CoLA - 027


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


ตอนที่ 27
「Mechanism ของดวงชะตา」

 

สมมติว่ามีลูกเต๋าอยู่ที่นี่ลูกหนึ่ง
เมื่อทอดลูกเต๋านั้นลงไปบนโต๊ะ ก็คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันจะออกหน้าใด

สมมติว่าทอดไปแล้วออกเลขหนึ่ง
ถ้าเอาลูกเต๋าลูกเดิมมาทอดอีกครั้งจะเป็นยังไงกันนะ

แน่นอนว่าถ้าทอดออกไปตามปกติก็ไม่มีทางรู้ว่าจะออกหน้าใด จึงสมมติให้มีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง
เงื่อนไขคือการทำทุกอย่างให้เหมือนกับตอนทอดลูกเต๋าครั้งแรก กล่าวคือทั้งตำแหน่ง มุม และแรงที่ใช้ต้องเหมือนเดิมทุกประการ

ถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะเป็นยังไง ? ลูกเต๋าก็คงจะลอยหมุนไปในอากาศด้วยเวลาเท่าเดิม กระทบโต๊ะที่ตำแหน่งเดิม มุมเดิม และกระเด้งไปเหมือนเดิม
การทำให้เหมือนครั้งแรกทุกอย่างคงไม่ยากเกินไปสำหรับโยวไค แต่คงเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์
ถ้าอย่างนั้นแค่สร้างเครื่องมือขึ้นมาก็พอ

ถ้าทำแบบนี้ ลูกเต๋าก็น่าจะออกเลขหนึ่งอีกครั้ง
ความจริงข้อนี้มีความหมายอะไรงั้นหรือ
หากวัตถุทุกอย่างในโลกนี้ได้เข้าสู่สภาวะที่ซ้ำเดิมกับอดีตกาล มันก็จะเกิดการซ้ำรอยประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้ง
อนาคตที่คาดเดาได้จากช่วงเวลาดังกล่าวจะมาเยือน
นอกจากนี้ เรายังสามารถคาดเดาได้ว่าในตอนสุดท้ายของประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยนั้นจะทำให้สภาวะปัจจุบันนี้กลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
บางทีโลกใบนี้อาจวนลูปมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็เป็นได้

『――กริ๊งกริ๊ง』

แว่วเสียงลูกค้าที่ประตูร้านในขณะที่ผมกำลังทำงานอย่างหนึ่งอยู่เหมือนเช่นทุกครั้ง
มันเป็นงานที่จำเป็นต่อการยืนยันว่าชีวิตประจำวันกำลังวนลูปอยู่รึเปล่า

มันคือการเขียนบันทึกประจำวันนั่นเอง
บันทึกประจำวันที่เริ่มเขียนขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนนี้แบ่งได้เป็นหลายเล่มแล้ว
บันทึกประจำวันนี้รวบรวมโครงสร้างของเกนโซวเคียวที่ผมเห็นด้วยตาของตัวเอง พูดตรงๆคือหลังจากนี้มันจะกลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์

คงเป็นเพราะโยวไคมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์อย่างมาก จึงไม่คิดจะเรียบเรียงประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียวเลย
พวกโยวไคคงกำลังคิดว่ามันคือจุดเด่นที่เหนือล้ำกว่ามนุษย์ธรรมดาและอยากเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการกระมัง
มนุษย์เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากประวัติศาสตร์ แต่โยวไคกลับจงใจช่วงชิงตัวเลือกนั้นไปจากมนุษย์

เหล่าโยวไคที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็เอาแต่คิดถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างสนุกสนาน
เหล่าโยวไคที่อาศัยอยู่ในภูเขาก็สร้างประวัติศาสตร์เพื่อพวกที่อาศัยอยู่ในภูเขาเหมือนกันเท่านั้น
มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็ไม่มีเวลาว่างมากพอจะเรียบเรียงประวัติศาสตร์ขึ้นมาเอง
แบบนี้มันก็เหมือนกับว่าประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียวยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวไปไหนเลย

ผมกำลังเขียนบันทึกประจำวันเพื่อมนุษย์และโยวไค
ผมคาดว่าบันทึกประจำวันของผมจะกลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียว
มันน่าจะกลายเป็นสายลมลูกใหม่ที่พัดผ่านชีวิตธรรมดาของมนุษย์และโยวไคที่อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียว



「――เฮ้อ วันนี้สอยได้เพียบเลยว่ะ
 คงไม่มีวันแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะมั้งเนี่ย」

「พูดซะเว่อร์เชียว
 เธอก็พูดอย่างนี้ทุกปีนั่นแหละ」

มาริสะกับเรย์มุเดินเข้ามาในร้านพลางปัดใบไม้ออกจากหมวกและบ่าของพวกเธอ

ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน, พวกยูวเรย์(ผี)จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุในช่วงเปลี่ยนฤดูเสมอ
ทำให้พวกเรย์มุต้องออกไปตระเวนเก็บกวาดยูวเรย์ในช่วงเวลานี้จนกลายเป็นธรรมเนียมของทุกปีไปแล้ว

ผมจำได้รางๆว่าการเพิ่มจำนวนของยูวเรย์ในทุกๆปีนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
โลกนี้กำลังซ้ำรอยประวัติศาสตร์จริงๆด้วย

「การกำราบยูวเรย์ในครั้งนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ
 พวกยูวเรย์ลดลงสักนิดบ้างรึเปล่า ?」

「คราวนี้ก็กำราบไปเพียบเลยล่ะ
 แต่มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปีเลย... ...ถ้ามีวิธีอะไรสักอย่างไว้ใช้รับมือก็คงจะดีน้า」

「ถ้าไม่ก่อความเสียหายอะไรก็ปล่อยเอาไว้ก็ได้นี่นา
 ยูวเรย์มีความร่าเริงและร่างกายที่จืดจาง ก็เลยไปรวมตัวกันในงานเลี้ยงที่อึกทึกครึกโครมเท่านั้นเองนี่ ?」

「ถ้าความเสียหายล่ะก็ มีโว้ย」

「อะไรล่ะ ?」

「เจ้าพวกนั้นมันเอามากินไม่ได้ไงล่ะ」



น่าจะเป็นช่วง 60 กว่าปีก่อนล่ะมั้ง... ...ที่พวกยูวเรย์ในเกนโซวเคียวเพิ่มจำนวนขึ้นเหมือนในครั้งนี้
เกนโซวเคียวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้น และยังคงสงบสุขเรื่อยมา

เกนโซวเคียวเกลียดการเปลี่ยนแปลงเพราะอยู่ในสภาวะที่เสถียรแล้ว หากรักษาสภาวะแบบนี้เอาไว้ได้เรื่อยๆก็ยังคงจัดว่า 『สงบสุข』
เกนโซวเคียวในตอนนี้อยู่ในสภาวะ 『สงบสุข』 เหมือนกับเมื่อ 60 ปีก่อน
มันคือประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยทุกๆ 60 ปี... ...ถ้างั้นทุกสิ่งในตอนนี้คงน่าคิดถึงน่าดูสำหรับอีก 60 ปีข้างหน้า

「ร้านนี้ไม่มีกับดักยูวเรย์บ้างเลยเหรอ ? เอาแบบที่วางไว้เฉยๆแล้วมันมาติดเองน่ะ... ...」

「หืม--- จะจับยูวเรย์งั้นเหรอ
 กาวดักนกก็ไม่ติด แถมพวกมันบินทะลุกรงหรืออะไรจำพวกนั้นได้ซะด้วยสิน้า... ...」

「แบบนี้ไม่มีทางกำราบได้หมดหรอก
 ถ้ายังเพิ่มขึ้นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ โลกนี้อาจจะกลายเป็นโลกวิญญาณไปเลยก็ได้นะ」

「ไม่ต้องห่วงหรอก
 เดี๋ยวเรื่องวุ่นวายนี้ก็จะจบลง
 อนาคตมันถูกคาดเดาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นน่ะ」

เรย์มุมองผมด้วยสีหน้าสงสัย

「คุณรินโนะสุเกะเองก็พูดเหมือนพวกโยวไคและผีดูดเลือดเลยนะ」



แม้ว่ายูวเรย์จะปรากฏตัวไปทั่ว แต่กลับไม่ค่อยโผล่มาที่ร้านนี้
พวกยูวเรย์นั้นนิยมไปรวมตัวกันในสถานที่อึกทึกครึกโครมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ตัวยูวเรย์เองนั้นมีตัวตนที่ค่อนข้างเลือนลางจนอาจจะหายไปเมื่อใดก็ได้ จึงชอบไปรวมตัวกันในที่ซึ่งรู้สึกได้ถึงตัวตนของตนเองได้ง่าย
นั่นก็คือสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย คล้ายกับตอนที่ตนยังมีชีวิตอยู่

「ถึงจะบอกว่าคาดเดาอนาคตไว้แล้วก็เถอะ แต่มันจะง่ายอย่างนั้นเลยเหรอวะ
 พวกที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยพึ่งพาแค่ดวงอย่างเดียวก็มีนะโว้ย」 มาริสะพูดพลางหันไปมองเรย์มุ

「แหม ไม่ใช่ดวง แต่เป็นลางสังหรณ์ต่างหากล่ะ ลางสังหรณ์เองก็มีอะไรสักอย่างเป็นรากฐานอยู่นะ」

มาริสะทำหน้าเหมือนอยากจะบอกว่า ฉันไม่เชื่อว่ะ

「ตอนที่เล่นทายแต้มลูกเต๋าในงานเลี้ยงก็ทายถูกจนไม่มีทางแพ้เลยไม่ใช่เรอะ
 ของพรรค์นั้นมันมีรากฐานแบบไหนกันน่ะ」

ทายแต้มลูกเต๋า ? อ๋อ เกมง่ายๆแค่ทายแต้มลูกเต๋าให้ถูกนั่นน่ะเหรอ
การพนันในงานเลี้ยงนี่ก็เหมือนโลกแห่งความเสเพลเลยนะ

「มาริสะ, การที่เรย์มุสามารถทายแต้มลูกเต๋าได้ถูกต้องเสมอน่ะ ต้องเป็นเพราะเธอคำนวณอนาคตที่ถูกคาดเดาไว้ได้ในพริบตาแน่ๆเลย」

ผมเล่าแนวคิดเกี่ยวกับกลไกการออกหน้าลูกเต๋าของผมให้เธอฟัง
เรย์มุคงจะมองสภาวะแรกสุดของลูกเต๋าแล้วสามารถคำนวณได้ด้วยสัญชาตญาณแน่ๆ
สิ่งที่เรียกว่า โชคดี มันเป็นของแบบนั้นแหละ

「ที่คุณรินโนะสุเกะเล่ามานั่นผิดหมดเลยนะ
 แค่มองลูกเต๋าแล้วจะคำนวณถึงขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ
 คนที่คำนวณเก่งเขาจะคิดถึงแต่เรื่องความน่าจะเป็นเท่านั้นแหละ
 อีกอย่าง ต่อให้คำนวณได้ก็ไม่ใช่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาตามที่คิดนะ」

「ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ?
 มันก็จริงที่ว่าอาจจะไม่สามารถคำนวณได้ แต่ถ้าหากคำนวณได้มันก็เท่ากับว่าสามารถอ่านอนาคตล่วงหน้าได้ไม่ใช่เหรอ」

เรย์มุทำหน้าเหนื่อยหน่าย

「ดูเหมือนเรื่องเกี่ยวกับดวงนี่ฉันจะเข้าใจลึกซึ้งมากกว่าหลายขั้นเลยนะ ถ้างั้นวันนี้ฉันจะสอนให้ละกัน
 เรื่อง Mechanism (กลไก) ของความน่าจะเป็น
 รวมถึงเรื่องที่อนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ด้วย... ...」

พูดจบเรย์มุก็ไปชงชาสำหรับสามคน แล้วยื่นให้อย่างอารมณ์ดี



ได้ฟังเหตุผลที่เรย์มุมีลางสังหรณ์เฉียบคมก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
ผมกระดกน้ำชาเข้าปากโดยไม่ลืมที่จะเป่าให้เย็นเสียก่อน

「... ...โฮ่
 เรย์มุจะบอกว่าต่อให้ทอดลูกเต๋าด้วยเงื่อนไขเหมือนเดิมทุกประการ มันก็จะไม่ออกเลขเดิมงั้นเหรอ ?」

「มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ
 ของแค่นั้นไม่มีทางกำหนดผลลัพธ์ตายตัวได้หรอกนะ」

เรื่องที่เรย์มุเล่านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มันเต็มไปด้วยความจริงที่น่าตื่นตะลึง

เรย์มุเล่าว่า โลกนี้มีอยู่สามชั้น
อันดับแรกคือชั้นกายภาพซึ่งสิ่งมีชีวิตและอุปกรณ์ล้วนเคลื่อนไหวภายใต้กฎของฟิสิกส์
วัตถุตกลงสู่พื้นดิน หรือแม่น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ ล้วนถูกจัดรวมอยู่ในชั้นนี้

ชั้นที่สองคือชั้นจิตใจซึ่งนัยถึงเวทมนตร์ อาคม และการทำงานของจิตใจ
การที่อารมณ์เสียเมื่อเจอคนที่ไม่ชอบ หรือการผ่อนคลายเมื่อได้ไปงานเลี้ยง ล้วนถูกจัดอยู่ในชั้นนี้
โยวไคส่วนใหญ่ยึดติดอยู่บนโลกด้วยสองชั้นนี้เท่านั้น จึงพูดเรื่องตลกอย่างประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หรือการคาดเดาอนาคตออกมาได้

แต่เรย์มุเล่าว่า ชั้นที่สามของโลกนั้นจะคอยปฏิเสธการเกิดลูปของโลก
ชั้นที่สามนี้คือ ชั้นความทรงจำซึ่งคอยจดจำเหตุการณ์ของสรรพสิ่ง
ชั้นความทรงจำนี้มีแต่เพิ่ม ไม่มีลด จึงไม่มีทางเกิดสภาวะแบบเดียวกับในอดีตอย่างสมบูรณ์ (อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่วันเวลาเดิมอยู่ดี)
สมมติว่าหากเกิดสภาวะที่เหมือนกับในอดีตขึ้น ความทรงจำในช่วงเวลานั้นก็จะสับสนเพราะสูญเสียปลายทางอันเป็นผลลัพธ์
ชั้นความทรงจำจึงมีแต่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ชั้นกายภาพใช้กฎฟิสิกส์ ชั้นจิตใจเป็นตัวแปรผล ชั้นความทรงจำเป็นตัวประมวลความน่าจะเป็น สามชั้นนี้ต่างพึ่งพากันและกันเพื่อสร้างอนาคตขึ้น
และเพราะความทรงจำไม่มีทางซ้ำกับจุดเดิมในอดีต จึงไม่มีทางคาดเดาอนาคตได้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อทอดลูกเต๋าออกไปหนึ่งครั้งแล้วออกเลขหนึ่ง
ต่อให้ทอดออกไปอีกครั้งด้วยเงื่อนไขเดิมทุกประการ ลูกเต๋าก็ได้จดจำความจริงที่ว่าเคยออกเลขหนึ่งไปแล้ว ทำให้ความน่าจะเป็นไม่เท่าเดิมอีกต่อไป
(ตามหลักคณิตศาสตร์ โอกาสออกหน้าหนึ่งในครั้งแรกคือ 1/6 แต่ถ้าจะให้ออกสองครั้งติด โอกาสจะกลายเป็น 1/36)

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้และพยายามทำความเข้าใจ มาริสะก็ถามออกไปว่า 「ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงอ่านแต้มลูกเต๋าล่วงหน้าได้ล่ะ ?」

ผมกำลังถูกดึงให้เข้าไปในแผนผังโลกแบบใหม่ที่เรย์มุคิดขึ้น แต่มาริสะยังเยือกเย็นอยู่
หากสามารถกลายเป็นคนที่อ่านแต้มลูกเต๋าล่วงหน้าได้ ไม่ใช่แค่เล่นเกมทายแต้มลูกเต๋าแล้วไม่มีวันแพ้เท่านั้น แต่อาจจะได้รับโชคดีระดับเดียวกับเรย์มุเลยก็ได้

「ฉันไม่ได้อ่านล่วงหน้าว่ามันจะออกเลขอะไรหรอก
 ลูกเต๋ามันจดจำได้ว่าฉันคาดคะเนแต้มลูกเต๋ายังไงต่างหาก」

กล่าวคือ แค่เอาการ์ดดวงดีที่ชื่อว่าเรย์มุใส่ลงไปในความทรงจำเรื่องแต้มลูกเต๋า, ผลลัพธ์มันก็จะเอนเอียงมาหาเรย์มุเป็นอย่างมากเอง
และสุดท้ายก็ได้แต้มตามที่เรย์มุคาดหวังเอาไว้

「อะไรกันเนี่ย ถ้างั้นก็มีประโยชน์เฉพาะกับคนที่มีความรู้และดวงดีเท่านั้นไม่ใช่เหรอ」 มาริสะบ่นด้วยความไม่พอใจ



ผมเคยคิดว่า ดวง ในโลกของเรานี้เป็นตัวตนที่เหมือนเรื่องโกหกและน่าสงสัย
นั่นคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมคิดว่าสามารถคาดเดาอนาคตได้
อย่างพวกเครื่องรางของขลังต่างๆน่ะผมคิดว่าเป็นแค่การเชื่อมโยงอย่างมั่วซั่วเท่านั้น

แต่พอได้ฟังคำพูดของเรย์มุแล้วก็ต้องกลับมามองตัวตนของ ดวง ในโลกใบนี้ใหม่อีกครั้ง
แสดงว่ามีทั้งมนุษย์ที่ดวงดีและมนุษย์ที่ดวงซวยอยู่จริงๆ
มนุษย์ที่ทำอะไรสำเร็จได้ด้วยโชคดีนั้นมีอยู่จริง
มนุษย์ที่ทำพลาดเพราะโชคร้ายนั้นมีอยู่จริง
การคิดว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นไปตามเงื่อนไขแรกสุดอาจเป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดีเลยก็เป็นได้

สมมติว่าผลลัพธ์ของความน่าจะเป็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังของความทรงจำ บางทีเครื่องรางของขลังอาจมีพลังในการควบคุมความน่าจะเป็นก็เป็นได้
แสดงว่ายิ่งมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนพิลึกพิลั่นมากเท่าใด เครื่องรางของขลังก็ยิ่งมีคุณสมบัติในการทำให้ความทรงจำแตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากขึ้นเท่านั้น

เรย์มุกล่าวเสริมว่า 『สสารและจิตใจในโลกนี้ล้วนมีพื้นฐานอยู่บนความน่าจะเป็น และสิ่งที่กำหนดผลลัพธ์คือ ดวงซึ่งถือครองความทรงจำ』

ได้ยินคำพูดนั้นแล้วนึกขึ้นมาได้
ผมเคยเห็นในหนังสือวิทยาศาสตร์ของโลกภายนอกที่เขียนไว้ประมาณว่า 『มันเป็นสามัญสำนึกไปแล้วว่าสสารในโลกนี้ล้วนคงอยู่บนความน่าจะเป็น』
ผมยังจำได้ดีว่าตอนที่เห็นหนังสือเล่มนั้นผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า 『แล้วใครเป็นคนกำหนดค่าความน่าจะเป็นกันล่ะ』

แต่ว่าเรย์มุคิดถึงเรื่องเดียวกันและค้นพบว่าสิทธิ์ในการกำหนดค่าความน่าจะเป็นนั้นอยู่ที่ความทรงจำ
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ

「ความทรงจำคือสิ่งที่กำหนดผลลัพธ์ของความน่าจะเป็น... ...หรือจะเรียกว่า กรรมตามสนอง ก็ได้
 สุดยอดไปเลยนะ
 บางทีมันคงเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นล่ะ
 แล้วเธอไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหนล่ะ ?」

อยากจะพูดเสริมว่า ทั้งที่เอาแต่มองท้องฟ้าไปวันๆอย่างไร้แก่นสาร ...แต่ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวการสนทนาจะติดขัดเสียเปล่าๆ

「ได้ยินมาจากมนุษย์ที่หัวดีอย่างไม่น่าเชื่อน่ะ」

「หัวดีอย่างไม่น่าเชื่อ... พูดแบบนั้นมันเหมือนกับหลอกด่าว่าโง่เลยนะว้อย... ...」 มาริสะบ่นอุบอิบ

มีมนุษย์ที่เข้าใจกระทั่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรากฐานของโลกอยู่ด้วยหรือนี่

「การที่พวกโยวไคคิดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเสมอนั้นเป็นเพราะสาเหตุง่ายๆข้อเดียว นั่นคือพวกโยวไคไม่ใช่มนุษย์
 มนุษย์มีอายุขัยสั้นจึงทำให้สายป่านแห่งความทรงจำสะบั้นลงอย่างรวดเร็ว
 ในมุมมองของพวกโยวไคจึงเห็นว่ามนุษย์กำลังทำเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เกิดจนตาย มันก็เท่านั้นเอง」

เรย์มุพูดอย่างภูมิใจว่า 「เหมือนกับคุณรินโนะสุเกะไงล่ะ」
พอสลับตำแหน่งระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังแล้วรู้สึกเจ็บใจนิดหน่อยแฮะ



「มนุษย์ที่หัวดีอย่างไม่น่าเชื่อคนนั้นเขาบันทึกความทรงจำทั้งหมดลงในหนังสือและสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นภายในตระกูลของเขาน่ะ
 ดังนั้นจึงมองเห็นโลกที่แม้แต่โยวไคที่มีอายุยืนยาวและมนุษย์ที่ความจำสั้นก็ยังไม่เข้าใจได้น่ะ」



ดูเหมือนพวกเราจะคุยกันนานน่าดู
นอกหน้าต่างได้เปลี่ยนเป็นสีของยามเย็นแล้ว
ราวกับว่าใบไม้เปลี่ยนสีที่นอกหน้าต่างได้ย้อมสีเข้ามาถึงภายในร้านเลยทีเดียว

「ตะวันใกล้จะตกดินแล้วนะ ว่าแต่พวกเธอมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอ ?」

「อ้อ จริงสิ
 ที่มาวันนี้ก็ไม่มีธุระอื่นใดหรอก」

「ไล่พวกยูวเรย์ไปได้เยอะแล้ว ก็เลยจะจัดงานเลี้ยงที่ศาลเจ้าน่ะ โควรินล่ะว่าไง ?
 ...ตั้งใจว่าจะมาชวนแบบเนี้ย」

อย่างนี้นี่เอง ถือว่าใช้เวลานานเอาการกว่าจะพูดเรื่องแค่นั้นออกมาได้
ดันไม่พูดออกมาตั้งแต่ทีแรกก็เลยเผลอคุยเสียยาวเลย

「ผมดีใจนะที่อุตส่าห์มาชวน แต่ผมมีงานที่ต้องทำอยู่น่ะ
 แถมจะไปเล่นทายแต็มลูกเต๋าก็คงสู้เรย์มุไม่ได้แหงๆ」

「งานที่ว่าน่ะ หมายถึงการเขียนหนังสือนั่นน่ะเหรอ ?」 มาริสะพูดพลางชี้ไปที่บันทึกประจำวันของผม

「มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เอาน่า การดูแลร้านก็ถือว่าเป็นงานอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ」

「ยังเขียนบันทึกประจำวันอยู่อีกเหรอเนี่ย
 นึกว่าเบื่อจนเลิกไปแล้วซะอีก」

「เจ้านี่เป็นบันทึกประจำวันก็จริง แต่สักวันมันจะกลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์นะ
 ผมไม่มีทางหยุดเขียนได้ง่ายๆหรอก
 ผลิตภัณฑ์จากร้านโควรินโดว บันทึกประวัติศาสตร์ที่อุดมไปด้วยความรู้ของมนุษย์ไงล่ะ」

กระดาษสามารถหาได้ง่ายขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมจึงเริ่มเขียนบันทึกประจำวันจนในที่สุดก็เขียนออกมาได้หลายเล่มแล้ว
ผมตั้งใจว่าจะถ่ายทอดมันออกไปในฐานะหนังสือหนึ่งเล่ม
หนังสือเล่มนั้นคงจะกลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียว และก่อให้เกิดการขับเคลื่อน Academism (ปรัชญาและความเชื่อ) ของเกนโซวเคียวอย่างกะทันหัน
จากนั้นเกนโซวเคียวก็จะใกล้เคียงกับโลกภายนอกมากขึ้น และนำความสงบสุขมาสู่อนาคต
(และถ้าหนังสือที่ผมเขียนสามารถขายได้ก็คงจะทำให้ร้านนี้สงบสุขตามไปด้วย)

วันนี้ได้พบเจอกับอะไรหลายอย่าง
กลไกที่กำหนดความเป็นจริงจากการสุ่มเสี่ยงดวง, สาเหตุที่คนเรามีดวงดีดวงร้ายต่างกันไป
การมีอยู่ของมนุษย์ที่รู้ความจริงเหล่านั้น... ...และที่หายากที่สุดคือการเป็นฝ่ายถูกเรย์มุสอนเรื่องต่างๆ
เขียนเรื่องที่ว่า 『สิ่งที่กำหนดอนาคตคือความทรงจำ มิใช่บันทึก』 ลงไปด้วยดีกว่า
ทีนี้, ถ้าความทรงจำของคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถูกใช้ไปกับกลไกของดวงชะตาของคนๆนั้น อนาคตก็จะกลายเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
มนุษย์จะก้าวเดินไปยังอนาคตที่แม้แต่โยวไคก็นึกไม่ถึง โยวไคเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้และคงมีความสุขที่ได้ลิ้มรสความสนุกจากอนาคตแบบเดียวกับมนุษย์



――ข้างนอกมืดสนิทไปแล้ว
ป่านนี้เรย์มุกับมาริสะคงเริ่มงานเลี้ยงที่ศาลเจ้าแล้ว
แล้วก็เหมือนกับทุกที ดื่มเหล้าเหมือนทุกที เล่นพนันแล้วแพ้เรย์มุเหมือนทุกที แล้วก็ดื่มกันจนเกินขนาดเหมือนทุกที... ...

แต่ว่าโลกนี้จะไม่วนลูปอย่างแน่นอน
เพราะทั้งเรย์มุ มาริสะ โยวไค รวมถึงลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับโยวไคอย่างผม ต่างก็จดจำเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้
และพวกเรากำลังสนุกสนานกับความทรงจำเหล่านั้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตลอดไป







สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- ความน่าจะเป็น หมายถึง โอกาสที่จะเกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์หนึ่ง อาจตีค่าได้เป็น 0-100%
- มนุษย์ที่หัวดีอย่างไม่น่าเชื่อ = ฮิเอดะ โนะ อาคิว
- ใบไม้เปลี่ยนสี ...แสดงว่าตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง
- อาจสรุปได้ว่า เรย์มุเป็นคนที่ดวงดีมาก
- สุดท้ายก็มีการเชื่อมโยงไปถึงเรื่อง กรรม ของพระพุทธศาสนา



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้