WaHH - 03


東方茨歌仙 ~ Wild and Horned Hermit.
โทวโฮวอิบาระคาเซน(ยอดกวีหนามแห่งตะวันออก) ~ เซียนผู้มีเขาและป่าเถื่อน


.........................................................................................................................................................................................

เล่ม 3

วางจำหน่ายในวันที่ 27 เดือน 7 ปี 2013
ภายในเล่มประกอบด้วยเนื้อหาตอนที่ 11-15



ISBN : 978-4-75-801317-8 (ฉบับธรรมดา)
ISBN : 978-4-75-801318-5 (ฉบับพิเศษ)

สำนักพิมพ์ : อิฉิจินชา

เรื่อง : ZUN

ภาพ : อาซึมะ อายะ



ฉบับภาษาไทย



วางจำหน่ายในวันที่ 29 มีนาคม 2014

ด้วยข้อจำกัดด้านเนื้อที่ในแต่ละหน้า ทำให้ผู้แปล (ข้าพเจ้า) ไม่สามารถเขียนอธิบายมุขเพิ่มเติมในบางจุดได้
ในบางจุดก็จำเป็นจะต้องแปลงมุขให้เป็นแบบไทย เพื่อจะได้ไม่ต้องอธิบายยืดยาวเกี่ยวกับการเล่นคำในภาษาญี่ปุ่น
หากแต่แฟนโทโฮบางส่วนก็ต้องการที่จะทราบถึงมุขต้นฉบับเหล่านั้น
ข้าพเจ้าจึงขอทำการอธิบายมุขต้นฉบับต่างๆลงในบล็อกแห่งนี้แทน








แก้ไขคำผิด-คำหาย

หน้าปก
  ฉบับ Limited ใช้คำว่า "ภาคพิเศษ" แต่ที่จริงแล้วหมายถึง ฉบับพิเศษแบบจำกัดจำนวน (Limited)
  ไม่ได้หมายความว่ามีเนื้อหาต่างจากฉบับปกติแต่อย่างใด

หลายจุดในฉบับ
  ตามหลักควรเขียนว่า TouHou ตามแบบในกรอบขาวที่ปกหลัง แต่กลับเขียนแค่ ToHo
  ทั้งนี้เป็นเพราะเหนืออักษร o มีขีดอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงให้ทราบว่าต้องอ่านออกเสียงลากยาว จึงมีค่าเท่ากับ -ou นั่นเอง

หน้า 3
  ช่อง "ของอะไร ?" กับช่อง "ธุรการ ?" สลับคำพูดกัน ความจริงแล้ว "ธุรการ ?" ต้องมาก่อน

หน้า 85
  เว้นวรรคผิดนิดหน่อย ความจริงต้องไม่มีวรรคระหว่างประโยค "สัตว์ป่ากลายเป็นโยวไคโดยไม่ถูกต้องแล้วโดนตามล่า"




อธิบายเพิ่มเติม+จุดที่น่าสนใจ

ตอนที่ 11

- ทุกคนต่างตกใจเมื่อบอกว่ามีเสือ แปลว่าปกติแล้วเกนโซวเคียวไม่มีเสือ ?
- ยังต้องใช้เหล้าในการฆ่าเชื้อ แต่จะบอกว่าในเกนโซวเคียวไม่มีแอลกอฮอล์ก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว อย่างน้อยเอย์รินก็น่าจะผลิตเป็นล่ะนะ
- เลิกเป็นมนุษย์ ในกรณีของมาริสะ หมายถึงการผันตัวเองไปเป็นโยวไคเผ่าจอมเวท แต่แน่นอนว่าเธอยังไม่คิดจะทำแบบนั้น
- อุนโชว ตัวละครเพศชายตัวที่ 3 ที่มีครบทั้ง ชื่อ ประวัติ รูปลักษณ์ บทบาท บทพูด ต่อจากรินโนะสุเกะและอุนซัน
  รินโนะสุเกะเป็นลูกครึ่งมนุษย์/โยวไค อุนซันเป็นโยวไค ส่วนอุนโชวเป็นมนุษย์
- ตอนแรกมาริสะเรียก ผู้เฒ่าอุนโชว แต่พอได้รับรักษาจนหายดี เธอเปลี่ยนไปเรียกว่า คุณปู่อุนโชว
- ข้อมูลใหม่ มาริสะเกลียดการเป็นของโชว์ให้คนอื่นดูเล่น
- อ้างอิงจากตำนาน "ยาพิศวงของกัปปะ" กัปปะตัวหนึ่งเล่นซนจนโดนตัดแขน เลยปลอมเป็นมนุษย์แล้วเอาสูตรยามาขอแลกแขนคืน
- เนื้อหายังไม่ได้เปิดเผยว่าทำไมกล่องแขนกัปปะใบนั้นถึงได้มีแขนสองข้าง แถมไม่มีพังผืดด้วย
  (จากจุดนี้ช่วยสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า โยวไคสาวน้อยเหล่านี้เป็นเพียงรูปลักษณ์หลอกตา ร่างจริงยังคงแสดงให้เห็นอยู่ ถ้าเก่งพอจะมองออก)
- ถ้าหากบอกว่าหรูหราระดับภัตตาคาร แปลว่าในหมู่บ้านมนุษย์น่าจะมีร้านระดับนั้นอยู่ด้วย ถึงได้รู้ว่าต่างจากปกติยังไง
- อาหารการกินของคฤหาสน์มารแดงเลิศหรูมาก ขนาด(หัวหน้า)คนรับใช้ยังได้ทานของดีระดับนั้นเลยทีเดียว


ตอนที่ 12

- เข้าใจว่าหมายถึง บ้านอยู่ที่เดิม แต่ย้ายตำแหน่งค่ายกล(ตามศาสตร์ของจีน) ทำให้เข้าถึงยากกว่าเดิม
- ความสามารถของโคมาจิคือการควบคุมระยะทาง จากจุดนี้อาจเป็นไปได้ว่าความวกวนของเส้นทางไม่มีผลต่อความสามารถของเธอ
- ถึงจะใบ้มาหลายครั้งแล้ว แต่บทสนทนาระหว่างคาเซนกับโคมาจิก็ยิ่งช่วยยืนยันซ้ำว่าเธอไม่เหมือนเซียนทั่วไป(ซึ่งมีต้นกำเนิดจากมนุษย์)
- ตัวประกอบพร้อมหน้าทั้ง กัปปะผมบ๊อบดำและกัปปะโพนี่เทลแว่น
- มังกรวารี เรียกอย่างเจาะจงแบบนี้ แปลว่ามังกรเองก็แบ่งได้เป็นหลายพันธุ์เช่นกัน
- นิโทริเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามังกรวารีมีพลังระดับไหนกันแน่ บางทีอาจเหนือกว่าพลังที่ยักษ์วารีแสดงให้เห็นก็เป็นได้
- ยักษ์วารี มีต้นแบบมาจากตำนาน "จตุรยักษ์แห่งฟุจิวาระ โนะ จิทากะ" ซึ่งประกอบไปด้วย ยักษ์วารี ยักษ์วายุ ยักษ์เหล็ก ยักษ์เร้นกาย
- พวกเรย์มุไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับการที่คนแปลกหน้าจะโดน "ฆ่า" เลย
- เรย์มุฟังคำอธิบายเรื่องต่ออายุขัยจากคาเซนแล้วเดาออกว่าคนที่กำลังจะโดนฆ่าก็คือ "เซียน"
- เซย์กะรู้จักการใช้นามบัตรซะด้วย
- เรย์มุลืมคนง่ายจริงๆ แถมเป็นอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วเสียด้วย
- อาจตีความได้ว่า ความสามารถทะลุกำแพงของเซย์กะ มาจากไอเทมที่เป็นปิ่นปักผมของเธอล้วนๆ
- ไม่แน่ชัดว่าเซย์กะใช้เวลาขุดดินหลายวัน หรือใช้เวลาหลายวันในการนึกออกว่าสามารถขุดดินหนีออกมาได้ (ฮา)
- คาเซนคงยังไม่รู้จักเซย์กะดีพอ เลยไม่รู้ว่าเซย์กะแสบแค่ไหน ^ ^)"


ตอนที่ 13

- ชุดมาริสะในตอนที่ 13 ดูออกแนวตะวันตกมากขึ้น
- ปืนเป็นที่รู้จักดีในเกนโซวเคียว และดูเหมือนจะมีใช้กันทั้งฝ่ายโยวไคและฝ่ายมนุษย์
- การ์ดคะแนน มุมซ้ายเขียนว่า บ๊วย มุมขวาเขียนว่า สิบแต้ม ตรงกลางมีภาพดอกบ๊วย
- ถ้ายามะวาโระตนนั้นบอกว่าอีกฝ่ายเป็นทีม "ภูเขา" แล้วทีมของตัวเองชื่อทีมอะไรหว่า ?
- คาเซนแต่งตัวล้อนักสืบตะวันตกในสมัยก่อน


ตอนที่ 14

- มาริสะเปลี่ยนชุดอีกครั้ง ดูเหมือนจะเป็นชุดเดิมจากตอนที่แล้ว แค่เสริมเสื้อคลุมอีกชั้น ?
- การเข้าออกเกนโซวเคียว เหมือนจะยาก แต่ที่จริงก็ง่ายกว่าที่คิด
- เรื่องจริงในญี่ปุ่นช่วงนั้นคือ โรงเตี๊ยมหลายแห่งในจังหวัดอิวาเตะโฆษณาเรียกลูกค้าโดยกล่าวอ้างว่าสามารถพบเห็นซาชิคิวาราชิได้บ่อยครั้ง
- คำร้องขอซาชิคิวาราชิจากโลกภายนอก ? มาจากระบบเขตแดน หรือมาจากใครบางคนกันนะ ? มนุษย์หรือโยวไค ?
  หรือแค่หมายถึงมนุษย์โลกภายนอกธรรมดาที่ต้องการสร้างจุดขายทางการค้าเลยวิงวอนอยากได้ซาชิคิวาราชิ
  แล้วใครเป็นคนต้นคิดเรื่องเอาค่าจ้างมาล่อใจซาชิคิวาราชิกันล่ะ ? ติดต่อผ่านใคร ? แล้วใครเป็นคนจ่าย ?
  ปริศนามากมายทีเดียว
- เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโยวไค หมายถึงอะไรกันนะ... ? เกี่ยวข้องกับการสอดแนมมนุษย์โลกภายนอกด้วยงั้นเหรอ...
- อาหารที่พอเลี้ยงโยวไคทุกตนจนอิ่มท้อง ...นั่นสิ มาจากไหนกันน้า ? ^ ^)~
- ฉากสุดท้ายจะเห็นได้ชัดว่ามีฮอบก็อบลินอยู่หลายตัวเลยทีเดียว
- ก่อนจบตอน บอกว่าฮอบก็อบลินทำงานอยู่เบื้องหลัง แปลว่าคงไม่ออกมาให้เห็นบ่อยๆในเนื้อเรื่อง


ตอนที่ 15

- ตอนที่ยังเป็นแบบรายเดือน ตอนที่ 15 นี้มีชื่อตอนว่า "ศาลเจ้าที่ผู้คนไม่เข้าใกล้"
- ยังหนีไม่พ้นคำว่า "หนังสือที่ขอยืมมา" (ฮา) แต่อย่างน้อยมาริสะก็ไม่มักง่ายกับหนังสือเหล่านั้นล่ะนะ
- ต้นฉบับเขียนว่า "ธุรกิจศาลเจ้าไงล่ะ !" อยู่นอกกรอบคำพูด ตรงไหล่ขวาของเรย์มุ
  แล้วช่องต่อมา คาเซนพูดเปิดว่า "ไงล่ะ !" ก่อนที่จะพูดต่อว่า "คิดจะเปิดอุโบสถบ้างเหรอ ?"
  .....อาจเป็นมุขตลกญี่ปุ่น (พูดซ้ำคำลงท้ายของคนที่พูดก่อนหน้าตน) หรือความผิดพลาดของต้นฉบับ
  แต่เพื่อให้ผู้อ่านชาวไทยไม่งุนงงสับสน จึงเลือกแปลเลี่ยงเป็น "หา !"
- ที่จริง ณ ตอนที่ 15 นี้คาเซนรู้แล้วว่า ร่างสถิตของเทพประจำศาลเจ้าฮาคุเรย์มีอยู่จริง
  ซึ่งมันก็คือลูกแก้วหยินหยางที่เรย์มุชอบนำไปใช้ออกศึกนั่นเอง โดยอานิสงส์=กำราบโยวไค
  เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ในภาคสามภูต ภาคสาม ตอนที่ 17
- ศาลเจ้าฮาคุเรย์เองก็เคยมีช่วงหนึ่งที่มีอานิสงส์เกี่ยวกับการเรียนจบด้วย
- มิโกะรุ่นก่อนๆก็เซ่อซ่าไม่แพ้เรย์มุเช่นกัน แต่ไม่ได้ระบุว่ารุ่นไหนบ้าง
- ต้นบ๊วยซ่อนมังกร เป็นต้นบ๊วยพันธุ์หนึ่ง มีลักษณะตามที่ยูคาริอธิบาย ชื่อของมันมาจากคำว่า บ๊วย กับ มังกรซ่อนกาย
  มังกรซ่อนกาย ซึ่งหมายถึง บุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นแต่ซ่อนตัวหรือทำตัวกลมกลืนอยู่ท่ามกลางผู้คน
- ยูคาริใช้คำว่า พฤกษาเทพต้นใหม่ เพราะเคยมีต้นหนึ่งก่อนหน้านี้แล้ว ปรากฏในเนื้อเรื่องครั้งแรกในภาคสามภูต ภาค 2-3
  ซึ่งก็คือต้นไม้ที่โดนไรจูผ่าเป็นสองเสี่ยง แล้วพวกสามภูตป่วนเข้าไปทำรังอยู่อาศัยนั่นแล


ปัจฉิมลิขิต

- (ฉบับธรรมดา) ผู้วาดระบุว่าบทพูด-บทบรรยายทุกอย่างอิงตามท่าน ZUN ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ยกเว้น Sound Effect ที่คิดเอง



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่หน้าหลักของหนังสือภาคนี้