จะขอรักษาและบำรุงร่างกายของพวกฉันด้วยรึไง
(เปิดเพลง BGM : เกนโซวเคียวพันปี ~ ฮิสทอรี่ ออฟ เดอะ มูน (ประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์))
เอย์ริน : ที่พูดมานั่นน่ะ, หมายถึงตัวยาก็สามารถใช้โจมตีได้ต่างหากล่ะ !
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
?? : มัวเล่นอะไรอยู่น่ะ !
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : เอย์ริน, ฉันจะให้โอกาสอีกเพียงครั้งเดียวด้วยพลังของฉัน
?? : ถ้าคราวนี้ยังแพ้อีกล่ะก็... ...
?? : แมวจรจัดตรงนั้นน่ะ !
?? : ยาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของฉัน กับพลังที่แท้จริงของเอย์ริน,
?? : จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต !
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
・หากเวลาล่วงเลยถึง 5:00 am >> BAD ENDING No. 10
・หากจบเกมได้ก่อนเวลา 5:00 am >> NORMAL ENDING No. 6
Final B
ชื่อด่าน : สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า
สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้าซึ่งไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้
หากแต่, เดือนปีที่ยาวนานและพลังแห่งมายานั้น,
มันเพียงพอที่จะทำสิ่งเรียกร้องเหล่านั้นให้เป็นจริงได้แล้ว
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ให้ตายสิ
?? : อุตส่าห์บอกว่าอย่าปล่อยให้มาทางนี้แท้ๆ
มาริสะ : ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกันแฮะ
อลิส : แต่รู้สึกว่าจะมาถูกทางแล้วนะเนี่ย
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : จันทร์เพ็ญสินะ
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ใช่แล้ว, จันทร์เพ็ญธรรมดาๆ
?? : พลังเวทของแท้ที่พวกเธอเห็นกันมานานนับร้อยนับพันปี
อลิส : มาริสะ, จันทร์เพ็ญนั่นอันตราย
มาริสะ : จันทร์เพ็ญเป็นอันตราย ?
มาริสะ : ละเมอพูดอะไรออกมาน่ะ ?
อลิส : เธออาจจะมองไม่เห็นก็ได้นะ แต่ว่า... ...
อลิส : ตอนนี้, ลำแสงจันทร์เพ็ญจำนวนมหาศาลกำลังถูกฉายออกมาอยู่
?? : อย่ามาตั้งชื่อประหลาดๆสิ !
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
คนบาปแห่งความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
โฮวไรซัน คางุยะ
Kaguya Houraisan
คางุยะ : ตอนนี้, พลังดั้งเดิมของดวงจันทร์กำลังหวนคืนมา
คางุยะ : ดวงจันทร์ซึ่งปราศจากมลทิน, จะฉายแสงอันน่าพิศวงใส่พื้นพิภพซึ่งปราศจากมลทิน
คางุยะ : แสงนี้คือความทรงจำจากยุคโบราณที่แม้แต่ชาวจันทราผู้สูงส่งยังหลงลืมไปแล้วเชียวนะ
มาริสะ : สรุปก็คือ ลำแสงจันทร์เพ็ญ สินะ
มาริสะ : ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้อย่างแรงนะโว้ย
อลิส : ถ้าเป็นแบบนี้, มนุษย์ธรรมดาต้องคลุ้มคลั่งภายใน 5 นาทีแน่ๆเลย
อลิส : มาริสะเป็นอะไรรึเปล่า ?
มาริสะ : เออ, ฉันชินกับการคลุ้มคลั่งแล้วล่ะว่ะ
มาริสะ : ว่าแต่, นี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ ?
มาริสะ : ทำไมจันทร์เพ็ญถึงโผล่มาตอนนี้ได้
คางุยะ : ดวงจันทร์ซึ่งปราศจากมลทินและพื้นพิภพซึ่งปราศจากมลทิน, ถูกแยกออกจากกันด้วยวิชาของเอย์ริน
คางุยะ : การที่ฉันอยู่ที่นี่, ทำให้สามารถซ่อนตัวได้ทั้งจากดวงจันทร์และจากโลกไงล่ะ
มาริสะ : เป็นการเล่นซ่อนหาที่กว้างใหญ่เหลือเกินนะ
คางุยะ : แต่ว่านะ
คางุยะ : ถึงวิชานี้ของเอย์รินจะสมบูรณ์แบบ, แต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักหรอก
คางุยะ : เพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่
คางุยะ : และไม่มีใครมาเยือน
คางุยะ : น่าเบื่อสุดๆจนแทบจะตายอยู่แล้วเนี่ย
อลิส : ไม่มีใครอยู่ในพื้นพิภพซึ่งปราศจากมลทิน
อลิส : นั่นเป็นมุมมองของสิ่งที่คล้ายจะเป็นมนุษย์ดวงจันทร์สินะ
มาริสะ : ก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอ
มาริสะ : พวกฉันซึ่งสกปรกโสมมจะเล่นด้วยอย่างเต็มที่, จากนั้นก็จะพาตัวออกไปไงล่ะ
คางุยะ : แหม่, ฉันไม่ได้เกิดที่นี่สักหน่อย
คางุยะ : การพาฉันออกไปเนี่ยมันเป็นเรื่องใหญ่เอาการเลยนะ
คางุยะ : ... ...เมื่อนานมาแล้วก็เคยมีการพูดคุยลักษณะเดียวกันนี้น่ะนะ
มาริสะ : เอาเถอะ, พระจันทร์มันจะเป็นยังไงน่ะ ฉันไม่สนใจหรอก
มาริสะ : แต่ยัยนี่น่ะ อ้างโน่นอ้างนี่ว่าจะเดือดร้อนถ้าไม่มีจันทร์เพ็ญน่ะสิ
อลิส : ไม่ได้อ้างโน่นอ้างนี่สักหน่อย
อลิส : เอาแต่พูดเล่นมากเกินไป, เดี๋ยวก็โดนสวรรค์ลงทัณฑ์หรอก
คางุยะ : ทัณฑ์สวรรค์เนี่ยน่ากลัวนะ
คางุยะ : แต่ว่า, การที่ฉันมาอยู่บนพื้นพิภพนี่ก็เป็นทัณฑ์สวรรค์เหมือนกัน
คางุยะ : จริงสิ, ทุกทีจะต้องมอบสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ให้แก่คนที่พยายามจะพาฉันคนนี้ออกไปนี่นะ
มาริสะ : สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ?
มาริสะ : ถ้าทำได้ก็จะพาเธอออกไปได้งั้นเหรอ ?
คางุยะ : โจทย์ทั้งห้าซึ่งทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน
(เปิดเพลง BGM : คนตัดไผ่โบยบิน ~ ลูนาติค พรินเซส (เจ้าหญิงวิกลจริต))
คางุยะ : พวกเธอจะทำสำเร็จได้สักกี่ข้อกันนะ ?
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
คางุยะ : อะไรกันเนี่ย !
คางุยะ : ที่แท้, คนที่กำลังหยุดราตรีเอาไว้ก็คือ... ...,
คางุยะ : พวกเธอเองสินะ
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
คางุยะ : ราตรีไม่สิ้นสุดแบบครึ่งๆกลางๆที่พวกเธอสร้างขึ้นน่ะ... ...
คางุยะ : จะทำลายให้สิ้นด้วยวิชาควบคุมความนิรันดร์ของฉันให้เป็นขวัญตา
คางุยะ : รุ่งสางน่าจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว
คางุยะ : ว่าไง ?
คางุยะ : เพียงเท่านี้ก็จะทำลายวิชาราตรีนิรันดร์, และรุ่งสางก็จะมาถึง !
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
・หาก Game Over ในฉากนี้จะคอนทินิวไม่ได้ และ >> BAD ENDING No. 10
・หากเล่นจนถึง Last Spell ของคางุยะได้ >> GOOD ENDING No. 2
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Story ทีมมารแดงเพ้อฝัน
ทีมมารแดงเพ้อฝัน เมดมนุษย์และผีดูดเลือดผู้อาศัยในคฤหาสน์มารแดง อสูรรับใช้ทรงประสิทธิภาพอย่างโกงๆนิดหน่อย |
|||||||||||
มนุษย์ | โยวไค | ||||||||||
อิซาโยอิ ซาคุยะ | เรมิเลีย สคาร์เลท | ||||||||||
เมดผู้สง่างามอย่างสมบูรณ์แบบ การปามีดคือพื้นฐานของนักมายากลมายา |
ปิศาจแดง ยามราตรีจะแสดงถึงพลังที่เหนือกฎเกณฑ์ด้วยความเป็นเด็ก |
||||||||||
(ทีม) ☆☆☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบเร็ว : | ☆☆☆☆☆☆ | |||||||||
☆☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบช้า : | ☆☆☆ (ทีม) | |||||||||
ท่าพิเศษ : | ไอเทมตกลงสู่เบื้องล่างช้าลง | 「Servant Flier」 | : ข้ารับใช้ |
「Mysterious Jack」 | : กระสุน : | 「Night Dance」 |
ยันต์มายา「ตุ๊กตาฆาตกร」 | : Spell Card : | ยันต์แดง「นครไร้ราตรี เรด」 |
ฝังศพมายา「ปิศาจฆาตกรลวงตาแห่งสายหมอกยามราตรี」 | : Last Spell : | มารแดง「สคาร์เลท เดวิล」 |
ลักษณะพิเศษของทีม | ||
ขอบเขตการ Graze มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ถ้า Miss (ตาย) ตอนที่ยังมีบอมบ์เหลือติดตัว จะปล่อยไอเทมบอมบ์ (B) ออกมาหนึ่งชิ้น |
Stage 1
ชื่อด่าน : ปลายทางของไฟหิ่งห้อย
คิดไปเองรึเปล่านะว่าแสงของหิ่งห้อยมันสว่างกว่าทุกที
ท่าทางคืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ยาวนานนะ
(เปิดเพลง BGM : ราตรีลวงตา ~ โกสท์ลี่ อายส์ (ตาผี))
เรมิเลีย : ซาคุยะ, ฉันไม่ได้บอกให้ตามมานะ
ซาคุยะ : พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ, ฉันเป็นห่วงนะคะ
ซาคุยะ : ถ้าแมลงเหมือนเมื่อกี้โผล่ออกมาอีกล่ะก็... ...
?? : เมื่อพูดว่า ถ้าโผล่ออกมา, ก็จะโผล่ออกมานะ !
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก เข้ามาในหน้าจอ)
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก
Wriggle Nightbug
ริกเกิ้ล : เอ้า, ออกมาแล้วไง
ริกเกิ้ล : ส่งตัวคุณหนูคนนั้นมาให้หน่อยได้รึเปล่า !
ซาคุยะ : ถ้าโผล่ออกมาล่ะก็... ..., แมลงมันจะน่าสงสารนะคะ ?
ซาคุยะ : แมลงห้าส่วนก็ยังมีวิญญาณอยู่หนึ่งส่วน ใช่รึเปล่านะคะ ?
เรมิเลีย : หายไปแปดส่วนเลยนะ
(เพี้ยนมาจากสำนวนที่ว่า "แมลงหนึ่งหุนก็ยังมีวิญญาณอยู่ห้าส่วน" ซึ่งหมายถึง แม้แต่แมลงเล็กๆก็ยังมีวิญญาณ(ชีวิต) ดังนั้นจงปรานีต่อมัน)
(1 หุน เท่ากับ 3.03 cm ในญี่ปุ่น และคำว่า "ส่วน" ในที่นี้เป็นการคิดสัดส่วนแบบจีนคือ เต็มสิบส่วน ดังนั้น 5 ส่วนจึงเท่ากับ 50%)
(หายไปแปดส่วนที่เรมิเลียพูดถึงก็คือ จากแมลงห้าส่วน มีวิญญาณเพียงหนึ่งส่วน เท่ากับหายไปสี่ส่วน หรือเท่ากับ 80% ของห้าส่วนนั่นเอง)
ริกเกิ้ล : หรือว่าจะเป็น, เรื่องโหดร้าย ?
ซาคุยะ : ไม่ใช่, เรื่องการฆ่าต่างหาก
เรมิเลีย : เอาเถอะน่า, ฉันไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากมนุษย์หรอก
ซาคุยะ : เพราะไม่สนใจถึงได้เป็นห่วงไงคะ
ซาคุยะ : ถ้าเป็นมนุษย์ก็อาจจะจบที่กลายเป็นอาหารได้, แต่พวกที่ต่ำกว่านั้นเนี่ย... ...
ซาคุยะ : เฮ้อ, จะอำมหิตก็ให้มันมีขอบเขตบ้างสิคะ
ริกเกิ้ล : อึ๋ยยย
(เปิดเพลง BGM : พระจันทร์ฤดูใบไม้ผลิยั้วเยี้ย ~ มูนด์ อินเสคท์ (แมลงครึ่งจันทร์))
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก แพ้พ่าย)
ซาคุยะ : อา---
ซาคุยะ : ช่วงนี้มีหิ่งห้อยเพิ่มขึ้นมาก็สวยดีนะคะ
เรมิเลีย : ซาคุยะ, เนื้อหาที่พูดมันไม่เข้ากับเครื่องหมายแสดงอารมณ์เลยนะ
ซาคุยะ : หัวข้อมันโดนเปลี่ยนไปกลางทางน่ะค่ะ, คุณหนู (ตั้งแต่ตรงที่ "ถ้าโผล่ออกมาล่ะก็" นั่นแล)
เรมิเลีย : เธอพูดออกมาเฉพาะครึ่งหลังนี่นา
เรมิเลีย : ตกลงว่าตอนนั้นอยากพูดอะไรกันแน่ล่ะ (ตอนนั้น หมายถึงตอนที่พูดว่า "ถ้าแมลงเหมือนเมื่อกี้โผล่ออกมาอีกล่ะก็... ...")
Stage 2
ชื่อด่าน : ถนนที่มนุษย์หายตัวไป
แม้เป็นถนนที่มนุษย์ใช้สัญจร, พอตกกลางคืนก็มีแต่สัตว์ป่าหรือโยวไคมาใช้งาน
อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเห็นมนุษย์ล่ะ
(เปิดเพลง BGM : เสียงร้องของนกกระจอกราตรี ~ ไนท์ เบิร์ด (วิหคราตรี))
(มิสเทีย โลเรไล เข้ามาในหน้าจอ)
?? : คะ.. คอยเดี๋ยวสิ~ !
ซาคุยะ : กำลังรีบอยู่นะ
ซาคุยะ : ถ้าเคลื่อนที่ไปด้วยคุยไปด้วยได้ ก็จะรับฟังให้
?? : ทั้งๆที่พูดไปแล้วก็ไม่ยอมหยุดแท้ๆ
?? : ว่าแต่, มนุษย์กับค้างคาวเนี่ย, เป็นการจับคู่ที่ประหลาดดีนะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ภูตนกกระจอกราตรี
มิสเทีย โลเรไล
Mystia Lorelei
มิสเทีย : อยากได้มนุษย์อยู่หรอกนะ, แต่ไม่เอายัยนั่นหรอก
เรมิเลีย : ฮึ, เด็กเที่ยวกลางคืนงั้นเหรอ ?
มิสเทีย : แน่นอน, เที่ยวกลางคืนนั่นแหละ
มิสเทีย : เวลากลางวันของเด็กดีคือเวลาเข้านอน (อาจจะหมายถึง สำหรับโยวไค)
มิสเทีย : กลางคืนเป็น Service Time สำหรับการล่ามนุษย์ไงล่ะ
เรมิเลีย : โทษทีนะ แต่กำลังรีบน่ะ
เรมิเลีย : ช่วยโดนสอยไปไวๆได้มั้ย ?
มิสเทีย : ก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไง ? ว่า, คอยเดี๋ยวสิ
ซาคุยะ : คุณหนูคะ
ซาคุยะ : ถ้ามัวแต่ยุ่งกับพวกระดับนี้, จะไม่ทันการเอานะคะ
เรมิเลีย : นั่นสินะ
มิสเทีย : ให้ตายสิ, ทำเป็นพูดเล่นอยู่ได้นะ !
มิสเทีย : ไม่กลัวนกที่โบยบินในยามราตรีเลยรึไง ?
เรมิเลีย : ฟลายด์ชิคเก้น, สินะ ?
เรมิเลีย : ฉันว่ามนุษย์ดีกว่านะ
ซาคุยะ : (ดีกว่าในแง่ไหนล่ะนั่น ?)
ซาคุยะ : คุณหนูคะ, คำว่า fly มันแปลงรูปเป็น ฟลายด์ ไม่ได้นะคะ (fly ที่แปลว่า บิน แปลงรูปได้แค่ fly / flew / flown / flying เท่านั้น)
มิสเทีย : จะยังไงก็ช่างเถอะ
มิสเทีย : ฉันจะสอนให้รู้จักความน่ากลัวที่แท้จริงของยามราตรีที่มืดมิดให้เอง !
ซาคุยะ : ความน่ากลัวของยามราตรี... งั้นสิน้า... ... (แทนที่จะอ้างถึงความน่ากลัวของตัวเอง)
(เปิดเพลง BGM : ได้ยินแต่เสียงเพลงแล้ว)
(มิสเทีย โลเรไล แพ้พ่าย)
เรมิเลีย : เอาล่ะ, ซาคุยะ, จะเอายัยนั่นไปฟราย (fry = ทอด) มั้ย,
เรมิเลีย : หรือว่าจะไปต่อ, เอาแบบไหนดี ?
ซาคุยะ : เอาไว้ฟรายทีหลัง, แล้วไปต่อกันดีกว่าค่ะ
ซาคุยะ : ราตรีมันแสนสั้นนะคะ
ซาคุยะ : จะว่าไป, ทำไมถึงมุ่งหน้ามาทางนี้ล่ะคะ ?
เรมิเลีย : อื๋อ ? เติมเชื้อเพลิงไง (หมายถึง เลือดมนุษย์)
ซาคุยะ : ... ...
Stage 3
ชื่อด่าน : ความอาลัยอาวรณ์แห่งการเขมือบประวัติศาสตร์
ปลายทางเกวียนสายหนึ่ง มีหมู่บ้านเล็กๆที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่
แต่สถานที่ซึ่งน่าจะมีหมู่บ้านอยู่นั้น, กลับไม่มีอะไรอยู่เลย
(เปิดเพลง BGM : เลือดตะวันออกแสนอาวรณ์ ~ โอลด์ เวิลด์ (โลกเก่า))
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : พวกเธอเองเหรอ
?? : ที่คิดจะจู่โจมหมู่บ้านกลางดึกแบบนี้
ซาคุยะ : คุณหนูคะ
ซาคุยะ : รีบผ่านที่แบบนี้ไปกันเถอะค่ะ
เรมิเลีย : แหม, ฉันก็ไม่ได้หิวหรอกนะ แต่... ...
?? : ให้ตายสิ, พอมนุษย์ที่นี่ไม่อยู่,
?? : ก็เหลือแต่โยวไคกับมนุษย์เพี้ยนๆเหรอเนี่ย !
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ หยุดต่อสู้ชั่วคราว)
?? : อูย, พวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ?
เรมิเลีย : ฮึฮึ, ไม่มีอะไรค้างคาใจแล้วใช่มั้ย ?
ซาคุยะ : คุณหนูคะ !
ซาคุยะ : แหย่เล่นมากเกินไปหน่อยแล้วนะคะ
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ออกไปจากหน้าจอ)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : จงดูให้ดีๆ, พวกปิศาจเอ๋ย
ซาคุยะ : พวก... งั้นสิน้า (ปิศาจมีแค่เรมิเลียตนเดียว ส่วนซาคุยะเป็นมนุษย์ต่างหาก)
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ครึ่งสัตว์แห่งประวัติศาสตร์และความรู้
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
Keine Kamishirasawa
เคย์เนะ : ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่เลย
เคย์เนะ : เห็นเป็นแบบนั้นใช่มั้ย ?
ซาคุยะ : เอ๊ะ, ที่นี่มันหมู่บ้านมนุษย์นี่นา ?
เรมิเลีย : อ้อ, ฉันไม่ค่อยได้มาก็จริง, แต่ซาคุยะมาบ่อยเลยนี่นะ ?
ซาคุยะ : ใช่ค่ะ, ข้าวของในคฤหาสน์ของเราเป็นของที่สร้างโดยมนุษย์ซะส่วนใหญ่ค่ะ
เคย์เนะ : ดูให้ดีๆ... ...
เคย์เนะ : และก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ, ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่เลย
เคย์เนะ : เพราะงั้น, รีบๆผ่านไปซะเถอะ
ซาคุยะ : มารยาทไม่ดีเลยนะ
ซาคุยะ : เอามนุษย์กับหมู่บ้านไปไว้ที่ไหนล่ะ ?
เคย์เนะ : ไม่เข้าใจรึไง ?
เคย์เนะ : ฉันทำให้มนุษย์ไม่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกไงล่ะ
เคย์เนะ : ตอนนี้, ประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งหมดล้วนอยู่ในความคุ้มครองของฉัน
เรมิเลีย : ซาคุยะ
เรมิเลีย : ให้ยัยนี่เป็นอาจารย์สอนพิเศษแก่น้องสาวฉันก็ไม่เลวนะ ?
เรมิเลีย : ให้ความรู้สึกเหมือนอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์พื้นบ้านดี
ซาคุยะ : บ้านเราไม่ต้องการคนมีความรู้มาเพิ่มแล้วล่ะค่ะ... ... (เพราะมีแพชูลี่คนเดียวก็เกินพอแล้ว)
เคย์เนะ : เข้าใจรึเปล่า, จะพูดอีกครั้งเดียวละกัน
เคย์เนะ : ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
เคย์เนะ : ทั้งมนุษย์ และหมู่บ้านมนุษย์
ซาคุยะ : ดูยังไงก็เป็นวิธีการพูดที่หลอกลวงน่ะนะ
ซาคุยะ : คุณหนูคะ
ซาคุยะ : ขอเวลานิดหน่อยได้มั้ยคะ ?
เรมิเลีย : กำลังรีบอยู่นะ, รีบสุดๆเลยด้วย
(เปิดเพลง BGM : Plain Asia (เอเชียที่เรียบง่าย))
เคย์เนะ : ขอประวัติศาสตร์ของปิศาจตรงนั้นให้ฉันด้วยเลยได้มั้ย ?
เรมิเลีย : ฮึ, เอาใหญ่เลยนะ
เรมิเลีย : เป็นแค่แวร์ฮาคุตาคุแท้ๆ
เรมิเลีย : คนที่มองแต่ประวัติศาสตร์อย่างเธอน่ะ, ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้หรอก
ซาคุยะ : คุณหนูคะ
ซาคุยะ : ขอเวลาได้สินะคะ ?
เรมิเลีย : ช่วยไม่ได้น้า
เรมิเลีย : ถ้าแค่นิดเดียวล่ะก็, จะเอาเวลาของฉันไปใช้ด้วยก็ได้นะ
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
ซาคุยะ : เอาล่ะ, ค่อยสดชื่นหน่อย
ซาคุยะ : รีบไปต่อกันเถอะค่ะ
เรมิเลีย : หมู่บ้านยังไม่กลับเป็นเหมือนเดิมเลยนะ
เรมิเลีย : รู้สึกสดชื่นแล้วเหรอ
ซาคุยะ : รู้สึกสดชื่นแล้วล่ะ, ปลอดโปร่งโล่งสนิทเลย
เรมิเลีย : มันก็ดีอยู่หรอก, แต่เพราะยัยนี่เลยทำให้คลาดสายตาจากกระแสปราณภูตอย่างสมบูรณ์เลย
เรมิเลีย : ซาคุยะคงรู้ทางไปต่อสินะ
ซาคุยะ : ปลอดโปร่งโล่งสนิทเลยค่ะ (มุขพ้องเสียงจากคำที่เธอใช้ข้างต้น) (โดยคำนี้จะหมายถึง ไม่รู้เลยสักนิดค่ะ)
ซาคุยะ : แต่ดูสิคะ, เรายังมีคนที่ใช้งานได้ดีในเวลาแบบนี้อยู่นะคะ
เคย์เนะ : อ๋า--- ? ตัวการก่อเหตุวิปลาสจันทร์เพ็ญ ?
เคย์เนะ : คงเป็นฝีมือของยัยนั่นน่ะ
เคย์เนะ : คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่ค่อยจะมีซะด้วยสิ
ซาคุยะ : คนมีความรู้เนี่ยมีประโยชน์ดีนะ
ซาคุยะ : ถึงแม้ว่าที่บ้านจะไม่จำเป็นต้องมีเพิ่มแล้วก็เถอะ
เรมิเลีย : แต่รู้สึกว่า คนมีความรู้ของบ้านเราดันเอาแต่อ่านหนังสือ, จนไม่ค่อยจะมีประโยชน์เนี่ยสิ... ...
ซาคุยะ : อุดมไปด้วยความรู้ที่ไร้ค่าสินะคะ
ซาคุยะ : ถึงจะไม่จำเป็นแล้วก็เถอะ
Stage 4 Uncanny
ชื่อด่าน : ดินแดนแห่งความฝันในตำนาน
ดินแดนแห่งต้นไผ่ต้องแสงจันทร์, ดูราวกับความฝันอย่างน่าประหลาด
ดูเหมือนว่าแม้จนตอนนี้, ต้นไผ่ก็ยังคงส่องแสงออกมาอย่างน่าพิศวง
(เปิดเพลง BGM : กรรมสนองราตรีนิรันดร์ ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด.)
?? : หยุดแค่นั้นแหละ !
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ เข้ามาในหน้าจอ)
เรย์มุ : เป็นเธอจริงๆด้วยสินะ
เรย์มุ : ก็คิดอยู่ว่ากระแสการไหลของเวลามันแปลกๆ
ซาคุยะ : เรื่องอะไรกันน่ะ ?
เรมิเลีย : เรื่องนั้นไง, ที่ชอบทำอะไรแปลกไปจากปกติสินะ ?
เรมิเลีย : ซาคุยะน่ะ, เป็นแบบนั้นซะด้วยสิน้า
ซาคุยะ : แหม, ใจร้ายจังเลยนะคะ
เรย์มุ : เอาน่า, ถึงจะชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอก็เถอะ,
เรย์มุ : แต่วันนี้มันเป็นเรื่องใหญ่น่าดูเลยนะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มิโกะผู้เลิศล้ำแห่งสรวงสวรรค์
ฮาคุเรย์ เรย์มุ
Hakurei Reimu
เรย์มุ : ราวกับตอนนั้นที่ก่อหมอกแดงเลยนะ
เรมิเลีย : ถึงคนที่ทำเรื่องแปลกๆจะเป็นซาคุยะก็เถอะ,
เรมิเลีย : แต่คนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่น่ะไม่ใช่พวกฉันนะ
ซาคุยะ : ตอนนี้พวกฉันกำลังเคลื่อนไหวเพื่อลงโทษคนร้ายที่ว่าอยู่น่ะค่ะ
เรย์มุ : ต่อให้ตบตาพวกนกได้
เรย์มุ : ก็ตบตาฉันไม่ได้หรอกนะ
เรย์มุ : ทุกครั้งที่พวกเธอเคลื่อนไหว, เวลาก็จะหยุดลง
เรย์มุ : และราตรีก็จะยิ่งยาวนานขึ้น
เรย์มุ : คนร้ายที่หยุดราตรีเอาไว้, ก็คือพวกเธอนั่นเอง !
เรมิเลีย : ไอ้นั่นมันก็ถูก, แล้วผิดด้วยเหรอ ?
ซาคุยะ : คุณหนูคะ
ซาคุยะ : ตอนนี้, การหยุดราตรีไม่ใช่เป้าหมายของเรานะคะ
ซาคุยะ : มองดูพระจันทร์ที่อยู่ข้างหลังเรย์มุสิคะ
ซาคุยะ : มันเป็นไปถึงขนาดนั้นแล้ว... ...
เรย์มุ : พระจันทร์นั่นมันไม่เกี่ยวข้องกับกับราตรีที่ไม่ยอมจบสินะ ?
เรย์มุ : หยุดราตรีเอาไว้, จากนั้นผีดูดเลือดก็จะเรืองอำนาจ,
เรย์มุ : ไม่มีราตรีแบบไหนที่อันตรายขนาดนี้หรอก !
เรมิเลีย : โธ่, ฉันเป็นจ้าวแห่งราตรีนะ, เรื่องนั้นน่ะหยวนๆให้หน่อยเหอะน่า
ซาคุยะ : พูดไปก็ไม่ค่อยจะมีความหมายหรอกค่ะ... ...
(เปิดเพลง BGM : ความเอาแต่ใจของสาวน้อย ~ ดรีม แบทเทิล (ศึกในฝัน))
เรย์มุ : ยังไงก็ช่าง, ฉันจะทำให้การไหลของเวลากลับเป็นปกติซะที่นี่แหละ
เรย์มุ : เพราะการกำราบโยวไคมันเป็นงานของฉันไงล่ะ !
ซาคุยะ : ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้าใจ
ซาคุยะ : ถึงเหตุผลที่พวกฉันหยุดราตรีเอาไว้สินะ
เรมิเลีย : ซาคุยะ, ตรงนี้น่ะไม่ต้องรีบก็ได้
เรมิเลีย : ถ้าเธอปรับแต่งเวลาให้เหมาะสมล่ะก็
เรมิเลีย : ต่อให้ถูกเข้าใจผิดอยู่อย่างนี้, ฉันก็ไม่สนใจหรอก
เรมิเลีย : นี่เป็น Chance ที่จะคืนหนี้เมื่อครั้งก่อนไงล่ะ (หมายถึง เรื่องที่เคยแพ้เรย์มุในภาค 6)
ซาคุยะ : ถ้าคุณหนูพูดแบบนั้นล่ะก็.. ...
เรย์มุ : เอ้า, พร้อมจะกลับเข้าโลงศพรึยัง ?
เรมิเลีย : เคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ, ว่าโลงศพมันเป็นที่สำหรับคนตายน่ะ (อ้างอิงจากเหตุการณ์ในภาคนิยาย)
เรย์มุ : โลงศพที่มืดๆแดงๆและมีหน้าต่างน้อยๆไงล่ะ ! (หมายถึง คฤหาสน์มารแดง นั่นเอง)
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ ออกไปจากหน้าจอ)
เรมิเลีย : หนีไปแล้ว ! ทางนั้น
ซาคุยะ : คิดว่าจะหนีมีดของฉันพ้นอย่างนั้นเหรอ ?
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ เข้ามาในหน้าจอ)
เรย์มุ : ไม่หลงทางในป่าไผ่แห่งนี้เลยเหรอเนี่ย... ...
ซาคุยะ : ตามหลังเธอมาติดๆไงล่ะ
ซาคุยะ : ไม่ให้หนีได้หรอก
เรย์มุ : เมื่อกี้แค่ตกใจที่จู่ๆก็เข้ามาสองคนเท่านั้นแหละ
เรย์มุ : ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมแล้ว
เรย์มุ : พวกเธอจะต้องตกลงไปสู่ช่องว่างของเขตแดน !
(ฮาคุเรย์ เรย์มุ แพ้พ่าย)
เรมิเลีย : คืนหนี้ให้แล้วนะ
เรมิเลีย : จะยอมไม่ดูดเลือดเธอละกัน, เพราะงั้นรีบกลับไปซะ
เรย์มุ : อูย---
เรย์มุ : หยุดราตรีเอาไว้แบบนี้, มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
ซาคุยะ : คำถามแบบนั้นน่ะ, มันต้องถามก่อนสู้สิ
ซาคุยะ : มาถามหลังจากที่พวกฉันชนะแล้วแบบนี้, ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบหรอก
เรมิเลีย : กอบกู้จันทร์เพ็ญนิรันดร์ (พูดเบาๆ)
ซาคุยะ : ไม่เอา นิรันดร์ ค่ะ !
เรย์มุ : ถ้าพรุ่งนี้ยังเป็นกลางคืนอยู่ก็แย่น่ะสิ~
เรมิเลีย : ซาคุยะ, นั่น
เรมิเลีย : เรือนไม้หลังนั้น
Stage 5
ชื่อด่าน : กรงที่สวยงามในโลกที่โสมม
「เหตุใดจึงต้องอยู่ในโลกที่โสมมนี้ไปอีกนานๆด้วยล่ะ」
เมื่อกล่าวเช่นนั้น, ประตูที่ถูกปิดก็เปิดออกจนหมดสิ้น------
(จากนิทานคนตัดไผ่ / นิทานเจ้าหญิงคางุยะ)
(เปิดเพลง BGM : Cinderella Cage (กรงซินเดอเรลล่า) ~ คาโกเมะ-คาโกเมะ)
?? : สายไปแล้วนะ
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ประตูทั้งหมดถูกผนึกแล้ว
?? : ใครจะยอมให้พาองค์หญิงออกไปได้กันล่ะ ?
ซาคุยะ : ฝีมือของเธอสินะ ?
ซาคุยะ : เหตุวิปลาสของพระจันทร์นี่
เรมิเลีย : รู้สึกน่าสงสัยชอบกลนะ
เรมิเลีย : โดยเฉพาะท่าทีท้าทายนั่น
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต
เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ
Reisen Udongein Inaba
เรย์เซน : แหม, ไม่มากเท่ากับเธอที่มีปีกหรอก
เรย์เซน : ว่าแต่, มีธุระอะไรกลางดึกแบบนี้ล่ะ ?
ซาคุยะ : เป็นธุระที่สุดยอดเลยล่ะ
ซาคุยะ : เหตุวิปลาสของพระจันทร์เนี่ย, เป็นฝีมือของเธอหรือคนแถวนี้สินะ ?
ซาคุยะ : ว่ากันว่า, ต้องตัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ต้นตอ, น่ะนะ (ตรงกับสำนวนไทย ตัดไฟแต่ต้นลม)
ซาคุยะ : ฉันเชี่ยวชาญงานทำความสะอาดซะด้วยสิ
เรย์เซน : เหตุวิปลาสของพระจันทร์ ?
เรย์เซน : อืม---, รู้สึกตัวถึงวิชานี้แล้วสินะ
เรย์เซน : เป็นแค่พวกโสมมที่ทำได้แค่มีชีวิตโดยหมอบคลานอยู่บนพื้นพิภพ(โลก)แท้ๆ
เรมิเลีย : แย่หน่อยน้า, ที่ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตสกปรกซึ่งเคยเห็นแต่พระจันทร์กับดวงดาวบนท้องฟ้า
เรมิเลีย : พอเกิดความเปลี่ยนแปลงกับพระจันทร์, ก็เลยรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาเหมือนกัน
ซาคุยะ : คุณหนูเขาเป็นพวกตื่นกลางคืนน่ะน้า
เรมิเลีย : รีบคืนจันทร์เพ็ญให้แก่พื้นพิภพเสียเถอะ
เรย์เซน : ยังคลายวิชาออกไม่ได้หรอก
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ตายจริง, นึกว่าเป็นทูตที่มารับเสียอีก,
?? : แค่โยวไคหลงทางธรรมดาๆเหรอเนี่ย ?
?? : เอาเถอะ, พวกทูตก็ไม่น่าจะมาถึงได้อยู่แล้วน่ะนะ
ซาคุยะ : ใครน่ะ ?
เรมิเลีย : ซาคุยะ, คนผิดคือยัยนี่
เรมิเลีย : แวบเดียวก็รู้แล้ว, โฉมหน้าวายร้ายแบบนี้
?? : พูดได้โหดร้ายน่าดูเลยนะ
?? : ก็จริงที่ว่า, ฉันเป็นคนสร้างห้องลับแห่งพื้นพิภพนี้ขึ้น
?? : แต่นี่ก็เพื่อองค์หญิงและเด็กคนนี้น่ะนะ
ซาคุยะ : ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็, จะไม่โค่นก็คงไม่ได้ล่ะนะคะ
?? : อืม---, แต่ว่ายังไม่ได้นะ
?? : อุดองเกะ, ฝากที่นี่ให้เธอจัดการหน่อยนะ
?? : ต่อให้ผิดพลาด, ก็พยายามอย่าให้องค์หญิงถูกพาตัวไปได้ล่ะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์เซน : ให้ฉันจัดการเองค่ะ
เรย์เซน : ประตูที่ถูกปิดไว้, จะไม่ให้ถูกเปิดแม้แต่บานเดียวค่ะ
ซาคุยะ : ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็ต้องมีสิ่งที่เป็นเส้นทางของมัน, สินะ
เรมิเลีย : ยุ่งยากจริงนะ
เรมิเลีย : ไม่ลองออกนอกเส้นทางเหมือนที่ซาคุยะชอบทำล่ะ ?
ซาคุยะ : มุ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้, และเอาชนะด้วยพลังที่เหนือกว่า
ซาคุยะ : นี่เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้ไม่โดนบ่นนะคะ
(อาจนัยถึงการเล่นเกมโดยใช้เทคนิคพิเศษ ซึ่งอาจจะโดนหาว่าโกงได้)
(เปิดเพลง BGM : ม่านตาแห่งความวิกลจริต ~ อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน (จันทร์เพ็ญล่องหน))
เรย์เซน : ฮุฮุฮุ
เรย์เซน : เส้นทางน่ะอยู่ข้างหลังของเธอ
เรย์เซน : แต่จะวกกลับไปก็ไม่ได้แล้ว
เรมิเลีย : ไม่กลับอยู่แล้ว
เรย์เซน : ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่ากำลังติดกับดักของกระต่ายจันทราอยู่ ?
เรย์เซน : ใช่แล้ว, ไม่ว่าจะซ้ายขวา, หรือบนล่าง... ...
เรย์เซน : เธอก็มองเห็นทิศทางสับสนไปหมดแล้ว
เรย์เซน : ถึงเธอจะพยายามบินตรงๆ, แต่ก็จะบินเซไปเซมาอยู่ดี
เรย์เซน : จงมองตาฉัน, แล้วคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น !
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ แพ้พ่าย)
(ผู้เล่นเลือกทางแยก)
ตรงไป (Final A)
ไม่ตรงไป (Final B)
Final A ซาคุยะ : คุณหนูคะ, ไปตามเส้นทางกันเถอะค่ะ ซาคุยะ : อีกเดี๋ยวก็จะถึงทางออกแล้วนะคะ เรมิเลีย : ซาคุยะ, เจ้าคนเมื่อกี้มันอยู่ข้างหน้านี้เอง เรมิเลีย : แต่ว่า, รู้สึกเหมือน... ... เรมิเลีย : เอาเป็นว่า ระวังตัวเอาไว้ให้ดีล่ะ เรมิเลีย : ถึงจะคิดว่าไม่เป็นไรเพราะมีซาคุยะมาด้วยก็เถอะนะ เรย์เซน : อาจารย์น่ะแข็งแกร่งขนาดที่ฉันเทียบไม่ติดเลยนะ เรย์เซน : แค่เอาชนะฉันได้เนี่ย, เรย์เซน : คิดว่าจะต่อกรกับอาจารย์ได้อย่างนั้นเหรอ ? เรมิเลีย : ได้อย่างเหนือชั้นเลยล่ะ ซาคุยะ : เอาล่ะ, ซาคุยะ : ไปตัดสินชี้ขาดให้เสร็จก่อนที่จะถึงรุ่งสางกันเถอะค่ะ เรย์เซน : งั้นเหรอ, คนที่ทำให้ราตรีนี้ยาวนานขึ้นคือพวกเธอเองสินะ เรย์เซน : ฉันก็หลงคิดว่า... ... (นึกว่าเป็นชาวจันทรา) ซาคุยะ : ? |
Final B ซาคุยะ : คุณหนูคะ, ไปตามเส้นทางกันเถอะค่ะ ซาคุยะ : อีกเดี๋ยวก็จะถึงทางออกแล้วนะคะ เรมิเลีย : ซาคุยะ, เจ้าคนเมื่อกี้มันอยู่ข้างหน้านี้เอง เรมิเลีย : แต่ว่า, ก่อนหน้านั้น เรมิเลีย : ไปเข้าประตูที่เห็นอยู่ตรงโน้นกันเถอะ ซาคุยะ : มีอะไรอยู่เหรอคะ ? เรย์เซน : อ๊า, เสร็จกัน เรย์เซน : มีประตูที่ยังปิดผนึกไม่ทันอยู่ด้วยเหรอเนี่ย เรมิเลีย : ปลายทางนั่นมีของจริงอยู่ เรมิเลีย : ตบตาฉันไม่ได้หรอก เรย์เซน : อ๊า, โดนอาจารย์โกรธแน่เลย |
Final A
ชื่อด่าน : ลูกแก้วแห่งท้องฟ้ายามราตรีที่ซุกซ่อนเจ้าหญิงเอาไว้
ทางเดินที่ยาวแสนยาว, ทางเดินนี้เป็นภาพหลอนที่สร้างขึ้นโดยใครบางคนรึเปล่านะ
ความทรงจำของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้เกินไปนั้น, เป็นสิ่งเลือนรางที่น่าคิดถึงสำหรับโยวไค
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ฮุฮุฮุ
?? : ตามมาอย่างดีเลยสินะ
เรมิเลีย : เอ้าเอ้า
เรมิเลีย : ไม่มีอะไรค้างคาใจแล้วสินะ ?
ซาคุยะ : ว่าแต่, เราผ่านจากจุดเมื่อกี้มาไกลมากเลยนะคะ... ...
ซาคุยะ : ทางเดินนี่, มองไม่เห็นปลายทางเลยค่ะ !
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
ซาคุยะ : ดูเหมือนจะสุดทางเดินแล้ว แต่ว่า,
ซาคุยะ : ที่นี่มันที่ไหนกัน... ...
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ประมาณนี้กำลังดีเลยนะ
?? : มาจนถึงนี่แล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวงั้นรึ ?
เรมิเลีย : เสร็จกัน !
เรมิเลีย : ติดกับเข้าให้แล้วล่ะ, ซาคุยะ
เรมิเลีย : นั่นไม่ใช่พระจันทร์ !
ซาคุยะ : จะว่าไป, มันก็ใหญ่ไปหน่อยนะค้า
เรมิเลีย : ไม่หรอก, ที่รู้สึกว่าใหญ่น่ะเป็นเพราะมันอยู่ใกล้ต่างหาก
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มันสมองของดวงจันทร์
ยาโกะโคโระ เอย์ริน
Eirin Yagokoro
เอย์ริน : ใช่แล้ว, พวกเธอถูกล่อด้วยทางเดินยาวและพระจันทร์ปลอมจนมาถึงที่นี่ไงล่ะ
เอย์ริน : จันทร์เพ็ญ คือกุญแจหนึ่งเดียวที่เชื่อมโยงระหว่างพื้นพิภพ(โลก)กับดวงจันทร์
เอย์ริน : หากทำลายกุญแจนั้นเสีย, ก็จะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างพื้นพิภพกับดวงจันทร์ได้
เอย์ริน : สรุปคือ, โดนหลอกล่อด้วยภาพมายาปลอมลักษณะดังกล่าวน่ะนะ
ซาคุยะ : ตายจริง, พูดว่าภาพมายา งั้นเหรอคะ
ซาคุยะ : ทางเดินที่ยาวอย่างบ้าบอนั่นก็เป็นภาพมายาสินะ
เรมิเลีย : คงจะเป็นภาพมายานั่นล่ะ
เรมิเลีย : ถ้ายาวขนาดนั้น, ไม่น่าจะมี Mop (ไม้ถูพื้น) สำหรับทำความสะอาดซะด้วยสิ
ซาคุยะ : แหม, เกรงว่าจะไม่ใช่ Mop แต่เป็นผ้าถูพื้นน่ะสิคะ
ซาคุยะ : คงจะปวดเอวน่าดูเลยนะนั่น
เอย์ริน : ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนั้นก็ได้นี่นา
เอย์ริน : มันเป็นภาพมายาน่ะ ภาพมายา
เรมิเลีย : ว่าแต่, คิดจะทำอะไรถึงได้ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ล่ะ ?
เรมิเลีย : ไม่มีใครพยายามจะไปดวงจันทร์สักหน่อย
เอย์ริน : ภายนอกเกนโซวเคียวยังมีผู้โง่เขลาที่มุ่งหน้าจากพื้นพิภพสู่ดวงจันทร์อยู่นะ... ...
เอย์ริน : ที่สำคัญกว่าก็คือ, ตอนนี้ฉันคิดถึงแต่เรื่องการปกป้ององค์หญิงจากผู้ตามล่าจากดวงจันทร์เท่านั้น
เอย์ริน : หากคืนนี้ผ่านพ้นจนถึงรุ่งสางได้ทั้งสภาพนี้ล่ะก็, ทูตจากดวงจันทร์ก็คงจะไม่มาอีกแล้ว
ซาคุยะ : อ้อ, ตั้งแต่เมื่อกี้มีโผล่มาแต่กระต่าย, นั่นเป็นกระต่ายจันทราสินะ
เอย์ริน : ไม่หรอก, ส่วนใหญ่นั่นเป็นกระต่ายที่จับได้บนพื้นพิภพ
เอย์ริน : กระต่ายจันทราของแท้ มีแค่เรย์เซนตัวเมื่อกี้เท่านั้นแหละ
เรมิเลีย : จะยังไงก็ช่างเถอะ
เรมิเลีย : แค่รู้ว่าใครเป็นคนชิงจันทร์เพ็ญไปก็พอแล้ว
เรมิเลีย : เหตุผลจะเป็นยังไงก็ช่าง
เรมิเลีย : ฉันคิดแต่ว่า ถ้าเจอคนร้ายแล้วจะเล่นงานยังไง, มาตลอดทางจนถึงที่นี่เลยนะ
เรมิเลีย : ซาคุยะ, ไม่ต้องออมมือนะ
ซาคุยะ : กับศัตรูที่เจอมาจนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่ได้ออมมือนะคะ
เรมิเลีย : ... ...งั้น, เอาแบบสู้ตายละกัน
ซาคุยะ : ไม่ตายหรอกค่ะ
เอย์ริน : สบายใจกันเหลือเกินน้า
เอย์ริน : ที่ล่อออกมาจนถึงที่นี่, ก็เพื่อจะได้เล่นกันให้หนำใจไงล่ะ
เอย์ริน : และวางใจเถอะ
เอย์ริน : พอถึงเช้าก็จะคืนจันทร์เพ็ญให้แล้วล่ะ
เอย์ริน : ที่เหลือก็, แค่เล่นกันจนถึงเช้าก็พอ
ซาคุยะ : ดีจังเลยนะคะ, คุณหนู
ซาคุยะ : ดูเหมือนว่าจะแพ้หรือชนะ ก็ได้จันทร์เพ็ญคืนมาอยู่ดี
เรมิเลีย : พูดอะไรอ่อนหัดแบบนั้นเล่า ?
เรมิเลีย : ถ้าไม่เอาคืนที่โดนดูถูกล่ะก็ ความน่าเกรงขามของฉันในเกนโซวเคียวมันจะไปเหลือเรอะ
เรมิเลีย : จันทร์เพ็ญน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว
เอย์ริน : ฮึ, เป็นแค่เด็กแท้ๆ
เอย์ริน : เด็กน้อยอย่างเธอน่ะ ไม่อาจต่อกรกับผู้เป็นนิรันดร์อย่างฉันได้หรอก
เอย์ริน : ประวัติศาสตร์สีแดงฉานที่สะสมมาของเธอ
เอย์ริน : เทียบกับประวัติศาสตร์ของฉันแล้ว, มีค่าเพียง Zero เท่านั้น
เอย์ริน : หากมองจากความนิรันดร์แล้ว, เธอก็แค่ความสิ้นพลันเท่านั้น
ซาคุยะ : นั่นแหละค่ะ, คุณหนู
ซาคุยะ : ต้องรู้จักให้เคารพแก่ผู้อาวุโสนะคะ
เรมิเลีย : แต่เธออายุน้อยที่สุดเลยนะ
เอย์ริน : อีกอย่าง, คนที่หยุดราตรีเอาไว้ก็คือพวกเธอสินะ ?
เอย์ริน : ทำแบบนั้นลงไป, ถ้าไม่โดนเกล็ดย้อนขององค์หญิงเข้าก็คงจะดี... ...
(เป็นสำนวน หมายถึง ทำให้โกรธจัด ... มาจากความเชื่อที่ว่ามังกรมีเกล็ดย้อนอยู่ใต้คอ หากไปสัมผัสเข้ามังกรจะพิโรธ)
เรมิเลีย : เอ้า, จงให้ความเคารพแก่ฉันเสียสิ, ซาคุยะ, เอาแบบเต็มที่เลยนะ
เอย์ริน : ไม่ฟังที่พูดกันบ้างเลย
เอย์ริน : เพราะอย่างนี้ หนุ่มสาวสมัยนี้ถึงได้มีแต่ปัญหาไงล่ะ
(เปิดเพลง BGM : เกนโซวเคียวพันปี ~ ฮิสทอรี่ ออฟ เดอะ มูน (ประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์))
เอย์ริน : ดูเหมือนว่า, เม็ดยาห่ากระสุนนี้จะจำเป็นต่อพวกเธอมากกว่าการพูดคุยสินะ !
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
?? : มัวเล่นอะไรอยู่น่ะ !
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : เอย์ริน, ฉันจะให้โอกาสอีกเพียงครั้งเดียวด้วยพลังของฉัน
?? : ถ้าคราวนี้ยังแพ้อีกล่ะก็... ...
?? : ปิศาจตรงนั้นน่ะ !
?? : ยาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของฉัน กับพลังที่แท้จริงของเอย์ริน,
?? : จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต !
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
・หากเวลาล่วงเลยถึง 5:00 am >> BAD ENDING No. 11
・หากจบเกมได้ก่อนเวลา 5:00 am >> NORMAL ENDING No. 7
Final B
ชื่อด่าน : สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า
สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้าซึ่งไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้
หากแต่, เดือนปีที่ยาวนานและพลังแห่งมายานั้น,
มันเพียงพอที่จะทำสิ่งเรียกร้องเหล่านั้นให้เป็นจริงได้แล้ว
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ให้ตายสิ
?? : อุตส่าห์บอกว่าอย่าปล่อยให้มาทางนี้แท้ๆ
เรมิเลีย : ซาคุยะ
เรมิเลีย : ยัยนี่เป็น Fake นะ
ซาคุยะ : ถ้าเช่นนั้น, ให้ฉันโค่นเธออย่างรวดเร็วเลยนะคะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
ซาคุยะ : คุณหนู
ซาคุยะ : ไม่มีบาดแผลนะคะ ?
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : มีสิ
เรมิเลีย : ไม่มีหรอก
เรมิเลีย : อ๊ะ, เธอเป็นใครน่ะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
คนบาปแห่งความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
โฮวไรซัน คางุยะ
Kaguya Houraisan
คางุยะ : โค่นเรย์เซนและเอย์รินจนมาถึงที่นี่ได้เลยเหรอเนี่ย... ...
คางุยะ : ถ้าไม่ได้ไปสักแผล, ก็จะไม่เท่าเทียมกันน่ะสิ
เรมิเลีย : แย่หน่อยนะ, ฉันเป็นพวกที่ไร้เทียมทานในคืนวันเพ็ญน่ะน้า
ซาคุยะ : เพิ่งเคยได้ยินนะคะ, เรื่องแบบนั้น
ซาคุยะ : ... ...อ๊ะ, กลายเป็นจันทร์เพ็ญไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ, คุณหนู
เรมิเลีย : เพราะรู้อยู่แล้วถึงได้พูดแบบนั้นออกไปไงล่ะ
คางุยะ : นี่คือจันทร์เพ็ญที่แท้จริงน่ะ
คางุยะ : ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ, ที่จันทร์เพ็ญนี้หายไปจากพื้นพิภพ
คางุยะ : และพลังที่ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่งได้สูญหายไปจากจันทร์เพ็ญ
เรมิเลีย : จันทร์เพ็ญนี่... ...
เรมิเลีย : ซาคุยะตกอยู่ในอันตราย !
คางุยะ : ใช่แล้ว, จันทร์เพ็ญที่แท้จริงจะทำให้มนุษย์ที่มองมันตรงๆคลุ้มคลั่งขึ้นมา
ซาคุยะ : แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่คะ ?
เรมิเลีย : ... ...ไม่เป็นอันตรายต่อซาคุยะสินะ
เรมิเลีย : ฝึกฝนมาดีซะด้วยสิ
เรมิเลีย : เอาเถอะ, ถึงไม่มีซาคุยะ แต่ถ้าอยู่ใต้จันทร์เพ็ญนี้ ฉันก็ไร้เทียมทานอยู่ดี
ซาคุยะ : แหม, แบบนั้นมันโหดร้ายไม่ใช่เหรอคะ
ซาคุยะ : ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน, ฉันก็จะช่วยค่ะ
ซาคุยะ : กรุณาให้ฉันช่วยเถอะค่ะ
เรมิเลีย : ตายจริง, ซาคุยะ, เริ่มคลั่งขึ้นมาหน่อยแล้วนี่ ?
คางุยะ : ดวงจันทร์ได้มอบพลังหลากหลายให้แก่พื้นพิภพ
คางุยะ : พลังส่วนใหญ่ เช่น เวทมนตร์, แต่เดิมก็เป็นพลังของดวงจันทร์
คางุยะ : เพื่อนของเธอก็มีสิ่งที่ต้องพึ่งพาจันทร์เพ็ญอยู่ไม่ใช่รึ ?
คางุยะ : คุณผีดูดเลือดที่อยู่ตรงนั้น
เรมิเลีย : ก็แล้วจะทำไมล่ะ
ซาคุยะ : ตอนนี้เป็นจันทร์เพ็ญแล้ว
ซาคุยะ : ก็เลยไร้เทียมทานไงล่ะคะ, วิเศษไปเลย
คางุยะ : ฮึฮึ
คางุยะ : ชาวจันทราอย่างพวกเรานั้น, ได้เปลี่ยนชาวพื้นพิภพให้กลายเป็นอสุรกาย,
คางุยะ : และคอยปรับแต่งความโสมมของชาวพื้นพิภพ
คางุยะ : หากแต่, เรื่องนั้นได้จบสิ้นลงไปแล้ว
คางุยะ : ชาวพื้นพิภพได้ปิดผนึกอสุรกายของตนเองไปแล้ว
คางุยะ : อสุรกายในตอนนี้, ได้กลายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยรู้อะไร นอกจากการทำร้ายมนุษย์ตามพันธะสัญญาเท่านั้น
เรมิเลีย : การดื่มชาแดง (ชาฝรั่ง) ทุกวันแบบในปัจจุบันนี้มันก็สนุกดีออก
เรมิเลีย : มันมีอะไรเลวร้ายงั้นหรือ
ซาคุยะ : ... ...
คางุยะ : ชาวพื้นพิภพค่อยๆลดความหวาดกลัวที่มีต่อราตรีและจันทราลงไปทีละน้อย
คางุยะ : ชาวพื้นพิภพจึงค่อยๆเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ
คางุยะ : ค่ำคืนที่แสงจันทร์ไม่มีความจำเป็น
คางุยะ : ชายทะเลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของกระแสน้ำ
คางุยะ : และท้ายที่สุดก็บุกจู่โจมจนถึงดวงจันทร์เลยนี่นา
เรมิเลีย : ฮึ, เรื่องของมนุษย์ชั้นต่ำพรรค์นั้นฉันไม่รู้หรอก
เรมิเลีย : ที่สำคัญ, เธอน่ะ, เป็นชาวจันทราสินะ ?
เรมิเลีย : กลับดวงจันทร์ไปสู้กับชาวพื้นพิภพไม่ดีกว่ารึ
คางุยะ : ฉัน... ...
คางุยะ : มีเหตุผลที่ทำให้กลับดวงจันทร์ไม่ได้น่ะ
คางุยะ : และอีกอย่าง, ฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับชาวจันทรานะ
คางุยะ : แถมจะเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ่งบนพื้นพิภพก็ไม่ได้ด้วย
ซาคุยะ : กลับดวงจันทร์ไม่ได้, ที่อาศัยบนพื้นพิภพก็ไม่มี
ซาคุยะ : คงไปทำเรื่องที่เลวร้ายสุดๆเอาไว้สินะ
คางุยะ : ฉันพยายามที่จะไม่พบเจอผู้ไร้พลัง, และไม่ก่อปัญหาให้แก่ชาวพื้นพิภพน่ะ
ซาคุยะ : คุณหนูไร้เทียมทานกับมนุษย์ไร้เทียมทาน
ซาคุยะ : ลองทดสอบดูมั้ยว่าพวกฉันไร้พลังรึเปล่า ?
คางุยะ : โจทย์ทั้งห้าซึ่งทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน
(เปิดเพลง BGM : คนตัดไผ่โบยบิน ~ ลูนาติค พรินเซส (เจ้าหญิงวิกลจริต))
คางุยะ : พวกเธอจะสามารถ Clear สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ข้อนี้ได้รึเปล่านะ ?
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
คางุยะ : อะไรกันเนี่ย !
คางุยะ : ที่แท้, คนที่กำลังหยุดราตรีเอาไว้ก็คือ... ...,
คางุยะ : พวกเธอเองสินะ
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
คางุยะ : ราตรีไม่สิ้นสุดแบบครึ่งๆกลางๆที่พวกเธอสร้างขึ้นน่ะ... ...
คางุยะ : จะทำลายให้สิ้นด้วยวิชาควบคุมความนิรันดร์ของฉันให้เป็นขวัญตา
คางุยะ : รุ่งสางน่าจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว
คางุยะ : ว่าไง ?
คางุยะ : เพียงเท่านี้ก็จะทำลายวิชาราตรีนิรันดร์, และรุ่งสางก็จะมาถึง !
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
・หาก Game Over ในฉากนี้จะคอนทินิวไม่ได้ และ >> BAD ENDING No. 11
・หากเล่นจนถึง Last Spell ของคางุยะได้ >> GOOD ENDING No. 3
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Story ทีมผู้อาศัยในโลกวิญญาณ
ทีมผู้อาศัยในโลกวิญญาณ ครึ่งวิญญาณและวิญญาณผู้อาศัยในโลกวิญญาณ โอนเอียงไปฝั่งโยวไคเต็มที่เลย |
|||||||||||
ครึ่งมนุษย์ | โยวไค | ||||||||||
คอนปาคุ โยวมุ | ไซเกียวจิ ยูยูโกะ | ||||||||||
ลูกครึ่งมนุษย์กับยูวเรย์(ผี) ครึ่งวัยกลางคน x 2 จะได้เป็น หนึ่งวัยกลางคน จริงๆเหรอ ? |
สาวน้อยวิญญาณบริสุทธิ์ (?) ที่อาศัยอยู่ในโลกวิญญาณ ถ้ายิงออกไปอย่างพอเหมาะ มันก็ต้องเข้าเป้าอยู่แล้วนี่ ? |
||||||||||
(ทีม) ☆☆☆☆☆☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบเร็ว : | ☆☆☆☆ | |||||||||
☆ | : ความเร็วในการเคลื่อนที่แบบช้า : | ☆ (ทีม) | |||||||||
ข้ารับใช้ : | 「ครึ่งผี」 | 「วิญญาณผีเสื้อมรณะ」 | : ข้ารับใช้ |
「สิ่งประหลาดหกภพ」 | : กระสุน : | 「การเชื้อเชิญสู่ทะเลบาป」 |
ยันต์มนุษย์「ผ่าปัจจุภพ」 | : Spell Card : | ยันต์มรณะ「Ghastly Dream」 |
อสูร「ผ่านิจนิรันดร์」 | : Last Spell : | ผีเสื้อมรณะ「หลับใหลชั่วนิรันดร์ใต้บุปผาร่วงโรย」 |
ลักษณะพิเศษของทีม | ||
แท่งมนุษย์มีขนาดเพียง 50% เท่านั้น หากมีบอมบ์ใน Stock น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ลูก จะได้รับบอมบ์เพิ่ม 1 ลูกเมื่อจบด่าน |
Stage 1
ชื่อด่าน : ปลายทางของไฟหิ่งห้อย
คิดไปเองรึเปล่านะว่าแสงของหิ่งห้อยมันสว่างกว่าทุกที
ท่าทางคืนนี้จะกลายเป็นคืนที่ยาวนานนะ
(เปิดเพลง BGM : ราตรีลวงตา ~ โกสท์ลี่ อายส์ (ตาผี))
โยวมุ : เอ้า, ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !
โยวมุ : เจ้าตัวไต่ตอมความมืดที่ซ่อนอยู่ตรงนั้นน่ะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, อย่าปล่อยทิ้งไว้สิ---...
โยวมุ : พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ, ราตรีเป็นสิ่งที่แสนสั้นนะคะ ! (โยวมุเข้าใจว่าหมายถึง อย่าทิ้งฉันไป แต่ความจริงแล้ว... (อ่านต่อด้านล่าง))
โยวมุ : ต้องหาศัตรูให้พบโดยไว แล้วฟาดฟันบดขยี้ให้เละค่ะ
ยูยูโกะ : เปล่า, ไม่ใช่แบบนั้น... ...
?? : ฟาดฟันบดขยี้ให้เละ, งั้นเหรอ
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก เข้ามาในหน้าจอ)
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก
Wriggle Nightbug
ริกเกิ้ล : จะฟาดฟันหรือบดขยี้ก็เอาสักอย่างสิ !
โยวมุ : เอาล่ะ, ก่อนจะถูกฟาดฟันหรือถูกบดขยี้,
โยวมุ : บอกมาซะ ว่าพวกฉันต้องไปที่ไหน !
ยูยูโกะ : สภาพนั้นของโยวมุน่ะ, คือ Tension (ความคึกคะนอง) แห่งยามเช้ามืดน่ะนะ
ยูยูโกะ : บอกไปแล้วนี่นาว่า, อย่าปล่อยทิ้งไว้ (ประโยคนี้จึงอาจหมายถึง จงฆ่าให้เรียบ อย่าให้เหลือ ต่างหาก)
ยูยูโกะ : ยามราตรียังเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ริกเกิ้ล : อะไรกันเนี่ย, ยัยพวกนี้
ยูยูโกะ : อ๊ะ ?
ยูยูโกะ : มีหิ่งห้อยตัวใหญ่อยู่ตรงหน้าด้วยล่ะ
โยวมุ : ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอคะ... ...
ยูยูโกะ : ชมหิ่งห้อยก็ไม่เลวนะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, แวะพักสักครู่มั้ย ?
โยวมุ : ตอนนี้พวกเรามีเวลามากขนาดนั้นซะที่ไหนล่ะคะ !
โยวมุ : กะแค่แมลง, ด้วยดาบโรวคันเคนเล่มนี้... ...
ริกเกิ้ล : ตอนที่มัวแต่พูดแบบนั้นนั่นแหละที่เสียเวลาที่สุดเลย !
ริกเกิ้ล : ไม่ได้เห็นซะนานเลยนะ, พวกที่ไม่รู้สึกยินดีเวลาที่ท่านหิ่งห้อยเสด็จออกมาเนี่ย !
(เปิดเพลง BGM : พระจันทร์ฤดูใบไม้ผลิยั้วเยี้ย ~ มูนด์ อินเสคท์ (แมลงครึ่งจันทร์))
(ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก แพ้พ่าย)
โยวมุ : เพราะท่านยูยูโกะไม่เล็งให้ดี, ถึงได้ต้องใช้เวลามากในการยิงศัตรูนั่นล่ะค่ะ
ยูยูโกะ : แหม, ไม่รู้จักคำว่า, ยิ่งรีบยิ่งช้า, งั้นเหรอ ?
โยวมุ : อ่า, แต่เรากำลังรีบอยู่นี่คะ
โยวมุ : แล้วนี่, จะไปไหนต่อดีล่ะคะเนี่ย ?
ยูยูโกะ : เอางี้มั้ย ? ลองไปตามทางที่กิ่งไม้นี้ล้มลงกันดูมั้ย ?
โยวมุ : เอาแบบนั้นจะดีเหรอคะ... ...
โยวมุ : อ๊ะ, ถ้าถือเอียงๆแบบนั้น, ก็จะรู้ทางที่ล้มก่อนปล่อยจากมือน่ะสิคะ
ยูยูโกะ : หมุนหมุนหมุน~, น่ะ
Stage 2
ชื่อด่าน : ถนนที่มนุษย์หายตัวไป
แม้เป็นถนนที่มนุษย์ใช้สัญจร, พอตกกลางคืนก็มีแต่สัตว์ป่าหรือโยวไคมาใช้งาน
อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเห็นมนุษย์ล่ะ
(เปิดเพลง BGM : เสียงร้องของนกกระจอกราตรี ~ ไนท์ เบิร์ด (วิหคราตรี))
(มิสเทีย โลเรไล เข้ามาในหน้าจอ)
?? : คะ.. คอยเดี๋ยวสิ~ !
โยวมุ : ก็เธอเกะกะนี่นา
?? : เสียงเพลงของฉันมันไปไม่ถึงพวกเธองั้นเหรอ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ภูตนกกระจอกราตรี
มิสเทีย โลเรไล
Mystia Lorelei
มิสเทีย : หรือว่าไม่ใช่มนุษย์ ?
ยูยูโกะ : เมื่อพูดถึงยามราตรี, ก็ต้องได้ยินเสียงร้องของนกกระจอกนะ, โยวมุ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะ
โยวมุ : อย่าสับสนเพราะเสียงร้องนี่สิคะ
โยวมุ : นี่เป็นเสียงร้องของนกกระจอกราตรีนะคะ
โยวมุ : เป็นเสียงที่อัปมงคลที่สุดค่ะ
มิสเทีย : มาว่าอัปมงคลเนี่ย มันเสียมารยาทนะ
มิสเทีย : ยังดีกว่าเสียงยูวเรย์(ผี)ปรากฏตัวตั้งหลายเท่าไม่ใช่เหรอ ?
ยูยูโกะ : มันก็ใช่น่ะน้า, เทียบกันไม่ติดเลยล่ะ
โยวมุ : ปฏิเสธไปเถอะค่ะ~ (เพราะยูยูโกะเป็นวิญญาณ ส่วนโยวมุเป็นครึ่งคนครึ่งผี)
ยูยูโกะ : ฟังสิ โยวมุ, เสียงร้องดังขึ้นอีกแล้วล่ะ
ยูยูโกะ : ต้นเสียงมาจากไหนกันนะ
มิสเทีย : ให้ตายสิ, พวกที่เป็นมนุษย์ก็ดี พวกที่เคยเป็นมนุษย์ก็ดี
มิสเทีย : จากนี้ไป, งานฉลองโยวไคที่แสนสนุกสนานจะเริ่มต้นขึ้นแล้วนะ
ยูยูโกะ : เอาล่ะ โยวมุ, รีบไปต่อกันดีกว่ามั้ย
โยวมุ : เอ๊ะ ? เอ... นั่นสินะคะ, คงงั้นล่ะค่ะ แต่ว่า
โยวมุ : ก่อนอื่น, ต้องสอยนกที่อยู่ตรงหน้านี่ซะก่อน
ยูยูโกะ : ไม่ชอบนกกระจอกตรงที่มันมีกระดูกเยอะนี่ล่ะ
มิสเทีย : ไม่ยอมให้ผ่านไปได้หรอก !
(เปิดเพลง BGM : ได้ยินแต่เสียงเพลงแล้ว)
(มิสเทีย โลเรไล แพ้พ่าย)
โยวมุ : นกกระจอกราตรีปรากฏตัว, แสดงว่าพวกโยวไคและอย่างอื่นกำลังจะมารวมตัวกันนะคะ
โยวมุ : ไปจากที่นี่ก่อนดีกว่าค่ะ
โยวมุ : รีบเข้าเถอะค่ะ
ยูยูโกะ : คอยเดี๋ยวสิ, กระดูกมัน... ...
โยวมุ : เมื่อกี้, บอกว่าไม่ชอบไม่ใช่เหรอคะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, การเลือกกินเป็นสิ่งไม่ดีนะ
Stage 3
ชื่อด่าน : ความอาลัยอาวรณ์แห่งการเขมือบประวัติศาสตร์
ปลายทางเกวียนสายหนึ่ง มีหมู่บ้านเล็กๆที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่
แต่สถานที่ซึ่งน่าจะมีหมู่บ้านอยู่นั้น, กลับไม่มีอะไรอยู่เลย
(เปิดเพลง BGM : เลือดตะวันออกแสนอาวรณ์ ~ โอลด์ เวิลด์ (โลกเก่า))
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : พวกเธอเองเหรอ
?? : ที่คิดจะจู่โจมหมู่บ้านกลางดึกแบบนี้
ยูยูโกะ : เอ๊ะ ?
ยูยูโกะ : หลงเข้ามาในที่แปลกๆซะแล้วสิ
โยวมุ : ที่นี่คือที่ไหนกันนะ... ...?
?? : แกล้งทำเป็นเด็กหลงทางก็ไม่มีประโยชน์หรอก
?? : พวกวิญญาณอัปมงคลเอ๋ย
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ หยุดต่อสู้ชั่วคราว)
?? : บัดซบ !
?? : วิญญาณพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย
ยูยูโกะ : ใจร้ายจังนะ
ยูยูโกะ : ทำอย่างกับวิญญาณไม่ใช่คนอย่างนั้นแหละ
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ออกไปจากหน้าจอ)
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : มาจนถึงที่แบบนี้, มีธุระอะไรกัน ?
ยูยูโกะ : เมื่อกี้, เธอโจมตีเข้ามานี่นะ ?
ยูยูโกะ : ก็เลยมาเอาคืน, น่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ครึ่งสัตว์แห่งประวัติศาสตร์และความรู้
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
Keine Kamishirasawa
เคย์เนะ : ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่
เคย์เนะ : รีบผ่านไปเสียเถอะ
โยวมุ : ถึงจะพูดอย่างนั้น, แต่ที่จริงก็ยังไม่รู้จุดหมายปลายทางเลยค่ะ... ...
เคย์เนะ : บินไปบินมาอย่างไม่มีจุดหมายงั้นเหรอ ?
ยูยูโกะ : ผิดแล้ว ผิดแล้ว, โยวมุ
ยูยูโกะ : กำลังมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่างหาก
ยูยูโกะ : เธอแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว
เคย์เนะ : จุดหมายของพวกเธอคืออะไรล่ะ ?
โยวมุ : ทำให้พระจันทร์พิลึกนี่กลับเป็นปกติ
ยูยูโกะ : ผิดแล้ว ผิดแล้ว, โยวมุ
โยวมุ : !?
ยูยูโกะ : เดินทางท่องเที่ยวยามราตรีอย่างอิ่มหนำสำราญต่างหากล่ะ
เคย์เนะ : น่าสงสัยสุดๆไปเลยแฮะ
เคย์เนะ : แค่เป็นยูวเรย์ก็น่าสงสัยจะแย่อยู่แล้วแท้ๆ
โยวมุ : เดี๋ยวสิ, จะทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้แล้ว
โยวมุ : ยูวเรย์ไม่น่าสงสัยสักหน่อย
ยูยูโกะ : ผิดแล้ว ผิดแล้ว
โยวมุ : หนวกหู
เคย์เนะ : ... ...พวกเธอนี่ท่าทางจะเป็นอันตรายจริงๆด้วย
เคย์เนะ : คงต้องไล่ออกไปจากที่นี่เท่านั้นสินะ
เคย์เนะ : ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจพวกเธอเท่าไรก็เถอะ
ยูยูโกะ : นี่ นี่ โยวมุ
ยูยูโกะ : วันนี้เจอ แมลง, นกกระจอก, แล้วจากนั้นก็เป็นสัตว์สินะ
โยวมุ : อยากจะพูดอะไรกันแน่คะ
เคย์เนะ : ฮึ, ขอรับประวัติศาสตร์ทั้งหมดของพวกเธอไปล่ะ !
(เปิดเพลง BGM : Plain Asia (เอเชียที่เรียบง่าย))
เคย์เนะ : รวมถึงประวัติศาสตร์ก่อนที่พวกเธอจะกลายเป็นยูวเรย์ด้วย, ทั้งหมดเลย
ยูยูโกะ : ต่อไปคงเป็นมังกรล่ะมั้งนะ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะ
โยวมุ : กรุณาคิดถึงเรื่องตรงหน้าก่อนที่จะคิดถึงเรื่องต่อไปเถอะค่ะ
(คามิชิราซาวะ เคย์เนะ แพ้พ่าย)
โยวมุ : สัตว์, ...อ๊ะ อย่าทำเหมือนมนุษย์เป็นสัตว์สิคะ
ยูยูโกะ : ผิดแล้ว ผิดแล้ว, โยวมุ
ยูยูโกะ : ถึงตอนนี้เด็กคนนี้จะมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์อยู่, แต่ก็เป็นสัตว์อยู่ครึ่งหนึ่งนะ
ยูยูโกะ : คล้ายๆกับเธอนั่นล่ะ
ยูยูโกะ : ที่สำคัญ, ถ้าคิดเสียว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ก็ต้องเพิ่มเป็น 2 ครึ่งสัตว์ล่ะมั้ง
เคย์เนะ : บัดซบ, ถ้าพระจันทร์สมบูรณ์ดีล่ะก็, กะแค่ยูวเรย์พรรค์นี้... ...
โยวมุ : ใช่ใช่ใช่
โยวมุ : ต้องตามเอาจันทร์เพ็ญกลับคืนมานี่คะ
ยูยูโกะ : เอ้า, ต่อไปเป็นมังกรล่ะ
ยูยูโกะ : น่าสนุกจังเลยนะ, โยวมุ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะ, จะบอกว่ารู้จุดหมายปลายทางอยู่แล้วสินะคะ ?
โยวมุ : ฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้
ยูยูโกะ : แต่ว่า, มังกรเนี่ยท่าทางจะมีเกล็ดเยอะนะ
(ด่าน 5 คือ ด่านแรกที่เข้าสู่เรือนนิรันดร์ อันเป็นจุดหมายปลายทางของภาคนี้
ชื่อด่านและชื่อเพลงนั้นมีคำว่า กรง ซึ่งเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นได้อีกแบบว่า 籠
และคำว่า 籠 นี้ประกอบขึ้นจากบุชุสองตัวคือ 竹 (ไผ่) และ 龍 (มังกร)
จึงมีความเป็นไปได้ที่ยูยูโกะจะรู้ปลายทางตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ
และยังคำนวณเวลาที่จะต้องใช้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องไว้เรียบร้อยแล้วด้วย จึงบอกโยวมุว่าไม่ต้องรีบ
รายละเอียดยังมีต่อด้านล่าง)
Stage 4 Powerful
ชื่อด่าน : ข้างใต้ของดินที่สั่งสมพลังเวทเอาไว้
ใต้ต้นไผ่ที่ทรงพลังนั้น, มีรากที่ทรงพลังยิ่งกว่า กำลังแผ่ขยายอยู่โดยรอบ
ผู้ที่มองแต่เพียงผิวหน้านั้น, มีแค่มนุษย์กับโยวไคที่โง่เขลาเท่านั้น
(เปิดเพลง BGM : กรรมสนองราตรีนิรันดร์ ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด.)
มาริสะ : อย่าขยับไม่งั้นยิง !
(คิริซาเมะ มาริสะ เข้ามาในหน้าจอ)
มาริสะ : ไม่ใช่สิ
มาริสะ : ต้องยิงแล้วค่อยขยับนี่หว่า, เดี๋ยวจะขยับล่ะ
(ล้อบทพูดในเรื่องมุเกนชินชิ และบทพูดของมาริสะเองในเกมชุโซวโกะคุ (เซย์โฮวโปรเจคท์) โดยในภาคนั้นเธอพูดว่า ยิงแล้วค่อยขยับ)
โยวมุ : อะไรน่ะ ?
โยวมุ : แปลกจริงนะที่มาเจอกันในที่แบบนี้
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมเวทดำธรรมดาสามัญ
คิริซาเมะ มาริสะ
Marisa Kirisame
มาริสะ : ไม่รู้สินะ, ฉันก็แค่ออกมากำราบโยวไคจอมป่วน, เหมือนกับทุกทีเท่านั้นแหละว้อย
โยวมุ : จอมป่วน... งั้นเหรอ,
โยวมุ : เธอรู้เหรอว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ ?
ยูยูโกะ : ก็บอกแล้วไง---, ว่าเป็นธรรมดาที่จะรู้
มาริสะ : รู้สิวะ
มาริสะ : ยิ่งมีพวกที่รวบรวมปราณภูตมาบินอยู่ในที่แบบนี้ด้วยแล้ว
มาริสะ : พรุ่งนี้เป็นวันชมจันทร์ที่รอคอยมาแสนนานนะว้อย
มาริสะ : พระจันทร์ของวันนี้น่ะเห็นจนเบื่อแล้วว่ะ
ยูยูโกะ : ตายจริง, ท่าทางจะไม่รู้สินะ
ยูยูโกะ : คนที่หยุดราตรีเอาไว้ก็คือพวกฉันเอง
มาริสะ : ก็พวกเธอไม่ใช่เหรอ ?
มาริสะ : เพราะงั้นฉันก็เลยจะมาถล่มให้เละไงล่ะ
โยวมุ : เจ้าดำตรงนั้นน่ะ
โยวมุ : เห็นพระจันทร์เพี้ยนๆข้างหลังนั่นแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ?
มาริสะ : ก็บอกว่าดูจนเบื่อแล้วไงเล่า ?
(เปิดเพลง BGM : มาสเตอร์สปาร์คสีรัก)
โยวมุ : อย่าหนีความเป็นจริงสิ
โยวมุ : ในขณะที่มัวทำแบบนี้, พระจันทร์พิลึกนั่นก็ยังคงลอยอยู่นะ
โยวมุ : ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็ได้นะ ?
มาริสะ : อ๋า--- ? ราตรีที่ไม่ยอมจบนี่แหละคือเรื่องใหญ่ว้อย
มาริสะ : ถ้าหนึ่งวันไม่ยอมจบลง, พวกต้นไผ่เองก็อาจจะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มาริสะ : อาจจะไปจนถึงดวงจันทร์ได้เลยนะโว้ย
ยูยูโกะ : ไม้ที่โผล่ขึ้นมาจะโดนตอกนะ (เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง ทำตัวเด่นจะโดนเล่นงาน)
ยูยูโกะ : เอ๊ะ ? ตอกแล้วจะขยับได้ยังไงล่ะ ? (ล้อบทพูดของมาริสะ โดยเล่นคำพ้องเสียง ตอก (打つ) / ยิง (撃つ) อ่านว่า อุทสึ ทั้งคู่)
มาริสะ : เออ, ต้องขยับสิวะ
มาริสะ : จะขยับไปจนกว่าจะถึงรุ่งสางนั่นแหละว้อย
(คิริซาเมะ มาริสะ ออกไปจากหน้าจอ)
โยวมุ : หนีไปแล้วค่ะ, ท่านยูยูโกะ
โยวมุ : ตามไปมั้ยคะ ?
ยูยูโกะ : ยุ่งยากจริงนะ
ยูยูโกะ : แต่พวกฉันก็กำลังมุ่งหน้าไปทางนั้นอยู่พอดี... ...
(คิริซาเมะ มาริสะ เข้ามาในหน้าจอ)
มาริสะ : เริ่มขยับแล้วเพราะยิงไปแล้ว
มาริสะ : เอาล่ะ, จากนี้ไปจะเป็นของจริงล่ะโว้ย
โยวมุ : ยังจะเอาอีกเหรอ ?
โยวมุ : รู้ผลไปแล้วนี่นา ?
มาริสะ : ฮึ
มาริสะ : ถ้าทางนั้นมีสองคน, ทางนี้ก็ต้องสองครั้งสิ !
(คิริซาเมะ มาริสะ แพ้พ่าย)
โยวมุ : เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์จนได้นะคะ
ยูยูโกะ : ไม่มีเวลาที่เปล่าประโยชน์สำหรับยูวเรย์หรอก
ยูยูโกะ : ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามโครงเรื่อง
มาริสะ : บัดซบ
มาริสะ : พูดถึงอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ?
ยูยูโกะ : พริบตาคือทั้งหมด, ทั้งหมดคือพริบตา
ยูยูโกะ : เวลาที่ใช้เล่นกับเธอก็เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน (แสดงให้เห็นว่าเธอคำนวณเวลาที่ต้องใช้ทั้งหมดไว้แล้วจริงๆ)
โยวมุ : อ๊ะ ?
โยวมุ : เห็นเรือนไม้หลังใหญ่อยู่กลางป่าไผ่ด้วยล่ะค่ะ
ยูยูโกะ : โยวมุ
ยูยูโกะ : เคยบอกว่า สิ่งที่ไม่รู้จักถือเป็นเรื่องแปลก สินะ ?
ยูยูโกะ : อยู่ตรงนั้นไงล่ะ
ยูยูโกะ : มังกรที่กำลังตามหาอยู่
(แสดงให้เห็นว่าเธอรู้จุดหมายตั้งแต่แรกจริงๆ)
(นอกจากนี้, ในบทของทีมมารแดงยังมีการกล่าวเทียบคางุยะเป็นมังกรด้วย)
Stage 5
ชื่อด่าน : กรงที่สวยงามในโลกที่โสมม
「เหตุใดจึงต้องอยู่ในโลกที่โสมมนี้ไปอีกนานๆด้วยล่ะ」
เมื่อกล่าวเช่นนั้น, ประตูที่ถูกปิดก็เปิดออกจนหมดสิ้น------
(จากนิทานคนตัดไผ่ / นิทานเจ้าหญิงคางุยะ)
(เปิดเพลง BGM : Cinderella Cage (กรงซินเดอเรลล่า) ~ คาโกเมะ-คาโกเมะ)
?? : สายไปแล้วนะ
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ประตูทั้งหมดถูกผนึกแล้ว
?? : ใครจะยอมให้พาองค์หญิงออกไปได้กันล่ะ ?
โยวมุ : ในที่สุดก็เจอคนร้ายสักทีนะคะ
ยูยูโกะ : นี่คือนกอวกาศ
ยูยูโกะ : ยังหรอก ยังหรอก, ไม่ต้องรีบร้อน
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต
เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ
Reisen Udongein Inaba
เรย์เซน : อะไรกัน, ยูวเรย์หรอกเหรอ
เรย์เซน : อย่าทำให้ฉันร้อนใจสิ, โธ่
เรย์เซน : ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปซะเถอะ
เรย์เซน : ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่นะ
โยวมุ : ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก
โยวมุ : เหตุวิปลาสของพระจันทร์นี้, เธอเป็นคนทำสินะ ?
โยวมุ : ถ้าใช่ก็จะฟันซะ
โยวมุ : ถ้าไม่ใช่ก็จะฟัน แล้วค่อยไปต่อ
เรย์เซน : เหตุวิปลาสของพระจันทร์ ?
เรย์เซน : อ๋อ, หมายถึงวิชาห้องลับแห่งพื้นพิภพสินะ ?
ยูยูโกะ : ใช่แล้ว
ยูยูโกะ : มันเป็นวิชาที่ก่อปัญหาอย่างร้ายแรงเลยล่ะ
ยูยูโกะ : รีบหยุดมันเดี๋ยวนี้เลยนะจ๊ะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, เอาเลย รีบฟันให้จบๆไปซะ
โยวมุ : เอ๊ะ, เอ่อ, งั้นจะลุยล่ะนะคะ ?
เรย์เซน : เป็นยูวเรย์ที่หยาบคายจริงนะ
เรย์เซน : คุยกันหน่อยก็ได้นี่นา
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ตายจริง, นึกว่าเป็นทูตที่มารับเสียอีก, เป็นยูวเรย์(ผี)หรอกเหรอ ?
?? : เอาเถอะ, พวกทูตก็ไม่น่าจะมาถึงได้อยู่แล้วน่ะนะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, คนที่สองล่ะ
ยูยูโกะ : นี่ก็ต้องฟันด้วยนะ
โยวมุ : เอ๊ะ, เอ่อ ? งั้นจะลุยล่ะ, นะคะ ?
?? : นี่, ไปแกล้งกันแบบนั้นก็น่าสงสารแย่สิ
?? : ส่วนเรื่องพระจันทร์นั่น, เป็นวิชาของฉันเอง
?? : ทว่า, นี่ก็เพื่อองค์หญิงและเด็กคนนี้น่ะนะ
?? : ต่อให้เป็นยูวเรย์, ก็ต้องมีความอ่อนโยนประมาณนี้บ้างสิ
โยวมุ : เธอคือคนร้ายงั้นเหรอ
โยวมุ : ถ้างั้นคนที่ต้องโดนฟันก็ลดลงไปหนึ่งคนล่ะ
?? : หืม---, แต่ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก
?? : อุดองเกะ, ฝากที่นี่ให้เธอจัดการหน่อยนะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์เซน : ให้ฉันจัดการเองค่ะ
เรย์เซน : ประตูที่ถูกปิดไว้, จะไม่ให้ถูกเปิดแม้แต่บานเดียวค่ะ
โยวมุ : (อะไรกัน, ไม่เห็นต่างจากท่านยูยูโกะเลยนี่นา)
ยูยูโกะ : สมองหนีไป, ทิ้งไว้แต่นก
ยูยูโกะ : โยวมุ, คนที่ต้องโดนฟันลดลงไปหนึ่งคนแล้วนะ
โยวมุ : เอ๊ะ ? เอ่อ, ก็บอกว่า จะฟัน แล้วไงคะ ? (สุดท้ายโยวมุก็เบลอ เพราะก่อนหน้านี้เธอพูดว่า จะลุย ต่างหาก)
(เปิดเพลง BGM : ม่านตาแห่งความวิกลจริต ~ อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน (จันทร์เพ็ญล่องหน))
เรย์เซน : ฮุฮุฮุ
เรย์เซน : มัวแต่สนใจพระจันทร์... ...
เรย์เซน : จนไม่รู้สึกตัวเลยล่ะสิว่าติดกับดักของฉันเข้าให้แล้ว ?
โยวมุ : !?
เรย์เซน : ทิศทางของเธอเริ่มสับสน
เรย์เซน : จนไม่อาจบินตรงๆได้แล้ว !
โยวมุ : จะว่าไป, ทำไมท่านยูยูโกะเรียกยัยนั่นว่านกล่ะคะ ?
โยวมุ : ดูยังไงก็เป็นกระต่ายแท้ๆ... ...
ยูยูโกะ : กระต่ายนั้น, เมื่อถูกถลกหนังเพื่อกิน, มันจะกลายเป็นนกนะ
ยูยูโกะ : จงจำไว้ให้ดี
เรย์เซน : อย่าสอนเรื่องโกหกสิ
เรย์เซน : เอ๊ย ไม่สิ, อย่าทำเป็นไม่เห็นหัวกันสิ !
เรย์เซน : คิดว่ามองตาฉันแล้ว, จะยังครองสติเอาไว้ได้อย่างนั้นรึ !
(มาจากกฎทางศาสนา ที่ห้ามนักบวชทานเนื้อสัตว์ แต่ทานเนื้อนกได้)
(นักบวชซึ่งต้องการทานเนื้อจึงอ้างว่านี่ไม่ใช่หูยาว แต่เป็นปีกต่างหาก และทำการกินเนื้อกระต่ายนับแต่นั้นมา)
(เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ แพ้พ่าย)
(ผู้เล่นเลือกทางแยก)
มุ่งหน้าไปตามทางที่ท่านยูยูโกะบอก (Final A)
มุ่งหน้าไปตามทางที่ท่านยูยูโกะบอก (Final B)
Final A โยวมุ : อูย, มึนชะมัดเลย โยวมุ : รู้สึกอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ... ... ยูยูโกะ : แหม, ถูกขย่มเสียขนาดนั้น, ยูยูโกะ : ฝั่งมนุษย์ก็ต้องมึนเป็นธรรมดาล่ะนะ ยูยูโกะ : เอาน่า, วางใจเถอะ ยูยูโกะ : เดี๋ยวจะได้กินของที่ดีต่อร่างกายแล้วล่ะ เรย์เซน : นี่มันอะไรกัน เรย์เซน : แข็งแกร่งกว่าที่เคยคิดเอาไว้ซะอีก... ... ยูยูโกะ : ต่อไปคือสมุนไพร, และคงเป็นอย่างสุดท้ายแล้ว ยูยูโกะ : ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ใช่มังกรก็เถอะ โยวมุ : ท่านยูยูโกะ โยวมุ : รู้อะไรบางอย่างเหรอคะ ? ยูยูโกะ : ไม่เลยสักนิด |
Final B โยวมุ : อูย, มึนชะมัดเลย โยวมุ : รู้สึกอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ... ... ยูยูโกะ : แหม, ถูกขย่มเสียขนาดนั้น, ยูยูโกะ : ฝั่งมนุษย์ก็ต้องมึนเป็นธรรมดาล่ะนะ ยูยูโกะ : ไปพักที่ประตูที่เห็นอยู่ตรงโน้นสักหน่อยมั้ย ? เรย์เซน : อ๊า, เสร็จกัน เรย์เซน : มีประตูที่ยังปิดผนึกไม่ทันอยู่ด้วยเหรอเนี่ย โยวมุ : ไม่เป็นไร, หรอกค่ะ โยวมุ : รีบตามเจ้าคนเมื่อกี้ไปกันเถอะค่ะ ยูยูโกะ : ไม่เป็นไรหรอก ยูยูโกะ : เพราะประตูที่เปิดอยู่ก็คือประตูที่ต้องเข้าไป ยูยูโกะ : ต้องมีอาหารจานสุดท้ายรออยู่ที่นั่นแน่ๆเลยล่ะ ยูยูโกะ : แต่, อาจจะไม่ได้พักก็ได้นะ |
Final A
ชื่อด่าน : ลูกแก้วแห่งท้องฟ้ายามราตรีที่ซุกซ่อนเจ้าหญิงเอาไว้
ทางเดินที่ยาวแสนยาว, ทางเดินนี้เป็นภาพหลอนที่สร้างขึ้นโดยใครบางคนรึเปล่านะ
ความทรงจำของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้เกินไปนั้น, เป็นสิ่งเลือนรางที่น่าคิดถึงสำหรับโยวไค
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ฮุฮุฮุ
?? : ตามมาอย่างดีเลยสินะ
ยูยูโกะ : ตามทันแล้ว
ยูยูโกะ : ไม่ให้หนีไปได้หรอก
โยวมุ : ค่ะ, ไม่ให้หนีไปได้หรอกค่ะ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
โยวมุ : เอ---
โยวมุ : ไปไหนซะแล้วล่ะ ?
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ทางนี้, ทางนี้
?? : สมเป็นครึ่งวัยกลางคนเลยนะ (เป็นคำเรียกคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ หรือยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ / อ่อนหัด)
?? : คลาดสายตากันได้ในเวลาสั้นๆแค่นี้
ยูยูโกะ : มัวทำอะไรอยู่น่ะ
ยูยูโกะ : เอาร่างครึ่งผีขนาดใหญ่นั่นตามมาด้วยเพื่ออะไรกัน ?
โยวมุ : ไม่ได้มีไว้สะกดรอยตามนะคะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
มันสมองของดวงจันทร์
ยาโกะโคโระ เอย์ริน
Eirin Yagokoro
เอย์ริน : แหม่, ก็ที่นี่เป็นเส้นทางปลอมที่ฉันสร้างขึ้นน่ะนะ
เอย์ริน : พวกเธอจะคลาดสายตาไปก็ไม่แปลกหรอก
โยวมุ : เส้นทางปลอม ?
ยูยูโกะ : ท้องฟ้าปลอมและพระจันทร์ปลอม
ยูยูโกะ : ช่างประณีตเสียจริงนะ
เอย์ริน : ตายจริง, รู้ดีเลยนี่นา
เอย์ริน : ว่าพระจันทร์นั่นเป็นภาพมายา
ยูยูโกะ : นั่นน่ะ, คือพระจันทร์แห่งยุคโบราณกาล
ยูยูโกะ : พระจันทร์ในสมัยที่มันยังไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า
โยวมุ : ยุคโบราณเหรอคะ ?
ยูยูโกะ : ดวงจันทร์ขึ้นราที่แสนเก่าแก่
ยูยูโกะ : ดวงจันทร์ในตอนนี้ไม่มีกระต่ายแล้วสิน้า
เอย์ริน : แย่หน่อยนะ, ตอนนี้ก็ยังมีกระต่ายอยู่ล่ะ
เอย์ริน : ทั้งชาวจันทราและกระต่าย, ล้วนใช้ชีวิตอยู่ที่ด้านหลังของดวงจันทร์อย่างเงียบงัน
เอย์ริน : โดยกางเขตแดนเอาไว้... ...
เอย์ริน : ใช่แล้ว, คล้ายกับเกนโซวเคียวนั่นล่ะ
โยวมุ : เกนโซวเคียวของดวงจันทร์ ?
เอย์ริน : และพระจันทร์ที่เป็นภาพมายานี้ก็คือ ความทรงจำของดวงจันทร์
เอย์ริน : ที่มองเห็นว่ามันเก่าแก่ก็เพราะเหตุนั้นนั่นเอง
โยวมุ : แล้ว, เอาพระจันทร์เหม็นอับแบบนั้นออกมาเพื่อจะทำอะไรล่ะ ?
เอย์ริน : ธุระที่ต้องทำน่ะเสร็จสิ้นไปแล้ว
เอย์ริน : จันทร์เพ็ญ คือกุญแจหนึ่งเดียวที่เชื่อมโยงระหว่างพื้นพิภพ(โลก)กับดวงจันทร์
เอย์ริน : ขอเพียงทำให้สิ่งนี้หายไป, ผู้ตามล่าก็ไม่อาจเดินทางจากดวงจันทร์มายังพื้นพิภพได้
เอย์ริน : ป่านนี้คงกำลังเดินทางไปบนพื้นพิภพปลอมอยู่กระมัง
เอย์ริน : ใช่แล้ว, พื้นพิภพที่เหม็นอับไงล่ะ
ยูยูโกะ : เธอเป็นอาชญากรสินะ
ยูยูโกะ : ผู้ที่หนีจากอะไรบางอย่างก็คือผู้ที่ได้ทำความผิดเอาไว้
ยูยูโกะ : ผู้ที่พยายามซ่อนตัวก็คือผู้ที่ยอมรับความผิดของตัวเอง
ยูยูโกะ : จากนั้น, อาชญากรผู้ยอมรับความผิดของตนก็จะเริ่มแก้ตัวออกมา
โยวมุ : ... ...
เอย์ริน : เปล่านี่
เอย์ริน : ก็แค่ไม่ค่อยอยากกลับดวงจันทร์, เพราะที่นี่น่าอยู่ดีเท่านั้นเอง
เอย์ริน : และวางใจเถอะ
เอย์ริน : พอถึงเช้าก็จะคืนจันทร์เพ็ญให้แล้วล่ะ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะคะ, ขอคำสั่งอะไรสักอย่างแก่ฉันด้วยค่ะ
ยูยูโกะ : ตายจริง, เพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดเอาตอนนี้งั้นหรือ
ยูยูโกะ : ถ้างั้น, ก่อนอื่นจงเป็นโล่ให้ฉันซะ
โยวมุ : ให้ฉันจัดการเองค่ะ
โยวมุ : โล่ที่แข็งกล้าที่สุดในโลกวิญญาณ, พร้อมแสดงให้ชมเป็นขวัญตาแล้ว
ยูยูโกะ : ฉันจะคอยช่วยละกัน ถ้ารู้สึกอยากทำขึ้นมาน่ะนะ
เอย์ริน : อะฮะฮะฮะฮะ
เอย์ริน : โล่นั้นมีพลังในการปกป้องพลังจากภายนอกเท่านั้น
เอย์ริน : ชาวจันทราอย่างพวกเราน่ะ, มีความสามารถในการก่อปฏิกิริยาแก่พลังที่อยู่ภายใน
เอย์ริน : ในขณะที่เธอเป็นโล่อันแข็งกล้า, ส่วนที่อ่อนนุ่มซึ่งอยู่ภายในจะค่อยๆเน่าเปื่อยลง... ...
เอย์ริน : ใช่แล้ว, เริ่มจากคุณหนูผู้ไม่รู้จักทุกข์ร้อนที่อยู่ตรงนั้น
เอย์ริน : โล่ที่แข็งกล้าน่ะไม่มีความหมายหรอกนะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, วางใจเถอะ
ยูยูโกะ : ฉันไม่ใช่ของสด ดังนั้นไม่เน่าหรอก
โยวมุ : รู้แล้วล่ะค่ะ
โยวมุ : ว่าเน่ามาตั้งแต่แรกแล้ว
โยวมุ : แต่แม้จะเน่าไปแล้วก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องปกป้อง, นั่นคือหน้าที่ของตระกูลคอนปาคุค่ะ
ยูยูโกะ : ก็บอกว่าไม่เน่าไงล่ะ
เอย์ริน : ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้สึกร้อนใจแบบนั้นอยู่เสมอสินะ
เอย์ริน : ความทรงจำของดวงจันทร์ที่ท่วมท้นอย่างไร้ก้นบึ้ง
เอย์ริน : ไม่เคยมีชาวพื้นพิภพคนใดที่ได้อาบสิ่งนี้แล้วไม่คลุ้มคลั่ง
ยูยูโกะ : ช่วยไม่ได้นะ, โยวมุ, พยายามอย่าให้คลั่งไปล่ะ
ยูยูโกะ : จำไว้แค่เรื่องนี้อย่างเดียวก็พอ
เอย์ริน : อ้อ, ไม่ใช่คนแต่เป็นยูวเรย์สินะ
เอย์ริน : เป็นแบบนั้นแล้วจะไม่เน่างั้นหรือ
ยูยูโกะ : ของดองน่ะอร่อยที่สุดเลยนะ
โยวมุ : มาสอนเรื่องแบบนั้นในตอนนี้มันก็... ...
เอย์ริน : เข้าใจพูดนะ
เอย์ริน : แต่ว่า, ความสามารถในการหมักดองน่ะ คือพลังของเทพเจ้า
(เปิดเพลง BGM : เกนโซวเคียวพันปี ~ ฮิสทอรี่ ออฟ เดอะ มูน (ประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์))
เอย์ริน : หมายความว่า, วิญญาณอย่างพวกเธอเป็นสิ่งแม้แต่เทพเจ้าก็ยังทอดทิ้งไงล่ะ ! (เพราะไม่เน่า)
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
?? : มัวเล่นอะไรอยู่น่ะ !
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : เอย์ริน, ฉันจะให้โอกาสอีกเพียงครั้งเดียวด้วยพลังของฉัน
?? : ถ้าคราวนี้ยังแพ้อีกล่ะก็... ...
?? : วิญญาณตรงนั้นน่ะ !
?? : ยาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของฉัน กับพลังที่แท้จริงของเอย์ริน,
?? : จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต !
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน แพ้พ่าย)
・หากเวลาล่วงเลยถึง 5:00 am >> BAD ENDING No. 12
・หากจบเกมได้ก่อนเวลา 5:00 am >> NORMAL ENDING No. 8
Final B
ชื่อด่าน : สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า
สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้าซึ่งไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้
หากแต่, เดือนปีที่ยาวนานและพลังแห่งมายานั้น,
มันเพียงพอที่จะทำสิ่งเรียกร้องเหล่านั้นให้เป็นจริงได้แล้ว
(เปิดเพลง BGM : Voyage1969 (วอยาจ1969) (การเดินทางในปี 1969))
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน เข้ามาในหน้าจอ)
?? : ให้ตายสิ
?? : อุตส่าห์บอกว่าอย่าปล่อยให้มาทางนี้แท้ๆ
ยูยูโกะ : โยวมุ
ยูยูโกะ : จะลุยล่ะนะ
โยวมุ : ค่ะ, พร้อมเสมอ
(ยาโกะโคโระ เอย์ริน ออกไปจากหน้าจอ)
โยวมุ : ท่านยูยูโกะ
โยวมุ : ดูสิคะ, เป็นจันทร์เพ็ญที่สุดยอดไปเลยค่ะ
(โฮวไรซัน คางุยะ เข้ามาในหน้าจอ)
?? : นี่คือจันทร์เพ็ญที่แท้จริง
?? : ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นโยวไคก็ไม่ใช่ เป็นมนุษย์ก็ไม่เชิงสินะ
?? : หลงเข้ามาในที่แบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ
ยูยูโกะ : โยวมุ
ยูยูโกะ : การมองหน้าของพระจันทร์นั่นเป็นเรื่องน่ารังเกียจนะ
ยูยูโกะ : จงหยุดมองเดี๋ยวนี้
โยวมุ : เอ๊ะ, เอ่อ, อย่างนั้นเหรอคะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
คนบาปแห่งความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
โฮวไรซัน คางุยะ
Kaguya Houraisan
คางุยะ : ดวงจันทร์ที่แท้จริงเป็นสิ่งน่ารังเกียจ
คางุยะ : ชาวพื้นพิภพหลงลืมเรื่องนั้นไปนานแล้ว
คางุยะ : เธอเป็นคนที่น่าคิดถึงนะ
คางุยะ : ไม่สิ, ผู้ที่เคยเป็นคนสินะ
ยูยูโกะ : ตอนนี้ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนอยู่นะ
ยูยูโกะ : แล้วก็, เด็กสาวคนนี้ยังเป็นคนอยู่ครึ่งตัวน่ะ
ยูยูโกะ : ถ้าคิดว่ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วถือว่าแปลก, ก็แย่น่ะสิ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะคะ
โยวมุ : ให้มองยัยนั่นโดยไม่มองพระจันทร์เนี่ยมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ! (เพราะพระจันทร์เป็นฉากหลังของด่านนี้)
ยูยูโกะ : มองด้วยตาของจิตใจสิ
ยูยูโกะ : เอาร่างครึ่งผีขนาดใหญ่นั่นตามมาด้วยเพื่ออะไรกันล่ะ ?
โยวมุ : มันไม่ได้เป็นตาใจนะคะ
คางุยะ : น่าสนุกจังเลยนะ
คางุยะ : ไม่ใช่ทั้งมนุษย์ที่โสมมและโยวไคงั้นหรือ
คางุยะ : ไม่มีอะไรเลย, จนมองแล้วรู้สึกดีเลยล่ะ
โยวมุ : ท่านยูยูโกะ, แย่แล้วค่ะ
โยวมุ : พอหลับตาแล้วมืดสนิทเลยค่ะ !
คางุยะ : มองจันทร์เพ็ญนี้แล้วคลุ้มคลั่งสักหน่อยก็ได้นี่นา ?
ยูยูโกะ : ถึงมองไม่เห็น แต่ดาบก็ยังฟาดฟันสิ่งต่างๆได้ไม่ใช่รึ ?
คางุยะ : แล้ว, วันนี้มีอะไรเหรอ ?
คางุยะ : ยูวเรย์มีธุระอะไรรึ ?
ยูยูโกะ : ลูกแก้วน่ะนะ, หากแหว่งไปแม้เพียงนิดเดียวก็จะไม่เหลือคุณค่าอะไร
ยูยูโกะ : นั่นเพราะ, มันจะไม่สามารถกลมเกลี้ยงได้ไปตลอดกาลไงล่ะ
ยูยูโกะ : แต่ว่านะ, ลูกแก้วที่มีตำหนินั้นก็ยังกลับเป็นทรงกลมได้อีกครั้ง ในขณะที่มันกลิ้งอยู่
ยูยูโกะ : มันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่รึ ?
โยวมุ : อ๊า---, พอรีบเปิดตาขึ้นมา แสงสว่างมันก็แยงตา
คางุยะ : ใช่, ความนิรันดร์มันเป็นอย่างนั้นแหละ
คางุยะ : โลกแห่งความสงบนิ่งไงล่ะ
คางุยะ : อันที่จริงแล้ว, ฉันสามารถควบคุมความเป็นนิรันดร์ได้นะ
ยูยูโกะ : นั่นก็หมายความว่า, คนที่ทำให้ราตรีหยุดลงก็คือเธองั้นสิ ?
โยวมุ : เอ๊ะ ?
โยวมุ : ท่านยูยูโกะคะ, เรื่องนั้นมัน... ...
คางุยะ : คนที่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นไม่ใช่ฉันหรอก
คางุยะ : เชื่อฉันเถอะ
ยูยูโกะ : เอาเถอะ, เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง
ยูยูโกะ : ฉันน่ะ, ขอแค่เอาจันทร์เพ็ญกลับคืนสู่เกนโซวเคียวได้ก็พอแล้ว
ยูยูโกะ : จากนั้นยามเช้าก็จะมาถึงในไม่ช้า
โยวมุ : พูดได้ดีจังเลยนะคะ
ยูยูโกะ : โยวมุ, นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายแล้ว
ยูยูโกะ : จงฟาดฟันความนิรันดร์ที่อยู่ตรงหน้าเสีย
คางุยะ : ตายจริง, ถึงความนิรันดร์จะเกิดแผล ก็ยังเป็นนิรันดร์อยู่ดีนะ
คางุยะ : เมื่อกี้เพิ่งจะพูดแบบนั้นออกมาเองนี่นา ?
โยวมุ : เพราะฉะนั้นจึงต้องฟันสินะคะ !
โยวมุ : ด้วยฮาคุโรวเคนเล่มนี้ !
ยูยูโกะ : ถึงเมื่อกี้จะพูดแบบนั้นไปก็เถอะ,
ยูยูโกะ : แต่การหยุดราตรีนั้นเป็นฝีมือของยัยนี่, แน่ๆเลยล่ะ
โยวมุ : เดี๋ยวค่ะ, ไม่ใช่นะคะ... ...
คางุยะ : ก็บอกว่า ไม่ใช่ แล้วไงเล่า ?
คางุยะ : เฮ้อ ช่างเถอะ
คางุยะ : ถ้าอยากสู้กับฉันขนาดนั้นล่ะก็ มาลุยกันเลยมั้ย ?
คางุยะ : โจทย์ทั้งห้าซึ่งทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน
(เปิดเพลง BGM : คนตัดไผ่โบยบิน ~ ลูนาติค พรินเซส (เจ้าหญิงวิกลจริต))
คางุยะ : พวกเธอจะทำสำเร็จได้สักกี่ข้อกันนะ ?
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
คางุยะ : อะไรกันเนี่ย !
คางุยะ : ที่แท้, คนที่กำลังหยุดราตรีเอาไว้ก็คือ... ...,
คางุยะ : พวกเธอเองสินะ
(เปิดเพลง BGM : Voyage1970 (วอยาจ1970) (การเดินทางในปี 1970))
คางุยะ : ราตรีไม่สิ้นสุดแบบครึ่งๆกลางๆที่พวกเธอสร้างขึ้นน่ะ... ...
คางุยะ : จะทำลายให้สิ้นด้วยวิชาควบคุมความนิรันดร์ของฉันให้เป็นขวัญตา
คางุยะ : รุ่งสางน่าจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว
คางุยะ : ว่าไง ?
คางุยะ : เพียงเท่านี้ก็จะทำลายวิชาราตรีนิรันดร์, และรุ่งสางก็จะมาถึง !
(โฮวไรซัน คางุยะ แพ้พ่าย)
・หาก Game Over ในฉากนี้จะคอนทินิวไม่ได้ และ >> BAD ENDING No. 12
・หากเล่นจนถึง Last Spell ของคางุยะได้ >> GOOD ENDING No. 4
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
*กดที่ชื่อของ Ending เพื่อแสดงข้อความ*
Ending No.01 Good End ทีมเขตแดนมายา
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่แท้จริงได้กลับมาสู่เกนโซวเคียวแล้ว
พระจันทร์ในคืนนี้ส่องประกายสว่างจ้าอย่างน่าพิศวง,
จนพระจันทร์ที่เห็นมาจนถึงตอนนี้, ดูคล้ายกับใบไม้ทับแห้งไปเลยก็มิปาน
พลังดั้งเดิมของพระจันทร์นั้น, คงจะยกระดับความเป็นมายาของเกนโซวเคียวซึ่งถูกชำระล้างด้วยแสงตะวันให้สูงขึ้นไปอีก
หากกล่าวว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นโดยต้นกำเนิดของคืนวันเพ็ญที่สมกับเป็นเกนโซวเคียวแล้วล่ะก็... ...
เรย์มุ 「วันนี้ก็ชมจันทร์กันดีกว่า~
อ๊ะ, พวกเธอมากันพร้อมหน้าอีกแล้วนะ」
มาริสะ 「เออ, ของแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้นี่นาว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนทุกทีนั่นแหละ
เอาเหอะน่ะ, นานๆทีก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่, เรื่องแบบนี้」
เรย์มุ 「เพิ่งพูดไปเองนี่ว่า เป็นเรื่องปกติ, แล้วจะมาอ้างว่านานๆทีได้ยังไงเล่า」
มาริสะ 「เอาน่า, ไม่เห็นจะเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ
หรือยังไง ? จะบอกว่าดื่มเหล้าของเรย์มุไม่ได้งั้นเหรอ ?」
เรย์มุ 「โธ่---, อย่าดื่มเหล้าของศาลเจ้าตามใจชอบสิ~」
อลิส 「น่ารำคาญจังน้า
ดื่มเหล้าให้มันสงบเงียบกว่านี้ไม่ได้รึไง ?」
มาริสะ 「ไม่ใช่งานสวดศพสักหน่อย, จะตอนที่เสียงดังหรือไม่เสียงดังมันก็เสียงดังอยู่ดีนั่นล่ะ」
ยูคาริ 「จันทร์เพ็ญที่ไม่ได้เห็นเสียนาน
ความสนุกประมาณนี้น่ะเป็นสิ่งที่อยากให้ได้รับโดยเท่าเทียมกันนะ」
รัน 「ที่ยิ่งกว่านั้นคือ รู้สึกคึกคักขึ้นมาแล้วค่ะ」
ยูคาริ 「เพราะโยวไคที่มีความเป็นมนุษย์ต่ำอย่างรัน, จะได้รับผลกระทบจากพระจันทร์ได้ง่ายน่ะน้า
ดื่มเหล้าเข้าไปแล้วปรับตัวให้ดีละกัน」
รัน 「ท่านยูคาริไม่เป็นไรเลยสินะคะ, สมกับเป็นท่านยูคาริจริงๆค่ะ !」
เรย์มุ 「การที่เธอเหม็นสาปมนุษย์แบบนี้ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีกันแน่แฮะ... ...」
ยูคาริ 「แหม, ต้องเรียกว่า, โยวไคที่มีจิตใจแบบมนุษย์อยู่เต็มอก ต่างหากล่ะ」
เรย์มุ 「ไม่ล่ะ, ยังไงก็ทำใจพูดไม่ได้จริงๆว่าเธอมีความอบอุ่นแบบมนุษย์น่ะนะ」
รัน 「ว่าไปแล้ว, เชนเองก็ต้องพยายามไม่ให้โดนพิษของพระจันทร์เล่นงานนะ... ...」
เชน 「แค่มองพระจันทร์กลมๆที่ลอยอยู่ในเหล้าก็ตาลายแล้วค่ะ~」
ยูคาริ 「เอาน่า, ตาลายเสียก่อนเลยก็น่าจะดีกว่านะ」
เรย์เซน 「พูดว่า พิษของพระจันทร์ แล้วฟังดูเหมือนกับว่าบนดวงจันทร์มีแก๊สพิษเลยนะ」
คางุยะ 「แหม, ก็ฉันเป็นคนพูดกับพวกมนุษย์ไปแบบนั้นเองนี่นะ ?」
เรย์เซน 「เอ๊ะ ?
ชะ.. เช่นนั้นต้องขออภัยด้วยค่ะ~」
เอย์ริน 「นานแล้วที่องค์หญิงไม่สามารถออกมาเล่นข้างนอกได้อย่างนี้
ก็ต้องนับว่าดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ」
คางุยะ 「ง่ะ, คนที่ขังฉันเอาไว้ก็คือเอย์รินเองไม่ใช่เหรอ ? ให้ตายสิ」
เอย์ริน 「แต่แรกเริ่มเดิมที, ก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องอยู่แล้วนี่คะ」
เรย์มุ 「วางใจเถอะ
ต่อให้ทูตจากดวงจันทร์ลงมา, ก็เข้ามาในเกนโซวเคียวไม่ได้หรอก」
ยูคาริ 「ใช่, แถมยังมีเขตแดนขนาดใหญ่อยู่, ไม่มีทางเข้ามาได้หรอก」
เรย์มุ 「ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็, จะออกมาเดินเล่นอย่างสบายใจในเกนโซวเคียวก็ได้นะ」
เอย์ริน 「น่าขายหน้าเสียจริง
ครั้งนี้ฉันทำให้พื้นพิภพกลายเป็นห้องลับ... ...
ทว่าแต่เดิมมันก็เป็นห้องลับอยู่แล้วสินะ, เลยกลายเป็นห้องลับสองชั้นไปเลย」
เรย์เซน 「ดูเหมือนคนบ้ายังไงชอบกล
ถ้ารู้อย่างนี้ล่ะก็ น่าจะเล่นให้มากกว่านี้
การใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆมาหลายสิบปีจนถึงตอนนี้มันคืออะไรกันนะ」
เอย์ริน 「ของเธอน่ะยังดี
องค์หญิงน่ะต้องซ่อนตัวมาตลอดเวลาร่วมพันปีเชียวนะ」
คางุยะ 「พูดอะไรแบบนั้นล่ะ
ฉันเป็นผู้อาศัยอยู่ในความนิรันดร์นะ, ต้องมีอดีตมากมายอย่างไร้สิ้นสุดอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น, ถ้าไม่สนุกกับปัจจุบัน ก็ไม่มีความหมายน่ะสิ
จะพันปีหรือหมื่นปี, ก็ไม่อาจเทียบได้กับพริบตานี้หรอกนะ」
คางุยะ 「แม้เป็นเพียงหนึ่งวินาที, หากมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ」
เรย์เซน 「อ๊ะ, นั่นลูกชิ้นเนื้อของฉัน~」
คางุยะ 「เพราะฉันคือชาวนิรันดร์」
เอย์ริน 「หากองค์หญิงประสงค์เช่นนั้น, ฉันก็เอาด้วยค่ะ」
เรย์มุ 「นี่ ! อันนั้นมันของฉันนะ !」
มาริสะ 「... ...ชาวจันทรานี่มีแต่พวกไม่ได้เรื่องทั้งนั้นเลยแฮะ」
คืนที่พลังแห่งจันทรากล้าแข็งขึ้น
เหล่าโยวไคส่วนใหญ่ได้รับพลังที่แท้จริงกลับคืนมา, พลังของเกนโซวเคียวเองก็ค่อยๆกลับเป็นปกติดังเดิม
อาจกล่าวได้ว่า สมดุลพลังแห่งเกนโซวเคียวกำลังจะกลับเป็นปกติดังเดิมแล้ว
เกนโซวเคียวเป็นสถานที่ซึ่งมนุษย์ต้องเป็นอาหารแก่โยวไคอยู่เสมอ, และโยวไคต้องถูกมนุษย์กำราบอยู่เสมอ
หากพลังของพระจันทร์เพียงอย่างเดียวคลุ้มคลั่งไป, Balance นี้ก็จะพังทลายลง
เรย์มุรู้สึกตระหนักถึงเรื่องนี้เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้
เกนโซวเคียวเริ่มเข้าสู่ Balance อีกครั้ง, ด้วยการจัดให้ผู้มาจากนอกโลกมีสถานะเป็นมนุษย์ภูต
GOOD ENDING No. 1
ขอบคุณที่หยิบมาเล่น ! (มีด่านสุดท้ายให้เลือกเล่นแล้วนะ)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.02 Good End ทีมท่วงทำนองอาคมต้องห้าม
เรือนนิรันดร์กลางป่าไผ่
ต้นไผ่ที่เติบโตเร็ว ทำให้รูปร่างของป่าไผ่เปลี่ยนแปลงไป
แม้แต่คนที่คุ้นเคยก็ยังเกือบจะหลงทางเอาได้
ลึกเข้าไปในป่าไผ่ดังกล่าว, มีเรือนไม้อันแสนงดงามที่ส่องแสงจันทร์เปล่งประกายอยู่
ทั้งที่เป็นเรือนไม้ซึ่งใหญ่โตขนาดนี้, แถมยังอยู่มาแต่โบราณ,
แต่ผู้อาศัยในเกนโซวเคียวกลับไม่เคยมีใครล่วงรู้ถึงตัวตนของมันเลย
ไม่สิ, บางทีผู้ที่ค้นพบอาจถูกควบคุมด้วยการสะกดจิตให้คิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาก็เป็นได้
มาริสะ 「ไม่คิดว่าการตามหาเรือนไม้เก่าแก่เป็นเรื่องน่าสนุกบ้างรึไง ?」
อลิส 「อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับเธอนะ, ให้ตายสิ」
มาริสะ 「งั้นไม่ต้องตามมาก็ได้นะโว้ย」
อลิส 「ไปคนเดียวเดี๋ยวก็หลงหรอก, ในป่าไผ่แบบนี้เนี่ย」
มาริสะ 「นักโบราณคดีที่ค้นพบโบราณสถานก็คงจะรู้สึกแบบนี้ล่ะมั้งนะ」
อลิส 「แบบนั้นมันโจรปล้นสุสานไม่ใช่เหรอ ? ฉันไม่เอาด้วยนะ」
มาริสะ 「มาด้วยกันเหอะน่า
ความสนุกที่ไม่รู้ว่าอะไรจะโผล่ออกมาเชียวนะเว้ย ?」
เรย์เซน 「หยุดเดี๋ยวนี้นะ !」
มาริสะ 「ออกมาแล้วโว้ย」
เรย์เซน 「ต้องออกมาอยู่แล้วล่ะ, ก็อาศัยอยู่ที่นี่นี่นา
แอบเข้ามาแบบนี้มีธุระอะไรล่ะ」
มาริสะ 「เห็นแบบนี้เนี่ย, ฉันก็มีสองหน้านะว้อย
กลางวันกับกลางคืนเป็นจอมเวท, นอกนั้นเป็นนักโบราณคดีไงล่ะ
และ, ตอนนี้ก็เป็นนักโบราณคดีอยู่ล่ะ, เพราะงั้นช่วยปล่อยให้พวกเราเข้าไปในนั้นได้รึเปล่า ?」
เรย์เซน 「เฮ้ย, เป็นนักโบราณคดีแล้วทำไมต้องปล่อยให้ผ่านไปด้วยล่ะ !
แล้วนอกจากกลางวันกับกลางคืนเนี่ย, จะเป็นนักโบราณดคีตอนไหนได้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ」
มาริสะ 「นักโบราณคดีมีความหมายว่า โจรปล้นสุสาน ยังไงล่ะโว้ย」
เรย์เซน 「โจรปล้นสุสาน !」
เรย์เซน 「อ๊ะ, ที่นี่ไม่ใช่สุสานนะ, กลับไปซะ !」
มาริสะ 「งั้นแก้ใหม่, เป็นขโมยธรรมดาก็พอ」
เรย์เซน 「ชิ่วชิ่ว」
อลิส 「พูดไปก็ไร้ค่าน่า, มาริสะ
ไหนบอกว่า 『นัดไว้แล้วโว้ย』 ไงล่ะ ?」
มาริสะ 「เอาน่า, ก็อย่างนี้ทุกทีแหละ」
อลิส 「ไปไหนก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ทุกทีสินะ」
คางุยะ 「ตายจริง มีแขกเหรอ ? อุตส่าห์มาจนถึงที่แบบนี้ได้... ...」
เรย์เซน 「ขโมยต่างหากล่ะคะ」
คางุยะ 「ขโมยก็ยังหายากอยู่ดีนะ
อินาบะ, ไปเตรียมชาบ่มสี่ฤดูให้ทีสิ」
มาริสะ 「ไม่ต้องมากพิธีหรอก」
อลิส 「เป็นหัวขโมยที่วางก้ามจริงนะ」
เรย์เซน 「จะให้ยอมยัยพวกนี้ผ่านเข้าไปเหรอคะ~」
คางุยะ 「ฉันน่ะ, ซ่อนตัวมาอย่างยาวนานเกินไปแล้ว
แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีชาวพื้นพิภพที่มีพลังทัดเทียมกับพลังของพระจันทร์เลยนะ
เพราะงั้นเลยอยากฟังเรื่องราวของเกนโซวเคียวในตอนนี้สักหน่อยน่ะ」
มาริสะ 「ตอนนี้ก็สนุกดีว่ะ」
อลิส 「ให้มาริสะเล่าก็สั้นนิดเดียวเลยแฮะ」
มาริสะ 「แล้วก็มีคนเอาจันทร์เพ็ญปลอมมาสลับกับของจริง」
อลิส 「สนุกตรงที่โยวไคออกอาละวาดได้อย่างสบายใจน่ะ
เอาเถอะ, ไปคุยกันต่ออย่างสบายๆพลางจิบน้ำชาไปด้วยกันดีกว่ามั้ย ?」
คางุยะ 「ประหลาดดีนะ
พื้นพิภพที่ฉันจำได้, ก็เป็นโลกที่โยวไคออกอาละวาดอยู่แล้วนี่นา
หากแต่
มนุษย์ไม่อาจอยู่อย่างสบายใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว, เพราะจะถูกกินเมื่อไรก็ไม่รู้」
คางุยะ 「ทั้งๆที่อยู่ในโลกที่แสนจะน่าอึดอัดแบบนี้แท้ๆ... ...」
มาริสะ 「ตอนนี้ก็ยังเป็น "จะถูกกินเมื่อไรก็ไม่รู้" อยู่นา」
อลิส 「ก็บอกแล้วไงว่า ไม่หิวขนาดต้องกินมนุษย์ที่สกปรกโสมมอย่างเธอหรอก」
คางุยะ 「การที่มนุษย์กับโยวไคร่วมงานกันนี่ก็น่าประหลาดดีนะ
ท่าทางคืนนี้จะได้ฟังเรื่องสนุกๆเป็นแน่」
เรย์เซน 「แต่อย่าลืมนะคะว่ายัยนี่เป็นขโมย」
มาริสะ 「นักโบราณคดีต่างหากล่ะ」
อันที่จริง, พระจันทร์ที่แหว่งๆนั้น ไม่ใช่พระจันทร์ของจริง
จันทร์เพ็ญที่แท้จริงนั้นส่องสว่างใส่เกนโซวเคียวอย่างรุนแรงน่าพิศวง,
ทำให้ตอนนี้, พลังที่แท้จริงของเกนโซวเคียวกำลังกลับเป็นปกติดังเดิม
พวกคางุยะที่ซ่อนตัวจากชาวจันทรานั้น,
เมื่อทราบว่าเกนโซวเคียวได้รับการปกป้องจากเขตแดน ทำให้ผู้ตามล่าจากดวงจันทร์ไม่อาจเข้ามาถึงในนี้ได้
จึงยอมคืนจันทร์เพ็ญที่แท้จริงให้
ในเกนโซวเคียวนั้นจะไม่เรียกผู้มาจากอวกาศว่ามนุษย์โลกภายนอก
แบบนั้นมันเป็นมนุษย์มายาต่างหาก, และพวกคางุยะก็คงจะคุ้นเคยกับเกนโซวเคียวได้ในเวลาไม่นานนัก
GOOD ENDING No. 2
ขอบคุณที่หยิบมาเล่น ! (มีด่านสุดท้ายให้เลือกเล่นแล้วนะ)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.03 Good End ทีมมารแดงเพ้อฝัน
คฤหาสน์มารแดงในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่แท้จริงได้กลับมาสู่เกนโซวเคียวแล้ว
เทียบกันแล้วรู้สึกว่า, พระจันทร์ที่เห็นมาจนถึงตอนนี้ ส่องแสงราวกับใบไม้ทับแห้งไปเลย
หากแต่, จันทร์เพ็ญที่แท้จริงนั้นจะสะท้อนความวิกลจริตออกมา
แต่เดิม, ดวงตาของมนุษย์จะมองความวิกลจริตแทบไม่เห็นเลย,
ทว่า, แสงสะท้อนจากดวงจันทร์นั้นเกิดจากความยาวคลื่นของความวิกลจริตล้วนๆ,
ทำให้ความยาวคลื่นสั้นลง, จึงมีมนุษย์ที่มองเห็นความวิกลจริตอันแสนบริสุทธินั้นเป็นครั้งคราว
คำกล่าวที่ว่าจะมองเห็นผีเฉพาะเวลากลางคืนก็มีสาเหตุมาจากเรื่องนี้นั่นเอง
เมื่อความวิกลจริตกระทบเข้ากับมนุษย์ที่มีการรับรู้สูง, มนุษย์คนนั้นก็จะเสียสติ
ผู้ที่สามารถถอดรหัสความวิกลจริตใส่มนุษย์ และสามารถปรับแต่งมันได้นั้น, อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียวแห่งนี้นี่เอง
แสงจันทร์แห่งความวิกลจริตสาดส่องใส่เกนโซวเคียวอย่างเงียบงัน
สีขาวของทะเลสาบกลับดำยิ่งกว่าสีดำ, สีเขียวของป่ากลับมืดยิ่งกว่าความมืด
มีเพียงคฤหาสน์เท่านั้นที่กำลังเปล่งประกายเป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าสีแดงดั้งเดิมของตน
ซาคุยะ 「ทูตจากดวงจันทร์งั้นเหรอ
ถ้าเป็นคนที่จำเป็นต้องใช้ทูตมารับ, ตอนแรกก็ไม่เห็นจะต้องส่งผู้ตามล่ามาเลยนี่น้า」
ซาคุยะ 「แต่การที่บอกว่า ถึงผ่านมาหลายร้อยปีแล้วก็ยังไม่อยากกลับ เนี่ยหมายความว่า,
นครจันทรามันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่ขนาดนั้นเลยเหรอ ?
หรือเป็นเพราะเกนโซวเคียวเป็นสถานที่น่าอยู่กันนะ ?」
ซาคุยะ 「แต่ไม่ว่าจะแบบไหน, ก็ไม่เกี่ยวข้องกับชาวพื้นพิภพและโยวไคน่ะนะ
เพราะยังไงก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี」
???? 「อามาอิ(อ่อนหัด)นะ」 (เริ่มเล่นมุขคำพ้องรูปพ้องเสียง.. อามาอิ แปลได้ทั้่ง อ่อนหัด และ หวาน)
เรมิเลีย 「อามาอิ(หวาน)พอๆกับน้ำตาลวาซันบอนเลย」 (นิยมใช้ในขนมชั้นสูงราคาแพงมาตั้งแต่ยุคเอโดะ)
ซาคุยะ 「ระดับความอามาอิ(หวาน)แค่กลางๆนะคะนั่น」
เรมิเลีย 「ที่จริงพวกมนุษย์น่ะเคยไปดวงจันทร์มาแล้ว, ถ้ามัวแต่เอื่อยเฉื่อยล่ะก็ พวกเราเหล่าปิศาจก็จะตกยุคเอาได้นะ」
ซาคุยะ 「แหม, ฉันไม่ใช่ปิศาจสักหน่อยนี่คะ
ว่าแต่มันเป็นเรื่องจริงเหรอคะ ?」
เรมิเลีย 「ได้ยินมาว่าพวกมนุษย์โลกภายนอกเคยไปมาแล้วเมื่อนานมากๆน่ะ」
ซาคุยะ 「ใครเป็นคนเล่าเรื่องแหกตาแบบนั้นให้ฟังเหรอคะ ?
แต่ถึงจะไม่ตอบก็พอจะนึกออกได้อยู่ดีล่ะค่ะ」
เรมิเลีย 「อ่านะ」
เรมิเลีย 「เพราะงั้นน่ะนะ
คราวนี้ก็เลยตั้งใจว่าจะไปดวงจันทร์น่ะ」
ซาคุยะ 「เอ๋ ? ท่องเที่ยวดวงจันทร์เหรอคะ ?」
เรมิเลีย 「ล่ากระต่ายน่ะ」
ซาคุยะ 「เพิ่งพูดถึงเรื่องตกยุคตกสมัย ก็ทำเรื่องผิดยุคผิดสมัยเลยเหรอคะ」
เรมิเลีย 「เอาล่ะ ซาคุยะเองก็รีบไปเตรียมตัวซะ
เอ๊ะ, แล้วจะไปกันยังไงล่ะ ? พาเช่」
พาเช่ 「... ..., ดูยังไงก็ไม่น่าจะไปได้ง่ายๆนะ
วิทยาการนี้มันมีของที่จำเป็นต้องใช้มากเกินไป」
ซาคุยะ 「เอ่อ, เอาจริงสินะคะ」
เรมิเลีย 「ถ้าแค่ข้าวของ เดี๋ยวเดียวก็น่าจะเตรียมได้จนครบนี่นา ?
เพราะยังไงบ้านเราก็มีสิ่งนั้นที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว」
ซาคุยะ 「พูดให้ชัดๆไปเลยก็ได้ค่ะว่าเป็นเมด」
เรมิเลีย 「แล้ว, อะไรบ้างล่ะที่จำเป็น」
พาเช่ 「ก่อนอื่นก็... ...
Rocket Engine ที่เบาแต่ทนทาน」
ซาคุยะ 「ศัพท์ยากจังเลยนะคะ」
พาเช่ 「แปลออกมาได้ว่า, สิ่งที่ปลดปล่อย Energy ออกมาตรงๆ น่ะ」
เรมิเลีย 「ถ้าแบบนั้นก็มีของที่สะกิดใจอยู่เหมือนกันนะ」
ซาคุยะ 「ไอ้นั่นล่ะสินะคะ ?」
เรมิเลีย 「พูดให้ชัดๆไปเลยก็ได้นะว่าเป็นมาริสะ」
พาเช่ 「ต่อไปก็... ..., เชื้อเพลิงเหลว」
เรมิเลีย 「เลือดสินะ」
ซาคุยะ 「เลือดค่ะ」
พาเช่ 「เลือด」
พาเช่ 「ต่อไปก็... ...」
ซาคุยะ 「อ่า, ของจำเป็นที่ว่านี่มันมีกี่อย่างกันแน่เหรอคะ ?」
พาเช่ 「ถ้าอ้างอิงตามหนังสือเล่มนี้, โดยคร่าวๆก็มีอยู่หลายพันอย่างเลยล่ะ」
เรมิเลีย 「เวทมนตร์ของโลกภายนอกนี่ก้าวหน้าจังเลยนะ, เอ้า, ต่อไปคืออะไรล่ะ ?」
พาเช่ 「ต่อไปก็... ..., Armstrong」
เรมิเลีย 「อันนี้คงต้องขอให้ซาคุยะเป็นคนจัดการซะแล้ว」
ซาคุยะ 「คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิดเนี่ยมีแต่ฉันสินะคะ, ว่าแต่มันคือ แขนแข็งแรง... ..?」
เรมิเลีย 「เอา---ละ, ท่าทางจะได้ไปดวงจันทร์กันในคืนนี้สินะ ?」
พระจันทร์ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง
เหล่าปิศาจเองก็ไม่คิดว่าพวกมนุษย์จะเคยไปถึงดวงจันทร์มาแล้วจริงๆ
ใช่แล้ว, มันไม่น่าจะไปถึงได้
นครจันทรา, สถานที่ก่อกำเนิดแสงที่ฉายความวิกลจริตออกมา
นัยน์ตาของมนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะมองเห็นได้
จันทร์เพ็ญที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ (Invisible Full Moon)
ซาคุยะรู้สึกเหมือนเคยเห็นกระต่ายที่มีนัยน์ตาสีแดงแห่งความวิกลจริตของจันทร์เพ็ญ (อาจเกี่ยวข้องกับคำใบ้ที่ว่าเอย์รินเห็นซาคุยะแล้วตกใจ)
และมองพระจันทร์โดยตรงมากเกินไปหน่อยจนเสียสายตาเลยทีเดียว
GOOD ENDING No. 3
ขอบคุณที่หยิบมาเล่น ! (มีด่านสุดท้ายให้เลือกเล่นแล้วนะ)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.04 Good End ทีมผู้อาศัยในโลกวิญญาณ
โลกวิญญาณในยามราตรี
โลกวิญญาณเองก็ได้รับผลกระทบจากพลังของพระจันทร์
โลกวิญญาณที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวานั้น, แม้ตอนนี้ก็ยังคึกคักจอแจราวกับคนที่จะได้คืนชีพก็มิปาน
ใช่แล้ว, พระจันทร์ของจริงได้กลับคืนสู่เกนโซวเคียวแล้ว
พลังของมันนั้น, ต่างกับพระจันทร์ที่เหมือนกับใบไม้ทับแห้งซึ่งตายแล้วอย่างมาก
หากถามว่า เช่นนี้แล้วพระจันทร์ที่เห็นมาจนถึงตอนนี้มันคืออะไรกันแน่... ...
คำตอบนั้นคือ มันเป็นภาพฉายของความทรงจำของพระจันทร์ในยุคโบราณ ซึ่งสะท้อนอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีนั่นเอง
ในขณะที่รู้สึกคิดถึงพระจันทร์ดังกล่าว, ยูยูโกะก็รู้สึกถึงความตื้นเขินเช่นกัน
พระจันทร์ในคืนนี้ได้มอบพลังใหม่ให้แก่พื้นพิภพ (โลก)
แม้จะไม่น่าคิดถึง, แต่ก็ทรงพลัง
พลังแห่งความวิกลจริตนั้นเอ่อล้นจนเต็มเปี่ยม (満)
คงเพราะแบบนี้จึงเรียกว่า พระจันทร์เต็มดวง (満月) กระมัง
นับจากคืนนี้ไปคงต้องเลิกมองพระจันทร์โดยตรงในคืนวันเพ็ญแล้ว
เรื่องนี้ก็ต้องเตือนโยวมุเอาไว้ด้วย
เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่และสำหรับใครก็ตาม, พระจันทร์นั้นถือเป็นศัตรูเสมอ... ...
เอย์ริน 「แล้วไง ?
จู่ๆเรียกมามีธุระอะไรรึ ?」
ยูยูโกะ 「เอ้า, อย่าเครียดขนาดนั้น
ดื่มน้ำชาก่อนเถอะ」
เอย์ริน 「เอ๊ะ ? อื้ม, ขอบใจจ้ะ」
ยูยูโกะ 「น้ำชา Gelsemium elegans น่ะ」
เอย์ริน 「พรวด--- ! พิษร้ายแรง !」
ยูยูโกะ 「ตายจริง, รู้ดีนี่นา」
เอย์ริน 「ฉันมีความรู้เรื่องยาทั้งหลายทั้งปวงนะ
แลกกับการที่ไม่ว่ายาดีหรือยาพิษก็ล้วนไม่มีผลต่อตัวฉัน
คิดจะวางยาฆ่าฉันไปก็เปล่าประโยชน์」
ยูยูโกะ 「ช่วยไม่ได้นะ
แต่ฉันก็ไม่ค่อยอยากจะใช้ความสามารถซะด้วยสิ~... ...
ให้โยวมุเชือดทิ้งละกัน」
เอย์ริน 「เดี๋ยวสิ, ทำไมต้องฆ่าฉันด้วยล่ะ ?」
ยูยูโกะ 「ที่จริงแล้ว, โยวมุน่ะ
มองจันทร์เพ็ญโดยตรงในศึกครั้งก่อนมากเกินไปจนดูเหมือนจะสายตาเสียน่ะ
คนที่พอจะรักษาได้, ก็นึกออกแต่เธอนั่นล่ะนะ」
เอย์ริน 「ตายจริง, ทำแบบนั้นก็แย่น่ะสิ
อ๊ะ, เรื่องพลังของพระจันทร์มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ
... ...เดี๋ยวสิ, อย่าบอกนะว่าพยายามฆ่าฉันเพราะเหตุนี้น่ะ ?」
ยูยูโกะ 「คิดว่าน่าจะมีประโยชน์, ก็เลยจะให้มาทำงานที่นี่น่ะ」
เอย์ริน 「??」
ยูยูโกะ 「ที่นี่คือที่ไหนล่ะ ?」
เอย์ริน 「โลกวิญญาณ」
เอย์ริน 「... ...ไม่เอาน่า, ถูกฆ่าด้วยเหตุผลแบบนั้นก็แย่น่ะสิ
ฉันเองก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องใครบางคนนะ
ถ้าเรื่องรักษาล่ะก็ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะทำให้, แค่ให้ฉันผ่านเข้ามาก็พอ
โลกวิญญาณน่ะ, ถึงมีชีวิตอยู่ก็เข้ามาได้ไม่ใช่รึ」
ยูยูโกะ 「ทั้งๆที่ตายแล้วจะสนุกกว่าแท้ๆเชียวนะ~
แถมถ้าเคยตายครั้งนึงก็จะไม่ตายอีกแล้ว, กลายเป็นไม่แก่ไม่ตายเลยนะ」
เอย์ริน 「แล้วสภาพของดวงตาของคนรับใช้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?
ฉันจะรักษาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะงั้นเธอไม่ต้องพูดให้มากนักหรอก」
โยวมุ 「อ๊า, ตรงนั้นมีวิญญาณคนเป็นอยู่ด้วย」
เอย์ริน 「วิญญาณคนเป็น ?」
ยูยูโกะ 「ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่วิญญาณคนตาย (โบวเรย์), แต่เห็นกระทั่งวิญญาณของคนที่ยังมีชีวิตด้วยสินะ」
โยวมุ 「แถมยังตัวยาวเป็นสีแดงอีกต่างหาก」
เอย์ริน 「อ๋า, ดวงตาเป็นสีแดงสุดๆเลยนะนั่น
ราวกับดวงตาของกระต่าย
คนที่มีประสาทสัมผัสแข็งแกร่งเกินไป เมื่อจ้องมองพระจันทร์โดยตรงก็จะเป็นแบบนี้แหละนะ」
เอย์ริน 「นัยน์ตาสีแดงฉาน, คือนัยน์ตาแห่งความวิกลจริต, หากปล่อยเอาไว้จะไม่มีวันกลับมาเป็นปกติได้อีกเลยล่ะ」
ยูยูโกะ 「ไม่ต้องกลับเป็นปกติมันก็ได้อยู่หรอกนะ
แต่แหม, ถ้าโยวมุคลั่งไปก็ไม่มีคนคอยทำความสะอาดสวนน่ะสิ」
โยวมุ 「ขนาดหลับตาแล้วยังเห็นวิญญาณอยู่อีก~」
เอย์ริน 「เดี๋ยวพอทำยาให้, ไม่นานก็หายแล้วล่ะ
ระหว่างนี้ก็พยายามอย่ามองพระจันทร์โดยตรงล่ะ」
ยูยูโกะ 「สุดยอดเลย, อย่างกับหมอประจำหมู่บ้านเล็กๆเลยนะ
จะไม่มาทำงานที่นี่จริงๆเหรอ ?」
เอย์ริน 「ยังไม่อยากตายหรอกจ้ะ
อีกอย่าง, ฉันทานยาที่สร้างขึ้นด้วยความสามารถขององค์หญิงอยู่
น่าเสียดายนะ, แต่ฉันไม่มีวันได้มาอยู่ที่โลกวิญญาณนี่หรอก」
ยูยูโกะ 「ยาที่ว่านั่น หรือว่าจะเป็น... ...」
ยูยูโกะ 「อึ๋ยยย, ศัตรูตามธรรมชาติของฉันเลยนี่นา~」
โยวมุ 「ท่านยูยูโกะ ? เคยโดนทำอะไรมาเหรอคะ ?
ท่านยูยูโกะก็มีของที่แพ้ทางด้วยเหรอเนี่ย... ...
อ๊ะ แต่ก็รู้สึกเหมือนจะมีอยู่นี่นะ」
เอย์ริน 「เอาล่ะ, เริ่มรักษานัยน์ตาสีแดงฉานนั่นกันเลยดีกว่ามั้ย」
ยูยูโกะ 「อ๊ะ, โยวมุห้ามดื่มชาแก้วนั้นนะ, มันเป็นของแพงน่ะ」
โยวมุ 「เห ?」
เอย์ริน 「ตอนพูดกับฉันนี่คนละเรื่องเลยนะ」
ยูยูโกะสามารถควบคุมความตายของผู้คนได้
หากตายด้วยฝีมือของยูยูโกะ, วิญญาณจะไม่อาจนิพพาน และต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณที่แสนคึกคักจอแจ
ศัตรูตามธรรมชาติของยูยูโกะซึ่งดูแล้วน่าจะไร้เทียมทานต่อทุกสิ่ง (เพราะไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่คู่ควรแก่การเทียบเทียมเธอ) ก็คือ
มนุษย์ผู้ไม่แก่ไม่ตาย, และยาโฮวไรที่ทำให้เกิดมนุษย์ดังกล่าวขึ้น
สาเหตุก็เพราะ, มันเป็นตัวตนที่อยู่พ้นเงื้อมมือของยูยูโกะนั่นเอง
หากว่า, มนุษย์ทุกคนรังเกียจความตาย, และใฝ่หายาที่ทำให้ไม่แก่ไม่ตาย... ...
จนความตายสูญสิ้นไปจากมนุษย์... ...
ก็จะไม่มีวิญญาณดวงใหม่ๆมาอาศัยที่โลกวิญญาณมิใช่รึ
มนุษย์จะต้องตาย
ต่อให้มียาดีเพียงใด, หรือต่อให้มียาโฮวไรก็ตาม
GOOD ENDING No. 4
ขอบคุณที่หยิบมาเล่น ! (มีด่านสุดท้ายให้เลือกเล่นแล้วนะ)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.05 Normal End ทีมเขตแดนมายา
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่ไม่เห็นเสียนาน, กำลังสาดแสงใส่เกนโซวเคียวอย่างน่าพิศวง
ราตรีที่รู้สึกหนาวไปถึงตับเล็กน้อย, กับเหล้าที่ช่วยชดเชยความหนาวนั้น
ทั้งที่คืนนี้ก็สนุกกับการชมจันทร์ แต่กลับไม่รู้สึกมากไปกว่านี้
จันทร์เพ็ญได้กลับมาแล้วแน่ๆ แต่ทว่า... ...
องค์หญิงที่ชาวจันทราคนนั้นพูดถึง, ได้ถูกซ่อนตัวไว้ที่ไหนสักแห่งอีกแล้ว
เรย์มุ 「วันนี้ก็ชมจันทร์กันดีกว่า~
อ๊ะ, มากันพร้อมหน้าอีกแล้วนะ」
มาริสะ 「เออ, เป็นเรื่องธรรมดาสุดๆเลยล่ะ
ก็มันไม่มีสถานที่ไหนที่เห็นพระจันทร์สวยเท่าที่ศาลเจ้าแล้วนี่นา」
เรย์มุ 「ตอนซากุระบานก็พูดแบบเดียวกันนี้นี่นา ?」
อลิส 「ในป่ามีแสงจันทร์ส่องถึงน้อยน่ะ
ต้องออกมาสนุกกันพร้อมหน้ากับจันทร์เพ็ญที่ไม่ได้เห็นเสียนานซะบ้าง」
เรย์มุ 「มันก็ได้อยู่หรอกน้า
แต่รู้รึเปล่าว่าใครต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเก็บกวาดหลังงานเลิกน่ะ ?」
ยูคาริ 「เอ้า, รัน
ไปรินเหล้าให้ทุกคนสิ」
รัน 「รู้แล้วค่ะ~
ก็เป็นการดื่มเหล้าชมจันทร์นี่คะ」
ยูคาริ 「การดื่มเหล้าชมจันทร์ น่ะ
คือการรอให้พระจันทร์สะท้อนอยู่ในเหล้า, จากนั้นก็ดื่มเข้าไปนะ」
เรย์มุ 「เป็นการดื่มพระจันทร์สินะ」
ยูคาริ 「พระจันทร์น่ะ
ที่จริงมันมีพลังอันสุดยอดอยู่นะ
รัน, เธอเองก็ได้รับผลพลอยได้จากพลังนั่นนิดหน่อยด้วยนะ」
รัน 「แค่ดื่มเข้าไปก็พอใช่มั้ยคะ ?」
เรย์มุ 「แต่ว่า, ไม่ใช่พระจันทร์ดวงนี้นี่น้า... ...」
ยูคาริ 「นั่นสิน้า, ต้องทำอะไรสักอย่างสินะ」
รัน 「?」
พระจันทร์ส่องแสงอย่างน่าพิศวง
ทว่า, แสงนั้นกลับสาดส่องได้น่าเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ใช่แล้ว, พระจันทร์ในช่วงนี้อ่อนแอลงอย่างมาก
ยังมีอะไรบางอย่างถูกซ่อนอยู่อีกเป็นแน่, เรย์มุคิดเช่นนั้น
NORMAL ENDING No. 5
ลองเล่นด้วยตัวละครนี้อีกครั้งให้จบแบบ No Continue Clear กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.06 Normal End ทีมท่วงทำนองอาคมต้องห้าม
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่ไม่เห็นเสียนาน, กำลังสาดแสงใส่เกนโซวเคียวอย่างน่าพิศวง
ผู้ได้รับพลังเวทจากจันทร์เพ็ญทั้งสองคน, กำลังแอบเดินทางมาที่ศาลเจ้า,
โดยวางแผนอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่าเอาไว้
ต้องเป็นจันทร์เพ็ญแน่ๆที่ทำให้มีอารมณ์มาทำเรื่องแบบนี้
จันทร์เพ็ญได้กลับมาแล้วแน่ๆ แต่ทว่า... ...
องค์หญิงที่ชาวจันทราคนนั้นพูดถึง, ได้ถูกซ่อนตัวไว้ที่ไหนสักแห่งอีกแล้ว
มาริสะ 「นั่นสินะ
เอาแถวๆนี้ละกัน」
อลิส 「ไหนล่ะ, ของน่าสนใจที่บอกว่าจะให้ดูน่ะ」
อลิส 「ยังไงซะ, ของน่าสนใจที่มาริสะพูดถึงก็คงไม่พ้น ลูกตากระต่ายจันทราย่าง
หรือไม่ก็ลูกชิ้นเสียบไม้ของเรย์มุ อะไรทำนองนั้นล่ะสิ ?」
มาริสะ 「แบบนั้นมันไม่น่าสนใจเลยนะ」
มาริสะ 「รู้สึกตัวมาได้สักพักแล้วก็จริง
แต่เธอไม่รู้สึกว่าจันทร์เพ็ญมันแปลกๆบ้างเหรอ ?」
อลิส 「จันทร์เพ็ญ ?
มันก็เป็นจันทร์เพ็ญนี่นา」
มาริสะ 「ฟังนะ ? ตอนนี้เราอยู่ในอาณาเขตของศาลเจ้า
หากก้าวอีกเพียงหนึ่งก้าวก็จะออกจากอาณาเขต, จงก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับมองพระจันทร์ซะ」
อลิส 「คงไม่ได้คิดจะขัดขาฉันให้ล้มหรอกนะ」
มาริสะ 「จะขัดขาให้ล้มว่ะ」
อลิส 「อ๊ะ ?」
มาริสะ 「อ๊า !?」
อลิส 「อ้าว, แล้วเธอจะตกใจทำไมล่ะ」
มาริสะ 「จะดูกี่ทีก็ยังน่าตกใจไงล่ะ
ว่าแต่ เธอเห็นแล้วใช่มะ ?」
อลิส 「ขนาดของจันทร์เพ็ญเปลี่ยนไป ?
ไม่สิ, สีเปลี่ยนไปสินะ ?」
มาริสะ 「กลายเป็นพระจันทร์ที่ประกอบผิดสีไงล่ะ
ถึงจะพูดก่อนแล้วมาสงสัยทีหลังก็เถอะ, แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจสาเหตุเหมือนกัน」
อลิส 「เห็นจันทร์เพ็ญในศาลเจ้าต่างกับของโลกภายนอกงั้นเหรอ ?
เป็นเพราะขอบเขตของเขตแดนงั้นเหรอ ?」
มาริสะ 「ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ? ว่าไม่เข้าใจสาเหตุเหมือนกัน」
อลิส 「ยังไม่ได้คลี่คลายอะไรบางอย่างสินะ ?」
มาริสะ 「แย่แล้ว ! เรย์มุมา」
มาริสะ 「รีบหนีก่อนที่เรย์มุจะรู้เรื่องน่าสนใจแบบนี้กันเหอะว่ะ」
อลิส 「นั่นสินะ」
จันทร์เพ็ญนั้น, อาจมองเห็นว่าขนาดหรือสีเปลี่ยนไปได้ ตามสภาพของชั้นบรรยากาศ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจเกิดจากสาเหตุดังกล่าวก็เป็นได้
หากแต่, ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างเห็นไดัชัด
ยังมีอะไรบางอย่างถูกซ่อนอยู่อีกเป็นแน่, ทั้งสองจึงออกไปตรวจสอบอีกครั้ง
NORMAL ENDING No. 6
ลองเล่นด้วยตัวละครนี้อีกครั้งให้จบแบบ No Continue Clear กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.07 Normal End ทีมมารแดงเพ้อฝัน
คฤหาสน์มารแดงในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่ไม่เห็นเสียนาน, กำลังสาดแสงใส่เกนโซวเคียวอย่างน่าพิศวง
อาคารสีแดงฉานสะท้อนแสงออกมาจนแดงฉานยิ่งขึ้น,
แสงจันทร์ซึ่งสมมาตรกับแสงอาทิตย์ที่ให้สีอย่างสม่ำเสมอนั้น, มีส่วนช่วยในการอวดโอ้ตัวตนของคฤหาสน์เป็นอย่างมาก
จันทร์เพ็ญได้กลับมาแล้วแน่ๆ แต่ทว่า... ...
องค์หญิงที่ชาวจันทราคนนั้นพูดถึง, ได้ถูกซ่อนตัวไว้ที่ไหนสักแห่งอีกแล้ว
ซาคุยะ 「เติมชาฝรั่งแบบใหม่ให้แล้วค่ะ คุณหนู」 (คำว่า ชาฝรั่ง ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลตรงตัวได้ว่า ชาแดง)
เรมิเลีย 「ทั้งที่ถ้าแสงจันทร์มันแดงเท่าชาฝรั่งแก้วนี้, เกนโซวเคียวก็คงจะสนุกดีแท้ๆเชียวนะ」
ซาคุยะ 「ตอนนี้ก็สนุกอยู่แล้วล่ะค่ะ, พระจันทร์ก็ออกสีแดงอยู่ด้วย... ...」
ซาคุยะ 「อ้าว, ก็เป็นสีแดงอยู่ไม่ใช่เหรอคะ, พระจันทร์นั่น」
เรมิเลีย 「เพราะงั้นถึงได้สนุกไงล่ะ, ว่าแต่, รู้รึเปล่า ? ว่าทำไมพระจันทร์นั่นถึงได้มีสีแดง」
ซาคุยะ 「นั่นสินะค้า, แสงจันทร์คือแสงสะท้อน
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะ, แสงของหัวใจของสิ่งที่มองมันเป็นสีแดงหรอกเหรอคะ ?」
เรมิเลีย 「ไม่ใช่เรื่องเหนือวิทยาศาสตร์แบบนั้นหรอก」
ซาคุยะ 「เหนือวิทยาศาสตร์ก็คือเกนโซวเคียวนี่คะ」
เรมิเลีย 「ฟังนะ ? การที่มองเห็นพระจันทร์เป็นสีแดงน่ะ」
เรมิเลีย 「ก็เพราะดวงจันทร์ดูดซับสีอื่นเอาไว้ ยกเว้นสีแดงไงล่ะ
สีแดงที่พลัดหลงจากฝูงจึงถูกยิงออกมาจนตกลงสู่เกนโซวเคียว
มนุษย์เติบโตขึ้นมาโดยได้รับแสงดังกล่าว ก็เลยมีเลือดเป็นสีแดงนั่นเอง」
ซาคุยะ 「ส่วนใหญ่เป็นวิทยาศาสตร์สินะคะ」
เรมิเลีย 「ทำไมพระจันทร์ในคืนนี้จึงทำให้สีแดงพลัดหลงจากฝูง... ...
ซาคุยะรู้รึเปล่า ?」
ซาคุยะ 「นั่นสินะค้า
ถ้าใช้วิธีคิดแบบนั้นก็หาคำตอบไม่ได้หรอกค่ะ」
เรมิเลีย 「งั้นเซลล์สมองสีเงินของซาคุยะคิดว่ายังไงล่ะ ?」
(ล้อเลียนวลีที่ว่า เซลล์สมองสีขี้เถ้า จากนิยายของ อากาธา คริสตี้ และสีประจำตัวของเรมิเลียคือสีแดง ในขณะที่ซาคุยะคือสีเงิน)
ซาคุยะ 「การที่พระจันทร์ในคืนนี้เป็นสีแดงสินะคะ
นั่นเป็นสีของดวงตาของกระต่ายจันทราที่เปี่ยมด้วยรังสีสังหารค่ะ
ก็ตอนนี้, ดวงจันทร์กลายเป็นสนามรบไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ」
เรมิเลีย 「คิดแบบเกนโซวเคียวสินะ
แต่บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้
กระต่ายจันทราตัวนั้นเองก็ดูเหมือนจะกำลังหนีจากอะไรบางอย่างซะด้วยสิ... ...
กะว่าคราวหน้าจะหลอกให้หนีสีแดงแท้ๆเชียว」
พระจันทร์ของเกนโซวเคียวมีสีแดงฉานอย่างผิดธรรมชาติ,
ราวกับของที่ถูกสร้างขึ้นก็มิปาน
และแน่นอนว่าทั้งซาคุยะและเรมิเลียต่างก็รู้สึกตัวถึงเรื่องนี้
ใช่แล้ว, แม้จะไม่พูดออกมาจากปากว่าจันทร์เพ็ญนี้เป็นของที่ถูกสร้างขึ้น,
แต่ทั้งสองคนก็ตั้งใจจะตรวจสอบดูอีกครั้งอยู่แล้ว
NORMAL ENDING No. 7
ลองเล่นด้วยตัวละครนี้อีกครั้งให้จบแบบ No Continue Clear กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.08 Normal End ทีมผู้อาศัยในโลกวิญญาณ
โลกวิญญาณในยามราตรี
จันทร์เพ็ญที่ไม่เห็นเสียนาน, กำลังสาดแสงใส่เกนโซวเคียวอย่างน่าพิศวง
ความเงียบของโลกวิญญาณนั้น, ราวกับว่ามีเสียงของแสงจันทร์แว่วมาเลยทีเดียว
ยูยูโกะ 「วันนี้~, เป็นวันเทศกาลเด็กผู้หญิง~」
โยวมุ 「อย่าเข้ามาใกล้ทั้งที่กำลังร้องเพลงอยู่สิคะ
ที่สำคัญ, วันนี้กลายเป็นวันเทศกาลเด็กผู้หญิงไปตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ」 (มันต้องเป็นวันที่ 3 เดือน 3 ต่างหากล่ะ)
ยูยูโกะ 「โยวมุ, ตั้งแต่วันนี้จะเริ่มทำของดองนะ」
โยวมุ 「กะทันหันอีกแล้วนะคะ」
ยูยูโกะ 「แต่ว่าเบื่อแล้วล่ะ, ฝากทำต่อด้วยนะ」
โยวมุ 「มาแบบนี้อีกแล้วเหรอค้า」
ยูยูโกะ 「แค่อยากลองดูว่าจะสามารถดองวิญญาณได้หรือไม่เท่านั้นเองจ้ะ」
โยวมุ 「นั่นน่ะ แค่ปล่อยทิ้งเอาไว้มันก็ดองของมันเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ?
อ๊ะ หรือว่า, คงไม่ใช่ว่าเอาวิญญาณมาดองหรอกนะคะ ?」
ยูยูโกะ 「มันไม่ดองของมันเองหรอกจ้ะ
มีคนที่ทำให้เกิดของดองอยู่ภายในของดองน่ะ」
โยวมุ 「ภายในของดอง เหรอคะ... ...」
ยูยูโกะ 「ของดองคือวัตถุมีกลิ่นหอม, กล่าวคือเป็นวัตถุของเทพเจ้าน่ะจ้ะ
สร้างขึ้นด้วยพลังที่ได้รับมาจากนภาอย่างแท้จริงไงล่ะ」
โยวมุ 「งะ.. งั้นเหรอคะ
ถ้างั้น, จะให้ทำอะไรดีล่ะคะ ?」
ยูยูโกะ 「นั่นเป็นจุดแสดงฝีมือของโยวมุไงล่ะ
ลองดูซิว่าจะทำยังไงถึงจะดองออกมาได้ดี, และมีรสชาติอร่อย
พยายามเข้านะ」
โยวมุ 「เริ่มเองยัดเยียดเองแบบนี้เลยเหรอคะ~?」
ยูยูโกะ 「ของดองได้รับคำชมฉันใด ภรรยาไซร้ได้รับคำชมฉันนั้น
จงพยายามให้ถึงขั้นที่ถูกอิจฉาริษยาเลยนะจ๊ะ」
โยวมุ 「เข้าใจแล้วค่ะ, จะทำแล้วค่ะ
ให้ตายสิ」
แต่แหม~, ยามที่วันวานผันผ่านไปโดยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจันทร์เพ็ญเลยนั้น,
แท้จริงแล้วยูยูโกะกำลังเตรียมการบางอย่างอยู่
นั่นคือการเตรียมออกเดินทางอีกครั้งนั่นเอง
จันทร์เพ็ญกลับมาแล้วก็จริง,
แต่ยูยูโกะก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่จันทร์เพ็ญที่แท้จริง
NORMAL ENDING No. 8
ลองเล่นด้วยตัวละครนี้อีกครั้งให้จบแบบ No Continue Clear กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.09 Bad End ทีมเขตแดนมายา
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ในยามเช้า
สุดท้ายแล้ว, ก็มาถึงยามเช้าโดยที่ไม่อาจคลี่คลายอะไรได้เลย
ยูคาริกล่าวว่า 「ฉันต้องใช้ชีวิตอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ, เพราะงั้นราตรีสวัสดิ์จ้ะ」
แล้วก็หายไปไหนไม่รู้
ไปไหนไม่รู้.. ตรงตามตัวอักษรเลย
เรย์มุ 「อืม---
ไม่เห็นพระจันทร์อย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ」
เรย์มุ 「คืนพรุ่งนี้ต้องโค่นให้ได้เลย」
ยังไงซะ คืนพรุ่งนี้ (พูดให้ถูกคือวันนี้) ยูคาริก็ต้องมาอีกแน่
จากนั้นก็ตีหน้าซื่อแล้วพูดว่า 「ตายจริง แย่แล้ว, พระจันทร์ดูแปลกไปนะ」 อีกตามเคย
BAD ENDING No. 9
พยายามจบเกมโดยไม่ใช้ Continue เท่าที่จะทำได้กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.10 Bad End ทีมท่วงทำนองอาคมต้องห้าม
บ้านของมาริสะ
สุดท้ายแล้ว, ก็มาถึงยามเช้าโดยที่ไม่อาจคลี่คลายอะไรได้เลย
อลิสเองก็ดูเหมือนจะเหนื่อยเอาการ,
ไม่บ่อยนักที่เธอจะไม่กลับบ้านของตัวเอง, แล้วมานอนหลับในบ้านมาริสะแทน
มาริสะ 「ราตรีมันสั้นกว่าที่คิดเอาไว้ว่ะ」
มาริสะ 「แต่ว่าคืนนี้แหละ, จะอัดเจ้าคนร้ายให้เละตุ้มเป๊ะเลย」
มาริสะตระเตรียมแผนลับสำหรับโค่นชาวจันทรา
โดยมีอลิสนอนหลับอยู่ข้างกาย
อลิสรู้ดีว่า การนอนหลับอย่างเพียงพอจะทำให้สถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีกว่า
BAD ENDING No. 10
พยายามจบเกมโดยไม่ใช้ Continue เท่าที่จะทำได้กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.11 Bad End ทีมมารแดงเพ้อฝัน
คฤหาสน์มารแดง
สุดท้ายแล้ว, ก็มาถึงยามเช้าโดยที่ไม่อาจคลี่คลายอะไรได้เลย
คุณหนูเรมิเลียดูเหมือนจะอารมณ์เสียนิดหน่อย,
แต่พอซาคุยะกล่อมให้ก็นอนหลับไปแต่โดยดี
ซาคุยะ 「แย่จังนะ
ถ้าเป็นแบบนี้, คืนนี้ก็ต้องออกไปโค่นคนร้ายอีกแน่」
ซาคุยะ 「ฉันเองก็อยากจะพักผ่อนให้เพียงพอซะด้วยสิ」
เมดไม่ได้พักผ่อน
จะกลางวันหรือกลางคืนก็ต้องเอาใจใส่อยู่เสมอ
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า
หัวหน้าเมดคนนี้เท่านั้นที่มีวิธีพักผ่อนแบบขี้โกงอยู่
BAD ENDING No. 11
พยายามจบเกมโดยไม่ใช้ Continue เท่าที่จะทำได้กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.12 Bad End ทีมผู้อาศัยในโลกวิญญาณ
ตำหนักหยกขาว
สุดท้ายแล้ว, ก็มาถึงยามเช้าโดยที่ไม่อาจคลี่คลายอะไรได้เลย
ท่านยูยูโกะไม่พูดอะไรแล้วรีบเข้านอนไปอย่างรวดเร็ว,
โยวมุจึงเดือดร้อนเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
โยวมุ 「ตั้งแต่นั้นมาท่านยูยูโกะก็ไม่พูดอะไรเลยน้า
อารมณ์ไม่ดีจริงๆสินะเนี่ย... ...」
โยวมุ 「ไม่สิ, กลับมาถึงแล้วรีบนอนแบบนี้มันเป็นสัญญาณว่าคืนนี้จะออกไปอีกสินะ」
โยวมุจึงเข้านอนเช่นกัน
ถึงต้องหยุดงานเหมือนวันนี้ก็คงไม่สนใจแล้วกระมัง
ยิ่งราตรียาวนานเท่าใด, ก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น
นั่นคือสาเหตุที่ยูยูโกะรีบเข้านอนไงล่ะ
BAD ENDING No. 12
พยายามจบเกมโดยไม่ใช้ Continue เท่าที่จะทำได้กันเถอะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................