東方星蓮船 ~ Undefined Fantastic Object.
โทวโฮวเซย์เรนเซน (เรือบัวดาวแห่งตะวันออก) ~ วัตถุมหัศจรรย์ที่ไม่แน่ชัด
.........................................................................................................................................................................................
幻想的な弾幕物体 เกนโซวเทะคินะดันมาคุโมตไท (วัตถุห่ากระสุนมายา)
東方星蓮船 ~ Undefined Fantastic Object.
--------------------------------------------------------------------------------
ฝูงชนลืมตาตื่นจากพื้นปฐพีที่ปกคลุมไปด้วยดินโคลนและน้ำแข็ง
หิมะอันน้อยนิดที่ปกคลุมเกนโซวเคียวนั้น
มากมายเพียงพอที่จะกักขังเหล่าวิญญาณพิภพที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในฤดูหนาวที่เพิ่งผ่านไป,
และทำให้การเคลื่อนไหวของเหล่าโยวเซย์ทื่อลง
ถึงเวลาแห่งการบอกลาฤดูแห่งการนอนอย่างสงบนี้เสียที
ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ ณ พรมแดนที่ห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์
ฮาคุเรย์ เรย์มุ, มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ได้ยินข่าวลือประหลาดจากจอมเวทที่อาศัยอยู่ในป่า
ข่าวลือนั้นว่า มีผู้พบเห็นเรือลึกลับกำลังบินไปบนท้องฟ้าผ่านรอยแยกของเมฆ
ดูเหมือนเรือลำนั้นกำลังบินวนเวียนไปมาในหมู่เมฆเพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างอยู่
มาริสะ 「... ...เขาลือกันว่าเรือนั่นเป็นเรือสมบัติที่เทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ดนั่งมา, ถ้าจับได้ล่ะก็ จะไม่ลำบากไปตลอดชีวิตเลยนะเฟ้ย
เพราะงั้นก็เลยบินหนีพวกกิเลสหนาไงล่ะ」
เรย์มุ 「เธอเชื่อข่าวลือที่ดูโง่เป็นบ้าแบบนั้นด้วยเหรอ ?」
จอมเวทที่อาศัยในป่า, คิริซาเมะ มาริสะ ออกอาการคิ้วขมวด
มาริสะ 「ใครจะไปเชื่อง่ายๆแบบนั้นล่ะ ?
ถ้ามีเรือแบบนั้นบินอยู่บนท้องฟ้าล่ะก็ น่าจะมองเห็นได้ทันทีจากศาลเจ้านี่นา」
เรย์มุ 「เรือสมบัติ งั้นสิน้า」
มาริสะ 「เพราะว่าเหตุสภาพอากาศวิปลาสเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วทำให้เก็บเกี่ยวได้ผลไม่ดีนั่นล่ะนะ
พอผู้คนไม่สบายใจก็เลยเกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้นมา
แบบว่า บนบานศาลกล่าว, หรือจะเรียกว่าผลักภาระให้คนอื่นดี」
เรย์มุ 「เรือสมบัติ งั้นสิน้า
ที่ว่าบรรทุกสมบัติเงินทองและของหายากจากทั่วโลกสินะ」
มาริสะ 「ใช่เลย
เรือสมบัติที่ว่ากันว่าเทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ดใช้นั่งโดยสารนั่นล่ะ」
เรย์มุ 「เรือสมบัติ งั้นสิน้า」
มาริสะ 「อืม... ...」
การสนทนาระหว่างเรย์มุกับมาริสะชะงักลงแต่เพียงเท่านั้น
ที่ใดไร้ไฟ ที่นั่นไร้ควัน
แม้ไม่อาจทราบว่าเป็นเรือสมบัติหรืออะไรกันแน่, และมนุษย์ที่เห็นอะไรบางอย่างลอยอยู่บนท้องฟ้าอาจจะปล่อยข่าวลือไปอย่างนั้นเองก็เป็นได้
ทั้งสองต่างรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังอ่านใจตนยังไงยังงั้น
และแล้ว ความเงียบสงัดก็ถูกทำลายลงโดยผู้มาเยือนที่ลงมาจากภูเขา
ซานาเอะ 「ตายจริง, แปลกจังเลยนะคะ
ที่คุณยังอยู่ที่นี่อีก」
มนุษย์คนใหม่ซึ่งมาที่ภูเขาเมื่อเร็วๆนี้, โคจิยะ ซานาเอะ
เรย์มุ 「แขกขาจรสินะ
มีธุระอะไร ?」
ซานาเอะ 「ก็ไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ แต่ว่า... ...
คุณเรย์มุไม่เห็นเรือที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหรอคะ ?
ฉันคิดว่ามันกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วแน่ๆ」
เรย์มุและมาริสะหันมามองหน้ากัน
เรย์มุ 「เรือที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า !?」
ซานาเอะ 「ฉันมีธุระกับเรือลำนั้นนิดหน่อยน่ะค่ะ ก็เลยพยายามจะหาข้อมูลเพิ่มเติมสักนิด... ...」
เรย์มุ 「เอ๋ ? เดี๋ยว」
มาริสะ 「ที่ว่ามีเรือลอยฟ้านี่ เป็นเรื่องจริงเหรอ ?」
ซานาเอะ 「เอ๋ ? ไม่ทราบกันเหรอคะ ?
ทั้งๆที่ลอยเด่นเป็นสง่าแบบนั้น, นั่นไงคะ」
ซานาเอะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้างงงวยว่า เพิ่งจะรู้กันป่านนี้เนี่ยนะ
เรย์มุและมาริสะต่างเงยหน้าขึ้นไปข้างบนตามที่ถูกชี้นำ
ณ จุดนั้น, เงาสีดำซึ่งใหญ่โตชนิดที่ว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน กำลังเลือนหายไปในหมู่เมฆ
ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเงาเรือ, แลเห็นเมฆเป็นสีม่วงอย่างบอกไม่ถูก
――ภายในนั้นว่างเปล่า
สมบัติเงินทองที่เคยอยู่ที่นี่ได้สูญสิ้นไปนานแล้ว, สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงกลิ่นเชื้อราที่สะสมมาแปดร้อยปีเท่านั้น
ลำพังแค่สายลมอันเย็นฉ่ำของฤดูใบไม้ผลินั้นไม่เพียงพอที่จะปัดเป่ากลิ่นราให้สิ้นไปได้
ทว่า, เฉพาะสมบัติที่เหลืออยู่ของท่านผู้นั้น, แม้เหลือเพียงเสี้ยวเศษแต่ก็มิได้สูญเสียพลังไป
หากสามารถรวบรวมเศษเสี้ยวเหล่านั้นทั้งหมดกลับมาได้ล่ะก็... ...
--------------------------------------------------------------------------------
.........................................................................................................................................................................................