IN - SpellCard

東方永夜抄　～ Imperishable Night.
โทวโฮวเอย์ยะโชว (บทสรุปราตรีนิรันดร์แห่งตะวันออก)　～ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด

.........................................................................................................................................................................................

Spell Card


*กดที่ชื่อด่านเพื่อแสดงข้อความ*

หรือกดที่นี่เพื่อแสดงข้อความทั้งหมด


Stage 1

Spell Card No.001

ชื่อ : 　蛍符「地上の流星」 　เคย์ฟุ「ฉิโจวโนะริวเซย์」 　ยันต์หิ่งห้อย「ดาวตกปฐพี」 (หิ่งห้อยส่องแสงบนพื้นโลก จึงเรียกว่า ดาวปฐพี อันเป็นชื่อเพลงธีมของ[Project X] ซึ่งขับร้องโดย นาคาจิมะ มิยูกิ) (หิ่งห้อยส่องแสงเพียงชั่วเวลาสั้นๆ จึงเปรียบเป็นดาวตก) (ดาวตก (Meteor) พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก โดยทั่วไปจะถูกเผาไหม้จนหมดก่อนตกถึงพื้น) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　หิ่งห้อยก็แค่เพียงส่องแสงกะพริบซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น, แต่เพราะตัวมันเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาจึงดูคล้ายดาวตกโถมใส่พื้นโลก。

Spell Card No.002

ชื่อ : 　蛍符「地上の彗星」 　เคย์ฟุ「ฉิโจวโนะซุยเซย์」 　ยันต์หิ่งห้อย「ดาวหางปฐพี」 (ดาวหางคงส่องแสงอยู่ในท้องฟ้าได้ยาวนานกว่าดาวตก จึงใช้ตั้งชื่อสเปลการ์ดขั้นพัฒนานี้ เช่นเดียวกับท่าไม้ตายของเปกาซัส ในเรื่องเซนต์เซย์ย่า) (ดาวหาง (Comet) พุ่งไปในอวกาศ จึงไม่เสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก สามารถเห็นบนท้องฟ้าได้ด้วยตาเปล่าเป็นเวลานาน) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　การเรียนหนังสือโดยใช้ของอย่างแสงหิ่งห้อยเนี่ย ไม่ดีต่อสายตาครับ。 จะว่าไปแล้วที่มันเป็นไปได้ยากก็เพราะมันกะพริบเป็นจังหวะเดียวกัน。 อย่าถูกคนโบราณหลอกเชียว。 (คนโบราณ ในที่นี้หมายถึงเรื่องเล่าของประเทศจีนในสมัยก่อน ซึ่งคนยากจนที่ใฝ่รู้ต้องการอ่านหนังสือแม้ในยามค่ำคืน แต่ไม่มีเงินซื้อเชื้อเพลิงมาจุดแสงสว่าง จึงอาศัยแสงจากหิ่งห้อย จนเกิดเป็นสำนวน 「蛍雪の功」 ที่หมายถึง ความสำเร็จจากการมุมานะร่ำเรียนอย่างหนัก)

Spell Card No.003

ชื่อ : 　灯符「ファイアフライフェノメノン」 　โทวฟุ「ไฟร์ฟลาย ฟีโนมีน่อน」 　ยันต์ไต้「Firefly Phenomenon」 (ไต้ เป็นของใช้สําหรับจุดไฟให้สว่างหรือทําเชื้อเพลิง) (Firefly Phenomenon ปรากฏการณ์ส่องสว่างหมู่ของเหล่าหิ่งห้อย มักเกิดในเวลากลางคืนริมฝั่งแม่น้ำของประเทศไทยและมาเลเซีย เชื่อกันว่าเป็นพฤติกรรมทางสังคมอย่างหนึ่งของหิ่งห้อย อาจมีความหมายหลายอย่างขึ้นอยู่กับรูปแบบของแสงไฟ เช่น พบอาหารและเรียกพวกมากิน) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ปรากฏการณ์หิ่งห้อยเรืองแสง

Spell Card No.004

ชื่อ : 　灯符「ファイアフライフェノメノン」 　โทวฟุ「ไฟร์ฟลาย ฟีโนมีน่อน」 　ยันต์ไต้「Firefly Phenomenon」 เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ปรากฏการณ์หิ่งห้อยเรืองแสง ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ดูเป็นแมลงไปนิดก็เถอะ... ...แต่นี่ไม่ใช่รูปแบบการเคลื่อนไหวของหิ่งห้อยหรอกนะ。

Spell Card No.005

ชื่อ : 　灯符「ファイアフライフェノメノン」 　โทวฟุ「ไฟร์ฟลาย ฟีโนมีน่อน」 　ยันต์ไต้「Firefly Phenomenon」 เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ปรากฏการณ์หิ่งห้อยเรืองแสง บางท่านกล่าวว่ามันให้ความรู้สึกเหมือน[ตั๊กแตน]มากกว่า。 เอาเถอะ ถ้าเป็นแมลงล่ะก็ ยังไงก็ได้。 (เพราะงั้นหลังจากนี้ ริกเกิ้ลจึงถูกล้อเลียนไปหลายแบบมาก เช่น ตั๊กแตน จั๊กจั่น แมลงสาบ)

Spell Card No.006

ชื่อ : 　灯符「ファイアフライフェノメノン」 　โทวฟุ「ไฟร์ฟลาย ฟีโนมีน่อน」 　ยันต์ไต้「Firefly Phenomenon」 เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ปรากฏการณ์หิ่งห้อยเรืองแสง พอกดลงบนตัวของโคเมทสึคิมุชิแล้วสนุกดี。ไม่ต้องทำอะไรก็ปรบนิ้วได้。 (โคเมทสึคิมุชิ (Click Beetle) เป็นแมลงขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง ซึ่งแมลงสายพันธุ์นี้มีลักษณะพิเศษคือ เมื่อโดนสัมผัสตัว มันจะดีดตัวกระโดดขึ้นด้านบน ใช้เพื่อหลบหนีศัตรูตามธรรมชาติ) (ท่าน ZUN ใช้คำว่าปรบนิ้ว แทนที่จะเป็นปรบมือ เพราะตัวแมลงมีขนาดเล็กนั่นเอง)

Spell Card No.007

ชื่อ : 　蠢符「リトルバグ」 　ชุนฟุ「ลิทเทิ้ล บั๊ก」 　ยันต์ไต่ตอม「Little Bug」 (Little Bug เป็นท่อนหนึ่งของหนังสือเด็ก "Because a Little Bug went Ka-Choo" ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1975 ซึ่งกล่าวถึงปรากฏการณ์ Butterfly Effect โดยเทียบเป็นการจามของแมลงตัวน้อยแทนการพัดโบกปีกของผีเสื้อ) (Butterfly Effect คือทฤษฎีที่ว่า ลมเบาๆที่เกิดจากการพัดโบกของปีกผีเสื้อเพียงตัวเดียวในซีกโลกหนึ่ง จะก่อให้เกิดพายุร้ายแรงในอีกซีกโลกหนึ่ง) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　แมลงตัวเล็กๆ ขยะแขยงครับ。

Spell Card No.008

ชื่อ : 　蠢符「リトルバグストーム」 　ชุนฟุ「ลิทเทิ้ล บั๊ก สตอร์ม」 　ยันต์ไต่ตอม「Little Bug Storm」 (Storm หมายถึงพายุที่เกิดจาก Butterfly Effect นั่นเอง) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　แมลงตัวเล็ก นับจากตอนที่เป็นไข่จำนวนมหาศาลจนถึงฟักเป็นตัวนั้นใช้เวลานิดเดียวเท่านั้น。 นี่คงเป็นความลี้ลับของสิ่งมีชีวิตสินะ。

Spell Card No.009

ชื่อ : 　蠢符「ナイトバグストーム」 　ชุนฟุ「ไนท์บั๊ก สตอร์ม」 　ยันต์ไต่ตอม「Night Bug Storm」 (Storm หมายถึงพายุที่เกิดจาก Butterfly Effect นั่นเอง) (Night Bug คล้ายกับชื่ออัลบั้ม Night Bugs ของ Sarah Slean ศิลปินชาวแคนาดา ผู้ขับร้องและบรรเลงเปียโน) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　พูดถึงการฟักไข่เนี่ย ถ้าให้ความอบอุ่นกับมันก็จะเติบโตเป็นแมลงที่ดีกว่าสินะ。 แต่ก็นะ, ไข่แมลงมันเอามากกได้ซะที่ไหนล่ะ。

Spell Card No.010

ชื่อ : 　蠢符「ナイトバグトルネード」 　ชุนฟุ「ไนท์บั๊ก ทอร์นาโด」 　ยันต์ไต่ตอม「Night Bug Tornado」 (Tornado หมายถึงพายุที่เกิดจาก Butterfly Effect นั่นเอง) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ถ้าจะพูดให้ชัดๆล่ะก็ ลองยกหินที่มีขนาดใหญ่สักหน่อยขึ้นมา, แล้วเจอไข่มดเบียดเสียดเยียดยัดกันแน่น, ความรู้สึกแบบนั้นแหละ。

Spell Card No.011

ชื่อ : 　隠蟲「永夜蟄居」 　อินฉูว「เอย์ยะฉิคโคะ」 　แมลงซ่อนพราง「จำศีลชั่วราตรีนิรันดร์」 (จำศีล เป็นพฤติกรรมของแมลง ซ่อนตัวตามแม่น้ำหรือใต้ก้อนหินหรือในดินในช่วงฤดูหนาว แมลงบางชนิดจะเป็นตัวอ่อนในช่วงนี้พอดี และเมื่อพ้นฤดูหนาวก็จะกลายเป็นตัวเต็มวัย) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　การที่มีช่วงกลางคืนยาวนานไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ เพราะแมลงก็จะแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วเช่นกันครับ。จากแมลงเบ๊ก็จะกลายเป็นแมลงเต็มตัว, นั่นก็คือลาสท์สเปลของริกเกิ้ลเขาล่ะ。 (แมลงเบ๊ในที่นี้ หมายถึง ตัวอ่อนที่ต้องลอกคราบก่อน จึงจะกลายเป็นตัวเต็มวัย) (แมลงหลายชนิดเป็นพวกที่ใช้ชีวิตในเวลากลางคืน ตั้งแต่การฟักไข่ เข้าดักแด้ ลอกคราบ ล้วนกระทำในเวลากลางคืนทั้งสิ้น ทั้งนี้เชื่อกันว่าเป็นผลกระทบจากดวงจันทร์) (หากสังเกตจากกระสุนในลาสท์สเปลของริกเกิ้ล คลื่นกระสุนจะถูกโปรยออกมา แล้วชะงัก จากนั้นก็จะพองขึ้น แล้วค่อยพุ่งออกมา เลียนแบบการเติบโตของแมลง หรือพูดให้ถูกก็คือ เธอยิงแมลงออกมาใส่ผู้เล่นนั่นเอง โดยเร่งการเจริญเติบโตของพวกมัน โดยสังเกตจากทุกสเปลของเธอจะมีแมลงตัวใหญ่ๆตัวหนึ่งถูกโยนออกมาเสมอ บางทีแมลงตัวนั้นล่ะ คือ เจ้าของไข่ที่ริกเกิ้ลเอามาใช้เร่งการเจริญเติบโตเพื่อยิงเป็นกระสุน)

Spell Card No.012

ชื่อ : 　隠蟲「永夜蟄居」 　อินฉูว「เอย์ยะฉิคโคะ」 　แมลงซ่อนพราง「จำศีลชั่วราตรีนิรันดร์」 เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　การที่แมลงชนิดหนึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างดีเป็นพิเศษ เพียงเพราะมันส่องแสงได้เนี่ย เป็นเรื่องที่น่าสนใจดี。นี่ก็จัดเป็นเทคนิคการหลอกมนุษย์อย่างหนึ่ง。

Spell Card No.013

ชื่อ : 　隠蟲「永夜蟄居」 　อินฉูว「เอย์ยะฉิคโคะ」 　แมลงซ่อนพราง「จำศีลชั่วราตรีนิรันดร์」 เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　และก็ไม่ลืมที่จะยกตัวอย่างถึงตัวอ่อนแมลงที่อาศัยอยู่ในน้ำซึ่งน่าขยะแขยงอย่างแรง。 อย่าถูกริกเกิ้ลหลอกเข้าให้ล่ะ。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 2

Spell Card No.014

ชื่อ : 　声符「梟の夜鳴声」 　เซย์ฟุ「ฟุคุโรวโนะโยะนาคิโกะเอะ」 　ยันต์เสียง「เสียงร้องราตรีของนกฮูก」 (ฟุคุโรว หมายถึง นกฮูก นกเค้า เป็นนกหากินกลางคืน เป็นสัตว์กินเนื้อ) (สเปลนี้หมายถึง เสียงร้องฮูกฮูกในเวลากลางคืนของมัน) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เสียงร้องของนกฮูกที่แว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง。 นัยน์ตาของนกฮูกน่ากลัวชะมัด。

Spell Card No.015

ชื่อ : 　声符「梟の夜鳴声」 　เซย์ฟุ「ฟุคุโรวโนะโยะนาคิโกะเอะ」 　ยันต์เสียง「เสียงร้องราตรีของนกฮูก」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　เสียงร้องของนกฮูกที่แว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง。 Point (ประเด็น) คือ วิถีกระสุนที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัด。

Spell Card No.016

ชื่อ : 　声符「木菟咆哮」 　เซย์ฟุ「มิมิซึคุโฮวโคว」 　ยันต์เสียง「มิมิซึคุร้องคำราม」 (มิมิซึคุ เป็นนกฮูกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเด่นตรงขนเหนือตา ที่ยื่นขึ้นมาดูคล้ายหู หรือเขา เชื่อกันว่าเดิมชื่อ 耳付く ที่หมายถึง ติดหู แต่ภายหลังเพี้ยนมาจนเป็น 木菟) (ร้องคำราม เป็นขั้นพัฒนาของสเปลการ์ดก่อนหน้านี้) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เสียงร้องของมิมิซึคุ。ดูเหมือนว่าในแง่ของวิชาอนุกรมวิธาน(การจำแนกหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต)จะถือว่ามิมิซึคุกับฟุคุโรวนั้นไม่ต่างกันเท่าใดนัก, แต่ถ้าจะพูดให้ชัดๆละก็มิมิซึคุเท่กว่าแฮะ。

Spell Card No.017

ชื่อ : 　声符「木菟咆哮」 　เซย์ฟุ「มิมิซึคุโฮวโคว」 　ยันต์เสียง「มิมิซึคุร้องคำราม」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เสียงร้องของมิมิซึคุ。 ผมคิดว่าตัวอักษร มิมิซึคุ(木菟)มันคล้ายกับคิอิฉิโกะ(木苺)(ราสเบอร์รี่)。รู้สึกว่ามันดูน่ารักขึ้นมาทันทีเลย。

Spell Card No.018

ชื่อ : 　蛾符「天蛾の蠱道」 　กะฟุ「สึซึเมะกะโนะโคะโดว」 　ยันต์ผีเสื้อกลางคืน「สึซึเมะกะลวงล่อ」 (สึซึเมะกะ หรือ Hawk Moth ผีเสื้อกลางคืนชนิดนี้เวลาบินใส่ศัตรูจะโปรยผงเกล็ดจากปีกใส่ศัตรูไปด้วย) (มิสเทียเป็นนกกระจอกราตรี(สึซึเมะ) จึงมีความเกี่ยวโยงกับผีเสื้อพวกนี้(สึซึเมะกะ)ทางอ้อม) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　สึซึเมะกะบินโปรยผงเกล็ดปีก。

Spell Card No.019

ชื่อ : 　蛾符「天蛾の蠱道」 　กะฟุ「สึซึเมะกะโนะโคะโดว」 　ยันต์ผีเสื้อกลางคืน「สึซึเมะกะลวงล่อ」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　สึซึเมะกะบินโปรยผงเกล็ดปีก。 ความรู้สึกข่มขวัญของมันนั้นสุดยอดมาก。นี่ถ้ามีเครื่องบินรบรูปแบบสึซึเมะกะก็คงจะเข้ากับสงครามกลางคืนได้ดีทีเดียว。 (หรือท่าน ZUN จะนึกถึง โทบิอิโระสึซึเมะ (鳶色天蛾 Clanis bilineata) ที่มีขนาดประมาณ 10cm และรูปร่างคล้ายเครื่องบินรบสเตลท์)

Spell Card No.020

ชื่อ : 　毒符「毒蛾の鱗粉」 　โดะคุฟุ「โดะคุกะโนะรินปุน」 　ยันต์พิษ「เกล็ดผงของผีเสื้อกลางคืนพิษ」 (โดะคุกะ เป็นผีเสื้อกลางคืนที่มีพิษอยู่บนผงเกล็ดปีก ซึ่งพัฒนามาจากขนเข็มพิษตามลำตัวของมันสมัยที่ยังเป็นหนอนผีเสื้อ พิษเหล่านี้เกิดจากการที่มันกินพืชที่มีสารกลุ่ม Alkaloid มาก) (โดะคุกะ เกี่ยวข้องกับสึซึเมะกะตรงที่เป็นผีเสื้อกลางคืน จึงเกี่ยวข้องกับมิสเทียในทางอ้อม) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ผงเกล็ดปีกมีพิษ, ใช้เล่นงานมนุษย์ได้。 แต่แรกเริ่มเดิมที ลายจุดบนปีกของมันก็น่าจะมีพิษอยู่แล้ว。ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ。

Spell Card No.021

ชื่อ : 　猛毒「毒蛾の暗闇演舞」 　โมวโดะคุ「โดะคุกะโนะคุรายามิเอมบุ」 　พิษร้าย「การร่ายรำแห่งความมืดของผีเสื้อกลางคืนพิษ」 (พิษร้าย หมายถึง พิษที่มีความรุนแรงสูงมาก อาจทำให้ผู้ได้รับพิษถึงแก่ความตายได้) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　จะมีผีเสื้อกลางคืนที่มีพิษร้ายขนาดที่ว่าสามารถฆ่าคนได้ด้วยผงเกล็ดปีกรึเปล่านะ。โยวไคผีเสื้อกลางคืนแห่งพิษร้ายที่กินยะคัทสึมาตั้งแต่ตอนเป็นตัวหนอน。ถ้าเป็นในเกนโซวเคียวล่ะก็อาจจะมีอยู่ก็ได้。 (ยะคัทสึ 冶葛 หมายถึง Gelsemium elegans พืชที่ว่ากันว่ามีพิษร้ายแรงที่สุด เพียงแค่กินใบของมันเข้าไป 3 ใบก็ถึงตายได้)

Spell Card No.022

ชื่อ : 　鷹符「イルスタードダイブ」 　โยวฟุ「อิล-สแตร์ด ไดฟ์」 　ยันต์เหยี่ยว「Ill-Starred Dive」 (แปลว่า การโฉบอันแสนเศร้า หมายถึง การที่เด็กๆถูกนกล่าเหยื่ออย่างอินทรีย์หรือเหยี่ยวโฉบเอาตัวไป) เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　การจู่โจมของเหยี่ยว ... ...ถ้าในแง่ของเหยี่ยวก็ต้องถือว่าความเร็วต่ำ。

Spell Card No.023

ชื่อ : 　鷹符「イルスタードダイブ」 　โยวฟุ「อิล-สแตร์ด ไดฟ์」 　ยันต์เหยี่ยว「Ill-Starred Dive」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　การจู่โจมของเหยี่ยว เหยี่ยวน่ะ บางทีมันก็ลักพาตัวเด็กทารกของมนุษย์ไปนะ。เลียนแบบโยวไคไงล่ะ。

Spell Card No.024

ชื่อ : 　鷹符「イルスタードダイブ」 　โยวฟุ「อิล-สแตร์ด ไดฟ์」 　ยันต์เหยี่ยว「Ill-Starred Dive」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　การจู่โจมของเหยี่ยว บ้างก็ว่า เด็กทารกที่ถูกลักพาตัวไป ในพันคนจะมีคนหนึ่งที่กลายเป็นเทนกุ。 (เป็นเรื่องเล่าในอดีตจาก 日本霊異記 นิฮอนเรียวอิคิ (นิฮอนเรย์อิคิ) ที่ว่า เด็กที่ถูกลักพาตัวโดยอินทรีย์หรือเหยี่ยว จะถูกเลี้ยงดูโดยใครก็ไม่รู้ และเมื่อเติบใหญ่ก็จะกลับมาหาพ่อแม่อีกครั้ง โดยกลายเป็นคน(หรือพระ)ที่ยอดเยี่ยม)

Spell Card No.025

ชื่อ : 　鷹符「イルスタードダイブ」 　โยวฟุ「อิล-สแตร์ด ไดฟ์」 　ยันต์เหยี่ยว「Ill-Starred Dive」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เหยี่ยวแห่งยามราตรี (夜の鷹) (โยรุโนะทาคะ) , พอพูดขึ้นมาก็พาลทำให้นึกถึง[ไอ้นั่น]ขึ้นมานิดหน่อยครับ。 แต่มิสเทียก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทางนั้นหรอกครับ。 (ญี่ปุ่นเสนอว่านัยถึง 夜鷹 โยะทาคะ ซึ่งเป็นคำเรียกหญิงขายบริการตามถนนในยุคเอโดะ) (ฝรั่งเสนอว่านัยถึง เครื่องบินรบสเตลท์ รุ่น F-117 NightHawk) (แต่ไม่ว่าอันไหน ก็ไม่เกี่ยวกับมิสเทียอยู่ดี (ฮา)

Spell Card No.026

ชื่อ : 　夜盲「夜雀の歌」 　ยะโมว「โยะสึซึเมะโนะอุตะ」 　ตาบอดกลางคืน「บทเพลงของนกกระจอกราตรี」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ท่าโปรดของมิสเทียซึ่งเป็นนกกระจอกราตรี。

Spell Card No.027

ชื่อ : 　夜盲「夜雀の歌」 　ยะโมว「โยะสึซึเมะโนะอุตะ」 　ตาบอดกลางคืน「บทเพลงของนกกระจอกราตรี」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ท่าโปรดของมิสเทียซึ่งเป็นนกกระจอกราตรี。เล่ากันมาแต่อดีตว่าหากได้กินปลาไหลยัทสึเมะแล้วจะหายจากอาการตาบอดกลางคืน, แต่จริงๆแล้วดูเหมือนว่าที่รักษาได้ผลเนี่ยเป็นเพราะมันอุดมด้วยวิตามิน A ต่างหาก。 (ปลาไหลยัทสึเมะ แปลตรงตัวว่า ปลาไหลแปดตา หรือก็คือ ปลาไหล Lampray นั่นเอง)

Spell Card No.028

ชื่อ : 　夜盲「夜雀の歌」 　ยะโมว「โยะสึซึเมะโนะอุตะ」 　ตาบอดกลางคืน「บทเพลงของนกกระจอกราตรี」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ท่าโปรดของมิสเทียซึ่งเป็นนกกระจอกราตรี。 แต่ที่จริงแล้วเขาเล่าลือกันว่า หากได้เห็นนกกระจอกราตรีในเวลากลางวันแล้วจะเป็นโรคตาบอดกลางคืนนะ。

Spell Card No.029

ชื่อ : 　夜盲「夜雀の歌」 　ยะโมว「โยะสึซึเมะโนะอุตะ」 　ตาบอดกลางคืน「บทเพลงของนกกระจอกราตรี」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ท่าโปรดของมิสเทียซึ่งเป็นนกกระจอกราตรี。จริงๆแล้วผมชอบนกกระจอกนะ。ไม่รู้เพราะเครื่องในรึไงมันถึงได้มีรสเค็มนิดๆ เข้ากับเหล้าได้ดีทีเดียว。ถึงจะมีกระดูกก็เถอะ。 (ที่แท้ก็เป็นเพราะท่าน ZUN ชอบกินนี่เอง จึงได้ใส่บทให้ยูยูโกะไปอย่างนั้น)

Spell Card No.030

ชื่อ : 　夜雀「真夜中のコーラスマスター」 　โยะสึซึเมะ「มาโยะนาคะโนะ คอรัส มาสเตอร์」 　นกกระจอกราตรี「Chorus Master ยามเที่ยงคืน」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　คอรัสมาสเตอร์ก็คือผู้ควบคุมวงดนตรี (Conductor)。 จริงๆแล้วไม่ใช่เพลงของมิสเทียหรอก แต่เป็นการประสานเสียงของปิศาจรับใช้ต่างหาก。

Spell Card No.031

ชื่อ : 　夜雀「真夜中のコーラスマスター」 　โยะสึซึเมะ「มาโยะนาคะโนะ คอรัส มาสเตอร์」 　นกกระจอกราตรี「Chorus Master ยามเที่ยงคืน」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　แม้จะเขียนว่า ผู้ควบคุมวงดนตรีแห่งเวลาเที่ยงคืน, แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว。 คอรัสมาสเตอร์ก็ไม่น่ากลัว。ไม่มีอะไรน่ากลัวตั้งแต่แรกนั่นล่ะ。

Spell Card No.032

ชื่อ : 　夜雀「真夜中のコーラスマスター」 　โยะสึซึเมะ「มาโยะนาคะโนะ คอรัส มาสเตอร์」 　นกกระจอกราตรี「Chorus Master ยามเที่ยงคืน」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　หรือจะพูดว่า, นกกระจอกไม่น่ากลัวงั้นรึ ? เอาน่า ก็นี่มันบอสด่านสองนี่น้า~。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 3

Spell Card No.033

ชื่อ : 　産霊「ファーストピラミッド」 　มุสึบิ「เฟิสท์ ปิรามิด」 　เทพผู้สร้าง「First Pyramid」 (産霊 มุสึฮิ (เมื่อใช้ต่อท้ายนามเทพเจ้าจะอ่านว่า มุสึบิ) แปลตรงตัวได้ว่า วิญญาณจุติ แต่ความหมายที่แท้จริงคือ วิญญาณเทพ(ชินเรย์)หรือเทพเจ้าผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งและสวรรค์พิภพ) (นอกจากนี้ มุสึบิ ยังพ้องเสียงกับคำว่า มุสึบิ ที่แปลว่า ข้ามปั้นรูปสามเหลี่ยม) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ปิรามิดพาวเวอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก。 (ในที่นี้หมายถึงมหาเทพผู้มีตัวตนมาแต่แรกสุด 天御中主 อาเมะโนะมินาคานุชิ ซึ่งมีบุตรสองคนคือ 高皇産霊 ทาคามิมุสึบิ และ 神皇産霊 คามิมุสึบิ โดยทั้งสามองค์นี้ถูกขนานนามว่าเป็น สามเทพผู้สร้าง)

Spell Card No.034

ชื่อ : 　産霊「ファーストピラミッド」 　มุสึบิ「เฟิสท์ ปิรามิด」 　เทพผู้สร้าง「First Pyramid」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ปิรามิดพาวเวอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก。 สามเหลี่ยมอันเป็นสัญลักษณ์ของเทพผู้สร้าง。ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ。

Spell Card No.035

ชื่อ : 　産霊「ファーストピラミッド」 　มุสึบิ「เฟิสท์ ปิรามิด」 　เทพผู้สร้าง「First Pyramid」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ปิรามิดพาวเวอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก。 พาลให้นึกถึงข้าวปั้นสามเหลี่ยมซะมากกว่า。

Spell Card No.036

ชื่อ : 　産霊「ファーストピラミッド」 　มุสึบิ「เฟิสท์ ปิรามิด」 　เทพผู้สร้าง「First Pyramid」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ที่พูดว่า รู้สึกแย่ที่ต้องกินของอย่างข้าวปั้นสามเหลี่ยมรสทูน่ามายองเนสระหว่างการเดินทางเนี่ย ก็เพราะว่ากินไม่ไหวนั่นแหละนะ。จริงๆนะ。

Spell Card No.037

ชื่อ : 　始符「エフェメラリティ137」 　ชิฟุ「เอเฟเมอรัลลิตี้ 137」 　ยันต์จุดเริ่ม「Ephemerality 137」 (137 คือ อายุของจักรพรรดิคนแรกของญี่ปุ่น จินมุ ซึ่งเป็นลูกหลานของมหาเทพอามาเทราสึ) (ยันต์จุดเริ่ม หมายถึง จุดเริ่มต้นของประเทศญี่ปุ่น และจักรพรรดิองค์แรกนั่นเอง) (Ephemerality หมายถึง ช่วงสั้นๆ ซึ่งชื่อสเปลนี้มีความหมายถึง อายุ 137 ปีอันแสนสั้น ทั้งนี้เพราะบิดามารดาขององค์จักรพรรดิจินมุนั้น เป็นเทพที่มีอายุหลายแสนปี) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ทั้งๆที่บิดามารดามีอายุหลายแสนปีแท้ๆเชียวน้า。 ชีวิตมนุษย์นี่มันช่างแสนสั้น, ราวกับฟองที่แตกกระเซ็นก็มิปาน。 (คาดว่าหมายถึงฟองในแก้วเบียร์หรือแก้วเหล้าของท่าน ZUN นั่นแล)

Spell Card No.038

ชื่อ : 　始符「エフェメラリティ137」 　ชิฟุ「เอเฟเมอรัลลิตี้ 137」 　ยันต์จุดเริ่ม「Ephemerality 137」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　แต่จะว่าไป ผมรู้สึกว่า 137 ปีนี่มันก็ยาวนานสุดยอดแล้วนะ。 คงทานแต่ของที่ดีต่อสุขภาพแน่เลย。

Spell Card No.039

ชื่อ : 　始符「エフェメラリティ137」 　ชิฟุ「เอเฟเมอรัลลิตี้ 137」 　ยันต์จุดเริ่ม「Ephemerality 137」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　แต่ยูคาริหรือเรมิเลียก็มีอายุยืนยาวยิ่งกว่านั้นอีก。 ยูยูโกะ ? เธอกำลังตายอยู่นา... ...。 (ท่าน ZUN ใช้คำว่า "กำลังตายอยู่" ไม่ได้ใช้คำว่า ตายไปแล้ว)

Spell Card No.040

ชื่อ : 　野符「武烈クライシス」 　ยะฟุ「บุเรทสึ ไครซิส」 　ยันต์สิ้นอำนาจ「บุเรทสึ Crisis」 (บุเรทสึ เป็นนามของจักรพรรดิองค์ที่ 25 ของญี่ปุ่น ตามบันทึกญี่ปุ่นกล่าวว่า พระองค์เป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตมาก จนประชาชนหวาดกลัวไปทั่วทุกหย่อมหญ้า) (Crisis แปลว่า วิกฤตการณ์ หรือสถานการณ์ร้ายแรง) (野 ซึ่งเป็นคำนำหน้าสเปลการ์ดชุด 4 ใบนี้ (No.040-043) มีความเห็นแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าหมายถึง ความทะเยอทะยาน(野心) บ้างก็ว่าหมายถึง การสิ้นอำนาจ(在野) ซึ่งเมื่อดูจากเหตุการณ์ในสเปลการ์ดทั้งสี่ใบแล้วพบว่า เกี่ยวข้องกับการสิ้นอำนาจมากกว่า กล่าวคือ Crisis แต่ละครั้งนั้นทำให้มีผู้ที่ต้องสูญเสียอำนาจลงไป ดังนั้นจึงขอใช้คำว่า สิ้นอำนาจ ครับ) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ไม่คิดเลยว่าเป็นชื่อของคน。 เอาไว้ปกปิดไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร, รึเปล่า ?

Spell Card No.041

ชื่อ : 　野符「将門クライシス」 　ยะฟุ「มาซาคาโดะ ไครซิส」 　ยันต์สิ้นอำนาจ「มาซาคาโดะ Crisis」 (ไทระ โนะ มาซาคาโดะ บุตรของไทระโนะโยชิมาสะ ก่อกบฏต่อราชสำนักในปี 939 และประกาศตั้ง ชินโนว(จักรวรรดิใหม่) ขึ้นในเขตตะวันออก(คันโตว) ราชสำนักจึงตั้งค่าหัวมาซาคาโดะ และ 59 วันต่อมา (ปี 940) มาซาคาโดะถูกสังหารในศึกโคจิมะโดยลูกพี่ลูกน้องของตนชื่อซาดาโมริ ซึ่งต้องการล้างแค้นให้บิดาที่ถูกมาซาคาโดะสังหาร (ชื่อคุนิคะ มีศักดิ์เป็นลุงของมาซาคาโดะ) โดยซาดาโมริร่วมมือกับ ฟุจิวาระโนะฮิเดซาโตะ หลังจากนั้นหัวของมาซาคาโดะก็ถูกนำกลับไปเมืองหลวง และนำไปฝังไว้ที่เนินมาซาคาโดะคุบิซึคะ(เนินหัวมาซาคาโดะ) ซึ่งชาวบ้านประทับใจในความกล้าหาญที่ลุกขึ้นสู้กับราชสำนัก จึงสักการบูชาในฐานะเทพ พร้อมกับคอยขอพรให้ระงับความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อราชสำนัก) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ท่านมาซาคาโดะผู้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแปลกๆอยู่มากมาย。 เป็นเพราะคาโตวจริงๆด้วยสินะ ? ยังคิดอยู่เลยว่าในอนาคตอยากเป็นอย่างคาโตว。 (คาโตว เป็นนักแสดงนำในละครดราม่าของ NHK ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับมาซาคาโดะ ละครเรื่องนี้ฉายในปี 1976) (หรืออาจนัยถึง คาโตว ที่เป็นจอมมารในเรื่องสั้นของอาจารย์ อารามาตะ ฮิโรชิ โดยคาโตวได้ทำการปลุกวิญญาณแค้นของมาซาคาโดะขึ้นมาก่อให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตว ในปี 1923) (ในที่นี้ท่าน ZUN น่าจะหมายถึงละครของ NHK ที่สื่อภาพความเป็นผู้กล้าของมาซาคาโดะเสียมากกว่า ส่วนเรื่องที่ว่าละครเก่าเกินไป ไม่น่ามีปัญหา เพราะสมัยนั้นก็มีวิดีโอแล้ว)

Spell Card No.042

ชื่อ : 　野符「義満クライシス」 　ยะฟุ「โยชิมิทสึ ไครซิส」 　ยันต์สิ้นอำนาจ「โยชิมิทสึ Crisis」 (โยชิมิทสึ อาชิคากะ เป็นนามของโชกุนลำดับสามแห่งอาชิคากะ และเป็นผู้สร้างวัดคินคาคุจิที่โด่งดัง ผู้หวังจะให้บุตรของตน(ที่จะถือกำเนิดในอนาคต)ได้เป็นจักรพรรดิ ส่วนตนจะได้กลายเป็นผู้อยู่เหนือจักรพรรดิ จึงพยายามใกล้ชิดองค์จักรพรรดิโดยการเข้าหาทางพระญาติและครอบครัวขององค์จักรพรรดิ โดยตั้งใจว่าจะกลืนตระกูลเชื้อสายจักรพรรดิด้วยตระกูลอาชิคากะเสียเลย ซึ่งโยชิมิทสึนั้นรักลูกชายคนรอง(โยชิทสึกุ)มาก ตั้งใจว่าจะปั้นให้ลูกชายคนรองนี้เป็นจักรพรรดิให้ได้ แต่สุดท้ายในช่วงพิธีเกมปุคุ(พิธีแสดงตนว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จัดตอนอายุ 15 ปี)ของลูกชายคนรอง โยชิมิทสึก็เกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคร้าย(บ้างก็ว่าถูกลอบสังหาร)ในวัย 50 ปีเท่านั้น) (นอกจากนี้ โยชิมิทสึยังโด่งดังจากอีกเรื่องคือ ในช่วงที่จักรวรรดิจีนต้องการทำการค้ากับประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการติดต่อมาทางโยชิมิทสึ โดยจ่าหน้าว่าโยชิมิทสึเป็น กษัตริย์แห่งญี่ปุ่น พร้อมทั้งเสนอ "ตรา" ประจำตำแหน่งให้ ซึ่งโยชิมิทสึรับเอาไว้ โดยเชื่อกันว่า ด้วยอำนาจของตรานี้ โยชิมิทสึสามารถขอยืมกำลังจากจีนมาใช้งานได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป้าหมายในการยึดครองตำแหน่งจักรพรรดิญี่ปุ่นนั่นเอง) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　โยชิมิทสึ, อาชิคากะซัง。 วิถีกระสุนเริ่มคดเคี้ยวเล็กน้อยตั้งแต่สเปลการ์ดใบนี้。ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแย่ๆนะ。

Spell Card No.043

ชื่อ : 　野符「GHQクライシス」 　ยะฟุ「จีเอชคิว ไครซิส」 　ยันต์สิ้นอำนาจ「GHQ Crisis」 (GHQ ย่อมาจาก General HeadQuaters หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Supreme Commander for the Allied Powers เป็นสำนักงานที่ตั้งขึ้นเพื่อยึดครองและควบคุมประเทศญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยในแผนการปฏิรูประบบรัฐบาลของญี่ปุ่นนั้น มีแผนการยกเลิกระบบจักรพรรดิรวมอยู่ด้วย โดยใช้การกดดันจากรัฐบาล ผสานกับการล้มล้างความคิดที่ว่าเชื้อสายจักรพรรดินั้นสืบทอดมาจากเทพเจ้า) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ในที่สุดก็กลับมาถึงปัจจุบัน。 รู้สึกเหมือนกับมันพังทลายไปจนไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว。พยายามเข้านะ ญี่ปุ่น。 (สเปลการ์ดของเคย์เนะที่ผ่านมาจนถึงใบนี้ เป็นการลำดับเหตุการณ์ของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เป็นญี่ปุ่น ก่อตั้งญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน)

Spell Card No.044

ชื่อ : 　国符「三種の神器 剣」 　โคะคุฟุ「ซันชุโนะจินกิ -ทสึรุกิ-」 　ยันต์ชาติ「ไตรเทวภัณฑ์ -ดาบ-」 (ไตรเทวภัณฑ์ หรือถ้าแปลตรงๆตัวก็คือ เครื่องบวงสรวงแด่เทพเจ้าสามชนิด ได้แก่ ดาบ กระจก และมณี ซึ่งทั้งสามชิ้นนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงความเป็นจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น และถือว่าเป็นสมบัติประจำชาติ คำนำหน้าสเปลการ์ดจึงใช้คำว่า ชาติ) (ดาบ ในที่นี้ก็คือ 天叢雲剣(อาเมะโนะมุราคุโมะโนะทสึรุกิ) ดาบเมฆาสวรรค์ หรืออืกชื่อคือ 草薙剣(คุซานากิโนะทสึรุกิ) ดาบคุซานากิ นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นอีกหลายชื่อ ซึ่งดาบนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าประจำไตรเทวภัณฑ์ ตำนานเล่าว่า สึซาโนโอะพบดาบเล่มนี้ในหางที่สี่(จากเจ็ด)ของอสรพิษยักษ์แปดหัวที่น่าสะพรึงกลัว ยามาตะโนะโอโรจิ และได้ตั้งชื่อว่าดาบเมฆาสวรรค์ เนื่องจากศีรษะของยามาตะโนะโอโรจินั้นมักจะแหวกเมฆบนฟ้าอยู่เสมอ ต่อมาได้มอบดาบเล่มนี้ให้แก่อามาเทราสึเพื่อยุติความบาดหมางในอดีต) (จากนั้นอามาเทราสึก็มอบให้กับนินิกิผู้เป็นหลาน เพื่อการจุติลงมาปราบความวุ่นวายบนโลกมนุษย์ และตกทอดสู่ลูกหลานเทพเจ้าอันเป็นเชื้อสายจักรพรรดิญี่ปุ่นเรื่อยมาจนถึงยุคของจักรพรรดิองค์ที่ 20 ชื่อ เคนโคว ซึ่งมีบุตรเป็นนักรบผู้เก่งกล้านาม ยามาโตะ ทาเครุ ซึ่งเขาได้รับดาบเมฆาสวรรค์มาจากป้าเพื่อให้คุ้มครองทาเครุจากภยันตราย แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ทาเครุก็ถูกคนทรยศล่อให้มาที่กลางทุ่งหญ้าเพียงลำพัง จากนั้นก็ถูกจุดไฟล้อมรอบทิศ ทาเครุพยายามหนีตายด้วยการใช้ดาบที่มีติดตัวอยู่ ตัดหญ้ารอบๆตัวทิ้ง เพื่อให้ไฟไม่มีฟืนเพียงพอที่จะลามมาถึงตัว แต่ตอนนั้นเองที่ทาเครุสังเกตเห็นว่า ดาบของเขาตัดหญ้าได้ไกลกว่ารัศมีดาบ ทั้งยังก่อให้เกิดลมพัดไปในทิศทางที่ฟาดดาบได้ ทาเครุจึงใช้พลังวิเศษนี้เอาตัวรอดมาได้ในที่สุด จึงเรียกดาบเล่มนี้ว่า คุซานากิโนะทสึรุกิ (ดาบตัดหญ้า) หลังจากนั้นในกาลต่อมา ทาเครุจะเดินทางไปขับไล่เทพชั่วบนภูเขาอิบุคิ (เขียนเหมือนนามสกุลของซุยกะ) จึงได้ฝากดาบไว้กับภรรยา มิยาซึฮิเมะ เพื่อให้ภรรยาปลอดภัย แม้ว่าภรรยาของทาเครุจะขอให้ทาเครุพกดาบไปคุ้มครองตัวเองก็ตาม สุดท้ายทาเครุก็ล้มป่วยกลางทางจนถึงแก่ชีวิตด้วยฝีมือของเทพภูเขา ภรรยาของทาเครุจึงนำดาบเมฆาสวรรค์ไปประดิษฐานที่วัดอัทสึตะ เพื่อสักการบูชาสืบไป) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในไตรเทวภัณฑ์。แค่มีไอเทมจากยุคเทวตำนานนี่ก็สุดยอดแล้ว, แต่วิธีใช้มันก็ไม่ได้ต่างจากเคียวดายหญ้าสักเท่าไหร่。

Spell Card No.045

ชื่อ : 　国符「三種の神器 玉」 　โคะคุฟุ「ซันชุโนะจินกิ -ทามะ-」 　ยันต์ชาติ「ไตรเทวภัณฑ์ -มณี-」 (มณี ในที่นี้ก็คือ 八尺瓊勾玉 (ยาซาคานิโนะมากะทามะ) มณีงอแดงแปดคืบ บ้างก็เขียนว่า 八坂瓊曲玉 มณีโค้งแดงแปดเนิน) (มากะทามะ หมายถึง อัญมณีที่มีรูปร่างโค้งงอ และมีรูที่ด้านหนึ่ง จึงมีรูปร่างคล้ายสัญลักษณ์คอมม่าในภาษาอังกฤษ , ซาคะ 尺 นั้นเป็นหน่วยวัดความยาว มีค่าประมาณ 1 คืบ (10 หุน) หรือเท่ากับ 30.3 cm (ในจีนก็จะเท่ากับ 33.3 cm) หากแต่ในอันที่จริงแล้วในยุคโบราณนั้นใช้หน่วยวัดความยาวเป็น อาตะ 咫 ซึ่มีความยาวเท่ากับ 0.8 คืบต่างหาก แต่อย่างไรก็ดี ยา 八 ในที่นี้แม้ตัวมันจะแปลว่า แปด แต่ความหมายที่แท้จริงก็คือ มากมายไม่สิ้นสุด ดังนั้นจะเป็น ซาคะ หรือ อาตะ ก็ไม่ต่างกัน และสุดท้ายคือ นิ 瓊 หมายถึง อัญมณีสีแดง) (มณีงอยาซาคานิ นั้นมีลักษณะเป็นอัญมณีรูปร่างโค้งงอขนาดใหญ่ มีสีแดง และถูกพันด้วยสายยาว (ไม่มีการระบุว่าเป็นสายอะไร อาจเป็นสายสิญจน์ หรือด้าย หรืออะไรก็ไม่แน่ชัด) ซึ่งความยาวของสายเส้นนี้กระมังที่ถูกกล่าวถึงว่า แปดคืบ หรือความหมายจริงก็คือ ยาวมากจนไม่อาจวัดค่าได้ โดยมณีงอชิ้นนี้ถูกสร้างโดย ทามะโนะโอยะโนะมิโคโตะ ปฐมเทพแห่งการสร้างอัญมณี (ที่ชื่อของท่านก็แปลว่า บิดาแห่งอัญมณี) แล้วนำมาแขวนไว้ที่ต้นซาคาคิ ร่วมกับกระจกยาตะ เพื่อล่อให้อามาเทราสึยอมออกมาจากถ้ำหินประตูสวรรค์ แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามันใช้ทำอะไรกันแน่ในแผนการนี้) (ครั้งหนึ่ง สึซาโนโอะ แกล้งหญิงทอผ้าหนึ่งเดียวแห่งสวรรค์ วาคาฮิรุเมะ จนพลาดพลั้งถึงแก่ความตาย ซึ่งวาคาฮิรุเมะนั้นเป็นร่างแบ่งภาคของอามาเทราสึ ทำให้อามาเทราสึโกรธมาก และบางตำราก็เสริมว่าอามาเทราสึนั้นเข้าใจว่าสึซาโนโอะหมายจะสังหารตน อามาเทราสึซึ่งเป็นเทพแห่งตะวันจึงไปซ่อนตัวอยู่ในหินประตูสวรรค์ ทำให้ทั้งโลกและสวรรค์มืดมิดลง และเกิดเรื่องเลวร้ายมากมาย เหล่าเทพแปดล้าน(มากมายนับไม่ถ้วน)จึงชุมนุมหารือกัน โอโมอิคาเนะ ได้เสนอวิธีการอย่างหนึ่ง คือ จัดงานเลี้ยงที่ด้านหน้าของหินประตูสวรรค์ จนอามาเทราสึเกิดสงสัยว่าทั้งๆที่ไม่มีตนแต่เหตุใดยังครึกครื้นกันได้อีก เมื่อแง้มหินออกมาถาม อาเมะโนะอุสุเมะ ก็ตอบว่าเพราะเรามีเทพที่ยิ่งใหญ่สว่างไสวยิ่งกว่าท่านแล้วน่ะสิ พลันนั้น อาเมะโนะโคยะ และ ฟุโตะดามะก็เอากระจกยาตะส่องใส่อามาเทราสึ แสงสว่างจ้าจากอามาเทราสึจึงย้อนเข้าตาตนเอง ทำให้อามาเทราสึสงสัยยิ่งขึ้นว่า ใครกันสว่างกว่าจนข้าแสบตาได้ จึงยิ่งอยากเห็นตัว และแง้มหินประตูสวรรค์ออกกว้างขึ้น ทันใดนั้นเอง อาเมะโนะทาจิคาราโอะ ที่รอจังหวะอยู่ก็จับมือของอามาเทราสึแล้วดึงออกมา และฟุโตะดามะก็เอาเชือกชิเมะนาวะอันมีพลังแบ่งกั้นเขตแดนไปขึงไว้ที่หินประตูสวรรค์ เพื่อไม่ให้กลับเข้าไปได้อีก (บางตำราก็ว่าหินถูกโยนทิ้งไป และเอาเชือกไปขึงที่ทางเข้าแทน) และสุดท้ายเหล่าเทพก็ตัดสินลงโทษสึซาโนโอะโดยการขับออกจากสวรรค์ พร้อมทั้งโกนหนวด ตัดเล็บมือเท้า) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในไตรเทวภัณฑ์。 เส้นโค้งของมณีงอทำให้รู้สึกได้ถึงความ Erotic。ช่างสมกับที่เป็นไตรเทวภัณฑ์จริงๆ。

Spell Card No.046

ชื่อ : 　国符「三種の神器 鏡」 　โคะคุฟุ「ซันชุโนะจินกิ -คางามิ-」 　ยันต์ชาติ「ไตรเทวภัณฑ์ -กระจก-」 (กระจก ในที่นี่ก็คือ 八咫鏡 (ยาตะโนะคางามิ) กระจกแปดคืบ โดย 咫 อาตะ นั้นในอีกตำราหนึ่งใช้เขียนว่า 尺 ซาคะ (แต่อ่านว่าอาตะ) แทน กล่าวกลับกันกับมณีงอยาซาคานิซะอย่างนั้น แต่อย่างไรก็ดี ความหมายที่แท้จริงก็คือความยาวที่วัดค่ามิได้เช่นกัน) (กระจกยาตะ นั้นสร้างขึ้นโดย อิชิโคริโดเมะ ซึ่งเป็นปฐมเทพแห่งการสร้างกระจก เพื่อนำมาใช้ในแผนการดึงอามาเทราสึออกมาจากถ้ำ) (หลังจากเหตุการณ์ซ่อนตัว กระจกและมณีก็ถูกถวายแก่อามาเทราสึ และต่อมา สึซาโนโอะที่ถูกขับไล่ไปจากสวรรค์ก็นำดาบเมฆาสวรรค์มามอบให้เพื่อยุติเรื่องราวในอดีต จากนั้นอามาเทราสึก็ได้มอบไตรเทวภัณฑ์ให้กับนินิกิ และตกทอดมาเป็นสมบัติประจำตัวองค์จักรพรรดิญี่ปุ่น อันเป็นสมบัติประจำชาติ สืบมาจนปัจจุบัน) (ปัจจุบัน ดาบถูกเก็บรักษาและสักการบูชาที่วัดอัทสึตะ กระจกอยู่ที่วัดอิเสะ ส่วนมณีอยู่ที่พระราชวัง) (ในสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 10 มีข่าวว่าดาบถูกขโมยไป แต่ก็มีการประกาศว่าดาบที่ถูกขโมยไปเป็นของทำเลียนแบบที่ทำไว้ตบตาโจรเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการประกาศหลังถูกขโมยอยู่ดี จึงเป็นที่คลางแคลงว่าดาบเล่มจริงคือเล่มที่ยังอยู่หรือดาบที่ถูกขโมยไปกันแน่ ... หลังจากทาเครุสิ้นใจ ตัวดาบก็ถูกนำไปสักการบูชาที่วัดอัทสึตะ แต่ในปี 668 สมัยจักรพรรดิองค์ที่ 40 นักบวชจากอาณาจักรเกาหลีในสมัยนั้น ได้ขโมยดาบกลับประเทศของตน แต่ไม่สำเร็จเพราะเรือล่มกลางทาง ส่วนตัวดาบนั้นลอยไปติดฝั่งที่อิเสะ และมีนักบวชญี่ปุ่นพบเข้า จึงอัญเชิญไปเก็บรักษาไว้ในวัง แต่ในปี 688 องค์จักรพรรดิเทนมุประชวรหนัก และเชื่อว่าเป็นคำสาปของดาบ จึงเชิญกลับไปยังวัดอัทสึตะตามเดิม ต่อมาในช่วงปี 1371 ตระกูลเฮย์เคะรบกับมินาโมโตะ โนะ โยชิทสึเนะ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเฮย์เคะพ่ายแพ้ องค์จักรพรรดิอันโตคุ ซึ่งยังทรงพระเยาว์ ถูกบังคับให้กระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกับไตรเทวภัณฑ์ แต่ฝ่ายโยชิทสึเนะกู้กลับมาได้เพียงกระจกและมณีซึ่งถูกบรรจุอยู่ในกล่อง จึงลอยน้ำขึ้นมา ส่วนดาบหายสาบสูญไป แต่ก็มีความเห็นแย้งว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปากเท่านั้น อีกทั้งตัวดาบอาจถูกเก็บกู้มาได้ในภายหลังก็เป็นได้ หรืออาจไม่ได้ตกน้ำไปเลยก็เป็นได้ และปัจจุบันตัวดาบก็ถูกเก็บรักษาที่วัดอัทสึตะ โดยไม่เปิดให้ผู้ใดเข้าชม แต่ในยุคเอโดะเคยมีพระองค์หนึ่งแอบดูและเล่าว่า เป็นดาบที่มีความยาวราว 85 cm ใบดาบมีลักษณะคล้ายใบอายาเมะ ทั้งเล่มเป็นสีขาว และไม่มีสนิมเลย ต่อมาพระองค์นี้เสียชีวิตอย่างลึกลับ จึงร่ำลือกันว่าเป็นเพราะถูกคำสาป ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นดาบเล่มนี้คือในปี 1989 เมื่อครั้งจักรพรรดิอาคิฮิโตะขึ้นครองราชย์เป็นองค์ที่ 125 แต่ไตรเทวภัณฑ์ถูกบรรจุในภาชนะ จึงไม่อาจมองเห็นได้) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　หนึ่งในไตรเทวภัณฑ์。แม้จะกล่าวกันว่ากระจกถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบวิชาอาคม แต่จะพูดยังไงมันก็คงเป็นมายากลอยู่ดี。โดยปกติแล้ววิชาอาคมมันก็คือการลอกเลียนแบบ, เอ๊ะ ถ้ายังงั้นก็ต้องนับว่ากระจกเป็นอาคมอย่างหนึ่งสินะ。โทษที。

Spell Card No.047

ชื่อ : 　国体「三種の神器 郷」 　โคะคุไท「ซันชุโนะจินกิ -ซาโตะ-」 　ประเทศ「ไตรเทวภัณฑ์ -ดินแดน-」 (กล่าวกันว่า ไตรเทวภัณฑ์ เป็นเครื่องแสดงถึงองค์จักรพรรดิ เป็นสมบัติของชาติ หากสูญเสียไปแล้วประเทศชาติจะล่มสลาย ดังนั้นจึงมีข่าวว่าในช่วง GHQ crisis นั้น จักรพรรดิโชววะทรงเป็นห่วงไตรเทวภัณฑ์ยิ่งกว่าตนเองเสียอีก ทำให้ไตรเทวภัณฑ์ได้รับการอารักขาให้อยู่ในสถานที่เดิมอย่างหนาแน่นมาก) (แต่กระนั้นก็ตามที แม้มีไตรเทวภัณฑ์ แต่หากไม่มีดินแดน ก็ไม่อาจเป็นประเทศขึ้นมาได้) (นอกจากนี้ คำว่าดินแดนนี้สามารถอ่านอีกแบบได้ว่า เคียว พ้องเสียงกับคำว่า เคียว ที่แปลว่ากระจก ซึ่งอามาเทราสึให้ความสำคัญกับกระจกมากที่สุดในไตรเทวภัณฑ์ โดยได้กล่าวแก่เหล่าเทพที่จะลงไปจุติบนโลกว่าให้สักการบูชากระจกนี้แทนวิญญาณของอามาเทราสึ) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　มิได้เป็นหนึ่งในไตรเทวภัณฑ์。 นี่เป็นห่ากระสุนรอบทิศทางแห่งความลับ。ไม่รู้ทำไมถึงง่ายนัก (โฮ

Spell Card No.048

ชื่อ : 　終符「幻想天皇」 　ชูวฟุ「เกนโซวเทนโนว」 　ยันต์จุดจบ「จักรพรรดิมายา」 (ในที่นี้คาดว่าหมายถึง จักรพรรดิญี่ปุ่นในปัจจุบันที่ไม่เหลืออำนาจอะไรในมืออีกแล้วนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรัศมีบารมีจากพระวรกาย ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นจักรพรรดิ) (นับจากสเปลการ์ดใบแรกที่เป็นใบเริ่ม นี่คือใบจบการลำดับเหตุการณ์ของญี่ปุ่น) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　คลื่นแสงอันน่าเลื่อมใส。 อยากให้สง่างามประมาณนี้ล่ะ。

Spell Card No.049

ชื่อ : 　終符「幻想天皇」 　ชูวฟุ「เกนโซวเทนโนว」 　ยันต์จุดจบ「จักรพรรดิมายา」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　คลื่นแสงอันน่าเลื่อมใส。คลื่นแสงพุ่งมาอย่างช้าๆ, จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามันทำได้อย่างไร。เหมือนอย่างไอน์สไตน์。

Spell Card No.050

ชื่อ : 　虚史「幻想郷伝説」 　โคะชิ「เกนโซวเคียวเดนเซทสึ」 　ไร้ประวัติศาสตร์「ตำนานเกนโซวเคียว」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เกนโซวเคียวนั้นไม่หลงเหลือตัวตนอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์。 ทำไมน่ะรึ, ก็เพราะการจดบันทึกมันยุ่งยากน่าเบื่อเลยไม่มีใครทำน่ะสิ。

Spell Card No.051

ชื่อ : 　虚史「幻想郷伝説」 　โคะชิ「เกนโซวเคียวเดนเซทสึ」 　ไร้ประวัติศาสตร์「ตำนานเกนโซวเคียว」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เกนโซวเคียวนั้นไม่หลงเหลือตัวตนอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์。 แต่ว่าเคย์เนะยังคงนึกออกได้เพราะมีพลังในการจดจำเป็นเลิศ。หัวดี。ดีสุดยอด。

Spell Card No.052

ชื่อ : 　未来「高天原」 　มิไร「ทาคามากะฮาระ」 　อนาคต「สวรรค์」 (ทาคามากะฮาระ แปลตรงตัวว่า ท้องทุ่งแห่งสวรรค์เบื้องสูง บ้างก็แปลว่า ท้องทุ่งเบื้องสูงแห่งสวรรค์ ซึ่งชื่อนี้หมายความถึง ดินแดนอันเป็นที่อาศัยของเหล่าเทพเจ้าและเทพสวรรค์ ว่ากันว่าเชื่อมต่อกับพื้นพิภพอันเป็นที่อาศัยของมนุษย์โดยสะพาน 天浮橋 อาเมะโนะอุคิฮาชิ) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ทาคามากะฮาระห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่าง。 เลเซอร์สว่างจ้า。ยากแก่การจับจังหวะว่าจุดกระทบของมันจะออกมาเมื่อไหร่。

Spell Card No.053

ชื่อ : 　未来「高天原」 　มิไร「ทาคามากะฮาระ」 　อนาคต「สวรรค์」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　ทาคามากะฮาระ งั้นรึ ? 「天」อ่านว่า 「กะ」?? หรือว่า 「มากะ」?? (อันที่จริง 高天原 นั้นมีวิธีอ่านหลายแบบมาก แต่ที่นิยมที่สุดคือ ทาคามากะฮาระ ซึ่ง 高 อ่านว่า ทาคะ แปลว่า สูง ส่วน 天 ปกติอ่านว่า อามะ (อาเมะ) แปลว่า สวรรค์ ฟ้า นภา และ 原 อ่านว่า ฮาระ แปลว่า ท้องทุ่ง) (มีผู้ให้ทฤษฎีว่า กะ ในที่นี้ก็เหมือนกับ โนะ ที่ถูกลดรูปไว้ ไม่เขียนถึง เช่น 天浮橋 นั้นที่จริงต้องเขียนเต็มๆว่า 天の浮橋 แต่ก็ละตัว の โนะ ออกไปเพื่อความสวยงามในการเขียนชื่อ และเมื่อนำอักษรทั้งสามมาเรียงกันจะได้ดังนี้ [ทะ-คะ] [อะ-มะ] [กะ] [ฮะ-ระ] ซึ่งเชื่อกันว่า เมื่อพูดเร็วๆแล้ว ตัว [คะ] และ [อะ] ได้ถูกเรียกเพี้ยนจนรวมกันกลายเป็นเสียงยาว [คา] จนกลายเป็นชื่อว่า ทาคามากะฮาระ ดังเช่นที่เรียกกันในปัจจุบัน)

Spell Card No.054

ชื่อ : 　未来「高天原」 　มิไร「ทาคามากะฮาระ」 　อนาคต「สวรรค์」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　จริงๆแล้วก็ตั้งใจทำให้มันง่ายๆซะบ้าง。 พวกที่มีพลังทำลายสูงมาเจอสเปลการ์ดระดับนี้ก็นับว่าโกงกันเลยทีเดียวล่ะ。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 4 R

Spell Card No.055

ชื่อ : 　夢符「二重結界」 　มุฟุ「นิจูวเคคไค」 　ยันต์ฝัน「เขตแดนซ้อนสอง」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่เรย์มุใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (เรย์มุ B โหมดความเร็วต่ำ)) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เขตแดนคือพลังแห่งจิตสำนึก。 ตัวกระสุนนั้นบินมาตรงๆ。อย่าโดนหลอกตานะ。 (TouhouVote)　อย่าคิดว่านี่เป็นแค่ห่ากระสุนที่ลูกกระสุนวาร์ปได้เท่านั้น。ในส่วนของตัวเกมก็มีประเด็นที่ว่า ฉากหลังหมุนย้อนกลับอยู่ด้วย。หากไม่รู้สึกถึงจุดนั้นล่ะก็ ไม่ว่าจะเล่นไปนานแค่ไหน ก็ไม่มีวันเทียบเคียงเรย์มุได้。

Spell Card No.056

ชื่อ : 　夢符「二重結界」 　มุฟุ「นิจูวเคคไค」 　ยันต์ฝัน「เขตแดนซ้อนสอง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ถึงตัวกระสุนจะบินมาตรงๆ แต่เขตแดนทำให้มันผิดเพี้ยนไป。 หากใช้ปัญญาพิจารณาจนเข้าใจหลักการทำงานของพื้นที่ระหว่างเขตแดนทั้งสองได้แล้ว ก็จะกลายเป็นการ์ดที่ง่ายมากๆไปเลย。

Spell Card No.057

ชื่อ : 　夢境「二重大結界」 　มุเคียว「นิจูวไดเคคไค」 　แดนฝัน「มหาเขตแดนซ้อนสอง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　มนุษย์นั้นพึ่งพาการรับรู้ด้วยสายตามากเกินไป。 เขตแดนของเรย์มุจะทำการรบกวนสามัญสำนึกของมนุษย์。คุณมิโกะผู้ไร้สามัญสำนึก。

Spell Card No.058

ชื่อ : 　夢境「二重大結界」 　มุเคียว「นิจูวไดเคคไค」 　แดนฝัน「มหาเขตแดนซ้อนสอง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ยิ่งพยายามเข้าใกล้เรย์มุ เธอก็จะยิ่งทิ้งห่างออกไป。 ไม่เคยเจอประสบการณ์อย่างนี้เหรอ ? นี่ล่ะพลังของเขตแดนซ้อนสองล่ะ。

Spell Card No.059

ชื่อ : 　霊符「夢想封印 散」 　เรย์ฟุ「มุโซวฟูวอิน ซัน」 　ยันต์วิญญาณ「ผนึกจินตนาการ กระจาย」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่เรย์มุใช้ในภาค 7 (เรย์มุ A โหมดความเร็วสูง)) (เปิดจินตนาการ คือ การบอกเล่าให้ผู้คนทราบถึงความฝันอันเกี่ยวกับศาสนาที่มิโกะเห็น) (ผนึกจินตนาการ เป็นการ(เล่นคำ)ย้อนความหมายดังกล่าว อาจหมายถึงการที่มิโกะได้รับสาสน์จากพระเจ้าแล้วไม่ยอมบอกต่อแก่ผู้ใด) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ลูกตรงชี้ขาดขั้นสูงสุด。 ไม่มีตุกติกอะไรทั้งนั้น。

Spell Card No.060

ชื่อ : 　霊符「夢想封印 散」 　เรย์ฟุ「มุโซวฟูวอิน ซัน」 　ยันต์วิญญาณ「ผนึกจินตนาการ กระจาย」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ลูกตรงชี้ขาดขั้นสูงสุด。 เพิ่มขึ้นทั้งระยะเวลาและจำนวน, ทำให้พลาดได้ง่ายเกินคาด。

Spell Card No.061

ชื่อ : 　散霊「夢想封印 寂」 　ซันเรย์「มุโซวฟูวอิน ซาบิ」 　วิญญาณกระจาย「ผนึกจินตนาการ สงบนิ่ง」 (ซาบิ หมายถึง การละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านไป เพื่อให้จิตใจสงบ ไม่คิดถึงสิ่งใด) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ความสงบเงียบจะมาเยือนเมื่อถึงจุดจบแห่งการระบายออก。 และความสงบเงียบของเรย์มุก็มักจะมาเยือนบ่อยๆซะด้วย。ช่างเป็นตัวก่อปัญหาจริงๆ。

Spell Card No.062

ชื่อ : 　散霊「夢想封印 寂」 　ซันเรย์「มุโซวฟูวอิน ซาบิ」 　วิญญาณกระจาย「ผนึกจินตนาการ สงบนิ่ง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　จะว่าไปแล้ว เรย์มุเนี่ย ไม่มองคู่ต่อสู้เลยนะ。 ก็แค่ยิงออกไปตามที่คิดว่าเหมาะสมเท่านั้นเอง。เหมือนเด็กทะเลาะกันนั่นล่ะ。 (เด็กๆทะเลาะกัน ก็คือการที่เด็กๆหลับหูหลับตาเข้ามาชกตีกัน มั่วๆนัวๆ ไม่รู้โดนมั่งรึเปล่า แต่กระสุนของเรย์มุเป็นแบบติดตามนี่สิ... ...)

Spell Card No.063

ชื่อ : 　夢符「封魔陣」 　มุฟุ「ฟูวมาจิน」 　ยันต์ฝัน「ค่ายกลผนึกมาร」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่เรย์มุใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (เรย์มุ B โหมดความเร็วสูง)) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　วิชาผนึกการเคลื่อนไหวด้วยยันต์ลงอาคม。

Spell Card No.064

ชื่อ : 　夢符「封魔陣」 　มุฟุ「ฟูวมาจิน」 　ยันต์ฝัน「ค่ายกลผนึกมาร」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　วิชาผนึกการเคลื่อนไหวด้วยยันต์ลงอาคม。 ถ้าโดนสเปลนี้สอยร่วงแล้วจะตามเก็บไอเทมก็อันตรายแฮะ。ตอบโต้ด้วยบอมบ์ซะเลย。(คิดแบบนั้นไม่ดี~ไม่ดีนะ)

Spell Card No.065

ชื่อ : 　神技「八方鬼縛陣」 　ชินกิ「ฮัปโปวคิบาคุจิน」 　ท่าเทพ「ค่ายกลพันธนาการยักษ์แปดทิศ」 (鬼縛 มาจากตำนานเรื่อง การกำราบชุเทนโดวจิ (酒呑童子) ซึ่งเป็นบุตรของยามาตะโนะโอโรจิที่เกิดกับมนุษย์ มีลักษณะเป็นยักษ์ ว่ากันว่าสูงเกิน 6 เมตร หน้าแดง ผมแดง มี 5 เขา และมี 15 ตา เป็นยักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในสามโยวไคจอมโฉดที่ขึ้นชื่อเรื่องแข็งแกร่งและชั่วช้าที่สุดในปฐพี ซึ่งอีกสองตนก็คือ จิ้งจอกเก้าหางขนทองหน้าขาว และจักรพรรดิลำดับที่ 75 สุโตคุ ผู้กลายเป็นโอโอเทนกุหลังถึงแก่กรรม) (酒呑童子 แปลตรงตัวได้ว่า เด็กดื่มเหล้า ส่วน 八方 แปลตรงตัวได้ว่า แปดทิศ แต่ความหมายจริงคือ รอบทิศ) (ยามาตะโนะโอโรจิ หลังจากพ่ายแพ้ให้แก่สึซาโนโอะที่ตีนเขาอิบุคิ ก็ได้หลบหนีจากแคว้นอิสึโมะไปยังโออุมิ และได้มีบุตรกับลูกสาวเศรษฐีที่นั่น ชุเทนโดวจิจึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งลูกคนนี้ก็ชอบเหล้าเหมือนกับบิดาของตน (ยามาตะโนะโอโรจิแพ้สึซาโนโอะก็เพราะเหล้านี่ล่ะ) ในตอนที่เขาเป็นหนุ่ม ก็ได้ถูกส่งขึ้นเขาฮิเอย์เพื่อฝึกวิชา ทว่าเขาก็ยังคงดื่มเหล้าอย่างหนักทั้งที่ศาสนาพุทธห้ามดื่มเหล้า จึงเป็นที่รังเกียจของทุกคน กระทั่งวันหนึ่งในงานวัด เขาได้เอาหน้ากากยักษ์มาสวมใส่ และเมื่อจบงานก็พบว่าเขาถอดหน้ากากไม่ออก จึงหลบไปใช้ชีวิตเยี่ยงยักษ์ในป่าลึกนับแต่นั้น จึงถูกตั้งฉายาว่า ชุเทนโดวจิแห่งเขาอิบุคิ (ซึ่งยักษ์ตนนี้ก็คือต้นแบบของซุยกะนั่นเอง) และได้พบกับอิบาราคิโดวจิ จึงชวนกันไปที่เกียวโต) (เมื่อมาถึงเกียวโต ชุเทนโดวจิก็รวบรวมพลพรรคยักษ์ และก่อเรื่องชั่วช้ามากมาย จนในที่สุดก็มีคนกลุ่มหนึ่งอาสามากำราบมัน โดยมีเทพสามองค์คอยชี้นำและสนับสนุน โดยเหล่าซามูไรทั้ง 6 คน ทำการปลอมตัวเป็นนักเดินทางไปขอค้างอาศัยในที่พักของชุเทนโดวจิ แล้วหลอกให้ดื่มเหล้า 神便鬼毒酒 ซึ่งเป็นเหล้าของเทพที่ว่ากันว่า หากยักษ์ดื่มเข้าไปจะหลับใหล แต่มนุษย์ดื่มเข้าไปแล้วจะทรงพลัง เมื่อชุเทนโดวจิเมาหลับไป เทพทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วพันธนาการชุเทนโดวจิเอาไว้ และรัดคอไว้แน่น แล้วให้ทั้งหกคนช่วยกันดึงจากทุกทิศทางจนชุเทนโดวจิคอขาดในที่สุด แต่กระทั่งเหลือแต่หัวก็ยังพุ่งเข้ากัดหนึ่งในหกซามูไร (มินาโมโตะ โนะ โยริมิทสึ (ไรโคว) ซามูไรผู้กำราบแมงมุมดิน) แต่เคราะห์ดีที่โดนไปแต่หมวกเท่านั้น) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ยังไงก็ตาม, ดูเหมือนว่าเรย์มุเองก็ติดอยู่ในท่านั้นจนขยับไม่ได้เหมือนกัน。 จะว่าไปแล้ว ท่านี้มันเป็นการสังหารชั่วพริบตามากกว่าการพันธนาการซะล่ะมั้ง ?

Spell Card No.066

ชื่อ : 　神技「八方龍殺陣」 　ชินกิ「ฮัปโปวริวซัทสึจิน」 　ท่าเทพ「ค่ายกลพิฆาตมังกรแปดทิศ」 (ในที่นี้ หมายถึงแผนการสังหารยามาตะโนะโอโรจิของสึซาโนโอะนั่นเอง) (ยามาตะโนะโอโรจิ เป็นพญางูยักษ์ มีแปดหัว แปดหาง นัยน์ตาแดงก่ำ) (เมื่อสึซาโนโอะถูกขับไล่ออกจากทาคามากะฮาระ ก็ได้เดินทางมาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งในแคว้นอิสึโมะ และได้พบกับสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ เมื่อสอบถามจึงได้ความว่า ยามาตะโนะโอโรจิ จะมากินลูกสาวของบ้านตนทุกปี ปีละหนึ่งคน และตอนนี้ก็เหลือลูกสาวอยู่เพียงคนเดียวแล้วคือ คุชินาดะเมะ จากนั้นสึซาโนโอะก็ขอคุชินาดะฮิเมะเป็นเจ้าสาว แลกกับการกำราบยามาตะโนะโอโรจิ โดยสึซาโนโอะปลอมตัวเป็นคุชินาดะฮิเมะ แล้วสร้างรั้วที่มีแปดประตูขึ้นมา จากนั้นก็เอาเหล้าอย่างแรงแปดไหไปวางในแต่ละประตู เมื่อยามาตะโนะโอโรจิมาถึง เห็นมีเพียงหญิงสาวตัวคนเดียวจึงชะล่าใจ ทั้งยังได้กลิ่นเหล้าจึงทนไม่ได้ เลือกที่จะกินเหล้าก่อน และหลับไปโดยที่ศีรษะทั้งแปดคาอยู่ในแต่ละคอก สึซาโนโอะจึงหยิบดาบมาไล่ตัดหัวทั้งแปดไปทีละหัว แล้วจึงไปตัดหาง ครั้นเมื่อจะตัดหางที่สี่ ดาบทอทสึคะ(สิบหมัด)(ซึ่งอิซานากิผู้เป็นบิดาเคยใช้กำราบคากุทสึจิ) ก็ถึงกับแตกกระจายเพราะไปฟันถูกดาบเมฆาสวรรค์เข้า ต่อมาได้มีการนำดาบทอทสึคะไปสักการบูชาที่ศาลเจ้าอิโซะโนะคามิฟุทสึมิตะ แล้วจึงถูกจักรพรรดิสุโตคุ สั่งย้ายไปที่วัดอิโซะโนะคามิในเวลาต่อมา) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ในระหว่างที่เล่นจะไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของยันต์ได้เลย。 เรย์มุคิดจะแสดงการเคลื่อนไหวของยันต์อันงดงามให้ใครดูกันแน่นะ。

Spell Card No.067

ชื่อ : 　霊符「夢想封印 集」 　เรย์ฟุ「มุโซวฟูวอิน ชูว」 　ยันต์วิญญาณ「ผนึกจินตนาการ รวมศูนย์」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่เรย์มุใช้ในภาค 7 (เรย์มุ A โหมดความเร็วต่ำ)) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในท่าที่เปลี่ยนไปอย่างมากทั้งที่ชื่อเหมือนกัน เมื่อเทียบกับตอนที่เป็นสเปลการ์ดสำหรับผู้เล่น。 ระวังเหล่ายันต์ที่น่ารังเกียจซึ่งคืบคลานเข้ามาใกล้ทีละน้อยทีละน้อยให้ดี。

Spell Card No.068

ชื่อ : 　霊符「夢想封印 集」 　เรย์ฟุ「มุโซวฟูวอิน ชูว」 　ยันต์วิญญาณ「ผนึกจินตนาการ รวมศูนย์」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในท่าที่เปลี่ยนไปอย่างมากทั้งที่ชื่อเหมือนกัน เมื่อเทียบกับตอนที่เป็นสเปลการ์ดสำหรับผู้เล่น。 การเคลื่อนไหวของยันต์นั้นดูราวกับว่ามันมีความคิดเป็นของตัวเอง, อย่างกับฝันไปเลยแฮะ。

Spell Card No.069

ชื่อ : 　回霊「夢想封印 侘」 　ไคเรย์「มุโซวฟูวอิน วาบิ」 　วิญญาณย้อนเวียน「ผนึกจินตนาการ สงบเงียบ」 (วาบิ หมายถึง ความสงบเงียบ อันเป็นจิตวิญญาณของการแต่งกลอนไฮขุและการชงชา เป็นความสงบของจิตใจ โดยแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (ตรงข้ามกับ ซาบิ)) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เรย์มุเองก็ท่าทางจะสนุกทีเดียว。 เพราะยันต์มันไล่ตามคู่ต่อสู้ได้ด้วยตัวเองนี่นะ。

Spell Card No.070

ชื่อ : 　回霊「夢想封印 侘」 　ไคเรย์「มุโซวฟูวอิน วาบิ」 　วิญญาณย้อนเวียน「ผนึกจินตนาการ สงบเงียบ」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　จะว่าไปแล้วก็ดูคล้ายปลาหมึกกล้วยชอบกล (เหงื่อตก)

Spell Card No.071

ชื่อ : 　境界「二重弾幕結界」 　เคียวไค「นิจูวดันมาคุเคคไค」 　อาณาเขต「เขตแดนห่ากระสุนซ้อนสอง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　การโจมตีที่ไม่มีทางหลบได้ถ้าไม่ใช้ประโยชน์จากเขตแดน。 ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้ยังไงล่ะ。

Spell Card No.072

ชื่อ : 　境界「二重弾幕結界」 　เคียวไค「นิจูวดันมาคุเคคไค」 　อาณาเขต「เขตแดนห่ากระสุนซ้อนสอง」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　การโจมตีที่ไม่มีทางหลบได้ถ้าไม่ใช้ประโยชน์จากเขตแดน。 ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าไม่กางเขตแดนก็ไม่น่าจะหลบได้แท้ๆ... ...。

Spell Card No.073

ชื่อ : 　大結界「博麗弾幕結界」 　ไดเคคไค「ฮาคุเรย์ดันมาคุเคคไค」 　มหาเขตแดน「เขตแดนห่ากระสุนฮาคุเรย์」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　แม้ภายนอกจะดูฉูดฉาดงดงาม แต่โดยเนื้อหาแล้วก็ยังอ่อนด้อยกว่า เมื่อเทียบกับเขตแดนห่ากระสุนของยูคาริ。 เอาน่ะ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่มนุษย์อยู่ดี。

Spell Card No.074

ชื่อ : 　大結界「博麗弾幕結界」 　ไดเคคไค「ฮาคุเรย์ดันมาคุเคคไค」 　มหาเขตแดน「เขตแดนห่ากระสุนฮาคุเรย์」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　คงไม่รู้สินะว่าได้เกิดอะไรอย่างหนึ่งขึ้นแล้ว。 หากสังเกตดีๆละก็จะพบว่า ฉากหลังเองก็หมุนกลับด้านเช่นกันครับ。เหมือนกับเขตแดน。

Spell Card No.075

ชื่อ : 　神霊「夢想封印 瞬」 　ชินเรย์「มุโซวฟูวอิน ชุน」 　วิญญาณเทพ「ผนึกจินตนาการ ชั่วพริบตา」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　อย่าไปคิดมากเลยน่า ว่ามันเป็นชั่วพริบตาตรงไหน。 เรย์มุเพียงแค่บินตรงๆเท่านั้น แต่ก็ล้อมรอบตัวเราได้อย่างสมบูรณ์。

Spell Card No.076

ชื่อ : 　神霊「夢想封印 瞬」 　ชินเรย์「มุโซวฟูวอิน ชุน」 　วิญญาณเทพ「ผนึกจินตนาการ ชั่วพริบตา」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　มองเทียบกับสเปลอื่นแล้วน่าจะง่าย, แต่ก็ตายได้ง่ายด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด。 การสอดประสานระหว่างกระสุนเร็วและกระสุนช้าในชั่วพริบตา。

Spell Card No.077

ชื่อ : 　神霊「夢想封印 瞬」 　ชินเรย์「มุโซวฟูวอิน ชุน」 　วิญญาณเทพ「ผนึกจินตนาการ ชั่วพริบตา」 เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　โลกที่เรย์มุเห็นนั้นต่างจากที่ผู้เล่นมองเห็น。 ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้เล่นถูกผนึกในห้วงเวลาเรย์มุซะมากกว่า。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 4 M

Spell Card No.078

ชื่อ : 　魔符「ミルキーウェイ」 　มาฟุ「มิลกี้ เวย์」 　ยันต์เวท「Milky Way」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่มาริสะใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (มาริสะ A โหมดความเร็วต่ำ)) (Milky Way ในภาษาญี่ปุ่น คือ ธารสวรรค์) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ธารสวรรค์แห่งมนตรา。 แต่งแต้มสีสันให้แก่ละอองดาว。

Spell Card No.079

ชื่อ : 　魔符「ミルキーウェイ」 　มาฟุ「มิลกี้ เวย์」 　ยันต์เวท「Milky Way」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ธารสวรรค์แห่งมนตรา。 โอริฮิเมะ (มาริสะ) หนีห่างออกจากฮิโคโบชิด้วยละอองดาว。พยายามเข้า ฮิโคโบชิ。 (โอริฮิเมะ(เจ้าหญิงทอผ้า) เป็นบุตรีของจ้าวสวรรค์ เธอทอผ้าได้งดงามมาก เป็นที่ถูกใจของเทพสวรรค์ทุกคน เธอจึงทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่หยุดหย่อนไม่ได้พักผ่อน ส่วนฮิโคโบชิ เป็นคนเลี้ยงวัวก็เป็นคนที่ขยันไม่แพ้กัน วันหนึ่ง วัวที่เขาช่วยชีวิตมาได้ก็พูดคุยและแนะนำให้ฮิโคโบชิไปที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง แล้วหยิบชุดสีแดงมาซ่อนตัวรอเจ้าของ โอริฮิเมะมาพักผ่อนเล่นน้ำกับพี่ๆของเธอ เมื่อขึ้นจากน้ำก็ตามหาชุดจนเจอกับฮิโคโบชิ และพูดคุยกันถึงความลำเค็ญในชีวิต จากนั้นฮิโคโบชิจึงขอโอริฮิเมะแต่งงาน และทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมานาน 7 ปี ซึ่งก็เท่ากับ 7 วันบนสวรรค์ ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 2 คนชายหญิง เมื่อจ้าวสวรรค์ทราบเรื่องจึงส่งพระชายาลงมาตามตัวลูกสาวกลับไป เจ้าวัวจึงบอกแก่ฮิโคโบชิว่าเมื่อมันตายลง จงนำหนังของมันมาทำรองเท้าแล้วจะสามารถขึ้นไปบนสวรรค์ได้ ฮิโคโบชิจึงพาลูกทั้งสองคนเดินทางไปสวรรค์ แต่ถูกพระชายาของจ้าวสวรรค์ขัดขวางโดยสะบัดปิ่นปักผมจนเกิดคลื่นขนาดใหญ่กลายเป็นทางช้างเผือก(ธารสวรรค์)ขวางกั้นทั้งคู่เอาไว้ ทั้งสองคนเสียใจอย่างมาก จนความรักของทั้งคู่บันดาลให้มีนกกระสาจำนวนมากมาต่อตัวเป็นสะพานให้ทั้งคู่ได้พบกัน จ้าวสวรรค์จึงยอมผ่อนปรนให้ทั้งคู่ได้พบกันปีละครั้งในวันที่ 7 เดือน 7 ซึ่งก็คือวันทานาบาตะ) (เรื่องราวของคนเลี้ยงวัวและสาวทอผ้านั้นมีแบบของจีนและแบบของญี่ปุ่น และแต่ละแบบก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไปตามแต่ละตำราอีก ซึ่งข้าพเจ้าเลือกรูปแบบนี้มานำเสนอเพราะมีการกล่าวถึง การสาดธารสวรรค์มาขวางกั้นทั้งคู่ ตรงตามคอมเมนท์ของท่าน ZUN)

Spell Card No.080

ชื่อ : 　魔空「アステロイドベルト」 　มาคูว「แอสเตอร์รอยด์ เบลท์」 　จักรวาลเวท「Asteroid Belt」 (คือ แถบ(กลุ่ม)ดาวเคราะห์น้อยที่โคจรเป็นวงรีอยู่ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัส) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　แถบดาวเคราะห์น้อยที่แยกดาวเคราะห์ขนาดใหญ่สองดวงออกจากกันได้。 ถึงแม้ว่าดาวที่มาริสะปล่อยออกมาจะเป็นดาวแบบการ์ตูนก็เถอะ。

Spell Card No.081

ชื่อ : 　魔空「アステロイドベルト」 　มาคูว「แอสเตอร์รอยด์ เบลท์」 　จักรวาลเวท「Asteroid Belt」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　การโจมตีด้วยแถบดาวเคราะห์น้อยซึ่งของจำพวก Meteor นั้นเทียบไม่ได้เลย。 แต่ความหนาแน่นมันดูเบาบางชอบกล。ยานอวกาศ Voyager ก็ไม่เคยชนกับพวกมันเลย (ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา) (Meteor (ดาวตก) โดยทั่วไปมีขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์น้อยหนึ่งดวงเสียอีก ดังนั้นเมื่อเปรียบมวยกับแถบดาวเคราะห์น้อยที่มีจำนวนมหาศาลจึงเทียบกันไม่ได้เลย)

Spell Card No.082

ชื่อ : 　魔符「スターダストレヴァリエ」 　มาฟุ「สตาร์ดัสท์ เรฟเวอรี่」 　ยันต์เวท「Stardust Reverie」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่มาริสะใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (มาริสะ A โหมดความเร็วสูง) (Stadust ละอองดาว หมายถึง ดวงดาวมากมายที่กระจัดกระจายไปในท้องฟ้า จนมองเห็นเป็นละอองแสงอยู่บนท้องฟ้า ในแง่ของดาราศาสตร์ หมายถึง ฝุ่นละอองหรือกรวดหยาบที่สกัดได้จาก Meteor ที่ตกมายังโลก และในแง่ของวรรณกรรม หมายถึง จินตนาการ ภาพลวงตา) (Reverie หมายถึง จินตนาการ เพ้อฝัน ห้วงความนึกคิด) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　มายาแห่งละอองดาว (星屑幻想)。 อวกาศที่อยู่ในจิตใจ。

Spell Card No.083

ชื่อ : 　魔符「スターダストレヴァリエ」 　มาฟุ「สตาร์ดัสท์ เรฟเวอรี่」 　ยันต์เวท「Stardust Reverie」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　มายาแห่งละอองดาว (星屑幻想)。 การโจมตีที่สมกับเป็นมาริสะ。สวนละอองดาวที่เปลี่ยนสภาพไปเป็นสิ่งที่คล้ายกับกล้อง Kaleidoscope。ไม่ชอบสุดๆเลย。

Spell Card No.084

ชื่อ : 　黒魔「イベントホライズン」 　โคคุมะ「อีเวนท์ ฮอไรซึ่น」 　เวทดำ「Event Horizon」 (คือ ปรากฏการณ์ที่ทำให้แสงไม่ตกกระทบเข้าสู่นัยน์ตาของผู้สังเกตการณ์ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ตัวอย่างที่มักจะถูกยกมาก็คือ Black Hole ซึ่งดูดกลืนแสงเข้าไปได้หมด หรืออาจเล็ดลอดออกมาในแนวนอน ขนานกับพื้นโลก จึงมาไม่ถึงนัยน์ตาของผู้คน) (เวทดำในที่นี้ จึงหมายถึง หลุมดำ Black Hole หรือหมายถึง การที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั่นเอง (หากแสงไม่มากระทบเข้าตา ก็จะเห็นแต่สีดำ เช่น อวกาศ เป็นต้น)) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เส้นขอบฟ้า(Horizon)ของมาริสะ。 ผู้เล่นไม่สามารถเข้าใกล้หรือออกห่างจากจุดเดิมที่ตัวเองอยู่ได้เลย。

Spell Card No.085

ชื่อ : 　黒魔「イベントホライズン」 　โคคุมะ「อีเวนท์ ฮอไรซึ่น」 　เวทดำ「Event Horizon」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เส้นขอบฟ้า(Horizon)ของมาริสะ。เขตแดนในรูปแบบของมาริสะ。แต่เรย์มุคิดว่ามันผิดไปจากต้นแบบตรงที่ต้องคำนึงถึงตัวเขตแดน(กระสุน)มากเกินไป。

Spell Card No.086

ชื่อ : 　恋符「ノンディレクショナルレーザー」 　โคอิฟุ「นอน-ดิเรคชันนัล เลเซอร์」 　ยันต์รัก「Non-Directional Laser」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่มาริสะใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (มาริสะ B โหมดความเร็วสูง)) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เลเซอร์รอบทิศทาง การโจมตีที่เคยเห็นมาแล้วที่ไหนสักแห่ง。 (เป็นท่ายิงธรรมดาของแพชูลี่ในภาค 6 ซึ่งเธอใช้ออกมา 2 ครั้ง ก่อนและหลังใช้สเปลใบแรก)

Spell Card No.087

ชื่อ : 　恋符「ノンディレクショナルレーザー」 　โคอิฟุ「นอน-ดิเรคชันนัล เลเซอร์」 　ยันต์รัก「Non-Directional Laser」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　เลเซอร์รอบทิศทาง ถึงจะดูมีสีสันขึ้นมานิดหน่อย แต่มันก็เป็นการโจมตีที่เคยเห็นมาแล้วที่ไหนสักแห่งจริงๆนั่นล่ะ。

Spell Card No.088

ชื่อ : 　恋風「スターライトタイフーン」 　โคอิคาเซะ「สตาร์ไลท์ ไทฟูน」 　สายลมรัก「Starlight Typhoon」 (ดั่งคำที่ว่า ความเจ็บปวดจากความรัก ก็เหมือนสายลมที่ทิ่มแทงร่างกาย) (恋符 + 台風 (Typhoon ไต้ฝุ่น)) (Starlight Typhoon นัยถึงกาแล็คซี่ทางช้างเผือกที่มีลักษณะหมุนโดยมีแขน(หมู่ดาว)อยู่หลายแขนที่หมุนตามจุดศูนย์กลาง) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ขั้นพัฒนาของ Non-Directional Laser。ถ้าหากแก้ไขจุดอ่อน(ระยะเวลาคงอยู่ของเลเซอร์)ได้ล่ะก็ จุดอ่อนก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่นอย่างสมบูรณ์。

Spell Card No.089

ชื่อ : 　恋風「スターライトタイフーン」 　โคอิคาเซะ「สตาร์ไลท์ ไทฟูน」 　สายลมรัก「Starlight Typhoon」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ขั้นพัฒนาของ Non-Directional Laser。 มาริสะเองก็ยังคงไม่เข้าใจต่อไปว่าตัวเองต้องการจะทำอะไรกันแน่。

Spell Card No.090

ชื่อ : 　恋符「マスタースパーク」 　โคอิฟุ「มาสเตอร์ สปาร์ค」 　ยันต์รัก「Master Spark」 (สเปลการ์ดใบเดียวกับที่มาริสะใช้เป็นบอมบ์ในภาค 7 (มาริสะ B โหมดความเร็วต่ำ)) (สเปลที่มีลักษณะใกล้เคียงกันนี้ เคยมีมาแล้วในภาค 4 ซึ่งยิงโดยยูกะ แต่สมัยนั้นยังไม่มีการตั้งชื่อสเปล จึงไม่อาจสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกันหรือไม่) (ในเวบไซต์ของท่าน ZUN ระบุคอมเมนท์รูปสกรีนชอตที่มาริสะยิงมาสเตอร์สปาร์คว่า "สิ่งที่เจิดจ้าไปทั่วจอก็มีครับ คงมีแต่คนที่รู้เท่านั้นที่เข้าใจว่ามันเป็นการส่งออกและนำกลับเข้ามาใหม่ของ N.E.*ปิ๊บ*.ครับ (^ ^; ) (N.E.P. เป็นอาวุธสุดยอดของเรื่อง Gunparade March (2000) ซึ่งเคยถูกนำไปเป็นท่าไม้ตายให้ตัวละครลับของเกมชิคิงามิโนะชิโระ (2001) ซึ่งจากที่กล่าวมาแสดงว่าเป็นท่าที่มีต้นแบบจากสเปลของยูกะและถูกท่าน ZUN นำมาปรับแต่งเป็น Master Spark ให้มาริสะใช้) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　การฉายเลเซอร์เวทมนตร์แบบลำใหญ่โคตร。 มุมเฉียงก็ยิงได้นะครับ。

Spell Card No.091

ชื่อ : 　恋符「マスタースパーク」 　โคอิฟุ「มาสเตอร์ สปาร์ค」 　ยันต์รัก「Master Spark」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　การฉายเลเซอร์เวทมนตร์แบบลำใหญ่โคตร。 ศัตรูที่แท้จริงก็คือ หน้าจอที่สั่นสะเทือนเพราะพลังงานที่รุนแรงจนเกินไปนี่ล่ะ。

Spell Card No.092

ชื่อ : 　恋心「ダブルスパーク」 　โคอิโกะโคโระ「ดับเบิ้ล สปาร์ค」 　ใจเปี่ยมรัก「Double Spark」 (คล้ายกับสเปลของยูกะในภาค 4 แต่ของยูกะนั้นจะเป็นการแยกร่างยิง และไม่มีชื่อสเปลระบุ) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　การฉายเลเซอร์เวทมนตร์แบบลำใหญ่โคตร。 ยิงออกมาสองลูกเลยครับ。ทั้งๆที่ถ้ายิงเส้นใหญ่กว่านี้ก็คงตายในทันทีไปแล้วแท้ๆเชียวนะ。

Spell Card No.093

ชื่อ : 　恋心「ダブルスパーク」 　โคอิโกะโคโระ「ดับเบิ้ล สปาร์ค」 　ใจเปี่ยมรัก「Double Spark」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　การฉายเลเซอร์เวทมนตร์แบบลำใหญ่โคตร。 แต่มันก็เป็นหัวใจเปี่ยมรักที่น่ากลัวนะ。ความรักแห่งการเข่นฆ่าเนี่ย。

Spell Card No.094

ชื่อ : 　光符「アースライトレイ」 　โควฟุ「เอิร์ธไลท์ เรย์」 　ยันต์แสง「Earthlight Ray」 (หมายถึง แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นโลกไปยังดวงจันทร์) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　แสงแห่งปฐพี。 อย่างกับ Searchlight เลยแฮะ。 (Searchlight คือ แสงที่เกิดจากการสะท้อนวัตถุใดๆ เช่น กระจก จนเป็นลำแสงไปส่องสว่างในจุดใดจุดหนึ่ง)

Spell Card No.095

ชื่อ : 　光符「アースライトレイ」 　โควฟุ「เอิร์ธไลท์ เรย์」 　ยันต์แสง「Earthlight Ray」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　มาริสะที่หมดสิ้นทุกหนทาง จำต้องงัดเอาเวทมนตร์ที่แสนจะน่าคิดถึงขึ้นมาใช้อย่างช่วยไม่ได้。 การโจมตีอันนี้เคยถูกผนึกไป ด้วยเพราะเกรงว่ามันเหมือนกับยิงไปแล้วจะโดนตัวเองด้วย。

Spell Card No.096

ชื่อ : 　光撃「シュート・ザ・ムーン」 　โควเกคิ「ชูต เดอะ มูน」 　แสงพิฆาต「Shoot the Moon」 (ลำแสงที่ยิงจากพื้นโลกไปสู่ดวงจันทร์) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ยิงพระจันทร์ ! ไม่สิ ทางนี้จะร่วงก่อนพระจันทร์ซะมากกว่า。

Spell Card No.097

ชื่อ : 　光撃「シュート・ザ・ムーン」 　โควเกคิ「ชูต เดอะ มูน」 　แสงพิฆาต「Shoot the Moon」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　พูดถึงยิงพระจันทร์แล้ว, ที่จริงเป็นการประชดเกมนี้อย่างที่สุดเลย。 แน่นอนว่า มาริสะไม่ได้รู้สึกถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย。 (เนื้อหาของภาคนี้เกี่ยวข้องกับพระจันทร์(นครจันทรา)อย่างมาก โดยเฉพาะตัวก่อเหตุซึ่งก็คือผู้หลบหนีจากดวงจันทร์ทั้งสามคน)

Spell Card No.098

ชื่อ : 　魔砲「ファイナルスパーク」 　มาโฮว「ไฟนอล สปาร์ค」 　ปืนใหญ่เวท「Final Spark」 (ปืนใหญ่เวท (มาโฮว) พ้องเสียงกับคำว่า เวทมนตร์ (มาโฮว)) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ปืนใหญ่เวทขั้นสูงสุดในช่วงสุดท้าย。 เลเซอร์เวทที่มาริสะรวบรวมพลังจากทั้งตัวแล้วปล่อยออกมา。รู้สึกโล่งไปทั้งตัวเลย。

Spell Card No.099

ชื่อ : 　魔砲「ファイナルスパーク」 　มาโฮว「ไฟนอล สปาร์ค」 　ปืนใหญ่เวท「Final Spark」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　ปืนใหญ่เวทขั้นสูงสุดในช่วงสุดท้าย。 แต่ถ้าให้พูดชัดๆล่ะก็, ผมคิดว่าทำให้ลำแสงเล็กลงแล้วเพิ่มการหมุนรอบตัวเข้าไปน่าจะดีกว่า。

Spell Card No.100

ชื่อ : 　魔砲「ファイナルマスタースパーク」 　มาโฮว「ไฟนอล มาสเตอร์ สปาร์ค」 　ปืนใหญ่เวท「Final Master Spark」 เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　หลักสูตรปืนใหญ่เวทของมาริสะ。ตอนจะยิง ให้ตั้งจิตมั่นเป็นสมาธิ แล้วร่ายคาถาใส่เตาหลอมชะตามินิอย่างอ่อนโยน。จากนั้นก็เล็งใส่เป้าหมายผู้โชคร้าย แล้วปลดปล่อยปืนใหญ่แห่งรัก ! (เตาหลอมชะตามินิ (มินิฮัคเคะโระ) เป็นอุปกรณ์ประจำตัวของมาริสะ สร้างโดยรินโนะสุเกะ สามารถสร้างไฟได้อย่างมากมาย ทั้งยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังเวทได้อย่างมหาศาล เป็นอุปกรณ์ที่ประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่จุดบุหรี่ ต้มน้ำ ทำอาหาร เล่นแร่แปรธาตุ จนถึงขั้นใช้ในการดันมาคุ ... มีลักษณะเป็นไม้แปดเหลี่ยม ขนาดเท่าฝ่ามือ จึงได้ชื่อว่า มินิ) (เตาหลอมชะตามินิ นั้นมีต้นแบบมาจากเตาหลอมชะตาของไท่ซ่างเหล่าจินในตำนานจีน ซึ่งซุนหงอคงถูกลงโทษโดยการจับขังไว้ในหม้อนั้น แต่ซุนหงอคงก็ยังหนีออกมาได้ด้วยวิชาแปลงร่าง 72 ท่าของเขา (กายทองแดงกระดูกเหล็ก ลูกตาไฟม่านตาทอง))

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 5

Spell Card No.101

ชื่อ : 　波符「赤眼催眠(マインドシェイカー)」 　ฮะฟุ「อาคะเมะไซมิน(ไมนด์ เชคเกอร์)」 　ยันต์คลื่น「เนตรแดงสะกดจิต(Mind Shaker)」 (หากจะอธิบายกันจริงๆแล้ว ความสามารถของอุดองเกะ คือ การควบคุมความยาวคลื่นของสิ่งต่างๆ รวมถึงคลื่นความคิด ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายแบบ เช่น ทำให้ใครสักคนสงบลงหรือเสียสติขึ้นมา หรือรบกวนระบบประสาทของฝ่ายตรงข้าม คำนำหน้าสเปลการ์ดจึงเป็น คลื่น) เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ม่านตาสีแดงแห่งความวิกลจริต ช่างต้านทานได้ยากยิ่ง。 ทั้งหมดล้วนเป็นภาพลวงตา。อย่าสับสนด้วยภาพลวงตาเหล่านั้นล่ะ。

Spell Card No.102

ชื่อ : 　波符「赤眼催眠(マインドシェイカー)」 　ฮะฟุ「อาคะเมะไซมิน(ไมนด์ เชคเกอร์)」 　ยันต์คลื่น「เนตรแดงสะกดจิต(Mind Shaker)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ม่านตาสีแดงแห่งความวิกลจริต ช่างต้านทานได้ยากยิ่ง。 ในภาพลวงตานั้นจะมองเห็นสิ่งที่น่าจะพุ่งมาตรงๆกลับพุ่งไปในทิศทางอื่น。แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพลวงตานั้นไม่กระทบตัวเรา。

Spell Card No.103

ชื่อ : 　幻波「赤眼催眠(マインドブローイング)」 　เกนฮะ「อาคะเมะไซมิน(ไมนด์ โบลวอิ้ง)」 　คลื่นมายา「เนตรแดงสะกดจิต(Mind Blowing)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ตาของกระต่ายเป็นสีแดงเพราะจิตใจของมนุษย์ที่จ้องมองนัยน์ตากระต่ายจะตกต่ำลงไปด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง。 หรือไม่ก็เพราะหลักการคอมมิวนิสท์นั่นล่ะ。 (หลักการของคอมมิวนิสท์ คือ ความเท่าเทียมกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มีฐานะดีกว่าคนอื่น จึงทำให้เกิดกลุ่มคนที่อิจฉาและไม่พอใจขึ้น โดยมีการเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวกที่ติดเชื้อ Red-Eye disease หรือก็คือ โรคอิจฉาตาร้อนนั่นเอง)

Spell Card No.104

ชื่อ : 　幻波「赤眼催眠(マインドブローイング)」 　เกนฮะ「อาคะเมะไซมิน(ไมนด์ โบลวอิ้ง)」 　คลื่นมายา「เนตรแดงสะกดจิต(Mind Blowing)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เมื่อจิตใจได้รับความเจ็บปวดมากเกินไป ก็จะคงเหลือแต่เพียงร่างกายเท่านั้น。เป็นเพียงคราบนั่นเอง。 มนุษย์มีร่างกายเป็นสำคัญ ? ไม่หรอก มันสำคัญที่จิตใจต่างหาก จริงมั้ย。

Spell Card No.105

ชื่อ : 　狂符「幻視調律(ビジョナリチューニング)」 　เคียวฟุ「เกนชิโฉวริทสึ(วิชั่นนารี่ จูนนิ่ง)」 　ยันต์วิปริต「ปรับทัศน์หลอนลวงตา(Visionary Tuning)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ปรับความยาวคลื่นของมนุษย์และโยวไคให้เข้ากัน。 อา... เพราะว่าลักษณะของชื่อการ์ดใบนี้เป็นแบบโยมิกานะนั่นล่ะ。 (โยมิกานะ คือ การแทรกวิธีอ่าน หรือชื่อ/คำที่สื่อถึงความหมายเดียวกันไว้ด้านบนของชื่อ/คำหลัก ตัวอย่างเช่น ระบุวิธีอ่าน"ไทเรนเคทสึ" ระบุความหมายหรือชื่อในอีกรูปแบบหนึ่ง "มังกรขาวตาสีฟ้า" (Blue Eyes White Dragon) เป็นต้น) (จากที่ท่าน ZUN กล่าว นัยถึงชื่อสเปลที่มีทั้งสองแบบ โดยแบบญี่ปุ่นไว้ให้มนุษย์เกนโซวเคียวซึ่งไม่รู้ภาษาอังกฤษอ่าน ส่วนแบบอังกฤษนั้นไว้ให้โยวไคที่มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษอ่าน)

Spell Card No.106

ชื่อ : 　狂符「幻視調律(ビジョナリチューニング)」 　เคียวฟุ「เกนชิโฉวริทสึ(วิชั่นนารี่ จูนนิ่ง)」 　ยันต์วิปริต「ปรับทัศน์หลอนลวงตา(Visionary Tuning)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ปรับความยาวคลื่นของมนุษย์และโยวไคให้เข้ากัน。 ภาพลวงตาเกิดขึ้นเพราะความยาวคลื่นไม่ตรงกัน。และเจ้ากระต่ายนั่นก็ชำนาญการปรับความยาวคลื่นซะด้วยสิ。

Spell Card No.107

ชื่อ : 　狂視「狂視調律(イリュージョンシーカー)」 　เคียวชิ「เคียวชิโฉวริทสึ(อิลลูชั่น ซีคเกอร์)」 　ทัศน์วิปริต「ปรับทัศน์หลอนวิปริต(Illusion Seeker)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ที่จริงความยาวคลื่นที่ถูกปรับนั้นไม่กระทบตัวเรา。เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น。 ที่เป็นปัญหามากกว่าคือ ต้องเข้าใจว่าเธอสามารถแก้ความยาวคลื่นกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างกะทันหันได้。

Spell Card No.108

ชื่อ : 　狂視「狂視調律(イリュージョンシーカー)」 　เคียวชิ「เคียวชิโฉวริทสึ(อิลลูชั่น ซีคเกอร์)」 　ทัศน์วิปริต「ปรับทัศน์หลอนวิปริต(Illusion Seeker)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　จะว่าไปแล้ว เรย์เซนนั้นเป็นกระต่ายจันทรา。รูปตอนยืนดูเหมือนตัวเตี้ย แต่ที่จริงแล้วนั่นเป็นเพราะผมอยากให้เห็นหูของเธอ ก็เลยจัดตำแหน่งรูปให้ต่ำลงมาเท่านั้นเองครับ。

Spell Card No.109

ชื่อ : 　懶符「生神停止(アイドリングウェーブ)」 　รันฟุ「เซย์ชินเทย์ชิ(ไอเดิลลิ่ง เวฟ)」 　ยันต์เฉื่อยชา「สกัดระบบประสาท(Idling Wave)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ค่าความยาวคลื่นสูงจนมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้。 จึงเห็นภาพลวงตาหยุดอยู่กับที่。

Spell Card No.110

ชื่อ : 　懶符「生神停止(アイドリングウェーブ)」 　รันฟุ「เซย์ชินเทย์ชิ(ไอเดิลลิ่ง เวฟ)」 　ยันต์เฉื่อยชา「สกัดระบบประสาท(Idling Wave)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ค่าความยาวคลื่นสูงจนมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้。 จึงเห็นภาพลวงตาหยุดอยู่กับที่。ถ้าเทียบกับเครื่องอ่านค่าการทำงานของหัวใจก็...ปิ๊บ-------。

Spell Card No.111

ชื่อ : 　懶惰「生神停止(マインドストッパー)」 　รันดะ「เซย์ชินเทย์ชิ(ไมนด์ สตอปเปอร์)」 　เกียจคร้านเฉื่อยชา「สกัดระบบประสาท(Mind Stopper)」 (รันดะ ในภาษาญี่ปุ่นนั้นพ้องเสียงกับคำว่า แลมด้า ซึ่งเป็นหน่วยวัดค่าความยาวคลื่น) เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เมื่อความยาวคลื่นสั้นเกินไปก็จะเห็นคนเพี้ยน เมื่อยาวเกินไปก็จะเห็นว่าสงบลง。 น่าคิดว่า การที่คนกลุ่มหลัง(สงบ)ได้รับการปฏิบัติทางสังคมที่ดี ก็เป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง。 (ในคอมเมนท์นี้ ท่าน ZUN เขียนคำว่า ยาว กลายเป็นคำว่า สั้น จึงกลายเป็น สั้นเกินไป ทั้งสองประโยค ในที่นี้จึงขอแปลไปตามเนื้อหาสาระ)

Spell Card No.112

ชื่อ : 　懶惰「生神停止(マインドストッパー)」 　รันดะ「เซย์ชินเทย์ชิ(ไมนด์ สตอปเปอร์)」 　เกียจคร้านเฉื่อยชา「สกัดระบบประสาท(Mind Stopper)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　คนที่อยู่ตรงกลางระหว่างกระสุนของห่ากระสุนชุดนี้ ก็สบายใจได้หน่อยล่ะนะ。 เพราะมัวแต่พูดถึงเรื่องจำพวก การได้พักผ่อนชั่วครู่บ่อยครั้ง ก็เลยปล่อยให้ผู้เล่นหนีไปได้。

Spell Card No.113

ชื่อ : 　散符「真実の月(インビジブルフルムーン)」 　ซันฟุ「ชินจิทสึโนะทสึคิ(อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน)」 　ยันต์กระจาย「พระจันทร์แห่งความจริง(Invisible Full Moon)」 (ชื่อเดียวกับเพลงประจำตัวของเธอ) เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เมื่อวิกลจริตอย่างสมบูรณ์ คนทั่วไปก็จะมองไม่เห็น ซึ่งพระจันทร์ที่แท้จริงก็วิกลจริตอยู่เสมอนั่นล่ะ。

Spell Card No.114

ชื่อ : 　散符「真実の月(インビジブルフルムーン)」 　ซันฟุ「ชินจิทสึโนะทสึคิ(อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน)」 　ยันต์กระจาย「พระจันทร์แห่งความจริง(Invisible Full Moon)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　เมื่อวิกลจริตอย่างสมบูรณ์ คนทั่วไปก็จะมองไม่เห็น ซึ่งพระจันทร์ที่แท้จริงก็วิกลจริตอยู่เสมอนั่นล่ะ。 แม้แต่ภาพลวงตาก็จะไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไปแล้ว。

Spell Card No.115

ชื่อ : 　散符「真実の月(インビジブルフルムーン)」 　ซันฟุ「ชินจิทสึโนะทสึคิ(อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน)」 　ยันต์กระจาย「พระจันทร์แห่งความจริง(Invisible Full Moon)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　แค่เลื่อนกระดาษแผ่นเดียว แม้แต่โลกก็หายไปได้。 จันทร์เพ็ญที่แท้จริงนั้นมองไม่เห็นด้วยตาก็เพราะว่ามันวิกลจริตนี่แหละ。หรือจะเป็นขึ้น 1 ค่ำ ?

Spell Card No.116

ชื่อ : 　散符「真実の月(インビジブルフルムーン)」 　ซันฟุ「ชินจิทสึโนะทสึคิ(อินวิสิเบิ้ล ฟูล มูน)」 　ยันต์กระจาย「พระจันทร์แห่งความจริง(Invisible Full Moon)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　「จะว่าไปแล้ว ถ้ามองไม่เห็นแม้แต่ภาพลวงตา, มันก็จะเป็นเพียงแค่กระสุนจากต่างมิติเท่านั้นเองน่ะสิ。 」...กระต่ายจันทราจอมซุ่มซ่ามเมื่อคิดได้ดังนั้น ก็มีบางครั้งที่รีบแก้ความยาวคลื่นกลับเป็นเหมือนเดิมทันที。

Spell Card No.117

ชื่อ : 　月眼「月兎遠隔催眠術(テレメスメリズム)」 　ทสึคุเมะ「เกตโตะเอนคาคุไซมินจุทสึ(เทเล-เมสเมอริสซึ่ม)」 　เนตรจันทรา「วิชากระต่ายจันทราสะกดจิตระยะไกล(Tele-Mesmerism)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ทัพหนุนจากดวงจันทร์。 ถึงขั้นที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเป็นของจริงหรือภาพลวงตากันแน่。

Spell Card No.118

ชื่อ : 　月眼「月兎遠隔催眠術(テレメスメリズム)」 　ทสึคุเมะ「เกตโตะเอนคาคุไซมินจุทสึ(เทเล-เมสเมอริสซึ่ม)」 　เนตรจันทรา「วิชากระต่ายจันทราสะกดจิตระยะไกล(Tele-Mesmerism)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　การจะใช้วิชาสะกดจิตจากดวงจันทร์นั้นจำเป็นต้องให้มองดูพระจันทร์。 บางที งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ อาจเป็นวิธีการควบคุมมนุษย์ที่คิดขึ้นโดยชาวจันทราในยุคอดีตกาลก็เป็นได้。

Spell Card No.119

ชื่อ : 　月眼「月兎遠隔催眠術(テレメスメリズム)」 　ทสึคุเมะ「เกตโตะเอนคาคุไซมินจุทสึ(เทเล-เมสเมอริสซึ่ม)」 　เนตรจันทรา「วิชากระต่ายจันทราสะกดจิตระยะไกล(Tele-Mesmerism)」 เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　อุ~ซา~งิ~โอ~อิชิ。ที่จริงแล้วเรย์เซนอร่อย。 เอ๊ย ไม่ใช่แล้ว。เพลงนี้มันสื่อถึงสตอล์คเกอร์ซะมากกว่า。เป็นการวิ่งไล่ตามเรย์เซนยังไงล่ะ。 (อุซางิโออิชิ เป็นวรรคแรกสุดของเพลงกล่อมเด็ก ฟุรุซาโตะ(บ้านเกิด) โดย โออิ หมายถึง การไล่ตาม ส่วน ชิ มาจาก สุรุ ใช้เป็นคำที่เสริมย้ำรูปกิริยาของ โออิ แต่กระนั้นก็ตาม โออิชิ นั้นนั้นพ้องเสียงกับ โออิชิ(อิ) ที่แปลว่า อร่อย)

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 6 A

Spell Card No.120

ชื่อ : 　天丸「壺中の天地」 　เทนกัน「โคะฉูวโนะเทนฉิ」 　ลูกกลอนสวรรค์「อวกาศในไห」 (เทนกัน อาจย่อมาจาก 天仙丸薬 เทนเซนกันยาคุ (ยาลูกกลอนเซียนสวรรค์) หรืออาจแปลตรงตัวว่า ทรงกลมสวรรค์ ก็ได้ แต่เนื้อหาของเอย์รินและ Tips เกี่ยวข้องกับยา จึงเลือกคำนี้) (เทนฉิ หมายถึง ท้องฟ้าและพื้นดิน ฟ้าดิน สวรรค์และโลก จักรวาล และอวกาศ โดยอวกาศในที่นี้นั้นนัยถึงตัวโลกและชั้นบรรยากาศของโลกและดวงดาวที่เห็นในท้องฟ้า กล่าวคือ เป็นอวกาศในมุมมองของคนโบราณนั่นเอง ซึ่งสเปลขั้นอัพเกรดของสเปลใบนี้ (No.148-151) เกี่ยวข้องกับทางช้างเผือก และบอกว่าใหญ่กว่าเทนฉิ จึงเลือกใช้คำว่า อวกาศ เพราะถ้าใช้คำว่าจักรวาลก็จะใหญ่เกินกว่าทางช้างเผือก) (ตำนานจีนเรื่องหนึ่งเล่าว่า มีชายชราผู้หนึ่งขายยาที่ขึ้นชื่อเรื่องผลการรักษาอันล้ำเลิศ โดยชายชราผู้นี้จะวางไหใบหนึ่งไว้หน้าร้านจนเป็นเอกลักษณ์ ... กระทั่งวันหนึ่ง ขุนนางเลื่องชื่อผู้หนึ่งนามว่า 費長房 พบว่า หลังจากปิดร้านแล้วชายชราจะเข้าไปในไห หลังจากนั้นขุนนางก็ตามตื๊อจะขอเข้าไปในไหบ้าง ในที่สุดชายชราก็พาเข้าไปชม ซึ่งภายในนั้นมีสิ่งก่อสร้างที่งดงาม เหล้าชั้นเลิศ อาหารชั้นดีเรียงรายเต็มไปหมด และทั้งคู่ก็ดื่มกินเฮฮากัน พอคุยไปคุยมาจึงทราบว่า ตัวจริงของชายชรานั้นเป็นเซียนสวรรค์ ซึ่งทำความผิดเอาไว้จึงโดนลงโทษให้มาอยู่บนโลกมนุษย์ ขุนนางจึงฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และร่ำเรียนวิชาเซียนจากชายชรา แต่เมื่อผ่านไปได้ 10 วันก็ครบกำหนดพ้นโทษของชายชราพอดี จึงต้องกลับสวรรค์ไป ขุนนางก็ขอตามไปด้วย จึงต้องพบกับบททดสอบมากมาย แต่ก็ผ่านมาได้ทุกอย่าง เว้นแต่การทดสอบสุดท้ายเท่านั้น จึงทำให้ไม่ได้รับสิทธิที่จะไปยังสวรรค์ แต่กระนั้น 費長房 ก็ได้เรียนรู้วิชาจนสามารถมีอายุยืนยาว และได้รับยันต์ควบคุมเทพยักษ์มาเป็นที่ระลึกด้วย โดยขุนนางท่านนี้ได้ใช้วิชาของตนช่วยเหลือมนุษย์ไปทั่ว แต่ในท้ายที่สุด เมื่อยันต์ที่ได้มาหมดลง ก็ไม่สามารถควบคุมเทพยักษ์ได้ และถูกสังหารโดยเทพยักษ์นั่นเอง) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　สวรรค์เล็กๆน้อยๆ。 ที่จริงก็แค่ความคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ。

Spell Card No.121

ชื่อ : 　天丸「壺中の天地」 　เทนกัน「โคะฉูวโนะเทนฉิ」 　ลูกกลอนสวรรค์「อวกาศในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　สวรรค์เล็กๆน้อยๆ。 วิธีใช้งานผิดไปจากความมายดั้งเดิมอย่างชัดเจนเลย。 (ความหมายเดิมของ"เรื่องเล่าเซียนเทพ"นี้คือ การดื่มกินจนลืมเรื่องราวทางโลก หรือ การหลีกห่างจากทางโลก หรือ การรู้แจ้ง แต่เอย์รินเอามาใช้ล้อมคอกยิงกระสุนใส่ศัตรูซะงั้น)

Spell Card No.122

ชื่อ : 　天丸「壺中の天地」 　เทนกัน「โคะฉูวโนะเทนฉิ」 　ลูกกลอนสวรรค์「อวกาศในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　สวรรค์เล็กๆน้อยๆ。 ทั้งๆที่ถ้าพวกปิศาจรับใช้มีจุดกระทบก็จะชั่วร้ายที่สุดเลยแท้ๆเชียวน้า~。 (หมายถึงตอนที่พวกปิศาจรับใช้บินมาล้อมรอบตัวเรา ซึ่งบินผ่านตัวเราไปมาเพื่อเรียงตัวเป็นวงกลมล้อมตัวเราเอาไว้ ถ้าหากช่วงนั้นมันสามารถชนเราให้ตายได้ล่ะก็..... น่ากลัวสุดๆเลยล่ะ)

Spell Card No.123

ชื่อ : 　天丸「壺中の天地」 　เทนกัน「โคะฉูวโนะเทนฉิ」 　ลูกกลอนสวรรค์「อวกาศในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　สวรรค์เล็กๆน้อยๆ。 ชนะได้ง่ายดายเกินคาด ? นั่นคือความกรุณาของเอย์รินไงล่ะ。 (กรุณา ... 1 ในพรหมวิหาร 4 หมายถึง ความสงสาร มีน้ำใจ ต้องการให้พ้นทุกข์)

Spell Card No.124

ชื่อ : 　覚神「神代の記憶」 　คะคุชิน「ชินไดโนะคิโอะคุ」 　เทพรำลึก「ความทรงจำของยุคเทพ」 (นับจากเหตุการณ์ จุตินัดดาสวรรค์ เหล่าเทพผู้มาจุติบนโลกมนุษย์ก็ต่างมีครอบครัวลูกหลานตามดินแดนแว่นแคว้นต่างๆ และนับจากเหตุการณ์นั้นเวลาก็ได้ผ่านไปเนิ่นนานถึง 1,792,470 ปี(โดยประมาณ) ทำให้เหล่าลูกหลานนั้นต่างหลงลืมไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นญาติมิตรของตน ทั้งนี้ก็เพราะไร้ซึ่งบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่จะช่วยจดจำนั่นเอง ดังนั้นแผนภูมิวงศ์วานจึงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　แสงจำลองวงศ์วาน。 (แปลแบบขยายความก็คือ เส้นลำแสงที่แสดงถึงแผนภูมิวงศ์ตระกูล)

Spell Card No.125

ชื่อ : 　覚神「神代の記憶」 　คะคุชิน「ชินไดโนะคิโอะคุ」 　เทพรำลึก「ความทรงจำของยุคเทพ」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　แสงจำลองวงศ์วาน。 แตกกิ่งสองก้านเป็นการเพิ่มทวีโดยธรรมชาติที่น่าทึ่ง, ทำให้ได้ย้อนรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา。 (ชีวิตคนเรามีทางเลือกมากมาย มีหลายครั้งที่ต้องเลือก คนเราเริ่มต้นจากศูนย์(เกิด) แต่สามารถเติบโตไปเป็นอะไรได้มากมาย สุดแต่จะเลือกและตัดสินใจ)

Spell Card No.126

ชื่อ : 　神符「天人の系譜」 　ชินฟุ「เทนนินโนะเคย์ฟุ」 　ยันต์เทพ「เชื้อสายเทวดา」 (นอกจากนี้ก็คือ หลักฐานวัตถุ ที่สืบทอดกันมาในตระกูล เช่นเมื่อครั้งที่ อิวาเรบิโนะมิโคโตะ (ภายหลังคือปฐมจักรพรรดิ จินมุ) ทำศึกกับ โทมิโนะนางาสึเนะฮิโกะ ก็เกิดการถกเถียงเรื่องการสืบเชื้อสายเทพเจ้า โดยอิวาเรบิโนะมิโคโตะได้นำหลักฐานอันได้แก่ ลูกธนู(天の羽羽矢)และกระบอกใส่ลูกธนู(歩靱) มาแสดง จึงทำให้สถานการณ์รบเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โทมิโนะนางาสึเนะฮิโกะเริ่มหวาดกลัวต่อเชื้อสายเทพเจ้า แต่ก็มิได้ตัดใจย่อท้อ คิดจะทำศึกต่อไป และสุดท้ายโทมิโนะนางาสึเนะฮิโกะก็ถูกสังหารโดยนิกิฮายาฮิผู้เป็นน้องเขยของตนเอง ทั้งนี้เพราะนิกิฮายาฮิไม่ประสงค์จะต้านทานลูกหลานผู้มีเชื้อสายของมหาเทพอามาเทราสึ และมาสวามิภักดิ์ต่ออิวาเรบิโนะมิโคโตะ) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　แสงจำลองวงศ์วาน。 แต่ในปัจจุบันนี้ที่อัตราการเกิดลดลงเรื่อยๆ คงไม่แผ่กิ่งก้านกว้างใหญ่อย่างนี้แน่ๆ。 (นัยถึงสถานการณ์ด้านประชากรของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน รายละเอียดในสเปล No.130)

Spell Card No.127

ชื่อ : 　神符「天人の系譜」 　ชินฟุ「เทนนินโนะเคย์ฟุ」 　ยันต์เทพ「เชื้อสายเทวดา」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　แสงจำลองวงศ์วาน。 โลกยุคปัจจุบันคงไม่นิยมพวกสอนหนูแล้วมั้งน้า~。ก็มันเป็นอาชญากรรมนี่นะ。 (สอนหนู หมายถึง ธุรกิจเชิงปิรามิด ซึ่งนิยมใช้กับธุรกิจขายตรง ยิ่งมีสมาชิกระดับต่ำกว่าตัวเองมากเท่าไหร่ ตัวเองก็ยิ่งได้เงินมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งลักษณะของปิรามิดนั้นดูคล้ายกับการแตกกิ่งก้านของลำแสงในสเปลนี้ ที่ขยายฐานกว้างออกไปเรื่อยๆ จากจุดยอดที่เล็กนิดเดียว)

Spell Card No.128

ชื่อ : 　蘇活「生命遊戯 -ライフゲーム-」 　โซะคัทสึ「เซย์เมย์ยูวกิ -ไลฟ์เกม-」 　ฟื้นวิถี「เกมชีวิต -Life Game-」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เกมแห่งชีวิต。หรือเรียกอีกอย่างว่า ไลฟ์เกม。 ถ้าไม่ได้เรียนจบมาทางสายวิทยาศาสตร์คงไม่เข้าใจความหมายของมันล่ะมั้ง。เอาเป็นว่าไม่ใช่เกมดำเนินชีวิตละกัน。 (เกมแห่งชีวิต 生命のゲーム หรือ Game of Life เป็นหุ่นยนต์อัตโนมัติระดับเซลล์ (Cellular Automaton) ที่คิดค้นขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ John Horton Conway ในปี 1970 ซึ่งเกมนี้ถูกจัดว่าเป็นตัวอย่างของระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติระดับเซลล์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยเกมนี้ไม่ต้องมีมนุษย์มานั่งเล่นเลยแม้แต่คนเดียว เพราะมนุษย์มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ กำหนดค่าตั้งต้นให้พวกมัน แล้วนั่งดูการพัฒนาหรือวิวัฒนาการของพวกมันไปเรื่อยๆ) (ค่าตั้งต้น(กฎ)ของ Game of Life คือ แต่ละจุดสี่เหลี่ยม(เซลล์) มีอีก 8 จุดเป็นเพื่อนบ้านอยู่รอบๆ พวกมันมีแค่สองทางเลือกคือ เป็น หรือ ตาย โดยจะเป็นหรือตายนั้นขึ้นอยู่กับว่า 1.เซลล์เป็น ที่มีเพื่อนบ้านน้อยกว่า 2 เซลล์เป็น จะตาย เพราะความโดดเดี่ยว 2.เซลล์เป็น ที่มีเพื่อนบ้านมากกว่า 3 เซลล์เป็น จะตาย เพราะความหนาแน่นของประชากรสูง 3.เซลล์เป็น ที่มีเพื่อนบ้าน 2-3 เซลล์เป็น จะไม่ตาย และก้าวไปสู่ประชากรรุ่นใหม่ 4.เซลล์ตาย ถ้ามีเพื่อนบ้าน 3 เซลล์เป็นมาล้อม จะคืนชีพได้ จากนั้นกลุ่มเซลล์ตั้งต้น ก็จะเดินทางไป โดยคอยระมัดระวังไม่ให้แตกกลุ่มจนตายหมด หรือเข้าใกล้กลุ่มอื่นเกินไปจนตายหมด และเซลล์ลูกหลานก็จะสืบทอดกฎต่อจากพ่อแม่ไปเรื่อยๆ) (ในการ์ตูนเรื่อง Q.E.D. ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ก็มีตอนหนึ่งที่เล่น Cellular Automaton แบบนี้เช่นกัน โดยเรียกว่า Clan และมีการกำหนดเรื่องของพื้นที่อาศัย อาหาร ผู้นำ ฯลฯ ลงไปเพิ่มเติม จนเกิดการวิวัฒนาการที่น่าสนใจขึ้นในที่สุด) (เกมดำเนินชีวิต 人生ゲーム (จินเซย์เกม) เป็นเกมกระดานที่เราต้องสวมบทคนๆนึงแล้วดำเนินชีวิตไปบนกระดานนั้นๆ โดยพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มีทั้งแบบกระดาน และแบบเกมคอนโซล ซึ่งจุดเริ่มต้นและเป้าหมายจะต่างๆกันไป เช่น เข้าชั้นมัธยม-เรียนจบมัธยมปลาย หรือ จบม.ปลาย-ทำงานจนพ้นวัยเกษียณ หรือที่โดดเด่นในไทยก็คือ เกมเศรษฐี นั่นเอง) (ในภาษาอังกฤษนั้น ทั้งสองเกมต่างถูกเรียกว่า Game of Life จึงต้องมีการเติมชื่อเจ้าของเกมไว้ข้างหน้าคือ Conway's และ Hasbro's)

Spell Card No.129

ชื่อ : 　蘇活「生命遊戯 -ライフゲーム-」 　โซะคัทสึ「เซย์เมย์ยูวกิ -ไลฟ์เกม-」 　ฟื้นวิถี「เกมชีวิต -Life Game-」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　ไลฟ์เกม。หากสักแต่ทำให้ตัวเองอายุยืน ก็จะไม่เกิดการผลัดรุ่นเปลี่ยนยุค และเกิดการขาดตอนของวงศ์วานในที่สุด。 ไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างสิ้นเชิง。ใช้ยามากมายเพื่อให้ได้อายุขัยยืนยาวยิ่งยวดมาครอบครอง。 (คางุยะและโมโควนั้น ได้ทานยาโฮวไรเพียงครั้งเดียวก็เป็นอมตะ ไร้อายุขัยจำกัด ส่วนเอย์รินนั้นมีการกล่าวถึงในฉากจบของภาคนี้ว่าได้ทาน "ยาที่สร้างขึ้นด้วยความสามารถขององค์หญิง" ซึ่งน่าจะเป็นยาโฮวไรเข้าไปเช่นกัน แต่ในที่นี้กลับกล่าวถึงการใช้ยาจำนวนมากเพื่อยืดอายุขัย... ...บางทีอาจหมายถึงมนุษย์โลกอย่างเราๆนี้เองก็เป็นได้) (กล่าวคือ พระเจ้ากำหนดให้มนุษย์(ชาวจันทราด้วย?)พยายามรักษาเผ่าพันธุ์ของตนเอง โดยที่ตนเองนั้นไม่อยู่ก็ตายในเร็ววัน ดังนั้นจึงต้องสร้างลูกหลานเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล แต่สุดท้ายก็พยายามแหกกฎนั้น เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น)

Spell Card No.130

ชื่อ : 　蘇生「ライジングゲーム」 　โซะเซย์「ไรซ์ซิ่ง เกม」 　ฟื้นชีพ「Rising Game」 (蘇生 = Rising) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　เวอร์ชั่นที่มีการพัฒนาทางการแพทย์ของไลฟ์เกม。 หากอายุขัยยืนยาวยิ่งขึ้นและอัตราการเกิดลดต่ำลงมากไปกว่านี้ล่ะก็ สุดท้ายก็จะเป็นเช่นนี้。 (ท่าน ZUN กำลังพูดถึงประเทศญี่ปุ่นในโลกยุคปัจจุบัน การแพทย์ที่ก้าวหน้าทำให้ผู้คนมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ญี่ปุ่นมีพื้นที่จำกัด ความหนาแน่นของประชากรจึงสูงขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี ต้องทำงานมากขึ้น คิดถึงการมีครอบครัวน้อยลง ต้องการมีบุตรแต่เพียงพอต่อฐานะ เกิดค่านิยมในการสร้างครอบครัวเล็กๆมากกว่าครอบครัวใหญ่ๆแบบคนสมัยก่อน การคุมกำเนิด(เทคโนโลยีทางการแพทย์)ก้าวหน้าขึ้น อัตราการเกิดในแต่ละปีลดลง แผนภูมิปิรามิดประชากรเริ่มกลับหัวกลับหาง กลายเป็นคนแก่เยอะ เด็กๆน้อย และเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะเกิดการขาดแคลนบุคลากรในวัยทำงาน ในขณะที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลคนชรามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่คือปัญหาที่ญี่ปุ่นกำลังประสบอยู่ และยังไม่มีวี่แววว่าจะแก้ไขได้เลย)

Spell Card No.131

ชื่อ : 　蘇生「ライジングゲーム」 　โซะเซย์「ไรซ์ซิ่ง เกม」 　ฟื้นชีพ「Rising Game」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เวอร์ชั่นที่มีการพัฒนาทางการแพทย์ของไลฟ์เกม。 ที่กล่าวมานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ Game Maker เลยแม้แต่น้อย。 (หมายถึงทีมสร้างเกม (Game Maker) ที่มีชื่อว่า Raizing (เขียนว่า ライジング เหมือนกัน) ซึ่งเป็นทีมที่พัฒนาและสร้างเกมชูตติ้ง จำนวน 3 เกม ได้แก่ 「疾風魔法大作戦」(1994)、「蒼穹紅蓮隊」(1996) และ 「バトルガレッガ」(1996))

Spell Card No.132

ชื่อ : 　操神「オモイカネディバイス」 　โซวชิน「โอโมอิคาเนะ ดีไวซ์」 　เทพผู้ชี้นำ「โอโมอิคาเนะ Device」 (โอโมอิคาเนะ มีชื่อเต็มว่า ยาโกะโคโระโอโมอิคาเนะโนะคามิ 八意思兼神 ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งปัญญา,ความรู้และความคิด โดยชื่อของท่านนั้นมาจากคำว่า โอโมฮิ (思慮)(ความคิด+การพิจารณา) และ คาเนะ (兼)(มีทั้งสองอย่างควบคู่กัน) บางครั้งจึงอ่านชื่อได้อีกอย่างว่า โอโมฮิคาเนะ แต่บางแหล่งก็เชื่อว่า เกิดการเรียกเพี้ยนจาก โอโมฮิคาเนะ เป็น โอโมอิคาเนะ มาจนถึงปัจจุบัน และแน่นอนว่าเทพองค์นี้เป็นต้นแบบของเอย์ริน) (โอโมอิคาเนะ คือเทพผู้คิดค้นวิธีนำตัวอามาเทราสึออกมาจากหินประตูสวรรค์ และในภายหลังก็ถูกส่งลงไปปราบความไม่สงบบนพื้นพิภพร่วมกับนินิกิ ในเหตุการณ์จุตินัดดาสวรรค์ โดยโอโมอิคาเนะได้รับมอบกระจกยาตะจากอามาเทราสึ ให้นำไปสักการบูชาเพื่อระลึกถึงจิตวิญญาณของอามาเทราสึ ส่วนไตรเทวภัณฑ์อีกสองชิ้นนั้นได้มอบให้กับ ทาจิคาระโอะ และอาเมะโนะอิวาโตะวาเคะ ซึ่งลงมาจุติด้วยเช่นกัน) (มารดาของนินิกิ ก็คือน้องสาวของโอโมอิคาเนะ และภรรยาของหลานชายของน้องสาวของโอโมอิคาเนะชื่อ โทโยทามะฮิเมะ และภรรยาของเหลนชายของน้องสาวของโอโมอิคาเนะ ชื่อ ทามะโยริฮิเมะ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า หากตัดคำว่าทามะออกไป ก็จะกลายเป็นชื่อของเจ้าหญิงจันทราทั้งสองซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของเอย์รินในภาค SSiB นั่นเอง) (โอโมอิคาเนะคือต้นแบบของตัวละคร เอ์ริน ซึ่งในภายหลังเป็นที่ทราบกันว่าเอย์รินรับบทในตำนานแทนเทพโอโมอิคาเนะไปเลย ส่วนเทพโอโมอิคาเนะกลายเป็นเพียงชื่ออุปกรณ์ (Device) ของเอย์รินเท่านั้น) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　มันสมองชี้นำทาง。 มันจะขวางทางซะมากกว่า。 (ท่าน ZUN ล้อเล่น โดยหมายถึงการเอาสมองมาเดินนำหน้านั่นเอง)

Spell Card No.133

ชื่อ : 　操神「オモイカネディバイス」 　โซวชิน「โอโมอิคาเนะ ดีไวซ์」 　เทพผู้ชี้นำ「โอโมอิคาเนะ Device」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　มันสมองชี้นำทาง。 ก็ไม่ได้อะไรมากหรอกนะ แต่คิดไม่ออกเลยว่าสมอง มันเป็นอุปกรณ์ที่มีความคิดพิจารณาได้ยังไง。 (สมอง ประกอบด้วยเซลล์ประสาทและเส้นประสาทมากมาย มันจึงมีส่วนประกอบเป็นไขมันเสียส่วนมาก เลยมีลักษณะเป็นวุ้นคล้ายเยลลี่ ในตอนที่ยังไม่ได้ทำการดองด้วยสารเคมี เช่น ฟอร์มาลีน นั้น สมองจะนุ่มนิ่มมาก ราวกับจะแหลกเละเมื่อไหร่ก็ได้)

Spell Card No.134

ชื่อ : 　神脳「オモイカネブレイン」 　ชินโนว「โอโมอิคาเนะ เบรน」 　สมองเทพ「โอโมอิคาเนะ Brain」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　มันสมองชี้นำทาง。ถึงจะหัวดียังไงก็เถอะนะ。แต่รู้สึกว่าเกมเก่าๆหลายเกมชอบดีไซน์ให้ศัตรูมีสมองใส่อยู่ด้วย。หวานหมูจริงน้า~。 (ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ที่จริงสมองนั้นนุ่มนิ่มมาก แต่กลับเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก แล้วดันเอามาไว้ข้างหน้าให้เราเห็น ดังนั้นมันก็คือจุดอ่อนอย่างดีนี่เอง ^ ^)

Spell Card No.135

ชื่อ : 　神脳「オモイカネブレイン」 　ชินโนว「โอโมอิคาเนะ เบรน」 　สมองเทพ「โอโมอิคาเนะ Brain」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ไม่ว่าจะคิดยังไง การที่เอาสมองเปลือยๆโผล่มาให้เห็นก็เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความไร้ความสามารถของตัวมันเอง。 ถึงได้มีคำที่ว่า [ไอ้นั่น]ที่มีสมองจะซ่อน[บางอย่าง]。 (หมายถึงสำนวนที่ว่า เหยี่ยวที่มีสมองจะซ่อนเล็บ)

Spell Card No.136

ชื่อ : 　天呪「アポロ１３」 　เทนจุ「อพอลโล่ 13」 　สาปสวรรค์「Apollo 13」 (เทนจุ แปลว่า คำสาปจากสวรรค์ แต่เพื่อความสละสลวยของชื่อจึงทอนเหลือเพียง 2 พยางค์) (Apollo 13 เป็นชื่อของหนึ่งในโครงการ Apollo โดยภารกิจที่ 13 นี้มีเป้าหมายในการใช้นักบินเพียงสามคนในการทำภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ ตัวยาน Apollo 13 ประกอบด้วยสามส่วนหลัก(Module) คือ Command / Lunar / Service โดยยานถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 11 เมษายน ปี 1970 ในเวลา 13:13 น.ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากนั้นสองวัน (วันที่ 13 เมษายน) ถังอ๊อกซิเจนเกิดความผิดพลาดและระเบิดอย่างรุนแรงจน Service Module ได้รับความเสียหายหนัก ทำให้ตัวยาน Apollo 13 สูญเสียอ๊อกซิเจนและส่วนของ Command กับ Service นั้นใช้อ๊อกซิเจนในการผลิตไฟฟ้า จึงเท่ากับสูญเสียพลังงานไฟฟ้าไปด้วยพร้อมๆกัน แม้ว่าส่วนของ Command Module จะยังคงทำงานได้ตามปกติด้วยแบตเตอรี่ภายใน แต่เพื่อความอยู่รอดของนักบิน จึงยกเลิกภารกิจสู่ดวงจันทร์ และปิดระบบของ Command Module เพื่อนำไฟฟ้าเท่าที่มีมาใช้ในการกลับสู่โลก โดยนักบินได้ใช้ Lunar Module เป็นเสมือน เรือกู้ชีพ ในการกลับสู่โลก แต่ว่ามันก็มีอุปกรณ์ยังชีพสำหรับสองคนสองวันเท่านั้น แต่นี่กลับต้องใช้ถึงสามคนสี่วัน มากกว่าเดิมถึงสามเท่า และเครื่องกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์จะทำงานได้ไม่ถึงสี่วัน นั่นทำให้นักบินต้องสูดอากาศที่มีระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มข้นพอจะฆ่าพวกเขาได้ นักบินจึงต้องเอาอะไหล่จากส่วน Command Module มาเปลี่ยน แต่ก็พบว่า มันใช้ร่วมกันไม่ได้ จึงต้องเอาวัตถุหลายๆอย่างที่มีใน Lunar Module มาประกอบกันเพื่อใช้แทน แต่ถึงรอดจากจุดนี้มาได้ก็ยังมีปัญหาเรื่องอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างมาก ทำให้เกิดการกลั่นตัวของน้ำไปทั่ว Command Module จนน่าวิตกว่า มันจะทำให้วงจรไฟฟ้าพังพินาศเมื่อเริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง แต่ก็โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องน้ำกินและปัสสาวะ และความร้อนในห้องโดยสารช่วงฝ่าชั้นบรรยากาศโลก แต่สุดท้ายทุกคนก็กลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย (แค่มีเพียงคนนึงที่เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ) ซึ่งนับเป็นโชคดีของนักบิน เพราะถ้าเกิดการระเบิดขึ้นหลังจากนี้ บางทีพวกเขาอาจไม่มีสิ่งยังชีพมากพอที่จะกลับมาได้ และเหตุการณ์นี้ก็ถูกติดตามอย่างใกล้ชิดจากคนแทบทั้งโลก และต่อมาก็ถูกสร้างเป็นภาพยนต์โดยที่แทบจะไม่ต้องเขียนบทใดๆเพิ่มเติมเลย เพราะว่าความดราม่าของมันนั้นสมบูรณ์ในตัวเองทุกประการ) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　13 เป็นเลขแห่งลางร้าย。 ของระดับโครงการอวกาศเนี่ยมันควรจะเลี่ยงพวกเลขที่เป็นลางร้ายนะ。 (บ้างก็ว่าเลข 13 คือเลขแห่งความตาย ซึ่งชื่อโครงการก็ 13 เวลาปล่อยยานก็ 13:13 แล้วยังเกิดระเบิดในวันที่ 13 นอกจากนี้เดือนเมษายนก็คือเดือน 4 ซึ่งเลขสี่ในภาษาญี่ปุ่นอ่านได้แบบหนึ่งว่า ชิ ซึ่งพ้องเสียงกับ ชิ ที่แปลว่า ตาย ... ช่างเหมาะเจาะเหมือนจงใจยังไงชอบกล)

Spell Card No.137

ชื่อ : 　天呪「アポロ１３」 　เทนจุ「อพอลโล่ 13」 　สาปสวรรค์「Apollo 13」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　13 เป็นเลขแห่งลางร้าย。 เหตุใดภารกิจนั้นจึงผิดพลาดงั้นเหรอ, มีแต่ชาวจันทราเท่านั้นที่รู้。

Spell Card No.138

ชื่อ : 　天呪「アポロ１３」 　เทนจุ「อพอลโล่ 13」 　สาปสวรรค์「Apollo 13」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ผมคิดอยู่เสมอนะว่า Apollo(アポロ) เนี่ยมันหมายถึงเทพเจ้า Apollo(アポロン) ไม่ใช่เหรอ ? เทพเจ้า Apollo (アポロン) เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์นี่เนอะ ? งั้นถ้ามุ่งหน้าสู่ดวงอาทิตย์ทั้งอย่างนั้นเลยก็คงจะไม่เลวนัก。 (ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เขียนชื่อเทพเจ้า Apollo ว่า アポロン ส่วนชื่อโครงการอวกาศของนาซ่านั้นเขียนว่า アポロ)

Spell Card No.139

ชื่อ : 　天呪「アポロ１３」 　เทนจุ「อพอลโล่ 13」 　สาปสวรรค์「Apollo 13」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　อพอลโล่ช็อคโก้, ขนมในฝันเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก。 ถึงจะได้ยินบ่อยๆว่าต้องกินจากส่วนบนไล่ลงมา แต่ถ้าพิจารณาจากความหมายดั้งเดิมล่ะก็ มันต้องกินจากข้างล่างสิถึงจะสมจริง。 (เวลาที่ยานอวกาศทำการสลัด Module ทิ้งจะเริ่มสลัดทิ้งจากส่วนล่างสุดก่อน)

Spell Card No.140

ชื่อ : 　秘術「天文密葬法」 　ฮิจุทสึ「เทนมอนมิซโซวโฮว」 　วิชาลับ「เคล็ดลับฝังดารา」 (密葬法 วิธีฝังอย่างลับๆ ในที่นี้หมายถึง การฝังซ่อนบางสิ่งโดยมิให้ใครรู้) (天文 ปรากฏการณ์เกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ในที่นี้นัยถึง พระจันทร์เต็มดวงที่มนุษย์มองเห็นด้วยตาเปล่าว่าอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งถูกเอย์รินเอาไปซ่อนนั่นเอง) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　เอย์รินผู้ปรับเล่นท้องฟ้าโดยไร้ซึ่งหลักแห่งเหตุและผล ด้วยชื่อสเปลที่อลังการ。

Spell Card No.141

ชื่อ : 　秘術「天文密葬法」 　ฮิจุทสึ「เทนมอนมิซโซวโฮว」 　วิชาลับ「เคล็ดลับฝังดารา」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　แม้จะกล่าวว่า โลกกลายเป็นห้องลับขนาดใหญ่ แต่คิดยังไงดวงจันทร์ก็เป็นเหมือนกับห้องลับมากกว่าอยู่ดี。 ทูตจันทราคงมอดไหม้เป็นเถ้าธุลีในสตราโตสเฟียร์ หรือไม่ก็ออกนอกเส้นทางจนหลงไป。 (Stratosphere เป็นชื่อของชั้นบรรยากาศโลก ชั้นที่สองเมื่อนับจากพื้นโลก เริ่มเข้าสู่ชั้นบรรยากาศนี้ที่ความสูง 7-17 กิโลเมตรจากพื้นดิน และไปสิ้นสุดที่ประมาณ 50 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน)

Spell Card No.142

ชื่อ : 　秘術「天文密葬法」 　ฮิจุทสึ「เทนมอนมิซโซวโฮว」 　วิชาลับ「เคล็ดลับฝังดารา」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　พระจันทร์ปลอมที่เอย์รินเตรียมมานั้น หรูหราโอ่อ่ายิ่งกว่าของจริงเสียอีก。 แต่จากปากคำของยูยูโกะกล่าวว่าดูราวกับ 「พระจันทร์แบบโบราณ」。เมื่อก่อนมันเคยหรูหราโอ่อ่าเช่นนี้หรือ ?

Spell Card No.143

ชื่อ : 　秘術「天文密葬法」 　ฮิจุทสึ「เทนมอนมิซโซวโฮว」 　วิชาลับ「เคล็ดลับฝังดารา」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　อวกาศนั้นมีความโรแมนติค。แต่อวกาศของชายผู้นั่งรถเข็นนั้นเข้าใจยาก。 ทฤษฎีของเขานั้นเป็นที่รู้จักจนถึงขั้นที่มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เสียแล้ว。หากนั่นเป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านก็ต้องจัดว่าสุดยอดเกินไปแล้ว。 (สมัยก่อน มนุษย์กล่าวถึงอวกาศและดวงดาวในแง่ของเทพเจ้า ความรัก ความตาย การกลายเป็นดาว ฯลฯ แต่วิทยาศาสตร์ทำให้ความเชื่อของมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงไป) (ชายผู้นั่งรถเข็น นัยถึง Stephen Hawking ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ไม่กี่คนในยุคปัจจุบันที่เข้าใจและสามารถอธิบายทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ได้ และเป็นผู้แต่งหนังสือ ประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และ จักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องยากๆ อย่าง ควอนตัมฟิสิกส์ ให้คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ แต่ในต้นทศวรรษที่ 1960 Stephen Hawking เกิดอาการที่เรียกว่า Amyotrophic Lateral Sclelar (ALS) อันเป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เขาเกือบเป็นอัมพาตแต่ก็ยังคงทำงานวิชาการมาตราบจนปัจจุบัน โดยเขาต้องนั่งรถไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเขาพูดและขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงขยับนิ้วและกะพริบตา แต่ก็ยังสามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่สังเคราะห์เสียงพูดได้จากตัวอักษร)

Spell Card No.144

ชื่อ : 　禁薬「蓬莱の薬」 　คินยะคุ「โฮวไรโนะคุสุริ」 　ยาต้องห้าม「ยาโฮวไร」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　ยาโฮวไรซึ่งเป็นจุดสำคัญของเนื้อเรื่อง。

Spell Card No.145

ชื่อ : 　禁薬「蓬莱の薬」 　คินยะคุ「โฮวไรโนะคุสุริ」 　ยาต้องห้าม「ยาโฮวไร」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ยาโฮวไรซึ่งเป็นจุดสำคัญของเนื้อเรื่อง。 ที่น่าเป็นห่วงก็คือ มันขมรึเปล่าหรือว่ารสชาติเป็นยังไงเท่านั้นล่ะ。

Spell Card No.146

ชื่อ : 　禁薬「蓬莱の薬」 　คินยะคุ「โฮวไรโนะคุสุริ」 　ยาต้องห้าม「ยาโฮวไร」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　โฮวไรในที่นี้ก็อาจหมายถึง, ได้มาจาก(ป่า)โฮวไรล่ะเอ้อ~, แต่ที่จริงแล้วคางุยะอาจจะแค่เอานามสกุลของตัวเองไปใช้ตั้งชื่อยาก็ได้。ถ้างั้นเรียกว่า ยาคางุยะ ก็ไม่ต่างกันสิ。

Spell Card No.147

ชื่อ : 　禁薬「蓬莱の薬」 　คินยะคุ「โฮวไรโนะคุสุริ」 　ยาต้องห้าม「ยาโฮวไร」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　หากถูกรู้ว่าสามารถสร้างของอย่างยาอมตะได้ล่ะก็ คางุยะก็จะกลายเป็นที่ต้องการของเหล่าผู้มีอำนาจ。แต่ก็คงปฏิเสธไปตลอดนั่นล่ะ。เป็นพวก Anti-Cinderella แหงๆ。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Stage 6 B

Spell Card No.148

ชื่อ : 　薬符「壺中の大銀河」 　ยะคุฟุ「โคะฉูวโนะไดกินกะ」 　ยันต์ยา「มหาทางช้างเผือกในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　ขยายความกว้างใหญ่ออกไปยิ่งกว่าอวกาศ(เทนฉิ)。 แต่เอาเถอะ ยังไงก็ยังอยู่แค่ในไหอยู่ดี。

Spell Card No.149

ชื่อ : 　薬符「壺中の大銀河」 　ยะคุฟุ「โคะฉูวโนะไดกินกะ」 　ยันต์ยา「มหาทางช้างเผือกในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　สร้างแบล็คโฮลได้สบายๆเลยนะนั่น。 กว่าจะสามารถสร้าง Black Hole Station ได้นี่มันต้องยุคไหนกันล่ะเนี่ย。 (เวทมนตร์ ก็อย่างนี้แหละ มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์)

Spell Card No.150

ชื่อ : 　薬符「壺中の大銀河」 　ยะคุฟุ「โคะฉูวโนะไดกินกะ」 　ยันต์ยา「มหาทางช้างเผือกในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　อุปมาหมู่ดาวเป็นแม่น้ำแล้วตั้งชื่อว่า แม่น้ำสีเงิน (銀河) ช่างเป็นการแสดงถึง Naming Sense ที่ยอดเยี่ยมของผู้ที่ตั้งชื่อนี้。 ภาษาญี่ปุ่นในระยะนี้แทบไม่มีคนที่มี Naming Sense ยอดเยี่ยมอย่างนี้ให้เห็นเลย。 (銀河 แปลตรงตัวว่า แม่น้ำสีเงิน ส่วนในภาษาไทยคือ ทางช้างเผือก ภาษาอังกฤษ คือ กาแล็กซี่ หรือ Milky Way(ธารน้ำนม) ซึ่งล้วนแสดงว่ามี Naming Sense ที่ดี) (Naming Sense คือ ความละเอียดอ่อน/ความเอาใจใส่/ความสามารถ ฯลฯ ในการตั้งชื่อ ซึ่งตัวอย่างที่แสดงถึง Naming Sense ต่ำก็เช่น สุนัขตัวสีขาว เลยตั้งชื่อว่า เจ้าขาว เป็นต้น)

Spell Card No.151

ชื่อ : 　薬符「壺中の大銀河」 　ยะคุฟุ「โคะฉูวโนะไดกินกะ」 　ยันต์ยา「มหาทางช้างเผือกในไห」 เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ไหที่มีปากและก้นเชื่อมต่อกัน。ไห Klein ที่ใส่ของได้ไม่จำกัด。 ลักษณะภายนอกดูไร้รสนิยมไปหน่อย。 (Klein Bottle คือไหที่ทำการเชื่อมต่อปากขวดเข้ากับก้นขวด ทำให้เกิดลักษณะคล้ายกับ Mobius Ring ที่สามารถลากเส้นตามแนวยาวแล้วกลับมาบรรจบที่จุดเดิมได้ แต่ Klein Bottle เป็นในรูปแบบสามมิติขึ้น ที่สามารถลากเส้นได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ก็กลับมาบรรจบที่จุดเดิมได้ คิดค้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ Felix Klein ในปี 1882 ลักษณะเป็นดังรูป        จุดที่เหมือนกับวงแหวน Mobius ก็คือรูปสุดท้ายที่ทำการพลิกก้นขวด(หรือปาก?)มาบรรจบที่จุดเริ่มต้นนั่นเอง) (ที่กล่าวว่าเป็นไหซึ่งบรรจุได้ไม่อั้นก็เพราะว่า ปากและก้นอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน ถ้าเรายึดมั่นว่า "ใส่ของลงไห ต้องตกไปที่ก้นไห" ก็เท่ากับว่าของที่ใส่ไปใน Klein Bottle นั้นจะกลับมาที่ปากขวดนั่นเอง ซึ่งปากขวดนั้นเชื่อมต่อกับภายนอก หรือก็คือเอกภพนั่นเอง)

Spell Card No.152

ชื่อ : 　難題「龍の頸の玉　-五色の弾丸-」 　นันได「ริวโนะคุบิโนะทามะ　-โกะชิคิโนะดันกัน-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「มณีที่ข้างคอมังกร　-หัวกระสุนห้าสี-」 (วิธีอ่านสเปลในกลุ่มสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้านี้เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ว่าอ่านอย่างไรจึงจะถูกต้องกันแน่ เพราะศัพท์บางตัวสามารถอ่านได้หลายแบบ เช่น ริว=ทัทสึ, หรืออย่างคำว่า ดันกัน ก็สามารถเล่นคำเป็น ทามะ ได้ ในที่นี้จึงอ้างอิงตามวิกิพีเดียญี่ปุ่นเป็นหลัก เนื่องจากทางวิกิพีเดียญี่ปุ่นได้ส่งเมล์ไปถามท่าน ZUN มาแล้ว แต่บางคำก็ไม่ได้รับการอธิบายจากท่าน ZUN เช่นสเปลใบนี้ได้รับการระบุส่วนต้นว่า ริวโนะคุบิโนะทามะ แต่ส่วนหลังนั้นไม่ได้รับการระบุจากท่าน ZUN) (ดันกัน หมายถึง หัวกระสุนปืนหรือปืนใหญ่ ซึ่งมีลักษณะเป็นกรวยตันหัวแหลมฐานวงกลม) (ฉากหลังของสเปลของคางุยะนั้น เป็นรูปหลังคาวังและมีเงาของคนสามคน ซึ่งก็คือ ฮกลกซิ่ว นั่นเอง อันมีความหมายถึง อายุยืน อำนาจ วาสนา ซึ่งคางุยะมีทั้งสามสิ่งพร้อมพรั่งในตัวเอง) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。 ก่อนจะเจอมณีเนี่ย มันต้องเจอมังกรก่อนสินะครับ。 (สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อที่สี่ มณีที่เปล่งแสงห้าสี ดำฟ้าแดงขาวเหลือง ซึ่งอยู่ที่ข้างๆลำคอของมังกร โดยทั่วไปเชื่อกันว่ามีลักษณะเป็นมณีงอ ผู้ได้รับข้อเรียกร้องนี้คือ ไดนากงโอโอโทโมะโนะมิยูคิ (ไดนากงเป็นชื่อยศ) ซึ่งเป็นตัวละครที่มีต้นแบบจากมนุษย์จริงๆชื่อ โอโอโทโมะโนะมิยูคิ (ชื่อเหมือนกันเป๊ะเลย) ด้วยความที่เป็นขุนศึก จึงสั่งลูกน้องให้ไปกำราบมังกร แต่ก็ไร้การติดต่อกลับมา จึงขึ้นเรือ ออกทะเล เดินทางไปกำราบมังกรด้วยตนเอง แต่ก็เจอพายุเล่นงานจนต้องกราบไหว้ขอโทษเทพเจ้าแห่งทะเล ครั้นเมื่อกลับมาได้อย่างปลอดภัย ก็มีฝีขนาดใหญ่ขึ้นบนร่างกาย จนกลายเป็นที่ขบขันของชาวบ้านในที่สุด) (นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่า มณีห้าสีนี้อยู่ใต้คางของมังกร ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับเกล็ดย้อนของมังกรพอดี ซึ่งว่ากันว่าหากไปสัมผัสถูกเกล็ดย้อนเข้า มังกรจะโกรธมากแลอาละวาดอย่างรุนแรงเป็นที่สุด ถ้าคิดจะชิงมณีจากคอมังกร ก็ไม่พ้นต้องสัมผัสเกล็ดย้อนจนได้ และคงต้องตายอย่างอนาถในที่สุด)

Spell Card No.153

ชื่อ : 　難題「龍の頸の玉　-五色の弾丸-」 　นันได「ริวโนะคุบิโนะทามะ　-โกะชิคิโนะดันกัน-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「มณีที่ข้างคอมังกร　-หัวกระสุนห้าสี-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。ว่ากันว่าถ้าเติมดาวลงไปในมณี(ลูกแก้ว)แต่ละลูกแล้วรวบรวมให้ครบเจ็ดลูก ไม่ว่าขอพรอะไรก็จะสัมฤทธิ์ผล。 (ล้อเรื่อง Dragon Ball) (ลูกเดียวยังแทบแย่ แต่นี่จะเอาถึงเจ็ดลูก แถมเอามาเติมดาวเองแบบนี้มันคงไม่ได้ผลแหงๆ)

Spell Card No.154

ชื่อ : 　神宝「ブリリアントドラゴンバレッタ」 　ชินโปว「บริลเลียนท์ ดราก้อน แบเรตต้า」 　สมบัติเทพ「Brilliant Dragon Barrette」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　สุดท้าย, มณีที่ข้างคอมังกรก็กลายมาเป็นอาวุธ(หัวกระสุน)แบบนี้。 นี่ก็เพราะมนุษย์จะทำลายทุกอย่างเมื่ออยู่ในภาวะสงคราม แม้ว่ามันจะมีค่าเพียงไรก็ตามนั่นแหละน้า~。

Spell Card No.155

ชื่อ : 　神宝「ブリリアントドラゴンバレッタ」 　ชินโปว「บริลเลียนท์ ดราก้อน แบเรตต้า」 　สมบัติเทพ「Brilliant Dragon Barrette」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　เมื่อตาของมังกรเปลี่ยนสีเป็นสีแดงก็จะเกิดทสึนามิขึ้น。ถึงผมจะพูดอะไรทำนองนั้น~อยู่บ่อยๆก็เถอะ แต่ว่าโดยพื้นฐานแล้วมังกรเขาปรากฏตัวมาให้เราเห็นบ่อยกว่าทสึนามิหรือไงกันน้า~。

Spell Card No.156

ชื่อ : 　難題「仏の御石の鉢　-砕けぬ意志-」 　นันได「โฮะโตะเคะโนะมิอิชิโนะฮาฉิ　-คุดะเคะนุอิชิ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「บาตรหินของพระพุทธเจ้า　-ความตั้งใจที่ไม่มีวันแตกสลาย-」 (ความตั้งใจ(อิชิ) พ้องเสียงกับคำว่า หิน(อิชิ) จึงอาจหมายถึง หินที่ไม่มีวันแตกสลาย) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。 เป็นสมบัติที่เรียบๆพื้นๆที่สุดเลยแฮะ... ...。 (TouhouVote) แม้จะได้มาก็จัดได้ว่าเป็นสมบัติที่ท่าทางจะเกะกะเป็นที่สุด。 ถึงจะบอกว่าสิ่งที่ไม่แตกสลายคือหินก็เถอะ แต่บาตรในเกมก็แตกกระจุยอย่างง่ายดายเลย。 แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกนั้นมันของปลอม。 (สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อที่หนึ่ง บาตรหินของพระพุทธเจ้า โดยเมื่อตอนที่พระพุทธเจ้าเพิ่งตรัสรู้แจ้ง จตุมหาราชิก(จตุรเทพ)ได้ปรากฏตัวมาถวายบาตรให้ 4 ใบแล้วรวมเข้ากันกลายเป็นบาตรใบเดียว จึงเป็นบาตรที่พระพุทธเจ้าใช้อยู่เป็นประจำ มีลักษณะเป็นสีดำแต่ทอแสงธรรมเจิดจ้าไปทั่ว ผู้ได้รับข้อเรียกร้องนี้คือ อิชิทสึคุริโนะมิโกะ (ต้นแบบของตัวละครนี้คือ ทาจิฮิโนะชิมะ) อิชิทสึคุริโนะมิโกะรู้ดีว่าการจะไปตามหาบาตรที่มีเพียงแค่ใบเดียวในโลก ที่ประเทศอินเดียอันแสนห่างไกลนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย จึงเอาบาตรธรรมดาที่มีสีดำและลักษณะสวยงามมามอบให้เจ้าหญิงคางุยะ แต่ไม่ปรากฏว่ามีแสงธรรมเฉิดฉายจึงถูกจับได้ว่าเล่นไม่ซื่อ แต่ก็ยังพยายามขับโคลงกลอนตอบโต้กับเจ้าหญิงคางุยะจนกลายเป็นที่ขบขันของชาวบ้านในที่สุด) (บาตรในเกม ที่ว่านั้น หมายถึง ปิศาจรับใช้(ออพชั่น)ของคางุยะในสเปลนี้นั่นเอง)

Spell Card No.157

ชื่อ : 　難題「仏の御石の鉢　-砕けぬ意志-」 　นันได「โฮะโตะเคะโนะมิอิชิโนะฮาฉิ　-คุดะเคะนุอิชิ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「บาตรหินของพระพุทธเจ้า　-ความตั้งใจที่ไม่มีวันแตกสลาย-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。บาตรหินที่ไม่มีวันแตก。 คางุยะเคยคิดเอาเจ้านี่ไปใช้กินของอย่างบิบิมบะหินย่างบ้างมั้ยนะ。 (Bibimbap เป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาหลี เสิร์ฟมาในชามหิน มีทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ในชามมีข้าว ผัก เนื้อ ไข่ ก่อนรับประทานต้อองตีผสมให้เข้ากันเสียก่อน ซึ่งบิบิมบะหินย่างนั้นก็คือแบบร้อนนั่นเอง)

Spell Card No.158

ชื่อ : 　神宝「ブディストダイアモンド」 　ชินโปว「บุดดิสท์ ไดมอนด์」 　สมบัติเทพ「Buddhist Diamond」 (เล่นคำต่อจากสเปลข้างต้น ... เพชร ก็คือ หินที่ไม่มีวันแตกสลาย นั่นเอง ถึงแม้ว่าวิทยาการสมัยใหม่จะทำได้ง่ายๆก็เถอะ... บางแหล่งเชื่อว่าคำที่ใช้ในสเปลกลุ่มนี้มีที่มาจากเรื่อง โจโจ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 4 ซึ่งชื่อภาคคือ [เพชรแท้ไม่มีวันสลาย] และตัวเอกมีแสตนด์ชื่อ Crazy Diamond) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระสงฆ์ผิดศีลกินเนื้อที่ชอบพกอัญมณีติดตัวหลายๆชิ้นแล้วเล่นให้มีเสียงดังกรุ๊งกริ๊งแกร๊กแกร๊กหรอกนะ。 คางุยะเองก็เห็นว่ามันเรียบๆพื้นๆเกินไปหน่อยเช่นกัน ก็เลยลองยกระดับมาเป็นอัญมณีดู。 (ท่าน ZUN นัยถึงพระชื่อดัง(ในทางแย่ๆ)รูปหนึ่งของญี่ปุ่น) (ในวรรคสอง หมายถึงการยกระดับสเปลการ์ดแล้วตั้งชื่อให้ใหม่ ให้หรูหรากว่าเดิม)

Spell Card No.159

ชื่อ : 　神宝「ブディストダイアモンド」 　ชินโปว「บุดดิสท์ ไดมอนด์」 　สมบัติเทพ「Buddhist Diamond」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ทำไมคางุยะถึงอยากได้ของพรรค์นี้นะ。 ไม่ว่ายังไงก็ต้องเผลอจินตนาการถึงของกินอย่างบิบิมบะหินย่างทุกที。

Spell Card No.160

ชื่อ : 　難題「火鼠の皮衣　-焦れぬ心-」 　นันได「ฮิเนะซึมิโนะคาวะกินุ　-จิเรนุโคโคโระ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「เสื้อคลุมขนหนูไฟ　-หัวใจที่ไม่ร้อนรน-」 (คาวะกินุ เป็นคำโบราณที่มีความหมายเหมือนกับ คาวะโกโรโมะ ในปัจจุบัน) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。 ตัวเสื้อคลุมไม่ได้ติดไฟอยู่นะครับ。 (สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อที่สาม เสื้อคลุมขนสัตว์ ที่ทำจากขนของหนูไฟ ว่ากันว่าแม้โยนเข้าไปในกองเพลิง ก็ไม่ไหม้ไฟ ผู้ได้รับข้อเรียกร้องนี้คือ อุไดจิน(ยศ)อาเบะโนะมิมุราจิ (ต้นแบบของตัวละครนี้คือ อาเบะโนะมิอุชิ ซึ่งชื่อเขียนด้วยตัวอักษรเดียวกันแต่ตั้งให้อ่านไม่เหมือนกัน) อาเบะโนะมิมุราจิเสาะหาจนได้เสื้อคลุมขนสัตว์ชั้นเลิศที่สืบทอดมาจากอินเดีย แต่เมื่อนำมามอบให้เจ้าหญิงคางุยะ เธอก็โยนเข้าไปในกองไฟจนมันไหม้มอดไม่เหลือชิ้นดี อาเบะโนะมิมุราจิจึงได้แต่คอตก เพราะไม่นึกว่าจะโยนเข้ากองไฟไปจริงๆ) (อันที่จริงถ้าทดลองเองก่อนก็ไม่ต้องหน้าแตกแล้ว...และที่จริงมันไม่ได้อยู่ที่อินเดียแต่เป็นตำนานของจีนต่างหาก โดยเล่ากันว่ามีเสื้อคลุมสีขาวตัวหนึ่ง สร้างขึ้นจากขนของหนูไฟที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ไหม้ไฟบนภูเขาไฟทางภาคใต้ของจีนยุคโบราณ หนูไฟมีไฟไหม้ตัวตลอดเวลาจนตัวมันมีสีแดงฉาน แต่หากเอาน้ำราดใส่จะกลายเป็นสีขาวและตายลง เมื่อรวบรวมขนของมันมาสร้างเสื้อคลุมได้สำเร็จ ก็ต้องระวังไม่ให้ถูกน้ำ ห้ามซักด้วยน้ำ หากเสื้อคลุมเปื้อนให้โยนเข้าไปในกองไฟแล้วจะขาวโพลนสะอาดเอี่ยมตามเดิม จึงถูกขนานนามว่า เสื้อคลุมซักไฟ) (นอกจากนี้ ในญี่ปุ่นและจีนก็มีบ้างเหมือนกันที่เอา แร่ใยหิน Asbestos ซึ่งลักษณะเป็นเส้นๆ มีสีขาว และทนไฟ ไปถวายแก่ผู้สูงศักดิ์โดยอ้างว่าเป็น เสื้อคลุมซักไฟ)

Spell Card No.161

ชื่อ : 　難題「火鼠の皮衣　-焦れぬ心-」 　นันได「ฮิเนะซึมิโนะคาวะกินุ　-จิเรนุโคโคโระ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「เสื้อคลุมขนหนูไฟ　-หัวใจที่ไม่ร้อนรน-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。คงจะอยากได้ถุงที่มีช่องกระเป๋าและทนไฟได้ ด้วยอารมณ์แบบว่า, ถ้าใช้สิ่งนี้ ต่อให้เป็นไฟของวิหคเพลิงก็เถอะ ! (ปล.ในยุคนั้นโมโควยังไม่มีความเกี่ยวข้องกับวิหคเพลิง และคางุยะไม่รู้จักโมโควแต่อย่างใด ในที่นี้นัยถึงวิหคเพลิง ซึ่งเป็นนกอมตะในตำนานญี่ปุ่นเท่านั้น)

Spell Card No.162

ชื่อ : 　神宝「サラマンダーシールド」 　ชินโปว「ซาลาแมนเดอร์ ชิลด์」 　สมบัติเทพ「Salamander Shield」 (มาร์โค โปโล เดินทางมายังเอเซีย และมีการกล่าวถึงว่า ได้ค้นพบแร่ที่ไม่มีวันไหม้ไฟ ซึ่งเขาตั้งชื่อมันว่า หนังของซาลาแมนเดอร์ ซึ่งก็คือแร่ Asbestos นั่นเอง) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　ถ้าเกิดไหม้ไฟอยู่แต่แรกแล้วก็คงไม่มีการไหม้ไฟแล้วล่ะมั้ง แต่... ...。 ซาลาแมนเดอร์มันเป็นจิ้งเหลน(โทคาเงะ)นี่นา。หรือว่าเป็นเตาอบกันแน่。 (วรรคแรก อาจเป็นการแซวไปถึงเรื่องของ วิญญาณ-ผี เพราะเป็นสิ่งที่เกิดมาจากความตาย และถือว่าไม่มีชีวิต จึงไม่มีการตาย(เสียชีวิต)อีก) (วรรคสอง ล้อมอนสเตอร์ในเรื่องโปเกมอน ฮิโทคาเงะ)

Spell Card No.163

ชื่อ : 　神宝「サラマンダーシールド」 　ชินโปว「ซาลาแมนเดอร์ ชิลด์」 　สมบัติเทพ「Salamander Shield」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　ไม่ว่าจะวิหคเพลิง หนูไฟหรือซาลาแมนเดอร์ก็เผาไหม้แต่ภายนอกรอบตัวเท่านั้น แต่เนื้อในของพวกมันก็คงเหมือนกับสัตว์ทั่วๆไปแหละน้า~。อย่างน้อยก็ยังต้องใช้เลือดที่ยังไม่เดือดแต่ว่า... ..., เอซีดี(*ปิ๊บ*) (นัยถึง เอซีดีซี ตัวละครในเรื่อง โจโจ ล่าข้ามศตวรรษ ภาคสอง ซึ่งตัวละครนี้มีเลือดที่มีอุณหภูมิสูงมาก จนสามารถใช้วิชาไฟได้)

Spell Card No.164

ชื่อ : 　難題「燕の子安貝　-永命線-」 　นันได「ทสึบาคุราเมะโนะโคะยะสุไก　-เอย์เมย์เซน-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「หอยเบี้ยของนกนางแอ่น　-เส้นชีวิตนิรันดร์-」 (ทสึบาคุราเมะ เป็นคำโบราณที่มีความหมายเหมือนกับ ทสึบาเมะ ในปัจจุบัน) (永命線 เอย์เมย์เซน ล้อคำว่า 生命線 เซย์เมย์เซน ที่หมายถึง เส้นแบ่งเขตแดนที่ไม่แน่ว่าคนคนนึงจะอยู่หรือจะตาย โดยประสมคำว่า เอย์ เข้าไปแทน จึงนัยถึงความเป็นอมตะไม่มีวันตายของคางุยะนั่นเอง) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。 ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปได้ว่าจะมีอยู่จริงและเรียบๆพื้นๆเป็นอันดับหนึ่งเลย。 (สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อที่ห้า นกนางแอ่นเป็นสัญลักษณ์แห่งการคลอดของจีนโบราณ ส่วนหอยเบี้ยนั้นหากมองจากด้านหนึ่งจะเหมือนไข่ และเมื่อมองจากด้านตรงข้ามจะเหมือนกับอวัยวะเพศหญิง ดังนั้น หอยเบี้ยของนกนางแอ่นที่ถูกกล่าวถึงในนิทานนี้จึงหมายถึง อวัยวะเพศหรือช่องคลอดของนกนางแอ่นนั่นเอง ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้ง่ายเมื่อนกนางแอ่นกำลังวางไข่เท่านั้น และนกนางแอ่นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นนกที่รวดเร็วจนไม่อาจสัมผัสตัวได้ ผู้ได้รับข้อเรียกร้องนี้คือ ฉูวนากง(ยศ)อิโซโนะคามิมาโระทาริ ซึ่งเป็นตัวละครที่มีต้นแบบมาจาก อิโซโนะคามิโนะมาโระ (ไม่มี โนะ , ทาริ)(ทาริ แปลว่า ขา เท้า) อิโซโนะคามิมาโระทาริ ได้ปีนหน้าผาขึ้นไปรออยู่ใต้รังนกนางแอ่น ครั้นเมื่อแม่นกนางแอ่นกลับมาที่รัง ก็ใช้มือทะลวงจากใต้รังขึ้นไปคว้าตัวนกนางแอ่น แต่พลาดท่าตกลงมาจนกระดูกสะโพกหัก ซ้ำร้ายสิ่งที่คว้าได้คือมูลของนกนางแอ่นเท่านั้น (บางแหล่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเชิงซ้ำเติมว่า นกตัวนั้นไม่ได้มีไข่ในท้องด้วยซ้ำ) ทำให้อิโซโนะคามิมาโระทาริสูญเสียกำลังใจและเข้ารับการรักษาโดยมีทีท่าว่าจะไม่รอด เจ้าหญิงคางุยะรู้สึกเสียใจจึงส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้ ครั้นเมื่ออิโซโนะคามิมาโระทาริได้อ่านก็เขียนจดหมายตอบกลับให้แก่เจ้าหญิงคางุยะ หลังจากเขียนเสร็จก็สิ้นใจ) (แต่หากดูจากภาพประกอบในเกม ดูยังไงก็เป็นหอยเบี้ย อาจเพราะท่าน ZUN ต้องการเลี่ยงเรื่องของอวัยวะเพศ โดยใช้หอยเบี้ยซึ่งมาจากเปรียบเปรยแทน ... ... หรือว่าบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับคอมเมนท์ของสเปล No.165 ที่อยู่ไปข้างล่างนี้ ? คงไม่หรอกมั้ง)

Spell Card No.165

ชื่อ : 　難題「燕の子安貝　-永命線-」 　นันได「ทสึบาคุราเมะโนะโคะยะสุไก　-เอย์เมย์เซน-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「หอยเบี้ยของนกนางแอ่น　-เส้นชีวิตนิรันดร์-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา。ว่ากันว่าเป็นวัตถุดิบทำอาหารชั้นสูงที่นานๆครั้งจะพบได้ในรังของนกนางแอ่น。อาหารที่ทำจากหอยเบี้ยนั้นหายากจึงอร่อยมาก。

Spell Card No.166

ชื่อ : 　神宝「ライフスプリングインフィニティ」 　ชินโปว「ไลฟ์ สปริง อินฟินิตี้」 　สมบัติเทพ「Life Spring Infinity」 (永命線 เอย์เมย์เซน พ้องเสียงกับคำว่า 永命泉 เอย์เมย์เซน ที่แปลว่า น้ำพุชีวิตนิรันดร์ หรือก็คือชื่อของสเปลใบนี้นั่นเอง) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　น้ำพุแห่งชีวิตที่ปะทุได้ไม่สิ้นสุด。สมบัติที่ประเทศของเราซึ่งปัจจุบันนี้มีอัตราการเกิดลดต่ำลงเรื่อยๆต้องการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง คงไม่ใช่ของอย่างมณีโฮวไรแต่เป็นหอยเบี้ยของนกนางแอ่นก็เป็นได้。

Spell Card No.167

ชื่อ : 　神宝「ライフスプリングインフィニティ」 　ชินโปว「ไลฟ์ สปริง อินฟินิตี้」 　สมบัติเทพ「Life Spring Infinity」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　หากภาวะประชากรเด็กลดจำนวน ยังคงดำเนินต่อไป จำนวนเกมก็จะยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ。ผมจึงอยากสร้างเกมที่จะตราตรึงในส่วนลึกของจิตใจผู้คน ไม่ใช่เกมที่สร้างมาเพื่อขายให้เด็กๆเท่านั้น。สักวันหนึ่ง。

Spell Card No.168

ชื่อ : 　難題「蓬莱の弾の枝　-虹色の弾幕-」 　นันได「โฮวไรโนะทามะโนะเอะ　-นิจิอิโระโนะดันมาคุ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「กิ่งกระสุนโฮวไร　-ห่ากระสุนสีรุ้ง-」 (枝 เอะ เป็นคำโบราณที่มีความหมายเหมือนกับ เอดะ ในปัจจุบัน) (ทามะ ที่แปลว่ากระสุนนั้นพ้องเสียงกับคำว่า ทามะ ที่แปลว่า มณี) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Easy คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา ? คางุยะซัง, แบบนั้นมันไม่ใช่แล้วครับ。

Spell Card No.169

ชื่อ : 　難題「蓬莱の弾の枝　-虹色の弾幕-」 　นันได「โฮวไรโนะทามะโนะเอะ　-นิจิอิโระโนะดันมาคุ-」 　สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้「กิ่งกระสุนโฮวไร　-ห่ากระสุนสีรุ้ง-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Normal คอมเมนท์ :　หนึ่งในสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ที่คางุยะเอ่ยออกมา ? ว่ากันว่ามีภูเขากลางทะเลตะวันออกนามว่าโฮวไร ณ ที่นั้นมีต้นไม้ที่ออกผลเป็นห่ากระสุนเติบโตอยู่。เอาล่ะ เหล่า Shooter เอ๋ย ได้เวลาโฮวไรแล้ว !

Spell Card No.170

ชื่อ : 　神宝「蓬莱の玉の枝　-夢色の郷-」 　ชินโปว「โฮวไรโนะทามะโนะเอะ　-ยูเมะอิโระโนะซาโตะ」 　สมบัติเทพ「กิ่งมณีโฮวไร　-ดินแดนสีฝัน-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Hard คอมเมนท์ :　สมบัติเพียงหนึ่งเดียวที่คางุยะยังคงเก็บรักษาของจริงเอาไว้。 มณีส่องประกายแสงเจ็ดสี ที่เปลี่ยนเป็นห่ากระสุนได้ด้วย。ไม่ดีนะนั่น。 (สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อที่สอง ตำนานจีนเล่าว่าอยู่ในภูเขาโฮวไร(โฮวไรซัน)ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทางตะวันออก ที่แห่งนั้นมีทะเลป่าโฮวไร ซึ่งแต่ละต้นมีรากเป็นเงินมีลำต้นเป็นทอง ออกผลเป็นมณีสีขาว และกิ่งมณีโฮวไรสามารถใช้สร้างยาอมตะได้ ผู้ที่ได้รับข้อเรียกร้องนี้คือ คุราโมจิโนะมิโกะ ซึ่งเป็นตัวละครที่มีต้นแบบมาจาก ฟุจิวาระโนะฟุฮิโตะ (ซึ่งชายคนนี้ก็คือต้นแบบของบิดาของโมโควนั่นเอง) โดยเขาได้ให้เหล่าช่างผู้มีฝีมือ ประดิษฐ์สิ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นกิ่งมณีโฮวไรขึ้นมา แล้วแสร้งทำเป็นกลับมาจากการเดินเรือ ทั้งๆที่ไม่เคยออกเรือ จากนั้นก็นำกิ่งมณีโฮวไรปลอมมามอบให้แก่เจ้าหญิงคางุยะ ซึ่งในเวลานั้นไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าเป็นของจริง แม้แต่เจ้าหญิงคางุยะยังรู้สึกลนลานหาทางแก้ไม่ถูก ส่วนปู่คนตัดไผ่นั้นถึงกับเริ่มสร้างเรือนหอเลยทีเดียว แต่ในที่สุด เหล่าช่างฝีมือผู้ไม่ได้รับค่าตอบแทนจากผลงานของตนก็มาฟ้องเจ้าหญิงคางุยะ จึงทำให้เธอรอดพ้นจากวิกฤตมาได้ เจ้าหญิงคางุยะจึงมอบกิ่งมณีโฮวไรปลอมให้แก่เหล่าช่างเป็นค่าตอบแทน แต่ก็ไม่วาย ถูกคุราโมจิโนะมิโกะตามฆ่าจนหมดเพราะแค้นที่โดนเปิดโปงจนเสียชื่อไปทั่วแผ่นดิน) (กิ่งมณีโฮวไร มีอีกชื่อหนึ่งว่า บุปผาแห่งอุดองเกะ โดยอุดองเกะนั้นเป็นพืชในจินตนาการของชาวอินเดียตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ซึ่งจะออกดอกเพียงครั้งเดียวในรอบสามพันปีและเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามหากษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้กลับชาติมาเกิดแล้ว) (ในขณะที่สเปลกลุ่มสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ใบอื่น จะอยู่ในขั้น Easy หรือ Normal แต่เฉพาะกิ่งมณีโฮวไรเท่านั้นที่เป็น Hard และ Lunatic บางทีอีกสี่ชิ้นที่เหลืออาจเป็นของปลอมทั้งหมดจริงๆก็ได้ เพราะบาตรหินนั้นท่าน ZUN เขียนเองเลยว่าเป็นของปลอม ส่วนการชิงมณีจากคอมังกรในเรื่องโทโฮนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะแม้แต่ปรากฏตัวก็ยังแทบจะไม่เคยเลย ส่วนหอยเบี้ยของนกนางแอ่นแทนที่จะเป็นอวัยวะเพศของนกนางแอ่นตามนิทานกลับกลายเป็นหอยเบี้ยจริงๆซะงั้น ส่วนเสื้อคลุมก็ไม่เป็นสีขาวตามตำนานและถ้าเอาไปโดนไฟเข้าจริงๆก็คง ... ...อย่างไรก็ดี จากคอมเมนท์นี้สรุปได้เพียงว่า กิ่งมณีโฮวไรที่คางุยะมีตอนนี้คือของจริง ส่วนชิ้นอื่นๆนั้นอาจเคยมีของจริง หรืออาจเป็นของปลอมมาแต่แรกก็ได้)

Spell Card No.171

ชื่อ : 　神宝「蓬莱の玉の枝　-夢色の郷-」 　ชินโปว「โฮวไรโนะทามะโนะเอะ　-ยูเมะอิโระโนะซาโตะ」 　สมบัติเทพ「กิ่งมณีโฮวไร　-ดินแดนสีฝัน-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Lunatic คอมเมนท์ :　มนุษย์ยุคปัจจุบันคงเข้าใจได้ยากว่าทำไมมณีที่แค่มีรูปร่างกลมถึงได้เป็นที่ฮือฮามากนัก。 มณีที่มีตัวตนสูงค่ายิ่งกว่าเงินและทอง。อ๊ะ, กำลังพูดถึงหมากรุกโชวกิ(หมากรุกญี่ปุ่น)อยู่น่ะครับ。แม่ทัพเงินแม่ทัพทอง, แม่ทัพมณี(แม่ทัพหยก)(ขุน)。

Spell Card No.172

ชื่อ : 　「永夜返し　-初月-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-ฮัทสึซึคิ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ขึ้นหนึ่งค่ำ-」 (Story Mode ของแต่ละภาคนั้นประกอบด้วยระดับความยาก 4 ระดับได้แก่ Easy Normal Hard และ Lunatic ซึ่งในแต่ละภาคจะมีชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่นแตกต่างกันออกไป โดยในภาคนี้ใช้คำว่า 初月, 三日月, 上つ弓張 และ 待宵 ตามลำดับ ซึ่งลาสท์สเปลชุดสี่ใบแรกนี้ มีชื่อท้ายเรียงตามลำดับความยากนั่นเอง โดยใบนี้คือเป็นของ Easy Mode ก็มีชื่อว่า 初月 ส่วนใบถัดๆไปก็เรียงลำดับตามกันไป) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　วิชาราตรีนิรันดร์ต้องตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง เมื่อเผชิญหน้ากับคางุยะที่ควบคุมความนิรันดร์ได้。 (วิชาราตรีนิรันดร์ เป็นชื่อของวิชาที่กลุ่มตัวเอกใช้ในการหยุดเวลายามราตรีในภาคนี้ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาพระจันทร์ไม่เต็มดวง)

Spell Card No.173

ชื่อ : 　「永夜返し　-三日月-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-มิคะซึคิ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ขึ้นสามค่ำ-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　วิชาราตรีนิรันดร์ต้องตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง เมื่อเผชิญหน้ากับคางุยะที่ควบคุมความนิรันดร์ได้。 หากผู้เล่นไม่ได้รับผลกรรมที่ตนเองหยุดราตรีไว้ก็คงจะไม่ดี。

Spell Card No.174

ชื่อ : 　「永夜返し　-上つ弓張-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-คามิทสึยูมิฮาริ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ขึ้นเจ็ดค่ำ-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　จากนี้ไป ยามราตรีของคางุยะจะเริ่มต้นขึ้น。 ส่วนคนร้ายที่หยุดราตรีเอาไว้, อีกเดี๋ยวก็คงรู้สึกตัว... ...。

Spell Card No.175

ชื่อ : 　「永夜返し　-待宵-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-มัทสึโยอิ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ขึ้นสิบสี่ค่ำ-」 (มัทสึโยอิ เป็นคำโบราณ ซึ่งสมัยก่อนอ่านว่า มัทสึโยฮิ มีความหมายถึงช่วงเวลายามเย็นของวันขึ้นสิบสี่ค่ำ ที่สามารถมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงของวันขึ้นสิบห้าค่ำได้แล้ว) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　จากนี้ไป ยามราตรีของคางุยะจะเริ่มต้นขึ้น。ชั่วยามผ่านเลยไปด้วยความเร็วที่น่าครั่นคร้าม。 อ๊ะ, ลืมบอกไป ชั่วยาม(時刻)กับเวลา(時間) ไม่เหมือนกันนะครับ。

Spell Card No.176

ชื่อ : 　「永夜返し　-子の刻-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-เนะโนะโคคุ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามชวด-」 (วิธีนับเวลาแบบจีนโบราณ โดยใช้นักษัตรมาช่วยกำกับจุดเวลาจนครบ 24 ชั่วโมง ดังนี้ 子の刻 (เนะโนะโคะคุ) (หนู) 23 นาฬิกา　- 00 นาฬิกา 59 นาที 丑の刻 (อุชิโนะโคะคุ) (วัว) 01 นาฬิกา　- 02 นาฬิกา 59 นาที 寅の刻 (โทระโนะโคะคุ) (เสือ) 03 นาฬิกา　- 04 นาฬิกา 59 นาที 卯の刻 (อุโนะโคะคุ) (กระต่าย) 05 นาฬิกา　- 06 นาฬิกา 59 นาที 辰の刻 (ทัทสึโนะโคะคุ) (มังกร) 07 นาฬิกา　- 08 นาฬิกา 59 นาที 巳の刻 (มิโนะโคะคุ) (งู) 09 นาฬิกา　- 10 นาฬิกา 59 นาที 午の刻 (อุมะโนะโคะคุ) (ม้า) 11 นาฬิกา　- 12 นาฬิกา 59 นาที 未の刻 (ฮิทสึจิโนะโคะคุ) (แพะ) 13 นาฬิกา　- 14 นาฬิกา 59 นาที 申の刻 (ซารุโนะโคะคุ) (ลิง) 15 นาฬิกา　- 16 นาฬิกา 59 นาที 酉の刻 (โทริโนะโคะคุ) (ไก่) 17 นาฬิกา　- 18 นาฬิกา 59 นาที 戌の刻 (อินุโนะโคะคุ) (สุนัข) 19 นาฬิกา　- 20 นาฬิกา 59 นาที 亥の刻 (อิโนะโคะคุ) (สุกร) 21 นาฬิกา　- 22 นาฬิกา 59 นาที 　　โดยแต่ละนักษัตรแบ่งย่อยอีกเป็น ยามที่หนึ่ง = ครึ่งชั่วโมงแรก ยามที่สอง = ครึ่งชั่วโมงต่อมา ยามที่สาม = ครึ่งชั่วโมงที่สาม ยามที่สี่ = ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของนักษัตรนั้นๆ กล่าวคือ หนึ่งยามของญี่ปุ่นเท่ากับ 30 นาทีโดยประมาณ) (ตามเนื้อเรื่อง กลุ่มตัวเอกได้ทำการหยุดเวลาไว้ ณ เวลา 23.00น. เพื่อเร่งจัดการปัญหาเรื่องพระจันทร์ไม่เต็มดวง โดยหวังว่าเมื่อจัดการเสร็จแล้วจะได้ชื่นชมจันทร์เพ็ญยามเที่ยงคืน แต่คางุยะใช้ความสามารถควบคุมความสิ้นพลันของเธอร่นเวลาเสียจนฟ้าสางเลย) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　ยามราตรีของคางุยะเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น。 คืนนี้ดูท่าจะเป็นราตรีที่แสนสั้น。

Spell Card No.177

ชื่อ : 　「永夜返し　-子の二つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-เนะโนะฟุตัทสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามชวดที่สอง-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ยามราตรีของคางุยะเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น。 Initiative(การเริ่มต้น)ของชั่วยามถูกยึดครองโดยคางุยะอย่างสมบูรณ์。

Spell Card No.178

ชื่อ : 　「永夜返し　-子の三つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-เนะโนะมิททสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามชวดที่สาม-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　เที่ยงคืน, เวลาเข้านอนของพวกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเด็กดีและเด็กไม่ดี。 หรือก็คือเวลาที่จะได้ยินคำว่า 「อาชิตะมะ！」 จากกล่องบรรจุพลังวิญญาณ(โทรทัศน์)。 (อาชิตะมะ ย่อมาจาก อาชิตะมะนิอา~นะ (อาชิตะ = วันพรุ่งนี้) เป็นชื่อรายการหนึ่งของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์อาซาฮิของญี่ปุ่น แพร่ภาพในช่วงปี 1997-2005 (เกมภาคนี้วางขายปี 2004) ตอนเที่ยงคืน 10นาที โดยในวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี นาน 6นาที ส่วนในวันศุกร์จะแพร่ภาพเพียง 5นาที ซึ่งชื่อรายการมาจากภาษาสเปน 「アスタ マニャーナ(Hasta Manana)」(อา-สุ-ตะ-มา-นยฺา-นา) แปลว่า แล้วพบกันอีกในวันพรุ่งนี้นะ จึงแผลงเป็น อาชิตะมานิอา(อุ)นะ ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เจอกันพรุ่งนี้)

Spell Card No.179

ชื่อ : 　「永夜返し　-子の四つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-เนะโนะโยททสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามชวดที่สี่-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　ระดับความยากเปลี่ยนไปมากทีเดียว ด้วยความต่างของหนึ่งยาม。 สี่ยาม(สองชั่วโมง)ผ่านไปในเวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้นเอง。ช่างน่าเสียดาย。

Spell Card No.180

ชื่อ : 　「永夜返し　-丑の刻-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อุชิโนะโคะคุ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามฉลู-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　เวลาที่แม้แต่เหล่าพืชก็ยังเข้านอน。 ทำให้ค่อยๆอยากนอนขึ้นมาทีละน้อย。

Spell Card No.181

ชื่อ : 　「永夜返し　-丑の二つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อุชิโนะฟุตัทสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามฉลูที่สอง-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　เวลาที่แม้แต่เหล่าพืชก็ยังเข้านอน。แต่มนุษย์ในยุคนี้ส่วนใหญ่ยังไม่นอน。 จึงกลั่นแกล้งพวกพืชที่หลับใหลเหล่านี้ได้ตามใจชอบ。

Spell Card No.182

ชื่อ : 　「永夜返し　-丑三つ時-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อุชิมิทสึโดะคิ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามฉลูที่สาม-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　เวลาที่แม้แต่เหลาพืชก็ยังเข้านอน。ตอนเด็กๆกลัววิญญาณของเจ้าพวกนั้นแทบเป็นแทบตาย。 แต่, พอมาเห็นวิญญาณในเกมนี้แล้วก็เลิกกลัวไปเลยแฮะ。

Spell Card No.183

ชื่อ : 　「永夜返し　-丑の四つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อุชิโนะโยททสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามฉลูที่สี่-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　เวลาชั่วพลันทันทีหลังจากที่ประตูสู่โลกวิญญาณเปิดออก。 สุดท้ายแล้ว เรนโกะและเมรี่เห็นอะไรเข้ากันแน่นะ。 (นัยถึงเหตุการณ์จากใน CDเพลงชุด 「蓮台野夜行　～ Ghostly Field Club」)

Spell Card No.184

ชื่อ : 　「永夜返し　-寅の刻-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โทระโนะโคะคุ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามขาล-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　ตี 3 ผ่านพ้นไป, ถ้าไม่รีบเข้านอนล่ะก็มันจะกระเทือนต่อเวลาทำงานของวันถัดไปนะ。

Spell Card No.185

ชื่อ : 　「永夜返し　-寅の二つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โทระโนะฟุตัทสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามขาลที่สอง-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ส่วนใหญ่แล้วผมจะนอนในเวลานี้ทุกวันครับ。(ตีสามครึ่ง-ตีสี่) เป็นเวลาฉิวเฉียดที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานในวันถัดไป。

Spell Card No.186

ชื่อ : 　「永夜返し　-寅の三つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โทระโนะมิททสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามขาลที่สาม-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　หากตี 4 ผ่านพ้นไป ก็เริ่มจะไม่พูดกันว่าเป็นกลางคืนแล้ว。 กี่โมงถึงจะเรียกว่าเช้า ก็ต่างกันไปตามแต่ละคน จึงเป็นอาณาเขตที่คลุมเครือเอาเรื่อง。 (ของไทยก็มีเหมือนกัน คือ 4โมงเย็น กับ บ่าย4 ... ... แล้วคุณล่ะ ? คิดว่ามันเย็นแล้วหรือยัง)

Spell Card No.187

ชื่อ : 　「永夜返し　-寅の四つ-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โทระโนะโยททสึ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ยามขาลที่สี่-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　พอ(อากาศเย็น)เริ่มอ่อนแรง, ข้างนอกก็ขาวโพลน(ไปด้วยหมอก)。 หากเห็นคนชราเดินอยูข้างนอกในเวลาแบบนี้ล่ะก็ ต้องเป็นโยวไคไม่ผิดแน่。 (เมื่อตะวันเริ่มขึ้น อากาศจะเริ่มร้อน น้ำค้างที่เกิดขึ้นในยามราตรีจะเริ่มกลายเป็นหมอก)

Spell Card No.188

ชื่อ : 　「永夜返し　-朝靄-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อาสะโมะยะ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-สายหมอกยามเช้า-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Easy คอมเมนท์ :　ยามราตรีของคางุยะมาถึงรุ่งสาง กลายเป็นเวลาเช้าในช่วงเวลาเพียงร้อง อ๊ะ。 สุดยอดไปเลย, คางุยะซัง。 (ช่วงเวลาเพียงร้อง อ๊ะ เป็นสำนวนหมายถึง ชั่วพริบตา นั่นเอง เทียบกับข้องไทยก็คือ นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ) (สุดยอดไปเลย คางุยะซัง เชื่อกันว่าประโยคนี้ล้อเลียนชื่อเรื่อง [Sexy Commando ภาคเสริม : สุดยอดไปเลย !! มาซารุซัง] ซึ่งมีท่าไม้ตายท่าหนึ่งชื่อ เอสเพรสโซ่ยันเช้ามืด ส่วนรายละเอียดมากกว่านี้ ไม่ขอพูดถึงเนื่องจาก... ...ดูจากชื่อเรื่องก็น่าจะรู้นี่ ^ ^")

Spell Card No.189

ชื่อ : 　「永夜返し　-夜明け-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โยะอะเคะ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-เช้ามืด-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Normal คอมเมนท์ :　ยามราตรีของคางุยะมาถึงรุ่งสาง กลายเป็นเวลาเช้าในช่วงเวลาเพียงร้อง อ๊ะ。 หรือว่าแค่นี้ยังไม่นับว่าเป็นเช้ามืดสำหรับผู้เล่นบางคนนะ。

Spell Card No.190

ชื่อ : 　「永夜返し　-明けの明星-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-อะเคะโนะเมียวโจว-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ดาวประกายพรึกสว่างไสว-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Hard คอมเมนท์ :　คางุยะใช้พลังของตัวเองทำให้ถึงเช้ามันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า... ...พวกเธอน่ะคงไม่ได้เปลี่ยนจุดประสงค์ไประหว่างการต่อสู้ใช่มั้ย ? (เพราะว่ากลุ่มตัวเอกหยุดเวลาเอาไว้จนบางคนเริ่มเดือนร้อน การที่ยามเช้ามาถึงจึงนับว่าเป็นเรื่องดี เพราะไม่งั้นก็คงเป็นกลางคืนต่อไปอีกราวๆ 7 ชั่วโมง กว่าจะถึงเช้า (นับตั้งแต่ห้าทุ่ม)) (เพราะจุดประสงค์แรกเริ่มก็คือ การชมจันทร์เพ็ญในยามราตรี ไงล่ะ)

Spell Card No.191

ชื่อ : 　「永夜返し　-世明け-」 　「เอย์ยะกาเอชิ　-โยะอะเคะ-」 　「ราตรีนิรันดร์หวนคืน　-ฟ้าสาง-」 เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　(Last Spell) Lunatic คอมเมนท์ :　ดีจังเลยน้า~ ท่าทางน่าสนุกทีเดียว。ขนาดพวกเธอออมพลังไว้แล้วเล่นกันก็ยังรุนแรงขนาดนี้。 แต่สุดท้ายแล้ว ราตรีที่ไม่สิ้นสุดก็ได้ทำให้คนอื่นๆในเกนโซวเคียวเดือดร้อนไปแล้วอยู่ดี。

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Extra Stage

Spell Card No.192

ชื่อ : 　旧史「旧秘境史　-オールドヒストリー-」 　คิวชิ「คิวฮิเคียวชิ　-โอลด์ ฮิสทอรี่-」 　ประวัติศาสตร์เก่า「ประวัติศาสตร์เก่าของแดนลับแล　-Old Hitory-」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างฮาคุตาคุ) เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　เคย์เนะกล่าวไว้ว่า, ความจริงแล้วโลกนี้มีตัวตนอยู่ได้ด้วยประวัติศาสตร์เท่านั้น。ทั้งที่เป็นอย่างนั้นก็มีการจารึกตัวตนพิเศษลงมาในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็ไม่ได้มีสาเหตุอะไรมากไปกว่าการที่พวกเขาเป็นผู้สร้างประวัติศาตร์นั่นเอง。 (อธิบายง่ายๆก็คือ ถ้าไม่ถูกบันทึกไว้ คนรุ่นหลังก็จะไม่รู้ว่ามีคน/ของแบบนี้อยู่ในโลกด้วย จึงเท่ากับว่าไม่มีตัวตนอีกต่อไป)

Spell Card No.193

ชื่อ : 　転世「一条戻り橋」 　เทนเซย์「อิฉิโจวโมโดริบาชิ」 　ผลัดยุค「สะพานย้อนอิฉิโจว」 (転世 พ้องเสียงกับ 転生 ที่แปลว่า กลับชาติมาเกิด) (สะพานของถนนอิฉิโจว ที่ถูกสร้างในปี 794 ซึ่งมักถูกเรียกว่าสะพานย้อน เป็นสะพานที่เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายในประวัติศาสตร์ เช่น ในปี 918 มิโยชิ คิโยยุคิ เสียชีวิต บุตรชายของเขาซึ่งกำลังบวชเรียนในวัดคุมะโนะซึ่งมีนามสงฆ์ว่า โจวโซว จึงเร่งรีบเดินทางกลับเพราะได้ข่าวว่าบิดาเสียชีวิต และมาพบกันขณะที่ขบวนศพของบิดา เคลื่อนมาถึงกลางสะพานอิฉิโจว โจวโซวจึงได้ทำการขอพร จนเกิดฟ้าร้องรุนแรงขึ้นและบิดาของเขาก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา และนั่นทำให้สะพานแห่งนี้ถูกเรียกว่า สะพานย้อน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ในกาลต่อมา วาตานาเบะ โนะ ทสึนะ หนึ่งในขุนพลจตุรเทพแห่งมินาโมโตะ ได้เดินทางมาถึงสะพานแห่งนี้ในยามกลางคืน และพบสตรีแสนงามคนหนึ่งเข้า นางขอร้องให้ไปส่งเธอที่บ้าน แต่ทสึนะรู้สึกว่าน่าสงสัย จึงรีบกระโจนขึ้นขี่ม้าของตน ทันใดนั้นหญิงสาวก็แปลงร่างเป็นยักษ์ แล้วดึงผมของทสึนะ จับบินขึ้นฟ้า หวังจะมุ่งไปทางภูเขาอาตาโกะ แต่ถูกทสึนะตัดแขนทิ้งเสียกลางทาง ทสึนะจึงหนีรอดมาได้พร้อมกับแขนของยักษ์ ทำให้"ดาบโกนหนวด"ของเขากลายเป็นของเลื่องชื่อขึ้นมาทันใด หลังจากนั้นทสึนะได้นำแขนไปเก็บรักษาไว้ในห้องของตนเอง แต่สุดท้ายก็ถูกยักษ์ที่ปลอมตัวเป็นแม่เลี้ยงของตนมาชิงกลับไปได้ (ซึ่งยักษ์ตัวที่ปรากฏในตำนานนี้ก็คือ อิบาราคิโดวจิ สหายของชุเทนโดวจินั่นเอง) นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็น "สะพานทำนาย" โดยจักรพรรดิองค์ที่ 80 ทาคาคุระเทนโนว ได้ทรงให้ทำการทำนายชะตาที่สะพานอิฉิโจว ปรากฏว่าระหว่างข้ามสะพานมีเด็ก 12 คนปรากฏตัวขึ้นมาปรบมือร้องรำทำเพลง และร่ายคำทำนายอนาคตขององค์ชายที่กำลังจะประสูติ(ซึ่งในภายหลังก็คือ จักรพรรดิองค์ที่ 80 อันโทะคุเทนโนว)ออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งอันที่จริงแล้วเด็กทั้ง 12 คนนั้นเป็นร่างแปลงของสิบสองขุนพลเทพ ภูตรับใช้ของอาเบะโนะเซย์เมย์ ที่ซ่อนอยู่ใต้สะพานนั่นเอง สาเหตุที่สิบสองขุนพลเทพมาอยู่ที่ใต้สะพานนั้นก็เป็นเพราะภรรยาของเซย์เมย์เกลียดกลัวภูตรับใช้เป็นอย่างมาก เซย์เมย์ไม่ต้องการเห็นสีหน้าหวาดกลัวของภรรยาจึงไม่อาจนำสิบสองขุนพลเทพเข้าไปในบ้านได้ เขาจึงนำมาซ่อนไว้ใต้สะพานอิฉิโจว แล้วเมื่อถึงคราวจำเป็นจึงค่อยอัญเชิญมาใช้งาน ในยุคเซนโกะคุ สะพานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่วาดะ ชินโกโรว ถูกประหารโดยการเลื่อยคอ และในยุคของโทโยโทมิ โนะ ฮิเดโยชิ ก็ใช้ประจานหัวของชิมะซึโตะชิฮิสะ และเซนโนะริคิว และด้วยคำประกาศห้ามนับถือคริสต์ของฮิเดโยชิ ทำให้กลุ่มผู้พลีชีพเพื่อคริสต์ที่ถูกขนานนามว่า ยี่สิบหกนักบุญแห่งญี่ปุ่น ถูกสั่งสอนโดยการตัดติ่งหูที่สะพานนี้ในปี 1597 ในกาลต่อมา ชื่อของสะพานนี้ก็ถูกมองว่าไม่เป็นมงคลต่อหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานหรือกำลังหมั้นหมาย ด้วยกลัวว่าลูกสาวตนจะถูกอาถรรพ์สะพานทำให้โดนไล่ออกจากบ้านสามี จึงไม่ยอมให้หญิงสาวกลุ่มดังกล่าวเข้าใกล้สะพานแห่งนี้ แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อคนรักหรือคนในครอบครัวถูกเรียกไปเกณฑ์ทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เหล่าคนมากมายต่างพากันมาข้ามสะพานนี้เพื่อขอพรให้เหล่าทหารได้กลับมาอย่างปลอดภัย) เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างฮาคุตาคุ) เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　พักเรื่องสะพานย้อนไว้ก่อน, ในโลกนี้มีห่ากระสุนย้อนกลับอยู่ก็จริง แต่เท่าที่ผมรู้จักมาทั้งหมดล้วนยังไม่สมบูรณ์แบบ。ห่ากระสุนย้อนกลับที่สมบูรณ์คือแบบนี้。หลบด้วยสัญชาตญาณได้ยากอะไรประมาณนั้น。 (TouhouVote) ไม่รู้ทำไมชื่อสเปลนี้ถึงทำให้คิดถึงเทศกาลโอบ้ง。อะไรหลายๆอย่างจะกลับมาในช่วงเทศกาลโอบ้งสินะ แต่จะว่าไปแล้ว เทศกาลโอบ้งในระยะหลังมานี้มันตรงกับงาน Comike ฤดูร้อนแฮะ。 (...ท่าน ZUN เขียนดักคอเหมือนรู้เลยว่าจะต้องมีคนขุดเรื่องสะพานมาเขียนแน่ =__=" ฮ่ะฮ่ะ) (เทศกาลโอบ้ง คือ เทศกาลเซ่นไหว้บรรพชน ตรงกับช่วงกลางเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดงาน Comic Market (Comike) ภาคฤดูร้อนพอดี (ส่วนภาคฤดูหนาวจะไปจัดตอนปลายเดือนธันวาคม))

Spell Card No.194

ชื่อ : 　新史「新幻想史　-ネクストヒストリー-」 　ชินชิ「ชินเกนโซวชิ　-เนกส์ ฮิสทอรี่-」 　ประวัติศาสตร์ใหม่「ประวัติศาสตร์มายาใหม่　-Next History-」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างฮาคุตาคุ) เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　เคย์เนะกล่าวไว้ว่า, Next History ก็คือ Future นั่นเอง。พลังในการสร้างประวัติศาสตร์จะสร้างสรรค์อนาคต。 มนุษย์ที่เฝ้ามองความแน่นอนในอนาคตจะเหลียวมองข้างหลังก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าเสมอ。 (กล่าวคือ การมองย้อนอดีตเพื่อทบทวนตัวอย่างความผิดพลาดต่างๆที่เคยมีมาก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มวางแผนดำเนินการตามเป้าหมายของตนโดยไม่ให้ผิดพลาดซ้ำกับในอดีต โดยการวางแผนดำเนินการไปจนถึงเป้าหมายนั้นก็คือการสร้างอนาคตอย่างหนึ่งนั่นเอง)

Spell Card No.195

ชื่อ : 　時効「月のいはかさの呪い」 　จิโคว「ทสึคิโนะอิฮะคะสะโนะโนะโรอิ」 　อายุความ「คำสาปของอิฮะคะสะแห่งดวงจันทร์」 (ตัวละครนี้มีชื่อระบุในโทโฮเพียงว่า อิฮะคะสะ ต้นแบบของตัวละครนี้ชื่อว่า 調岩笠 ทสึคิโนะอิวะคะสะ ซึ่งท่าน ZUN ได้เล่นคำกับชื่อสเปลนี้กลายเป็น 月のいはかさ ทสึคิโนะอิฮะคะสะ โดยบางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า วะ กับ ฮะ นั้นเกิดจากการเรียกเพี้ยนไปตามยุคสมัย บางแหล่งก็ว่าเป็นการแก้อาถรรพ์ชื่อ ดังนั้นจึงเขียนด้วย ฮะ แต่อ่านว่า วะ ต่างหาก แต่อย่างไรก็ดี ไม่มีการยืนยันจากท่าน ZUN ว่าเป็นเช่นไรกันแน่ ดังนั้นจึงขอเขียนไปตามที่ท่าน ZUN ได้ระบุไว้) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　คดีฆาตกรรมที่ไม่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์。แม้แต่ในปัจจุบันก็มีคดีฆาตกรรมที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายซึ่งกำลังค่อยๆหมดอายุความไปเรื่อยๆ。หากไม่มีผู้ใดล่วงรู้ก็ไม่ถือว่ามีความผิดน่ะนะ。 (ตามเนื้อเรื่องของโทโฮ อิฮะคะสะรับหน้าที่นำยาโฮวไรไปเผาที่ภูเขาไฟ โดยนำกำลังทหารไปด้วย แต่พอถึงกลางทางพวกทหารก็ฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงยาโฮวไร เหลือแต่โมโควและอิฮะคะสะ และสุดท้ายโมโควก็สังหารอิฮะคะสะเพื่อชิงยาโฮวไร ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ เพราะโมโควก็หายสาบสูญไปเช่นกัน)

Spell Card No.196

ชื่อ : 　不死「火の鳥　-鳳翼天翔-」 　ฟุชิ「ฮิโนะโทริ　-โฮวโยะคุเทนโชว-」 　ไร้มรณา「วิหคเพลิง　-ปีกพญาวิหคเพลิงทะยานสวรรค์-」 (鳳 เป็นพญาวิหคเพศผู้) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　โฮ~โยะคุเทนโช~。แม้ไม่มีการระบุแน่ชัดว่าท่าร่างเป็นอย่างไรแต่ท่าทางจะรุนแรงน่าดู。 ถึงแม้ว่า ฟินิกส์ กับ พญาวิหค(鳳凰 โฮวโอว) กับ วิหคแดง(朱雀 สุซาคุ) จะถูกระบุว่าเป็นตัวเดียวกันอยู่บ่อยๆก็เถอะ, แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆรึ ? (โฮวโยะคุเทนโชว เป็นท่าไม้ตายของ ฟินิกส์-อิคคิ ในเรื่องเซนต์เซย์ย่า) (ตามตำรากล่าวว่า พญาวิหคนั้นแท้จริงแล้วเป็นธาตุลม ส่วนวิหคแดงเป็นธาตุไฟ โดยทั้งสองชนิดนี้มิได้เป็นอมตะ แต่เพราะถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบของตำนานฮิโนะโทริ(วิหคเพลิง)ซึ่งเป็นอมตะ จึงพลอยถูกเข้าใจผิดไปว่านกทั้งสองชนิดนั้นเป็นอมตะด้วย ซึ่งนกที่เป็นอมตะตามตำนานนั้นจริงๆมีเพียงสองชนิดคือ ฮิโนะโทริ และ ฟินิกส์)

Spell Card No.197

ชื่อ : 　藤原「滅罪寺院傷」 　ฟุจิวาระ「เมทสึไซจิอินโชว」 　ฟุจิวาระ「รอยด่างของวัดชำระบาป」 (ฟุจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ ชายคนนี้เป็นต้นแบบของบิดาของโมโคว แต่ในโทโฮไม่มีการระบุชื่อว่าบิดาของโมโควชื่ออะไร) (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ 法華滅罪之寺 ฮคเคะเมทสึไซโนะจิ (วัดแห่งการชำระบาปตามหลักสัทธรรมบุณฑริกสูตร) ซึ่งในปี 745 จักรพรรดินีแห่งจักรพรรดิองค์ที่ 45 โชวมุเทนโนว ซึ่งเป็นบุตรสาวของฟุจิวาระโนะฟุฮิโตะ ได้ถวายอดีตวังจักรพรรดินี (ซึ่งแต่เดิมก็คือเรือนหลักของฟุจิวาระโนะฟุฮิโตะ บิดาของเธอ) มาสร้างเป็นวัดนี้ขึ้น) (เครือฟุจิวาระนิยมสร้างวัดวาอารามไปทั่ว จนเป็นที่เลื่องลือ และชาวบ้านต่างเรียกขานวัดเหล่านี้ว่า วัดฟุจิวาระ ด้วยความชื่นชม แต่ในเรื่องราวของโทโฮนั้น หลังจากบิดาของโมโควเสียท่าให้กับสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้(กิ่งมณีโฮวไร)ของคางุยะ ก็ต้องอับอายขายหน้าไปทั่ว และถูกชาวบ้านล้อเลียนนินทา ในที่สุดคำว่า วัดฟุจิวาระ ก็กลายเป็นการเรียกเพื่อเย้าแหย่หยอกแซวตระกูลฟุจิวาระ และวัดที่สร้างไว้ก็มีมากมายอยู่ในทุกหนทุกแห่ง จึงเป็นที่มาของคำว่า รอยด่าง ในสเปลนี้) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　ผู้มีอำนาจล้วนหวาดกลัวคำสาปแช่ง。ทั้งที่พยายามสร้างวัดและหมั่นทำความดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คำสาปแช่งก็ตกลงมาใส่ราวกับสายฝน。นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นเหมือนกับไวรัสนั่นล่ะ。 (ฟุจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ ให้บุตรสาวคนโตของตนแต่งงานกับจักรพรรดิองค์ที่ 42 มอนมุเทนโนว และองค์ชายคนโตของมอนมุเทนโนว ก็ได้ครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 45 โชวมุเทนโนว ในเวลาต่อมา และแต่งงานกับบุตรสาวคนที่สามของฟุจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ จึงจัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างมาก) (ฟุจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ มีบุตรชายทั้งหมด 4 คน โดยทั้งสี่คนนั้นได้ทำการใส่ร้ายป้ายสีและกดดัน นากายะโนะโอโอคิมิ ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองจนเขาฆ่าตัวตายในปี 729 ต่อมาในปี 735 ก็เกิดการระบาดของไข้ทรพิษ(ฝีดาษ)ขึ้น และในปี 737 บุตรชายทั้งสี่คนของฟุฮิโตะก็ถึงแก่ความตาย บ้างก็เชื่อว่าเป็นเพราะคำสาปของนากายะโนะโอโอคิมิ) (แต่ก็อย่างที่ท่าน ZUN ว่าไว้ มันเป็นเพราะไวรัสต่างหาก)

Spell Card No.198

ชื่อ : 　不死「徐福時空」 　ฟุชิ「โจะฟุคุจิคูว」 　ไร้มรณา「ห้วงเวลาโจะฟุคุ」 (ในช่วง 219 ปีก่อนคริสตศักราช ยุคของปฐมจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น พระองค์ต้องการยาที่ทำให้ไม่แก่ไม่ตาย ครั้นเมื่อทราบว่ามียานี้อยู่ที่ภูเขาไตรเทวาแห่งตะวันออก ก็ออกคำสั่งให้หนุ่มสาวสามพันคน นายช่างร้อยคนออกเดินเรือไปยังตะวันออกพร้อมกับพืชพันธุ์ห้าชนิด หลังจากที่เดินทางรอนแรมอยู่หลายปี ก็ไม่ค้นพบเกาะหรือภูเขาดังกล่าวเลย เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง โจะฟุคุอ้างว่าถูกสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ขวางทางไว้จนไม่อาจไปต่อได้ จึงขอกองพลธนูไปกำราบมัน ซึ่งจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยินดีมอบให้ไปจัดการสัตว์ทะเลนั้น แต่โจะฟุคุก็ไม่ได้กลับไปที่ประเทศจีนอีกเลย ตามตำราหนึ่งกล่าวว่าเขาได้ค้นพบ "ทุ่งราบบึงใหญ่" (ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเกาะคิวชูของประเทศญี่ปุ่น)และได้สถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์อยู่ที่นั่น แต่เท็จจริงเพียงไรก็ไม่ทราบแน่ชัด และบันทึกฉบับๆอื่นๆที่กล่าวถึงช่วงเวลาต่อมาก็ไม่ระบุแน่ชัดว่าปลายทางของโจะฟุคุไปสิ้นสุดลงที่ใด จนมีผู้ให้ทฤษฎีว่า โจะฟุคุน่าจะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิคือภูเขาไตรเทวา ความเชื่อนี้เกิดจากการที่อารยธรรมโจมง(โจวมอน)ซึ่งสืบทอดกันในญี่ปุ่นมานานกว่า 14,000 ปี ได้ล่มสลายไปในช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล และกลับรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคการทำการเกษตรซึ่งเชื่อกันว่าโจะฟุคุเป็นคนนำมาสอนให้ชาวบ้าน จนเกิดเป็นตำนานโจะฟุคุขึ้นตามที่ต่างๆมากมาย โดยเขาถูกยกย่องให้เป็นเทพแห่งกสิกรรม เทพแห่งการแพทย์ และเทพแห่งผ้าไหม) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　ชายผู้เกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาระหว่างการปฏิบัติงานตามคำสั่ง จนตั้งรกรากอยู่ที่นี่。การที่มีตำนานของโจะฟุคุสืบทอดอยู่ตามสถานที่ที่เขาเดินทางผ่านไปนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเขาได้ค้นพบยาโฮวไรแล้วและเป็นอมตะไปแล้วไงล่ะ。 (อาจสรุปได้ว่า ตามเนื้อเรื่องของโทโฮนั้น โจะฟุคุได้ค้นพบยาโฮวไรแล้ว และได้ทานเข้าไปจนเป็นอมตะแล้ว แต่จะมีบทบาทต่อเนื้อเรื่องเพียงไรในอนาคตนั้น คงมีแต่ท่าน ZUN ที่ทราบ)

Spell Card No.199

ชื่อ : 　滅罪「正直者の死」 　เมทสึไซ「โชวจิคิโมโนะโนะชิ」 　ล้างบาป「ความตายของผู้ซื่อสัตย์」 (สเปลใบนี้นัยถึงเหล่าผู้ซื่อสัตย์ทั้งแปด ในCDเพลงประกอบเนื้อเรื่องอัลบั้มแรกของโทโฮซีรี่ส์ ที่ชื่อว่า 「蓬莱人形　～ Dolls in Pseudo Paradise」 ซึ่งอันที่จริงแล้วทั้งแปดคนนั้นคือ อดีตกองโจร ที่เลิกเป็นโจรแล้วและบังเอิญพลัดหลงเข้ามาในเกนโซวเคียว โดยแต่ละคนนั้นล้วนซื่อสัตย์ต่อความคิดและการตัดสินใจของตนเอง แม้ว่ามันจะทำให้พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปสู่ความตายก็ตาม) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　เฮ้อ~ ผู้ซื่อสัตย์มองคนโง่สินะ。แต่ว่านะ การที่เห็นแล้วคิดว่ากำลังมองคนโง่อยู่นั้นก็เป็นเพราะมองดูด้วยสายตาของคนโกหกนั่นเอง。ที่จริงแล้วความซื่อสัตย์จะให้ผลบุญอย่างที่สุด。แม้ว่าจะต้องตายก็ตามที。 (ผู้ซื่อสัตย์มองคนโง่ เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง การที่คนซื่อสัตย์ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้อื่น กล่าวคือ สำหรับผู้ที่ฉลาดแกมโกงนั้น เมื่อให้ผู้ซื่อสัตย์ส่องกระจกดู ก็จะเห็นคนโง่อยู่ในกระจกนั่นเอง ดังนั้นสำหรับคนชั่ว ผู้ซื่อสัตย์ก็คือเหยื่อโง่คนนึง)

Spell Card No.200

ชื่อ : 　虚人「ウー」 　โคะจิน「อู」 　ผู้ไร้ชีพ「อู」 (จากเรื่อง 3×3 EYES ของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ พระเอกที่กำลังจะตายได้ฝากวิญญาณให้แก่นางเอกซึ่งเป็นคนของเผ่าสามตา อันเป็นพิธีกรรมที่จะทำให้พระเอกกลายเป็น อู(无) ซึ่งมีร่างเป็นอมตะไม่มีวันตายจนกว่าเจ้านาย(นางเอก)จะตาย และเพราะวิญญาณไม่ได้อยู่กับตัวเองแล้ว จึงอาจเรียกได้ว่าเป็น ผู้ไร้ชีพ โดยบนหน้าผากจะปรากฏอักษร 无 และเมื่อรางกายได้รับความเสียหาย ก็จะเผาผลาญพลังงานของร่างกายไปซ่อมแซมให้หายดี ทำให้สิ้นเปลืองค่าอาหารไม่ใช่เล่น) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　อู~。วิหคอมตะที่ไม่ค่อยงดงามเท่าใดนัก。ถูกรถยนต์ทับจนเละเชียว。 การโจมตีนี้ให้ความรู้สึกประมาณว่า, แนบมือไปกับพื้นแล้วตะโกนว่า เล็บปฐพี ! (ชักจะพูดเล่นมากเกินไปแล้วสิ) (พระเอกของเรื่อง 3×3 EYES และสัตว์อสูรของนางเอกที่มีรูปร่างเป็นนกหน้าตาอัปลักษณ์นั้น ต่างก็เคยโดนรถทับมาด้วยกันทั้งคู่ แต่พระเอกนั้นเป็นอมตะ ส่วนเจ้านกนั้นเมื่ออัญเชิญมาใหม่ก็หายดีดังเดิม) (เล็บปฐพี เป็นชื่อของสัตว์อสูรที่พระเอกทำสัญญาไว้ใช้อัญเชิญมาช่วยต่อสู้ โดยเล็บปฐพีนั้นเป็นสัตว์อสูรที่ชอบวิ่งไปในดินแล้วกรีดร่างศัตรูด้วยกรงเล็บทั้ง 3 อันแหลมคมของมัน วิธีการอัญเชิญก็แค่เอามือนาบไปบนพื้นแล้วตะโกนชื่อของมันเท่านั้น อ้อ เอามือนาบไปบนตัวศัตรูโดยตรงเลยก็ได้ด้วยนะ ทำให้ศัตรูสาหัสถึงตายเลยเชียวล่ะ)

Spell Card No.201

ชื่อ : 　不滅「フェニックスの尾」 　ฟุเมทสึ「ฟินิกส์ โนะโอะ」 　ไร้แตกดับ「หางนก Phoenix」 (ไอเทมแก้สถานะ ไม่อาจต่อสู้ได้ ของเกมในตระกูล Final Fantasy อันเลื่องชื่อ) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　หางของวิหคอมตะรุ่นผลิตจำนวนมาก。เมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ได้แล้วจัดว่าราคาถูกทีเดียว。ระยะนี้ในวงการอมตะก็พูดถึงกันแต่ว่า, ถ้าจะต้องตามหาของอย่างยาโฮวไรล่ะก็ สู้ฝากชีวิตไว้กับยาราคาถูกพวกนี้ยังจะสบายซะกว่า。

Spell Card No.202

ชื่อ : 　蓬莱「凱風快晴　-フジヤマヴォルケイノ-」 　โฮวไร「ไกฟูวไคเซย์　-ฟูจิยามะ วอลเคโน่-」 　โฮวไร「ฟ้าใสลมใต้　-Fujiyama Volcano-」 (ตามนิทานนั้น ยาโฮวไรถูกเผาที่ภูเขาไฟฟูจิ แต่ในโทโฮนั้นถูกชิงไปโดยโมโคว) (ไกฟูวไคเซย์ เป็นชื่อภาพวาดฟูจิแดง โดยนักวาดภาพแนวอุคิโยะเอะ ชื่อ คัทสึชิกะ โฮะคุไซ เป็นภาพที่แสดงถึงภูเขาฟูจิในยามเช้าที่มีสภาพอากาศล้ำเลิศ คือ มีลมอันแสนอ่อนโยนพัดมาจากทิศใต้ และอากาศแจ่มใสไร้เมฆา ประกอบกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่แสนน่าประทับใจ) (อุคิโยเอะ คือ ภาพวาดเกี่ยวกับความบันเทิงเริงรมย์ของชีวิตชาวเมืองในสมัยเอโดะ) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　ภูเขาฟูจิเป็นภูเขาไฟครับ。ระเบิดได้รุนแรงเอาเรื่องเสียด้วย。ผมรู้สึกประมาณว่าแค่ปีนภูเขาฟูจิไปจนถึงแถวๆจุดนัดพบที่แปดก็แทบจะระเบิดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ปีนมันซะเลย。ขอแค่มองดูภูเขาฟูจิก็พอครับ。 (ภูเขาไฟฟูจิไม่ได้ระเบิดมานานกว่า 300 ปีแล้ว แต่ก็เป็นภูเขาไฟที่ยังคุอยู่ โดยในช่วงหลายสิบปีมานี้ก็มีการตรวจและสังเกตระดับแก๊สและแผ่นดินไหวอยู่เรื่อยมา)

Spell Card No.203

ชื่อ : 　「パゼストバイフェニックス」 　「พาเซสท์ บาย ฟินิกส์」 　「Possessed by Phoenix」 (แม้จะเห็นเขียนด้วย -ose เช่นนี้ แต่ตามหลักภาษานั้นอ่านว่า พาเซสท์ จริงๆ ดังนั้นท่าน ZUN จึงเขียนไว้ถูกต้องแล้ว) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　ไก่ย่าง(นกย่าง)โดยแท้。ไม่ใช่ในแง่ของไพ่นกกระจอกนะ。ผมชอบกินปลายปีกอยู่บ่อยๆ, ขอร้องล่ะ อย่าได้คืนชีพขึ้นมาเลย。อย่ามาสิงผมเลย。

Spell Card No.204

ชื่อ : 　「蓬莱人形」 　「โฮวไรนิงเงียว」 　「ตุ๊กตาโฮวไร」 (ฉายาของโมโควในภาคนี้คือ 蓬莱の人の形 รูปลักษณ์ของมนุษย์โฮวไร ซึ่งถ้าตัดตัวอักษร の ออกไปก็จะกลายเป็นคำว่าตุ๊กตาโฮวไรพอดี) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Extra คอมเมนท์ :　อย่างนั้นหรือ เธอเองหรือ。มนุษย์ปริศนาเมื่อตอนนั้น。 ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่ตายแน่ๆล่ะสิ。ก็เธอไม่แก่ไม่ตายนี่นะ。 (คาดว่านัยถึง CDเพลงประกอบเนื้อเรื่อง 「蓬莱人形　～ Dolls in Pseudo Paradise」 แต่จากเนื้อหาในนั้นไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าโมโควปรากฏตัวขึ้นมาในตอนไหน เพราะมีคำเปรียบเปรยอุปมาอยู่มากมาย และอันที่จริง คนที่พูดประโยคในคอมเมนท์นี้เป็นใครก็ไม่อาจทราบได้แน่ชัดเช่นกัน หรือบางทีอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับภาคCDเพลงดังกล่าวเลยก็ได้ ... ... ช่างเป็นปริศนาที่ยากจริงๆ) (บางทฤษฎีเชื่อว่า คนที่พูดประโยคในคอมเมนท์นี้คือ คางุยะ โดยเธออาจพูดเพราะเคยเห็นและจำโมโควได้จากตอนที่เกิดเรื่องสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ หรือจำได้จากตอนที่เธอสังหารโมโควครั้งแรกในเกนโซวเคียวแล้วโมโควฟื้นคืนชีพกลับมาสู้กับเธออีกครั้งในวันหลังจากนั้น เพราะจากข้อมูลตัวละครของโมโคว เธอไม่ได้เป็นคนเปิดฉากโจมตีใส่คางุยะก่อน เพราะรู้สึกปลงตกขึ้นมา ดังนั้นคนที่เริ่มเปิดศึกก่อนจึงน่าจะเป็นคางุยะ และคางุยะก็มีความรู้เรื่องความเป็นอมตะพอที่จะพูดประโยคในวรรคที่สามและสี่ด้วย)

Spell Card No.205

ชื่อ : 　「インペリシャブルシューティング」 　「อิมเพอริชเชเบิ้ล ชูทติ้ง」 　「Imperishable Shooting」 (คล้ายกับชื่อภาคนี้ Imperishable Night) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　(Last Spell) Extra คอมเมนท์ :　Shooting ไม่มีวันจบ。แต่ว่าการโจมตีนี้ไม่ใช่การยิง。 มันมีความหมายในการที่ตั้งชื่อนี้ให้แก่การโจมตีอันนั้น (เขียนอยู่ตรงนี้ไง)。 (กล่าวคือ การยิงที่ไม่มีวันจบนั่นเอง เพราะว่าโมโควฟื้นคืนชีพได้เรื่อยๆ และเธอก็จะต่อสู้กับคางุยะไปเรื่อยๆ พวกตัวเอกก็ต้องเจอกับเหตุวิปลาศครั้งใหม่ไปเรื่อยๆ ส่วนผู้เล่นก็ต้องเจอกับภาคใหม่หรือเกมชูตติ้งอื่นไปเรื่อยๆเช่นกัน) ปลดล็อค :　เล่น Extra Stage โดยเก็บ Spell Card Bonus ให้ได้มากกว่า 7 ใบในการเล่นรอบเดียว

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]



.........................................................................................................................................................................................

Last Word

Spell Card No.206

ชื่อ : 　「季節外れのバタフライストーム」 　「คิเซทสึฮาซึเระโนะ บัตเตอร์ฟลายสตอร์ม」 　「Butterfly Storm หลงฤดู」 (Butterfly Storm หมายถึง พายุที่เกิดจาก Butterfly Effect ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ว่า ลมเบาๆที่เกิดจากการพัดโบกของปีกผีเสื้อเพียงตัวเดียวในซีกโลกหนึ่ง จะก่อให้เกิดพายุร้ายแรงในอีกซีกโลกหนึ่ง) (หลงฤดู คือ ภาวะที่เหตุการณ์ตามธรรมชาติบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่เป็นไปตามฤดูของมันที่ควรจะเป็น เช่น หิมะหลงฤดู ฝนหลงฤดู ซึ่งโดยปกติแล้วพายุจะเข้าฝั่งญี่ปุ่นในช่วงเดือน 8-9 แต่เหตุการณ์ในภาคนี้เกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 9 และวันเพ็ญเดือน 10(Extra Stage) จึงจัดว่าหลงมาราวๆเดือนเศษโดยประมาณ) เจ้าของ :　ริกเกิ้ล เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ริกเกิ้ลนั้นให้ความรู้สึกเหมือนพวกหัวช้านิดหน่อย。ว่าไปแล้วก็น่าสงสารนิดหน่อยที่ต้องมาประมือกับเหล่าตัวเอกในคราวนี้。การเล่นกับพวกชิลโน่ดูจะเป็นระดับที่เหมาะสมกับริกเกิ้ลมากกว่า。 (หัวช้า เป็นคำที่สุภาพกว่าคำว่า หัวไม่ดี ในภาษาญี่ปุ่น แต่แน่นอนว่ามันแปลว่า โง่ (บากะ) เหมือนกัน) ปลดล็อค :　เล่นจบ Final B ที่ระดับความยากใดก็ได้ มากกว่า 2 ทีมขึ้นไป

Spell Card No.207

ชื่อ : 　「ブラインドナイトバード」 　「ไบลนด์ ไนท์เบิร์ด」 　「Blind Nightbird」 เจ้าของ :　มิสเทีย เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　โลเรไล。ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบเรียกผิดว่า โลราเลย์ อยู่บ่อยๆ。อื้ม~ ลอร่า。 ดูในรูปจะเห็นแค่ 3 นิ้ว, แต่ที่จริงเธอมี 5 นิ้วนะครับ แค่ซ่อนนิ้วไว้เท่านั้นเอง。 (เป็นชื่อเล่นที่ท่าน ZUN ตั้งให้มิสเทีย แต่ไม่มีใครนำไปใช้เลย ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก) ปลดล็อค :　เล่นจบ Final B ที่ระดับความยากใดก็ได้ มากกว่า 3 ทีมขึ้นไป

Spell Card No.208

ชื่อ : 　「日出づる国の天子」 　「ฮิอิซุรุคุนิโนะเทนชิ」 　「จักรพรรดิแห่งแดนอาทิตย์อุทัย」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างมนุษย์) เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　อา, รูปลักษณ์นั้นช่างน่าเลื่อมใสศรัทธาเหลือล้นจนไม่อาจมองเห็นได้。แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมเคย์เนะถึงได้ใส่กระโปรงหน้าตาประหลาดอย่างนั้นนะ。หมวกก็ด้วย。 ปลดล็อค :　เอาชนะ Spell Card ให้ได้มากกว่า 50 ใบใน Practice ด้วยตัวละครใดก็ได้

Spell Card No.209

ชื่อ : 　「幻朧月睨(ルナティックレッドアイズ)」 　「เกนโอโบโระซึคิเกย์(ลูนาติค เรด อายส์)」 　「จับจ้องจันทร์หมองมายา(Lunatic Red Eyes)」 (朧月 พระจันทร์ที่ถูกบดบังด้วยหมอกจนเห็นได้แค่เพียงรางๆในค่ำคืนของฤดูใบไม้ผลิ) เจ้าของ :　อุดองเกะ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　กระต่ายอวกาศที่ถูกเรียกด้วยชื่อเล่นแปลกๆมาโดยตลอด。ความโกรธเคืองนั้นทำให้ลองตั้งคำอ่านแบบโยมิกานะพิลึกๆให้กับอักษรคันจิของสเปลการ์ดดู。ดูท่าทางเธอจะถูกใจชื่อการ์ดเหล่านั้นซะด้วย。 ปลดล็อค :　เล่นจบ Final B ที่ระดับความยากใดก็ได้ มากกว่า 4 ทีมขึ้นไป

Spell Card No.210

ชื่อ : 　「天網蜘網捕蝶の法」 　「เทนโมวฉิโมวโฮะโฉวโนะโฮว」 　「กฎแห่งใยแมงมุมตาข่ายสวรรค์จับผีเสื้อ」 (ในพุทธศาสนานั้น มีการเปรียบเปรยมนุษย์ผู้มีกรรมเป็นดั่งผีเสื้อซึ่งลุ่มหลงในแสงสีและสิ่งเย้ายวนต่างๆ ส่วนใยแมงมมุมนั้นก็คือฝ่ามือของพระโพธิสัตว์ยูไลซึ่งไม่อาจหนีพ้น ต่อให้ผีเสื้อตัวนั้นมีความสามารถในการบินให้สูง(อำนาจ เงินทอง ฯลฯ)เพียงไร ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี) เจ้าของ :　เอย์ริน เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ใยแมงมุมแห่งแสงที่ถูกขึงครอบจรดฟ้าจรดดินจนไม่ว่าผู้ใดก็หนีไม่พ้น。 จากที่เฝ้ามองดู การหนีให้พ้นนั้นเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว。เลยได้ควบคุมดูแลความมีศีลธรรมจรรยาของภาพยนตร์ไปพร้อมๆกันเลย。 (映画倫理 (ความมีศีลธรรมจรรยาของภาพยนตร์) อยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่มีชื่อว่า 映倫管理委員会 เอย์กะรินริคิเทย์อิอินไค (คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์) หรือถ้าพูดง่ายๆก็คือ เป็นผู้จัดเรทและเซนเซอร์นั่นเอง โดยคณะกรรมการนี้มีชื่อย่อ เอย์ริน) ปลดล็อค :　เอาชนะสเปลการ์ด No.138 (Apollo13 แบบ Hard)

Spell Card No.211

ชื่อ : 　「蓬莱の樹海」 　「โฮวไรโนะจุไค」 　「ทะเลป่าโฮวไร」 (ทะเลป่า นั้นมีอยู่จริง (แต่ไม่ใช่โฮวไรนะครับ) หมายถึง ทะเลป่าที่ตีนภูเขาไฟฟูจิฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นที่ที่ผู้คนชอบเข้าไปฆ่าตัวตาย หรือหลงทางจนตายกันเป็นประจำ เพราะที่นั่นมีสนามแม่เหล็กแปลกประหลาดทำให้เข็มทิศใช้การไม่ได้ ต้องใช้ GPS เท่านั้น) (ทะเลป่าโฮวไร เชื่อกันว่าตั้งอยู่ในภูเขาไตรเทวา ในทะเลทางตะวันออก ซึ่งบางตำราก็ว่าหมายถึงภูเขาไฟฟูจิแห่งประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งหากมองในแง่นั้น ทะเลป่าฟูจิก็คือทะเลป่าโฮวไร) เจ้าของ :　คางุยะ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　การที่เข็มทิศรวนนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพราะกับดักหมุนวนของทะเลป่าอันเลื่องชื่อในด้านนี้ต่างหาก。หากเล่นเกมนี้จบแล้วเกิดนึกอยากจะลองไปที่ทะเลป่าดูล่ะก็, จงเปลี่ยนความคิดนั้นให้ได้ซะ。 (กับดักหมุนวน เป็นกับดักอันแสนกวนประสาทของเกม 3D RPG ตะลุยดันเจี้ยน ชื่อดังนามว่า Wizardry สร้างครั้งแรกโดย Sir-Tech โดยกับดักนี้มันจะจับเราหันหน้าไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างสุ่ม แล้วลองนึกภาพดูสิครับว่าเกมตะลุยดันเจี้ยน 3D ที่มีมุมมองแบบ FPS แถมไม่มี Mini-Map นั้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่กำแพงและทางเดินที่มีหน้าตาเหมือนกันไปหมด ยิ่งถ้าไปโดนกับดักนี้เข้าที่สี่แยกล่ะก็ นรกชัดๆเลยทีเดียว แค่จำทางที่เดินผ่านมาก็แทบแย่แล้ว เจออย่างนี้เข้าไปเล่นเอาร้องจ๊ากเลย ใครเคยโดนแล้วจะรู้ดี... ...) ปลดล็อค :　เอาชนะ Last Spell ให้ได้มากกว่า 15 ใบใน Practice ด้วยตัวละครใดก็ได้

Spell Card No.212

ชื่อ : 　「フェニックス再誕」 　「ฟินิกส์ ไซตัน」 　「Phoenix คืนชีพ」 (ตำนานกล่าวว่า ในรอบหลายร้อยปีจะมีครั้งหนึ่งที่ฟินิกส์เอาพวกไม้หอมมาสุมรวมกันแล้วจุดไฟให้กลายเป็นกองเพลิง จากนั้นก็จะบินเข้าไปเผาตัวเองจนตาย แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จากกองขี้เถ้านั้น ในสภาพของลูกนก) เจ้าของ :　โมโคว เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　หากพูดว่า โคว(紅)ต่อจาก โมะ(妹) ,คงจะนึกถึงชื่อของใครสักคน(妹紅) ,แต่ความจริงแล้ว มันหมายถึง 「ตัวฉัน"ก็"ถูกย้อมเป็น"สีแดง"」。ถ้าหากแดงยิ่งกว่านี้ก็คงกลายเป็นเพียงก้อนไฟเท่านั้น。 (妹紅 = もこう ซึ่ง も นั้นพ้องเสียงกับคำเชื่อมประโยคที่แปลว่า ...ก็... , ...ด้วย ส่วน こう นั้นแปลว่า แดง กล่าวคือเป็นการเล่นคำอย่างหนึ่ง) ปลดล็อค :　เอาชนะสเปลการ์ด No.146(ยาโฮวไร แบบ Hard) และ 196(ปีกวิหคเพลิงทะยานสวรรค์) และเคยได้ต่อสู้กับสเปล No.205(Imperishable Shooting) มาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยไม่ต้องชนะก็ได้

Spell Card No.213

ชื่อ : 　「エンシェントデューパー」 　「เอนเชนท์ ดูปเปอ」 　「Ancient Duper」 (ตำนาน กระต่ายขาวแห่งอินาบะ (กระต่ายเปลือยแห่งอินาบะ) กาลครั้งหนึ่ง พี่น้องทั้งแปดสิบองค์ของเทพโอโอนามุจิ ได้หมายมั่นจะสู่ขอยางามิฮิเมะแห่งอินาบะ ทั้งหมดจึงออกเดินทางกันมายังดินแดนโอคิ (ของอินาบะ) พวกเขามอบกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดให้โอโอนามุจิแบกไว้แต่ผู้เดียว ทำให้โอโอนามุจิเดินทางล่าช้ากว่าคนอื่น เมื่อเทพทั้งแปดสิบองค์เดินทางมาถึงแหลมเคตะ ก็ได้พบกับกระต่ายเปลือยตัวหนึ่งนอนระทมอยู่ เหล่าเทพได้บอกให้กระต่ายเปลือยนั้นลงไปแช่น้ำทะเล แล้วขึ้นภูเขาสูงไปนอนบนสันเขาเพื่อตากลม, กระต่ายเปลือยก็ทำตามนั้น เมื่อน้ำทะเลแห้งลง สายลมก็พัดกระโชกจนผิวของกระต่ายแตกไปทั้งตัว สร้างความเจ็บปวดแก่กระต่ายเปลือยเป็นอย่างมาก โอโอนามุจิซึ่งตามมาทีหลังพบกระต่ายเข้า จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้ากระต่ายจึงเล่าให้ฟังแต่ต้นว่า "เราอาศัยอยู่ที่เกาะโอคิและต้องการข้ามมายังดินแดนนี้ แต่หาวิธีไม่ได้ จึงหลอกพวกจระเข้ทะเล(ฉลาม)ว่า 「เจ้ามาแข่งกับเรามั้ยว่าฝ่ายใดมีพวกพ้องมากกว่ากัน เพียงเจ้ารวบรวมพรรคพวกมาต่อแถวยาวเรียงหนึ่งไปยังแหลมเคตะก็พอ แล้วเราจะเดินไปบนนั้น เพื่อนับจำนวนของพวกเจ้าเอง」 เหล่าจระเข้ทะเลได้ยินดังนั้นก็ทำตามแล้วต่อแถวเรียงหนึ่งกันจนถึงแหลมเคตะ ส่วนเราก็กระโดดไปบนตัวของจระเข้ทะเลพวกนั้น เมื่อลงถึงพื้นดินก็บอกพวกมันว่า 「พวกเอ็งโดนหลอกแล้ว」 พลันนั้น เจ้าจระเข้ทะเลตัวสุดท้ายก็พุ่งเข้ามาตะครุบตัวเราไว้ แล้วฉีกกระชากเอากิโมโนของเราไปสิ้น เราจึงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี่ ครั้นเมื่อเทพแปดสิบองค์เดินทางมาถึง ก็แนะนำเราให้แช่น้ำทะเล แล้วไปนอนตากลมบนสันเขา พอเราทำตามก็ได้รับบาดเจ็บทรมานดังที่ท่านเห็นอยู่นี้" โอโอนามุจิจึงบอกให้กระต่ายเปลือยรีบไปยังปากแม่น้ำเพื่อชะล้างร่างกายด้วยน้ำดิบ แล้วเอาละอองเกสรของต้นกกมาโปรยลงพื้นให้ทั่ว จากนั้นก็นอนกลิ้งตัวไปบนนั้น เช่นนั้นแล้วร่างกายจะหายดีดังเดิม เมื่อกระต่ายเปลือยได้ทำตามนั้น ก็หายดีตามที่โอโอนามุจิกล่าว เจ้ากระต่ายจึงกล่าวแก่โอโอนามุจิว่า "ยางามิฮิเมะจักทรงเลือกท่าน หาใช่หนึ่งในเทพแปดสิบองค์นั่นไม่" ต่อมากระต่ายเปลือยตัวนี้ได้ถูกเรียกขานว่า เทพเถาะ) (โดยโมโตโวริ และโมริเบะ ต่างเห็นพ้องกันว่าคำว่า "ขาว" ในที่นี้หมายถึง "เปลือย" ซึ่งในภายหลังก็ได้รับการรับรองโดยตัวอย่างต่างๆในเทวตำนาน) (อนึ่ง... ...ตำนานกระต่ายขาวแห่งอินาบะนี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์จุตินัดดาสวรรค์นานมาก และเหตุการณ์จุตินัดดาสวรรค์นี้เกิดก่อนเหตุการณ์จินมุพิชิตตะวันออกนานถึง 1,792,470 ปีโดยประมาณและการพิชิตตะวันออกที่ว่านี้เริ่มต้นก่อนคริสตศักราชประมาณ 600 กว่าปี รวมกับตอนนี้ก็ปี 2000 เศษๆแล้ว อีกทั้งคำว่านานมากของพวกเทพเจ้าที่มีอายุเป็นแสนเป็นล้านปีนั้นก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ายาวนานเพียงไร... ...ด้วยเหตุนี้คำว่า Ancient จึงเหมาะกับเทวิยิ่งนัก) เจ้าของ :　เทวิ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　จอมต้มตุ๋นโดยกำเนิด。ไปหลอกใครไว้ก็มักจะโดนกรรมตามสนอง แต่ไม่เคยเข็ดหลาบเลยสักนิด。 หูขาว ผมดำ... ...。ไม่รู้เหมือนกันว่านี่มันเป็นกระต่ายขาวหรือว่าอะไรกันแน่。 (TouhouVote) รอยทางผ่านของกระต่ายข้ามทะเล แต่ก็โดนกรรมตามสนองทั้งอย่างนั้นล่ะ。พอมาหลอกมนุษย์ก็ไม่เจอเรื่องดีเหมือนกันนี่นะ。 ปลดล็อค :　เคยได้ต่อสู้กับ Last Word No.209(ของอุดองเกะ) 210(ของเอย์ริน) และ 211(ของคางุยะ) มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่ต้องชนะก็ได้

Spell Card No.214

ชื่อ : 　「無何有浄化」 　「มุคะอุโจวคะ」 　「ชำระล้างอุดมคติ」 เจ้าของ :　เคย์เนะ (ร่างฮาคุตาคุ) เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　การสร้างโลกขึ้นมาใหม่。การที่มนุษย์พูดว่าจะปกป้องคุ้มครองธรรมชาตินั้นช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี。 พูดราวกับว่าตนเองนั้นมีฐานะสูงกว่า ทั้งๆที่ตัวเขาเองกำลังได้รับความคุ้มครองจากธรรมชาติอยู่แท้ๆ... ...。 ปลดล็อค :　เคยได้ต่อสู้กับ Last Word No.206(ของริกเกิ้ล) 207(ของมิสเทีย) 208(เคย์เนะร่างมนุษย์) และ 212(ของโมโคว) มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่ต้องชนะก็ได้

Spell Card No.215

ชื่อ : 　「夢想天生」 　「มุโซวเทนเซย์」 　「พรสวรรค์แห่งจินตนาการ」 (มุโซวเทนเซย์ พ้องเสียงกับ 無想転生 (อวตารไร้คนึง) ซึ่งเป็นท่าไม้ตายสุดยอดแห่งเพลงหมัดอุดรเทวะ ในเรื่อง"หมัดดาวเหนือ" เป็นท่าที่ลบเลือนตัวตนของตัวเองทิ้งไปอย่างสมบูรณ์จนเหลือแต่สุญญากาศ ทำให้เข้าสู่สภาวะไร้เทียมทานที่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหลายทั้งปวงได้) (ในเกมนั้น ตัวเรย์มุจะอยู่ในสภาพไร้เทียมทาน เป็นอมตะต่อการโจมตีใดๆ และใช้ท่าผนึกจินตนาการใส่เราโดยเร่งความเร็วและความถี่ขึ้นเรื่อยๆ) เจ้าของ :　เรย์มุ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ท่าไม้ตายสูงสุดในหลายๆความหมาย。เรย์มุลอยขึ้นฟ้าไปจนห่างไกลจากสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงและไม่มีผู้ใดต่อกรได้。 ถ้าหากนี่ไม่ใช่การละเล่น(ซึ่งมีเวลาจำกัด)ล่ะก็, ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเอาชนะได้ทั้งนั้น。 ปลดล็อค :　เอาชนะสเปลการ์ดทั้งหมดในระดับความยาก Normal ด้วยทีมมาริสะ(เดี่ยว)

Spell Card No.216

ชื่อ : 　「ブレイジングスター」 　「เบลซซิ่ง สตาร์」 　「Blazing Star」 (ชื่อเกมชูตติ้งของเครื่อง NEO-GEO ในปี 1998 นอกจากนี้ยังเป็นชื่อของดอกไม้ชนิดหนึ่ง คือ Mentzelia laevicaulis และเป็นชื่อเล่นของดอกไม้อีกหลายชนิด ได้แก่ Liatris squarrosa , Aletris farinosa และ Chamaelirium luteum) เจ้าของ :　มาริสะ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ท่าพุ่งชนขั้นสุดยอดที่เปลี่ยนตัวเองเป็นดาวหาง。ค่อนข้างตรงดิ่งเลยเสียด้วย。ก็สมกับที่เป็นเธอล่ะนะ。 แม้ว่าแบบนี้มันจะไม่ใช่การดันมาคุแล้วก็เถอะ แต่ก็นะ เพราะเป็นมาริสะ ทุกคนก็เลยทนๆไปแล้วทำเป็นไม่เห็นซะอย่างนั้น。 (TouhouVote) เป็นเพราะท่านี้เลยทำให้ได้พื้นฐานการหลบออกข้างด้วยความเร็งสูงติดตัวมา。 หน้าจอสว่างบ้างสั่นสะเทือนบ้างอยู่เป็นประจำทำให้กระตุ้นความรู้สึกได้อย่างสุดยอดยิ่งนัก。เหนื่อยหน่อยนะเว้ย มาริสะซัง。 ปลดล็อค :　จบเกมโดยการเลือกทางสาย Final B ในระดับความยาก Hard หรือ Lunatic โดยใช้ทีมเรย์มุ(เดี่ยว)

Spell Card No.217

ชื่อ : 　「デフレーションワールド」 　「ดีเฟลชั่น เวิลด์」 　「Deflation World」 เจ้าของ :　ซาคุยะ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　กระสุนพลิกแพลงของซาคุยะผู้สามารถร่นเวลาได้。ในช่วงเวลาที่ถูกร่นจนเหลือเพียงน้อยนิดนั้น อดีตอันแสนสั้นและอนาคตจะปรากฏขึ้นในปัจจุบันพร้อมๆกัน。นั่นล่ะคือท่าแห่งความหวาดกลัวที่จะต้องรับการโจมตีทั้งหมดในคราวเดียว。 (ความสามารถของซาคุยะคือ ควบคุมความเร็วในการไหลของกระแสเวลา สามารถลดให้ช้าลงจนหยุดนิ่งหรือเร่งให้เร็วขึ้นจนเหมือนเวลาถูกตัดหายไปได้ ซึ่งเป็นความสามารถที่ใกล้เคียงกับสแตนด์ King Crimson ของ Boss จากเรื่องโจโจล่าข้ามศตวรรษ ภาค 5 และในขณะเดียวกันก็คล้ายกับสแตนด์ Made in Heaven ของบาทหลวงผู้เป็นเสมือนลาสท์บอสของโจโจฯภาค 6 ซึ่งคำว่า Made ของสแตนด์ตัวนี้ออกเสียงพ้องกับคำว่า Maid ซึ่งเป็นชื่ออาชีพของซาคุยะ, สิ่งที่เกี่ยวกับเวลาที่ซาคุยะทำไม่ได้เมื่อเทียบกับเรื่องโจโจฯ มีเพียงการข้ามกาลเวลาเท่านั้น) ปลดล็อค :　เอาชนะ Spell Card ให้ได้มากกว่า 120 ใบใน Practice ด้วยตัวละครใดก็ได้

Spell Card No.218

ชื่อ : 　「待宵反射衛星斬」 　「มัทสึโยอิฮันชะเอย์เซย์ซัน」 　「ผ่าจันทราสะท้อนสายัณห์」 (มัทสึโยอิ เป็นคำโบราณ ซึ่งสมัยก่อนอ่านว่า มัทสึโยฮิ มีความหมายถึงช่วงเวลายามเย็นของวันขึ้นสิบสี่ค่ำ ที่สามารถมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงของวันขึ้นสิบห้าค่ำได้แล้ว) (衛星 แปลว่า ดาวบริวาร ซึ่งสำหรับโลกนั้นก็คือ ดวงจันทร์นั่นเอง) (反射衛星 หมายถึงการที่ดวงจันทร์สะท้อนแสงอาทิตย์มาใส่โลก) (反射衛星斬 เป็นชื่อท่าฟันดาบพลังแรงสูง 8ล้านกิโลวัตต์จากเรื่อง BIRTH) เจ้าของ :　โยวมุ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ท่าฟันที่ขอยืมพลังจากดวงจันทร์มาใช้。เป็นท่าฟันที่สะบัดดาบเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถครอบคลุมสวนแห่งไซเกียวจิที่ว่ากันว่ากว้างใหญ่เป็นที่สุดได้ทั้งหมด。ยิ่งพลังแห่งดวงจันทร์ส่งพลังมาให้, รัศมีดาบยิ่งกว้างไกลไร้ขีดจำกัด。 (ล้อเลียนเรื่อง Gundam X ซึ่งรับแสงไมโครเวฟเลเซอร์จากฐานทัพบนดวงจันทร์มาใช้ยิง Satellite Canon ซึ่งมีพลังทำลายสูงส่งและรัศมีการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง) ปลดล็อค :　เล่นจบ Final B ที่ระดับความยากใดก็ได้ มากกว่า 6 ทีมขึ้นไป

Spell Card No.219

ชื่อ : 　「グランギニョル座の怪人」 　「แกรนด์กิงอล ซะโนะไคจิน」 　「ผู้ลึกลับแห่งโรงละคร Grand Guignol」 (ชื่อสเปลนี้เป็นการผสมผสานระหว่าง Grand Guignol ที่เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าตุ๊กตาตัวใหญ่ กับ オペラ座の怪人 (โอเปร่าซะโนะไคจิน) The Phantom of the Opera (ผู้ลึกลับแห่งโรงละครโอเปร่า)) (ซะ 座 แปลว่า บท ตำแหน่ง โรงละคร, ซึ่งพ้องเสียงกับ ซะ ザ ที่เป็นคำทับศัพท์แปลว่า The) (Grand Guignol เป็นชื่อของโรงละครที่เปลี่ยนการแสดงเรื่องราวดราม่ามาเป็นเรื่องราวการต้มตุ๋น เรื่องไร้สาระ และละครสะเทือนขวัญ โดยเฉพาะในส่วนของละครสะเทือนขวัญนั้นมีทั้งภาพการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนและกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วเวที ถึงขนาดทำให้คนดูบางคนเป็นลมล้มพับเลยทีเดียว) เจ้าของ :　อลิส เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ตุ๊กตาตัวนี้ถูกประกอบขึ้นจากเหล่าตุ๊กตาที่แปลกประหลาดจึงให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเอาซะเลย。ปกติแล้วจึงเป็นเวทมนตร์ที่ถูกผนึกเอาไว้。ตุ๊กตาตัวนี้สามารถหลั่งน้ำตาหรือยืดผมตัวเองได้เท่าที่มันต้องการ。 ปลดล็อค :　เล่นจบ Extra Stage มากกว่า 3 ทีมขึ้นไป

Spell Card No.220

ชื่อ : 　「スカーレットディスティニー」 　「สคาร์เลท เดสทินี่」 　「Scarlet Destiny」 เจ้าของ :　เรมิเลีย เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　สีแดงความเร็วสูง。แสดงพลังให้เห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากลูกเล่นตุกติกใดๆ。ที่จริงแล้วเรมิเลียถนัดการใช้ร่างกายมากกว่าเวทมนตร์ เธอสามารถเอาชนะผู้อื่นได้อย่างขาดลอยด้วยพลังกายที่มากมายราวกับโกงกัน。เธอจึงชำนาญการต่อสู้ประชิดตัวมากกว่าการดันมาคุ。 ปลดล็อค :　เอาชนะ Last Spell ให้ได้มากกว่า 30 ใบใน Practice ด้วยตัวละครใดก็ได้

Spell Card No.221

ชื่อ : 　「西行寺無余涅槃」 　「ไซเกียวจิมุโยะเนะฮัน」 　「ไซเกียวจินิพพานเที่ยงแท้」 (นิพพานเที่ยงแท้ คือ ตัดขาดซึ่งกิเลสตัณหาทั้งปวงอย่างสมบูรณ์ ไม่ยึดติดกับร่างเนื้อและจิตใจ ไม่ยึดถือในอารมณ์ ตัดขาดสิ้นจากทุกสิ่งอย่างแท้จริง) เจ้าของ :　ยูยูโกะ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　ท่าไม้ตายสูงสุดของยูยูโกะ, ความตายของเธอเอง。เป็นเรื่องน่ากังวลที่แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นความสามารถของเธอในเกมเลย。จะให้ฆ่ากันตูมตามด้วยความสามารถแบบนั้นมันก็น้า~。 (การนิพพานของวิญญาณ มีค่าเทียบเท่ากับการตายของวิญญาณ และหากยูยูโกะตายไป, ไซเกียวอายาคาชิก็จะหลุดจากผนึก คล้ายกับเหตุการณ์ในภาค 7 นั่นเอง) ปลดล็อค :　จบเกมด้วยควมยากระดับ Lunatic จะใช้ทีมใดก็ได้ จะคอนทินิวก็ได้

Spell Card No.222

ชื่อ : 　「深弾幕結界 -夢幻泡影-」 　「ชินดันมาคุเคคไค -มุเกนโฮวโยว-」 　「เขตแดนห่ากระสุนลึกสุดหยั่ง -เงาฟองละอองฝันลวงตา-」 (มุเกนโฮวโยว เป็นชื่อเกมแอดเวนเจอร์(จีบสาว) เรท 18+ ของค่าย Alice Soft วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 1995 และเป็นเกมแรกของค่าย Alice Soft ที่ใช้ 256 Colors และเป็นเกมแอดเวนเจอร์เกมแรกที่มีฉากจบหลายแบบ ตัวเกมมีเนื้อหาค่อนข้างซีเรียสเนื่องจากเนื้อหาหลักเกี่ยวข้องกับความเป็นและความตายของมนุษย์) เจ้าของ :　ยูคาริ เงื่อนไข :　Last Word คอมเมนท์ :　เขตแดนห่ากระสุนเป็นเหมือนกล้อง Kaleidoscope ของเกมชูตติ้งที่ต่อเนื่องไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด。จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของยูคาริเพียงอย่างเดียวเท่านั้น。ทั้งมนุษย์และเกมชูตติ้งนั้น ช่างแสนสั้นเสียนี่กระไร。 ปลดล็อค :　เคยได้ต่อสู้กับ Last Word ใบอื่นๆทุกใบมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยไม่ต้องชนะ Last Word เหล่านั้นก็ได้

　　[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]

.........................................................................................................................................................................................