CoLA - 011


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


ตอนที่ 11
「แสงที่ก้าวข้ามสีม่วง」

 

เสียงอึกทึกหนวกหูที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

อีกเดี๋ยวจะเข้าฤดูหนาวแล้วแท้ๆ, แต่บรรยากาศยังอบอุ่นอย่างน่ารังเกียจอยู่

ต่อให้หลับตาลง, แสงก็ยังรุกท่วมเข้าใส่

ผมเกรงว่า, จะไม่สามารถลืมตาขึ้นได้



――ทิวทัศน์ภายนอกที่เคยเต็มไปด้วยสีสัน, ค่อยๆจากไปพร้อมกับใบไม้ที่ถูกย้อมเป็นสีแดง, แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฤดูหนาวตามลำดับ

ปรากฏการณ์โมมิจินั้น
คือการที่ใบไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นเล็กน้อย
และเมื่อถึงจุดที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ ก็จะเกิดการย้อมสีแดงของใบไม้
ใบไม้ส่วนใหญ่ไม่อาจทนรับการเปลี่ยนแปลงของตนเองได้ จึงร่วงโรยลงมา
แต่ในจำนวนนั้นก็มีใบไม้ที่คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์อยู่เหมือนกัน
ใบไม้ดังกล่าวจะก้าวข้ามสีแดง กลายเป็นสีที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็น
ชาวเกนโซวเคียวเรียกสีของใบไม้ชนิดนี้ที่ร่วงโรยแล้วว่า 「สีฤดูหนาว」
มนุษย์พูดราวกับเห็นว่าทิวทัศน์ถูกช่วงชิงสีไป, แต่บางทีในหมู่โยวไคอาจจะมีผู้ที่กำลังมองเห็นสีฤดูหนาวอยู่ก็เป็นได้

ภายในร้านก็ถูกย้อมไปด้วยสีฤดูหนาว, แต่เมื่อเทียบกับความเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ภายนอกแล้วก็จัดว่าไม่เลวร้ายนัก
เพราะมนุษย์มีปัญญานั่นเอง

ผมน่ะ, กำลังตระเตรียมผลผลิตทางปัญญาของมนุษย์, กล่าวคือ 「เตาผิง」 นั่นเอง, แต่ว่า... ...



――กริ๊งกริ๊ง

「โอ้ย ให้ตายสิ, ข้างนอกหนาวชะมัด
 หนาวอย่างนี้ก็จำศีลไม่ได้น่ะสิวะ... ...เอ๊ะ ข้างในร้านก็หนาวแฮะ
 เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเตาผิงที่ใช้เป็นประจำล่ะ」

「มาริสะเองเหรอ
 เชื้อเพลิงของเตาผิงหมดน่ะ」

「เชื้อเพลิงงั้นเหรอ ?」

เตาผิงที่ผมใช้อยู่เป็นของจากโลกภายนอกที่เก็บมาได้, เชื้อเพลิงจึงเป็นของจากโลกภายนอกเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเชื้อเพลิงหมดลงครั้งหนึ่ง, ก็จะหามาเติมแทบไม่ได้เลย
ทุกทีก็จะใช้เชื้อเพลิงที่มีติดมาแต่แรก, หรือเชื้อเพลิงที่อยู่ในของเก็บได้ชิ้นอื่น, หรือของเหลวที่คล้ายๆกัน

「ต่อให้หนาวแค่ไหน, ก็น่าจะทักทายด้วยการกล่าวยินดีต้อนรับบ้างนะเฮ้ย ?」

「ผมก็กล่าวแก่ท่านลูกค้าอยู่นะ
 ต่อให้หนาวแค่ไหนก็เถอะ」

「อ๊า--- ถ้ารู้ว่าที่ร้านจะเป็นแบบนี้, ฉันเอาเตาแปดวิถีมาด้วยดีกว่าว่ะ
 ก่อนอื่นก็, ทำอะไรสักอย่างกับเชื้อเพลิงหน่อยเหอะ」

มาริสะแพ้ความหนาวเย็น
พอเข้าฤดูหนาวซึ่งหนาวจัด, 「ความเฉียบคม」 ก็จะลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามของปกติ

「ไม่รู้ทำไมปีนี้ถึงไม่ค่อยมีเครื่องทำความร้อนตกมาเลย
 เพราะงั้นเลยรวบรวมเชื้อเพลิงไม่ได้น่ะ」

「ฤดูหนาวของโลกภายนอกคงไม่หนาวแล้วล่ะมั้ง
 น่าอิจฉาจังว่ะ」

「ฤดูหนาวไม่น่าจะมีอากาศอบอุ่นนี่นา ?」

「แล้วไงต่อ ? โควรินคิดจะหลับใหลชั่วนิรันดร์ (永眠 เอย์มิน) ไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ ?」

「มันต้องเป็นจำศีล (冬眠 โทวมิน) ไม่ใช่เหรอ ? อ๊ะ, แต่ถึงเป็นจำศีลผมก็ไม่ทำหรอกน่า
 ก่อนที่จะเริ่มหนาวจริงๆจังๆ, ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหาเชื้อเพลิงแล้วล่ะ」

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีหาเชื้อเพลิง
เช่น ออกไปโลกภายนอกเพื่อตามหา, หรือไม่ก็ขอแบ่งจากโยวไค
แต่ในความเป็นจริงจะเป็นแบบหลังมากกว่า... ...แต่ก็เพราะเป็นโยวไคนี่ล่ะน้า... ...

「โควริน จะบอกอะไรดีๆให้เอามั้ย ?
 นอกจากโควรินแล้วก็มีอยู่คนหนึ่ง, คนรู้จักของฉันน่ะ, ที่มีข้าวของจากโลกภายนอกอยู่เพียบเลยล่ะ
 เมื่อเร็วๆนี้ก็บอกว่า 『อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถใช้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ไกลออกไปได้จ้ะ』
 แล้วก็คุยกับภูตรับใช้ของตัวเองด้วยล่ะ... ...แต่ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าแฮะ
 คิดว่าถ้าเป็นยัยนั่นน่าจะมีเชื้อเพลิงอยู่มั่งแหละว่ะ」

「เป็นโยวไคเหรอ ?」

「――แน่นอน, เป็นโยวไค」



――กริ๊งกริ๊งกริ๊ง

「อ๊า หนาวหนาว ! ทำไมจู่ๆก็หนาวแบบนี้เนี่ย」

「เรย์มุเองเหรอ, ยินดีต้อนรับ」

ไม่ว่าที่ไหนก็เข้าสู่ช่วงเตรียมพร้อมรับมือฤดูหนาวแล้ว
เรย์มุเองก็คงมาหาชุดสำหรับฤดูหนาวเป็นแน่
เพราะงั้น, วันนี้เลยเป็นลูกค้าไงล่ะ

「เดี๋ยวสิ, ในร้านก็หนาวนี่นา !
 เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเตาผิงที่ร้อนเกินไปอยู่เรื่อยนั่นล่ะ」

「พักร้อนยาวน่ะ」

「อ้าว ? อยู่ด้วยเหรอ ? มาริสะ」

「เออ, ก็อยู่ตรงหน้านี่แหละ」

มาริสะไปปรึกษากับเรย์มุแทน, ว่าเชื้อเพลิงหมด, แล้วจะทำยังไงดี
มาริสะไม่ถูกกับความหนาวเย็นจริงๆนั่นล่ะ

「โยวไคที่ว่าน่ะ... ...หมายถึงยูคาริล่ะสิ ?」

「ใช่แล้ว
 ยัยนั่นอยู่ใกล้กับโลกภายนอกที่สุด
 ถ้าเป็นเรย์มุน่าจะรู้ที่อยู่ของยูคารินี่นา ?」

「ไม่รู้หรอก
 อาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้, ชอบมาที่ศาลเจ้าตอนไม่อยากให้มา, และตอนที่ไม่อยากให้มาก็ไม่มา」

「... ...เธอก็ไม่อยากให้มาตลอดเลยนี่นา」

「อีกอย่าง, เดี๋ยวยูคาริก็ไม่โผล่มาแล้วล่ะ」

「เลิกมาหาเธอแล้วเหรอ ?」

「ไม่ได้เสี่ยงเซียมซีเจอมหาลาภนะ (หมายถึง ไม่ได้ดวงดีขนาดนั้นนะ)
 ยูคาริน่ะ, ปกติจะไม่โผล่มาในฤดูหนาวต่างหากล่ะ」

เรย์มุกับมาริสะยังคงตอบโต้กันต่อไปโดยไม่รู้ว่าเอาจริงหรือพูดเล่นกันแน่
ที่จริงผมเองก็ไม่ได้พูดสักคำว่าจะขอให้โยวไคตนนั้นช่วยเหลือ
ทว่า, ถ้ายังหาเชื้อเพลิงไม่ได้แบบนี้ก็เดือดร้อนเหมือนกัน

「จะว่าไปแล้ว, ถ้าวางเต้าหู้ทอดเอาไว้ อาจจะโผล่มาก็ได้นะ
 ลูกน้องของยูคาริน่ะ」
(นัยถึง ยาคุโมะ รัน ซึ่งเป็นโยวไคจิ้งจอก เพราะในญี่ปุ่นเชื่อกันว่าจิ้งจอกชอบกินเต้าหู้ทอด)



――วันต่อมา, ผมลองเอาเต้าหู้ทอดไปวางที่หน้าร้าน
ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ, แต่ทำเอาเคล็ดไปงั้นเอง

วันนี้อุณหภูมิก็ลดต่ำลงตามปกติ
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่นานคงเข้าฤดูหนาวแน่
ใช้เตาผิงเหมือนทุกทีไม่ได้ก็เลยไม่สะดวก, แต่ก็ช่วยไม่ได้
คงต้องคิดหาวิธีสร้างความอบอุ่นแบบอื่นแล้วล่ะมั้ง

ตั้งแต่ได้เตาผิงอันนี้มาก็หลายปีแล้ว
ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอามาขาย, แต่พอลองใช้ดูแล้วก็เปลี่ยนใจ
อุปกรณ์ที่สะดวกขนาดนี้, ไม่สิ ใช้ยากขนาดนี้ ไม่ควรเอามาขาย

ทั่วทุกมุมห้องอบอุ่นได้อย่างรวดเร็ว, จนไม่รู้สึกถึงรสชาติของฤดูหนาวเลย
ไม่ต้องหาฟืนให้ยุ่งยาก, ไม่ต้องจัดการกับปล่องไฟที่เปื้อนเขม่า, ไม่ต้องติดตั้งให้วุ่นวายใหญ่โตกับเตาผิงแบบเผาไฟ
แต่เพราะแบบนั้นเลยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างกาย กลายเป็นออกกำลังกายไม่พอซะงั้น
ผมคิดว่าอุปกรณ์แบบนี้จะรีบขายออกไปก็น่าเสียดาย, ไม่สิ ไม่ควรขายต่างหาก

แต่ว่า, ตอนนี้ผมกำลังลิ้มรสฤดูหนาวที่ไม่ได้เจอมานาน
หนาวชะมัด
ฤดูหนาวในเกนโซวเคียวเคยหนาวขนาดนี้ด้วยเหรอ... ...
ลองคุ้ยหาเตาไฟแบบให้ความอบอุ่นด้วยเวทมนตร์ที่เคยใช้เมื่อสมัยก่อนดูดีกว่า... ...อ๊ะ, อันนั้นผมให้มาริสะไปแล้วนี่น้า



กริ๊งกริ๊ง
เสียงมาจากทางเข้าร้าน, ติดกับเร็วจังแฮะ ?

เพิ่งวางเต้าหู้ทอดไปได้เพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้นเอง
ท่าทางจะชอบเต้าหู้ทอดจริงๆสินะ
ถึงได้มาติดกับดักเร็วขนาดนี้

... ...อ้าว, ไม่เห็นมีใครเข้ามาเลย

「เอ่อ--- ขอเวลาหน่อยได้มั้ย ? ผมมีธุระกับเจ้านายของเธอนิดหน่อยน่ะ... ...」

เปิดประตูออกไปก็ไม่เจอใคร
เต้าหู้ทอดที่วางไว้อย่างประณีตบรรจงก็ไม่อยู่
มีใครบางคนมาแล้วแน่ๆ, แต่ไม่คิดว่าจะหายตัวไปเร็วขนาดนี้
อาจจะเป็นฝีมือของจิ้งจอกก็เป็นได้... ...

ผมคงพลาดเองที่คิดว่าจะได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง
แค่วางเต้าหู้ทอดเอาไว้แล้วปล่อยไว้อย่างนั้น, มันก็เหมือนกับไม่ได้พยายามอะไรเลย

「ออกจะหนาวไปสักหน่อย... ...แต่ถ้าทำแบบนี้, เหยื่อที่มาติดกับก็ไม่น่าจะหนีไปได้」

「... ...ก็เลยมายืนถือเต้าหู้ทอดอยู่หน้าร้านตั้งแต่เมื่อกี้เนี่ยนะ ? พยายามผิดวิธีแล้วล่ะว่ะ」

「อ้าว มาริสะ, อยู่ด้วยเหรอ」

「อยู่สิวะ, ตรงหน้านี่ไง」

「จริงสิ, มาล่อโยวไคแบบนี้แทนผมหน่อยได้รึเปล่า ?」



「ทำไมต้องมีใครมาทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นกันล่ะ」

「ก็ผมไม่เชี่ยวชาญการล่อโยวไคนี่นา
 เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี」

มาริสะพูดว่า 「เอาเหอะน่า, เข้าไปในร้านก่อนเถอะ」, แล้วก็เข้าร้านไป

ผมเสียดายเต้าหู้ทอดในมือก็เลยวางไว้ที่ทางเข้า, แล้วตามมาริสะเข้าไป

「กับดักแบบนั้นน่ะ, อย่าว่าแต่โยวไคเลย, แม้แต่จิ้งจอกโง่ๆยังไม่มาติดเลย」

「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ, เมื่อกี้เหมือนจะมีอะไรบางอย่างมาติดอยู่นะ」

「ช่างเหอะ
 พอเตาผิงใช้ไม่ได้, ถึงมาที่ร้านนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยแฮะ
 ฉันจะไปตามหายูคาริละกัน」

「รู้จุดหมายแล้วเหรอ ?」

「ถึงเรย์มุจะพูดแบบนั้นก็เถอะ, แต่ก็เจอที่ศาลเจ้าบ่อยๆนะโว้ย
 ต้องอาศัยอยู่แถวนั้นแน่, แน่ๆเลยว่ะ」



มาริสะออกจากร้านไปตามหายูคาริแทนผม

ผมน่ะ... ...อยากเจอโยวไคตนนั้นจริงๆเหรอ ?
ต่อให้ไม่มีเตาผิงก็ทำให้อบอุ่นด้วยวิธีอื่นได้
เพราะแต่แรกเริ่มเดิมที, ทุกคนในเกนโซวเคียวก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่สะดวกแบบนี้อยู่แล้ว
พูดอีกอย่างก็คือ, ต่อให้ได้พบโยวไคตนนั้น, ก็ไม่มีหลักประกันเลยสักอย่างว่าจะได้เชื้อเพลิงมา

ผมแค่อยากรู้เรื่องโลกภายนอกมากขึ้นเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ ?
ใช้อุปกรณ์ที่เป็นจุดเชื่อมโยงกับโลกภายนอก, สนใจในโยวไคที่เป็นจุดเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
แค่พยายามหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ

สิ่งของแปลกประหลาดจำนวนมากที่ผมเอามาไว้ในร้าน
ผมมักจะถูกห้อมล้อมด้วยสิ่งของมากมายเหล่านั้น, แล้วจินตนาการถึงโลกภายนอกอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างเช่น กล่องอนินทรีย์สีขาวอันนี้ที่เล็กยิ่งกว่ากล่องดนตรีไขลาน
ความสามารถของผมบอกว่ามันคืออุปกรณ์ที่บรรจุเพลงเอาไว้มากมายในกล่อง, และสามารถบรรเลงเพลงเหล่านั้นได้ (นัยถึง iPod)
แต่กล่องดังกล่าวก็ยังไม่เคยบรรเลงเพลงให้ผมได้ยินเลย
โลกภายนอกกำลังบรรเพลงเสียงแบบไหนด้วยวิธีการอย่างไรกันแน่นะ... ...

ผมเอากล่องโลหะขนาดเล็กสีขาวนั่นมาแนบหูแล้วหลับตา
บางทีอาจได้ยินเสียงของโลกภายนอกบ้างก็เป็นได้



รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันที่นอกร้าน
มาริสะกลับมาแล้วงั้นเหรอ, หรือว่ามีโยวไคมาติดกับดักเต้าหู้ทอดแล้วกันแน่นะ――ไม่สิ, อะไรบางอย่างมันต่างออกไป

เสียงอึกทึกหนวกหูที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ได้ยินเสียงแสบแก้วหู ซึ่งไม่คิดว่าเป็นเสียงที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

ประสบการณ์ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศของความอบอุ่นที่น่ารังเกียจ
อุณหภูมิของบรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
ถ้าเป็นฤดูหนาวแบบนี้, ผมคงไม่ใช้เครื่องทำความร้อนแล้ว

ต่อให้หลับตาลง, แสงก็ยังรุกท่วมเข้าใส่
อะไรกำลังส่องแสงแบบนี้อยู่กันแน่นะ
เป็นแสงเย็นๆที่ไม่ใช่ทั้งพระอาทิตย์หรือเวทมนตร์

ผมรู้ได้โดยสัญชาติญาณ, ตอนนี้――ผมอยู่ที่โลกภายนอก
เพราะถูกห้อมล้อมด้วยอุปกรณ์ของโลกภายนอก, ขับเคลื่อนความคิดด้วยอุปกรณ์จากโลกภายนอกเหล่านี้, ความคิดของผมจึงบินข้ามเขตแดนมา

... ...แต่ว่า, ผมไม่สามารถลืมตาได้
หากได้เห็นชัดๆว่าอยู่ที่โลกภายนอก, ผมอาจจะกลับไปที่เกนโซวเคียวไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้
มนุษย์ที่ถูกเทพลักซ่อนส่วนใหญ่, จะไม่ได้กลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
ในทางกลับกัน, หากลืมตาโดยคิดว่าเป็นภาพหลอนหรือเสียงหลอน
ความคิดก็จะไม่ข้ามเขตแดนแล้วกลับมาที่เกนโซวเคียว
อาจเป็นการทิ้งโอกาสที่จะได้เห็นโลกภายนอกก็เป็นได้
ตัวผม, กำลังต้องการสิ่งใดกันแน่นะ ?

จริงสิ, ผมอยากได้เชื้อเพลิงของโลกภายนอกไม่ใช่เหรอ ?
ผมมีเป้าหมายที่แน่ชัด
จึงไม่มีวันหลงทางในโลกภายนอก, แค่มาเยือนโลกภายนอกเพื่อทำธุระเท่านั้น
ความคิดของผมยังคงอยู่ที่ร้านโควรินโดว, ไม่สิ ที่เกนโซวเคียวต่างหาก, เฉพาะร่างเนื้อเท่านั้นที่บินข้ามเขตแดนไป
ใช่แล้ว, เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่มนุษย์ไม่อาจทำได้... ...แต่ผมน่าจะทำได้

ผมค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ, เพื่อหาเชื้อเพลิงแล้วเอาความอบอุ่นกลับคืนมา



――ศาลเจ้าฮาคุเรย์, ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ ณ ริมสุดขอบเกนโซวเคียว

มาริสะมาที่ศาลเจ้าเพื่อตามหายูคาริ
ตอนที่ออกมาจากร้านโควรินโดว, หน้าร้านมีเต้าหู้ทอดวางอยู่, แต่เธอเอาติดตัวมาด้วยเพราะน่าจะได้ผลดีกว่า

「เฮ้ย---, อยู่รึเปล่า ?」

「อื๋อ--- ? อยู่สิ, ตรงหน้านี่ไง」

「เรย์มุ, ไม่ใช่เธอ, หมายถึงยูคาริต่างหาก」

「มีอะไรเหรอ ? เอาเต้าหู้ทอดมาแบบนั้น... ...」

「คนที่บอกให้เอาเต้าหู้ทอดมาล่อน่ะ, คือเธอนะโว้ย」

「ก็เพราะเป็นจิ้งจอกนี่น้า」

「ท่าทางโควรินจะไม่รู้วิธีจับโยวไคเลยสักนิด, เลยคิดว่าให้เรย์มุจับให้ดีกว่า」

「อ้อเหรอ, เอาแต่ใจน่าดูเลยนะ
 ก่อนอื่นก็, นั่งดื่มน้ำชาไปคุยไปดีกว่ามั้ย ?」

มาริสะกับเรย์มุดื่มน้ำชาไปพลาง, คุยกันอย่างคึกคักเรื่องวิธีจับยูคาริไปพลาง

「ยูคาริน่ะน้า, อาจจะจำศีลไปแล้วก็ได้นะ ?」

「จำศีลแล้วงั้นเหรอ, ไม่ใช่ว่าแค่ไม่โผล่ออกมาเหรอ ?
 อาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
 จริงๆแล้วอาจจะไปพักร้อนที่เกาะทางใต้ก็ได้นะว้อย」

「นั่นสิน้า
 ว่าแต่เกาะทางใต้นี่... ...มันคือที่ไหนล่ะ ?」

「ไม่ต้องลงรายละเอียดเรื่องนั้นก็ได้น่า
 ไม่มีวิธีอะไรที่ใช้เรียกยูคาริมาได้เลยจริงๆเหรอ ?」

「ช่วยไม่ได้นะ
 แต่พอทำอย่างนี้แล้วยูคาริจะโกรธเอาน่ะสิ... ...」

「อะไรกัน มีวิธีอยู่หรอกเหรอ」

「มันก็มีอยู่หรอกน้า... ...
 พอทำอย่างนี้แล้ว, ยูคาริก็จะโผล่มาบอกว่า มันอันตรายนะ หยุดเสียเถอะ」

「แต่ก็โผล่มาใช่ม้า
 งั้นก็ดีออกนี่นา ?」

คำว่าอันตรายนั้น, แทบไม่มีอำนาจใดๆต่อพวกเธอเลย

「ฉันจะคลายเขตแดนของเกนโซวเคียวล่ะนะ
 ถ้าไปอยู่ใกล้โลกภายนอก, อาจจะถูกทิ้งไว้ที่โลกภายนอกก็ได้นะ ?」



――แสงรุกท่วมเข้าใส่
เป็นแสงที่มีความสว่างแต่ก็เย็นเฉียบ
มันเจิดจ้าเกินไปจนมองไม่ชัด
เสียงพูดคุยด้วยคำพูดที่ไม่น่าจะใช่ภาษาญี่ปุ่น
บรรยากาศอบอุ่นที่สกปรกจนทำให้ปวดหัว
โลกภายนอกน่ะ... ...เคยเห็นในหนังสือที่หลั่งไหลเข้ามาอยู่บ้าง, แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะหนวกหูและไม่งดงามถึงเพียงนี้

ถ้าตั้งสติได้แล้วต้องรีบหาเชื้อเพลิง, จากนั้นก็ค่อยๆค้นหาวิธีกลับไปยังเกนโซวเคียวก็พอ

... ...นัยน์ตาเริ่มชินขึ้นมาแล้ว
ที่นี่, โทริอิ(ประตูศาลเจ้า)ที่คุ้นตานี่มัน... ...ศาลเจ้างั้นเหรอ ?
มีคนมากมายอยู่ที่ศาลเจ้า... ...

「ตายจริง ไม่ได้นะ, มายังที่แบบนี้ได้ไง
 คุณมาทางนี้ไม่ได้นะ
 เพราะว่าคุณไม่ใช่มนุษย์」

「!?」

เสียงที่หนวกหูขนาดนั้นเงียบไปในทันที
แสงทั้งหมดก็หายไปด้วย, ในมือมีกล่องสีขาว
รอบตัวมืดสลัว แต่ไม่รู้ทำไมถึงมองเห็นได้ชัดเจนว่า... ...ที่นี่คือภายในร้านโควรินโดวเหมือนทุกที

ดูเหมือนจะหลับไปชั่วขณะหนึ่ง
ผมเห็นว่ามืดสลัวจึงจุดไฟอันอบอุ่น, และวางกล่องสีขาวไว้ที่ชั้นวางของ

แค่ทำแบบนี้แล้วนอนหลับไป, ไม่น่าจะได้ของที่ต้องการมาไว้ในกำมือ
ผมเป็นห่วงเต้าหู้ทอดที่วางไว้หน้าร้านว่าดักโยวไคได้หรือไม่ จึงไปเปิดประตู
น่าเสียดายที่เฉพาะเต้าหู้ทอดเท่านั้นที่ถูกฉกเอาไปเสียแล้ว

「เป็นฝีมือของจิ้งจอก... ...จริงๆเหรอเนี่ย ?」

เห็นมาริสะกับเรย์มุมาแต่ไกล
และเห็นสาวน้อยอีกหนึ่งคนด้วย, แต่ดูเหมือนกำลังเทศนาใส่เรย์มุกับมาริสะ พลางเดินมาที่นี่
เป็นทิวทัศน์ที่หาดูได้ยาก



「ตายจริง ยินดีที่ได้รู้จัก
 ฉันมีนามว่า ยาคุโมะ ยูคาริ ค่ะ
 คุณคือคนที่บอกว่าอยากพบฉันสินะ ?」

โยวไคที่อยู่ตรงหน้านั้น, แต่งกายฉูดฉาด ถือร่มฉูดฉาด, และมีนัยน์ตาคมกริบอันเป็นลักษณะเฉพาะของผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์
แถมมีรอยยิ้มอันเป็นลางร้าย

「อ้อ, สวัสดี
 ที่ว่าอยากพบก็, มีงานจะไหว้วานนิดหน่อยน่ะครับ」

ผมนำทางเข้าไปในร้าน, เล่าเรื่องเชื้อเพลิงของเตาผิง, ซึ่งเป็นต้นสายปลายเหตุว่าทำไมต้องเรียกยูคาริมา

「ไฟฟ้า ? น้ำมันก๊าด ? หรือว่า Nitroglycerin กันนะ ?
 เอาเถอะ, ยังไงก็เป็นธุระง่ายๆน่ะนะ
 ฉันมีอยู่อย่างไม่จำกัดเลยเสียด้วยสิ... ...เวลาเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน, สินะ」

เธอแสดงให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า
ลางร้ายจริงๆ

「สมกับที่เป็นโยวไคเลยนะครับ」

「สมกับที่เป็นฉันต่างหากค่ะ」

ยูคาริพูดจบก็สะบัดกระโปรงโดยไร้เสียง, แล้วเริ่มเดินไปในร้าน

「... ...ร้านของคุณ, มีแต่ของล้าสมัยทั้งนั้นเลยนะ
 กระแสนิยมสมัยนี้น่ะ, เป็นของที่มีความสามารถในการพกพาเป็นส่วนมาก
 บ้างก็พกพาไปคุยกับคนที่อยู่ไกล, บ้างก็พกพาความทรงจำของคนอื่นมาฉายบน Screen ขนาดเล็ก... ...」

「ผมไม่ได้สนใจเรื่องกระแสนิยมหรอกครับ
 ผมสนใจแค่ของที่ผมถูกใจเท่านั้นครับ」

「ตายจริง, กล่องสีขาวอันนี้... ...
 นี่เป็นของทันสมัยนะ」



「อ้อ, นั่นน่ะ... ...
 ดูเหมือนจะพกพาเพลงจำนวนมากได้น่ะครับ, แต่ยังไม่เข้าใจวิธีใช้เลย」

ผมน่ะ, มีความสามารถในการมองเห็นชื่อและประโยชน์ของอุปกรณ์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ทว่า, ความสามารถนั้นดันไม่บอกถึงวิธีใช้เนี่ยสิ

「เพราะเอาของแบบนี้มาแนบหู, ถึงได้เห็นภาพหลอนประหลาดเหมือนเมื่อครู่สินะ
 เพราะว่าคุณไม่ใช่มนุษย์」

ยิ้มทั่วใบหน้าอีกแล้ว

「เฮ้ย, รีบจุดเตาผิงเหอะ, หนาวโว้ย」

「มาริสะ, จะรีบไปไหนล่ะ ?
 ผมยังคุยกับเธอคนนี้ไม่เสร็จเลย」

「แหม, จุดได้แล้วล่ะค่ะ
 ดูสิ, เชื้อเพลิงเต็มเลยเห็นมั้ย ?」

เต็มเปี่ยมเลยจริงๆด้วย

「ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน... ...
 เอ๊ะ เธออยู่ตรงนี้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ, ทำได้ยังไงกันน่ะ ?」

「เวลาเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน, ไงล่ะ」

ยูคาริพูดแบบนั้น, แล้วเอากล่องสีขาวที่ถือในมือเมื่อกี้เก็บเข้าไปในเสื้อ
การได้รู้จักกับสาวน้อยโยวไคตนนี้ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- แสงที่ก้าวข้ามสีม่วง ก็คือ แสงเหนือม่วง หรือก็คือ แสง Ultra-Violet นั่นเอง ซึ่งเป็นแสงที่มนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- มาริสะไม่ได้พกเตาแปดวิถี Mini ติดตัวไว้ตลอดเวลา
- เสียงอึกทึกหนวกหู และเสียงแสบแก้วหู คาดว่าเป็นเสียงของรถยนต์
- แสงเย็นๆ คาดว่าเป็นแสงจากหลอดนีออน
- รินโนะสุเกะน่าจะเกือบข้ามไปยังโลกภายนอกได้สำเร็จแล้ว แต่ถูกยูคาริขัดขวางเอาไว้
- สุดท้ายก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าเตาผิงของรินโนะสุเกะใช้เชื้อเพลิงอะไรกันแน่
- ในตอนนี้ได้ระบุความสามารถของรินโนะสุเกะว่าเป็นการ มองเห็น



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้