東方求聞史紀 ~ Perfect Memento in Strict Sense.
โทวโฮวกุมอนชิคิ (ใคร่รู้ประวัติศาสตร์แห่งตะวันออก) ~ อนุสรณ์สมบูรณ์ในสัมผัสที่เที่ยงตรง
.........................................................................................................................................................................................
สมุดรวมภาพโยวไค
*กดที่ชื่อหัวข้อเพื่ออ่าน*
หรือกดที่นี่เพื่อแสดงข้อความทั้งหมด
โยวเซย์(ภูต) ~รูปธรรมของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่~
[โยวเซย์(ภูต) ~รูปธรรมของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่~]
ระดับความอันตราย : ต่ำ
ความถี่ที่พบ : สูงสุด
ความหลากหลาย : สูง
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
ร่างจริงของปรากฏการณ์ธรรมชาติ
หนาวบ้างอบอุ่นบ้าง ฝนตกบ้างลมพัดบ้าง หญ้างอกดอกไม้บาน... ปรากฏการณ์แต่ละอย่างนั้นล้วนมีโยวเซย์สิงสู่อาศัยอยู่
รูปร่างก็แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ และมีปีกคล้ายพวกแมลงอย่างแมลงปอหรือผีเสื้อ
ส่วนสูงนั้นไม่ต่างกัน คือ ตัวเล็ก... มักพบว่ามีตั้งแต่ตัวเล็กถึงขนาดประมาณฝ่ามือมนุษย์ ไปจนถึงตัวโตเท่าเด็กชาวมนุษย์ที่อายุไม่ถึงสิบขวบ
ถิ่นอาศัยคือทุกหนทุกแห่งที่มีธรรมชาติ
ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในเกนโซวเคียวก็สามารถตรวจสอบสืบหาได้
โดยเฉพาะสถานที่ที่ครื้นเครงเฮฮาจะชอบมากเป็นพิเศษ
และพบว่าถ้ามีมนุษย์หรือโยวไคไปรวมตัวกันมากๆก็จะยิ่งพบเห็นโยวเซย์มากขึ้น
ในทางตรงข้าม สถานที่ที่ดูมืดมนชวนให้หดหู่ก็จะพบโยวเซย์ได้น้อยลง
เป็นโยวไคชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยๆแม้แต่ในหมู่บ้านมนุษย์
(คำว่า โยวไค ในที่นี้หมายถึงโยวไคตามศัพท์ภาษาญี่ปุ่น มิใช่โยวไคที่เป็นศัพท์เฉพาะของโทโฮ)
ช่วงเวลาที่จะทำกิจกรรมของโยวเซย์แต่ละตัวก็ต่างๆกันออกไป บ้างก็กลางวันบ้างก็กลางคืน
ดูเหมือนจะไม่มีรูปแบบตายตัว
แม้ว่าโยวเซย์แต่ละตัวจะมีอายุสั้น*ก็ตาม แต่สักประเดี๋ยวก็จะเกิดใหม่มาในรูปร่างเดิมอยู่ดี
*1[ชีวิตของโยวเซย์นั้นแตกต่างจากมนุษย์ การใช้คำว่าอายุสั้นอาจไม่ถูกต้องนัก]
แม้จะได้รับบาดเจ็บถึงขั้นแหลกเป็นชิ้นๆแต่เพียงชั่วอึดใจก็จะฟื้นฟูสภาพตัวเองได้
ความหมายลึกๆก็คือ โยวเซย์ไม่มีวันตาย
ดังนั้นจึงชอบทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เพราะไม่กลัวที่จะตายนั่นเอง
ดูเหมือนว่าแนวคิดเกี่ยวกับความตายก็จะต่างจากมนุษย์ด้วย แต่ว่าตามปกติพวกโยวเซย์ก็ไม่ฉลาดสักเท่าไรอยู่แล้ว
อันที่จริงแล้วพวกโยวเซย์นั้นไม่จำเป็นต้องกินอาหาร แต่พอเห็นมนุษย์กินอย่างเอร็ดอร่อยก็เลยเลียนแบบ ดังนั้นจึงกินอาหารแบบเดียวกับมนุษย์
ถ้าเป็นของที่มนุษย์กินได้ล่ะก็ ไม่ว่าอะไรก็กินได้ทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังชื่นชอบการแอบฉกของกินที่มนุษย์กำลังจะกินเอาไปทานเสียเองอีกด้วย
*ข้อมูลความเสียหาย*
การกลั่นแกล้งตามใจคิด
โดยทั่วไปโยวเซย์ทุกชนิดชอบที่จะกลั่นแกล้งอยู่แล้ว
ถ้าเจอคนที่กำลังเดินอยู่ก็จะทำให้หลงทาง
ถ้ากำลังทำความสะอาดอยู่ก็จะโบกลมให้ฝุ่นที่อุตส่าห์กวาดมารวมกันปลิวว่อนไป
ถ้าสบจังหวะที่ไม่ทันสังเกตก็จะใส่เกลือลงในน้ำชา
ก่อกวนกิจกรรมของทุกคนที่ขวางหน้าอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
บางครั้งการกลั่นแกล้งก็เลยเถิดจนเกินไป เช่น ผลักให้ร่วงจากหน้าผา จุดไฟใส่กลางหลัง, จึงจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก
*วิธีการรับมือ*
หากมัวแต่คิดอะไรในใจแล้วเดินไปตามถนนจะหลงทางเอาได้
ช่องโหว่ตอนที่กำลังตั้งใจคุยกับเพื่อน อาจทำให้ถูกฉกสัมภาระไปได้
เป็นที่ทราบกันว่าการเปิดช่องโหว่บ่อยๆแบบนี้เป็นสาเหตุให้ถูกโยวเซย์กลั่นแกล้งเอาได้
มนุษย์ที่ถูกกลั่นแกล้งโดยง่ายนั้น คือพวกที่ไม่ค่อยสนใจจะระมัดระวังตัวหรือมัวแต่สนใจเรื่องอื่นเป็นประจำ
โยวเซย์จะไม่เข้าใกล้มนุษย์ที่มีความระมัดระวังตัวสูง
ดังนั้น ถ้าเอาใจใส่บริเวณรอบๆตัวอยู่เสมอ ก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน
ต่อคำถามที่ว่า... ในกรณีที่โดนแกล้งเข้าให้แล้ว ควรทำอย่างไร
อันที่จริงแล้วพวกโยวเซย์นั้นแม้จะทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิด แต่ก็ไม่ชอบการต่อสู้เท่าใดนัก
เมื่อมนุษย์รู้ตัวว่าถูกแกล้ง โยวเซย์ก็จะถอยห่างไปในพริบตาเลย
ความจริงพวกโยวเซย์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป
หากจับกุมตัวไว้ได้สำเร็จล่ะก็ จะล้างแค้นที่โดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอก็ย่อมได้
ถ้าเป็นมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะก็ จะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
แต่ก็มีบางครั้งที่ถือเป็นข้อยกเว้น นั่นคือ ไม่แกล้งแต่เข้าจู่โจมอย่างฉับพลัน
ในเวลาแบบนั้นจะต้องระวังตัวให้ดี
เพราะนั่นอาจเป็นไปได้ว่า มันคือคำเตือนถึงอะไรบางอย่าง
โดยเฉพาะเมื่อเห็นโยวเซย์จำนวนมากมารวมกลุ่มกันส่งเสียงเอะอะครึกโครม จะต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง
เพราะมีความเป็นไปได้ว่าในละแวกใกล้เคียงนั้นจะมีโยวไคที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อซ่อนตัวอยู่*
*2[อาจกล่าวได้ว่า ปริมาณและความดุร้ายของโยวเซย์ เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงระดับความอันตรายในบริเวณพื้นที่นั้นๆ]
ในเวลาแบบนั้น ยอมหันหลังเดินกลับทางเก่าอย่างว่าง่ายจะดีกว่า
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ภูตน้ำแข็ง
{ชิลโน่ Cirno }
ความสามารถ : ควบคุมความเย็น
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ทะเลสาบสายหมอก
มีบางครั้งที่ละแวกใกล้เคียงทะเลสาบจะมีอุณหภูมิต่ำสุดขั้วทั้งๆที่เป็นฤดูร้อน
โยวเซย์ที่มักพบได้บ่อยในเวลาแบบนี้ก็คือ ภูตน้ำแข็งตนนี้
เธอมีสถานะเป็นผู้นำของเหล่าโยวเซย์ที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงทะเลสาบ และมีพลังแข็งแกร่งกว่าโยวเซย์อื่นๆโดยรอบ
ในหมู่โยวเซย์ จัดว่าเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังให้ดี
ความสูงจัดว่าค่อนข้างเตี้ย, สวมชุดสีฟ้า และมีปีกน้ำแข็ง
มีความสามารถในการควบคุมความเย็น
หากเป็นของชิ้นเล็กๆจะสามารถแช่แข็งได้ในพริบตา จึงมีอันตรายสูงกว่าโยวเซย์ทั่วๆไปพอสมควร
ความเย็นรั่วไหลออกมาจากตัวเธออยู่ไม่ขาด ทำให้บริเวณใกล้เคียงหนาวเย็นอยู่เสมอ
ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเธอตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ใด จึงไม่มีวิธีใดที่จะล่วงรู้ได้เลยว่าตามปกติแล้วเธอใช้ชีวิตอย่างไร
ไม่เพียงแต่ชิลโน่เท่านั้น, ที่อยู่อาศัยของโยวเซย์ทุกตนล้วนปะปนกลมกลืนไปกับธรรมชาติ จึงไม่ถูกพบเจอโดยมนุษย์
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เห็นเธอนอนอย่างไร้การป้องกันตัว*อยู่บนก้อนน้ำแข็งที่เกิดจากการแช่แข็งส่วนหนึ่งของผิวน้ำในทะเลสาบสายหมอกน่ะ (ฮิโคะซาเอม่อน)
*1[อย่างไร้การป้องกันตัวจริงๆ]
・เห็นเธอนอนแบบไม่เป็นที่เป็นทาง*อยู่ใกล้ทะเลสาบ, ดอกไม้ใบหญ้ารอบๆถูกแช่แข็งไปหมดเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
*2[แบบไม่เป็นที่เป็นทางจริงๆ]
ตัวอย่างการพบเห็นจากคนอื่นๆก็อยู่ในละแวกใกล้เคียงทะเลสาบสายหมอกเช่นกัน จึงคาดกันว่าเธอคงยึดเอาที่นี่เป็นปราสาทของเธอ
หรือบางทีอาจจะมีบ้านอยู่ในน้ำก็ได้นะ
・เห็นกบแช่แข็งอยู่ในทุ่งนา น่าจะเป็นฝีมือของโยวเซย์ตนนี้แหละ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
เป็นการเล่นซนที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ถึงความเสียหายโดยตรงจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ... ...
・พอตกปลาขึ้นมาจากทะเลสาบได้ก็พบว่ามันถูกแช่แข็งไปแล้ว
นับว่าน่าตกใจจริงๆ แต่ก็ทำให้เก็บปลาไว้ได้นานและอร่อยขึ้นด้วย (นักตกปลาผู้กินจุ)
ไม่นึกว่าจะมีมนุษย์ไปตกปลาที่ทะเลสาบสายหมอกเลยนะ... ...
บริเวณนั้นมันอันตรายเพราะโยวไคชนิดอื่นๆสามารถปรากฏตัวออกมาได้ง่าย ดังนั้นผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกิจกรรมนี้ไม่ควรลอกเลียนแบบ
{มาตรการรับมือ}
หากรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะก็ มีความเป็นไปได้ว่ามีโยวเซย์ตนนี้อยู่ใกล้ๆ
ในเวลาดังกล่าว ให้ยอมหนีแต่โดยดี หรือหาตัวโยวเซย์ให้พบ
เป็นเรื่องธรรมดาที่โยวเซย์จะไม่ทำอะไรอีกฝ่ายอีกต่อไป เมื่อพบว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้ว
การหาตัวชิลโน่ให้พบไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นขอเพียงไม่ทำตัวประมาทขาดความระมัดระวังจนเกินไปก็น่าจะได้รับความเสียหายไม่มากนัก
ต่อคำถามที่ว่า ควรทำอย่างไรในกรณีที่ต้องเดินทางผ่านสถานที่ที่น่าจะมีเธออยู่
เธอแพ้สิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้อย่างเช่น ความร้อนจากเปลวเพลิงของคบไฟ
หากเตรียมคบไฟไว้ล่วงหน้าเธอก็คงไม่เข้ามาใกล้
เธอสามารถแช่แข็งทุกสิ่งที่สัมผัสได้ในพริบตา ดังนั้นต่อให้เธอนอนหลับอยู่ก็ไม่ควรพยายามสัมผัสเธอ
อาจจะเกิดแผลน้ำแข็งกัดเอาได้
หากบังเอิญเจอกับกรณีที่ชิลโน่โจมตีเข้าใส่, ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นมาอย่างไรให้สงบสติอารมณ์ไว้แล้วลองชวนเธอคุยดู
หากเธอแสดงความสนใจออกมาล่ะก็ ให้เล่นทายปริศนากับเธอดูสักตั้ง
ทำเช่นนี้แล้วเธอจะเริ่มคิดหาคำตอบ ถ้าอาศัยจังหวะนั้นหนีออกมาได้ก็รอดตัวไป
ถึงคำถามจะง่ายแค่ไหนก็ตาม เธอไม่มีทางตอบได้แน่นอน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ภูตผู้นำพาฤดูใบไม้ผลิ
{ลิลลี่ไวท์ Lilywhite }
ความสามารถ : ป่าวประกาศการมาของฤดูใบไม้ผลิ
ความอันตราย : ต่ำมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ไม่แน่นอน
เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ, ผู้ที่กลับมาคึกคักอย่างกะทันหันก็มีอยู่ไม่น้อย และเป็นเหมือนกันหมดทุกเผ่าพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ โยวไค หรือยูวเรย์
โยวเซย์(ภูต)ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นสัญลักษณ์ของการมานั้นก็คือ ภูตผู้นำพาฤดูใบไม้ผลิ ลิลลี่ไวท์ นั่นเอง
ลิลลี่ไวท์จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยที่มนุษย์ธรรมดาไม่รู้สึกถึง
และป่าวประกาศถึงการมาของฤดูแห่งการตื่นของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่หลับใหลในระหว่างฤดูหนาว*
*1[รวมถึงยูวเรย์(ผี)และโบวเรย์(วิญญาณ)ด้วย]
หลังจากที่โยวเซย์ตนนี้บินผ่านไป บริเวณนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยความสดใสของฤดูใบไม้ผลิ
ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย และมีขนปีกสีจางอยู่มากมาย*
*2[อันที่จริงแล้วเป็นปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง โดยมีสิ่งที่คล้ายขนปีกของนกซึ่งสีซีดจางจนมองทะลุได้ติดอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล]
ไม่ใช่พวกที่ชอบการต่อสู้, แม้พบเจอโดยบังเอิญก็มีความอันตรายต่ำ
แต่ไม่ควรเข้าไปรบกวนเธอตอนที่กำลังป่าวประกาศถึงฤดูใบไม้ผลิ
เพราะเป็นช่วงเวลาที่โยวเซย์ตนนี้แข็งแกร่งมากที่สุด
ไม่มีผู้ใดทราบว่าเธออาศัยอยู่ที่ใด เช่นเดียวกับโยวเซย์อื่นๆ
และฤดูอื่นนอกจากฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ค่อยมีผู้ใดพบเห็นเธอ
ด้วยเหตุนี้ ลิลลี่จึงกลายเป็นคิโกะแห่งฤดูใบไม้ผลิ
(คิโกะ หมายถึง คำหรือวลีที่เกี่ยวกับฤดูกาลในบทกลอนไฮขุ)
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・หิมะร่วงโรย ยังอีกหรือยังอีกหรือ ภูเขาสีขาว เส้นทางแห่งการค้นหาร่องรอย ของภูตแจ้งผลิ (ชาวใบไม้ผลิ)
ภูตแจ้งผลิในบทกลอนนี้ก็คือ ลิลลี่ไวท์ นั่นเอง
・ทุกทีเห็นโผล่ออกมาจากทางตะวันตก และหายเข้าไปในภูเขา* แต่ไม่เคยเห็นกลับออกมาเลย
ไปอาศัยอยู่ที่ไหนกันแน่นะ (มีรายงานเข้ามาเป็นจำนวนมาก)
*3[หมายถึง ภูเขาโยวไค ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง]
เป็นเพราะไม่กลับออกมาจากภูเขา จึงคิดว่าบางทีอาจถูกโยวไคภูเขาจับกินจนการป่าวประกาศถึงฤดูใบไม้ผลิหยุดลงเป็นประจำทุกปีก็เป็นได้
・เด็กๆจับตัวเธอเอาไว้ได้, แต่เธอรีบบอกให้ปล่อย และเด็กๆก็ปล่อยทันที, โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ (พ่อแม่ของผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
โยวเซย์ตนนี้ไม่ใช่พวกที่จะคิดทำร้ายมนุษย์ แต่โดยพื้นฐานแล้ว การไม่ไปยุ่งกับพวกที่ไม่ใช่มนุษย์จะปลอดภัยที่สุด
{มาตรการรับมือ}
หากทางเราไม่ไปยุ่งกับเธอก็จะไม่มีอันตรายใดๆเป็นพิเศษ
การได้พบเห็นตัวเธอนั้นออกจะเป็นลางดีเสียมากกว่า
จึงอยากให้รู้สึกยินดีกับการมาของฤดูใบไม้ผลิจากใจจริง
หากเธอโจมตีเข้าใส่ อาจเป็นไปได้ว่าเธอกำลังตื่นตระหนก จึงควรออกห่างจากบริเวณนั้น
ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโยวเซย์ตนนี้ไม่สามารถออกห่างจากสถานที่ที่กำลังจะกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิได้
หากทางเราล่าถอยแล้วก็คงไม่ต้องกังวลว่าเธอจะไล่ตามมา
ในทางตรงข้าม, การให้อาหารเพื่อทำให้เชื่องก็นับว่าน่าสนใจ
หรืออาจเตรียมเมล็ดดอกไม้เอาไว้ และสนุกกับการทำให้ดอกไม้บานรอบๆตัว
คงเพราะอย่างนี้กระมัง, เธอจึงเป็นโยวเซย์ยอดนิยมของร้านดอกไม้ในหมู่บ้าน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
แสงตะวันซึ่งชื่นชอบการกลั่นแกล้ง
{ซันนี่มิลค์ Sunnymilk }
(วิธีการเขียนชื่อแบบแรกที่ปรากฏภาคมังกะ เขียนว่า Sunny Milk ...จึงไม่อาจทราบได้ว่านี่เป็นการแก้ไข หรือเป็นความผิดพลาดกันแน่)
ความสามารถ : หักเหแสง
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : บริเวณใกล้ป่าเวทมนตร์
ทั้งที่ถนนไม่ได้ยาวมากนักแต่ก็หลงทาง
บางครั้งก็โหดร้ายถึงขั้นวนกลับมาที่เดิม
ในเวลาแบบนี้แปดหรือเก้าส่วนในสิบจะเป็นฝีมือของโยวเซย์*
*1[หากเป็นฝีมือของโยวเซย์จริงก็สบายใจได้ ไม่ต้องอายใคร]
(แปดหรือเก้าส่วนในสิบ เป็นสำนวนหมายถึง ส่วนใหญ่)
ซันนี่มิลค์เป็นโยวเซย์จำพวกดังกล่าวซึ่งเชี่ยวชาญการทำให้ผู้คนหลงทางเป็นพิเศษ
เธอมักจะหลอกมนุษย์โดยทำให้มองเห็นทิวทัศน์ต่างจากความเป็นจริงด้วยการหักเหแสง
นอกจากนี้ยังซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังการหักเหของแสง จึงจับตัวเธอได้ยากมาก
ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย และมีปีกบางๆคล้ายแมลง
เธอเป็นโยวเซย์ประเภทที่ชอบเล่นซนแกล้งคนอย่างร้ายกาจ หากมนุษย์รู้สึกตัว ก็จะรีบหนีสุดฝีเท้า
โยวเซย์ลักษณะนี้จะไม่เข้าใกล้มนุษย์ที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี
ถ้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอล่ะก็ จำเป็นต้องคิดอยู่เสมอว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีโยวเซย์ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ
นอกจากนี้ยังไม่ชอบทำอะไรด้วยตัวคนเดียว, ส่วนใหญ่จะก่อเหตุร่วมกันสามตนเสมอ*
*3[อีกสองตนคือ ลูนาร์ไชลด์ และสตาร์แซฟไฟร์]
ว่ากันว่าเธออาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์ แต่ไม่ทราบที่ตั้งที่แน่ชัด
โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์ไม่สามารถหาที่อยู่ของโยวเซย์พบได้
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เคยเห็นเธอกำลังอาบแดดอยู่บนหลังคาบ้าน, พอลองสะกิดดู เธอก็รีบหนีไปเลย (ยูตะ)
・เจอเธอกำลังนอนหลับอยู่ข้างทาง, ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บมา แต่พอลองสะกิดดู เธอก็รีบหนีไปเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คนอื่นอีกหลายคนก็ยืนยันว่าเห็นเธอกำลังอาบแดดอยู่
ส่วนใหญ่จะพบว่าเธอบาดเจ็บอยู่ด้วย คาดว่าคงเพราะเธอเป็นโยวเซย์แห่งแสงตะวัน จึงสามารถรักษาบาดแผลได้ด้วยการอาบแสงแดด
・กำลังเดินอยู่ดีๆ จู่ๆพื้นดินก็หายไปแล้วตกหน้าผาซะงั้น, นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว (คนตัดไผ่)
บางครั้งก็เล่นซนแบบอันตราย ต้องระวังให้ดี
・ฝนที่เห็นตรงหน้ามันตกเบี้ยวๆน่ะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
การหักเหแสงจะถูกจับผิดได้ง่ายในยามที่ฝนตก
จึงไม่หลงทางมากเท่าวันที่อากาศแจ่มใส
{มาตรการรับมือ}
ยังไงก็มีแค่ทางเดียวคือต้องเดินอย่างระมัดระวังสุดๆ
ถ้าถนนที่เห็นอยู่ตรงหน้ากลายเป็นแม่น้ำขึ้นมาอย่างกะทันหันก็จะเป็นอันตราย
โยวเซย์จะไม่พยายามเข้าใกล้มนุษย์ที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี และสุนัขที่มีประสาทสัมผัสไว
ในกรณีที่ต้องรีบเร่งอย่างช่วยไม่ได้, ลองพาสุนัขไปด้วยก็คงจะพอช่วยได้
ถ้าพบเจอเธอเข้าอย่างจังโดยบังเอิญ เธอจะรีบหนีไปทันที จึงไม่มีอันตราย
แต่ต่อให้พยายามจะลงโทษเธอยังไงก็ตาม เธอก็จะหนีไปได้ก่อนอยู่ดี
ส่วนกรณีที่ถูกแกล้งก็ทำได้เพียงสาปแช่งความประมาทของตัวเองเท่านั้น*
*3[มัวแต่คิดว่าโยวเซย์กำลังหัวเราะเยาะอยู่ที่ไหนสักแห่งก็มีแต่จะอารมณ์เสียเปล่าๆ เพราะงั้นช่างมันเถอะ]
หากเป็นผู้ที่ชำนาญจะสามารถวางกับดักเธอจนติดได้ เพราะเธอมีความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม*
*4[เป็นลักษณะเด่นของโยวเซย์โดยรวม]
นอกจากนี้, ดูเหมือนเธอจะชื่นชอบอาหารอร่อยๆเป็นอย่างมาก จึงมักจะแอบลอบเข้าไปในงานเลี้ยงซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งตาล่อใจอยู่บ่อยๆ
หากเจอเธอกำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารจนลืมตัวล่ะก็, นั่นเป็นโอกาสดีที่จะล้างแค้นเลยล่ะ
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
แสงจันทร์ที่เงียบงัน
{ลูนาร์ไชลด์ Lunarchild }
(วิธีการเขียนชื่อแบบแรกที่ปรากฏภาคมังกะ เขียนว่า Luna Child (ลูน่าไชลด์) ...จึงไม่อาจทราบได้ว่านี่เป็นการแก้ไข หรือเป็นความผิดพลาดกันแน่)
ความสามารถ : ลบเสียง
ความอันตราย : ต่ำมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : บริเวณใกล้ป่าเวทมนตร์
ในวันที่ลมแรง, ทั้งๆที่ลมก็ไม่ได้หยุด แต่เสียงลมพัดกลับหยุดลงในทันใด และจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงลมอีกครั้ง
คิดว่าน่าจะเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้กันบ้างแล้ว
ในเวลาแบบนี้แปดหรือเก้าส่วนในสิบจะเป็นฝีมือของโยวเซย์*
*1[หากเป็นฝีมือของโยวเซย์จริงก็สบายใจได้ ไม่ต้องกังวลว่าหูของตนผิดปกติ]
โยวเซย์เป็นตัวตนที่ไม่เป็นทั้งผลดีและผลร้ายต่อมนุษย์
การเล่นซนกลั่นแกล้งของโยวเซย์ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อมนุษย์โดยตรงเสมอไป
ลูนาร์ไชลด์มีพลังในการลบเสียงที่อยู่รอบตัว
พลังนี้ไม่ได้ก่อความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอมักจะร่วมมือกับโยวเซย์ตนอื่นในการแกล้งคน, โดยเฉพาะกับ ซันนี่มิลค์และสตาร์แซฟไฟร์ รวมสามตน
ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย, มีปีกบางๆคล้ายแมลงเม่า
ในกลุ่มสามภูต แดง ขาว ฟ้า, ลูนาร์ไชลด์คือสีขาว*
*2[แดงคือซันนี่มิลค์ ฟ้าคือสตาร์แซฟไฟร์, เป็นสีของเสื้อผ้านั่นล่ะ]
อาจเป็นเพราะเธอซุ่มซ่ามที่สุดในกลุ่ม หรือเพราะพึ่งพาความสามารถในการลบเสียงมากเกินไป ทำให้เธอมักจะหนีไม่ทันอยู่คนเดียว
เมื่อรวมกับการหักเหแสงของซันนี่มิลค์, ดูเหมือนจะก่อให้เกิดการซ่อนพรางแบบไร้รูปไร้เสียงที่น่าสะพรึงกลัว แต่ยังไงเสียก็เป็นแค่โยวเซย์
ซึ่งไม่ฉลาดสักเท่าใดนัก
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เห็นเธอหกล้มอยู่บนถนนบ่อยๆ, ซุ่มซ่ามจริงๆ (คนตัดไม้แห่งตะวันตก)
・ทั้งๆที่ไม่น่าจะมีเสียงอยู่แล้ว, แต่เธอก็ยังเดินย่องๆ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
เป็นหนึ่งในโฉมหน้าอันโง่เขลาของเธอ
ว่ากันตามตรง, เห็นแล้วหมดอารมณ์จะลงโทษเธอเลย
・เห็นเธอบินโซไปเซมาอยู่คนเดียวกลางดึก (นักประพันธ์บทกวีแห่งดวงดาว)
ดูเหมือนจะเป็นพวกตื่นกลางคืน จึงพบเห็นได้บ่อยๆ
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ดูเหมือนเธอจะเริ่มทำอะไรด้วยตัวคนเดียวแล้ว
อาจจัดได้ว่าเป็นพวกที่แปลกตาหาดูได้ยากสำหรับโยวเซย์ก็ว่าได้
・เมล็ดกาแฟ*โดนขโมยบ่อยมาก, อยากให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง (ร้านน้ำชา)
*3[โยวเซย์ที่ชอบกาแฟนั้นจัดว่าหายาก, รสนิยมของโยวเซย์มักจะเหมือนกับเด็กชาวมนุษย์เสียมากกว่า]
เธอเข้ามาใกล้โดยไร้เสียง จึงยากจะป้องกันการลักขโมย
วิธีรับมือโดยคร่าวๆก็พอมีอยู่ ซึ่งจะกล่าวในลำดับต่อไป
{มาตรการรับมือ}
แม้ความเสียหายโดยตรงจะมีน้อย แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเธอจะทำอะไรด้วยกันสามคนเสมอ
ดังนั้นมาตรการรับมือที่กล่าวถึงในส่วนของซันนี่มิลค์จึงใช้ได้ผลกับเธอด้วยเช่นกัน
เกี่ยวกับการเล่นซนแกล้งคนของลูนาร์ไชลด์นั้น มีรายงานเข้ามามากว่าได้รับความเสียหายจากการลักขโมย
วิธีรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ที่เชื่อถือได้ที่สุดก็คือ พยายามส่งเสียงอยู่เสมอ
เสียงจะเงียบลงเมื่อโยวเซย์ตนนี้เข้าใกล้บริเวณที่มีเสียง จึงรู้ได้ในทันที
หากไม่ใช้ความสามารถในการลบเสียงก็คงไม่ถูกจับได้ แต่ก็นั่นล่ะ สติปัญญาของโยวเซย์
ยึดติดอยู่แต่ความคิดที่ว่า พอจะขโมยของต้องลบเสียง, ไม่คิดอย่างอื่นในหัวบ้างเลย
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
แสงดาวสาดส่อง
{สตาร์แซฟไฟร์ Starsaphire }
(คาดว่าเกิดความผิดพลาดในการเขียนกำกับชื่อภาษาอังกฤษ แต่จะขอนำเสนอตามความเป็นจริง)
(แต่ในส่วนของเนื้อหาอื่นนอกจากจุดนี้ จะใช้คำว่า Starsapphire หรือ Star Sapphire ตามปกติ)
(วิธีการเขียนชื่อแบบแรกที่ปรากฏภาคมังกะ เขียนว่า Star Sapphire)
ความสามารถ : สำรวจวี่แววของสิ่งเคลื่อนไหว
ความอันตราย : ต่ำมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : บริเวณใกล้ป่าเวทมนตร์
เมื่อมองดูดวงดาวที่ล่องลอยอยู่เต็มท้องฟ้า, ก็พาลนึกไปว่าเป็นดวงตาของสัตว์ป่าและโยวไคที่กำลังล้อมเราอยู่
ไม่คิดอย่างนั้นบ้างรึ
มีโยวเซย์ซึ่งมีดวงตาแห่งการสอดส่องดูแลเป็นวงกว้างราวกับแสงของดวงดาวที่สาดส่องดังกล่าวข้างต้นอยู่ตนหนึ่ง
นั่นคือโยวเซย์แห่งแสงดารา, สตาร์แซฟไฟร์
เธอโจมตีมนุษย์และเข้ามายุ่งกับมนุษย์ไม่มากนัก แต่มันแย่ตรงที่เธอมักจะให้ความร่วมมือในการเล่นซนแกล้งคนของโยวเซย์ตนอื่น*เป็นหลัก
*1[แสงตะวันกับแสงจันทร์, โยวเซย์แห่งแสงซึ่งอยู่กันครบสามตัวเมื่อไหร่เป็นได้เรื่อง]
ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย มีปีกขนาดใหญ่ที่ลักษณะคล้ายผีเสื้ออาเกฮะ
โยวเซย์ตนนี้มีความรู้สึกไวต่อวี่แววการเคลื่อนไหวของวัตถุอย่างมาก หากเข้าไปใกล้เธอก็จะรู้ตัวทันที
การจับตัวเธอจึงทำได้ยากมาก และตัวอย่างการพบเห็นเธอทำอะไรด้วยตัวคนเดียวก็น้อย
ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่าเธอมักจะอยู่ด้วยกันสามตนกับซันนี่มิลค์และลูนาร์ไชลด์
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เคยจับผีเสื้อตัวใหญ่ได้ด้วยตาข่ายไล่นกล่ะ (มังสวิรัติ)
คงไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เคลื่อนไหวกระมัง
เห็นเธอมีปีกผีเสื้ออย่างนี้แล้ว นึกภาพตอนที่ติดใยแมงมุมออกเลย
・เคยเห็นภูตน้ำแข็งกำลังทะเลาะ*กับสามภูตแห่งแสง, เจ้าตัวสีฟ้าเอาแต่มองและหัวเราะอยู่ข้างหลังล่ะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
*2[เมื่อโยวเซย์เริ่มทำอะไรอย่างหนึ่งแล้วจะไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย, พอเริ่มทะเลาะกันก็เลยไม่สนใจรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นหากพบเห็นว่ากำลังทะเลาะกันอยู่ล่ะก็ ลองแวะชมแล้วพนันกันว่าฝ่ายไหนจะชนะก็ไม่เลว]
โยวเซย์ล้วนเอาแต่ใจตนเอง จึงเกิดความขัดแย้งกับโยวเซย์ด้วยกันได้ง่าย
ในกรณีนี้, ต่อให้หนึ่งต่อสาม ภูตน้ำแข็งก็จะเป็นฝ่ายชนะ เพราะชำนาญการต่อสู้
ยิ่งกว่านั้น, สตาร์แซฟไฟร์เป็นพวกไม่ใจร้อน และไม่ทำการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกอยู่ฝ่ายไหนดี
{มาตรการรับมือ}
แม้ความเสียหายโดยตรงจะมีน้อย แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเธอจะทำอะไรด้วยกันสามคนเสมอ
ดังนั้นมาตรการรับมือที่กล่าวถึงในส่วนของซันนี่มิลค์จึงใช้ได้ผลกับเธอด้วยเช่นกัน
แต่จะน่ากลัวก็ตอนที่เธอถูกใช้ให้ทำหน้าที่ระวังภัยให้โยวเซย์ตนอื่น
เพราะมันเป็นความสามารถที่ต่อให้พยายามเลี่ยงยังไงก็หลบเลี่ยงไม่ได้
วิธีรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ที่เชื่อถือได้ที่สุดก็คือ การใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตอื่น
ความสามารถของสตาร์แซฟไฟร์จะไม่แยกแยะความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์ขนาดใหญ่
ดังนั้นหากเราเคลื่อนไหวปะปนไปกับฝูงสัตว์ เธอก็จะไม่สามารถรู้สึกตัวได้เลย
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้มาเล่นสนุกได้
โดยใช้สัตว์เป็นเหยื่อล่อให้พวกสตาร์แซฟไฟร์ออกมา แล้วจับตัวพวกเธอเอาไว้ในจังหวะนั้น
เป็นที่รู้กันว่า การตกโยวไค* สามารถกระทำได้จริง
*3[Catch & Release เป็น Manner]
(หมายถึง มารยาทในกีฬาตกปลา โดยหลังจากที่มีการระบุผลว่าตกได้แล้ว ก็จะปล่อยกลับสู่ธรรมชาติไป)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ยูวเรย์(ผี) ~รูปธรรมของลักษณะนิสัย~
[ยูวเรย์(ผี) ~รูปธรรมของลักษณะนิสัย~]
ระดับความอันตราย : ต่ำ
ความถี่ที่พบ : สูง
ความหลากหลาย : สูง
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
ร่างจริงของลักษณะนิสัยของพืชและสัตว์
เป็นการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่มองเห็น สิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่สัมผัส และสิ่งที่ลิ้มรส ให้กลายเป็นแนวคิด
อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่คล้ายกับเครื่องแปลงอารมณ์ความรู้สึก
เนื่องจากไม่มีร่างเนื้อ ดังนั้นจึงมีรูปร่างไม่แน่นอนคล้ายกับอากาศธาตุ
สามารถทะลุผ่านไปยังที่ใดก็ได้ ทั้งยังสามารถแปลงรูปร่างของตนได้ตามใจปรารถนาด้วย
แม้จะถูกเข้าใจผิดจำสลับกับ โบวเรย์(วิญญาณ) ซึ่งรูปธรรมของผู้ตายได้ง่าย แต่ว่ายูวเรย์นั้นไม่จำเป็นต้องมาจากดวงวิญญาณของคนตายเสมอไป
ผู้ที่เป็นยูวเรย์มาแต่เกิด และสลายหายไปทั้งอย่างนั้นก็มี
และจุดที่ต่างจากโบวเรย์อย่างมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือ จากคนตายคนเดียวสามารถเกิดเป็นยูวเรย์ได้หลายดวง
คุณลักษณะดังกล่าวดูจะใกล้เคียงกับโยวเซย์เสียมากกว่า หากโยวเซย์เป็นรูปธรรมของธรรมชาติ ยูวเรย์ก็เป็นรูปธรรมของลักษณะนิสัย
ถิ่นอาศัย* คือทุกหนทุกแห่งในเกนโซวเคียว
*1[ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าถิ่นอาศัยดีหรือไม่]
ยูวเรย์ที่ชอบความครึกครื้นก็จะรวมตัวกันอยู่ในที่ที่ครื้นเครง
ยูวเรย์ที่ชอบความหม่นหมองก็จะรวมตัวกันอยู่ในที่ที่มืดมน
ยูวเรย์ที่ชอบออนเซนก็จะรวมตัวกันอยู่ที่ออนเซน
ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมมักจะเป็นเวลากลางคืนเสียส่วนใหญ่
คาดว่าเป็นเพราะการประกอบกิจกรรมต่างๆภายใต้แสงแดดนั้นทำได้ยาก
เนื่องจากยูวเรย์ส่วนใหญ่มีตัวตนที่เลือนรางมากจนไม่รู้ว่าจะหายไปหรือโผล่มากันแน่
นอกจากนี้ อุณหภูมิร่างกายของยูวเรย์นั้นต่ำมาก*
*2[เพราะจิตใจเย็นชา]
หากไม่เชี่ยวชาญแล้วไปจับเข้าล่ะก็ อาจเกิดแผลน้ำแข็งกัดขั้นร้ายแรงได้
ในทางตรงกันข้าม หากใช้ประโยชน์จากความเย็นนี้ได้อย่างชำนาญล่ะก็ จะใช้เป็นเกมทดสอบความกล้าก็ยังได้
การทดสอบความกล้านั้น กระทำกันโดยเดินตัดผ่านสถานที่ที่ดูเหมือนพวกยูวเรย์จะไปรวมตัวกันมากๆ
ช่วยให้เย็นสบายได้หนึ่งเฮือกในคืนอันอบอ้าวของหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี*
*3[ยูวเรย์จึงถูกรังเกียจในฤดูหนาว]
*ข้อมูลความเสียหาย*
ความน่ากลัวของยูวเรย์ก็คือ การส่งผลกระทบถึงจิตใจของผู้ที่อยู่ใกล้เคียง
หากมียูวเรย์ที่ร่าเริงสดใสอยู่เคียงใกล้เป็นจำนวนมาก เราก็จะสดใสร่าเริงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ในทางตรงข้าม หากไปเข้าไปในที่ที่มียูวเรย์ผู้หดหู่หม่นหมองมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เราก็จะซึมเศร้าลง
ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องเป็นแหล่งฆ่าตัวตายนั้น บ่งบอกได้เลยว่าเป็นที่ที่พวกยูวเรย์ที่หดหู่จะมารวมตัวกัน
มนุษย์ที่ไม่มีพลังจิตใจเข้มแข็งนั้นเมื่อเจอกับยูวเรย์ที่แข็งแกร่งก็อาจจะถูกทำลายจิตใจเอาได้
นอกจากนี้ หากถูกยูวเรย์ล้อมกรอบอยู่รอบตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจบาดเจ็บเป็นแผลน้ำแข็งกัดเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำมากของพวกมันได้
*วิธีการรับมือ*
การที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้พบเจอยูวเรย์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
จึงมีทางเดียวคือ พยายามไม่ให้ได้รับผลกระทบ แม้จะเจอกับพวกมันก็ตาม
โดยทั่วไปแล้วยูวเรย์มีตัวตนที่ไร้แก่นสารและเปราะบาง
สถานที่ที่มีจำนวนยูวเรย์มากพอที่จะล้อมกรอบมนุษย์ธรรมดา ก็ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไร
เพียงแต่ หากสภาพจิตใจกำลังอ่อนแอ* แล้วถูกยูวเรย์ล้อมเอาไว้ก็จะเป็นอันตรายได้
*4[เช่น ตอนที่เพิ่งถูกโยวเซย์กลั่นแกล้งมา]
วิธีการรับมือนั้น มีเพียงการทำจิตใจให้เข้มแข็งและไม่หวาดกลัวต่อยูวเรย์เท่านั้น
และไม่ควรเข้าไปใกล้สถานที่ที่มียูวเรย์จำนวนมหาศาลมารวมตัวกัน* เพียงเพราะนึกสนุกสนใจ
*5[เช่น สุสาน ,งานแสดงดนตรีสดของยูวเรย์ที่จัดขึ้นบ่อยๆ]
อาจถูกทำลายจิตใจเอาได้
ถ้าหากโดนเข้าให้เสียแล้วล่ะก็ ต้องไปรับการปัดรังควานจากผู้เชี่ยวชาญ*เท่านั้น
*6[ถึงมิโกะจะพึ่งพาไม่ค่อยได้ก็เถอะ]
ในทางตรงข้าม มีการค้นคว้าวิจัยหาทางแก้ไขนิสัยชอบเข้าสิงชาวบ้านของพวกยูวเรย์อย่างจริงจัง
ว่ากันว่าหากใช้วิทยาการนี้ล่ะก็ จะสามารถหยุดยั้งพวกที่พยายามฆ่าตัวตายได้ หรือเอาชนะความเกลียดผักได้
หากสามารถคิดค้นวิธีจับกุมยูวเรย์ได้สำเร็จล่ะก็ น่าจะใกล้เคียงกับระดับที่จะนำไปใช้งานจริงได้เสียที
(เพราะยูวเรย์คือรูปธรรมของลักษณะนิสัย ถ้าสามารถดัดนิสัยยูวเรย์ได้ ย่อมหมายถึงดัดนิสัยคนได้)
อาจกล่าวว่า อนาคตของสังคมแห่งจิตใจอันกว้างขวางของมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับยูวเรย์ ก็มิใช่การพูดเกินจริงนัก
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
คนสวนครึ่งคนครึ่งผี
{คอนปาคุ โยวมุ Youmu Konpaku }
ความสามารถ : ใช้วิชาดาบ
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : โลกวิญญาณ
ยูวเรย์มีรูปร่างไม่แน่นอน จึงมีน้อยคนนักที่สามารถจะแยกแยะยูวเรย์บริสุทธิ์แต่ละตัวได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
ตระกูลคอนปาคุ เป็นตระกูลลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับยูวเรย์ มิใช่ยูวเรย์บริสุทธิ์
ไม่มีจุดที่แตกต่างกับมนุษย์ในแง่ของรูปร่าง
แนวคิดก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เป็นพิเศษ แต่ว่ากันว่ามีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกตินิดหน่อย
อายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์อย่างมาก เชื่อกันว่าเป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งเป็นยูวเรย์ที่ไม่มีอายุขัยจำกัดนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมียูวเรย์ขนาดใหญ่คอยติดตามร่างมนุษย์อยู่เสมอ
ยูวเรย์ดวงนี้เป็นลักษณะเด่นของครึ่งคนครึ่งผี และเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้แยกแยะความแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา
ยูวเรย์ขนาดใหญ่นี้เคลื่อนไหวตามเจตนาของครึ่งคนครึ่งผี
และต่างจากยูวเรย์ธรรมดาตรงที่อุณหภูมิร่างกายไม่เย็นมากนัก
โยวมุอาศัยอยู่ในตำหนักหยกขาว*ซึ่งตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ โดยทำงานเป็นคนสวนและผู้ชี้แนะวิชาดาบ แต่ช่วงหลังมานี้ก็พบเห็นเธอในโลกนี้*ได้บ่อยๆ
*1[ไม่ได้อ่านว่า ชิราทามะโรว แต่อ่านว่า ฮาคุเกียคุโรว]
*2[สำหรับโลกนั้นคงต้องเรียกว่า โลกนี้, หมายถึง โลกของทางเรา]
เชื่อกันว่าเป็นเพราะปัจจุบัน* เขตแดนระหว่างโลกวิญญาณกับโลกนี้อ่อนแอลง
*3[อาเระรุ่นที่เก้า, ยุคของอาคิว]
มีการคาดเดากันไปต่างๆนานาเกี่ยวกับสาเหตุที่เขตแดนอ่อนแอลง แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือ อารมณ์แปรปรวนของโยวไคผู้ควบคุมอาณาเขต
{ความสามารถ}
มีความสามารถในการใช้วิชาดาบ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาดาบคู่
ดาบคู่ของเธอมีชื่อว่า โรวคันเคน (ดาบหอสังเกตการณ์) และฮาคุโรวเคน (ดาบตำหนักขาว)
ดาบเล่มที่ยาวกว่าคือ โรวคันเคน
โรวคันเคนเป็นดาบที่เล่าขานกันมาว่าตีขึ้นโดยโยวไค มันยาวมากเกินไปจนมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถใช้งานมันได้
ว่ากันว่าสามารถฟาดฟันยูวเรย์สิบดวงให้สาหัสถึงแก่ชีวิตได้ในดาบเดียว
แต่ยูวเรย์ไม่อาจถูกฟาดฟันจนสาหัสถึงตายได้* เลยไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงสักเพียงไหนกันแน่*
*4[โดยทั่วไปหมายถึงนิพพาน หรือไม่ก็ดับสูญ]
*5[ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่ตัดไม่ขาดเพียงนิดหน่อยเท่านั้น]
อีกเล่มหนึ่ง ฮาคุโรวเคน เป็นสมบัติประจำตระกูลคอนปาคุ ว่ากันว่าสามารถตัดความว้าวุ่นสับสนของผู้ที่ถูกฟันได้
หากใช้กับยูวเรย์ย่อมหมายถึงนิพพาน, หากใช้กับมนุษย์ก็จะได้ลิ้มรสชาติการถูกฟันและพบว่าเป็นดาบที่เจ็บแสบพอดู
และเป็นดาบที่ใช้ได้เฉพาะคนในตระกูลคอนปาคุเท่านั้น โดยไม่ทราบว่าสาเหตุเป็นเช่นไร
{กิจวัตรประจำวัน}
อาศัยอยู่ในตำหนักหยกขาวซึ่งตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ
ตอนเช้าจะตื่นเร็วกว่าจ้าวแห่งตำหนักหยกขาว และออกตรวจตรารอบบริเวณสวน
พอเที่ยงก็จะดูแลสวนและฝึกฝนวิชาดาบ, หากถูกเรียกใช้ก็จะไปรับคำสั่งและทำตามนั้น
ตกดึกก็ออกตรวจตราบริเวณสวนอีกครั้ง และเข้านอนหลังจากที่มั่นใจว่าจ้าวแห่งตำหนักหยกขาวได้นอนหลับแล้ว
ในเวลานี้ หากพบผู้บุกรุก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไค เธอจะฟันเข้าให้ทันที
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ไปเล่นที่โลกวิญญาณทีไร ต้องเจอไล่ฟันทุกที, อยากให้ตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามก่อนน่ะ (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
มนุษย์ตัวเป็นๆไปเที่ยวเล่นที่โลกวิญญาณนี่มันยังไงกันนะ
・เธอมาซื้อของบ่อยอยู่นะ, แต่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนกับจะมารับไปโลกโน้นยังไงชอบกล (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ถ้าแค่มาซื้อของก็อยากให้ช่วยทำเป็นไม่เห็นน่ะนะ... ...
・นึกว่าโยวไคอันตรายเดินควงดาบมาซะอีก แต่ไม่มีแรงกดดันเท่าไหร่ เลยรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ก็ลักษณะภายนอกของเธอเป็นเด็กสาวอายุน้อยนี่นะ
{มาตรการรับมือ}
ถึงจะบอกว่าเป็นยูวเรย์ แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นมนุษย์
สามารถเข้าใจแนวคิด และหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยการเจรจาได้
ไม่ทำร้ายมนุษย์เพื่อหาอาหารหรือฆ่าเวลาดั่งเช่นโยวไคอื่นๆ
หากทางเราไม่บุกเข้าไป หรือยุแหย่เธอ หรือพยายามทำให้เธอเสียผลประโยชน์, เธอก็คงจะไม่โจมตีเข้ามาก่อน
หากรู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดล่ะก็ จงหลีกเลี่ยงการต่อสู้อย่างสุดกำลัง เพราะการจะเอาชนะเธอได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝีมือมาอย่างหนักเท่านั้น
ขอเพียงทางเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการเจรจา
ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดอย่างชัดเจน, แม้ขอโทษไปก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หากบังเอิญถูกเธอโจมตีเข้าใส่จะทำอย่างไรดี ?
ในเวลาแบบนี้ สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ก็คงมีแต่สวดมนต์เท่านั้น*
*6[นะโมอมิตตาพุทธ]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Violinist วิญญาณหลอน
{ลูนาซ่า ปริซึมริเวอร์ Lunasa Prismriver }
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : สถานที่จัดงานเทศกาล เป็นต้น
หากจะให้ชี้ชัดล่ะก็ วิญญาณหลอน(โซวเรย์) ไม่จัดว่าเป็นยูวเรย์(ผี) แต่เนื่องจากไม่มีหัวข้ออื่นใดที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว จึงนำมาใส่ในส่วนนี้
วงดนตรีปริซึมริเวอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า วงดนตรีผี* (ยูวเรย์กาคุดัน) มักถูกเรียกไปจัดงานแสดงสดตามที่ต่างๆ เช่น ในงานปาร์ตี้ของโยวไค
*1[มิได้หมายถึงวงดนตรีที่สมาชิกไม่ครบวงอยู่เสมอแต่อย่างใด]
เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่เป็นที่รู้จักเพียงไม่กี่วงในเส้นทางสายนี้ของเกนโซวเคียว โดยขึ้นชื่อเรื่องการบรรเลงเพลงอันแสนไพเราะและเร้าใจ
ในวงดนตรีประกอบด้วยสามพี่น้องวิญญาญหลอน โดยลูนาซ่าเป็นพี่สาวคนโต, เชี่ยวชาญการเล่นไวโอลิน
เธอมีสถานะเป็นผู้นำของวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ส่วนสูงประมาณสาวน้อยชาวมนุษย์ที่มีอายุสิบกว่าปี
ลักษณะภายนอกแทบไม่แตกต่างจากมนุษย์
ว่ากันว่าไวโอลินที่เธอใช้เป็นยูวเรย์ของเครื่องดนตรีเลื่องชื่อที่แม้แต่ Stradivarius ยังต้องวิ่งหนีเท้าเปล่า* แต่ก็ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้
*2[เธอกล่าวเช่นนี้ก่อนเปิดงานแสดง]
(Stradivarius หมายถึง เครื่องดนตรีที่ถูกสร้างโดย Antonio Stradivari ซึ่งเครื่องสายของเขาถูกจัดว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล)
(วิ่งหนีเท้าเปล่า เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง รู้ตัวว่าเทียบไม่ได้จนต้องรีบหลีกทางให้โดยเร็วถึงขนาดใส่รองเท้าไม่ทัน)
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันคือยูวเรย์อย่างแน่นอน
วิญญาณหลอน (โซวเรย์) มีอีกชื่อหนึ่งว่า Poltergeist, ซึ่งทั้งสองแบบสามารถอ่านแปลแบบพยางค์ต่อพยางค์ได้ง่ายๆว่า วิญญาณที่ส่งเสียงดังหนวกหู*
*3[อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ แต่ว่ากันว่าวิญญาณหลอนเป็นหนึ่งในมหาเวทที่สาวน้อยสามารถใช้ได้น่ะนะ]
นอกจากนี้, เสียงที่วิญญาณหลอนเปล่งออกมานั้นไม่ใช่เสียงธรรมดา แต่เป็นวิญญาณของเสียงต่างหาก
เสียงก้องอันนั้นสะท้อนอยู่ในจิตใจ มิใช่รูหู, ดังนั้นแม้แต่ผู้ที่ไม่มีร่างกายก็ชื่นชอบเสียงนี้
แต่ในขณะเดียวกัน, เสียงนั้นก็มีผลกระทบต่อมนุษย์มากเกินไป จึงต้องระวังเอาไว้ให้ดี
เธอเป็นคนขยันขันแข็ง แต่พูดน้อย จึงแลดูมืดหมอง
เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้นเป็นเสียงที่ทำให้อารมณ์สงบลง
หากได้รับผลกระทบจากเสียงของเธอมากเกินไป จะเกิดอาการเศร้าหมองซึมเซา ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร
โดยปกติพวกเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตะวันตกที่ดูเหมือนซากปรักหักพังซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ แต่ห่างจากทะเลสาบมากกว่าคฤหาสน์มารแดง
แต่ต่อให้ย่างเท้าเข้าไปในคฤหาสน์ร้างดังกล่าวก็มองไม่เห็นพวกเธอ
จะได้ยินก็แต่เสียงซ้อมดนตรีของพวกเธอแว่วมาเท่านั้น
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・บางครั้งก็พบงานเลี้ยงของเหล่าโยวไคเข้าโดยบังเอิญ
แต่พอได้ยินเสียงบรรเลงเพลงของวงดนตรีปริซึมริเวอร์ ก็เผลอเข้าไปร่วมวงด้วยซะงั้น (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ถ้าโยวไคกำลังสนุกกับงานเลี้ยงล่ะก็ แม้มีมนุษย์ปะปนเข้าไปก็ไม่เป็นไร
・ต้องทำยังไงถึงจะเรียกวงดนตรีปริซึมริเวอร์มาได้ ? (สมาชิกแฟนคลับ No.5)
ลองไปที่คฤหาสน์ร้างแล้วขอร้องพวกเธอดู บางทีอาจสามารถจ้างงานพวกเธอได้
・คุณพี่ที่เป็นหัวหน้าดูมืดมนไปหน่อย ไม่ชอบเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
อีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ หากพูดแบบนั้นมากเกินไปอาจเจอเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเข้าให้จนได้
{มาตรการรับมือ}
เธอเป็นวิญญาณที่เป็นมิตรอย่างมาก ไม่ว่ากับมนุษย์หรือโยวไคก็ตาม จึงไม่มีอะไรต้องกลัว
วงดนตรีปริซึมริเวอร์มิได้เป็นผู้ควบคุมดูแลเรื่องตั๋วเข้างาน หากแต่ผู้จ้างวานให้จัดงานต่างหากที่เป็นคนดูแลเรื่องนี้
ดังนั้นต่อให้ไม่สามารถหาตั๋วได้ ก็ไม่ควรไปร้องเรียนโดยตรงกับวงดนตรีปริซึมริเวอร์
(คาดว่าคงเป็นการแซวเรื่องในวงการดารานักร้องของญี่ปุ่นนิดหน่อย)
ในการบรรเลงดนตรีจะมีเสียงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรงปะปนมาด้วย จึงควรเข้าฟังด้วยสภาพจิตใจที่สมบูรณ์พร้อม
และไม่ควรให้เด็กๆได้ยินเสียงเหล่านี้
เพราะเสียงของยูวเรย์เป็นเสียงสำหรับผู้ใหญ่น่ะนะ
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Trumpeter วิญญาณหลอน
{เมแลง ปริซึมริเวอร์ Merlin Prismriver }
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : สถานที่จัดงานเทศกาล เป็นต้น
หากจะให้ชี้ชัดล่ะก็ วิญญาณหลอน(โซวเรย์) ไม่จัดว่าเป็นยูวเรย์(ผี) แต่เนื่องจากไม่มีหัวข้ออื่นใดที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว จึงนำมาใส่ในส่วนนี้
พี่รองแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์*ซึ่งเป็นผู้บรรเลงทรัมเปต ก็คือ เมแลง ปริซึมริเวอร์
*1[รายละเอียดลองอ่านในส่วนของ ลูนาซ่า ปริซึมริเวอร์]
เธอเป็นดอกไม้(ผู้ที่ได้รับความนิยมสูง)ของงานแสดงสด และมีความโดดเด่นเป็นที่สุด
แฟนๆก็มีเยอะมาก
รูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากมนุษย์
ในบรรดาสามพี่น้อง เธอมีความสูงและสีผมสว่างสดใสเป็นที่สุด จึงได้ยืนกลางเวทีของงานแสดงสดอยู่บ่อยๆ
ว่ากันว่าทรัมเปตที่เธอใช้นั้นเป็นยูวเรย์ของทรัมเปตที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งดูดเอาเลือดสดๆของ Jazz Trumpeter เข้าไปมากมายหลายคน*
*2[เธอกล่าวเช่นนี้ก่อนเปิดงานแสดง]
แต่ก็ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้
และไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ามันดูดเลือดสดๆเข้าไปได้อย่างไร
นิสัยร่าเริงอย่างผิดปกติ ไม่รู้จักความท้อแท้
บางครั้งก็พลั้งปากพูดคำที่ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ออกมา
เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้นเป็นเสียงที่ทำให้อารมณ์พุ่งพล่านขึ้น
หากได้รับผลกระทบจากเสียงของเธอมากเกินไป จะเต้นรำทำเพลงออกมาอย่างกะทันหันจนไม่สามารถพูดคุยกันตรงๆตามปกติได้
อาจจะเหมาะกับผู้ที่กำลังท้อแท้ก็เป็นได้
โดยปกติแล้วสามพี่น้องปริซึมริเวอร์จะทำงานร่วมกันเสมอ แต่ก็มีบางครั้งที่เมแลงออกมาทำงานคนเดียว
บ้างก็จัดงานแสดงสดแบบฉายเดี่ยว แต่เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ทำให้การเดินทางไปฟังเพลงบรรเลงเดี่ยวของเธอนั้นมีอันตรายพอสมควร
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ได้ยินเสียงแตรมาแต่ไกล ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังทะเลสาบ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คาดว่าคงเป็นเสียงซ้อมดนตรีของเมแลง
หรือบางทีอาจเป็นเสียงเรียกระดมพลของเทนกุก็เป็นได้
・ได้ยินมาว่าเป็นงานแสดงสดแบบฉายเดี่ยว แต่กลับมากันครบวงเครื่องดนตรีทองเหลืองซะงั้น
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่น่าจะบรรเลงทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียวนะ... ... (ผีหวงที่ผู้ร่าเริง)
เครื่องดนตรีที่ใช้เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ มิได้หมายความว่าจะมีเสียงออกมาจากเครื่องดนตรีเหล่านั้น
แม้จะไม่ทราบว่าเสียงออกมาจากที่ใด แต่เสียงพวกนั้นเหมือนจะเป็นยูวเรย์ของเสียง บางทีอาจจะผุดออกมาจากแถวๆนั้นก็เป็นได้
・เอ๋ ? เมแลงไม่ใช่หัวหน้าวงหรอกเหรอ ? (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
อีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ หากพูดแบบนั้นมากเกินไปอาจเจอเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเข้าให้จนได้
{มาตรการรับมือ}
เธอเป็นวิญญาณที่เป็นมิตรอย่างมาก ไม่ว่ากับมนุษย์หรือโยวไคก็ตาม จึงไม่มีอะไรต้องกลัว
เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะได้สนทนาตัวต่อตัวกับเธอ ดังนั้นต่อให้เจอกับเธอโดยบังเอิญก็ไม่ควรเข้าไปชวนคุย
(คาดว่าคงเป็นการแซวเรื่องที่คนทั่วไปมักเผลอรบกวนความเป็นส่วนตัวของดารานักร้อง)
เธอมีหลักการทำงานที่ต่างจากมนุษย์อย่างเราๆ แม้จะไม่ถึงกับต่างอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยากที่จะเข้าใจแนวคิดของเธอ
หากไปชวนคุยแล้วพูดไม่เก่งจนถูกเข้าใจว่ามาหาเรื่องชวนทะเลาะล่ะก็จะซวยมิใช่น้อย*
*3[การเข้าใจแนวคิดของเธอเป็นเรื่องยาก จึงเกิดความเข้าใจผิดดังกล่าวอยู่บ่อยๆ, แม้แต่คำชมก็อาจเป็นอันตรายได้]
ตัวสามพี่น้องปริซึมริเวอร์เองก็มีความสามารถค่อนข้างสูงอยู่แล้ว และยังมีแฟนๆของวงดนตรีปริซึมริเวอร์อีกเป็นจำนวนมาก
หากกลายเป็นศัตรูของพวกเธอละก็ ต่อให้เกิดปาฏิหาริย์ก็คงไม่มีโอกาสชนะ
และ, เสียงของทรัมเปตจัดว่าก้องกังวานเอาเรื่อง หากได้ยินเสียงทรัมเปตแว่วมาแต่ไกลล่ะก็ ต้องพยายามตั้งใจไม่ฟังเสียงนั้น
เพราะมันก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจได้เป็นบางครั้ง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Keyboardist วิญญาณหลอน
{ลิริก้า ปริซึมริเวอร์ Lyrica Prismriver }
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : สถานที่จัดงานเทศกาล เป็นต้น
หากจะให้ชี้ชัดล่ะก็ วิญญาณหลอน(โซวเรย์) ไม่จัดว่าเป็นยูวเรย์(ผี) แต่เนื่องจากไม่มีหัวข้ออื่นใดที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว จึงนำมาใส่ในส่วนนี้
น้องเล็กแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์*ซึ่งเป็นผู้บรรเลงคีย์บอร์ด รวมถึง Percussion (เครื่องเคาะ) ก็คือ ลิริก้า ปรืซึมริเวอร์
*1[รายละเอียดลองอ่านในส่วนของ ลูนาซ่า ปริซึมริเวอร์]
ตัว*เล็กที่สุด แต่เครื่องดนตรีมีความ Dynamic
*2[ถึงจะเป็นแค่ร่างวิญญาณ แต่ร่างก็คือร่างน่ะนะ]
รูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากมนุษย์
ในบรรดาสามพี่น้อง เธอเตี้ยที่สุด และเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงที่สุดในงานแสดงสด
ว่ากันว่าคีย์บอร์ดที่เธอใช้เป็นยูวเรย์ของ Synthesizer แห่งโชคร้าย ซึ่งเคยถูกใช้งานโดย Artist คนไหนสักคนที่มีชื่อเสียง
แต่เสียงของมันมีเอกลักษณ์เกินไปจนขายไม่ออก และสูญหายกลายเป็นภาพมายาไป* แต่ก็ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้
*3[เธอกล่าวเช่นนี้ก่อนเปิดงานแสดง]
เธอมีนิสัยใกล้เคียงมนุษย์ที่สุดในหมู่สามพี่น้อง จึงพูดคุยกับเธอได้ง่าย
แต่เธอเป็นคนฉลาดแกมโกง จึงตีสีหน้าเข้าสังคมได้เก่งมาก
เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้น เป็นเสียงที่ไม่มีตัวตนในความเป็นจริง
เป็นเสียงจำพวกที่ไม่จินตนาการไม่ออกเลยว่ามันออกมาจากที่ใด ด้วยหลักการใด
จึงให้ความรู้สึกว่าเป็นเสียงมายามากกว่าเป็นยูวเรย์ของเสียง
เมื่อเทียบกับเหล่าพี่สาวของเธอแล้ว, จัดว่าเป็นเสียงจำพวกที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน, มันไม่ก้องอยู่ในจิตใจ และยังสามารถได้ยินด้วยหูได้ตามปกติ
ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจ จึงสามารถรับฟังได้อย่างสบายใจ
โดยปกติแล้วสามพี่น้องปริซึมริเวอร์จะทำงานร่วมกันเสมอ
เวลาที่ลิริก้าออกมาฉายเดี่ยว, ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอกำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่ หรือเพราะทะเลาะกับพี่สาวมากันแน่
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ในงานแสดงสดน่ะ เธอตัวเล็กจนมองไม่เห็นเป็นประจำเลย, พยายามเข้านะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ทั้งๆที่ตัวเตี้ยแต่เครื่องดนตรีมีขนาดใหญ่ เลยไม่โดดเด่นจริงๆนั่นล่ะ
พยายามเข้านะ
・ไม่จัดงาน Lyrica Solo Live บ้างเหรอ ? (สมาชิกลิริก้าแฟนคลับ No.1)
มาถามข้าพเจ้าอย่างนี้ก็แย่สิ
แต่เหมือนจะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะ
・อีกสองคนน่ะพอเข้าใจ, คงมีแต่ลิริก้าคนเดียวมั้งที่ต้มตุ๋น, ไม่เห็นเธอจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ดูเหมือนคีย์บอร์ดนั่นเป็นตัวทำให้เกิดเสียงแปลกๆออกมา
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีการทำงาน แต่คงไม่พ้นเป็นฝีมือของยูวเรย์นั่นล่ะ
{มาตรการรับมือ}
เธอเป็นวิญญาณที่เป็นมิตรอย่างมาก ไม่ว่ากับมนุษย์หรือโยวไคก็ตาม จึงไม่มีอะไรต้องกลัว
ถึงจะแทบไม่มีโอกาสได้เจอกับลิริก้าตัวต่อตัวโดยบังเอิญ แต่ควรหลีกเลี่ยงอันตรายจากการพูดคุยกับเธอ เพราะเธอเข้าใจแนวคิดของเราได้ง่าย
นอกจากนี้, วิญญาณหลอนนั้นไม่สามารถทำตัวนิ่งๆในสถานที่เงียบๆได้
ดังนั้นต่อให้เธออาละวาดออกมาหรือพูดไม่ยอมหยุด ก็อาจจะไม่ได้เป็นเพราะเธอกำลังโกรธ จึงควรใจเย็นแล้วค่อยๆแก้ปัญหาไป
หากบังเอิญถูกเธอมองว่าเป็นศัตรูล่ะก็ ควรวิ่งหนีตามแผนสามสิบหกอย่างสุดกำลัง
(แผนสามสิบหก หมายถึง กลยุทธ์ 36 แบบของจีนโบราณ)
(หนีตามแผนสามสิบหก เป็นสำนวนญี่ปุ่นหมายถึง ในสถานการณ์เสียเปรียบ แทนที่จะมัวคิดนู่นคิดนี่ ให้รีบหนีก่อนดีที่สุด)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวไค ~ความคึกคะนองของพลังภูตที่เป็นอิสระ~
[โยวไค ~ความคึกคะนองของพลังภูตที่เป็นอิสระ~]
ระดับความอันตราย : แตกต่างกันออกไป
ความถี่ที่พบ : แตกต่างกันออกไป
ความหลากหลาย : สูงสุด
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
เหล่าโยวไคต่างๆนั้นล้วนมีลักษณะเด่นติดตัวอยู่
เมื่อตรวจสอบยืนยันเอกลักษณ์ได้มากกว่าหนึ่งก็จะแต่งตั้งให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อพิเศษ
แต่ก็มีโยวไคที่เป็นข้อยกเว้น เพราะมีเพียงหนึ่งตนต่อหนึ่งเผ่าพันธุ์เท่านั้น
โยวไคที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเผ่าพันธุ์ตามหลักการข้างต้น จะไม่ถูกเรียกด้วยชื่อพิเศษเฉพาะเผ่าพันธุ์
และเรียกเพียงว่า โยวไค เท่านั้น
โยวไคส่วนใหญ่ในเกนโซวเคียวก็คือ 『โยวไค*』 กลุ่มนี้นั่นเอง
*1[แม้การระบุเผ่าพันธุ์จะไม่ชัดเจน แต่หากเขียนเป็นกราฟก็คงจัดเป็นเผ่า 『อื่นๆ』, กราฟที่มี "อื่นๆ" อยู่เยอะที่สุดในกราฟ ก็พบได้อยู่บ่อยๆ]
โยวไค(ศัพท์ภาษาญี่ปุ่น) นั้นหมายรวมถึง ภูตผีปิศาจสัตว์ประหลาดยักษ์วิญญาณ ฯลฯ หรือก็คือ อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งปกติที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
คำว่า โยวไค คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้เวลาจะพูดเหมารวมๆถึงทุกเผ่าพร้อมกัน
"ชื่อเผ่าพันธุ์" ที่พูดถึงในข้างต้นก็คือ ยูวเรย์ โบวเรย์ โยวเซย์ แวมไพร์ แม่มด สัตว์ภูต กัปปะ เทนกุ ยมทูต ยมบาล ฯลฯ ซึ่งปรากฏในหนังสือเล่มนี้
โยวไค(ศัพท์เฉพาะโทโฮ) คำนี้จึงหมายถึงพวก "โยวไคแห่ง..." ทั้งหลาย ซึ่งมีเพียงตนเดียว ไม่มีชื่อเผ่าอะไรเป็นพิเศษ จึงเรียกทับศัพท์ว่า โยวไค เฉยๆ
ขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้จึงต้องสังเกตกันเล็กน้อยว่า ผู้แต่งกล่าวถึง โยวไค(ศัพท์ญี่ปุ่น) หรือ โยวไค(ศัพท์โทโฮ) ซึ่งก็สังเกตได้ไม่ยากเกินไปนัก
รูปร่าง, ความสามารถ, นิสัย, ระดับความอันตราย, ช่วงเวลาทำกิจกรรม, สถานที่ทำกิจกรรม ฯลฯ นั้นต่างกันออกไป
ลักษณะเด่นของแต่ละตัวแต่ละตนนั้นมีความสอดคล้องกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พูดกันแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยก็คือ เหมือนกันอย่างเดียวตรงที่ โยวไคจะทำร้ายมนุษย์ จากนั้นก็จับกิน
แม้จะมีข้อยกเว้นตายตัวอยู่ แต่ก็มักพบเห็นแนวโน้มบางอย่างอยู่เสมอ เช่น
・โยวไค มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์
・โยวไค มีร่างเนื้อที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์, แม้ถูกเล่นงานจนกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชั่วประเดี๋ยวก็หายดีดังเดิม
・โยวไค ได้รับผลกระทบจากความเชื่อต่างๆง่ายกว่ามนุษย์, Damage ทางจิตใจอาจเป็นผลให้ถึงแก่ชีวิตได้
・โยวไค ไม่นิยมทำอะไรร่วมกันเป็นหมู่คณะ
・โยวไค คิดถึงแต่ความสะดวกของตัวเองเท่านั้น
ศัตรูตัวฉกาจที่สุดสำหรับมนุษย์ก็คือโยวไค
แต่พวกโยวไคก็มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นการรู้ถึงลักษณะเด่นของโยวไคแต่ละตัวจึงมีความจำเป็นต่อการออกเดินทางไปกำราบโยวไค
*ข้อมูลความเสียหาย*
ลักพาตัวมนุษย์, จับกิน, ขโมยสัตว์ในปศุสัตว์, ขโมยผลผลิตในไร่นา
ศัตรูที่สมกับเป็นศัตรูที่สุดสำหรับมนุษย์
โยวไคจะทำร้ายมนุษย์เพื่อใช้เป็นอาหาร
ทว่า, โยวไคจะไม่ทำร้ายมนุษย์จนเกินความจำเป็น, ส่วนมากจะทำร้ายมนุษย์เมื่อท้องหิวเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะหากจำนวนมนุษย์ลดน้อยลง พวกโยวไคเองก็จะลำบากเช่นกัน
และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินแต่มนุษย์เสมอไป
สัตว์ป่า นก ปลา ผัก ผลไม้ เหล้า ฯลฯ ก็กินได้ รสนิยมการกินไม่ต่างจากมนุษย์เท่าใดนัก
จะต่างกันก็เพียงเรื่องที่กินมนุษย์เท่านั้น
นอกจากมนุษย์แล้ว พวกปศุสัตว์หรือพืชผลทางเกษตร ก็โดนเล่นงานเหมือนกัน
นี่ก็จัดว่าเป็นปัญหาที่สาหัสมิใช่น้อย
*วิธีการรับมือ*
หากไม่ได้ฝึกฝนวิธีการต่อกรกับโยวไคมาล่ะก็ การกำราบโยวไคถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก
มนุษย์กับโยวไคนั้นมีความสามารถทางด้านร่างกายที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด, หากสู้กันซึ่งๆหน้าคงถูกจับกินในพริบตา
ทว่า, สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำร้ายมนุษย์ก็คือ การจับมากิน
ดังนั้น หากไม่คิดจะกำราบมันก็จงหาของกินอะไรอย่างอื่นยื่นให้ไปแทนตัวเอง
ถ้าส่งวัวตัวหนึ่งไปให้ก็จะไม่ถูกทำร้ายเป็นระยะเวลาหนึ่ง
และความเอาใจใส่มิตรสหายก็ค่อนข้างสูงทีเดียว จึงคบค้าอย่างเป็นมิตรกับผู้ที่ไม่ต่อต้านได้ง่าย
แต่หากจะทำการกำราบโยวไค คงต้องคุยกันอีกแบบ
มนุษย์เรามีการกำราบโยวไคอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่ยุคบรรพบุรุษ
ในเกนโซวเคียวนั้น มนุษย์ต้องทำการกำราบโยวไค*
*2[ว่ากันว่า หากไม่ทำแล้วไซร้ สมดุลของเกนโซวเคียวก็จะพังทลายลง]
อาชีพที่เชี่ยวชาญการกำราบโยวไคนั้นก็มีอยู่
ยกตัวอย่างเช่น มิโกะแห่งฮาคุเรย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคนหนึ่ง
การกำราบโยวไคนั้น มิได้ใช้อาวุธที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางกาย แต่จะใช้อาวุธที่มี 『เหตุผล』 อะไรบางอย่าง
เพราะพวกโยวไคนั้นแพ้การโจมตีทางจิตใจจำพวก ชื่อ หรือ เรื่องเล่าขาน นั่นเอง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวไคสนธยา
{รูเมีย Rumia }
ความสามารถ : ควบคุมความมืด
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ต่ำ
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ไม่แน่ชัด
แม้ในหมู่โยวไคจะจัดว่าอยู่ในกลุ่มที่อ่อนแอ แต่ผู้ที่แม้แต่ในเวลากลางวันก็สามารถทำให้รอบตัวมืดมิดราวกับกลางคืนได้ก็คือ รูเมีย คนนี้
ความมืดที่โยวไคตนนี้ปลดปล่อยออกมาเป็นความมืดที่เกิดจากเวทมนตร์ซึ่งแม้แต่คบไฟก็ไร้ผล ทัศนวิสัยของผู้ที่หลงเข้าไปจึงแทบจะเป็นศูนย์
เธอจึงสามารถทำร้ายมนุษย์ได้อย่างง่ายดายโดยอาศัยความมืดนี้ แต่นั่นก็มีข้อดีตรงที่มันทำให้เธอไม่ล่าเหยื่อร่วมกันเป็นฝูงกับโยวไคตนอื่น
รูปร่างเป็นสาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ นัยน์ตาสีแดง ผมสีเหลืองติดริบบิ้นสีแดง
สวมเสื้อผ้าสีดำเพื่อให้กลมกลืนไปกับความมืด แต่เพราะรอบตัวเธอมืดมิดอยู่เสมอจึงทำการยืนยันได้ยาก
เป็นที่รู้จักกันในนาม ปิศาจมืดมิด
และคงเป็นเพราะปกติแล้วเธอเป็นที่หวาดกลัวของผู้คน ผู้ที่ได้เห็นตัวเธอโดยตรงจึงรู้สึกไม่อยากสู้เพราะเธอเป็นสาวน้อยที่แลดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน
บางทีอาจปกคลุมร่างกายด้วยความมืดเพื่อซ่อนรูปลักษณ์ดังกล่าวเอาไว้ก็เป็นได้
นอกจากนี้ยังลือกันว่า ความสามารถแห่งความมืดนี้เป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้น เวลาทำร้ายมนุษย์ก็ไม่พ้นต้องใช้เรี่ยวแรงเข้าสู้อยู่ดี
และลักษณะภายนอกก็เป็นเพียงลักษณะภายนอก, ระดับความแข็งแกร่งของเธอยังคงเป็นที่สงสัยอย่างมาก แต่ที่แน่ๆคือในความมืดไม่มีทางชนะเธอได้
การที่มองไม่เห็นแม้แต่ทางหนีนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・มันเป็นอะไรสักอย่างที่เป็นก้อนสีดำขนาดใหญ่ กำลังมุ่งหน้าไปทางป่า, น่ากลัวชะมัดเลย (ฮิโคะซาเอม่อน)
คาดว่าก้อนสีดำขนาดใหญ่ดังกล่าวคือความมืดของโยวไคตนนี้
ห้ามเข้าไปใกล้เป็นอันขาด
・จากนั้น เจ้าก้อนสีดำขนาดใหญ่นั่นก็ชนเข้ากับต้นไม้จนหยุดชะงักลง แล้วทันใดนั้นก็มุ่งหน้ามาทางนี้ เลยรีบหนีมา (ฮิโคะซาเอม่อน)
คิดว่าคงชนเข้ากับต้นไม้เป็นแน่
ไม่แน่ว่าเจ้าโยวไคตนนี้อาจมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่นอกความมืดก็เป็นได้*
*1[พอคิดเช่นนั้น, เจ้าก้อนสีดำนี่ก็น่าสนใจขึ้นมาทันที]
・หนีไม่ทันก็เลยพุ่งเข้าใส่ความมืดเสียเลย แต่ไม่ยักกะเจอโยวไค แล้วความมืดก็ทะลุผ่านไปเฉยๆ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
บางทีโยวไคที่อยู่ข้างในอาจไม่รู้ก็ได้ว่ามีมนุษย์เข้าไปข้างในความมืด
หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นไปได้ว่า ภายในความมืดที่ตัวเองปล่อยออกมา ตัวมันเองก็มองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนกัน*
*2[บางทีอาจจะเป็นโยวไคที่ค่อนข้างโง่เลยทีเดียว]
{มาตรการรับมือ}
เมื่อเทียบกับโยวไคแล้วมนุษย์ช่างไร้พลังสิ้นดี ต่อให้มีเป็นฝูงก็คงไม่อาจเอาชนะเธอในความมืดที่แม้แต่คบไฟยังไร้ผลได้
ถ้าจะมีมาตรการอะไรสักอย่างล่ะก็ มันคือการไม่เข้าไปในความมืดอย่างเด็ดขาด หากไม่มั่นใจในฝีมืออันแกร่งกล้าของตนเอง
นอกจากนี้, หากมีที่ซึ่งแสงจันทร์ส่องไม่ถึงในยามราตรีล่ะก็, ไม่ควรไปยังที่แห่งนั้น
เพราะรูเมียอาจอยู่ที่นั่นก็เป็นได้
ว่ากันว่านานๆครั้งจะได้พบเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของรูเมียในขณะที่เธอไม่ปล่อยความมืดออกมา
กรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นในคืนวันขึ้นหนึ่งค่ำ
มีรายงานการพบเห็นอย่างต่อเนื่องว่า ดูเหมือนในวันนี้รูเมียจะใช้ความสามารถแห่งความมืดไม่ค่อยได้โดยไม่ทราบสาเหตุ
น้อยคนนักที่ได้สนทนาโดยตรงกับเธอ แต่เชื่อกันว่าการสนทนาส่วนใหญ่จะหาข้อสรุปไม่ได้
การชวนเธอคุยก็ออกจะอันตรายอยู่*
*3[ถึงจะดูอ่อนเยาว์ยังไง แต่ก็กินคนนะ]
Tips :
- ฮิโคะซาเอม่อน ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าตั้งใจล้อเลียนใคร แต่เท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีความเป็นไปได้ ได้แก่
1. เป็นฉายาของ โอโอคุบะ ทาดาทากะ แม่ทัพผู้เลื่องชื่อในยุคสงครามกลางเมือง(เซนโกะคุ) จนถึงต้นยุคเอโดะ
2. เป็นชื่อของ โทคุกาวะ ฮิโคะซาเอม่อน หัวหน่วยหน่วยวิศวะเครื่องยนต์ ในการ์ตูนเรื่อง ยานรบอวกาศ ยามาโตะ
3. ชื่อร้านเนื้อย่างชื่อดังแห่งเมืองเกียวโต ซึ่งเอาชื่อเจ้าของร้านรุ่นแรกมาตั้งเป็นชื่อร้าน ดังขนาดหาเจอเป็นอันดับแรกในกูเกิ้ลเสมอ
หากแต่ผู้แต่งตั้งใจสื่อถึงใครนั้นมิอาจคาดเดาได้
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวไคแห่งฤดูหนาว
{เลตตี้ ไวท์รอค Letty Whiterock }
ความสามารถ : ควบคุมความหนาว
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ต่ำ
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ไม่แน่ชัด (พบได้เฉพาะในฤดูหนาว)
มีโยวไคอยู่ตนหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้เฉพาะในฤดูหนาว
โยวไคผู้ชื่นชอบสถานที่ที่อากาศหนาว, และหลอกล่อมนุษย์มาแช่แข็งให้อยู่ในสภาพที่ไม่อาจต่อสู้ได้จนเป็นที่หวาดกลัวของผู้คน
ก็คือ เลตตี้ ไวท์รอค ตนนี้
หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เป็นสาวหิมะจำพวกหนึ่ง
ลักษณะภายนอกเป็นสาวน้อยที่คลุมกายด้วยเสื้อผ้าบางๆที่ดูแล้วไม่น่าจะช่วยกันหนาวได้
ในวันที่หนาวผิดปกติ เธอจะปรากฏตัวออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอปรากฏตัวจึงหนาวขนาดนี้หรือเพราะเป็นวันที่หนาวขนาดนี้เธอจึงปรากฏตัวกันแน่
ท่ามกลางความหนาวสุดขั้วนี้ ผู้คนคงจะสูญเสียจิตต่อสู้ไปจนหมด*
*1[เหมือนกับการที่ไม่สามารถลุกออกมาจากที่นอนในตอนเช้า]
ยิ่งถ้าตกหลุมพรางของเธอเข้าล่ะก็ จะบอกว่าเห็นผลตั้งแต่ก่อนสู้ก็คงไม่เกินไปนัก
เธอมิได้ทำให้ลมพัดหรือหิมะตกโดยตรง แต่สามารถเสริมพลังให้กับฤดูหนาวตามธรรมชาติได้
เธอจึงสามารถแสดงพลังที่โยวไคตนหนึ่งไม่น่าจะสามารถปล่อยออกมาได้
พลังที่สามารถครอบงำธรรมชาติได้นั้นคือพลังที่ยิ่งใหญ่
หลังจากที่ฤดูหนาวได้อาละวาดอย่างเต็มที่ และฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ก็จะหาตัวเธอไม่พบในทันที
ดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งจนกว่าฤดูหนาวครั้งต่อไปจะมาถึง
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เห็นยัยนั่นเฉพาะวันที่อากาศหนาวนั่นล่ะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คงเพราะเรื่องแบบนี้ล่ะมั้ง จึงทำให้ความรู้สึกที่มีต่อโยวไคตนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร
・พอเห็นข้างนอกมีหิมะตกหนักก็พาลคิดว่ายัยนั่นโผล่ออกมาแหง เลยไม่ออกไปข้างนอก
แถมในบ้านก็ปลอดภัยหายห่วงเพราะเปิดเครื่องทำความร้อนไว้ตลอด (เจ้าของร้านโควรินโดว)
ถึงจะเป็นฤดูหนาวแต่อย่างน้อยในวันที่อากาศแจ่มใสก็อยากให้ออกไปเดินเล่นบ้างนะ
แล้วก็, ถ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ต้องระวังหิมะบนหลังคาบ้านถล่มทับใส่ทั้งคนทั้งตัวบ้านด้วย
{มาตรการรับมือ}
ความหนาวนั้นเป็นตัวปัญหาอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่การกระทบกับของเย็น* แต่เป็นการลดต่ำลงของอุณหภูมิในบรรยากาศทั้งหมด
*2[เหมือนกับโยวเซย์ที่ไหนสักแห่ง]
แม้แต่คนที่แข็งแรงยังสุขภาพทรุดโทรม แม้แต่คนที่คึกคักยังยอมอยู่นิ่งๆ และยังบั่นทอนจิตต่อสู้ลงด้วย
อาจกล่าวว่าไม่มีวิธีหลบเลี่ยงสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์เลยก็ว่าได้
ก่อนอื่น, ต้องแต่งตัวให้อบอุ่นเข้าไว้
นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ถ้าร่างกายยังสามารถขยับได้ในระหว่างที่หนีก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ารู้สึกหนาวเย็นตามส่วนปลายของอวัยวะ ก็อาจะเป็นไปได้ว่าระบบหมุนเวียนโลหิตไม่ดี จึงต้องเอาใจใส่เรื่องการทานอาหารด้วย
ในกรณีที่เจอโยวไคตนนี้ในสภาพที่ไม่ทันระวังและสวมเสื้อผ้าบางเบาอยู่, การหนีให้พ้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะความหนาวนั้นแผ่กระจายเป็นพื้นที่กว้าง
หากไม่ใช่คนที่ทนหนาวอยู่แล้วก็คงไม่สามารถรอดชีวิตมาได้
หากแต่, โยวไคที่น่าสะพรึงกลัวตนนี้จะยิ่งใหญ่เทียมฟ้าได้ก็แค่ในฤดูหนาวเท่านั้น
เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิและอากาศอบอุ่นขึ้นก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ถ้าหากพบเจอโยวไคตนนี้ในฤดูร้อนล่ะก็ นั่นอาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างแค้นก็เป็นได้*
*3[แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีรายงานการพบเจอเธอนอกฤดูหนาวเลย]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
{ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก Wriggle Nightbug }
ความสามารถ : ควบคุมแมลง
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : พงหญ้า เป็นต้น
หากพูดถึงโยวไคที่ทำให้มนุษย์รู้สึกแย่ ย่อมต้องนึกถึง ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก ตนนี้
สาเหตุที่ทำให้รู้สึกแย่ ก็ไม่พ้นเรื่องที่เธอชอบปรากฏตัวพร้อมกับฝูงแมลง และการควบคุมแมลงตามใจนึกของเธอ
ลองจินตนาการว่ามีแมลงมากมาย อาทิเช่น ตะขาบ บุ้ง ผีเสื้อกลางคืน แมงมุม จิ้งหรีด บุกเข้าใส่อย่างพร้อมเพรียงกันดูสิ
ขนลุกเลยเชียวล่ะ
รูปลักษณ์ของโยวไคตนนี้ก็ประมาณเด็กชาวมนุษย์
ที่น่าดีใจก็คือเธอไม่ได้มีรูปร่างเป็นแมลงโดยสมบูรณ์, แค่มีหนวดแมลงและปีก นอกนั้นไม่แตกต่างจากมนุษย์*
*1[เธอคงจำเป็นต้องใช้รูปร่างแบบมนุษย์เพื่อให้ถูกกำจัดได้ยาก]
ริกเกิ้ลเป็นโยวไคแห่งแมลง แต่ถ้าจะให้ชี้ชัดล่ะก็ เธอเป็นโยวไคหิ่งห้อยต่างหาก
ในบรรดาแมลง, หิ่งห้อยจัดว่าเป็นแมลงที่แปลก เพราะเป็นที่ชื่นชอบของมนุษย์
แมลงดังกล่าวจึงไม่ค่อยถูกมนุษย์กำจัด และเติบโตจนกลายเป็นโยวไคได้ง่าย
นอกจากหิ่งห้อยก็มีผีเสื้อที่ได้รับความนิยมสูง และกลายเป็นโยวไคได้ง่ายเช่นกัน
ในยุคโบราณ, โยวไคแมลงเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวทัดเทียมกับยักษ์และเทนกุเลยทีเดียว แต่ก็สูญเสียความน่าเกรงขามนั้นไปนานมากแล้ว
การที่โยวไคแมลงซึ่งพอจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำของเหล่าแมลงกลับมีรูปลักษณ์เป็นเด็กสาวอายุน้อย คงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเรื่องนั้น
จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าทำไมพลังของแมลงจึงอ่อนด้อยลงอย่างกะทันหันเช่นนี้
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・พอยกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาก็เจอแมลงเบียดกันอยู่แน่นเชียว, ขยะแขยงชะมัด (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับโยวไคตนนี้สักเท่าไร แต่ก็พอจะจัดได้ว่าเป็นรายงานเรื่องแมลง
・ใต้ชายคามีตะขาบเลื้อยกันแน่นเลย, อยากให้เลิกทำอย่างนี้จัง (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับโยวไคตนนี้สักเท่าไร
・มีจิ้งหรีดอยู่ที่ประตูครัว, อยากจะสาปส่งชะมัด (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ไม่เกี่ยวกับโยวไคตนนี้ค่ะ
{มาตรการรับมือ}
ไม่ว่ายังพูดยังไง ความน่ากลัวของแมลงก็คือ จำนวนของพวกมันนั่นเอง
ถ้าแค่ตัวเดียวก็มีพลังน้อยนิด แต่พอมากันเยอะๆก็ยากจะรับมือ
ที่สำคัญก็คือ ทั้งๆที่การกำจัดพวกมันหนึ่งตัวหรือสองตัวไม่มีความหมายใดๆ แต่กลับมีแมลงที่สามารถต่อยคนทีเดียวถึงตายได้อย่างพวกตัวต่ออยู่
มาตรการรับมือที่ได้ผลที่สุดก็คือการจุดไฟหรือรมควันเพื่อไม่ให้แมลงเข้ามาใกล้เป็นขอบเขตกว้าง*
*2[และช่วงนี้มีตัวยาแสนสะดวกที่ชื่อว่า ยาฆ่าแมลง ด้วยล่ะ]
และแมลงส่วนใหญ่จะแพ้ความหนาวเย็น
แม้จะคึกคักตลอดช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วง แต่แทบจะไม่โผล่ออกมาเลยในฤดูหนาว
แต่เพราะการควบคุมแมลงนั้นน่ากลัวสุดๆ ทำให้การเผชิญหน้ากับตัวริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวมากนัก
หากจะทำการกำราบโยวไคล่ะก็ ควรเล็งช่วงเวลาที่โยวไคตนนี้อยู่ตัวคนเดียวในฤดูหนาว
นอกจากนี้, ในบรรดาแมลงที่เธอใช้ มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด นั่นคือ ทสึทสึกะมุชิ
ทสึทสึกะมุชิเป็นแมลงปิศาจที่ดวงตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้, แม้ถูกมันกัดเข้าก็ไม่รู้สึกตัว
วันต่อมา, เมื่อรอยถูกกัดสีดำขนาดเล็กปรากฏขึ้น ก็แสดงว่าสายไปเสียแล้ว
ผู้ถูกกัดมีไข้ขึ้นสูงและล้มป่วยลง, ความเป็นไปได้ที่จะถึงแก่ความตายค่อนข้างสูง
อีกทั้งยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล
หากเห็นริกเกิ้ลมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมทั้งๆที่ไม่ได้พาแมลงมาด้วยล่ะก็, นั่นล่ะอันตรายเป็นที่สุด
อาจมีทสึทสึกะมุชิรวมตัวกันอยู่รอบตัวเธอก็เป็นได้*
*3[แต่อาจเป็นแค่ตัวหมัดก็ได้]
Tips :
- ทสึทสึกะมุชิ เป็นตัวไรชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็กมาก
มันเป็นพาหะนำเชื้อ Rickettsia tsutsugamushi ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Orientia tsutsugamushi แล้ว
หากถูกตัวอ่อนของไรชนิดนี้กัด จะทำให้เกิดโรค Scrub Typhus หรือที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า โรคทสึทสึกะมุชิ
ผู้ป่วยจะมีไข้ขึ้นสูง ปวดหัวรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ เยื่ออ่อนทั่วร่างกายแดง ไอแห้ง ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ และเสียชีวิตในที่สุด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวไคนกกระจอกราตรี
{มิสเทีย โลเรไล Mystia Lorelei }
ความสามารถ : ทำให้คนสับสนด้วยเสียงเพลง
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : เลวร้าย
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ท้องถนนยามราตรี
บนถนนยามราตรีที่มืดมิดและป่าซึ่งไม่เป็นที่นิยมชมชอบ, มีโยวไคที่ทำให้มนุษย์สับสนโดยใช้เสียงเพลงหรือเสียงร้องเป็นจำนวนค่อนข้างมาก
มิสเทีย โลเรไล ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
เสียงเพลงแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่เห็นตัวเธอ, ช่วงที่มัวแต่สนใจเพลงนี้ก็จะหลงทาง และถูกโยวไคทำร้ายเอาได้
แทบไม่มีใครพบเห็นเธอในตอนกลางวัน ทำให้รายงานการพบเห็นน้อยตามไปด้วย แต่ว่ากันว่าเป็นโยวไครูปร่างมนุษย์ที่มีปีกขนาดใหญ่*
*1[ถ้าได้เห็นรูปร่างนี้แต่แรก คงไม่ถูกเรียกว่านกกระจอกราตรีหรอก]
เพลงของมิสเทียนั้นไพเราะเกินคาด, เสียงดีมากเสียจนไม่นึกว่าจะเป็นเพลงของโยวไค
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาว*
*2[ถึงจะไม่ควรไปนิยมชมชอบก็เถอะ]
ในทางตรงข้าม กลุ่มผู้อาวุโสในวงการโยวไคนักร้องกล่าวว่า
「โยวไคหนุ่มสาวสมัยนี้มันเอาแต่ร้องเพลงให้เสียงดังหนวกหูเข้าว่า หาความหมายในบทเพลงไม่ได้เลย แย่ชะมัด,
แบบนั้นมันก็แค่เสียงรบกวนไม่ใช่เรอะ」
นอกจากการล่อลวงด้วยเสียงเพลงแล้วยังมีความสามารถในการทำให้มนุษย์ตาบอดกลางคืน ซึ่งทำให้มองสิ่งรอบข้างไม่เห็น
หากมุ่งหน้าต่อไปบนท้องถนนยามราตรีที่มืดมิดโดยอาศัยเสียงเพลงและแสงไฟอันน้อยนิดเป็นเครื่องนำทาง ก็จะถูกโยวไคตนนี้ทำร้ายเข้าในระหว่างทาง
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・นึกว่าวงดนตรีปริซึมริเวอร์จ้างนักร้องมาแล้วเสียอีก, พอเข้าไปใกล้ก็ซวยเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
เธอมีความเป็นมิตรต่อมนุษย์ที่ค่อนข้างเลวร้าย ต่างจากวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ต่อให้ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาก็ห้ามเข้าไปใกล้เพียงเพราะความสนใจใคร่รู้
・เห็นมีร้านแผงลอยโคมแดงอยู่บนทางสัตว์แค่คันเดียว
สงสัยว่าเป็นร้านอะไรเลยเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นร้านแผงลอยของนกกระจอกราตรีซะนี่ (อุวาบามิ โรคุสุเกะ)
มีข่าวลืออยู่เหมือนกันว่าเธอเริ่มทำกิจการร้านแผงลอย
โยวไคเองก็กำลังเบื่อกระมัง
・นั่นต้องไม่ใช่นกกระจอกราตรีแน่ๆ ! (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ข้าพเจ้าก็คิดอย่างนั้น
{มาตรการรับมือ}
เป็นที่รู้กันว่าตอนที่จะได้รับผลกระทบจากพลังเวทของเสียงเพลงนี้ก็คือ ตอนที่เดินอยู่คนเดียวเท่านั้น
หากเดินไปด้วยกันมากกว่าสองคน, ก่อนที่จะสับสนด้วยเสียงเพลง ก็สามารถให้อีกคนที่ยังไม่สับสนช่วยเรียกสติได้ จึงแทบไม่ถูกทำร้ายเลย
มาตรการรับมือก็คือ พยายามไม่เดินคนเดียวบนถนนตอนกลางคืนที่มืดมิด
ไม่เพียงแต่โยวไคตนนี้เท่านั้น, นี่เป็นวิธีรับมือขั้นพื้นฐานที่สุดซึ่งประยุกต์ใช้ได้กับโยวไคอื่นๆด้วย
จะรับมือกับอาการตาบอดกลางคืนอย่างไรดี ?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ควรทานปลาไหลยัทสึเมะ
หากทานทุกวัน อาการจะค่อยๆดีขึ้นทีละน้อย
ต่อคำถามที่ว่า จะกำราบโยวไคตนนี้อย่างไรดี
เนื่องจากไม่มีโอกาสชนะเธอในตอนกลางคืน จึงต้องกำราบเธอในตอนกลางวัน แต่ช่วงนั้นเธอก็ซ่อนตัวอยู่, การกำราบเธอจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
วิธีกำราบที่ได้ผลที่สุดก็คือ วางกับดัก*ไว้ในตอนเย็น, พอถึงเช้า ถ้าพบว่าเธอติดกับดักก็กำราบเสียตรงนั้นเลย
*3[ใช้กาวดักนกก็ไม่เลว]
โยวไคจำพวกนี้ หากไม่กำราบเป็นประจำ ก็จะเหิมเกริมและบุกลงมาถึงหมู่บ้านได้ จึงไม่ควรลืมกำราบเธอ
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
สาวน้อยชาวจีน
{หวง เหม่ยหลิง Hoan Meirin }
(เดิมเขียนว่า Hong (หง) แต่หนังสือเล่มนี้เขียนว่า Hoan (หวง/หวัง) คาดว่าอาคิวเขียนผิด แต่ขอแปลตามตรงไปก่อน)
ความสามารถ : ควบคุมปราณ
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : คฤหาสน์มารแดง
หวงเหม่ยหลิง เป็นหนึ่งในโยวไคที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์มารแดง*
*1[บ้านซึ่งเป็นที่อาศัยของปิศาจ ซึ่งจะกล่าวถึงหลังจากนี้]
เธอรับหน้าที่เป็นยามพิทักษ์ประตู จึงมีอัตราการพบเจอมนุษย์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเหล่าโยวไคในคฤหาสน์มารแดง
(เนื่องจากเป็นตัวละครสไตล์จีน จึงขอเขียนชื่อแบบจีนว่า เหม่ยหลิง แทนที่จะเขียนว่า เมย์ริน ตามอักขระที่เขียนกำกับ)
เธอเชี่ยวชาญวิทยายุทธ และไม่ค่อยใช้วิชาประหลาดๆอย่างพวกโยวไค
ลักษณะภายนอกไม่มีอะไรที่แตกต่างจากมนุษย์, แต่งกายด้วยชุดแบบจีน และมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไว
เธอเป็นโยวไคที่มีความสามารถรอบด้าน ต่างจากโยวไคที่พัฒนาความสามารถด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ
ด้วยเหตุนี้เอง, ทำให้เธอถูกจัดว่าไม่แข็งแกร่งมากนักในหมู่โยวไค แต่ก็ไม่มีจุดบอดเมื่อเจอกับมนุษย์
และจากจุดนี้เองทำให้เธอไม่มีจุดอ่อนด้วยเช่นกัน
เชื่อกันว่าเธอถูกซื้อความสามารถดังกล่าว และได้รับมอบหมายหน้าที่ยามพิทักษ์ประตู
นอกจากนี้, ในหมู่โยวไคยังจัดว่าเป็นโยวไคที่มีกลิ่นอายแบบมนุษย์อย่างน่าประหลาด
ลองชวนคุยตอนที่กำลังเฝ้าประตูอยู่ เธอก็จะคุยเรื่องทั่วไปหรือบ่นนู่นบ่นนี่ให้ฟัง
เธออาจจะขู่ด้วยวาจาบ้าง แต่ก็แทบจะไม่จู่โจมเข้ามาเลย ขอเพียงเราไม่พยายามฝืนทำลายประตูเท่านั้น
คุยกับเธอไปสักพักอาจหลงคิดไปว่ากำลังคุยกับมนุษย์อยู่ก็เป็นได้
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・คฤหาสน์มารแดงมันก็น่ากลัวอยู่หรอก แต่เพราะยามเฝ้าประตูคนนั้นเลยรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยขึ้นมา (ร้านเต้าหู้)
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ, ในคฤหาสน์นั่นมีโยวไคที่น่ากลัวจริงๆอาศัยอยู่นะ
・พอมองดูคฤหาสน์มารแดงในตอนเช้า ก็เห็นยามเฝ้าประตูกำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อยอย่างน่าประหลาดอยู่ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คาดว่าน่าจะเป็นมวยไท้เก๊ก
อย่าไปรบกวนเธอเข้าล่ะ
・พอมองไปทางคฤหาสน์มารแดงในตอนกลางวัน ก็เห็นยามเฝ้าประตูกำลังหลับอยู่ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คาดว่าน่าจะเป็น Siesta (การนอนกลางวัน)
อย่าไปรบกวนเธอเข้าล่ะ
{มาตรการรับมือ}
คงเพราะเธอได้รับอาหารเป็นค่าจ้างจากคฤหาสน์มารแดง, จึงพูดได้เต็มปากว่าเธอเป็นโยวไคที่ไม่น่ากลัวเลย
ขอเพียงทางเราไม่ไปยุแหย่เธอ ก็คงไม่มีอันตรายใดๆ
ไม่ควรฝืนทำลายประตู หรือแอบลอบเข้าไปในคฤหาสน์โดยฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังนอนหลับ
หากทำเช่นนั้นจะถูกโจมตีใส่อย่างไม่ปรานี
แต่ต่อให้เรื่องกลายเป็นแบบนั้นก็ตาม เมื่อทางเราขอโทษออกไป เธอก็จะล่าถอยทันที และไม่ไล่ตามมา
ทว่า, การกำราบเธอนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญวิทยายุทธจึงมีความสามารถในการต่อสู้ประชิดค่อนข้างสูง และไม่มีจุดอ่อนที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนเลย
นอกจากนี้, เธอแทบจะไม่ออกห่างจากตัวคฤหาสน์มารแดงเลย จึงอาจมีโยวไคตนอื่นมาช่วยเหลือเธอได้*
*2[ในความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องยากที่โยวไคตนหนึ่งจะช่วยเหลือโยวไคตนอื่น ส่วนใหญ่จะเอาแต่ยิ้มอย่างมีเลศนัยไปพลางชมการต่อสู้ไปพลางเท่านั้น]
ในการกำราบเธอนั้น, มีแต่ต้องขอดวลตัวต่อตัวโดยจำกัดเวลา* และแสดงให้เธอเห็นถึงพลังที่เหนือกว่าด้วยการจู่โจมซึ่งๆหน้าเท่านั้น
*3[มนุษย์จะเสียเปรียบโยวไคด้านพลังกายอย่างมาก การประลองที่มีแบบแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญ]
แต่ถ้าพูดในทางกลับกัน, เธอน่าจะเป็นคู่มือที่เหมาะแก่การทดสอบฝีมืออยู่นะ*
*4[จริงๆแล้วก็มีคนมาท้าประลองอยู่ไม่ขาด และว่ากันว่า จ้าวแห่งคฤหาสน์มารแดงเองก็สนุกสนานเพลิดเพลินที่ได้ชมการประลองเหล่านั้น]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Sweet Poison ตัวน้อย
{เมดิซึน เมแลนคอลลี่ Medicin Melancory }
(คาดว่าเกิดความผิดพลาดในการเขียนกำกับชื่อภาษาอังกฤษ แต่จะขอนำเสนอตามความเป็นจริง)
(แต่ในส่วนของเนื้อหาอื่นนอกจากจุดนี้ จะใช้คำว่า Medicine Melancholy เมดิซึน เมแลนคอลลี่ ตามปกติ)
ความสามารถ : ใช้พิษ
ความอันตราย : สูง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : เลวร้าย
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : เนินนิรนาม
แม้ว่าโยวไคจะมีอายุขัยยืนยาว ก็ย่อมมีโยวไคเกิดใหม่เป็นเรื่องธรรมดา
เมดิซึน เมแลนคอลลี่ เป็นหนึ่งในโยวไคเพิ่งเกิดได้ไม่นาน
ตุ๊กตาที่ถูกทิ้ง เมื่อผ่านเวลาไปนานเข้าก็เติบโตจนกลายเป็นโยวไคในที่สุด
รูปลักษณ์เป็นตุ๊กตาขนาดใหญ่ที่ใช้วิชาฟุคุวะ (วิชาที่ผู้ควบคุมตุ๊กตาออกเสียงโดยไม่ขยับริมฝีปาก ทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาเป็นผู้พูดเอง)
เชื่อกันว่าตุ๊กตาตัวนี้ตัวใหญ่ขนาดนี้มาแต่แรกแล้ว
ถึงจะกลายเป็นโยวไค, ร่างกายก็ยังคงเป็นตุ๊กตาอยู่อย่างนั้น
เชื่อกันว่าเธอได้ความสามารถในการควบคุมพิษติดตัวมาจากการที่ถูกทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานในเนินนิรนาม*ซึ่งมีดอกสุซุรัน(ลิลลี่ภูเขา)บานอยู่
*1[เนินที่มีชื่อว่า นิรนาม, ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง]
เธอเติมพิษลงไปในอาหาร
และใช้พิษในการควบคุมมนุษย์
สำหรับมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากพิษได้ง่าย*ต้องจัดเธอว่าเป็นตุ๊กตาที่เป็นภัยคุกคามอย่างยิ่ง
*2[การดื่มเหล้ามากเกินไปก็เป็นพิษต่อร่างกาย, หากถูกยัดเยียดให้ดื่มเหล้า ก็จำเป็นต้องกล้าที่จะปฏิเสธ]
แต่เพราะยังเป็นโยวไคอายุน้อย จึงมีประสบการณ์และความรู้ตื้นเขินอย่างมาก
ไม่มีความรู้เสียยิ่งกว่ามนุษย์
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่รู้จักการออมมือทั้งกับมนุษย์และโยวไค
แม้แต่การประเมินระดับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม เธอก็ทำไม่ได้
นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอน่ากลัวยิ่งขึ้น
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・กำลังคิดว่าเป็นตุ๊กตารึเปล่านะ แล้วพอเอามือไปแตะก็อักเสบเลย (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
เพียงแค่สัมผัสก็ก่อให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายได้
ช่างน่ากลัวจริงๆ
・เมื่อเร็วๆนี้มีโยวไคตัวเล็กๆลงมาที่หมู่บ้าน แล้วก็หนีไปทันทีเลยล่ะ, นั่นมันโยวไคจริงๆเหรอ ? (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คาดว่าเธอคงไม่เคยเห็นมนุษย์จำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
แต่ห้ามไล่ตามไปเด็ดขาด
ไม่งั้นเธออาจกลับมาโปรยหมอกพิษใส่หมู่บ้านก็เป็นได้
・เห็นตุ๊กตาตัวน้อยกำลังกระโดดโลดเต้นท่าทางดีใจอยู่ในเนินนิรนาม, ไม่ถูกพิษของสุซุรันเข้ารึไงนะ (มุทสึกิ)
เธอคงมัวแต่ประทับใจอย่างไร้การป้องกันตัว แต่นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ในฐานะโยวไคยังตื้นเขินเกินไปล่ะนะ
ไม่ควรไปแหย่เธอโดยไม่ระวัง จนกว่าเธอจะโตเต็มที่
{มาตรการรับมือ}
ไม่รู้เลยว่าเป็นพิษชนิดใด
เธอมีพิษมากมายหลายชนิด เช่น พิษดอกไม้, พิษงู, พิษผึ้ง, พิษแมงมุม, พิษที่เมื่อสัมผัสโดยตรงแล้วจะอักเสบ, พิษที่แค่ยืนใต้ลมก็สลบได้ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อถูกพิษของเธอก็จะไม่มีวิธีรักษาที่แน่นอน
เมื่อเผชิญหน้ากับโยวไคตนนี้ก็จะเข้าใจถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของพิษ
นั่นเพราะเธออาบตัวด้วยพิษร้ายแรงที่แม้แต่โยวไคยังหวาดหวั่นทั้งที่แค่ยืนใกล้ๆ
เวลานี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะ
ควรอดใจรอจนกว่าโยวไคตนนี้จะมีพัฒนาการด้านจิตใจที่สมบูรณ์ จึงค่อยทำการกำราบเธอ
จุดอ่อนในปัจจุบันก็คือความด้อยประสบการณ์นั่นเอง
ถึงเธอจะเกลียดมนุษย์ แต่ถ้ากลิ้งกลอกหลอกลวงเธอให้ดีๆ ก็จะสามารถตุ๋นเธอจนเปื่อยได้
แสร้งทำตัวเป็นมนุษย์ที่เกลียดมนุษย์ก็เป็นวิธีที่ไม่เลว
อานุภาพของพิษนั้นน่าสะพรึงกลัว ทั้งยังมีผลสืบเนื่องหลงเหลืออยู่
พิษที่ออกฤทธิ์ช้าหรือมีระยะฟักตัวนาน*ก็น่ากลัว
*3[อย่างเช่น แอลกอฮอล์ หรืออย่าง นิโคติน]
จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเธออย่างสุดกำลัง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Flower Master สี่ฤดู
{คาซามิ ยูกะ Yuka Kazami }
ความสามารถ : ควบคุมดอกไม้
ความอันตราย : สูงมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : เลวร้ายที่สุด
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ทุ่งดวงตะวัน
ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางดอกไม้ตลอดปี, หากมีมนุษย์หรือโยวไคเข้ามารบกวนก็จะใช้พลังอันมหาศาลทำลายล้างจนไม่เหลือซากโดยไม่รับฟังข้อโต้แย้งใดๆ
เธอมีตัวตนที่เหมือนกับเป็นอวตารของธรรมชาติมากกว่าโยวไคแห่งดอกไม้ แต่ก็ต่างจากโยวเซย์
เป็นโยวไคที่มีความอันตรายสูงลิบลิ่วห่างกันคนละโยชน์กับโยวไคที่แนะนำมาจนถึงหน้านี้เลย
โดยปกติจะใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่มีดอกไม้ตามธรรมชาติห้อมล้อม, แวบแรกอาจดูเหมือนรักสงบ แต่เธอไม่มีความปรานีต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเลย
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส, รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากมนุษย์แต่อย่างใด
ความสามารถในการควบคุมดอกไม้นั้น,
บ้างก็ทำให้ดอกไม้บาน บ้างก็ทำให้ดอกทานตะวันหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ บ้างก็ทำให้ดอกไม้ที่ร่วงโรยไปแล้วกลับมาเบ่งบานตามเดิม
ในความเป็นจริง, ความสามารถนี้ก็เป็นเหมือนของแถมเท่านั้น
เพราะอันที่จริงแล้วเธอมีพลังภูตบริสุทธิ์และความสามารถทางร่างกายที่สูงล้ำ, เป็นโยวไคที่สมกับเป็นโยวไค
เธอไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความหวาดกลัวในการต่อสู้กับมนุษย์หรือโยวไค และโปรดปรานการกวนประสาทผู้อื่นเป็นที่สุด
ยิ่งโยวไคมีอายุมากขึ้น ก็ยิ่งสูญเสียความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่างๆไปทีละนิด
และทำร้ายมนุษย์โดยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนน้อยลง
โยวไคตนนี้ก็เช่นกัน, ว่ากันว่าช่วงนี้เธอไม่ค่อยออกห่างจากดอกไม้เท่าไรแล้ว
{ความสามารถในการต่อสู้}
เธอใช้การโจมตีที่วิจิตรงดงามด้วยการใช้ร่มบ้าง โปรยดอกไม้บ้าง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถของเธอเลย
ว่ากันว่าร่มที่เธอใช้เป็นร่มกันแดดแบบพิเศษซึ่งป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดีมาก* และดูเหมือนจะใช้กันฝนได้เช่นกัน
*1[อ้างอิงจากคำอธิบายจากร้านโควรินโดว]
ยิ่งกว่านั้นยังป้องกันกระสุนได้ด้วย
เธอมักจะโจมตีทางกายภาพด้วยพลังอันมหาศาล มากกว่าการโจมตีทางจิตอย่างพวกเวทมนตร์หรืออาคม
โยวไคในระดับนี้ไม่มีความสนใจต่อมนุษย์ทั่วไปอย่างเราๆ
ต้องเป็นโยวไคที่มีพลังแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน หรือมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้น, เธอจึงจะยอมเป็นคู่ต่อสู้ให้
แต่เธอรู้ดีว่าหากผู้แข็งแกร่งเข้าห้ำหั่นกัน ย่อมต้องเกิดโศกนาฏกรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
ด้วยเหตุนี้จึงมักทำการต่อสู้อย่างมีแบบแผน โดยกำหนดกฎกติกาล่วงหน้าเพื่อหาตัวผู้ชนะ
หากรู้ผลตามที่กฎได้ระบุเอาไว้แล้ว แม้จะยังมีแรงสู้ต่อได้ เธอก็จะยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
กรณีที่คู่ต่อสู้เป็นฝ่ายแพ้ ก็จะไม่ไล่ตามไป
นั่นล่ะคือสติปัญญาของโยวไคที่มีชีวิตอยู่มาช้านาน
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เคยมาซื้อของที่หมู่บ้าน แถมยังทักทายเราอีกด้วย ดูไม่ออกเลยนะว่าเป็นโยวไคที่แข็งแกร่งขนาดนั้น... ... (ร้านดอกไม้)
ปกติแล้วยิ่งเป็นโยวไคที่แข็งแกร่งก็ยิ่งสุภาพน่ะนะ
แต่ห้ามไปยุ่งกับเธอเป็นอันขาด
・เห็นเธออยู่ที่ศาลเจ้าบ่อยๆ, มิโกะของที่โน่นไม่กำราบเธอรึไงนะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
มิโกะคนนั้นขึ้นชื่อเรื่องไม่ทำงานทำการ
แต่ดูเหมือนจะเคยกำราบโยวไคตนนี้มาหลายครั้งแล้ว*
*2[โม้เหม็นเห็นๆ]
・เจอเธอที่ทุ่งดวงตะวันโดยบังเอิญ, รอยยิ้มของเธอน่ากลัวก็เลยรีบหนีทันที (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ผู้แข็งแกร่งมักจะยิ้มอยู่เสมอ*
*3[ตามทฤษฎี]
{มาตรการรับมือ}
มนุษย์ธรรมดายังไงก็ไม่มีทางรับมือหรือกำราบหรือทำอะไรเธอได้ จึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างว่าง่ายเท่านั้น
โชคดีที่เธอจะไม่ทำการต่อสู้ที่น่าเบื่อ ดังนั้นถ้าทางเราไม่ไปโจมตีหรือวางกับดักเธอ หรือวางเพลิงเผาทุ่งดอกไม้ ก็คงจะปลอดภัย
ถ้าหากไปเจอโยวไคตนนี้กำลังต่อสู้กับใครสักคนอยู่โดยบังเอิญ ก็ห้ามเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด
การต่อสู้มักดำเนินไปด้วยกฎกติกาที่ตายตัว ดังนั้นขอเพียงไม่ทำอะไรที่รบกวนการต่อสู้ เธอก็จะสุภาพตามปกติ
หรือถ้ามองดูอยู่จากที่ห่างไกล จะทัศนศึกษาเอาไว้ก็ไม่เลว
การต่อสู้ของพวกเหนือมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความงดงามอันน่าตื่นตะลึง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวไคแห่งอาณาเขต
{ยาคุโมะ ยูคาริ Yukari Yakumo }
ความสามารถ : ควบคุมอาณาเขต
ความอันตราย : ไม่แน่ชัด
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : สถานที่ไหนก็ได้
หากพูดถึงโยวไคที่สมกับเป็นโยวไค ก็ต้องนึกถึงชื่อของ ยาคุโมะ ยูคาริ เป็นอันดับแรก
โยวไคตนนี้มีความสามารถอันตรายที่เกี่ยวข้องกับจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง
ชอบผลุบๆโผล่ๆ ไร้สามัญสำนึก หลักการประพฤติปฏิบัติตนต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง เป็นต้น
เป็นโยวไคที่ไม่อยากยุ่งด้วยเป็นอันดับต้นๆ
รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากมนุษย์เป็นพิเศษ
ชื่นชอบเสื้อผ้าที่หรูหรา และใช้ร่มกันแดดขนาดใหญ่
มักทำกิจกรรมต่างๆในยามกลางคืนเป็นหลัก และนอนหลับในตอนกลางวัน
เป็นโยวไคตามมาตรฐาน*
*1[ช่วงนี้มีมนุษย์ที่ตื่นกลางคืนเพิ่มมากขึ้น และในขณะเดียวกัน โยวไคที่ตื่นกลางวันก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน]
และว่ากันว่าเธอนอนจำศีลในฤดูหนาวด้วย แต่ความจริงแล้ว แค่ที่อยู่ของเธอยังไม่ทราบแน่ชัดเลย จึงไม่อาจยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้
ในสมัยโบราณ, ตรงส่วนของโยวไคในเกนโซวเคียวเอนกิฉบับที่เขียนโดยอาอิจิ* ก็มีเขียนถึงโยวไคที่คล้ายกับโยวไคตนนี้อยู่เหมือนกัน
*2[เกนโซวเคียวเอนกิที่ถูกรวบรวมเป็นครั้งแรก, เป็นเรื่องเมื่อประมาณหนึ่งพันสองร้อยปีก่อน]
และเธอยังคงปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์เดียวกับในยุคนั้น
{ความสามารถ}
ความสามารถในการควบคุมอาณาเขต เป็นความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งล้มล้างรากฐานของสรรพสิ่ง
เท่าที่ทราบ, ตัวตนของวัตถุต่างๆประกอบขึ้นด้วยการคงอยู่ของอาณาเขต
หากไร้ซึ่งผิวน้ำ ทะเลสาบก็ไร้ตัวตน
หากไร้ซึ่งเส้นขอบฟ้า ภูเขาและท้องฟ้าก็ไม่มีตัวตน
หากไร้ซึ่งมหาเขตแดนแห่งเกนโซวเคียว เกนโซวเคียวก็ไม่มีตัวตน
หากทำให้ตัวตนของอาณาเขตของสรรพสิ่งหายไป สรรพสิ่งก็จะกลายเป็นวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นเดียว
กล่าวคือ ความสามารถในการควบคุมอาณาเขตนั้นเป็นความสามารถในการสร้างและทำลายตามหลักของเหตุและผล
สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา หรือปฏิเสธตัวตนเดิม อย่างเป็นเหตุเป็นผล
ในบรรดาความสามารถที่โยวไคมีไว้ในครอบครอง จัดว่าเป็นความสามารถที่ทัดเทียมกับพลังของพระเจ้า จึงเป็นหนึ่งในความสามารถที่อันตรายที่สุด
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ตามอำเภอใจในพริบตาผ่านทางรอยแยกของห้วงมิติ
แม้แต่การเคลื่อนย้ายเฉพาะบางส่วนของร่างกายไปยังสถานที่อื่นก็สามารถกระทำได้
ไม่เพียงแต่ห้วงมิติทางกายภาพเท่านั้น แม้แต่ภายในภาพวาด ภายในความฝัน หรือภายในนิทาน ก็สามารถเดินทางเข้าไปได้
นอกจากนี้ยังมีความฉลาดระดับยอดมนุษย์* โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์
*3[จะเป็นระดับยอดมนุษย์ก็ไม่แปลก เพราะเธอเป็นโยวไค]
ยิ่งกว่านั้นยังมีความรู้และประสบการณ์มากมายมหาศาล เนื่องจากมีชีวิตอยู่มายาวนาน
{กิจวัตรประจำวัน}
เธอเป็นคนช่างพูดเกินคาด และชอบสอนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเกนโซวเคียวและตัวเธอ
แต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็ยังไม่ได้รับการตรวจสอบและยืนยัน จึงไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร
บ้านของเธอก็เหมือนกับศาลเจ้าฮาคุเรย์ คือตั้งอยู่บนอาณาเขตระหว่างเกนโซวเคียวกับโลกภายนอก แต่ไม่เคยมีใครเห็นบ้านของเธอเลยจริงๆ
เธอมักใช้รอยแยกของห้วงมิติปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นก็หายตัวไปที่ไหนอีกก็ไม่รู้
จึงไม่สามารถติดตามเธอไปได้ และไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้*
*4[บ้างก็ลือกันว่า บ้านของเธอตั้งอยู่ที่โลกภายนอก]
และโดยปกติเธอจะไม่ค่อยทำงานด้วยตัวเอง แต่ควบคุมสัตว์ภูตเป็นภูตรับใช้ และมอบหมายงานทุกอย่างให้แก่สัตว์ภูตตนนี้
โดยเฉพาะในเวลากลางวันหรือในฤดูหนาว, ภูตรับใช้ตนนี้จะทำงานแทนยูคาริซึ่งกำลังนอนหลับ
นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆชาวโยวไคที่มีอายุยืนยาวอยู่มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นไซเกียวจิ ยูยูโกะ ที่อาศัยอยู่ในโลกวิญญาณ (ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง)
หรืออย่างยักษ์ผู้มีนามว่า ซุยกะ อิบุคิ (ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง)
เพื่อนของเธอส่วนใหญ่ล้วนเป็นโยวไคในระดับสุดแกร่งทั้งสิ้น
{ความสัมพันธ์กับเกนโซวเคียว}
เกนโซวเคียวถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกด้วยเขตแดนขนาดใหญ่
เขตแดนดังกล่าวนี้คือ เส้นอาณาเขตที่กั้นแบ่งภายในและภายนอกออกจากกัน
หากแต่โลกภายนอกและเกนโซวเคียวยังคงมีผืนดินเชื่อมต่อกันอยู่ทางกายภาพ
จึงอาจกล่าวได้ว่า อาณาเขตซึ่งมีเขตแดนนี้ เป็นตัวสร้างสถานที่ชื่อเกนโซวเคียวขึ้นมาตามหลักของเหตุและผล
กล่าวคือ แค่เพียงมีโยวไคแห่งอาณาเขตอยู่ ก็สามารถทำลายหรือสร้างสถานที่อย่างเกนโซวเคียวได้
สำหรับเกนโซวเคียวที่ถูกล้อมรอบด้วยอาณาเขตนั้น,
การมีตัวตนของโยวไคแห่งอาณาเขตที่ไม่รู้ว่าอาศัยอยู่ที่ใดกันแน่ ถือว่ามีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งยิ่งต่อโครงสร้างของเกนโซวเคียว
เรื่องที่แปลกประหลาดก็คือ โยวไคตนนี้แทบจะไม่ทำร้ายมนุษย์เลย
โยวไคที่ไม่ทำร้ายมนุษย์ ไม่ถือว่าเป็นโยวไค, เธอจึงน่าจะทำร้ายมนุษย์ในที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
เธอเป็นโยวไคที่สามารถออกไปยังโลกภายนอกได้โดยอิสระ จึงเชื่อกันว่าเธอออกไปทำร้ายมนุษย์ที่นั่น*
*5[บ้างก็ลือกันว่าเธอเป็นโยวไคจากโลกภายนอกที่เข้ามาเที่ยวเล่นในเกนโซวเคียว
ช่วงฤดูหนาวหรือกลางวันที่ว่านอนหลับ จริงๆแล้วอาจจะออกไปใช้ชีวิตที่โลกภายนอกก็เป็นได้
บ้างก็ลือกันว่าโลกแห่งความฝันของยูคาริก็คือโลกภายนอก]
{เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับโยวไคตนนี้}
・เหตุวุ่นวายกรณีสงครามผิวจันทร์มายา
เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆจากเมื่อพันกว่าปีก่อน
เธอปั่นป่วนอาณาเขตระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องเท็จ และบุกรุกดวงจันทร์โดยกระโดดเข้าไปในภาพเงาพระจันทร์ที่สะท้อนบนผิวทะเลสาบ
แม้จะรวบรวมเอาเหล่าโยวไคผู้เหิมเกริมไปด้วย แต่ก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่าในพริบตา เมื่อเจอกับอาวุธอันทันสมัยของดวงจันทร์
ว่ากันว่าหลังจากจบเหตุการณ์นี้, เหล่าโยวไคก็ทำการบุกรุกข้ามถิ่นของตัวเองน้อยลง
ความวุ่นวายในครั้งนี้เป็นเหตุให้แม้แต่ในหมู่มนุษย์ก็ยังรู้ซึ้งถึงพลังของโยวไคแห่งอาณาเขตตนนี้เป็นอย่างดี
・โครงการเพิ่มจำนวนโยวไค
เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆจากเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน
โครงการนี้ยูคาริเป็นผู้วางแผนและดำเนินการ เพื่อฟื้นฟูศักยภาพของโยวไคในเกนโซวเคียวที่รู้สึกถูกกดดันจากมนุษย์ซึ่งมีประชากรมากขึ้น
ก่อนหน้านี้เกนโซวเคียวเป็นเพียงหมู่เขาลึกที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์เท่านั้น
โครงการนี้จึงพยายามสร้างโลกตามหลักของเหตุและผล โดยสร้างอาณาเขตระหว่างตัวตนที่แท้จริงกับภาพมายาขึ้นรอบๆเกนโซวเคียว
เป็นโครงการที่เปิดศักราชใหม่โดย ภายในเกนโซวเคียวคือโลกมายา ส่วนโลกภายนอกคือโลกแห่งตัวตนที่แท้จริง
ดังนั้นเหล่าโยวไคที่อ่อนแรงเพราะโลกภายนอกก็จะถูกเรียกให้เข้ามาในเกนโซวเคียวโดยอัตโนมัติ
โยวไคจากต่างประเทศก็อพยพเข้ามาในเกนโซวเคียวเพราะโครงการนี้
และผลของอาณาเขตดังกล่าวยังคงมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
จุดที่ยอดเยี่ยมของโครงการนี้ก็คือ ยิ่งโยวไคหายไปจากโลกภายนอกมากเท่าไร โยวไคในเกนโซวเคียวก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ตราบเท่าที่มนุษย์เป็นผู้ครอบครองโลกภายนอก, เกนโซวเคียวก็จะเป็นของโยวไคเรื่อยไป
・เหตุวุ่นวายกรณีมหาเขตแดน
ปัจจุบันก็คือมหาเขตแดนฮาคุเรย์ซึ่งตั้งอยู่จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว*
*6[เขตแดนที่กั้นแบ่งเกนโซวเคียวกับโลกภายนอก
ถึงจะเป็นอาณาเขตตามหลักเหตุและผล แต่ไม่ว่ามนุษย์หรือโยวไคก็ไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้โดยง่าย, จัดว่าเป็นอาณาเขตที่แข็งแกร่งเอาการอยู่]
ว่ากันว่าโยวไคตนนี้เป็นหนึ่งในนักปราชญ์ผู้เสนอให้สร้างมหาเขตแดนและสร้างเกนโซวเคียวแห่งนี้ขึ้นมา
แต่ในช่วงแรกก็มีการคัดค้านจากโยวไคจำนวนมาก จนเกิดความขัดแย้งในหมู่โยวไคขึ้น
ในช่วงนั้นพวกโยวไคได้ปล่อยปละละเลยพวกมนุษย์ไป ทำให้มหาเขตแดนได้รับการยกย่องสรรเสริญในหมู่มนุษย์ชาวเกนโซวเคียว
สุดท้าย, คุณประโยชน์ของมหาเขตแดนก็ร่ำลือมาถึงเหล่าโยวไค, ปัจจุบันจึงแทบไม่มีผู้ใดต่อต้านเขตแดนนี้แล้ว
・เหตุวุ่นวายกรณียูวเรย์
อาณาเขตระหว่างโลกนี้กับโลกวิญญาณอ่อนแอลง, คนเป็นไปโลกวิญญาณได้ง่าย ยูวเรย์มาโลกนี้ได้ง่าย จนเกิดความวุ่นวาย
เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากฝีมือของโยวไคตนนี้
เนื่องจากเป็นการกระทำของโยวไคผู้ชาญฉลาด จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสังคมโยวไค*
*7[ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถตรวจสอบจนยืนยันผลได้ในขณะที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่]
เป็นเหตุวิปลาสที่ยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่ได้รับการแก้ไข
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・มีบางครั้งที่พอรู้สึกตัวอีกที ของกินที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปแล้ว, อยากให้หยุดทำสักที (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
สามารถหยิบของที่อยู่ไกลออกไปได้โดยการแอบยื่นมือออกมาจากรอยแยกของห้วงมิติในช่วงที่ไม่ทันสังเกต
・ชอบโผล่ออกมากลางบ้านเป็นประจำ อยากให้เลิกสักทีโว้ย, เข้ามาทางหน้าบ้านดีๆไม่ได้รึไงวะ (คิริซาเมะ มาริสะ)
จะผลุบๆโผล่ๆก็ให้มีขอบเขตบ้างสิ
{มาตรการรับมือ}
เธอแทบจะไม่ปรากฏตัวที่หมู่บ้านมนุษย์เลย
และขอเพียงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เธอก็จะไม่ทำร้ายมนุษย์ธรรมดา
ต่อให้มั่นใจในฝีมือของตนเองเพียงไร ก็เลิกคิดเรื่องกำราบโยวไคตนนี้ไปได้เลย
ทว่า, หากถ้าไม่ใช่การต่อสู้ที่เลวทรามจนเกินไป เธอก็จะออมมือให้โดยปรับพลังให้เท่าเทียมกับฝ่ายเรา
อย่างไรก็ดี, ความสามารถแห่งอาณาเขตของเธอนั้นไม่มีจุดอ่อนหรือวิธีป้องกันเลย
อีกทั้งยังฉลาดล้ำหน้าเหนือพลังจินตนาการของมนุษย์ไปหลายขุม, และแน่นอนว่าความสามารถทางร่างกายก็ระดับโยวไค
ต่อให้เกิดปาฏิหาริย์ก็คงไม่มีทางเอาชนะเธอได้
มาตรการรับมือที่ใช้งานกับเธอได้ผลมีแค่วิธีเดียวคือ ติดต่อคบค้ากับเธออย่างสุภาพเท่านั้น
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
มาโฮวทสึไค(จอมเวท) ~ตัวตนของเวทมนตร์ในต่างโลก~
[มาโฮวทสึไค(จอมเวท) ~ตัวตนของเวทมนตร์ในต่างโลก~]
ระดับความอันตราย : ธรรมดา
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
จอมเวท คือ โยวไคผู้หลงใหลในเวทมนตร์ จนเวทมนตร์กลายเป็นพลังในการขับเคลื่อนร่างกายไปแล้ว
ศึกษาค้นคว้าเวทมนตร์เป็นอาชีพ คิดค้นเวทมนตร์ใหม่ๆอยู่ทุกวัน
ในหมู่โยวไคด้วยกันจัดว่าเป็นโยวไคที่ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด
จอมเวทนั้นแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ จอมเวทที่เป็นมาตั้งแต่เกิด และ มนุษย์ที่กลายเป็นจอมเวท
ในตอนที่ได้กลายเป็นจอมเวทอย่างสมบูรณ์นั้น การเจริญเติบโต (การชรา) จะหยุดลง*
*1[แต่คนที่ใช้เวท"ย้อนวัยเยาว์"กับตัวเองอยู่เรื่อยๆก็มี... ...]
จอมเวทแต่กำเนิดนั้น แรกเริ่มมาก็ทำได้เพียงใช้เวทมนตร์เท่านั้น ยังคงมีการเจริญเติบโตและการชรา และอายุขัยลดลงเหมือนมนุษย์ธรรมดา
ด้วยเหตุนี้เอง จึงต้องเรียนรู้เวท "ปล่อยวาง"* และเมื่อสำเร็จวิชาแล้วก็จะกลายเป็นจอมเวทที่สมบูรณ์และมีอายุยืนยาว
*2[เวทหยุดยั้งการเจริญเติบโต, ใช้ได้กับตัวเองเท่านั้น]
กรณีของพวกที่แต่เดิมเป็นมนุษย์นั้นต้องฝึกฝนวิชาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสำเร็จเวท "ละอาหาร"*ได้ ก็จะกลายเป็นจอมเวทได้สำเร็จ
*3[เป็นเวทที่ทำให้ แม้ไม่ได้ทานอาหารก็สามารถเอาพลังเวทมาชดเชยได้, ใช้ได้กับตัวเองเท่านั้น]
หลังจากนั้นก็จะเหมือนกับจอมเวทธรรมดาสามัญทั่วไป
อย่างไรก็ดี กว่าจะได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกขานว่าจอมเวทนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร
ช่วงเวลาก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นก็ยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องดังเช่นมนุษย์ธรรมดา, จอมเวทหรือแม่มดส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นคนชรา
ทว่า การค้นคว้าวิจัยเวทมนตร์ของเกนโซวเคียวนั้นมีความก้าวหน้าสูง การศึกษาเวทมนตร์กลายเป็นเรื่องง่ายดายกว่าแต่ก่อน
ดังนั้นจึงพบเห็นจอมเวทที่เยาว์วัย (อายุน้อย) ได้ไม่น้อยเลยในเกนโซวเคียว
ในด้านรูปลักษณ์นั้นไม่สามารถหาความแตกต่างกับมนุษย์ได้
ร่างกายส่วนใหญ่เหมือนกับมนุษย์ ทำให้แลดูบอบบาง เมื่อเปรียบเทียบกับโยวไคชนิดอื่นๆ
โดยทั่วไปจะเป็นพวกหัวดีฉลาดหลักแหลม และเป็นพวกขยันใฝ่รู้ที่มีความรู้มากมายมหาศาล แต่ว่ามักจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นประจำ
*ข้อมูลความเสียหาย*
บูชายัญ, ขโมย, ลักพาตัว, หลอกลวงต้มตุ๋น
โดยเฉพาะการขโมยสัตว์ในปศุสัตว์นั้นถือเป็นความเสียหายที่รุนแรง
สัตว์ใหญ่ตัวเป็นๆคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการใช้เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่
ดูเหมือนในหมู่พวกจอมเวทเองก็กำลังกลุ้มใจที่ขาดแคลนสัตว์ใหญ่อย่างรุนแรงเช่นกัน
ความเสียหายอื่นๆที่พบได้ง่ายก็เช่น ขโมยวัตถุดิบที่ใช้ทำเหล้า หรือวัตถุหายากอย่างหินจากดวงจันทร์
บางครั้งก็ใจร้ายถึงขนาดลักพาตัวเด็กเล็กไป*
*4[แต่เด็กเล็กคนนั้นอาจกลายเป็นลูกศิษย์ของจอมเวทไปในที่สุด]
นอกจากนี้ยังมีการใช้เวทมนตร์ที่คล้ายกับมายากลมาทำการต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน
บางทีคงเป็นการหาเงินด้วยเวทมนตร์ ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็คือความพยายามในการวบรวมทุนทรัพย์นั่นเอง
หากเจอสินค้ามายากลที่น่าสงสัยวางขายอยู่ข้างทางล่ะก็ จงระวังไว้ให้ดี
*วิธีการรับมือ*
หลักสำคัญที่สุดก็คือ อย่าไว้ใจจอมเวท
โชคดีที่อีกฝ่ายมีความสามารถทางร่างกายไม่สูงไปกว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์ธรรมดา จึงสามารถทำการหนีได้ง่าย
จอมเวทที่เตรียมตัวมาอย่างเพียบพร้อมนั้นแข็งแกร่งเสียจนไม่ว่าโยวไคหน้าไหนก็เคี้ยวไม่ลงเลยทีเดียว
แต่ก็ยังคงแพ้การถูกโจมตีทางกายภาพที่ตนคาดไม่ถึง และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ถนัดศึกประชิดตัวและศึกที่ต้องใช้เวลานานอีกด้วย
สิ่งที่ควรระวังเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าได้โดนกับดักของจอมเวทเป็นอันขาด ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าไปในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม
หากพลาดพลั้งหลงเดินเข้าไปแล้ว ให้รีบหนีออกมาในทันใด หรือไม่ก็ลองบุกเข้าประชิดตัวอย่างเต็มที่ดู
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ผู้เชิดตุ๊กตาเจ็ดสี
{อลิส มาร์กาทรอยด์ Alice Margatroid }
ความสามารถ : ควบคุมตุ๊กตา
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : สถานที่ไหนก็ได้
หากพูดถึงจอมเวทที่มักจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเมื่อมีงานเทศกาล และจัดงานแสดงตุ๊กตาให้ทุกคนได้ชม ก็ต้องนึกถึง อลิส มาร์กาทรอยด์
เธอเป็นจอมเวทผู้เชี่ยวชาญการควบคุมตุ๊กตาด้วยเวทมนตร์ให้ดำเนินการแสดงได้ราวกับว่ามีชีวิต
ผมสีทอง ผิวซีดขาว, ตัวเธอเองก็ดูคล้ายกับตุ๊กตาเช่นกัน
เธอเป็นมนุษย์ที่ฝึกฝนจนกลายเป็นจอมเวท
ด้วยเหตุนี้จึงมีความเข้าใจในตัวมนุษย์เป็นอย่างดี
เธอยังเป็นจอมเวทมือใหม่ที่มีประวัติไม่มากนัก
และยังคงทานอาหารและหลับนอนเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ทั้งๆที่เธอน่าจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแล้ว
โดยปกติแล้วเธอจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบตะวันตกที่มีขนาดกะทัดรัดและเต็มไปด้วยตุ๊กตา ซึ่งตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์
เล่ากันว่าหากหลงทางในป่าเวทมนตร์จนไปถึงบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ เธอก็ยินดีให้ค้างแรม
แต่ถึงจะบอกว่าให้ค้างแรม, เธอก็ยังคงวิจัยเวทมนตร์หรือสร้างตุ๊กตาต่อไปเรื่อยๆ, แทบจะไม่มีการสนทนาจนรู้สึกน่ากลัว และอยากรีบหนีออกไปทันที*
*1[แต่การหนีเข้าไปในป่าเวทมนตร์ยามราตรีก็น่ากลัวไม่แพ้กัน จึงต้องอดทนเท่านั้น]
{ความสามารถ}
เวทมนตร์ควบคุมตุ๊กตา คือ เวทมนตร์ที่ทำให้ตุ๊กตาดูเหมือนกับมีชีวิต
มันไม่ใช่เวทมนตร์ที่มอบชีวิตให้แก่ตุ๊กตา แต่เป็นการควบคุมด้วยเส้นใยเวทมนตร์ ทำให้การควบคุมระยะไกลเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
แต่ตุ๊กตาก็จะไม่มีทางขัดคำสั่งหรือทำร้ายผู้ควบคุม
ตุ๊กตาที่เธอควบคุมนั้นไม่ได้เป็นตุ๊กตาพิเศษไปเสียทุกตัว, ส่วนมากเป็นตุ๊กตาที่แสนจะธรรมดา
ส่วนใหญ่นั้นเป็นตุ๊กตาที่เธอทำมือขึ้นมาเอง
เอาเส้นใยเวทมนตร์ติดเข้ากับตุ๊กตาทำมือ และควบคุมมันตามใจนึก*
*2[ซึ่งเธอมีความคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก, ทว่า, เส้นใยเวทมนตร์นั้นไม่ได้บังคับด้วยมือ แต่ด้วยเวทมนตร์ต่างหาก]
{กิจวัตรประจำวัน}
งานบ้านแทบทั้งหมด เช่น ทำอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาด ล้วนแต่ให้ตุ๊กตาเป็นคนทำ
แวบแรกอาจมองว่าน่าสนุกดี แต่ตุ๊กตาไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เป็นเธอต่างหากที่ควบคุมพวกมันทั้งหมด จึงจัดว่างานยุ่งเอาการ
ว่ากันว่าตุ๊กตาของเธอสามารถทำสิ่งต่างๆได้แทบจะเหมือนกับมนุษย์ทั้งหมด
แม้แต่การใช้ตุ๊กตาควบคุมตุ๊กตาก็สามารถทำได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ปล่อยให้ตุ๊กตาทำแทน
นั่นก็คือการสร้างตุ๊กตา
ดูเหมือนจะมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่เธอทำด้วยมือของตัวเอง
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ถึงจะพูดว่าควบคุมทั้งหมดด้วยตัวเองก็เถอะ แต่กลิ่นขี้ปดเหม็นหึ่งเลยว่ะ (คิริซาเมะ มาริสะ)
คิดว่าคนที่เคยเห็นมาแล้วน่าจะเข้าใจ
แต่เธอบังคับให้ตุ๊กตาหลายๆตัวทำในสิ่งที่ต่างๆกัน บางครั้งก็ร่วมมือกันทำงาน บางครั้งก็เคลื่อนไหวโดยไม่สัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์
เห็นแล้วไม่รู้สึกว่ากำลังควบคุมอยู่เลยแฮะ... ...
・ตุ๊กตาจำนวนมหาศาลลอยมาตามแม่น้ำ, นั่นเป็นฝีมือของโยวไคตุ๊กตารึเปล่า (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
อันนั้นน่าจะเป็นนางาชิบินะ (ตุ๊กตาฮินะล่องน้ำ)*มากกว่านะ
*3[เป็นการย้ายเคราะห์ร้ายและสิ่งอัปมงคลไปไว้ที่ตุ๊กตาและนำไปลอยน้ำ, ช่วงนี้จัดพิธีน้อยลงเพราะเชื่อกันว่ามันทำลายสิ่งแวดล้อม]
・ช่วงนี้เห็นมีตุ๊กตาประหลาดที่เอาตุ๊กตาใส่เข้าไปในตุ๊กตา, นั่นไม่ใช่ฝีมือของโยวไคตุ๊กตาเหรอ ? (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
นั่นมันตุ๊กตา Matryoshka (มาตรีออสคา)
(เป็นตุ๊กตาทรงกลมรี ที่มีรอยผ่ากลางตัว เปิดออกจะพบตุ๊กตาคล้ายกันอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเปิดกลางตัวได้เช่นกัน ในหนึ่งตัวใหญ่มักมีหลายชั้นซ่อนอยู่ภายใน)
{มาตรการรับมือ}
เดิมทีเธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง จึงแทบจะไม่ทำร้ายมนุษย์ธรรมดาเลย
แต่เธอเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้เกินคาด จึงเชื่อกันว่าหากท้าประลองออกไป เธอก็จะตอบรับด้วยความยินดี
เนื่องจากเธอพาเหล่าตุ๊กตามาด้วย, ถ้าเกิดการประลองขึ้นก็จะถูกบังคับให้ต้องสู้แบบถูกรุม
หากเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองพอสมควรก็ย่อมเลี่ยงศึกหนักไปไม่พ้น
และไม่ว่าจะทำลายตุ๊กตาไปสักกี่ตัวก็แทบจะไม่มีความหมายเลย ราวกับหยดน้ำลงบนหินร้อน (พยายามอันเล็กน้อยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์)
ยิ่งไปกว่านั้น, แม้แต่การทำให้ตุ๊กตาเข้ามาระเบิดตัวเองก็สามารถทำได้
จึงไม่ควรเอาใจใส่พวกตุ๊กตามากเกินไปนัก
ถึงจะดูเหมือนกับเป็นโยวไคที่ไม่อาจรับมือไหว แต่ก็มีจุดอ่อน
นั่นก็คือตัวอลิสเองนั่นแหละ
ตัวเธอแค่ควบคุมตุ๊กตาก็งานล้นมือแล้ว จึงเคลื่อนไหวช้าและมีความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวต่ำ
หากเกิดการประลองขึ้นล่ะก็ ให้พยายามเล็งที่เจ้าตัวโดยตรง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
หอสมุดใหญ่ไม่เคลื่อนที่
{แพชูลี่ โนว์เลดจ์ Patchouli Knowledge }
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์ (เน้นเวทธาตุเป็นหลัก)
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : คฤหาสน์มารแดง
หากพูดถึงมันสมองของคฤหาสน์มารแดงซึ่งเป็นที่อาศัยของปิศาจ ก็ต้องนึกถึงจอมเวท แพชูลี่ โนว์เลดจ์ คนนี้
เธอเป็นผู้รับหน้าที่แก้ไขปัญหาที่เกิดจากคฤหาสน์มารแดง*
*1[ในเวลาเดียวกัน ก็รับหน้าที่ก่อปัญหาด้วย]
รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากมนุษย์ที่ไว้ผมยาว
เธอเป็นจอมเวทแต่กำเนิด และมีชีวิตอยู่มาเกินร้อยปีแล้ว
ในช่วงร้อยปีมานี้เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ, ช่างน่าตกใจจริงๆ
เธอเชี่ยวชาญเวทมนตร์มากมาย และไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากการพัฒนาเวทมนตร์
เมื่อสร้างเวทมนตร์ใหม่ขึ้นมาได้ก็จะบันทึกลงในตำราเวทมนตร์ ทำให้จำนวนหนังสือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์มารแดงตั้งแต่เมื่อใด แต่เมื่อดูจากจำนวนหนังสือแล้ว คาดกันว่าเธอน่าจะอยู่มานานพอสมควร
{ความสามารถ}
ใช้เวทมนตร์ได้หลากหลาย เป็นจอมเวทที่สมกับเป็นจอมเวท
นิยมใช้เวทมนตร์ธาตุเป็นหลัก
เวทมนตร์ธาตุ คือ เวทมนตร์ที่ยืมพลังจากโยวเซย์และเซย์เรย์ เป็นเวทมนตร์ที่สามารถคาดหวังให้เกิดผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ได้จากขุมพลังอันน้อยนิด
(เซย์เรย์ หมายถึง วิญญาณที่สิงสถิตในสิ่งต่างๆ)
เวทมนตร์ธาตุที่เธอใช้เป็นหลักนั้นประกอบด้วยธาตุทั้งเจ็ด ได้แก่
『ไม้』 แห่งชีวิตและการตื่น, 『ไฟ』 แห่งการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหว, 『ดิน』 แห่งรากฐานและความมั่นคง,
『ทอง』 แห่งพืชผลและความอุดมสมบูรณ์, 『น้ำ』 แห่งความเงียบงันและการชำระล้าง,
『ตะวัน』 แห่งการรุกและการโจมตี, 『จันทรา』 แห่งการรับและการป้องกัน
การที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้หลากหลายก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็คือ เธอสามารถผสานธาตุสองชนิดขึ้นไปเพื่อร่ายเวทที่รุนแรงได้
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงก็มีมากมายมหาศาล เช่น ผสานไฟกับไม้เพื่อเพิ่มพลังทำลาย หรือผสานไฟกับดินเพื่อป้องกันจุดอ่อน เป็นต้น
{ตำราเวทมนตร์และมหาหอสมุด}
ตำราเวทมนตร์นั้นมิใช่หนังสือธรรมดา หากแต่เป็น Magic Item ที่ถูกบรรจุเวทมนตร์เอาไว้
เนื้อหาภายใน, ไม่ได้เขียนไว้แค่วิธีการใช้เวทมนตร์เท่านั้น แต่ได้บันทึกกุญแจลับสู่การใช้เวทมนตร์เอาไว้ด้วย
ขอเพียงมีตำราเวทมนตร์อยู่ก็สามารถใช้เวทมนตร์ที่ถูกเขียนอยู่ในนั้นได้
แต่สำหรับผู้ที่หากุญแจไม่พบนั้น, แม้แต่การแยกความแตกต่างของอักขระที่ถูกจารึกไว้ก็ยังไม่สามารถทำได้เลยด้วยซ้ำ
ต้องมีระดับฝีมือทัดเทียมหรือเหนือกว่าผู้ที่เขียนตำราเวทมนตร์นั้นๆขึ้นมา จึงจะสามารถค้นหากุญแจพบได้
อักขระที่จารึกลงในตำราเวทมนตร์นั้น บ้างก็ว่าเป็นอักษรฮิรากานะยุคเทพ บ้างก็ว่าเป็นอักขระยุคกำเนิดญี่ปุ่น, ไม่ใช่อักขระที่มนุษย์ใช้กัน
นอกจากนี้, ที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์มารแดงยังมี มหาหอสมุด, ซึ่งรวบรวมตำราเวทมนตร์เอาไว้มากมายราวกับภูเขา
ในที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยตำราเวทมนตร์ที่เธอเขียนขึ้น และตำราเวทมนตร์ที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถอ่านออกได้
หนังสืออื่นๆนอกจากตำราเวทมนตร์ก็ถูกรวบรวมมาไว้ที่หอสมุดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
หนังสือที่ไม่ใช่ตำราเวทมนตร์เหล่านี้ ส่วนมากจะเป็นหนังสือจากโลกภายนอก*
*2[หนังสือของเกนโซวเคียวจะเขียนด้วยมือเป็นส่วนใหญ่, น้อยนักที่จะมีการเข้ารูปเล่มอย่างเรียบร้อย]
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เหม็นอับฉิบหาย เจ้าหอสมุดนั่น (คิริซาเมะ มาริสะ)
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความชื้นสูง, จึงมักสร้างคลังหนังสือในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก
อาจเป็นเพราะคฤหาสน์มารแดงเป็นอาคารแบบตะวันตก จึงไม่เข้ากับประเทศญี่ปุ่นกระมัง
・บางทีก็เจอหนังสือที่อ่านออกปนๆอยู่ในนั้นน่ะน้า (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
หนังสือจากโลกภายนอกก็สามารถอ่านได้ตามปกตินั่นล่ะ
ข้าพเจ้าเองก็อยากลองอ่านดูบ้างเหมือนกัน
{มาตรการรับมือ}
แม้ว่าลักษณะเด่นของเวทธาตุคือการใช้พลังน้อยมาก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็เป็นข้อด้อยเช่นกัน
เพราะว่าเวทธาตุนั้นล้วนมีจุดอ่อนอยู่คู่กันเสมอ
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เวทมนตร์ของเธอจะมีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน
หากบังเอิญได้ประลองกับเธอล่ะก็, จำเป็นต้องต่อสู้โดยตระหนักถึงธาตุของเวทมนตร์ของเธอให้ดี
หากแต่, เธอแทบจะไม่ออกมาจากคฤหาสน์มารแดงเลย จึงเกิดการต่อสู้ได้ยากมากๆ
ขอเพียงทางเราไม่จู่โจมเข้าไป ก็คงไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น
อีกอย่าง, ความสามารถทางร่างกายของเธอนั้นอ่อนด้อยยิ่งกว่ามนุษย์
เธอเป็นโรคหอบ* จึงเคลื่อนไหวราวกับหายใจไม่ออก
*3[จากลักษณะเด่นโดยรวมของจอมเวท, เธอสามารถพูดได้เร็วมากๆด้วยเสียงเบาๆ, เห็นเธอพูดเร็วขนาดนั้นทั้งๆที่เป็นโรคหอบแล้วรู้สึกอึดอัดแทนเลย]
ในหมู่โยวไคก็ต้องจัดว่าเป็นพวกที่แปลกประหลาดน่าดู
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โยวจูว(สัตว์ภูต) ~สัตว์โลกผู้มากล้นด้วยสติปัญญาและพละกำลัง~
[โยวจูว(สัตว์ภูต) ~สัตว์โลกผู้มากล้นด้วยสติปัญญาและพละกำลัง~]
ระดับความอันตราย : สูง
ความถี่ที่พบ : ปานกลาง
ความหลากหลาย : สูง
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
แวบแรกที่เห็นอาจมองว่าเป็นสัตว์ธรรมดาๆ
แต่ว่ามีความสามารถทางร่างกายสูงมากและมีสติปัญญาขนาดที่เข้าใจภาษามนุษย์ได้, บางครั้งพบว่ามีสัตว์ที่สามารถใช้อาคมได้ด้วย
สัตว์จำพวกนี้เรียกขานกันว่า โยวจูว (สัตว์ภูต)
มักพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นจ่าฝูงของเหล่าสัตว์ธรรมดา
ลักษณะเด่นของโยวจูวคงต้องยกให้เรื่องของร่างเนื้อที่ไม่ธรรมดา
แม้ว่าความสามารถทางร่างกายจะสูงล้ำ* แต่ในทางตรงข้าม เมื่อร่างกายถูกทำลายกลับฟื้นตัวได้ยากยิ่ง
*1[ฝีเท้ารวดเร็ว กระโดดสูงลิ่ว พละกำลังแข็งแกร่ง มองเห็นได้แม้ในที่มืด มองเห็นและได้ยินสิ่งที่อยู่ไกลออกไปได้ เนื้อมีรสชาติอร่อย เป็นต้น]
และตรงข้ามกับโยวไคทั่วไปตรงที่มีความต้านทานต่อการโจมตีทางจิตสูง*
*2[เป็นพวกไม่คิดมาก]
โดยทั่วไปจะพบว่า ชนิดของสัตว์ที่เคยเป็นมาแต่เดิมนั้นมีผลอย่างมากต่อรูปร่าง ลักษณะนิสัย และความสามารถ
ความสามัคคีในหมู่เหล่าเผ่าเดียวกันนั้นมั่นคงมาก หากพวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ประสบพบเจอกับเรื่องเลวร้ายก็จะไม่มองข้ามไป
แม้จะกินได้ทั้งพืชและสัตว์แต่ก็ชอบที่จะกินเนื้อมากกว่า โดยเฉพาะเนื้อมนุษย์จะโปรดปรานเป็นพิเศษ
ว่ากันว่า หากได้กินเนื้อมนุษย์ที่มีตบะแก่กล้า*เข้าไปมากๆล่ะก็ จะสามารถกลายร่างจากสัตว์ธรรมดาเป็นโยวจูวได้
*3[ภิกษุสงฆ์ที่ผ่านการฝึกตนมาแล้วคือเป้าหมายอันเหมาะเหม็ง]
พวกที่ดุร้ายป่าเถื่อนอย่างมากก็มีจำนวนไม่น้อยและอัตราการพบเจอก็สูง จึงจัดเป็นโยวไคชนิดหนึ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
โดยทั่วไปแล้วสัตว์ภูตที่มีจำนวนหางมาก บ่งบอกว่ายิ่งมีพลังภูตที่สูงส่ง ทำให้เราสามารถประเมินระดับพลังของสัตว์ภูตตัวนั้นๆได้
*ข้อมูลความเสียหาย*
จู่โจมทำร้าย, จับกิน
การโจมตีโดยตรงเป็นความเสียหายอันดับหนึ่งที่พบเจอกันเป็นส่วนใหญ่
เพียงแค่ถูกกัดหรือถูกข่วนด้วยเล็บที่คมกริบ ก็ถือเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์แล้ว
แม้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโยวจูวโดยตรงก็อาจได้รับความเสียหายได้
เช่น จับกระต่ายได้แล้วถูกโยวไคกระต่ายพบเจอระหว่างทาง จึงถูกล้างแค้นเอา เป็นต้น
นอกจากนี้ โยวจูวบางตัวยังสามารถใช้วิชาอาคมได้ จึงจำเป็นต้องระวังตัวให้มาก
*วิธีการรับมือ*
เนื่องจากความสามารถทางด้านร่างกายแตกต่างกัน หากปะทะกันซึ่งๆหน้ามนุษย์จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก
ทว่า, โยวจูวส่วนใหญ่นั้นมีสติปัญญาต่ำ จึงมีโยวจูวไม่น้อยเลยที่ติดกับดักที่มนุษย์วางไว้อย่างจัง
บางครั้งพบว่า แม้แต่กับดักจับกระต่ายก็ยังไปติดเอาได้
กรณีที่อีกฝ่ายเข้ามาหาในสภาพพร้อมรบเต็มที่ ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อสู้ที่มีสาเหตุมาจากท้องหิวนั่นเอง
ถ้าหากมีของกินอยู่ในมือ ให้ยื่นของกินนั้นไปให้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะหนีพ้น
แต่ถ้าบังเอิญไม่มีของกินอะไรติดมือไปเลย หรือเจอโยวจูวต่อเนื่องหลายตัวจนของกินหมดเกลี้ยงกลางทางล่ะก็ คงทำได้แค่สวดมนต์เท่านั้น
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
แมวดำแห่งลางร้าย
{เชน Chen }
ความสามารถ : ใช้วิชาอาคม
ความอันตราย : ปานกลาง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ทางสัตว์, ภูเขาโยวไค
(ทางสัตว์ หมายถึง ถนนที่เกิดขึ้นเองกลางทุ่งหรือภูเขา เกิดจากการที่สัตว์ป่าเดินผ่านเป็นประจำจนแหวกเป็นทางให้เห็น)
ปิศาจแมว, จัดว่า Standard ที่สุดในหมู่สัตว์ภูตทั้งหลาย แต่ก็ยังมีอันตรายพอสมควร
(ปิศาจแมว (บาเคะเนโคะ) เป็นโยวไคญี่ปุ่นชนิดหนึ่งซึ่งต่างจาก เนโคะมาตะ แต่คนมักสับสนว่าเป็นชนิดเดียวกัน)
ในบรรดานั้น เชน คือ ภูตรับใช้*ที่คอยทำงานรับใช้ ยาคุโมะ รัน (ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง)
*1[ภูตรับใช้มิใช่เผ่าพันธุ์ แต่เป็น Software ที่ติดตั้งไว้ในตัวโยวไค, การเปิดใช้งาน Software ในที่นี้นิยมเขียนว่า เข้าสิง]
เธอเป็นปิศาจแมวแบบมาตรฐาน, มีสองหางยาวๆ และเขี้ยวเล็บที่แหลมคม*
*2[ตำแหน่งของอุ้งเท้าไม่ทราบแน่ชัด]
ในสภาพที่มีภูตรับใช้สิงสู่อยู่จะสามารถใช้วิชาอาคมได้หลากหลาย จัดว่าเป็นอันตรายอย่างมาก แต่ก็แพ้น้ำ
หากเธอโดนน้ำ ภูตรับใช้จะหลุดออกไป และกลายเป็นปิศาจแมวธรรมดา
ในสภาพปิศาจแมวธรรมดา จะกลายเป็นเหมือนกับสัตว์ คือต้องพึ่งพาร่างเนื้อในการเคลื่อนไหว, การกัดและการข่วน แต่ยังไงก็แพ้น้ำอยู่ดี
เมื่อโดนน้ำก็จะเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง
และไม่ว่าจะอยู่ในสภาพภูตรับใช้หรือปิศาจแมวธรรมดา ก็มีลักษณะภายนอกไม่แตกต่างกัน
เธอเข้าใจภาษามนุษย์, โดยเฉพาะในสภาพที่มีภูตรับใช้สิงสู่จะดูเหมือนฉลาดขนาดใช้วิชาอาคมได้
แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอมีสติปัญญาแค่เท่าเทียมกับเด็กมนุษย์ที่ตัวเท่าๆกันเท่านั้น
ปกติจะอาศัยอยู่ในภูเขาโยวไค และลงเขามาทำร้ายมนุษย์ที่หมู่บ้านทุกครั้งที่มีโอกาส
แต่ในเวลาที่เป็นภูตรับใช้ของยาคุโมะ รัน, ก็จะเคลื่อนไหวร่วมกันกับยาคุโมะ รันและยาคุโมะ ยูคาริ เป็นบางครั้ง
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・มีแมวตัวใหญ่อยู่ในโต๊ะอุ่นขา, ส่วนสูงพอๆกับมนุษย์เลย, จริงๆนะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
พวกแมวชอบนอนขดตัวกลมในโต๊ะอุ่นขาตอนฤดูหนาวนี่นะ
・พวกแมวมารวมพลกันที่หลังบ้านฉัน, พอเอาน้ำสาดใส่ก็หนีไปกันหมด (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ดูเหมือนพวกแมวจะรวมพลกันในสถานที่ลับตาคนเป็นประจำ
ในเวลาแบบนี้มักพบว่าหัวหน้าของพวกมันคือปิศาจแมวตัวที่กล่าวถึง
・เสาบ้านโดนข่วนเป็นครั้งคราว, นี่ก็เป็นฝีมือของปิศาจแมวสินะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการฝนเล็บของแมว ถ้าเป็นระดับปิศาจแมวดูเหมือนจะใช้กรรไกรตัดเล็บเสียมากกว่า
{มาตรการรับมือ}
ปิศาจแมวนั้นรวดเร็วและแข็งแรง
หากเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ก็คงยากที่จะหนีพ้น
แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่มากมาย
อย่างแรกก็คือ แพ้น้ำ
ในวันที่ฝนตกก็จะไม่คึกคะนอง, หรือถ้าวิ่งหนีลงไปในแม่น้ำก็คงไม่ตามมา
ถัดมาคือ แพ้มาทาทาบิ
หากโปรยมาทาทาบิตากแห้งออกไป เธอก็จะสูญเสียจิตต่อสู้ในทันที
ในกรณีที่ต้องเดินผ่านทางสัตว์ ควรพกมาทาทาบิติดตัวไปเผื่อไว้ด้วยสักเล็กน้อยก็ยังดี
วิชาอาคมของโยวไคตนนี้ เป็นวิชาที่ใช้การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและมีลูกเล่นในการทำให้ผู้เห็นเกิดอาการสับสน
ตอนที่คิดว่าเธอหายไปทางซ้าย เธอกลับโผล่ออกมาทางขวาซะงั้น
นี่เป็นวิชาที่ใช้ประโยชน์จากความแม่นยำและความเร็วในการเคลื่อนไหว, เป็นวิชาที่ใกล้เคียงกับมายากล
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เก้าหางจอมวางแผน
{ยาคุโมะ รัน Ran Yakumo }
ความสามารถ : ใช้ชิคิงามิ (ภูตรับใช้)
ความอันตราย : สูง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ที่ไหนก็ได้
ว่ากันว่าโยวจูว(สัตว์ภูต)นั้นยิ่งมีจำนวนหางมากเท่าไรก็ยิ่งมีพลังเวทสูงส่งเท่านั้น ยิ่งมีหางยาวเท่าไรก็ยิ่งชาญฉลาดเท่านั้น
และผู้ทรงอำนาจสูงสุดในหมู่สัตว์ภูตเหล่านั้นก็คือ จิ้งจอกเก้าหาง ยาคุโมะ รัน*
*1[ชื่อนี้เป็นชื่อที่ยาคุโมะ ยูคาริผู้เป็นเจ้านายตั้งให้, ไม่ทราบชื่อจริงที่แน่ชัด]
เธอเป็นจิ้งจอกที่มีหางขนาดใหญ่เก้าหาง และเส้นขนซึ่งทอประกายระยิบระยับก่อให้เกิดความน่าเลื่อมใสศรัทธาแผ่ซ่านออกมา
สัตว์ภูตที่แข็งแกร่งที่สุดตนนี้ทำงานรับใช้ตามคำสั่งของผู้เป็นนายซึ่งเป็นโยวไคที่แข็งแกร่งที่สุดนาม ยาคุโมะ ยูคาริ*
*2[Combination นี้จึงไร้เทียมทาน]
โดยรันเป็นภูตรับใช้ของยูคาริ
รันเป็นภูตรับใช้ที่ทำงานตามคำสั่งของยูคาริ แต่ตัวรันเองนั้นก็สามารถใช้ภูตรับใช้ได้เช่นกัน
ภูตรับใช้ของรันก็คือ เชน
แต่ดูเหมือนเชนจะพึ่งพาไม่ค่อยได้ เธอจึงไม่มอบหมายงานให้ทำสักเท่าใด
รันมีสติปัญญาสูงมาก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์
การคำนวณที่เหนือล้ำเกินจินตนาการของมนุษย์ไปไกลก็สามารถทำเสร็จได้ในพริบตา
หากแต่เธอเชี่ยวชาญการคำนวณหาคำตอบหรือวิเคราะห์สิ่งที่มีอยู่แล้ว มากกว่าการสร้างกรอบความคิดใหม่ๆ*
*3[ว่ากันว่าโลกภายนอกเรียกภูตรับใช้ว่า Computer ซึ่งมีคุณลักษณะคล้ายกับภูตรับใช้]
โดยปกติจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับยาคุโมะ ยูคาริ และทำงานต่างๆในเกนโซวเคียวแทนยูคาริ
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ก่อนหน้านี้มีจิ้งจอกมาซื้อเต้าหู้ทอดไป, เป็นสัตว์แท้ๆแต่ก็ทำได้ดีทีเดียว (ร้านเต้าหู้)
เมื่อฉลาดขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะรู้จักละอายต่อการลักขโมย
เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไคก็ไม่ต่างกัน
・เมื่อเร็วๆนี้มีจิ้งจอกเก้าหางมีด้อมๆมองๆรอบหมู่บ้าน เหมือนกำลังวัดขนาดอะไรบางอย่างอยู่
รู้สึกกังวลว่าพวกโยวไคกำลังวางแผนร้ายอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ไม่จำเป็นต้องกังวล
จิ้งจอกตัวนั้นกำลัง Check ตามกำหนดการว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงในเกนโซวเคียวหรือไม่ หรืออาณาเขตมีรอยปริแตกเกิดขึ้นหรือเปล่า
อันที่จริงเป็นงานของยาคุโมะ ยูคาริ, แต่ดูเหมือนเธอจะเบื่อเลยให้รันมาทำแทน
・หางนั่นท่าทางอุ่นดีจัง (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
ต้องอุ่นอยู่แล้ว
นั่นสัตว์ภูตที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะ
{มาตรการรับมือ}
เฉลียวฉลาด, ทรงพลัง, รวดเร็ว
หากไม่มั่นใจในฝีมือของตนเองในระดับหนึ่ง ก็ไม่ควรต่อกรกับเธอ
โชคดีที่เธอมีนิสัยรักความสงบ ไม่ชอบทำการต่อสู้ตามอำเภอใจตนเอง จึงไม่ทำร้ายใครโดยไม่มีสาเหตุ
แต่ถ้าไปรบกวนการทำงานของเธอก็จงเตรียมใจไว้ให้ดี
อาจจะเรียกว่าจุดอ่อนไม่ได้ แต่ของโปรดของเธอคือเต้าหู้ทอด, ถ้ามอบสิ่งนี้ให้เธอก็จะสามารถเลี่ยงการต่อสู้ไปได้
กรณีที่ต้องเดินเท้าผ่านทางสัตว์ อาจพกเต้าหู้ทอดติดตัวไว้เป็นเครื่องรางก็ได้
เธอมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านเป็นประจำ แต่ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
เธอแค่มาซื้อของเท่านั้น
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เนตรแดงแห่งความวิกลจริต
{เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ Reisen Udongein Inaba }
ความสามารถ : ควบคุมความวิกลจริต
ความอันตราย : ไม่แน่ชัด
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ป่าไผ่หลงทาง
ด้วยคุณลักษณะส่วนใหญ่ที่ต่างจากโยวจูว(สัตว์ภูต)อื่นๆ ทำให้ เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ เป็นโยวไคกระต่ายที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
แผ่นหลังเหยียดยาวยืนตัวตรง ไม่คล้ายพวกสัตว์สักเท่าไร
การเคลื่อนไหวก็เฉื่อยชาไม่สมกับที่เป็นสัตว์ภูต
และไม่ทำร้ายมนุษย์ทั้งๆที่เป็นสัตว์ภูต
เธอกลับหลบเลี่ยงพวกมนุษย์
ขนและหูยาวมาก
จากทั้งหมดที่กล่าวมาจึงจัดได้ว่าเธอเป็นโยวไคกระต่ายชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้อินาบะ เทอิจะเป็นผู้นำของกระต่าย แต่ผู้ที่คอยควบคุมและออกคำสั่งกับเทอิก็คือเธอนี่ล่ะ*
*1[แต่ก็มีข่าวลือว่าเทอิไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าใดนัก]
เธอจึงเป็นผู้นำกระต่ายที่แท้จริง
ว่ากันว่าหากจ้องมองนัยน์ตาสีแดงของเธอโดยตรงจะเกิดอาการวิกลจริต
เสียงของเธอนั้น, แม้พยายามฟังจับใจความก็ไม่เข้าหัวเลย, ในทางตรงข้าม ทั้งที่หนีออกห่างมาแต่ก็ยังได้ยินเสียงเธอเหมือนพูดอยู่ข้างหู
ความน่ากลัวดังกล่าวทำให้แทบจะไม่สามารถพูดคุยกับเธอโดยตรงได้เลย
โดยปกติจะอาศัยอยู่ในเรือนนิรันดร์ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไผ่หลงทาง
กิจกรรมที่ทำในที่แห่งนั้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่บางครั้งเธอก็โผล่มาขายยาที่หมู่บ้านมนุษย์
การเดินแบกยาที่ไม่น่าไว้ใจจำนวนมหาศาลของเธอก็เป็นที่เลื่องชื่ออยู่เหมือนกัน*
*2[อย่างเช่น ยาขมที่น่าสะพรึงกลัว]
{ความสามารถแห่งความวิกลจริต}
การควบคุมความวิกลจริตก็คือการทำให้จิตผิดปกติ คลุ้มคลั่ง เสียสติ, กล่าวคือเป็นการควบคุมคลื่นที่มีอยู่ในวัตถุ
หากยืดความยาวคลื่นให้ยาวขึ้น ก็จะเย็นใจไร้กังวล ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรจนไม่ยอมเคลื่อนไหว
หากร่นความยาวคลื่นให้สั้นลง ก็จะคลุ้มคลั่ง อารมณ์ความรู้สึกไม่มั่นคง ไม่สามารถพูดคุยกับคนอื่นให้รู้เรื่องได้
หากเพิ่มแอมพลิจูด ตัวตนก็จะล้นทะลัก ต่อให้อยู่ไกลเพียงใดก็สามารถเข้าใจเจตนาได้
หากลดแอมพลิจูด ตัวตนก็จะเจือจางลง ต่อให้อยู่ใกล้เพียงใดก็ไม่อาจส่งเสียงไปถึงได้
หากเลื่อนเฟส ก็จะไม่เกิดการแทรกแซง ทำให้ไม่สามารถสัมผัสตัวได้
หากกลับขั้วเฟส ก็จะเป็นการปฏิเสธตัวตน ทำให้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์
เธอใช้ความสามารถอันพลิกแพลงหลากหลายนี้ในการปั่นหัวคนจนสติแตก
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・มันเป็นตอนที่ออกไปเก็บหน่อไม้ในป่าไผ่ตั้งแต่เช้าตรู่
ตอนนั้นไม่รู้ทำไมฉันถึงเห็นหน่อไม้จำนวนมากอยู่ข้างล่างตลอดทาง
พอเจ็บเอวก็เลยลุกขึ้น
ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นโยวไคกระต่ายท่าทางประหลาดเข้า
โยวไคกระต่ายนั่นมองอะไรสักอย่างบนท้องฟ้าและบ่นพึมพำ
อย่างกับว่ากำลังคุยอยู่กับใครสักคน แต่ทางนี้ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากพระจันทร์ที่กำลังจะตกดินอยู่ตรงหน้า... ...
พอพยายามจะหนีออกจากตรงนั้นเพราะรู้สึกไม่ดี, โยวไคกระต่ายนั่นก็รู้สึกตัวและหันมา
จากนั้นก็หาーยตัวไปอย่างรวดเร็วเลยล่ะ
นั่นมันเป็นความฝันรึไง (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
อาจจะเป็นความฝันก็ได้*
*3[หรือจะบอกว่าเป็นไอ้นั่นที่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้สูงอายุดี]
(เข้าใจว่า ไอ้นั่น หมายถึง เลอะเลือน)
พฤติกรรมของโยวไคกระต่ายตนนี้ค่อนข้างแปลก ยังมีเรื่องที่ไม่ทราบแน่ชัดอยู่อีกมากนัก
{มาตรการรับมือ}
ไม่เคยมีรายงานว่าโยวไคตนนี้ทำร้ายมนุษย์
แต่นั่นไม่ใช่เพราะมีความเป็นมิตร, เพราะหลังจากเสร็จงานขายยาที่หมู่บ้านมนุษย์ เธอก็จะหายตัวเข้าไปในป่าไผ่โดยพยายามหลบเลี่ยงมนุษย์
ดูเหมือนเธอจะทานอาหารแบบเดียวกับมนุษย์อยู่เสมอ
ซึ่งตรงจุดนี้ก็แตกต่างจากโยวไคทั่วๆไป
ทว่า, ต้องเตือนไว้อย่างหนึ่งคือ ห้ามจ้องนัยน์ตาสีแดงของโยวไคตนนี้โดยตรง
จะเกิดอาการแปลกๆขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนัยน์ตาคู่นั้นให้ผลเหมือนกับพระจันทร์เต็มดวง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
กระต่ายขาวแห่งโชคลาภ
{อินาบะ เทอิ Tei Inaba }
ความสามารถ : ทำให้มนุษย์โชคดี
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ป่าไผ่หลงทาง
โยวไคกระต่ายซึ่งมีสถานะเป็นผู้นำของเหล่ากระต่ายป่าก็คือ อินาบะ เทอิ
เป็นกระต่ายที่เอาใจใส่สุขภาพของตนจนมีอายุยืนยาว
สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ และคงรูปลักษณ์แบบมนุษย์ได้
โยวไคกระต่ายตนนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า กระต่ายขาวแห่งโชคลาภ, ว่ากันว่าผู้ที่ได้เห็นเธอจะมีความสุขมาเยือน
แต่เธอรวดเร็วมาก และมักจะอยู่ในป่าไผ่หลงทาง จึงไม่สามารถหาพบได้โดยง่าย
เธอชื่นชอบการเล่นซนแกล้งคนอย่างมาก ทั้งยังฉลาดแกมโกง แต่ก็ขี้ขลาด
เธอมีอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์ค่อนข้างมาก แต่ลักษณะนิสัยใกล้เคียงพวกโยวเซย์
ว่ากันว่าเธออยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าไผ่หลงทาง และอาศัยอยู่ในเรือนนิรันดร์
ที่จริงแล้วโยวไคกระต่ายตนนี้มีตัวตนอยู่มาตั้งแต่ก่อนที่เรือนนิรันดร์สร้างเสร็จ, ว่ากันว่าเป็นโยวไคกลุ่มที่มีอายุยืนยาวที่สุดในเกนโซวเคียว*
*1[ตั้งแต่เริ่มรวบรวมเกนโซวเคียวเอนกิครั้งแรก ก็มีการยืนยันตัวตนของเธอแล้ว]
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เมื่อวันก่อน, ในที่สุดก็ได้เห็นโยวไคกระต่ายในป่าไผ่เสียที ! ทีนี้ก็จะมีความสุขอันเล็กน้อยมาเยือนตูข้าบ้างแล้ว (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
โชคดีมันไม่คงอยู่ยาวนานขนาดนั้นหรอก, ไม่ใช่ว่าใช้ดวงไปหมดกับการกลับออกมาจากป่าไผ่หลงทางโดยไม่หลงทางหรอกรึ
・เนื้อกระต่ายมีรสชาติอ่อน ดังนั้นไม่ว่าจะปรุงรสยังไงก็เข้ากันได้ (เจ้าของร้านโควรินโดว)
เนื้อกระต่ายเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมสูงในเกนโซวเคียว*
*2[ว่าไปแล้วก็เป็นของโปรดของข้าพเจ้าเช่นกัน]
・ถึงจะวางกับดักกระต่ายได้ แต่ไม่มีโยวไคกระต่ายมาติดสักเท่าไรเลยนะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
พอเป็นโยวไคกระต่ายแล้วก็ย่อมจะมีสติปัญญามากขึ้นน่ะนะ
{มาตรการรับมือ}
เนื่องจากการมอบโชคลาภ ทำให้เป็นโยวไคกระต่ายที่ได้รับความนิยมจากมนุษย์สูงอย่างน่าประหลาด แต่ก็ใช่ว่าจะหาตัวเธอพบได้ง่ายๆ
การที่เธออยู่ในป่าไผ่หลงทางยิ่งเสริมความยากในการค้นหาเข้าไปอีก
การเข้าไปในป่าไผ่เพื่อตามหาโยวไคกระต่ายตนนี้เป็นเรื่องสิ้นคิด
หมอกหนาๆกับทิวทัศน์ซ้ำๆของป่าไผ่ทำให้การรับรู้ทิศทางสับสน แถมยังมีโยวไคจำนวนมากอาศัยอยู่ จึงไม่ควรเข้าไปโดยไม่เตรียมตัวให้พร้อม
จะพูดว่า ดวงดีตอนที่พบโยวไคกระต่าย ก็คงว่าได้
จริงๆแล้วโชคดีอาจจะมาเยือนเฉพาะคนที่โชคดีอยู่แต่แรกแล้วก็เป็นได้*
*3[ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา]
จะว่าไปก็มีเล่าลือกันว่า หากเทียบกับดอก Clover สี่กลีบแล้ว โชคดีที่ได้รับจากเธอนั้นราวกับดอก Clover สี่สิบกลีบเลยทีเดียว
(ปกติแล้วดอกโคลเวอร์มีแค่ 3 กลีบ แต่ก็มีแบบ 4 กลีบปะปนอยู่ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าหาพบจะโชคดี แต่ถ้าขนาด 40 กลีบนี่มันจะโชคดีขนาดไหนกันนะ)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
จูวจิน(มนุษย์สัตว์) ~มนุษย์ภูตที่ผิดแปลก~
[จูวจิน(มนุษย์สัตว์) ~มนุษย์ภูตที่ผิดแปลก~]
ระดับความอันตราย : ต่ำ
ความถี่ที่พบ : ปานกลาง
ความหลากหลาย : ธรรมดา
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
จูวจิน คือ โยวไคที่ตามปกติแล้วจะใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆจะแปลงร่างเป็นสัตว์ได้
ในขณะที่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์นั้นก็มิใช่ว่าแสร้งทำตัวเป็นมนุษย์แต่อย่างใด เพราะจูวจินแทบจะไม่มีข้อแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย*
*1[แต่บางคนจะมีการเจริญเติบโตช้า อายุขัยก็จะยืนยาวตามไปด้วย]
ทว่า, เมื่อกลายร่างเป็นร่างสัตว์แล้วก็จะมีความสามารถทางกายภาพเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด
พลังที่เพิ่มขึ้นมานั้น ทำให้มีความสามารถทัดเทียมกับโยวจูว(สัตว์ภูต)เลยทีเดียว
แต่ต่างกันตรงที่ส่วนใหญ่แล้วจูวจินนั้นจะยังคงมีความทรงจำของมนุษย์อยู่ และมักพบว่ามีสติปัญญาดีกว่าโยวจูวด้วย
แม้ว่าจะมีน้อยครั้งที่ทำร้ายมนุษย์ แต่เนื่องจากพวกเค้ามีขอบเขตการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังอยู่บ้าง
จูวจินนั้นมีทั้งแบบที่เป็นมาแต่เกิดและเป็นหลังจากเกิด
พวกที่เป็นมาแต่เกิดนั้นถูกกำหนดโดยเชื้อสายวงศ์ตระกูลที่สืบทอดกันมา
ขณะที่พวกเป็นหลังเกิดนั้นอาจเกิดจากการถูกสาป, ต้องอาคม หรือถูกเวทมนตร์จนกลายเป็นจูวจิน
พวกที่เป็นมาแต่เกิดนั้นส่วนมากจะแปลงร่างจนกลายเป็นรูปร่างของสัตว์ได้อย่างสมบูรณ์
แต่พวกเป็นหลังเกิดนั้นจะกลายเป็นรูปร่างของคนปนสัตว์ซะมากกว่า*
*2[เขา เขี้ยว และหาง งอกออกมา]
นอกจากนี้ เงื่อนไขในการกลายร่างก็มีหลากหลาย
โดยพบว่า ปัจจัยที่เป็น Major ที่สุดก็คือ การเพ่งจันทร์เพ็ญ, การดื่มเหล้า, การโกรธจัด และการโดนน้ำ*
*3[ร่างสัตว์ เช่น สุนัข หมาป่า แมว แพนด้า ลูกหมู อะไรเทือกนั้นก็มีมากอยู่] (ล้อเรื่องรันม่า 1/2 กันเห็นๆ)
*ข้อมูลความเสียหาย*
พฤติกรรมการทำลายล้าง, คัดจมูก
โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยพบความเสียหายเท่าใดนัก
แม้บางครั้งจะมีจูวจินตื่นเตลิดถล่มทำลายถนนหนทางจนย่อยยับ
แต่ส่วนใหญ่จะมีสัมพันธ์อันดีต่อมนุษย์ เพราะคอยช่วยเหลือทำงานที่ต้องใช้แรง หรือใช้พลังที่มีขับไล่โยวไคไปจากหมู่บ้าน
สำหรับมนุษย์แล้ว, การได้ผูกมิตรกับจูวจินทำให้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จัดการได้อย่างสะดวกง่ายดาย
จึงทำให้เป็นโยวไคที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
เพียงแต่ คนที่คัดจมูกเพราะขนสัตว์ก็มี
*วิธีการรับมือ*
ถ้าจู่ๆเพื่อนบ้านกลายร่างขึ้นมาอย่างกระทันหัน เราต้องไม่ตกใจหรือหวาดกลัว
หากทางเราแสดงท่าทางหวาดกลัวจนเกินจำเป็น จูวจินก็จะตื่นเตลิดและก่อให้เกิดอันตรายได้
ในเวลาเช่นนั้นให้ใจเย็นๆ แล้วพยายามชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติ ประมาณว่า
「อา, วันนี้ก็ขนสวยขึ้นอีกขั้นแล้วนะเนี่ย」
「โอ้ เขาที่งดงามนั่น หรือว่ามันคือผลงานของเอฉิโกะยะจินเบย์*?」
*4[เหมาะเหม็ง]
ยังไงเสีย การคบหาเป็นมิตรกับจูวจินก็ไม่ใช่เรื่องขาดทุนแน่นอน
กรณีที่มีอาการคัดจมูกมากวนใจ ให้นั่งจิบชาแล้วจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง จึงควรที่จะพยายามดื่มชาทุกวัน
Tips :
- เอฉิโกะยะจินเบย์ ... ไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องการล้อเลียนถึงชื่อของอะไรกันแน่...เท่าที่สืบพบได้แก่
ชื่อร้านกิโมโนที่เปิดตัวในยุคเอโดะและเป็นที่รู้จักกันอย่างมากในญี่ปุ่น ปัจจุบันกลายเป็นห้างสรรพสินค้า มิทสึโคชิ ไปแล้ว
ชื่อร้านขายอาวุธในเกมบางเกม ซึ่งมี "เขา" ขายเป็นอาวุธด้วย
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ครึ่งสัตว์จอมเขมือบประวัติศาสตร์
{คามิชิราซาวะ เคย์เนะ Keine Kamishirasawa }
ความสามารถ : กินประวัติศาสตร์ (ร่างมนุษย์), สร้างประวัติศาสตร์ (ร่างสัตว์)
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : หมู่บ้านมนุษย์
จูวจิน (มนุษย์สัตว์) ผู้ชาญฉลาดที่สุดและมีความรู้มากมายมหาศาลก็คือ คามิชิราซาวะ เคย์เนะ คนนี้
เมื่อเห็นพระจันทร์เต็มดวง เธอจะกลายร่างเป็น ฮาคุตาคุ*
*1[ซึ่งเธอมิได้เป็นอย่างนี้มาแต่เกิด]
ฮาคุตาคุเป็นโยวไคที่จะปรากฏตัวต่อหน้ากษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม,
และบอกเล่าถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งชี้แนะหนทางที่ถูกต้อง
เธอลบประวัติศาสตร์ในยามที่เป็นมนุษย์ และสร้างประวัติศาสตร์ในยามที่เป็นฮาคุตาคุ
ประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียวเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของเธอ*
*2[เกนโซวเคียวเอนกิที่สืบทอดกันในตระกูลฮิเอดะเป็นที่ซึ่งพลังของเธอครอบคลุมมาไม่ถึง
ด้วยเหตุนี้เกนโซวเคียวเอนกิจึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของเธอ แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่ตระกูลฮิเอดะถือครองอยู่]
สิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์นั้น, หากเพียงแค่เกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์
หากไม่ขีดเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาด้วยมือของใครสักคนก็ไม่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์
เธอสามารถแต่งเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงลงไปในประวัติศาสตร์ได้, ในทางกลับกัน คดีที่เคยเกิดขึ้นจริงก็สามารถขีดฆ่าลบทิ้งไปจากประวัติศาสตร์ได้
สิ่งที่มองความจริงจากมุมเดียวนั่นล่ะคือ ประวัติศาสตร์
ความสามารถของฮาคุตาคุก็เป็นแค่เครื่องสร้างประวัติศาสตร์อันแสนสะดวกสำหรับราชาผู้ปกครองประเทศเท่านั้น
เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์ และเปิดเทระโคยะ พร้อมทั้งรวบรวมประวัติศาสตร์อยู่ที่นั่นทุกวันเรื่อยไป*
*3[ซึ่งมีความสัมพันธ์กับตระกูลฮิเอดะอย่างลึกซึ้ง, ข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ตระกูลฮิเอดะรวบรวมมานานกว่าพันปีนี้เป็นประโยชน์ต่อชั้นเรียนของเธอมาก]
(เทระโคยะ เป็นรูปแบบโรงเรียนประถมในยุคเอโดะซึ่งดำเนินงานโดยอาจารย์เพียงคนเดียว)
การทำงานดังกล่าวถือว่าเป็นงานของเธอ
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・ชั่วโมงเรียนในโรงเรียนมันเข้าใจยากจนน่าเบื๊อ~น่าเบื่ออ่ะ, อยากให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง (ลูกชายของนายช่างใหญ่)
ดูเหมือนเธอจะไม่ชำนาญเรื่องการทำให้คนอื่นสนุก
・จะว่าไป, อาคิวจังไม่ไปโรงเรียนเหรอ ? (ลูกสาวร้านดอกไม้)
ถ้าให้ข้าพเจ้าเป็นคนสอนมันต้องสนุกแน่ๆเลยล่ะ
แต่ถ้าจะเอาให้สนุกอย่างเดียว ชั่วโมงเรียนก็ไม่มีความหมาย
・ไม่ใช่อย่างนั้นสิ, หมายถึงไปเข้าเรียนน่ะ (ลูกสาวร้านขายดอกไม้)
อืーม, มันก็มีแต่เรื่องที่รู้อยู่แล้วทั้งนั้นน่ะนะ... ...
ส่วนใหญ่ก็เป็นเนื้อหาที่ข้าพเจ้ารวบรวมมาเองซะด้วยสิ... ...
{มาตรการรับมือ}
ปกติเธอเป็นคนเอาจริงเอาจังค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเกินความจำเป็น
แต่ถ้าลืมทำการบ้านก็จะมีการลงโทษที่น่ากลัวรออยู่*
*4[อย่างเช่นเอาหัวโขก]
โดยปกติเธอจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์จึงพบเห็นได้บ่อยๆ
หากเจอเธอก็ควรทักทายไปตามปกติ
เพราะท่าทางเธอจะไม่ชอบคนที่ไม่รู้จักทักทายคนอื่น
นอกจากนี้, ในคืนวันเพ็ญเธอจะกลายร่างเป็นฮาคุตาคุ
ในช่วงนี้เธอจะสะสางงานที่คั่งค้างมาตลอดหนึ่งเดือนให้เสร็จในรวดเดียว, เธอจึงหงุดหงิดเป็นพิเศษ
ดังนั้นในคืนวันเพ็ญจึงไม่ควรไปหาเธอ*
*5[ถ้าโดนหัวที่มีเขาโขกใส่มันเจ็บใช่เล่นนะ]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
คิวเคทสึคิ(ผีดูดเลือด)(แวมไพร์) ~รูปธรรมของ Charisma~
[คิวเคทสึคิ(ผีดูดเลือด)(แวมไพร์) ~รูปธรรมของ Charisma~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำสุด
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : กลางคืน
*ลักษณะเด่น*
ผีดูดเลือดปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกนโซวเคียวเมื่อหลายร้อยปีก่อน
หากเปรียบเทียบกับเหล่าโยวไคด้อยปัญญาทั้งหลายในประวัติศาสตร์ ก็จัดได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด
และยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่รับผิดชอบดูแลขั้วหนึ่งของสมดุลพลัง*แห่งเกนโซวเคียวอีกด้วย
*1[รักษาสมดุล ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ โยวไคจำพวกหนึ่งตนต่อเผ่า โยวไคภูเขา (เช่น เทนกุ กัปปะ) มนุษย์ และสัตว์]
จักรพรรดิแห่งราตรี ผู้อยู่ในบ้านอย่างสงบเสงี่ยมในยามกลางวัน และออกอาละวาดเมื่อยามตะวันตกดิน
อาหารหลักคือเลือดสดๆของมนุษย์
มนุษย์ที่ถูกดูดเลือดจนสิ้นจะไม่ตายหรือกลายเป็นยูวเรย์ แต่จะกลายเป็นซอมบี้ที่เคลื่อนไหวได้เพียงชั่วคราวก็จะแหลกสลายไปด้วยแสงอาทิตย์
ในช่วงแรกที่ปรากฏตัวในเกนโซวเคียวนั้น ได้ออกอาละวาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้าตามใจปรารถนา
ต่อมาได้เกิดมีปากเสียงกับเหล่าโยวไคที่แข็งแกร่งจนพ่ายแพ้ไป, ท้ายที่สุดก็ต้องใช้วิธีประนีประนอมโดยการทำสัญญา*ต่อกัน
*2[สัญญาของปิศาจนั้นไม่สามารถละเมิดได้อย่างแน่นอน]
เนื้อหาของสัญญาระบุว่า โยวไคจะเป็นผู้จัดหามนุษย์ที่เป็นอาหาร*ให้ แลกกับการที่ผีดูดเลือดจะไม่ทำร้ายมนุษย์ชาวเกนโซวเคียวที่ยังมีชีวิต
*3[ว่ากันว่าเป็นพวกมนุษย์จากโลกภายนอกที่ไม่มีค่าพอที่จะตาย (เช่น พวกที่จะฆ่าตัวตาย)]
แน่นอนว่า จนบัดนี้สนธิสัญญาดังกล่าวก็ยังคงมีผลอยู่
ผีดูดเลือดมีความภาคภูมิในความสามารถทางร่างกายและพลังเวทที่น่าอัศจรรย์
เพียงมือเดียวก็ยกท่อนซุงที่อายุไม้(วงปี)มากกว่าพันปีได้ เพียงพริบตาก็บินฝ่าผ่านหมู่บ้านมนุษย์ได้ เพียงหนึ่งเสียงก็เรียกเชิญปิศาจได้นับไม่ถ้วน
แยกร่างตัวเองเป็นค้างคาวจำนวนมหาศาลได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปในที่แห่งใดก็ได้ด้วยการสลายร่างกลายเป็นหมอก
บาดแผลใดๆที่ไม่ใช่หัวขาดจะหายเป็นปกติในหนึ่งค่ำคืน
หากนับเพียงความสามารถในแต่ละด้าน (เช่น พละกำลัง ความเร็ว พลังเวท ฯลฯ) อาจมีโยวไคที่มีพลังทัดเทียมกันอยู่
แต่หากคิดเหมารวมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วก็ยากจะหาตัวโยวไคที่เท่าเทียมกันได้พบ คงมีแต่ผีดูดเลือดเหมือนกันเท่านั้น
ฉะนี้แล้วจึงจัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีมนต์เสน่ห์ในระดับสูงสุด
แต่อาจเป็นเพราะความสามารถทางร่างกายที่น่าอัศจรรย์นี้เองที่ก่อให้เกิดจุดอ่อนมากมาย
มีตั้งแต่ แพ้แสงแดด ทำให้ยามกลางวันจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
โดนน้ำไหลใส่ไม่ได้ ทำให้ในวันที่ฝนตกก็จะสงบเสงี่ยมเรียบร้อย และไม่เดินข้ามแม่น้ำด้วย
ไม่เข้าใกล้หัวปลาซาร์ดีนและกิ่งฮิอิรากิสับละเอียด , ผิวหนังจะแสบร้อนเมื่อถูกขว้างด้วยถั่วคั่ว*
*4[แต่ดูเหมือนจะชอบถั่วหมักนะ]
(นัยถึงเครื่องรางที่ทำจากหัวปลาซาร์ดีนและกิ่งฮิอิรากิสับละเอียด ใช้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในพิธีเซทสึบุน)
(โดยเชื่อว่ากิ่งฮิอิรากิจะทิ่มตา ส่วนปลาซาร์ดีนจะทำให้แสบจมูก)
*ข้อมูลความเสียหาย*
เหตุวิปลาส
เนื่องจากเป็นแวมไพร์คลาส การทำร้ายมนุษย์โดยตรงจึงเป็นเรื่องต้องห้าม
ดังนั้น แม้จะพบปะกันซึ่งๆหน้าก็ไม่อันตรายเท่าใดนัก
ส่วนมากจะทำให้เกิดเหตุวิปลาสขึ้นในเกนโซวเคียวแทน
โดยชักนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ธรรมชาติหรืออะไรบางอย่าง เพื่อความสะดวกของตนเอง
ชีวิตอันสงบสุขของมนุษย์จึงถูกคุกคามอย่างเลี่ยงเสียมิได้
เหตุจูงใจให้ก่อเหตุวิปลาสนั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากความอยากรู้อยากเห็นหรือเพื่อแก้เบื่อเท่านั้นเอง
*วิธีการรับมือ*
กรณีที่เกิดเหตุวิปลาสขึ้น ไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว นอกจากไปไหว้วานผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถพอจะแก้ไขเหตุวิปลาสได้เท่านั้น
ส่วนมนุษย์ที่ไม่มีความสามารถอะไรนั้น เพียงหาหนทางอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ตนเองมีชีวิตรอดจนจบเรื่องได้ก็พอแล้ว
นอกเหนือจากช่วงเวลาอย่างนั้นแล้ว ผีดูดเลือดก็ไม่ต่างจากสุภาพชนธรรมดา
มีอันตรายเพียงน้อยนิดเท่านั้น
แต่เพราะอย่างนั้นจึงไม่ควรไปทำให้โกรธขึ้นมา
ต่อให้ไม่ได้เจตนา ก็ไม่ควรไปแหย่จุดอ่อนของผีดูดเลือด
และการโจมตีใส่ผีดูดเลือดแบบทีเล่นทีจริงมีแต่จะทำให้มันเกิดความพิโรธเท่านั้น
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้จุดอ่อนของผีดูดเลือดเอาไว้ให้ดี
Tips :
- Charisma เป็นคำที่มีความหมายหลายหลากในตัวของมัน ทำให้แปลเป็นไทยได้ยาก จึงเลือกที่จะทับศัพท์ไปทั้งอย่างนั้น
โดยทั่วไปจะหมายถึง เสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คน นอกจากนี้ยังหมายถึง อำนาจ วาสนา บารมี พรสวรรค์ ความสามารถพิเศษ พลังเหนือมนุษย์
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ปิศาจแดง
{เรมิเลีย สคาร์เลท Remilia Scarlet }
ความสามารถ : ควบคุมชะตา
ความอันตราย : สูงมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ต่ำมาก
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ละแวกใกล้เคียงคฤหาสน์มารแดง
หากกล่าวถึงผีดูดเลือดที่ได้รับการยืนยันตัวตนในเกนโซวเคียว ก็ต้องนึกถึงตระกูลสคาร์เลทที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์มารแดง
เจ้าของคฤหาสน์ดังกล่าวคือ ปิศาจแดง* เรมิเลีย สคาร์เลท ตนนี้
*1[เธอถูกผู้คนเรียกว่าปิศาจแดงตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในเกนโซวเคียว,
ต้นเหตุมาจากการที่ชอบทำเลือดหกเลอะใส่ชุดสีขาวจนมันถูกย้อมกลายเป็นสีแดง]
แม้รูปร่างกับวิธีคิดจะเหมือนกับเด็กๆ
แต่ความจริงเธอมีชีวิตอยู่มานานเกินห้าร้อยปีแล้ว และมีความภาคภูมิในความสามารถทางร่างกายที่น่าอัศจรรย์สมกับที่เป็นผีดูดเลือด
เธอตัวเตี้ยราวกับเด็กที่ยังอายุไม่ถึงสิบขวบ แต่กลับมีปีกที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับความสูงของตัวเองอยู่ที่แผ่นหลัง
หากมองเห็นแค่ Silhouette (ภาพเงาบนพื้นขาว) จะเห็นว่าค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังหยิ่งยโสโอหังเอาการ
ความประพฤติก็เหมือนกับเด็กๆ จึงมีทั้งความสามารถทางร่างกายที่น่าอัศจรรย์และความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีวันสิ้นสุดอยู่ด้วยกัน
และมันจะระเบิดออกมาเมื่อไรก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จึงเป็นปิศาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ในเวลากลางวันจะนอนอยู่ในคฤหาสน์มารแดง
พอตกดึกก็ออกมาเดินเล่น บ้างก็จัดงานปาร์ตี้ และสนุกสนานเฮฮาอย่างเต็มที่เท่าที่ทำได้ พอเหนื่อยก็เข้านอน
ความสามารถในการควบคุมชะตานั้น สามารถชักนำชะตาอันพลิกผันมาสู่ผู้ที่อยู่ใกล้เธอได้ ถึงจะไม่รู้ว่าเธอรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้หรือไม่ก็เถอะ
ว่ากันว่าเพียงแค่ถูกเธอส่งเสียงทัก ก็ทำให้วิถีชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้แล้ว
ดูเหมือนในช่วงแรกจะมีโอกาสพบเจอของหายากมากขึ้น*
*2[จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะมันเป็นความสามารถที่มองผลลัพธ์ไม่เห็นด้วยตาเปล่าน่ะนะ]
{เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับโยวไคตนนี้}
・เหตุหมอกแดงวิปลาส
เหตุวิปลาสที่ทำให้ตัวตนของคฤหาสน์มารแดงกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่มนุษย์
เป็นเหตุวิปลาสที่มีหมอกหนาสีแดงปกคลุมเกนโซวเคียวจนแสงแดดส่องมาไม่ถึงพื้นดินและอุณหภูมิไม่สูงขึ้นทั้งๆที่เป็นฤดูร้อน
เพียงแค่สูดเอาหมอกนี้เข้าไปก็ทำให้อารมณ์เสีย เหล่ามนุษย์ไม่สามารถออกมาจากหมู่บ้านหรือแม้แต่บ้านของตัวเองได้เป็นเวลาหลายวัน
ในที่สุดก็ค้นพบว่าเป็นเหตุวิปลาสที่มีสาเหตุมาจากการกระทำที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
โดยต้นกำเนิดของหมอกคือเรมิเลีย, เธอคิดว่า แค่เพียงช่วงชิงแสงแดดไปจากเกนโซวเคียว ก็จะสามารถเฮฮาได้แม้แต่ในเวลากลางวัน
ว่ากันว่าในท้ายที่สุด, มิโกะที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าฮาคุเรย์ได้ลงโทษเธอและแก้ปัญหานี้จนคลี่คลายลงไป
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・เมื่อเร็วๆนี้เห็นเธอกางร่มกันแดดชมดอกไม้อยู่ล่ะ, ทั้งๆที่แพ้แสงแดดแต่ก็ไม่ยอมชมดอกไม้ยามค่ำเลยแฮะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
เธอเป็นผีดูดเลือดที่พบเห็นได้บ่อยๆในเวลากลางวัน
ดูเหมือนร่มกันแดดจะเหมาะสมที่สุดในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตนะ
・เมื่อเร็วๆนี้เห็นเธอชมดอกไม้ยามค่ำอยู่ล่ะ, แพ้แสงแดดมันก็ต้องชมดอกไม้ยามค่ำนั่นล่ะนะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
สรุปว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะชมดอกไม้ตลอดทั้งวัน
・พอได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนในคฤหาสน์มารแดง และนอนค้างอยู่หลายวัน
ถึงจะบอกว่าเป็นบ้านของปิศาจแต่ก็มีน้ำใจเกินคาด
เพียงแต่ที่นั่นไม่ค่อยมีของที่กินได้ และเอะอะหนวกหูจนนอนไม่หลับทุกคืน เลยรีบหนีออกมานี่ล่ะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
ผีดูดเลือดเป็นสุภาพชนเกินคาด
โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่กินมนุษย์ชาวเกนโซวเคียวนี้นับว่าเกินคาดยิ่งกว่า (รักษาสัญญาได้ดีเกินคาด)
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าถูกเปลี่ยนชะตาที่จะต้องตายอย่างหมาข้างถนนเป็นชะตาแบบอื่นน่ะนะ*
*3[ว่ากันว่ามีอยู่บ้างเหมือนกันที่กลายเป็นมนุษย์ภูตเพราะชะตากรรมที่ถูกเปลี่ยนไป]
{มาตรการรับมือ}
แม้จะเป็นโยวไคที่มีจุดอ่อนอยู่มากมาย แต่การไปแหย่เธอด้วยการเล่นงานจุดอ่อนนั้นไม่ใช่แผนการที่ดีเลย
ความตั้งใจเพียงครึ่งๆกลางๆไม่มีวันกำราบเธอลงได้ มีแต่จะทำให้เธอโกรธ และถูกซัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างง่ายดายยิ่งเท่านั้น
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอันเหลือล้นของเธอ ทำให้บางครั้งก็นึกอยากชวนมนุษย์มาร่วมงานปาร์ตี้ บ้างครั้งก็นึกอยากจะไปเล่นที่หมู่บ้านมนุษย์
แต่เพราะนิสัยแบบเด็กๆของเธอ จึงต้องติดต่อคบค้ากับเธอโดยระวังไม่ให้เธออารมณ์เสีย ไม่งั้นอาจทำให้เธอโกรธได้
ไม่พ้นต้องยอมทำตามความเอาแต่ใจของเธอแต่โดยดี
ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น แม้แต่กับโยวไคเธอก็ยังชอบคิดว่า 『ไม่มีผู้ใดเลิศล้ำกว่าตนเอง』
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็หยิ่งยโสอย่างแรงกล้า และมีความเป็นมิตรต่ำต่อทุกๆคน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
น้องสาวของปิศาจ
{ฟรันเดิล สคาร์เลท Frandle Scarlet }
(คาดว่าเกิดความผิดพลาดในการเขียนกำกับชื่อภาษาอังกฤษ ชื่อที่คาดว่าถูกต้องคือ ฟลังดร์ (Flandre) แต่จะขอนำเสนอตามความเป็นจริง)
ความสามารถ : ทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ความอันตราย : สูงมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ต่ำมาก
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : คฤหาสน์มารแดง
คฤหาสน์มารแดงมีผีดูดเลือดอยู่สองตน
คนพี่คือจ้าวแห่งคฤหาสน์มารแดง เรมิเลีย สคาร์เลท, และคนน้องคือ ฟรันเดิล สคาร์เลท
ฟรันเดิลแทบจะไม่ได้ออกมาจากคฤหาสน์มารแดงเลย* แม้แต่มนุษย์ที่เข้าไปในคฤหาสน์มารแดงยังพบเธอเพียงบางครั้งเท่านั้น
*1[ลือกันว่าเธอถูกขังเอาไว้ บ้างก็ว่าเธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน]
เธอมีปีกประหลาดที่ส่องแสงเจ็ดสี และมีผมสีเหลืองอ่อน, ส่วนสูงและอายุดูจะใกล้เคียงกับพี่สาวของเธอ
ปีกทั้งสองที่อยู่บนหลังของเธอนั้นมีรูปทรงอันผิดแปลกที่ไม่ว่าจะเป็นโยวไค ยูวเรย์ หรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นใดก็ไม่สามารถจินตนาการออกได้
แม้แต่ในคฤหาสน์มารแดงก็มีโยวไคน้อยตนนักที่สนิทสนมกับเธอ เธอจึงโดดเดี่ยวอยู่เสมอ
แม้แต่เรมิเลียผู้เป็นพี่สาวก็ยังไม่ค่อยพบเห็นว่าอยู่ด้วยกันกับเธอ
อาจเพราะเหตุผลดังกล่าว เธอจึงเป็นโยวไคที่ยังมีปริศนาอยู่มากมาย
เธอมีความสามารถในการทำลายล้าง, ว่ากันว่าทุกสิ่งจะถูกทำลายจนสิ้น ไม่ว่าเธอจะพยายามสัมผัสหรือพยายามจะไม่สัมผัสมันก็ตาม
ต่อให้เล่นกับเธอ, ของที่สร้างขึ้นมาเล่นกับเธอก็ล้วนถูกทำลายไปทีละชิ้น ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเล่นด้วย
ต่อคำถามที่ว่า เธอทำลายสิ่งต่างๆได้อย่างไร
วัตถุทั้งหลายทั้งมวลล้วนมี 『ตา』 เป็นส่วนที่ตึงเครียดที่สุด, เมื่อเสริมพลังเข้าไปตรงจุดนั้นก็จะสามารถทำลายมันได้ในพริบตา
เธอสามารถเคลื่อนย้าย 『ตา』 นั้นมาสร้างไว้กลางฝ่ามือของตัวเองได้
กล่าวคือ, เมื่อเธอขยี้ 『ตา』 ที่อยู่กลางฝ่ามือของตัวเอง*, วัตถุนั้นๆก็จะพังพินาศไป
*2[เมื่อเธอกำหมัด เป้าหมายจะถูกทำลาย]
เป็นความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีหนทางใดจะต้านทานได้
(คำว่า ความเครียด นี้เป็นศัพท์ทางฟิสิกส์ กล่าวคือ หากวัตถุนั้นมีความเครียดถึงขีดสุดแล้ว ยังเพิ่มแรงเข้าไปอีก วัตถุนั้นจะแตกหักหรือเปลี่ยนรูป)
(สมมติว่าวัตถุชิ้นหนึ่งมีค่าความเครียด(แบบตึง)สูงสุด =1.5 แสดงว่าจับยืดให้ยาวได้มากกว่าเดิม 1.5 เท่า ถ้าดึงมากกว่านี้ก็จะขาดหรือไม่หดกลับ)
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・พอลอบเข้าไปในคฤหาสน์มารแดงอย่างองอาจ ก็จะเจอกับน้องสาวเป็นบางครั้งอ่ะน้า
ถึงจะผ่านไปได้โดยไม่ทำให้เธอรู้ตัวเลยก็เถอะ แต่อุตส่าห์ลอบเข้ามาทั้งทีก็ไม่อยากให้โผล่ออกมาเลยว่ะ (คิริซาเมะ มาริสะ)
ช่างเป็นการรายงานตามใจตัวเองที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้
・ปีกแบบนั้นไม่น่าจะบินได้เลยนะ (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
เห็นด้วย*
*3[แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทุกคนก็บินได้ทั้งๆที่ไม่มีปีกอยู่แล้ว]
・ตอนที่ถูกเชิญไปงานปาร์ตี้กลางแจ้งของคฤหาสน์มารแดง, พอหันไปมองตัวคฤหาสน์ก็บังเอิญเห็นเงาของคุณหนูเล็กกำลังด้อมๆมองๆอยู่
น่ากลัวจริงๆ
เห็นแค่ Silhouette (ภาพเงาบนพื้นขาว) ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงไม่ค่อยได้ถูกเชิญมาร่วมงานปาร์ตี้สักเท่าไรน่ะนะ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
อย่างกับหนังสยองขวัญเลย
{มาตรการรับมือ}
เนื่องจากแทบจะไม่ได้เห็น ไม่ได้พบเจอ จึงไม่สามารถแนะนำอะไรได้
แต่ขอให้จำใส่กะโหลกไว้อย่างหนึ่งว่า ในคฤหาสน์มารแดงมีผีดูดเลือดอยู่สองตน
แม้เรมิเลียผู้พี่จะไม่อยู่บ้าน แต่ในบ้านก็ยังมีผีดูดเลือดอยู่ จึงไม่ควรลอบเข้าไปโดยขาดความระมัดระวัง
ความสามารถของเธอมีปริศนาอยู่มากมาย
ไม่มีใครทราบเลยว่า สามารถทำลายได้ถึงขั้นไหน ? ระยะหวังผลเท่าไร ? ขนาดของเป้าหมายที่หวังผลได้คือเท่าไร ? เป็นต้น
สามารถบอกได้แค่อย่างเดียวคือ มันเป็นความสามารถที่อันตรายอย่างร้ายแรงที่สุด
ขอเสริมอีกนิดว่า เธอเองก็มีความสามารถทางร่างกายระดับยอดมนุษย์ของผีดูดเลือดอยู่เช่นกัน จึงไม่มีทางเอาชนะได้อย่างแน่นอน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โบวเรย์(วิญญาณ) ~จิตใจของมนุษย์อันแสนบริสุทธิ์~
[โบวเรย์(วิญญาณ) ~จิตใจของมนุษย์อันแสนบริสุทธิ์~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
วิญญาณของผู้ตายที่ไม่รู้ตัวว่าตายหรือตั้งใจมั่นที่จะไม่ยอมรับความตายอย่างแน่วแน่ จะไม่บรรลุนิพพานและกลายเป็นโบวเรย์
โบวเรย์นั้นต่างจากยูวเรย์ตรงที่ยังคงมีรูปร่างเหมือนสมัยที่ยังมีชีวิต สามารถสัมผัสจับต้อง และพูดคุยได้เหมือนคนปกติ
หากมองผ่านๆจะแยกไม่ออกเลยว่าแตกต่างจากมนุษย์
อุณหภูมิร่างกายก็ไม่ต่ำ, นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากมนุษย์ที่กลายเป็นโบวเรย์ได้
โบวเรย์ส่วนใหญ่จะไม่ข้ามแม่น้ำ(ซันสึ)และยึดติดอยู่กับโลกเดิมทั้งอย่างนั้น หรือไม่ก็ไปอาศัยอยู่ในเมย์ไค(โลกวิญญาณ)หรือนรก
ไม่เวียนวนในวัฏสงสารอีกต่อไปด้วยสถานภาพอย่างนั้น
โดยทั่วไป หากกลายเป็นโบวเรย์แล้วไม่หาทางบรรลุจุดประสงค์ของตน หรือได้รับการสวดส่งวิญญาณผ่านทางร่างเนื้อของตน ก็จะไม่มีวันได้นิพพาน*
*1[กรณีของพวกที่ไม่รู้ตัวว่าตายไปแล้ว เมื่อได้เห็นศพของตัวเองแล้วถึงกับดับสูญไปเลยก็มี]
เพียงแค่เสียงของโบวเรย์ก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจของมนุษย์ได้โดยง่าย หากสนทนาด้วยอย่างไม่ระวังก็จะเป็นอันตราย
โดยเฉพาะเมื่อถูกคุกคามโดยโบวเรย์ที่มีจิตพยาบาทชิงชัง ต้องรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อหาร่างจริง*ให้พบแล้วทำการสวดส่งวิญญาณโดยเร็ว
*2[ศพ]
หากมองในอีกแง่หนึ่งจะพบว่า จุดอ่อนของโบวเรย์ก็คือร่างจริงนั่นเอง*
*3[เพราะศพขยับไปไหนไม่ได้]
โบวเรย์จึงมักจะปกปิดซุกซ่อนศพของตนและไม่เปิดเผยต่อผู้อื่นผู้ใด
แม้ไม่มีร่างเนื้อแต่ก็ไม่ได้เลือนรางขนาดยูวเรย์ จึงยังคงสามารถสัมผัสสิ่งต่างๆได้
ในทางตรงข้าม โบวเรย์กลับไม่ถนัดที่จะปล่อยให้วัตถุทะลุผ่านร่างของตนไป*
*4[เนื่องจากพวกที่เชื่อว่าตนยังไม่ตายนั้นมีอยู่มาก]
อนึ่ง แม้จะพูดกันว่าสามารถสัมผัสได้, แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีร่างเนื้อ จึงไม่มีวันเกิดบาดแผลได้
*ข้อมูลความเสียหาย*
คลุ้มคลั่ง, กลายเป็นยูวเรย์
หากใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์จนมองผ่านๆแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นโบวเรย์ล่ะก็ นับว่าน่ากลัวที่สุด
เมื่อสัมผัสกับผู้ตายอย่างโบวเรย์, มนุษย์จะถูกชักจูงไปสู่ความตายโดยไม่รู้ตัว, แม้ว่าโบวเรย์ตนนั้นจะไม่มีเจตนาร้ายก็ตาม
มีบ้างเหมือนกันที่โบวเรย์ตนนั้นเป็นญาติหรือเพื่อน จึงลังเลที่จะสวดส่งวิญญาณ และสุดท้ายก็อาศัยอยู่ร่วมกัน
แวบแรกอาจดูเหมือนว่า แม้ตายไปแล้วก็ยังคงร่วมชีวิตกันต่อไปได้อย่างมีความสุขก็ตาม
แต่นั่นทำให้โบวเรย์ตนนั้นหลุดออกจากวัฏสงสาร, ต้องร่อนเร่ไปตลอดกาล เมื่อรู้สึกตัวว่าครอบครัวของตนทุกคนได้ตายจากไปหมดแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ โบวเรย์ที่มีความพยาบาทอาฆาต
ด้วยข้อดีที่รูปลักษณ์เหมือนมนุษย์นั้นทำให้เหมาะแก่การหลอกลวงมนุษย์และตามฆ่าจนลุแก่ความแค้นของตนนั่นเอง
*วิธีการรับมือ*
หากถูกโบวเรย์เพ่งเล็งล่ะก็ ไม่มีวิธีการเลี่ยงหนีอื่นใดนอกเสียจากขอร้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำการสวดส่งวิญญาณให้
ทว่า ความน่าสะพรึงกลัวของโบวเรย์ก็คือ การสิงสู่ติดตามผู้เสียหายนั่นเอง
ต่อให้เป็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยเพียงไร หากนั่นเป็นใบหน้าของคนที่น่าจะตายไปแล้ว
ก็ควรทำใจยักษ์ แล้วขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการสวดส่งวิญญาณไปเสีย
และไม่ควรไปก่อความแค้นอะไรกับใคร
โดยเฉพาะในกรณีที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนา ให้รีบสวดส่งวิญญาณและสำนึกผิดโดยเร็วที่สุด
แต่หากเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนาล่ะก็, ถึงถูกตามฆ่าก็เป็นเพราะกรรมตามสนองนั่นล่ะนะ... ...
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
วิญญาณฝันกลางวัน
{ไซเกียวจิ ยูยูโกะ Yuyuko Saigyouzi }
ความสามารถ : ควบคุมความตาย
ความอันตราย : สูงมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : สูง
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : โลกวิญญาณ
คุณหนูแห่งตระกูลไซเกียวจิซึ่งอาศัยอยู่ในตำหนักหยกขาวแห่งโลกวิญญาณ
เธอเป็นโบวเรย์(วิญญาณ)อย่างนี้มาเกินพันปีแล้ว, เป็นโบวเรย์ที่อายุยืน*อย่างประหลาดสุดๆ
*1[อายุยืน ?]
เนื่องจากเธอไม่มีความแค้นกับใคร จึงถูกซื้อความสามารถในการบังคับควบคุมยูวเรย์ และได้รับคำสั่งจากท่านเอนมะ(ยมบาล)ให้คอยควบคุมดูแลยูวเรย์
โดยแลกกับการอนุญาตให้ตั้งรกรากอย่างถาวรในโลกวิญญาณ
รูปร่างไม่แตกต่างจากมนุษย์
ว่ากันว่าสีผิวและสีผมซีดลง เมื่อเทียบกับตอนที่ยังมีชีวิต
ว่ากันว่าร่างเนื้อของเธอถูกผนึกไว้ในตำหนักหยกขาวแห่งโลกวิญญาณ จึงไม่สามารถสวดส่งวิญญาณได้ตราบจนชั่วนิรันดร์
กล่าวคือ ต้องมีชีวิต*ในฐานะโบวเรย์(วิญญาณ)ไปตลอดกาล
*2[มีชีวิต ?]
เธอมีนิสัยร่าเริงสดใสอย่างมาก จนจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองมาอยู่ในโลกวิญญาณนี้นานเท่าไรแล้ว
คงเพราะสาเหตุนั้นกระมัง เธอจึงจำไม่ได้ว่าทานมื้อเช้าไปแล้ว*
*3[หรือเพราะความจำเลอะเลือน]
{ความสามารถ}
ความสามารถในการควบคุมความตาย เป็นพลังที่สามารถฆ่าคนที่ไม่ขัดขืนได้ตามชื่อความสามารถนั้น
นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมยูวเรย์(ผี)ของคนตายได้
หากถูกเธอหมายตาเข้าก็เท่ากับจบเห่แล้ว
{เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับโยวไคตนนี้}
・ซากุระที่ถูกเรียกขานว่า ไซเกียวอายาคาชิ
บิดาของเธอเป็นยอดกวีผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการสรรเสริญจากมนุษย์มากมาย และหลับใหลใต้ต้นซากุระตามความประสงค์ของตัวเอง
หลังเสียชีวิตก็ยังคงได้รับการสรรเสริญเรื่อยมา, ปัจจุบันได้กลายเป็นเทวดาและอาศัยในสวรรค์
เมื่อซากุระต้นนี้บานสะพรั่ง จะมีผู้เดินทางมาตาย ณ ที่นั้น เป็นประจำทุกปีไม่มีขาด โดยยึดเอาบิดาของยูยูโกะเป็นแบบอย่าง
ต้นซากุระได้ดูดเลือดผู้คนอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นโยวไคซากุระที่มีพลังชักจูงผู้คนไปสู่ความตาย และถูกเรียกขานว่า ไซเกียวอายาคาชิ
ปัจจุบัน ไซเกียวอายาคาชิตั้งอยู่ในตำหนักหยกขาวแห่งโลกวิญญาณ
ว่ากันว่าร่างเนื้อของยูยูโกะและมนุษย์จำนวนมากหลับใหลอยู่ใต้ไซเกียวอายาคาชิ เพื่อผนึกไซเกียวอายาคาชิเอาไว้
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่บานสะพรั่งอีกเลย
・โครงการอพยพยูวเรย์
เป็นเรื่องเมื่อประมาณยี่สิบถึงสามสิบปีก่อน
การนิพพานถูกจำกัด* ทำให้มียูวเรย์ตกค้างอยู่ในโลกวิญญาณเป็นจำนวนมาก
*4[สวรรค์เป็นปลายทางของผู้ที่ตัดขาดจากการเวียนว่ายตายเกิด, ปัจจุบันจึงอยู่ในสภาพอิ่มตัวแล้ว]
โลกวิญญาณอันกว้างใหญ่เองก็เริ่มถูกกดดันจากยูวเรย์มากขึ้นเรื่อยๆ
เธอจึงทำการอพยพเหล่ายูวเรย์ไปตามที่ต่างๆในโลกนี้* และให้อดทนรอสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะได้รับชีวิตใหม่ (ได้ไปเกิดใหม่)
*5[รวมถึงโลกภายนอกด้วย]
สถานที่ซึ่งไม่น่าจะมีผู้ใดเข้าใกล้อย่างเช่น โรงเรียนร้าง โรงพยาบาลร้าง หรือตึกร้าง ถูกเลือกใช้เป็นศูนย์อพยพ
แต่เหล่ายูวเรย์ก็ถูกเห็นโดยมนุษย์โลกภายนอกผู้ชื่นชอบของแปลก และผลก็คือ มันกลายเป็นสถานที่ที่มนุษย์ชอบมารวมตัวกันโดยไม่ทราบสาเหตุ*
*6[Mystery Spot]
(Mystery Spot เป็นชื่อของแหล่งท่องเที่ยวเพื่อชมเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ตั้งอยู่ในเมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา)
สุดท้ายท่านยมบาลก็มาสะดุดตาโครงการนี้เข้า และกล่าวว่าการที่ยูวเรย์กลายเป็นของตั้งโชว์นั้นไม่ดี จึงต้องยกเลิกโครงการไป
ในท้ายที่สุด ท่านยมบาลได้ทำการขยายที่ดินของโลกวิญญาณให้กว้างขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องทำการอพยพอีกต่อไป
ว่ากันว่าโลกวิญญาณในปัจจุบันนั้นกว้างขวางยิ่งกว่านรกเสียอีก
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・อา... ปีนี้ก็คงไปชมดอกไม้ที่โลกวิญญาณอีกล่ะนะ (คิริซาเมะ มาริสะ)
ซากุระของโลกวิญญาณก็เป็นที่นิยมสุดๆของมนุษย์ที่มีชีวิตเหมือนกัน
・อาศัยอยู่ในอาคารใหญ่โตแบบนั้นคงทำความสะอาดลำบากแย่เลยน้า, น่าอิจฉาจังเลยน้า (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
ดูเหมือนจะยกงานบ้านให้ยูวเรย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปจัดการน่ะนะ
{มาตรการรับมือ}
ตามปกติแล้วคงไม่มีโอกาสได้พบกับเธอ
โดยทั่วไปแล้วเธอจะอยู่ในโลกวิญญาณ หากต้องการอะไรในเกนโซวเคียวก็จะใช้งานเหล่ายูวเรย์ให้ไปทำธุระแทน
แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือ หลังจากที่ตายไปแล้ว
โดยปกติเมื่อถึงแก่กรรมก็จะเดินไปตามถนนครึ่งเป็น ข้ามแม่น้ำซันสึ และรับการพิพากษาของสิบราชันย์ที่ฮิกัน
ขอเพียงไม่ได้ทำความชั่ว ก็จะได้ไปยังโลกวิญญาณ และได้กลับชาติมาเกิดใหม่หรือนิพพานไป
หากเป็นที่นี่จะต้องได้เห็นเธออย่างแน่นอน
ถ้าทำให้เธอโกรธขึ้นมาก็จะพบกับเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว
แรกๆก็คงถูกดาบของคอนปาคุตัดวงจรการเวียนว่ายตายเกิด หนักกว่านั้นก็คือถูกเธอส่งกลับไปยังฮิกัน และต้องตกนรกสถานเดียว
ดังนั้นมาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเอาไว้ก่อนตายก็ไม่เลว
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เทนกุ ~เทพแห่งขุนเขาผู้ก่อให้เกิดสายลม~
[เทนกุ ~เทพแห่งขุนเขาผู้ก่อให้เกิดสายลม~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ปานกลาง
ความหลากหลาย : ธรรมดา
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ภูเขาโยวไค
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
โยวไคที่ถูกยกย่องเป็นเทพเจ้าซึ่งอาศัยอยู่ในภูเขา
โยวไคที่เป็นที่รู้จักมักคุ้นมาแต่โบราณกาลแม้แต่ในเกนโซวเคียว
มีการสร้างสังคมในแบบฉบับของตนเองและใช้ชีวิตโดยตัดขาดจากเผ่าพันธุ์อื่น
เทนกุนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด โดยบอสของเหล่าเทนกุคือ เทนมะ(มารฟ้า)
เทนกุยักษ์(โอโอเทนกุ/ไดเทนกุ) ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร, เทนกุอีกา(คาราสึเทนกุ) เป็นกองกำลังแพร่กระจายข่าวสารผู้รวดเร็วว่องไว
เทนกุจมูกยาว ผู้ชำนาญงานธุรการ, เทนกุหมาป่าขาว เป็นกองกำลังป้องกันตนเองแห่งขุนเขา
และ ยามาบุชิเทนกุ(เทนกุนักพรตภูเขา) ผู้รับผิดชอบงานพิมพ์ เป็นต้น
ส่วนใหญ่มีรูปร่างไม่แตกต่างจากมนุษย์, จะมีต่างบ้างก็เช่น เทนกุยักษ์ที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร หรือเทนกุจมูกยาวที่มีจมูกยาว
เมื่อดูจากอารยธรรมชั้นสูงของพวกเขาก็จะพบว่า เทนกุมีสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์อย่างมาก และมีความเป็นสังคมสูงกว่าด้วย
เหล่าเทนกุนั้นมีความภาคภูมิใจในความสามารถทางอาคมและความสามารถทางร่างกายแต่ละด้านของตน
ซึ่งแข็งแกร่งไม่ไม่แพ้โยวไคหน้าไหนในเกนโซวเคียว
โดยเฉพาะความเร็วในการบินไปบนท้องฟ้าที่เร็วสุดขั้ว, การจะเฟ้นหาผู้ที่มีฝีเท้าทัดเทียมเทนกุนั้นเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งนัก*
*1[คงต้องเป็นพวกผีดูดเลือดละมั้ง]
ลักษณะพิเศษของพวกเทนกุคือ ทุกคนล้วนเป็นพวกนักดื่มคอแข็งที่แสนร่าเริง
ดื่มเหล้ากันทีไม่มีครึ่งๆกลางๆ ว่ากันว่าแค่ดื่มทักทายก็ยกซด 1 โทะ(ไห 18.039 ลิตร)ในรวดเดียวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมาก หากพรรคพวกโดนเล่นงาน ก็จะแสดงความเป็นศัตรูออกมาอย่างแน่นอน
หากมีผู้บุกรุกปรากฏตัวเข้ามาในเขตภูเขาล่ะก็ จะแห่กันออกมาต้อนรับขับไล่ในบัดดล ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่พบในโยวไคชนิดอื่นๆเลย
เมื่อเกิดคดีขึ้นก็จะทะยานไปยังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูงสุด, ถ่ายรูปเสร็จก็เอากลับมาเขียนบทความแล้วพิมพ์อักษร จากนั้นก็เย็บเล่มวางแผง
เช่นนี้แหละคือ วิถีชีวิตตามปกติของพวกเทนกุ
*ข้อมูลความเสียหาย*
ลมเทนกุ, ข่าวลือแพร่สะพัด, แอบถ่าย
สายลมที่เกิดจากการบินผ่านของเทนกุนั้นรุนแรงมาก หากเป็นเด็กก็อาจปลิวกระเด็นไปได้
แม้จะแทบไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นแต่จงพึงระลึกเสมอว่า หากทำให้เทนกุโกรธขึ้นมาล่ะก็ จะถูกทำลายล้างจนวินาศย่อยยับด้วยพายุหมุนอันรุนแรง
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ การแพร่กระจายข่าวจากเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง จนเกิดข่าวลือพิลึกๆขึ้นมา
ข่าวลือของเทนกุนั้นเป็นข่าวลือตามสายลมสมดังชื่อของมัน ซึ่งจะลอยไปจนถึงหูของมนุษย์
หลังจากนั้นก็จะแบกหน้าอาศัยในหมู่บ้านได้ลำบากเลยเชียวล่ะ
เป็นความเสียหายที่ไม่มีหนทางป้องกันได้เลย ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่านี้อีกแล้ว
*วิธีการรับมือ*
ก่อนอื่นต้องระวังไม่ให้เผลอพลั้งล่วงล้ำเข้าไปในภูเขา
พวกเทนกุเกลียดการถูกล่วงละเมิดอาณาเขตของตนอย่างมากจนคาดไม่ถึงเลยเชียว
ข่าวลือตามสายลมนั้นไม่มีหนทางป้องกันได้โดยตรง
แม้มีข่าวลือพิลึกๆแว่วมา ก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตต่อไปโดยคิดในแง่ดีว่า คนอื่นจะเข้าใจเราถูกว่า 「นั่นมันโกหกทั้งเพ」
แต่ถึงแม้ว่าข่าวลือจะโกหกไปเสียทั้งหมด แต่การที่ถูกคนอื่นเข้าใจเราผิดว่า 「ถ้าเป็นเจ้านั่นอาจจะทำก็ได้」
นั่นอาจเป็นเพราะเรามีความผิดนั้นอยู่เป็นทุนเดิมก็ได้
นอกจากนี้ การแอบถ่ายก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ซึ่งด้วยระดับที่เจออยู่ตอนนี้ก็ขอให้ยอมๆไปเสียดีกว่า*
*2[ว่ากันตามตรง ตอนนี้ไม่มีหนทางอะไรจะไปต่อกรกับเทนกุได้เลย]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ผู้สื่อข่าวมายาแห่งจารีต
{ชาเมย์มารุ อายะ Aya Syameimaru }
ความสามารถ : ควบคุมลม
ความอันตราย : สูง
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ภูเขาโยวไค
ชาเมย์มารุ อายะ ,แม้ในหมู่เทนกุก็จัดว่าเป็นเทนกุอีกาที่รวดเร็วมาก
ถือกล้องด้วยมือเดียวแล้วบินไปทั่วๆเกนโซวเคียว หากพบคดีที่น่าสนใจก็จะเก็บภาพกลับไป
ถึงจะบอกว่าเป็นเทนกุอีกา แต่ลักษณะภายนอกก็ไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก
อุปกรณ์ที่เธอมีไว้ไม่ห่างตัวได้แก่ พัด, กล้องถ่ายรูป และบุนคะโฉว(บันทึกอักขระบุปผา)
พัดเป็นอุปกรณ์สำหรับก่อให้เกิดลมและจัดเป็นอาวุธของเทนกุ
หนึ่งโบกถล่มบ้านได้ทั้งหลัง, สองโบกฉีกโค่นต้นไม้ใหญ่, สามโบกพัดเสื้อคลุมของนักเดินทางจนปลิวหายไป
กล้องถ่ายรูปเป็นอาวุธอีกอย่างหนึ่งของเทนกุ, เป็นอาวุธไม้ตายที่ตัดเอาชั่วพริบตานั้นๆออกมาเป็นภาพได้*
*1[Shutter Speed ก็รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เช่นกัน]
ภาพที่ได้มาจะกลายเป็นบทความลงหนังสือพิมพ์ในภายหลัง
บันทึกอักขระบุปผา เป็นสมุดบันทึกของเทนกุที่ใช้รวบรวมข้อมูลที่น่าจะเอาไปทำบทความได้
ภายในเล่มอัดแน่นไปด้วยรูปภาพมากมายและตัวหนังสือลายมือ*
*2[ทั้งๆที่เป็นเทนกุ แต่ลายมือน่ารักเกินคาด]
ความสามารถในการควบคุมลมเป็นความสามารถที่ตรงไปตรงมา, บ้างก็ก่อให้เกิดลม บ้างก็หยุดลมอย่างกะทันหัน บ้างก็ก่อให้เกิดพายุหมุน
{หนังสือพิมพ์บุนบุนมารุ}
หนังสือพิมพ์ที่เธอรวบรวมข้อมูลและเขียนบทความขึ้นก็คือ 『หนังสือพิมพ์บุนบุนมารุ』 นั่นเอง*
*3[ในสังคมเทนกุมีหนังสือพิมพ์ที่ก่อตั้งด้วยตัวคนเดียวอยู่เยอะมาก, บทความจึงเอนเอียงไปตามแต่ละตน]
ส่วนใหญ่เธอมักจะเขียนถึงคดีประหลาดที่เหล่าเด็กสาวในเกนโซวเคียวเป็นคนก่อขึ้นเป็นหลัก
โดยคร่าวๆ, มนุษย์และโยวไคที่ไม่ใช่เทนกุก็สามารถสมัครรับหนังสือพิมพ์นี้ได้
แต่ไม่มีกำหนดการวางแผนที่แน่ชัด, ช่วงที่มีเยอะก็อาจออกวางแผงถึงห้าฉบับต่อเดือน
และบทความในแต่ละฉบับก็มีน้อย ทำให้ไม่ค่อยมีประโยชน์ในการรวบรวมข่าวสาร
หนังสือพิมพ์แบบนี้,
น่าจะเหมาะกับมนุษย์และโยวไคในเกนโซวเคียวที่อยากใช้เวลายามบ่ายอันแสนน่าเบื่อไปกับการจิบน้ำชาพลางอ่านหนังสือพิมพ์เสียมากกว่า*
*4[ซึ่งเป็นที่นิยมใน Cafe ต่างๆ]
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・หนังสือพิมพ์มันกองสุมกันมากๆเข้าก็แย่น่ะสิ, จริงๆนะ, ทั้งๆที่ไม่ได้สมัครรับประจำแท้ๆ (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษถูกแจกจ่ายออกมามากมายราวกับภูเขา
ว่าไปแล้วข้าพเจ้าเองก็มีฉบับพิเศษกองพะเนินอยู่เหมือนกัน
・อีกามารวมตัวกันตอนเอาขยะสดไปทิ้งนี่ก็เดือดร้อนอยู่น้า (อิซาโยอิ ซาคุยะ)
นั่นไม่ใช่เทนกุ เป็นแค่อีกาธรรมดา
{มาตรการรับมือ}
Pen แข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบ
หากถูกเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ไปแล้ว ต่อให้เป็นโยวไคที่แข็งแกร่งเพียงไรก็ไม่อาจต้านทานได้
โดยปกติเธอก็แข็งแกร่งอยู่แล้วแท้ๆ ดันมีอาวุธที่แข็งแกร่งอย่างหนังสือพิมพ์อีก ทำให้ไม่ว่าใครในเกนโซวเคียวก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายเธอ
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไค, หากเธอเห็นว่าน่าจะใช้ทำบทความได้ เธอจะเข้ามาสัมภาษณ์ด้วยท่าทีสุภาพ
หากมีใครมารบกวนเธอจะขับไล่ไปด้วยท่าทีอันดุดัน
เธอเป็นโยวไคที่ไม่อยากให้กลายเป็นศัตรูอันดับต้นๆ แต่หากได้มาเป็นมิตรก็ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังอำนาจไปกว่านี้อีกแล้ว
ให้ความร่วมมือในการเก็บข้อมูลของเธอไปเถอะ ยังไงก็คงไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
โอนิ(ยักษ์) ~ลักพาตัวสุดแกร่ง~
[โอนิ(ยักษ์) ~ลักพาตัวสุดแกร่ง~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำสุด
ความหลากหลาย : ธรรมดา
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ในเกนโซวเคียว
ลักพาตัวมนุษย์เป็นอาชีพ พลังภูตสูงส่ง พละกำลังผิดธรรมชาติ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในเกนโซวเคียว
ในอดีตพบอาศัยอยู่ในภูเขาโยวไค ก่อตั้งสังคมยักษ์โดยใช้แรงงานเทนกุเยี่ยงทาส*
*1[ว่ากันว่า สังคมของเทนกุในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดจากร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ของสังคมที่พวกยักษ์สร้างขึ้น]
นับแต่นั้นมามนุษย์ก็ต้องใช้ชีวิตในหมู่บ้านกันอย่างหวาดผวาเนื่องจากการถูกลักพาตัวเป็นระยะๆ
ทว่า, ตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนจำนวนของยักษ์ก็ค่อยๆลดหายลงไปทีละน้อยๆ
และไม่มีใครพบเห็นในเกนโซวเคียวอีกเลยนับแต่มหาเขตแดนฮาคุเรย์สร้างเสร็จ
อาจเพราะไม่ถูกใจที่โลกของเกนโซวเคียวนั้นช่างแสนจะสบาย ไร้ความเร้าใจ ไม่ค่อยมีมนุษย์ที่ไหนมากำราบพวกตน
จึงเดินทางไปยังโลกอื่น*ที่ไหนสักแห่งที่เราไม่ทราบแน่ชัด
*2[ในเกนโซวเคียวนั้นเรียกจุดหมายปลายทางของพวกยักษ์ว่าประเทศแห่งยักษ์, แต่อาจจะเป็นนรกก็ได้ ใครจะไปรู้]
(และในภาค 11 ซึ่งออกวางขายทีหลังก็พบว่าเป็นนรกจริงๆ แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอดีตนรกก็เถอะ)
นับแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฏว่ามีการติดต่อคบหากับยักษ์อีกเลย
ยักษ์แต่ละตนมีรูปร่างแตกต่างกันไป ตัวสูงใหญ่ก็มีตัวเล็กเตี้ยก็มี
ทุกตนจะมีเขา และยักษ์บางตนจะมีเขี้ยวด้วย
มือยาวกว่ามนุษย์เล็กน้อย ทำให้บุคลิกท่าทางดูแย่กว่า
นิสัยป่าเถื่อนดุร้ายอย่างร่าเริงสดใส และชื่นชอบการต่อสู้กับคนที่ตนเองไม่ถูกใจ
แต่เมื่อยอมรับเป็นพวกเดียวกันแล้วก็จะแสดงความจริงใจออกมา และจะไม่ทรยศหักหลังอย่างแน่นอน
พวกยักษ์เกลียดการโกหกและความขี้ขลาดที่สุด
พวกยักษ์คิดแต่ว่า จะรักษาสัญญาอย่างแน่นอน และทำอะไรตรงไปตรงมาอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น
ไม่มีโยวไคชนิดไหนที่ซื่อตรงจริงใจเท่ายักษ์อีกแล้ว
นอกจากนี้ยังค่อนข้างขยันฝึกฝนขัดเกลาจิตใจ ทำให้มียักษ์ที่เข้าถึงวิถีแห่งเซนเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกทั้งยังชอบเหล้าชนิดที่ว่าไม่มีให้เห็นในเผ่าพันธุ์อื่นๆ
แต่ถึงจะแข็งแกร่งสุดยอดแค่ไหน พอเมาเต็มที่จนหลับไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาไม่ไหว
*ข้อมูลความเสียหาย*
ลักพาตัว
นับแต่ยุคที่ค่อนข้างโบราณ, มนุษย์ต้องกลัดกลุ้มกังวลใจเพราะความเสียหายจากเผ่ายักษ์มาโดยตลอด
เนื่องด้วยนานๆครั้งก็จะมียักษ์ลงจากภูเขาเพื่อฉกเหล้าชิงตัวมนุษย์ จนเป็นที่หวาดหวั่นของผู้คน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะเอาแต่นิ่งเฉย
พวกเขาได้สร้างผู้เชี่ยวชาญการกำราบยักษ์ขึ้น แล้วทำการกำราบยักษ์อยู่เป็นระยะๆ
ว่ากันว่าในเวลานั้น เมื่อพิชิตเอาชัยจากยักษ์ได้ ก็จะชิงเอาเครื่องมือชั้นเลิศจากสังคมยักษ์กลับมาได้ด้วย
สำหรับยักษ์กับมนุษย์นั้น บางทีการลักพาตัวและการกำราบยักษ์อาจเป็นการสานสัมพันธ์และความไว้ใจที่แน่นแฟ้นต่อกันก็เป็นได้
*วิธีการรับมือ*
ปัจจุบันตัวตนของยักษ์ได้สาบสูญไปจากเกนโซวเคียวแล้ว จึงไม่มีผู้ใดเชี่ยวชาญการกำราบยักษ์เลย
ยักษ์นั้นแตกต่างจากโยวไคทั่วไป ตรงที่ต้องใช้วิธีการและเครื่องมือที่พิเศษในการกำราบมัน
วิชากำราบยักษ์ได้สาบสูญไปจากมนุษย์แล้ว หากตอนนี้ได้พบกับยักษ์เข้าก็ไม่มีวิธีรับมือเลย
อันที่จริง วิธีการทำพิธีเพื่อขับไล่ยักษ์ เช่น พิธีขับเสนียด ปัจจุบันก็ปฏิบัติกันไม่ถูกต้องแล้ว
แต่, ยังไงก็ไม่ค่อยจะได้พบเจอกับยักษ์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ช่างมันเถอะ... ...
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ร้อยอสูรท่องราตรีตัวน้อย
{อิบุคิ ซุยกะ Suika Ibuki }
ความสามารถ : ควบคุมความหนาแน่น
ความอันตราย : สูงมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ภูเขาโยวไค
เป็นเวลานานมากแล้วที่ยักษ์ได้หายตัวไปจากเกนโซวเคียว
แต่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งมีการยืนยันตัวตนของยักษ์
นั่นก็คือ อิบุคิ ซุยกะ ตนนี้นั่นเอง
เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันโดยไร้จุดประสงค์และตั้งรกรากอยู่ในเกนโซวเคียวโดยไม่ทราบสาเหตุ*
*1[ผู้ที่สามารถกำราบยักษ์ได้ก็ไม่มีแล้วด้วย จึงจัดว่าเป็นปัญหาน่าดู]
ตัวเล็ก แต่มีเขาสองข้างที่มีความยาวไม่สมดุลกับความสูงของเธอ
ถ้าแค่ลักษณะภายนอก เมื่อเทียบกับโยวไคอื่นๆแล้วจัดว่าไม่น่ากลัว แต่นั่นมันยักษ์นะ
เธอมีพละกำลังอันมหาศาลอย่างน่าสะพรึงกลัว และยังคุยโวว่าถ้าเธอต้องการล่ะก็ แค่คนเดียวก็ทำลายภูเขาโยวไคลงได้*
2*[ถ้าเป็นยักษ์ก็คงไม่ได้กล่าวเกินจริงไปนัก แถมยักษ์เป็นพวกไม่ชอบโกหกเสียด้วย]
นอกจากนี้ยังชอบเหล้าอย่างหาที่เปรียบมิได้, มักถือน้ำเต้า*ที่บรรจุเหล้าเอาไว้อยู่เสมอ และไม่มีช่วงเวลาที่ไม่เมา
3*[น้ำเต้าที่มีเหล้าผุดออกมาอย่างไม่สิ้นสุด]
ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีใครรายงานเข้ามาเลยว่า เคยเห็นเธอตอนที่ไม่เมา
{ความสามารถในการควบคุมความหนาแน่น}
เป็นพลังที่สามารถควบคุมการกระจายและความเข้มข้นของวัตถุได้
สรรพสิ่งล้วนกลายเป็นหมอกเมื่อความหนาแน่นลดต่ำลง, ในทางตรงข้าม เมื่อความหนาแน่นสูงก็จะเกิดความร้อน และละลายไป
เธอชอบความคึกคักโหวกเหวกของงานเทศกาล จึงรวบรวมมนุษย์และโยวไคมาจัดงานเทศกาลเป็นครั้งคราว
พลังที่ใช้รวบรวมมนุษย์และโยวไคนี้ ก็คือความสามารถในการควบคุมความหนาแน่นอันนี้นั่นเอง
{ตัวอย่างรายงานการพบเห็น}
・งานใช้แรงก็ทำได้ รวบรวมขยะก็ได้, จะว่าสะดวกมันก็สะดวกอยู่หรอกนะ (ฮาคุเรย์ เรย์มุ)
พยายามใช้ยักษ์และกรรไกร
(ล้อสำนวน พยายามใช้คนโง่และกรรไกร หมายถึง แม้จะเป็นของที่ไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเลือกวิธีใช้งานให้เหมาะสมก็สามารถทำประโยชน์ได้)
ขอเพียงสานสัมพันธ์ด้วยความไว้ใจ ก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ต้องหวาดกลัว
・รวบรวมของแปลกให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอ (อิซาโยอิ ซาคุยะ)
พยายามใช้ประโยชน์จากตัวเธออย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นอาจเป็นอันตรายได้นะ
{มาตรการรับมือ}
ปัจจุบันวิชากำราบยักษ์และความรู้เกี่ยวกับยักษ์ได้สาบสูญไปหมดแล้ว จึงไม่ควรพยายามฝืนกำราบยักษ์
เพราะต่อให้เกิดปาฏิหาริย์ก็ไม่มีทางชนะเธอได้
ทว่า, วิธีป้องกันตัวเองจากยักษ์อย่างง่ายๆก็พอจะมีอยู่บ้าง
ให้เอากิ่งไม้ฮิอิรากิปักลงบนหัวปลาซาร์ดีนแล้วเอาไปวางไว้ตรงทางเข้าบ้าน
ว่ากันว่าเมื่อทำอย่างนี้แล้วยักษ์จะไม่เข้ามาใกล้ แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบว่ามีประสิทธิภาพเพียงไร*
*4[เพราะหัวปลาซาร์ดีนก็น่าเลื่อมใสอยู่]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้