CoLA - 012


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


(ไม่มีภาพประกอบเนื่องจากเป็นตอนพิเศษที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือโดจิน)
ตอนที่ 12
「อุปกรณ์ของเหล่าเทพ」

 

「อุปกรณ์ชิ้นนี้... ...มนุษย์โลกภายนอกคิดยังไงถึงสร้างขึ้นมานะ」

ผมเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวไว้บนชั้นวางของภายในร้าน ในขณะที่รู้สึกได้ถึงความหนาวเล็กน้อย



เห็นอย่างนี้แต่ผม, โมริจิกะ รินโนะสุเกะ, ก็เป็นพ่อค้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ร้ายขายของเก่า 『โควรินโดว』 แห่งนี้มีอุปกรณ์หลากหลายเรียงรายอยู่, และส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้า
รวบรวมอุปกรณ์ของโลกภายนอกมาเพื่อขาย, เปิดประตูร้านไว้เพื่อลูกค้า

ทั้งที่เป็นแบบนั้น, ยัยพวกนั้นก็มาที่ร้านทั้งที่ไม่ใช่ลูกค้าด้วยซ้ำ, แล้วทำอย่างกับผมเป็นพ่อค้าปลอม
ชอบพูดว่า 「มีแต่ของที่ยังไงก็ไม่คิดจะขายไม่ใช่เหรอ ?」
ไม่คิดจะขายให้กับคนที่ไม่ใช่ลูกค้าเท่านั้นแหละ

มันก็จริงที่ว่ามีของบางชิ้น...ในร้านที่ไม่คิดจะขาย, เป็นสินค้าไม่ขายเพราะเป็นของที่ผมสนใจ
สิ่งของเหล่านี้, ในฐานะร้านค้าก็ต้องจัดว่าเกะกะเพราะทำได้แค่กินพื้นที่เท่านั้น
ทว่า, สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นของที่มีคุณค่ามากกว่าการเป็นสินค้า
และยังไม่มีผู้ใดที่คิดจะจ่ายสิ่งตอบแทนซึ่งสมน้ำสมเนื้อกับคุณค่าเหล่านี้



ในบรรดานั้น, ช่วงนี้มีอุปกรณ์ที่ผมกำลังกังวลอย่างแรงอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากมันไม่น่าโสภาอย่างมาก, จึงเป็นสิ่งของที่ไม่สามารถนำไปปรึกษากับใครได้
กล่องสีขี้เถ้าที่มีขนาดพอจะถือไปมาได้อย่างอิสระ――วัสดุคือสิ่งที่เรียกว่า Plastic งั้นเหรอ ?
เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ใช่ทั้งเหล็กและก้อนหิน, อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว
ช่วงนี้มีอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุแบบนี้เยอะมาก
นอกจากนี้, ยังมีสวิตช์และปุ่มหลายหลากติดอยู่ด้วย
ทว่า, กดไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

ถ้าแค่นั้นก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่น่าโสภาหรอก, แต่ที่มันประหลาดก็คือ 『ประโยชน์』 ของอุปกรณ์ชิ้นนี้เนี่ยสิ
ใช่แล้ว, ความสามารถของผมคือ 『สามารถรู้ประโยชน์ของอุปกรณ์ได้อย่างแน่ชัด』
ดังนั้นจึงมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ถึงความไม่น่าโสภานี้
และนั่นคือความไม่น่าโสภาที่มากพอจะทำให้เจ้ากล่องนี้กลายเป็นสินค้าไม่ขาย



――กริ๊งกริ๊ง

「ข้างนอกหนาวจังโว้ย, โควริน~
 อยู่ในป่ายังจะดีซะกว่าเลย」

「มาริสะเองเหรอ
 ถ้าจะเข้ามาในร้านก็ปัดหิมะเสียก่อนสิ」

「เออ---, ปัดอยู่แล้วน่า
 เดี๋ยวนี้แหละ」

ผมซ่อนกล่องใบเล็กที่ไม่น่าโสภาไว้บนชั้นวางของ, แล้วตรงไปที่ทางเข้า

「ปัดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ
 เข้ามาอยู่ในร้านแล้วไม่ใช่เหรอ」

「ก็ไม่ใช่ลูกค้านี่นา, แค่นี้ไม่เป็นไรมั้ง ?」

「เป็นสิ, สองเท่าเลยล่ะ
 ถ้าสินค้าเปียกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ ?」

「มีแต่ของที่ยังไงก็ไม่คิดจะขายไม่ใช่เหรอ ?
 ในร้านมีแต่สินค้าไม่ขายทั้งนั้นเลยนี่นา
 ท่าทางเหมือนไม่ได้คิดจะขายเลยสักนิดด้วยซ้ำ」

「ต่อให้เป็นสินค้าไม่ขาย แต่ถ้าเปียกขึ้นมาก็เดือดร้อนนะ
 เอาเป็นว่า, รีบไปปัดหิมะที่นอกร้านก่อนเถอะ」

มาริสะออกไปข้างนอกแบบไม่เต็มใจนัก
หิมะกองอยู่บนหมวกของเธอ
ว่าแต่มันตกหนักขนาดนั้นเลยเหรอ... ...ผมไม่ได้ออกไปข้างนอกแม้แต่นิดเดียวจนไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าหิมะตก

ถึงเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก
แค่รอให้ฤดูหนาวที่โหดร้ายสิ้นสุดลงโดยการอยู่ข้างๆเตาผิงที่เป็นผลผลิตทางปัญญาของมนุษย์ก็พอแล้ว

「ขอโทษที่ให้รอ
 ข้างนอกอากาศหนาวก็จริง, แต่พระอาทิตย์โผล่ออกมาได้สวยมากเลยว่ะ」

「หิมะหยุดตกแล้วเหรอ ?」

「อื๋อ ? หิมะไม่ได้ตกตั้งแต่แรกแล้วล่ะโว้ย」

「แต่มีหิมะอยู่บนหมวกของเธอไม่ใช่เหรอ」

「อ๋อ, โดนต้นไม้ในป่าเล่นงานเข้าน่ะ
 คงเป็นฝีมือของพวกโยวเซย์ขี้แกล้งล่ะมั้ง ?
 พอมีคนผ่านมาใต้ต้นไม้ก็เขย่าต้นไม้ให้หิมะตกลงมา
 เพราะงั้นเลยหนักหัวอย่างช่วยไม่ได้ว่ะ」

ผมสงสัยว่าทำไมไม่ปัดทิ้งตั้งแต่ตอนโดนหิมะตกใส่
แต่ยังไงก็คงตอบว่า 『กำลังฝึกให้คอแข็งอยู่』 แน่ๆ เลยไม่ถามดีกว่า

「ช่วงนี้ไม่มีสินค้าอะไรน่าสนใจเข้าร้านมาบ้างเลยเหรอ ?」

「จริงสิ เมื่อเร็วๆนี้... ...」 แล้วผมก็หยุดพูดไป

อุปกรณ์ที่เพิ่งได้มาเมื่อเร็วๆนี้, ก็คือเจ้ากล่องที่ไม่น่าโสภาอันนั้นนั่นแหละ
อะไรที่ไม่น่าโสภางั้นเหรอ, ก็ประโยชน์ของอุปกรณ์ชิ้นนั้นไงล่ะ

ดูเหมือนมันจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงได้
ยกตัวอย่างเช่น, ควบคุมมนุษย์, ทำให้รบกัน, ก่อให้เกิดสงคราม, ถ้าเป็นแบบนั้นก็สามารถทำให้โลกล่มสลายได้น่ะสิ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็เหมือนกับอุปกรณ์ของพระเจ้าเลย
แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่ของที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น, นัยน์ตาของผมมันบอกอย่างนั้น

เคยตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่พักหนึ่ง, แต่สุดท้ายก็ทำให้แมลงขยับไม่ได้เลยสักตัวด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้วิธีใช้
ก็เลยเลิก, แล้วปล่อยให้มันหลับใหลอยู่ในร้านในฐานะสินค้าไม่ขายต่อไป

「เมื่อเร็วๆนี้มีอะไรเหรอ」

「เมื่อเร็วๆนี้... ...ผมฝันประหลาดน่ะ
 บรรยากาศแย่, เสียงหนวกหู, แสงแสบตา
 เป็นทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน, แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าคุ้นตา... ...」

ผมคิดว่าอย่าเพิ่งคุยเรื่องกล่องใบเล็กนั่นจะดีกว่า

「ไม่เห็นจะเกี่ยวกับสินค้าเลยสักนิดนี่นา
 เรื่องความฝันจะเป็นยังไงก็ช่างมันเหอะน่า」



――กริ๊งกริ๊ง

「อ๊า ให้ตายสิ
 ร้านนี้
 มันอันตรายนะ
 คุณรินโนะสุเกะ」

「มีอะไรอันตรายเหรอ ? เรย์มุ
 ไม่มีร้านไหนที่อยู่อย่างพอเพียงขนาดนี้แล้วนะ」

สุดท้ายแล้ว, เมื่อวานมาริสะก็แค่มาฆ่าเวลาเท่านั้นเอง, แต่คงว่างเกินไปจนทนไม่ได้ล่ะมั้ง, เลยหายไปไหนอีกแล้วก็ไม่รู้
อย่างกับสุนัขที่วิ่งพล่านไปบนหิมะเลย

วันนี้มีลูกค้า――ไม่สิ ไม่ใช่ลูกค้า, เรย์มุต่างหาก
การที่มีแต่คนที่ไม่ใช่ลูกค้ามาเยือนเป็นประจำนี่ล่ะมั้ง, ที่เป็นสาเหตุให้ร้านนี้ต้องอยู่อย่างพอเพียงสุดขีด

「ไม่เห็นจะพอเพียงตรงไหน, ในร้านมีแต่ของที่ไม่คิดจะขายทั้งนั้นเลยนี่นา ?
 เรื่องนั้นช่างมันเถอะ, คุณรินโนะสุเกะไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยล่ะสิ
 เอาแต่สร้างความร้อนในร้าน, จนหิมะบนหลังคาละลายกลายเป็นแท่งน้ำแข็งย้อยขนาดใหญ่เต็มไปหมดเลยรู้มั้ย ?
 ถ้าของพรรค์นั้นตกใส่ล่ะก็ มันเจ็บสุดๆเลยนะ」

「ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่
 โยวเซย์ขี้แกล้งอาจจะมาที่ร้านแล้วช่วยไล่คนแปลกหน้าให้ก็ได้นะ」

「จะบอกว่าโยวเซย์ทำให้แท่งน้ำแข็งตกลงมางั้นเหรอ ?
 ไม่ใช่โยวเซย์ในป่าสักหน่อย」

「เอาเถอะ, งั้นขากลับช่วยสอยให้ร่วงลงมาหน่อยละกัน
 เธอน่าจะยังมีหนี้มากพอที่จะต้องทำแบบนั้นอยู่นะ」

「ก็ได้อยู่หรอก
 แต่ว่าวันนี้ไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้นหรอก, ฉันถูกไหว้วานให้เอาข้อความมาส่งต่อน่ะ」

「ข้อความ ?」

「บอกว่า 『อีกสักครู่จะไปรับของที่ว่า』 น่ะ
 ของที่ว่านี่คืออะไรเหรอ ?」

「... ...ของที่ว่านี่คืออะไรล่ะ ?
 ข้อความจากใครกันเนี่ย ?」

「แหงอยู่แล้ว, ข้อความจากยูคาริไงล่ะ」

ผมยิ้มแหยงๆออกมาอย่างชัดเจนเมื่อจินตนาการถึงภาพยูคาริกำลังพูดตามข้อความนั้น
เธอเคยช่วยเหลือผมเอาไว้ ดังนั้นการพูดแบบนี้มันออกจะยังไงอยู่ก็จริง, แต่รอยยิ้มของสาวน้อยโยวไคตนนี้เป็นลางร้ายสุดๆไปเลย

「ยังไม่จำศีลอีกเหรอ」

「เพราะจำศีลเลยฝากข้อความมาไงล่ะ」

จริงสิ, ถ้าเป็นสาวน้อยโยวไคตนนั้นจะต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับกล่องใบเล็กนั่นแน่
ทว่า... ...เธอเป็นคนที่ผมไม่อยากมอบของสิ่งนี้ให้เป็นที่สุด
อุปกรณ์ที่ถูกหยิบไปตามอำเภอใจก็ยังไม่คืนมาเลยจนถึงเดี๋ยวนี้, แถมยังรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

「ของที่ว่าเนี่ยคงไม่ใช่เจ้านั่นน้า」

「ยังไงก็ช่าง, ฉันเอาข้อความมาส่งแล้วนะ
 วันนี้ต้องไปซื้อของนิดหน่อยล่ะ」



เรย์มุพูดจบก็รีบเดินออกจากร้านไป
มาที่ร้านค้าแล้วบอกว่า 「มีของต้องซื้อ」 แล้วออกไปจากร้านเนี่ยจะให้คิดยังไงดีล่ะ
ทำอย่างกับจะพูดว่าในร้านของผมไม่มีของที่จะซื้อเลย
ไม่สิ, พูดออกมาแล้วต่างหาก

ผมหยิบกล่องสีขี้เถ้านั่นออกมาอีกครั้ง
ของที่ว่าที่ยูคาริพูดถึง, คงจะเป็นกล่องนี่จริงๆ
กล่องนี้เป็นของที่เก็บมาได้โดยบังเอิญ, หรือเป็นของยูคาริกันแน่นะ ?

อุปกรณ์จากโลกภายนอกที่ตกอยู่ในเกนโซวเคียว
เป็นอุปกรณ์ที่ตกมาเพราะอุบัติเหตุของเขตแดน,
เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีใครใช้แล้วจนกลายเป็นอุปกรณ์มายา,
หรือเป็นอุปกรณ์ที่เจ้าของหายตัวไปอย่างกะทันหัน เป็นต้น
ถ้าหากอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ของพระเจ้าล่ะก็, มีความเป็นไปได้สูงว่าที่โลกภายนอกนั้นไม่มีพระเจ้าแล้ว

ถ้าหากอุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถควบคุมสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงได้จริงๆล่ะก็
แสดงว่าตอนนี้เกนโซวเคียวกำลังตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ถ้าส่งอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้สาวน้อยโยวไคนั่นไป, จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย



การที่อุปกรณ์มหัศจรรย์แบบนี้มีตัวตนอยู่, มนุษย์ธรรมดาคงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นจริงแน่
แต่สำหรับผม, มันมีมูลเหตุเพียงพอที่จะเชื่อเช่นนั้น

อุปกรณ์จากโลกภายนอกที่เก็บมาได้จนถึงตอนนี้, สำหรับเกนโซวเคียวแล้วก็ต้องจัดว่ามีบางชิ้นเหมือนกันที่ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกสร้างขึ้นมา
ถ้าอย่างนั้นอุปกรณ์ที่สามารถทำลายล้างโลกได้จริงๆก็อาจจะมีอยู่กระมัง
ผมไม่อยากทำให้เกนโซวเคียวในตอนนี้ต้องวุ่นวายเพราะพลังอันใหญ่หลวงจากโลกภายนอกที่ผมมีอยู่, ไม่อยากทำเท่าที่จะทำได้
ตอนนี้กล่องสีขี้เถ้าใบเล็กยังไม่มีวี่แววว่าจะทำงานเลยสักนิดก็จริง, แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะสำแดงความสามารถราวกับพระเจ้านั้นออกมา
หากความสามารถนั่นทำงาน, ก็คงจะควบคุมมนุษย์, ทำให้รบกัน, ก่อให้เกิดสงคราม, แล้วทำลายโลกนี้กระมัง

ผมชอบเกนโซวเคียวที่เป็นอยู่ตอนนี้
ดังนั้นจึงไม่อาจมอบกล่องใบเล็กนี้ให้แก่ผู้ใดได้

ทำลายอุปกรณ์ที่อันตรายแบบนี้ไปเลยดีกว่า
ทำลายอุปกรณ์นี้ด้วยค้อนไม้

ผมฟาดค้อนไม้ลงไปสุดแรง, ในขณะที่ยังอาลัยอาวรณ์เจ้ากล่องสีขี้เถ้าใบเล็กนี่นิดหน่อย



――วันต่อมา, ผมกำลังเตรียมตัวออกนอกบ้านหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน
เพราะดันมีธุระที่ต้องออกไปข้างนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อวานนี้ผมเล็งแล้วฟาดลงไปใส่กล่องใบเล็กนั่น
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น... ...กลับรู้สึกถึงการตอบสนองที่แปลกประหลาด
ราวกับทุบลงไปบนฟูกนิ่มๆ
ผมตกใจจึงมองดูที่ปลายของค้อนไม้... ...

มันเป็นทิวทัศน์ที่ไม่อยากนึกถึงสักเท่าไหร่
ระหว่างกล่องใบเล็กกับค้อนไม้ที่ฟาดลงไปเพื่อทำลายบางสิ่ง... ...มีมือสีขาวแทรกอยู่ !
ใช่แล้ว, สิ่งมีชีวิตที่มีแค่มืออย่างเดียวได้หยุดค้อนไม้เอาไว้
ทั้งที่ผมทุบลงไปเต็มแรง, แต่มือนั่น (ถ้าพูดแบบละเอียดๆก็คือมือของเด็กผู้หญิง) กลับไม่สะทกสะท้านเลย
เมื่อมือนั่นปัดค้อนไม้ออกไปก็ชี้นิ้วตั้งขึ้น, แล้วโบกซ้ายขวาต่อหน้าผม
จากนั้นมือนั่นก็คว้ากล่องใบเล็ก, แล้วหายไปพร้อมกับกล่อง, ราวกับจะหัวเราะเยาะตัวผมที่กำลังอึ้งตะลึงงัน

ตอนนั้น, ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลยอึ้งไปชั่วขณะ, แต่พอสงบใจแล้วลองคิดดูก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
คนที่ทำแบบนั้นได้, มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นในบรรดาคนที่ผมรู้จัก
สาวน้อยคนนั้นต้องเป็นคนเอาไปแน่ๆ
คนที่ไม่ควรมอบให้เป็นที่สุด

ผมไม่รู้ที่อยู่ของสาวน้อยคนนั้น, แต่ก็ต้องเตรียมเต้าหู้ทอดไว้ก่อน

「――ทำเต้าหู้ทอดงั้นเหรอ... ...คิดจะมายืนตัวแข็งอยู่หน้าร้านอีกแล้วเรอะ ?」

「มาริสะเองเหรอ, มาอยู่ในร้านตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ?」
มาริสะอยู่แค่ข้างหลังผมนี่เอง

「ดูเหมือนกำลังรีบร้อนอยู่นี่นา
 ก็เลยเข้ามาแบบเงียบๆน่ะ
 ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งนะโว้ย」

จริงสิ, ให้มาริสะช่วยตามหาน่าจะได้ผลดีกว่าให้ผมลงมือเองหลายเท่า

「มาริสะ, มีเรื่องจะขอร้องหน่อยน่ะ... ...」

「หมายถึงเรื่องการตามหายูคาริงั้นเหรอ ?
 มันก็ได้อยู่หรอก」

「!? ทำไมถึงรู้ว่าผมจะตามหายูคาริล่ะ ?」

「ก็เต้าหู้ทอดไง」

มาริสะรับงานด้วยความยินดี, ทั้งที่เพิ่งมาถึงแต่ก็ออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
เพียงเท่านี้... ...ท่ามกลางความหนาวเย็นนี่, ผมก็ไม่ต้องออกไปนอกร้านแล้ว

ลองทำใจให้สงบแล้วคิดดูว่า, เจ้ากล่องใบเล็กนั่นมันคืออะไรกันแน่นะ ?
ความสามารถของผมมองเห็นว่ามันมีประโยชน์ที่น่าสะพรึงกลัวก็จริง, แต่ผมคิดว่าอุปกรณ์ที่เล็กแค่นั้นไม่น่าจะมีพลังมากมายขนาดนั้น
ทว่า, พอคิดจะทำลาย ยูคาริก็มาฉกไป, จึงไม่น่าจะเป็นของสัพเพเหระธรรมดา... ...

ปุ่มสีดำท่าทางราคาถูก, ด้านหลังและด้านข้างมีรูปขนาดเล็กที่ไม่ทราบประโยชน์แน่ชัด
และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งกว่าอย่างอื่นก็คือ, เหนือปุ่มมากมายเหล่านี้, มีหน้าต่างขนาดเล็กที่ปิดเปิดไม่ได้ติดตั้งอยู่
พอจ้องมองหน้าต่างนั่นก็รู้สึกไม่น่าโสภาเพราะสารอนินทรีย์, ราวกับจะถูกมันดูดเข้าไป

ทว่า, น้ำหนักไม่มากเท่าไหร่ เลยคิดว่าข้างในคงไม่มีอะไรอยู่มากมายนัก
ผมรู้สึกได้ถึงความไม่น่าโสภากับความเหงาเล็กน้อย, มากกว่าความอันตรายเสียอีก
ถ้าเป็นมนุษย์ที่มีการรับรู้แรงกล้ามากกว่านี้ อย่างเช่นเรย์มุ ล่ะก็, อาจจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างก็เป็นได้
อาจจะมองเห็นความคิดที่ยังตกค้างอยู่ของผู้ที่เคยใช้สิ่งนี้ก็เป็นได้

... ...ทำไมพออุปกรณ์นั่นไม่อยู่ในมือแล้วกลับนึกถึงรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะ
นัยน์ตาของผมมืดบอดเพราะภาพมายาที่ความสามารถของตนแสดงให้เห็นงั้นหรือ
ตั้งแต่คราวหน้าต้องฝึกมองวัตถุโดยไม่พึ่งพาความสามารถบ้างเสียแล้ว... ...



... ...กริ๊งกริ๊ง

รู้สึกได้ถึงเสียงประตูเปิด
ผมคงหลับไปพักหนึ่งตอนที่กำลังคิดอยู่

「อะไรกันเนี่ย
 ฝากให้ฉันไปตามหาคน, แล้วตัวเองไปเที่ยวในฝันงั้นเหรอ ?」

「อ้อ, มาริสะเองเหรอ... ...
 กลับมาแล้วเหรอ ?」

「อยู่ที่ศาลเจ้าน่ะ
 ยัยยูคาริ
 กำลังดื่มน้ำชาอย่างสบายใจอยู่ที่ศาลเจ้า
 ลืมจำศีลไปแล้วมั้ง」

「... ...แล้ว, ยูคาริเป็นยังไงบ้าง ?」

「เธอฝากข้อความมาว่ะ」

「ฝากข้อความอีกแล้วเหรอ... ...
 แล้วว่ายังไงบ้างล่ะ ?」

「อ้อ, เธอบอกว่า 『ได้รับส่วนของเดือนนี้แล้วค่ะ』」

แบบว่า, นั่นถือว่าแทนเงินงั้นเหรอ
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ส่วนของเดือนนี้ ?
คิดจะมาทุกเดือนเลยงั้นเหรอ ?
ผมดันไปค้าขายกับโยวไคที่ยุ่งยากเข้าให้เสียแล้ว

「จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า
 『เคยพูดไปแล้วใช่มั้ย ? ว่าช่วงนี้ที่โลกภายนอกเขานิยมวัตถุที่สามารถพกพาได้
  เพราะงั้นเลยมีอุปกรณ์แบบนี้ตกอยู่เต็มไปหมดไงล่ะ
  สิ่งนี้เรียกว่า เครื่องเกมพกพา, ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็สามารถต่อสู้และทำลายคู่ต่อสู้ในจินตนาการได้... ...
  แต่แหม, เจ้าสีขี้เถ้านี่เป็นรุ่นโบราณน่าดูเลยนะ
  การแสดงผลก็เป็นแบบ Monochrome ด้วย... ...แม้แต่ที่โลกภายนอกก็ไม่ค่อยมีคนถือครองวัตถุโบราณแบบนี้แล้วล่ะ
  ตอนนี้น่ะน้า, เขากำลังนิยมรุ่นที่มีหน้าต่างขนาดเล็กแบบนี้ติดอยู่สองบานน่ะ』
 เธอว่าแบบนั้นแน่ะ
 มันเรื่องอะไรกันแน่วะนั่น」

「อย่างนี้นี่เอง
 เป็นข้อความที่ดีจริงๆ」

ตอนนี้ที่โลกภายนอกกำลังนิยม 『เครื่องเกมพกพา』 แบบไหนอยู่นะ
กล่องใบเล็กที่มีหน้าต่างสองบานแบบที่ยูคาริพูดไว้, พอสิ้นความนิยมเมื่อไหร่ก็คงตกมาที่เกนโซวเคียวล่ะมั้ง

แท่งน้ำแข็งย้อยที่หลังคาตกลงมาอย่างเงียบงัน
โยวเซย์ขี้แกล้งกำลังแกล้งคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้กระมัง





ปัจฉิมลิขิต (ตามที่เขียนแนบไว้ในหนังสือโดจิน)

อรุณสวัสดิ์ครับ
แม้ว่าไม่น่าจะมีใครอ่านสิ่งนี้ในตอนเช้า, แต่ผม ZUN เองครับ

จริงๆถูกชวนมาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว, แต่ครั้งก่อนเกือบสร้างภาค 8 ไม่ทันก็เลยต้องปฏิเสธไปอย่างช่วยไม่ได้ครับ
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น, ก็นับว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสอีกครั้งครับ

โอกาสอะไรงั้นเหรอครับ ?
แน่นอนว่ามันคือ, การได้ออกโทวโฮวโควรินโดวในแหล่งอื่นไงล่ะครับ
หากทำอย่างนี้แล้ว, พอตอนทำรวมเล่มก็จะไม่ใช่แค่การนำมาเย็บรวมกันครับ (ฮา)
เป็นวิธีการเผยแพร่แบบ Stereotype นิดๆน่ะน้า (ส่วนใหญ่ก็แค่โกหกครับ พยายามอย่าเชื่อ)



พูดถึง Stereotype, เครื่อง GameBoy เนี่ยก็ใช้ระบบ Stereo สินะครับ
ทั้งที่มีลำโพงแค่ตัวเดียวแท้ๆ
ตรงส่วนนั้นมันวิเศษไปเลยนะครับ
อย่างกับด้านหลังของกระโปรงที่พลิ้วไสวเลยล่ะครับ
วิเศษจริงๆ

คนที่กำลังเปิดเครื่อง Game Boy ยุคแรกก็แทบจะไม่มีแล้วล่ะมั้งน้า
เฮ้อ สิ่งที่ผิดก็คือการใช้งานต่างรุ่นได้ (Compatibility) ล่ะมั้ง

ถ้า DS วางจำหน่าย Advance ก็คงจะดับไปเหมือนกันล่ะมั้ง



จริงสิจริงสิ, รู้สึกสับสนกับเนื้อหาของนิยายสินะครับ
เรื่องราวในครั้งนี้, เป็นบทหนึ่งของโทวโฮวโควริวโดว ~ Curiosities of Lotus Asia. ที่กำลังตีพิมพ์อยู่ครับ

บางท่านที่ไม่ได้อ่านคงไม่เข้าใจเนื้อหา เลยจะขอแนะนำตัวละครสักหน่อย

โมริจิกะ รินโนะสุเกะ ... ... พี่ชายใส่แว่นผู้ชอบเก็บของตกพื้นมาขาย
โควรินโดว ... ... สิ่งปลูกสร้างแบบโบราณที่วางขายของตกพื้นเหล่านั้น
ฮาคุเรย์ เรย์มุ ... ... คุณมิโกะผู้ไม่คิดอะไรทั้งนั้น
คิริซาเมะ มาริสะ .... ... ผู้เขมือบร้านโควรินโดวตามอำเภอใจ



ว่าไปแล้ว, เรื่องราวในครั้งนี้ก็คือตอนต่อของบทที่ 7 「แสงที่ก้าวข้ามสีม่วง」 ครับ
ตามอ่านทางด้านนั้นด้วยนะครับ



                       เซี่ยงไฮ้อลิสเกนกาคุดัน ZUN
            แล้วก็, แน่นอนว่าผมไม่ได้คิดจะหาเรื่องกับนินเทนโดนะครับ





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- กล่องสีขี้เถ้าขนาดเล็ก หมายถึงเครื่อง Game Boy
- Advance หมายถึงเครื่อง Game Boy Advance (ส่วนรุ่นก่อนหน้านี้คือ Game Boy Color)
- เครื่องเกมพกพาที่มีสองหน้าต่าง หมายถึงเครื่อง DS
- Compatibility ที่กล่าวถึงก็คือ การที่เครื่องเกมรุ่นใหม่สามารถเล่นเกมของรุ่นเก่าได้ ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องรุ่นเก่าอีกต่อไป
- รินโนะสุเกะหวดค้อนไม้สุดแรง แต่ยูคาริรับไว้ได้สบายๆด้วยมือเดียว
- รินโนะสุเกะกล่าวว่าเป็นมือของ [เด็กผู้หญิง]
- ยูคาริไม่จำเป็นต้องนอนจำศีลตลอดฤดูหนาวก็ได้



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้