CoLA - 001


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................

บทนำ

ราคาของกระดาษลดต่ำลง, กระดาษจึงเอ่อล้นเข้าสู่เกนโซวเคียว
ประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียวได้ถือกำเนิดขึ้น, ตอนที่ผมเริ่มเขียนหนังสือ
โมริจิกะ รินโนะสุเกะ


ตอนที่ 1
「มิโกะแห่งเกนโซวเคียวกับมนต์เสน่ห์สิบห้าเล่ม ครึ่งแรก」

เกนโซวเคียวสีขาวเงินในยามบ่าย

หิมะสีขาวตามธรรมชาติที่ไม่มีผู้ใดแตะต้องร่วงโรยลงมาอย่างเงียบสงัด, ทำให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามราวภาพมายา
ได้ยินเพียงเสียงร้องที่คล้ายกับเสียงกรีดร้องของโยวไคแว่วมาแต่ไกลเท่านั้น

ถนนถูกปกคลุมด้วยหิมะใหม่ที่ยังไม่มีรอยเท้าของผู้ใด
แทบไม่มีมนุษย์คนใดมาเยี่ยมเยือนจนถึงบริเวณนี้เลย

หากเดินมาตามเส้นทางที่ไร้ถนน ในที่สุดก็จะมองเห็นร้านค้าที่มีสถาปัตยกรรมแปลกประหลาด
เจ้าของร้านคงจะกำลังรับความอบอุ่นจากเตาผิงของโลกภายนอกไปพลาง, นั่งอ่านหนังสือที่ไม่เข้าใจความหมายไปพลางอยู่แน่ๆ
เขามักทำแบบนั้นตอนที่กำลังว่างเป็นประจำเลยล่ะ

ภายในร้านมีสินค้าจากโลกภายนอกอยู่มากมาย
เกนโซวเคียวถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในยุคเมย์จิ, แต่สินค้าของยุคหลังจากนั้นก็มีอยู่มากมาย
ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไม่รู้วิธีใช้แน่ชัด

ป้ายของร้านมีตัวอักษรเขียนว่า โควรินโดว
ที่นั่นคือร้านขายอุปกรณ์นามว่า 「โควรินโดว」 นั่นเอง

「คุณรินโนะสุเกะ ?」

ไม่มีใครมาที่ร้านเสียนาน
ผมยังอยากอ่านหนังสืออยู่ แต่ลูกค้าคือพระเจ้า,
จะแกล้งทำเป็นไม่อยู่ก็ไม่ได้เสียด้วย

「อยู่ใช่มั้ย ?」

พระเจ้าที่สวมชุดแดงมาอยู่ข้างหลังโดยไม่รอให้ผมเลิกแกล้งทำเป็นไม่อยู่ด้วยซ้ำ

「อะไรกัน เรย์มุเองเหรอ, บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามาตามอำเภอใจน่ะ ?」
「ที่สำคัญกว่านั้นคือช่วยฟังหน่อยสิ, ฉันเจอเรื่องแย่ๆมาล่ะ―... ...」

นี่แหละ
สาวน้อยสีแดงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เคยฟังที่คนอื่นพูด
ชื่อของเธอคือ ฮาคุเรย์ เรย์มุ
เธอเป็นมิโกะหนึ่งเดียวในเกนโซวเคียว แต่ชอบทำอะไรให้สงสัยว่าเป็นมิโกะจริงรึเปล่า
อาจจะพูดช้าไป แต่ชื่อของผมคือ โมริจิกะ รินโนะสุเกะ ซึ่งกำลังเปิดร้านขายของเก่าอยู่
เรย์มุปัดหิมะที่อยู่บนบ่าแล้วเริ่มพูดเร็วขึ้นนิดหน่อย

「วันนี้อุตส่าห์ออกไปซื้อของถึงหมู่บ้านเชียวนะ
 ของที่จะซื้อน่ะเหรอ ? ก็ใบชามันเหลือน้อยแล้วน่ะสิ
 เลยคิดจะซื้อเอาไว้ก่อนที่จะต้องลำบากแทบตาย... ...
 แหม่ ถึงจะไม่ตายจริงก็เถอะ, เอ๊ะ ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย ?」

เธอไม่ฟัง ผมก็ไม่ฟังสิ, อยากตอบแบบนั้นแต่ก็ต้องตอบไปว่า, อ้อ ฟังอยู่สิ

「แล้วทีนี้นะ, มันดันไม่มีใบชาดีๆเลยอ่ะ... ...
 อ๊ะ, อันนี้ไม่เกี่ยวหรอกนะ,
 แต่ท่านเทพพิทักษ์นักเดินทาง (道祖神) ของหมู่บ้านเองก็ถูกหิมะกลบมิดไปแล้ว, ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องร่มกันนะ
 ถนนก็หายไปหมดเลย, จะว่าไปแล้วกายทิพย์ของนักเดินทางตรงนั้นคืออะไรหว่า ?」
(กายทิพย์ หมายถึง สิ่งที่เทพเจ้าใช้สิงอาศัย อาจเป็นสถานที่หรือวัตถุก็ได้)

เอาล่ะ, ถ้าไม่ชักนำสักหน่อยล่ะก็, เดี๋ยวได้ออกทะเลไปถึงจักรพรรดิจินมุก่อนถึงธุระที่จะคุยแน่

「เทพพิทักษ์นักเดินทาง (障の神) คือเทพที่ปกป้องหมู่บ้านจากภัยพิบัติไงล่ะ
 แล้วที่บอกว่าเจอเรื่องแย่ๆน่ะ, เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?」

「ก็, การซื้อของจบลงโดยไม่เกิดอะไรขึ้น」

ไม่เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ

「แล้วตอนขากลับน่ะนะ, เจอโยวไคกำลังนั่งสบายอารมณ์อยู่ล่ะ
 แถมยังอ่านหนังสือที่ท่าทางน่าสนุกอยู่ด้วย !」

ลองพูดไปว่า ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ? แต่ถูกเมินซะงั้น

「คิดจะกำราบแบบไม่ทันให้ตั้งตัว, แต่ยัยนั่นดันยิงสวนมาน่ะสิ
 ถึงจะไม่รู้จักประมาณตนแต่ก็แข็งแกร่งเอาเรื่องน้า
 ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีกระสุนภูตโผล่มาจากด้านหลัง
 ฉันเองก็ประมาทไปด้วยแหละ... ...」

คิดได้อย่างเดียวว่าโยวไคนั่นต่างหากที่ซวย
แต่เป็นฝ่ายโจมตีทีเผลอแล้วยังประมาทได้อีกเนี่ยนะ
เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่นะ

「คุณรินโนะสุเกะ, ฟังอยู่รึเปล่า ?」

「อ้อ, ไม่ได้ฟังหรอก」

「... ...แล้วทีนี้นะ, แบบว่า, ก็เลยกำราบยัยนั่นจนเละตุ้มเป๊ะแล้วค่อยมาที่นี่น่ะ」

ดูเหมือนว่าตอบแบบไหนก็ไม่ต่างกันสินะ
เรย์มุพูดว่า 「ดูสิ !」 แล้วหันหลังให้ดู, พร้อมทำแก้มป่องหันมาทางนี้


「กระโปรงเนี่ย, เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งตัดให้ใหม่เองแท้ๆ... ...」

「ขาดอย่างงดงามเลยแฮะ, อย่างนี้นี่เอง สรุปคือถึงจะหน้าด้านไปหน่อย แต่ก็จะให้ผมซ่อมสินะ」

「ทันทีเลยนะ」

จ้าจ้า
เรย์มุท่าทางจะหนาว, เลยจัดที่ว่างสำหรับหนึ่งคนที่ข้างเตาผิงไว้ให้แล้ว

「ทันทีน่ะ, มันจะไปเร็วขนาดนั้นได้ไงล่ะ
 ไปนั่งตรงนั้นก่อนไป... ...」

แปะแปะแปะ... ... (เสียงเท้าเปียกน้ำย่ำพื้น)

「ขอยืมชุดนี่หน่อยน่ะ, รอแป๊บนึงนะ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อ」

หายไปแล้ว
เข้าไปข้างในร้านตามใจชอบอีกแล้ว
ชอบทำอะไรตามอำเภอใจจริงๆเลยแฮะ



เฮ้อ
ผมกลับมายังที่นั่ง, คิดจะเก็บหนังสือที่อ่านค้างไว้――,
แต่, มือที่ยื่นไปกลับคว้าอากาศ
เป็นเพราะหนังสือกำลังลอยสูงขึ้นนิดหน่อยนั่นเอง

「อ่านอะไรอยู่เหรอ ? โควริน」

เงาสีดำพูดออกมา
วันนี้ถ้วยน้ำชาแตกแต่เช้า, เลยรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

「คือว่าน้า, บอกกี่ครั้งแล้วว่า―」

「อย่าเข้ามาตามอำเภอใจ, ใช่มะ ?」

จะคนนี้หรือคนไหนก็... ...
สาวน้อยสีดำที่อยู่ตรงหน้านี้มีชื่อว่า คิริซาเมะ มาริสะ
จอมเวทที่มีวิธีการพูดเป็นเอกลักษณ์ (คือ หยาบเฉพาะคำลงท้าย แต่ส่วนอื่นของประโยคก็สุภาพดี)
เธอสนิทสนมกับเรย์มุ
ชอบมาที่ร้านบ่อยๆ, แต่ไม่รู้ว่ามีธุระหรือไม่มีกันแน่

「วันนี้มีธุระอะไรเหรอ ? มาริสะ」

「หนังสือเล่มนี้, เหมือนจะไม่เข้าใจเนื้อหาเลยแฮะ
 โอ๊ะ, ถึงไม่มีธุระก็ไม่กลับนะโว้ย」

ไม่มีธุระงั้นเหรอ
มาริสะพูดว่า ปัดฝุ่นซะบ้างสิ พลางนั่งลงบนไหที่เป็นของขาย

「... ...นั่นเป็นเล่มที่สิบสองของซีรี่ส์น่ะ
 ตอนต่อของหนังสือที่กองอยู่ตรงนี้ไงล่ะ
 อ่านแค่เล่มนั้นก็ต้องไม่เข้าใจอยู่แล้วล่ะ」

「อ๋อ---, เรื่อง 『อนาคตของเครื่องคำนวณที่ไม่ใช่รูปแบบ Neumann』 สินะ ?
 แค่เห็นชื่อเรื่องก็จินตนาการว่าจะพูดถึงอะไรไม่ออกแล้วว่ะ」

「ตำราเวทของโลกภายนอกน่ะ
 คงจะไม่เกี่ยวกับเธอ แต่ผมสนใจนะ」

「อืม---, เวทมนตร์ของภายนอก... ...
 มันเป็นเวทมนตร์แบบไหนเหรอ ? โควริน」

「ยังอ่านไม่จบเลย... ...
 แต่ดูเหมือนมันจะเรียกว่า คอมพิวเตอร์, ใช้ในการคำนวณ, และสามารถทำงานตามคำสั่งได้น่ะ
 แบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือภูตรับใช้
 แต่เอาเถอะ, ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าเจ้าภูตนั่นใช้พลังอะไร」

「หืม---, ภูตรับใช้งั้นเหรอ
 ... ...อ้าว ? สัมภาระตรงนี้มันของเรย์มุไม่ใช่เหรอ ?
 เรย์มุอยู่ด้วยเหรอ ?」

มาริสะไม่สนใจภูตรับใช้งั้นเหรอ, ถึงได้พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
ผมเล่าเรื่องราวที่เรย์มุมาที่นี่ให้เธอฟัง
มาริสะเล่นสัมภาระของเรย์มุพลางพูดรับคำเป็นช่วงๆ เช่น สมเป็นเรย์มุเลยแฮะ
แล้วเธอก็หยิบเอาหนังสือสามเล่มออกมาจากสัมภาระนั่น

ผมตกตะลึงเล็กน้อย
หนังสือนั่นคือซีรี่ส์เดียวกับสิบสองเล่มนี้นั่นเอง
ทำไมเรย์มุถึงมีของแบบนั้นได้นะ... ...

「อื๋อ ? สนใจหนังสือนี่งั้นเหรอ ?
 เรย์มุก็คงจะพูดว่า 『โยวไคพกไว้เหมือนของสำคัญ ก็เลยเอามา』 นั่นล่ะนะ」

สิบสองเล่มในมือกับสามเล่มนั่นรวมกันเป็นสิบห้าเล่ม
เกรงว่าหนังสือเรื่องนี้จะต้องมีทั้งหมดสิบห้าเล่มเป็นแน่
ภูตรับใช้ของโลกภายนอกเองก็ต้องเหมือนกับของเกนโซวเคียวแน่ๆ
F ของคอมพิวเตอร์นั่นบ่งบอกถึง สิบห้า, ดูเหมือน F จะเป็นสภาพที่กลบฝังทุกสิ่ง, เมื่อทุกสิ่งกลายเป็น F ก็จะมีค่าสูงสุด
เคยอ่านหนังสือที่เขียนไว้แบบนั้นอยู่เหมือนกัน
(นัยถึงนิยายเรื่อง ทุกอย่างกลายเป็น F ซึ่งแต่งโดย โมริ ฮิโรชิ)

ผมคิดว่า, การที่สิบห้าจะมีพลังนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ
ตั้งแต่ยุคโบราณ ประเทศนี้ก็ให้ความหมายของสิบห้าว่า สมบูรณ์แบบ อยู่แล้ว
เหตุผลเดียวกับการเรียกขึ้นสิบห้าค่ำว่า จันทร์เพ็ญ นั่นล่ะ
ถ้างั้นคอมพิวเตอร์ก็คงจะเป็นภูตรับใช้ที่ใช้แนวคิดแบบตะวันออกและใช้พลังเวทจากดวงจันทร์ล่ะมั้ง

มาริสะพูดว่า กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ ? พลางเรียงหนังสือทั้งสามเล่ม

การกระทำที่ไม่ได้คิดอะไรของมาริสะ ทำให้เข้าใจถึงโครงสร้างของภูตรับใช้มากขึ้น
เลขที่ 「13」「14」「15」 ซึ่งถูกระบุไว้บนหนังสือ
พอเอาเลขที่พวกนี้มาเรียงกันก็จะกลายเป็น 131415
หากเอาเลข 1 ตัวแรกออกไป... ...ก็จะได้เลขที่สื่อถึงการเปลี่ยนเส้นตรงเป็นวงกลม นั่นคือ, 3.1415
นี่ก็หมายถึงจันทร์เพ็ญเช่นกัน
ภูตรับใช้ของโลกภายนอกเป็นสิ่งที่ใช้พลังจากดวงจันทร์นี่เอง
ทฤษฎีของผมจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือขึ้นมา



ผมอยากจะตรวจสอบภูตรับใช้ของโลกภายนอกมากกว่านี้, แต่จำเป็นต้องได้หนังสือพวกนี้มาเพื่อการนั้น

「... ...โควริน
 คิดจะค้าขายกับเรย์มุเหรอ ?
 เลิกเหอะ, การประเมินราคาของยัยนั่นมันไม่ธรรมดานะว้อย」

มันก็ใช่อยู่, เรย์มุปลีกตัวห่างจากทางโลกมากเกินไป
เงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนแบบธรรมดาจึงไม่มีประโยชน์เลย
แต่ว่าผมสามารถค้าขายกับเรย์มุได้
แม้แต่การประเมินราคาของเรย์มุก็เข้าใจเกือบทั้งหมดแล้ว

ในตอนนั้นเอง, พลันแว่วเสียงฝีเท้าของผู้เป็นเจ้าของเดินกลับมา





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- ระบุไว้ชัดเจนว่าเกนโซวเคียวถูกตัดขาดจากญี่ปุ่นในช่วงยุคเมย์จิ
- มาริสะเป็นคนเดียวในเรื่องที่เรียกรินโนะสุเกะว่า โควริน
- เสียงกรีดร้องของโยวไคแว่วมาแต่ไกล ... จะได้รับการเฉลยในตอนต่อไป
- เรย์มุไปซื้อของที่หมู่บ้าน
- เทพพิทักษ์นักเดินทาง มีวิธีเขียนหลายแบบ ทำหน้าที่ปกป้องนักเดินทางหรือชาวบ้านในหมู่บ้าน
- เรย์มุเพิ่งเคยเจอ กระสุนจากข้างหลัง เป็นครั้งแรก
- เรย์มุให้รินโนะสุเกะตัดชุดให้ แถมให้ซ่อมให้อีกต่างหาก
- Neumann นัยถึง John von Neumann ผู้คิดค้นสถาปัตยกรรม von Neumann อันเป็นโครงสร้างสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้