CoLA - 014


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


ตอนที่ 14
「ซากุระไร้สี」

 

เกนโซวเคียวที่ถูกหิมะปกคลุม, ค่อยๆได้สีสันกลับคืนมาทีละน้อย พร้อมๆกับฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้เข้ามา
สีขาวของฤดูหนาวหายไปจากส่วนล่างของภูเขา
แต่ส่วนล่างของภูเขาก็ถูกย้อมสีแทนที่ด้วยสีขาวอีกครั้ง
สีขาวของฤดูใบไม้ผลิ, ซากุระนั่นเอง

แม้จะมองจากหน้าต่างร้านโควรินโดว, ผมก็สามารถมองเห็นซากุระได้อย่างชัดเจน
ทิวทัศน์ดีออกขนาดนี้, เลิกคิดเรื่องที่ผมจะลงทุนออกไปข้างนอกเพื่อชมดอกไม้ได้เลย
แค่ชมดอกไม้จากข้างในร้านก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
ผมเองก็ไม่ได้ชอบความอึกทึกครึกโครมเสียด้วย, และถึงชมดอกไม้กับคนที่เจอหน้ากันอยู่เป็นประจำก็ไม่ได้รู้สึกน่ายินดีอะไร
ผมจึงชมซากุระจากในร้านอย่างเงียบงันด้วยตัวคนเดียว
ไม่มีงานชมดอกไม้ใดที่จะวิจิตรงดงาม (優雅 ยูวกะ) ไม่สิ ประณีตบรรจง (幽雅 ยูวกะ) มากขนาดนี้แล้วล่ะ
มนุษย์ที่ออกนอกบ้านไปชมดอกไม้น่ะ, มีแต่มนุษย์ผู้น่าเวทนาที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีทิวทิศน์ไม่ค่อยดี เช่น อยู่กลางป่า,
เป็นมนุษย์ 「ซื่อ(บื้อ)」 ที่ถูกควบคุมโดยพลังเวทของซากุระแห่งภูตนั่นเอง



――กริ๊งกริ๊ง

「เอ้า โควริน, ถึงฤดูจัดงานชมดอกไม้แล้วนะโว้ย, จัดที่ศาลเจ้าทุกวันเลยล่ะ」



「มาริสะเองเหรอ
 กลีบดอกไม้กองอยู่บนหมวกเต็มไปหมดเลยนะ
 ปัดออกแล้วค่อยเข้ามาสิ」

「ก็ฉันจงใจขนมานี่นา」 มาริสะพูดแบบนั้นแล้วก็ออกไปสะบัดหมวกข้างนอก

ป่าเวทมนตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านของมาริสะนั้นไม่มีพืชที่บอบบางอย่างซากุระอยู่เลย, และแต่เดิมป่านั่นก็ปฏิเสธมนุษย์อยู่แล้ว
การที่มาริสะเห็นดอกซากุระแล้วหวั่นไหวก็เลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้สุดๆ

「นี่, จะไม่ไปเหรอ ? งานชมดอกไม้น่ะ」

「งานชมดอกไม้งั้นเหรอ... ...
 วันนี้มีธุระน่ะ เอาไว้ก่อนละกัน」

ถ้ามาริสะอยู่ด้วย ก็คงจะกลายเป็นงานชมดอกไม้ที่อึกทึกครึกโครมน่าดู
และผมไม่ได้ชอบความอึกทึกครึกโครม

「ทุกทีก็ออกจะว่างแท้ๆ
 ธุระที่ว่าเนี่ยอะไรล่ะ ? ใช้เวลามากรึเปล่า ?」

「อืม, ติดงานชมดอกไม้อื่นอยู่น่ะ
 งานชมดอกไม้ที่เงียบงัน」

「เหรอ, คิดจะจัดงานชมดอกไม้ที่เหมือนกับโอะทสึยะสินะ」 มาริสะพูดจบก็ออกจากร้านไป
(โอะทสึยะ หมายถึง คืนก่อนวันพิธีศพที่ญาติและคนรู้จักของผู้ตายจะอยู่ข้างๆผู้ตายเป็นเวลาหนึ่งคืน)

ผมเริ่มงานชมดอกไม้ที่เงียบงันอีกครั้ง
งานชมดอกไม้ที่มองซากุระจากข้างในร้านด้วยตัวคนเดียว,
ทำให้รู้สึกได้ถึงความหรูหราที่ยากจะหาใดเทียม,
แล้วเวลาก็ล่วงเลยจนถึงยามดึกทั้งอย่างนั้น



วันต่อมา, ซากุระยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีก

ถึงเมื่อวานจะบอกว่าชมดอกไม้คนเดียว แต่ก็แค่เหม่อมองเท่านั้น,
วันนี้เลยตั้งใจว่าจะชมดอกไม้แบบมีระดับมากขึ้นอีกนิดหน่อย
หากพูดถึงความมีระดับ, มันก็คือการอ่านหนังสือนั่นเอง

คลังหนังสือของผมไม่ได้มีแต่หนังสือของเกนโซวเคียวเท่านั้น, หนังสือของโลกภายนอกเองก็มีอยู่มากมาย
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหนังสือที่เกี่ยวกับซากุระอยู่มากมายเหลือเกิน
ทั้งๆที่เป็นพืชเหมือนกันแต่กลับไม่มีหนังสือเกี่ยวกับกะหล่ำเหม็นเลย

เพียงเท่านี้ก็คงจะบอกได้แล้วว่า, ซากุระเป็นดอกไม้ที่พิเศษต่อคนญี่ปุ่นเพียงไร
ทั้งมนุษย์และโยวไคล้วนถูกล่อลวงด้วยสีของซากุระมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว
มันก่อให้เกิดความอ่อนไหว, ทำให้ใครบางคนคึกคะนองเสียงดังใต้ต้นซากุระ, ทำให้ใครบางคนคิดที่จะตาย
ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของซากุระที่เห็นกันมาช้านานนั่นแหละ



――กริ๊งกริ๊งกริ๊ง

「อยู่รึเปล่าคะ ?」

「ยินดีต้อนรับ」 สาวน้อยครึ่งวัยกลางคนที่เจอกันเมื่อคราวก่อน――โยวมุนั่นเอง

「อ๊ะ, คราวก่อนต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
 เพราะคุณช่วยเอาไว้ ก็เลยถูกท่านยูยูโกะโกรธแค่นิดเดียวค่ะ」

「ดีจังเลยนะครับ」

นิดหน่อยที่ว่าเนี่ยไม่รู้ว่าขนาดไหนหรอก, แต่ได้ยินมาจากมาริสะว่า,
หลังจากนั้น เธอถูกใช้ให้ไปรวบรวมยูวเรย์(ผี)ที่พลัดหลงไปทั่วเกนโซวเคียว
และถูกใช้ให้ไปค้นหาศพที่ยังไม่ถูกค้นพบ
กล่าวคือ เรื่องเมื่อวันก่อนถือว่าอยู่ในระหว่างการทำโทษเท่านั้นเอง

「แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมก็แค่ขายสินค้าเท่านั้นเองครับ... ...วันนี้ก็มาซื้อของที่หาอยู่เหรอ ?」

「เปล่าค่ะ, วันนี้ผ่านมาหน้าร้าน, ก็เลยแวะมาขอบคุณ และตั้งใจว่าจะชวนไปงานชมดอกไม้น่ะค่ะ」

ถ้าไม่พูดว่าเป็นเพราะผ่านมา คุณค่าของคำขอบคุณก็จะสูงกว่านี้นะ... ...
ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มาชวนไปงานชมดอกไม้อีกแล้วเหรอ

「ซากุระในสวนของคุณหนูน่ะ, น่าประทับใจกว่าซากุระของที่นี่หลายเท่าเลยนะคะ
 แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น, วันนี้เขาจัดงานชมดอกไม้กันที่ศาลเจ้าน่ะค่ะ」

「อืม---
 น่าเสียดายนะ แต่วันนี้ผมติดธุระน่ะน้า」

「งั้นเหรอคะ
 แต่แหม ถึงต้นซากุระจะไม่หนีไปไหนก็จริง แต่ดอกซากุระมันจะหนีไปก่อนน่ะสิคะ
 กรุณามาชมดอกไม้ในสักวันหนึ่ง ระหว่างที่มันยังบานอยู่นะคะ」

หลังจากไล่โยวมุกลับไป,
ผมก็อ่านหนังสือพลางชมซากุระที่น่าประทับใจเพียงนิดเดียวเมื่อเทียบกับซากุระที่เรือนของเธอ, จนกระทั่งดึกดื่น



วันต่อมา, ซากุระงดงามมากขึ้นไปอีกขั้น

แน่นอนว่าหนังสือที่อ่านเมื่อวานเป็นหนังสือเกี่ยวกับซากุระ
นี่ก็เป็นการชมดอกไม้ทางอ้อมแบบหนึ่ง
หากถามว่าทำไมถึงอ่านหนังสือซากุระที่ใต้ต้นซากุระ, คำตอบคือ เพื่อทำให้ชีวิตสนุกสนาน
ยิ่งไม่รู้จักวิธีสนุกสนานกับชีวิต ก็ยิ่งเป็นผู้ที่คิดอะไรตื้นๆและทำอะไรตามแต่อารมณ์
การที่เห็นดอกไม้แล้วพูดว่า 「ว้าว สวยจัง !」 หรือ 「ของพรรค์นี้มันก็มีดีแค่สวยล่ะว้า」 หรือ 「วิธีสนุกสนานกับดอกไม้มีดังนี้...」
ทั้งที่รู้กันดีอยู่แล้วแต่ก็ยังพูดออกมา, มันก็แค่การแสดงความโง่เขลาของตนเองออกมาเท่านั้นเอง
สาเหตุก็เพราะ, การที่นึกอะไรออกก็พูดออกมาทันที แล้วพอใจที่ได้พูด มันเป็นการกระทำแบบเด็กๆที่สิ้นคิดอย่างมาก
มนุษย์ที่พูดได้แค่แบบนั้นอย่างเดียว ก็ไม่ต่างอะไรจากภูตรับใช้หรืออุปกรณ์เลย

เพียงรู้สึกถึงซากุระที่อยู่ต่อหน้าต่อตา, โดยไม่เทียบกับซากุระของที่อื่นหรือซากุระที่เคยเห็นมา, ก็จะค่อยๆกลายเป็นการชมดอกไม้ที่แท้จริงขึ้นมา
ความอ้อมค้อมแบบนี้, จำเป็นต้องใช้ความมีระดับถึงจะทำได้

วันนี้, ผมเอาเตาผิงที่ยังเปิดทิ้งไว้ไปเก็บให้เข้าที่เข้าทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อย่างที่คิดเลยว่าการเปิดเจ้านี่ทิ้งไว้จะทำให้ไม่สามารถสัมผัสถึงฤดูใบไม้ผลิได้
แต่เพราะมีสิ่งที่ยังตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อย นั่นก็คือ อากาศยังเย็นอยู่ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน

พูดถึงเตาผิงแล้วทำให้นึกถึงโยวมุที่มาเมื่อวาน
อันที่จริงผมสนใจซากุระอันแสนงดงามที่เธอเล่ามานิดหน่อย
ซากุระมีความผูกพันอันลึกซึ้งกับยูวเรย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว,
ยิ่งถ้าเป็นสวนของคุณหนูที่มียูวเรย์จำนวนมหาศาลอยู่ล่ะก็, ซากุระที่อยู่ที่นั่นก็คงจะ... ...ทำให้รู้สึกถึงกรรมเก่าขึ้นมาเลย

พืชที่กลายเป็นโยวไคก็มีอยู่ในเกนโซวเคียวไม่น้อยเลยเสียด้วย
โดยเฉพาะต้นซากุระนั้นมักจะมีพลังเวทมหาศาล และชักนำผู้คนไปสู่ความตาย
ไม่เพียงแต่ซากุระเท่านั้น, ในป่าเวทมนตร์เองก็มีพืชที่อันตรายแบบนั้นอยู่เต็มไปหมด
ต้นไม้นั้น, มีชีวิตที่ยืนยาวยิ่งกว่ามนุษย์ และบางครั้งก็ยิ่งกว่าโยวไค
สิ่งที่คอยเฝ้ามองประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเกนโซวเคียว... ...มีเพียงเหล่าต้นไม้แห่งเกนโซวเคียวเท่านั้น



――กริ๊ง กริ๊ง

「อยู่รึเปล่าคะ ?」

「ยินดีต้อนรับครับ」

「เห็นร้านเปิดอยู่ ก็เลยคิดว่าคุณน่าจะอยู่น่ะค่ะ」

ผู้ที่มาเยือนคือคุณหนูผีดูดเลือดที่ไม่ได้เห็นเสียนาน――เรมิเลีย
ซึ่งมาพร้อมกับเมดคนนั้น――ซาคุยะ

「ไม่มีใครอยู่ที่ศาลเจ้าเลย, ก็เลยคิดว่าเรย์มุจะมาที่นี่รึเปล่าน้า... ...」

พอมองที่คุณหนูดีๆก็พบว่าเธอใส่ชุดสีซากุระอยู่
ผีดูดเลือดมีชีวิตยืนยาวด้วยการดูดเลือดของผู้คน
บางทีอาจมีพื้นฐานเหมือนกับต้นซากุระก็เป็นได้
(ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า ซากุระที่สวยงาม อาจเป็นเพราะมีศพถูกฝังอยู่ข้างใต้ และต้นไม้ดูดเลือดศพจนดอกไม้มีสีแดงสวย)

「ไม่เลย, ผมไม่เห็นเรย์มุมาที่นี่ได้สักระยะหนึ่งแล้วนะ ?」

「วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจจะไปจัดงานชมดอกไม้ตามอำเภอใจที่ศาลเจ้า, แต่เรย์มุดันหายไปตามอำเภอใจซะได้」
ผีดูดเลือดสีซากุระบ่นออกมาอย่างไม่สมเหตุสมผล

「จริงสิ, คุณจะไปงานชมดอกไม้ด้วยมั้ยคะ ? ที่ศาลเจ้า」

「เรย์มุไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรเหรอ ?」

「ถึงเรย์มุไม่อยู่ ซากุระก็บานอยู่ดีแหละ」

「แถมศาลเจ้ายังว่างโล่งโจ้ง, อาหารและเหล้าก็มีนะคะ」 เมดพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
มีเมดพรรค์นี้อยู่, แล้วใครจะกล้าทิ้งร้านไปข้างนอกกันล่ะ

「ดีใจที่ชวนนะครับ แต่ผมยังเปิดร้านอยู่น่ะ... ...
 วันนี้คงต้องขอปฏิเสธไปก่อน」

「ถ้าเจอเรย์มุ กรุณาพยายามบอกให้เธอกลับไปที่ศาลเจ้าด้วยนะคะ」 ทั้งคู่จากไปเมื่อพูดจบ

ผมเฝ้ามองซากุระในขณะที่เก็บเตาผิงเข้าที่, หมดไปอีกหนึ่งวันจนได้



ซากุระยิ่งงดงามขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุดในวันต่อมา

สุดท้ายแล้ว เมื่อวานหาตัวเรย์มุเจอรึเปล่านะ
เอาเข้าจริงก็สามารถจินตนาการได้เลยว่า แม้เรย์มุไม่อยู่ก็จะร้องเล่นเต้นรำเสียงดังใต้ต้นซากุระกัน
แล้วก็นึกภาพออกเลยว่า พอตกดึก เรย์มุก็จะกลับมาแล้วโกรธใส่ทุกคนที่มาครึกครื้นกันตามอำเภอใจ

ผีดูดเลือดสีซากุระกับมิโกะสีแดงขาว
หากเอาสีแดงและสีขาวของมิโกะมาผสมกัน อาจจะได้เป็นสีซากุระก็เป็นได้
แต่ว่าความต่างนั้นมันใหญ่หลวงนัก
การที่สีแดงและสีขาวคงอยู่โดยไม่ผสมกัน, อาจกล่าวได้ว่ามีอาณาเขตถือกำเนิดขึ้น ณ จุดนั้น
นับแต่โบราณกาล, ญี่ปุ่นถือว่าสีแดงขาวคือ 「สิริมงคล」 และใช้สีดำขาวแทนความไม่เป็นมงคล
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ทั้งสองแบบที่ตรงข้ามกันกลับมีการใช้สีขาวทั้งคู่
อาจสรุปง่ายๆว่า สีแดงคือลางดี ส่วนสีดำคือลางร้าย, แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
ยังไงสีขาวก็ยังจำเป็นอยู่ดี

น่าคิดว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วสีขาวบ่งชี้ถึงอะไรกันล่ะ
อันดับแรก, สีขาวไม่ได้รับการยอมรับในฐานะสี
สาเหตุก็คือ, มันเป็นสีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีอะไรก็ได้
ในทางคณิตศาสตร์ก็คือ Zero นั่นเอง
ส่วนสีแดง เป็นสีของเลือดมนุษย์ จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต
เป็นสีแห่งชีวิตที่มนุษย์รู้สึกได้เป็นสีแรก, กล่าวคือเป็นสีแห่งต้นกำเนิด
จะคิดว่ามันคือการมีตัวตนก็ได้

สรุปก็คือ ระหว่างสีแดงและสีขาว คือความต่างระหว่างความมีกับความไม่มี
นั่นคือสาเหตุที่อาณาเขตระหว่างแดงขาวหมายถึง 「สิริมงคล」
การเน้นย้ำอาณาเขตที่ใช้สีแดงขาวสลับกัน, ทำให้เส้นอาณาเขตมีความหมายถึงการกำเนิดของสรรพสิ่ง,
ด้วยเหตุนี้คนโบราณจึงเชื่อว่ามันเป็นลางดี

ถ้าเช่นนั้น, สีดำขาวคืออะไรกันล่ะ
ในขณะที่สีขาวไม่ได้รับการยอมรับในฐานะสี, สีดำเองก็ไม่ได้รับการยอมรับในฐานะสีเช่นกัน
สีดำเป็นเพียงความมืด, ไม่ว่าสีอะไรก็ตาม เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดก็จะกลายเป็นสีดำ
ไม่มีสิ่งใดที่สามารถถือกำเนิดขึ้นมาจากจุดนั้นได้
หากสีขาวคือ Zero ล่ะก็ สีดำก็คือความว่างเปล่า
อาณาเขตระหว่างดำขาวซึ่งนัยถึง Zero กับความว่างเปล่า จึงไม่ก่อให้สิ่งใดเกิดร่างจริง, หรือก็คือ ไม่ก่อให้เกิดชีวิตใดๆ
ความแตกต่างระหว่างแดงขาวกับดำขาวนั้น คล้ายคลึงกับความแตกต่างระหว่างโลกนี้กับโลกโน้น (โลกมนุษย์กับโลกหลังความตาย)
เมื่อแดงขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต, ดำขาวจะมีความหมายถึงความตายก็มิใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด



ถ้าอย่างนั้น, ทำไมสีซากุระจึงทำให้มนุษย์ลุ่มหลง, และดึงดูดผู้คนส่วนมากกันนะ ?



――กริ๊ง

「... ...ซากุระกลายเป็นสีขาวแล้วนะ」

「ยินดีต้อน... ...」

ทั้งที่ได้ยินเสียงประตูเปิด, แต่ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ที่ทางเข้าร้านเลย

「งานชมดอกไม้เมื่อวานสนุกมากเลยนะ」

「!! ... ...เข้ามาอยู่ในร้านตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย」

ผู้ที่ปรากฏตัวในร้านก็คือ ยาคุโมะ ยูคาริ นั่นเอง
ผมไม่ค่อยถูกโรคสาวน้อยตนนี้
ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่, จึงรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนต่อไหนอย่างช่วยไม่ได้
พอเธอมาอยู่ใกล้ๆแล้ว, ทำให้รู้สึกไม่น่าอยู่ขึ้นมาอย่างแรง

「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ, ดูเหมือนช่วงนี้ทุกคนจะจัดงานชมดอกไม้กันทุกวัน, ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนบ้างเลยเหรอ ?」

「ไม่นี่คะ, พรุ่งนี้จะเป็นงานชมดอกไม้ครั้งแรกค่ะ」

「งั้นเหรอ... ...ช่วงก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ไปที่ศาลเจ้าเลยงั้นเหรอ」
ผมมักจะจินตนาการถึงภาพเหล่าผู้อยู่รอบตัวเรย์มุมารวมตัวกันพร้อมหน้าแล้วส่งเสียงอึกทึกครึกโครมบ้าบอคอแตก, ก็เลยผิดคาดนิดหน่อย

「เปล่านะคะ ? ฉันก็อยู่ที่ศาลเจ้าทุกวันนั่นล่ะค่ะ
 แต่ว่า, พรุ่งนี้จะเป็นงานชมดอกไม้ครั้งแรกค่ะ
 เป็นวันแรกที่ซากุระของจริงเบ่งบานค่ะ」

ไม่ค่อยเข้าใจที่เธอพูดเท่าไหร่, แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีงานชมดอกไม้
ตัวผมพูดเองก็กระไร, แต่ผมคิดอยู่ว่าถ้าวันนี้ถูกชวนไปร่วมงานก็จะอาจจะไป, เลยรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
วันนี้ก็คงจะต้องดื่มน้ำชาพลางชมดอกไม้ด้วยตัวคนเดียวอย่างช่วยไม่ได้เสียแล้ว

「วันนี้แค่มาตรวจสอบความขาวของซากุระเท่านั้นค่ะ
 ถ้าเช่นนั้นก็ขอตัวไปที่ศาลเจ้าก่อนล่ะค่ะ
 ใต้ซากุระสีแดงฉานของศาลเจ้า... ...
 จริงสิ
 ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จริง แต่รู้รึเปล่าคะ ? ว่าโชวฮาฉิมันคือต้นกำเนิดของการนับธงแดงขาวว่าเป็นสิริมงคล
 ลืมกันได้ง่ายๆเลยนะคะ, เรื่องเก่าแก่แบบนั้น」
(โชวฮาฉิมัน นัยถึง มหาโพธิสัตว์ผู้ถูกเรียกขานว่า ฮาฉิมันชิน (เทพแปดธง))

เมื่อพูดจบ, ยูคาริก็ออกไปทางประตูหน้าโดยไม่รอคำตอบ
ผมน่ะ, ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเธอจะชักนำบทสนทนาไปในทิศทางใด, จึงไม่เคยจับใจความได้เลย
ผมคิดว่าการสนทนานั้น, ต่อให้อีกฝ่ายพูดเร็วแค่ไหนก็สามารถตามทันได้ เพราะสามารถคาดเดาได้ว่าต่อไปอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา
คำพูดที่คาดเดาไม่ได้ก็เหมือนกับการสวดมนต์นั่นแหละ



ผมมองซากุระพลางชงน้ำชา
หากจะว่าไปแล้ว ซากุระของที่นี่จัดว่ามีสีขาว เมื่อเทียบกับซากุระของที่อื่น
คงไม่ใช่แค่เรื่องของพันธุ์ซากุระ
เพราะว่าจนถึงเมื่อปีก่อน มันยังไม่ขาวขนาดนี้เลย
เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปร่วมงานชมดอกไม้ดีกว่า
ถ้ามีคนมาชวนล่ะก็นะ... ...



วันต่อมา, ซากุระบานสะพรั่งจนที่ผ่านมาถึงเมื่อวานเหมือนกับเป็นเรื่องโกหกไปเลย
คลื่นสีขาวแผ่ขยายราวกับจะบดขยี้ร้านนี้ทิ้งไป, มองดูราวกับว่ามีเพียงซากุระเท่านั้นที่อยู่นอกหน้าต่าง



งั้นเหรอ, แต่เดิมซากุระสามารถเบ่งบานได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
ธรรมชาติมักอยู่เหนือการคาดเดาเสมอ
ยังไงซะ, การคาดเดาก็ไม่อาจเทียบได้แม้ปลายเล็บของมายา

จะว่าไป, พอลองคิดอย่างสงบดูก็พบว่า, มันเบ่งบานมากเกินไปหน่อยรึเปล่า ?
สิ่งที่เรียกว่าดอกซากุระนั้น, ต่อให้ไม่ถูกสายลมใบไม้ผลิพัดใส่ ก็ไม่น่าจะคงอยู่ได้ยาวนานขนาดนี้
สิ่งที่น่าจะคงอยู่เพียงชั่วพลันกลับยืนยงได้ถึงตอนนี้, ชักทำให้ผมกังวลขึ้นมาซะแล้วสิ
ที่สุดแล้วซากุระพวกนี้จะร่วงโรยลงมารึเปล่านะ... ...



――กริ๊งกริ๊ง

「อยู่รึเปล่า ?」

「ยินดีต้อน... ...อ้อ, เรย์มุเองเหรอ」

เรย์มุที่น่าจะกำลังจัดงานชมดอกไม้ที่ศาลเจ้าทุกวันกลับมาโผล่ที่นี่
ผมนึกว่าจะเป็นมาริสะเสียอีก เพราะเรย์มุน่าจะต้องเตรียมงานและเก็บกวาดหลังงานเลิกจนยุ่งทั้งวัน

「ช่วงนี้จัดงานชมดอกไม้ตลอดเลยน้า
 มีใครต่อใครมาที่บ้านเกือบทุกวันเลยล่ะ」

「แสดงว่าซากุระของศาลเจ้ามันงดงามขนาดนั้นเลยล่ะสิ ?」

「นั่นสิน้า... ...」 รู้สึกได้เลยว่าน้ำเสียงและท่าทางของเธอดูแย่ๆ, ชนิดที่ว่าหาดูได้ยาก
แม้แต่เรย์มุเองก็คงเหนื่อยจากการจัดงานชมดอกไม้อย่างต่อเนื่องกระมัง

「วันนี้ขอยืมที่หลังร้านหน่อยนะ」

「ที่หลังร้าน ? อยากขอยืม ?」

「ก็แหงอยู่แล้วว่าต้องหมายถึงงานชมดอกไม้
 วันนี้จะจัดงานชมดอกไม้ที่หลังร้านนี้นี่แหละ」

เฮ้อ กะแล้วเชียว, เธอไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกับการจัดงานชมดอกไม้ต่อเนื่องเลยรึไงนะ

「ทุกคนเขาบอกมาน่ะ
 ว่าซากุระที่หลังร้านโควรินโดวน่าจะใกล้บานแล้ว
 ก็เลยแค่ลองแวะมาดูนิดหน่อย, แต่ดูเหมือนจะได้จังหวะเหมาะพอดีเลยนะ」



ซากุระที่บานมาจนถึงเมื่อวานนี้ถือว่า 「ยังไม่บาน」 สำหรับพวกเธองั้นเหรอ
หมายความว่ามีแค่ผมคนเดียวที่คิดว่ามันบานสะพรั่งแล้ว และชมดอกไม้เหล่านั้นงั้นเหรอ
ถ้าอย่างนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่า, สาเหตุที่ช่วงนี้มีแขกเยอะ ก็แค่เพราะพวกเธอมาตรวจสอบซากุระที่หลังร้านเท่านั้นเอง

「ผมไม่ค่อยชอบความอึกทึกครึกโครมสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่า... ...ชวนทุกคนไปแล้วเหรอ ?」

「ยังเลย, แค่มาดูซากุระเท่านั้นเอง, ยังไม่ได้ชวนใครเลย
 แต่คิดว่า, อีกเดี๋ยวทุกคนก็จะมารวมตัวกันที่นี่โดยธรรมชาติเองแหละ」

「ทำไมล่ะ ?」

「เพราะมันเป็นของมันแบบนั้นไงล่ะ」

นั่นคือธรรมชาติของเรย์มุงั้นเหรอ
สำหรับเรย์มุ, มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะมารวมตัวกัน ณ สถานที่ที่เธออยู่, และเพราะเป็นเรื่องธรรมดานี่แหละ เธอจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

「ลองเรย์มุพูดแบบนั้นก็แสดงว่าอีกเดี๋ยวร้านนี้จะอึกทึกครึกโครมแล้วสินะ
 วันนี้จะต้องปิดร้านรึนี่, แต่ก็ไม่น่าจะได้ค้าขายล่ะนะ」

「อ้าว, ทุกทีก็แค่เปิดประตูร้านเอาไว้เฉยๆไม่ใช่เหรอ」

「ก็แค่มีมนุษย์ที่ไม่ใช่ลูกค้ามาเยือนบ่อยเท่านั้นเอง」

「ก็แค่เพราะร้านนี้ไม่มีของที่อยากได้วางขายเท่านั้นเอง」



ซากุระสีขาวที่หลังร้าน
ในขณะที่สีขาวจัดว่าไม่มีสี มันก็เป็นพื้นฐานให้แก่สีอื่นๆ
รุ้งเจ็ดสีเองก็มีสีขาวเป็นรากฐานเช่นกัน
ซากุระสีขาวเหล่านั้น, เมื่อเติมสีแดงอันเป็นสีแห่งต้นกำเนิดเข้าไปจนกลายเป็นสีแดงขาว, ก็จะชักนำสีอื่นๆเข้ามาในภายหลัง
ทั้งการที่ซากุระกลายเป็นสีขาวด้วยตนเอง และการที่มันบานสะพรั่งในเวลาเดียวกับเรย์มุผู้มีสีแดงมาเยือนที่นี่, มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าซากุระที่เหมือนกับโยวไคเหล่านี้
และเมื่อเรย์มุมาที่นี่ ผู้คนก็จะเริ่มมารวมตัวกัน
ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกควบคุมด้วยพลังเวทของซากุระอยู่

ดอกซากุระนั้นเบ่งบานโดยคิดเพียงแต่จะล่อลวงให้ผู้คนมารวมตัวกันที่เบื้องใต้ของตนเท่านั้น
หากคิดเพียงแต่จะรวบรวมอยู่นานหลายสิบหลายร้อยปี, ต่อให้เป็นพืชก็คงจะมีพลังประหลาดขึ้นมาได้เหมือนกัน
ซากุระที่หลังร้านคงคิดจะครอบครองทั้งสีแดงขาวและสีรุ้ง จึงทำให้ตนเองกลายเป็นสีขาวเพื่อดึงดูดสายตาผู้คนและเรียกสีแดงอย่างเรย์มุมาแน่ๆ

คนที่ล่วงรู้ถึงแผนการของซากุระพวกนี้คงจะมีแค่ผมคนเดียว
คงจะใช้วิธีนี้ควบคุมมนุษย์และค่อยๆพัฒนากลายเป็นโยวไคสินะ
หากมันได้พลังเวทที่ก่อความเสียหายแก่มนุษย์ได้มาไว้ในครอบครอง, ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจต้านทานได้
ซากุระที่หลังร้านเหล่านั้น, มีความรู้ถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ



... ...แต่เอาเถอะ, แบบนั้นก็ไม่เลว
ชมซากุระแล้วอยากส่งเสียงดัง, อยากตาย, อยากมารวมตัวกัน, ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด
เหนืออื่นใด, การที่ซากุระมีสีแดงและสีขาวอยู่ ทำให้มันมีความหมายถึงการกำเนิดแห่งสี และการกำเนิดแห่งสีก็คือการกำเนิดที่แท้จริง
ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาล, อันที่จริงตอนที่ซากุระเบ่งบานควรถูกจัดว่าเป็นวันปีใหม่ด้วยซ้ำ
จริงอยู่ว่าเรื่องนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้, แต่อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งล่ะ ที่รู้สึกว่ามันเป็นวันปีใหม่
ดังนั้นการถูกพลังเวทของซากุระควบคุมมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก

「เป็นอะไรไปเหรอ ? ทำหน้าเหมือนยินดีกับอะไรบางอย่างอยู่เลย」

「ก็นี่มันวันปีใหม่นี่นา, ต้อง 『น่ายินดี』 อยู่แล้ว」

「เป็นวันปีใหม่ที่มาช้าน่าดูเลยนะ」

「ว่าแต่เธอรู้รึเปล่าว่าทำไมสีแดงขาวจึงเป็นสิริมงคล ?」

「เรื่องนั้นก็... ...เพราะเป็นมิโกะไงล่ะ」
(ชุดของมิโกะเป็นสีแดงตัดกับสีขาว)



ผมเห็นสีดำปนอยู่ท่ามกลางสีขาวของซากุระที่อยู่นอกหน้าต่าง, และกำลังใกล้เข้ามาทางนี้

ทว่าไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกว่าสีดำนั้นเป็นลางร้ายเลย
(คาดว่าหมายถึง มาริสะ)





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- ฉากหลังของภาพประกอบภาพแรก มีตัวละครจากภาคสามภูตจันทราปรากฏอยู่ทั้งสามตน รวมถึงยูคาริด้วย
   โดยลูน่าไชลด์และยูคาริอยู่ตรงกลางของภาพ แต่โดนตัวอักษรบังอยู่ ถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็น
   ถ้าอยากได้ภาพนี้เต็มๆโดยไม่มีอะไรขวางกั้น... ก็ต้องซื้อฉบับรวมเล่มของจริงเท่านั้นจ้า ^ ^)
- ครึ่งวัยกลางคน หมายถึง เด็ก, วัยรุ่น หรือผู้ที่ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เทียบเท่าผู้ใหญ่หนึ่งคน
- ถูกใช้ให้ไปรวบรวมยูวเรย์ที่พลัดหลงไปทั่วเกนโซวเคียว... นัยถึงเหตุการณ์ในภาคหนังสือพิมพ์
- รินโนะสุเกะหารู้ไม่ว่า มีโยวไคอยู่ตนหนึ่งที่เฝ้ามองเกนโซวเคียวอยู่ตลอดเช่นกัน นั่นก็คือ ยาคุโมะ ยูคาริ
- พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่ซากุระของจริงเบ่งบาน... หมายถึง ที่ผ่านมาเป็นเพียงเบ่งบานธรรมดา แต่มิใช่บานสะพรั่งสมบูรณ์แบบช่วงท้ายของบท
- ยูคาริพูดถึงเรื่องสีแดงขาวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับรู้ว่ารินโนะสุเกะครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่
- คำว่า ซื่อ(บื้อ) สิริมงคล และคำว่า น่ายินดี ล้วนใช้คำเดียวกันว่า เมเดทาอิ



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้