IN - AllCharacter


東方永夜抄 ~ Imperishable Night.
โทวโฮวเอย์ยะโชว (บทสรุปราตรีนิรันดร์แห่งตะวันออก) ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด


.........................................................................................................................................................................................

แนะนำตัวละครทั้งหมด


ฝ่ายผู้เล่น



 ○ มิโกะผู้เลิศล้ำแห่งสรวงสวรรค์
   ฮาคุเรย์ เรย์มุ
   Reimu Hakurei

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า

คุณมิโกะที่คุ้นเคยกันดี
คุณมิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่ตั้งอยู่ ณ พรมแดนเกนโซวเคียว
ศาลเจ้าฮาคุเรย์นั้น ถือว่าตั้งอยู่ทั้งในเขตของเกนโซวเคียวและโลกมนุษย์ในเวลาเดียวกัน

ด้วยนิสัยที่มองทุกคนเท่าเทียมกัน ทำให้แม้แต่พวกที่ถูกเกลียดกลัวอย่างโยวไคก็ยังชอบเธอ
แต่ในทางกลับกัน ก็ไม่พบว่าเธอคบหาใครเป็นพิเศษเลย
บ้างก็ถูกห้อมล้อมด้วยมนุษย์และโยวไคมากมาย บ้างก็ทำกิจกรรมร่วมกัน แต่เธอก็มักจะโดดเดี่ยวอยู่เสมอ
จริงๆแล้วอาจเป็นคนเย็นชาก็ได้


Tips :
- ภาคนี้เป็นภาคแรกที่เริ่มมีการเขียนชื่อภาษาอังกฤษกำกับให้ตัวละคร โดยใช้วิธีเขียนโรมันจิแบบนิฮอนชิคิ
- ในภาคนี้ยังเขียนว่าศาลเจ้าตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งในภายหลังได้ถูกอธิบายว่า มิได้ตั้งอยู่ในเกนโซวเคียว (ตามอ่านได้ในโทวโฮวกุมอนชิคิ)
  และหลังจากนั้นก็ได้รับการอธิบายเพิ่มเติมว่า อาจกล่าวได้ว่ามิได้ตั้งอยู่ในฝั่งใดเลย (ตามอ่านได้ใน โทโฮภาคสามภูตฯ ภาคสอง เล่มสาม)




 ○ จอมเวทดำธรรมดาสามัญ
   คิริซาเมะ มาริสะ
   Marisa Kirisame

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์

จอมเวทธรรมดาๆที่อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียว และเป็นนักสะสม
อาศัยอยู่ในป่าเวทมนตร์ที่แทบจะไม่มีมนุษย์มาเยี่ยมเยือน และใช้ชีวิตอย่างอิสระตามใจชอบพร้อมทั้งค้นคว้าวิจัยเวทมนตร์ไปด้วย

ถึงจะมีภาพลักษณ์เป็นจอมเวท Indoor (ฮิคิโคโมริ) ค่อนข้างแรง แต่ที่จริงแล้วเธอออกไปนอกบ้านบ่อยน่าดู
เวลาที่มาริสะกำลังหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้า เธอไม่อยากให้มีคนมากวนใจเท่าไหร่
แต่เวลาอื่นนอกเหนือจากนั้น เธอชื่นชอบความสนุกสนานเฮฮาเป็นที่สุด
ป่าไม่ดึงดูดมนุษย์ให้เข้าใกล้ จึงสะดวกดีสำหรับเธอ
ไม่ใช่ว่ากำลังซ่อนของที่ยังค้นคว้าไม่เสร็จซึ่งไม่อยากให้ใครเห็นเอาไว้หรอกน่า (มาริสะ กล่าว)


Tips :
- ฮิคิโคโมริ ... หมายถึงพวกที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน




 ○ เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง
   อิซาโยอิ ซาคุยะ
   Sakuya Izayoi

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ควบคุมเวลา

ทำงานเป็นเมดอยู่ในคฤหาสน์สีแดงฉานซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบแห่งเกนโซวเคียว

พอเป็นเมดแล้วก็สุขสบายดี ไม่เดือดร้อนเรื่องปัจจัยสี่ ทั้งที่อยู่ในหุบเขาลึกห่างไกลความเจริญแบบนี้
แม้เธอจะเป็นมนุษย์ แต่เพราะอาศัยอยู่ร่วมกับเหล่าปิศาจ ทำให้ทั้งมนุษย์และโยวไคไม่ค่อยมองเธอในแง่ดีสักเท่าไหร่
แต่ก็ยังมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่ติดต่อคบหากับเธอ โดยที่ไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นเลยแม้แต่น้อย
และเหนืออื่นใดคือ เธอไม่เดือดร้อนเรื่องที่อาศัย ที่นอน ของกิน
เธอคิดไม่ออกเลยว่ามีสถานที่อื่นใดอีกหรือที่จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายขนาดนี้


Tips :
- หุบเขาลึกห่างไกลความเจริญที่ว่านี้ก็คือ เกนโซวเคียว นั่นเอง




 ○ ครึ่งคนครึ่งผี
   คอนปาคุ โยวมุ
   Youmu Konpaku

เผ่าพันธุ์ : ลูกครึ่งมนุษย์กับยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : ควบคุมและใช้วิชาดาบ

คนสวนแห่งตำหนักหยกขาวที่ตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ
อันที่จริงแล้วเธอมีหน้าที่ชี้แนะเพลงดาบให้กับคุณหนูต่างหาก

ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นจัดว่ามีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว และถือว่าเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่
แม้จะมีอายุขัยมากกว่ามนุษย์ แต่ดูเหมือนว่าจะยังคงประสบกับความตายได้อยู่ ถ้างั้นก็คงต้องบอกว่ามีชีวิตอยู่กระมัง
ดาบของตระกูลคอนปาคุนั้นเป็นดาบสำหรับใช้กับพวกที่เป็นร่างวิญญาณก็จริง แต่ก็ใช้ฟาดฟันพวกที่ยังมีชีวิตได้เช่นกัน




 ○ ผู้เชิดตุ๊กตาเจ็ดสี
   อลิส มาร์กาทรอยด์
   Alice Margatroid

เผ่าพันธุ์ : จอมเวท
ความสามารถ : ควบคุมและใช้เวทมนตร์

จอมเวทที่อาศัยอยู่ในป่าเวทมนตร์
เธอเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกขานว่า จอมเวท จึงต่างกับมาริสะที่เป็น(อาชีพ)จอมเวท

ภาพลักษณ์ของเธอก็ตามคำว่าจอมเวทนั่นล่ะ คือเป็นพวก Indoor
โดยทั่วไปมักพบว่าเธออยู่ตัวคนเดียว และป่าเวทมนตร์ก็ไม่ค่อยมีมนุษย์เข้ามาย่างกราย จึงอยู่ได้อย่างสุขสบายอย่างมาก
แต่ป่านั้นมีความชื้นสูงอย่างน่ารังเกียจ ถ้าไม่คอยดูแลซ่อมแซมพวกตุ๊กตา เดี๋ยวเดียวก็จะพังเอาได้
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงคิดจะสร้างตุ๊กตาที่สามารถซ่อมบำรุงตุ๊กตาด้วยตัวเองได้ขึ้นมา




 ○ ปิศาจแดง
   เรมิเลีย สคาร์เลท
   Remilia Scarlet

เผ่าพันธุ์ : ผีดูดเลือด
ความสามารถ : ควบคุมชะตา

คุณหนูผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์สีแดงฉานซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบแห่งเกนโซวเคียว

เทียบกับอายุที่มากเกินกว่า 500 ปีแล้ว เธอยังดูอ่อนเยาว์อยู่มาก
เผ่าพันธุ์ปิศาจซึ่งหมายรวมถึงเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดนั้นเป็นที่รังเกียจของทั้งมนุษย์และโยวไคอย่างไม่มีเงื่อนไข
สาเหตุก็เพราะทุกคนรู้ดีว่า พวกเธอเป็นคนเอาแต่ใจซึ่งยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลาง
เรมิเลียเองก็หนีข้อสรุปดังกล่าวไปไม่พ้น และเป็นคนเอาแต่ใจน่าดูเลยทีเดียว
เธอชอบกินเลือดกรุ๊ป B เป็นที่สุด


Tips :
- คำว่า พวกเธอ ในที่นี้อาจหมายถึงเรมิเลียกับฟลังดร์ หรืออาจหมายถึงเผ่าแวมไพร์ทุกคนก็ไม่อาจทราบแน่ชัด
- เลือดกรุ๊ป B นี้อาจล้อเลียนกรุ๊ปเลือดของ Richter Belmont ตัวเอกของเกมตระกูล Castlevania




 ○ วิญญาณฝันกลางวัน
   ไซเกียวจิ ยูยูโกะ
   Yuyuko Saigyouzi

เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์ (วิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมความตาย

คุณหนูวิญญาณที่อาศัยอยู่ในโลกวิญญาณ
ปัญหาใหญ่สำหรับเธอคือการที่เท้าไม่แตะถึงพื้นในขณะที่เคลื่อนไหว ซึ่งก็สมกับที่เป็นร่างวิญญาณดี
แต่มีเท้าอยู่นะ

โบวเรย์ คือวิญญาณของมนุษย์ที่ตายแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธว่ายูยูโกะนั้นดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรในหัวเป็นพิเศษเลย
เธอทำอะไรตามใจชอบเท่าที่ตัวเองต้องการ แต่เพราะไม่ใช้ความสามารถแห่งความตาย จึงไม่มีมนุษย์หรือโยวไคมากำราบเธอ
แต่ก็มีไม่น้อยที่หวาดกลัวยูยูโกะไปจนถึงสุดขั้วหัวใจ




 ○ โยวไคที่ซ่อนตัวในเส้นเขตแดน
   ยาคุโมะ ยูคาริ
   Yukari Yakumo

เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ควบคุมอาณาเขต

โยวไคที่อาศัยอยู่ตรงไหนสักแห่งของพรมแดนเกนโซวเคียว
คนธรรมดามองไม่เห็นพรมแดนดังกล่าว จึงไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเธออาศัยอยู่ที่ใด
แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าไม่ได้อาศัยอยู่ที่ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่บนพรมแดนเหมือนกันอย่างแน่นอน

ในบรรดาโยวไคที่อาศัยในเกนโซวเคียวนั้น จัดว่าเธอมีตัวตนอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งยังมีพลังมหาศาลอีกด้วย
ปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่งในเกนโซวเคียว ซึ่งแม้แต่ในหมู่โยวไคก็มีจำนวนไม่มากนัก
เธอมักจะถูกมองว่าไม่น่าไว้วางใจ ทั้งนี้เพราะเธอมีความเป็นมนุษย์ต่ำ และชอบทำอะไรที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้
เป็นโยวไคอันตรายที่สามารถบดขยี้เกนโซวเคียวได้ทุกเมื่อที่ต้องการอย่างง่ายดายด้วยความสามารถของเธอ



ฝ่ายศัตรู



 ○ บอสด่าน 1 แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด
   ริกเกิ้ล ไนท์บั๊ก
   Wriggle Nightbug

เผ่าพันธุ์ : แมลงภูต
ความสามารถ : ควบคุมแมลง

   Demo Version
โยวไคหิ่งห้อย บอสด่าน 1
มีความสามารถในการควบคุมแมลง

ในหมู่แมลงนั้นก็มีแมลงที่มีพิษอยู่ด้วย
ถ้าหากควบคุมแมลงอย่างพวกทสึทสึกะมุชิมาเยอะๆล่ะก็ มนุษย์ไม่มีทางต่อกรได้
จริงๆแล้วอาจจะแข็งแกร่งก็ได้นะ

   Full Version
บอสด่าน 1

รอบตัวเธอมีแมลงมากมายรายล้อมอยู่
หิ่งห้อยจำนวนมากที่มารวมกลุ่มกันแล้วส่องแสงอย่างเป็นจังหวะนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะมีเธอคอยออกคำสั่งเป็นศูนย์กลางอยู่ภายใน

หากคิดว่าเป็นแค่แมลงล่ะก็ อาจถูกแมลงฝูงใหญ่เล่นงานเอาได้ และไม่มีวิธีเอาตัวรอดเสียด้วย
โดยเฉพาะเวลาที่เธอโกรธจนเอาจริงขึ้นมา เธอจะเรียกฝูงทสึทสึกะมุชิมา และทำให้มนุษย์ไข้ขึ้นสูงจนถึงตายได้

แต่ก็แพ้ความหนาวเย็น และยาฆ่าแมลง


Tips :
- ทสึทสึกะมุชิ เป็นตัวไรชนิดหนึ่ง มีขนาดเล็กมาก แต่ว่าเป็นพาหะนำเชื้อ Rickettsia tsutsugamushi
(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Orientia tsutsugamushi แล้ว)
หากถูกตัวอ่อนของไรชนิดนี้กัด จะทำให้เกิดโรค Scrub Typhus หรือที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า โรคทสึทสึกะมุชิ
ผู้ป่วยจะมีไข้ขึ้นสูง ปวดหัวรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ เยื่ออ่อนทั่วร่างกายแดงขึ้น ไอแห้งๆ ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ และเสียชีวิตในที่สุด




 ○ บอสด่าน 2 ภูตนกกระจอกราตรี
   มิสเทีย โลเรไล
   Mystia Lorelei

เผ่าพันธุ์ : นกกระจอกราตรี
ความสามารถ : ทำให้ผู้คนเสียสติด้วยเสียงเพลง

   Demo Version
นกกระจอกราตรี บอสด่าน 2
มีความสามารถในการทำให้ผู้คนเสียสติด้วยเสียงเพลง

มนุษย์ได้ยินแต่เสียงร้อง จึงไม่อาจระบุตัวตนที่แท้จริงของเธอได้
แม้จะเรียกว่านกกระจอกเพราะฟังจากเสียงร้องแล้วคิดว่าใช่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นนกกระจอกจริงๆหรือตัวอะไรกันแน่
มนุษย์กลัวเธอเพราะไม่รู้จักร่างจริง ... ถ้าได้เห็นตัวเธอแล้วจะคิดยังไงกันบ้างนะ

เธอซ่อนพรางร่างจริงของเธอ โดยการทำให้มนุษย์เกิดอาการตาบอดกลางคืน (โรคที่ทำให้การมองเห็นในที่มืดแย่ลงอย่างมาก)

   Full Version
บอสด่าน 2
สามารถทำให้ผู้คนเกิดอาการตาบอดกลางคืนได้

ถึงมนุษย์จะเรียกเธอว่านกกระจอกราตรี แต่ที่จริงแล้วแทบไม่เคยมีใครเห็นร่างจริงของเธอเลย
สาเหตุหลักก็คือ เธอปรากฏตัวเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งมนุษย์มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น
หากได้เห็นร่างจริงของเธอเข้าล่ะก็ สงสัยได้เลิกเรียกเธอว่านกกระจอกเป็นแน่

เสียงร้องเพลงของเธอทำให้ความเฉียบคมในการตัดสินใจของมนุษย์ทื่อลง
มนุษย์ที่ถูกเสียงชักจูงเข้าไปในความมืด ก็จะหายสาบสูญไปทั้งอย่างนั้น
เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการหลงทางบนถนนยามราตรีก็ว่าได้

เธอซ่อนพรางร่างจริงของเธอ โดยการทำให้มนุษย์เกิดอาการตาบอดกลางคืน (โรคที่ทำให้การมองเห็นในที่มืดแย่ลงอย่างมาก)




 ○ บอสด่าน 3 เขมือบประวัติศาสตร์
   คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
   Keine Kamishirasawa

เผ่าพันธุ์ : แวร์ฮาคุตาคุ
ความสามารถ : กิน(ซ่อน)ประวัติศาสตร์ และ สร้างสรรค์ประวัติศาตร์

   Demo Version
ครึ่งคนครึ่งสัตว์ บอสด่าน 3
มีความสามารถในการกิน(ซ่อน)ประวัติศาสตร์ และสร้างสรรค์ประวัติศาตร์

อย่างแรกคือความสามารถในร่างมนุษย์ อย่างหลังคือความสามารถในร่างสัตว์
โดยปกติมีรูปร่างเป็นมนุษย์ ว่ากันว่าร่างจริงนั้นจะปรากฏในยามจันทร์เพ็ญ และจะได้รับความรู้ทั้งหมด
เป็นแวร์ฮาคุตาคุที่สามารถกลายร่างเป็นฮาคุตาคุได้ แต่พอพระจันทร์เต็มดวงหายไปก็รู้สึกว่าการย่อยอาหารไม่ค่อยดี

เป็นมิตรของมนุษย์ และคอยปกป้องเกนโซวเคียวจากเงื้อมมือของเหล่าโยวไค
ไม่มีเรื่องใดในประวัติศาสตร์ของเกนโซวเคียวที่เธอไม่รู้

   Full Version
โดยปกติเป็นมนุษย์ แต่เพราะเป็นแวร์ฮาคุตาคุจึงกลายร่างเป็นฮาคุตาคุเมื่อถึงคืนวันเพ็ญ
ยามเป็นมนุษย์จะมีความสามารถในการเขมือบประวัติศาสตร์
ยามเป็นฮาคุตาคุจะมีความสามารถในการสร้างสรรค์ประวัติศาสตร์ และได้รับความรู้ทั้งหลายทั้งมวลในเกนโซวเคียวมาครอบครอง

เธอสังเกตเห็นเหตุวิปลาสในครั้งนี้ และคิดว่าต้องเป็นฝีมือของคนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน
เธอจึงปิดกั้นหมู่บ้านมนุษย์ในเวลาค่ำคืน เพื่อปกป้องมนุษย์จากโยวไค

ด้วยการกินประวัติศาสตร์ ทำให้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองเห็นหมู่บ้านได้

แม้ตัวเธอจะเป็นโยวไค แต่ก็รักพวกมนุษย์อย่างมาก จึงเข้าข้างฝ่ายมนุษย์อยู่เสมอ
ความสามารถที่มีก็นำมาใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์เท่านั้น




 ○ บอสด่าน 4 (Uncanny) มิโกะผู้เลิศล้ำแห่งสรวงสวรรค์
   ฮาคุเรย์ เรย์มุ
   Reimu Hakurei

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า

คุณมิโกะที่คุ้นเคยกันดี

วันนี้เธอก็นอนตามปกติ แต่ไม่ว่าจะนอนไปเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงเช้าสักที
จะคิดยังไงมันก็แปลกเกินไปแล้ว เธอจึงบินออกมาจากศาลเจ้า
การออกศึกยามค่ำไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การออกศึกยามค่ำโดยที่นอนหลับมามากจนเกินพอนี่สิที่แปลก
แต่พอเจอความมืดยามราตรีเข้าไปก็รู้สึกง่วงขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
จบเรื่องวุ่นวายนี้ได้แล้วกลับไปนอนอีกรอบดีกว่า... ในขณะที่คิดอย่างนั้นก็มุ่งหน้าไปยังจุดที่มีปราณภูตรุนแรง จนกระทั่งมาถึงป่าไผ่
และที่นั่นเอง ... คนร้ายที่เธอพบ กลับกลายเป็นมนุษย์และโยวไคที่เธอรู้จักดี




 ○ บอสด่าน 4 (Powerful) จอมเวทดำธรรมดาสามัญ
   คิริซาเมะ มาริสะ
   Marisa Kirisame

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์

คุณจอมเวทธรรมดาสามัญ

เมื่อถึงยามชวด (23.00 - 01.00 น.) ป่าก็เริ่มเอะอะวุ่นวาย
เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี และแค่เดี๋ยวเดียว สิ่งที่สังหรณ์ไว้ก็เป็นจริง
ยามชวดก็ผ่านไปแล้ว เวลาที่จะต้องฟ้าสางตามปกติก็ผ่านไปแล้ว แต่ดูเหมือนราตรีจะยังคงมีต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
ไอ้นี่น่าสนใจชะมัด... คิดเช่นนั้นแล้วเธอก็รีบร้อนออกเดินทาง
... ...และตอนที่เจอกับคนร้ายนั้นเธอก็ใจร้อนเกินไปหน่อย




 ○ บอสกลางด่าน 5 กระต่ายโลกา
   อินาบะ เทวิ
   Tewi Inaba

เผ่าพันธุ์ : โยวไคกระต่าย
ความสามารถ : ทำให้มนุษย์ดวงดี

กระต่ายที่เอาใจใส่สุขภาพของตนจนมีอายุยืนยาว จนมีพลังระดับโยวไค
เธอเป็นผู้นำของกระต่ายจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเรือนนิรันดร์
เธอมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรง ทำให้เธอดูใกล้เคียงกับพวกโยวเซย์มากกว่าโยวไค

มีบางครั้งที่คนหลงทางในป่าไผ่ได้พบเห็นเธอ
ว่ากันว่า หากได้เห็นตัวเธอล่ะก็ จะสามารถออกมาจากป่าไผ่ได้อย่างแน่นอน จึงเชื่อกันว่าเธอเป็นผู้ชี้ทางแห่งป่าไผ่หลงทาง

ความจริงนั้น โชคดีที่ได้รับมาจากเทวิได้ถูกใช้อย่างน่าเสียดายไปจนหมดในป่าเรียบร้อยแล้ว
แต่เพราะความโง่เขลา มนุษย์จึงไม่รู้สึกตัวเลย


Tips :
- เกี่ยวกับชื่อของตัวละครนี้ กรุณาอ่านที่นี่ [LINK]
- อินาบะ มีที่มาจากตำนานเทพญี่ปุ่นเรื่อง กระต่ายขาวแห่งอินาบะ (กระต่ายเปลือยแห่งอินาบะ)
- ฉายาของเทวิในภาค 9 คือ กระต่ายขาวแห่งโชคลาภ ซึ่งจากคำพูดของโคมาจิทำให้ชี้ชัดได้ว่า เทวิคือกระต่ายขาวในตำนานตัวนั้นนั่นเอง

**กระต่ายขาวแห่งอินาบะ (กระต่ายเปลือยแห่งอินาบะ)**
กาลครั้งหนึ่ง พี่น้องทั้งแปดสิบองค์ของเทพโอโอนามุจิ ได้หมายมั่นจะสู่ขอยาคามิฮิเมะแห่งอินาบะ
ทั้งหมดจึงออกเดินทางกันมายังดินแดนโอคิ (ของอินาบะ)
พวกเค้ามอบกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดให้โอโอนามุจิแบกไว้แต่ผู้เดียว ทำให้โอโอนามุจิเดินทางล่าช้ากว่าคนอื่น
เมื่อเทพทั้งแปดสิบองค์เดินทางมาถึงแหลมเคตะ ก็ได้พบกับกระต่ายเปลือยตัวหนึ่งนอนระทมอยู่
เหล่าเทพได้บอกให้กระต่ายเปลือยนั้นลงไปแช่น้ำทะเล แล้วขึ้นภูเขาสูงไปนอนบนสันเขาเพื่อตากลม, กระต่ายเปลือยก็ทำตามนั้น
เมื่อน้ำทะเลแห้งลง สายลมก็พัดกระโชกจนผิวของกระต่ายแตกไปทั้งตัว สร้างความเจ็บปวดแก่กระต่ายเปลือยเป็นอย่างมาก
โอโอนามุจิซึ่งตามมาทีหลังพบกระต่ายเข้า จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้ากระต่ายจึงเล่าให้ฟังแต่ต้นว่า
"เราอยู่ที่เกาะโอคิและต้องการข้ามมายังดินแดนนี้ แต่หาวิธีไม่ได้ จึงหลอกพวกจระเข้ทะเล(ฉลาม)ว่า
「เจ้ามาแข่งกับเรามั้ยว่าฝ่ายใดมีพวกพ้องมากกว่ากัน」
「เพียงเจ้ารวบรวมพรรคพวกมาต่อแถวยาวเรียงหนึ่งไปยังแหลมเคตะก็พอ」
「แล้วเราจะเดินไปบนนั้น เพื่อนับจำนวนของพวกเจ้าเอง」
เหล่าจระเข้ทะเลได้ยินดังนั้นก็ทำตามแล้วต่อแถวเรียงหนึ่งกันจนถึงแหลมเคตะ
ส่วนเราก็กระโดดไปบนตัวของจระเข้ทะเลพวกนั้น เมื่อลงถึงพื้นดินก็บอกพวกมันว่า 'พวกเอ็งโดนหลอกแล้ว'
พลันนั้น เจ้าจระเข้ทะเลตัวสุดท้ายก็พุ่งเข้ามาตะครุบตัวเราไว้ แล้วฉีกกระชากเอากิโมโนของเราไปสิ้น เราจึงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี่
ครั้นเมื่อเทพแปดสิบองค์เดินทางมาถึง ก็แนะนำเราให้แช่น้ำทะเล แล้วไปนอนตากลมบนสันเขา
พอเราทำตามก็ได้รับบาดเจ็บทรมานดังที่ท่านเห็นอยู่นี้"
โอโอนามุจิจึงบอกให้กระต่ายเปลือยรีบไปยังปากแม่น้ำเพื่อชะล้างร่างกายด้วยน้ำดิบ
แล้วเอาละอองเกสรของต้นกกมาโปรยลงพื้นให้ทั่ว จากนั้นก็นอนกลิ้งตัวไปบนนั้น เช่นนั้นแล้วร่างกายจะหายดีดังเดิม
เมื่อกระต่ายเปลือยได้ทำตามนั้น ก็หายดีตามที่โอโอนามุจิกล่าว
เจ้ากระต่ายจึงกล่าวแก่โอโอนามุจิว่า "ยาคามิฮิเมะจักทรงเลือกท่าน หาใช่หนึ่งในเทพแปดสิบองค์นั่นไม่"
ต่อมากระต่ายเปลือยตัวนี้ได้ถูกเรียกขานว่า เทพเถาะ

โดยโมโตโวริ และโมริเบะ (ผู้เรียบเรียง) ต่างเห็นพ้องกันว่าคำว่า "ขาว" ในที่นี้หมายถึง "เปลือย"
ซึ่งในภายหลังก็ได้รับการรับรองโดยตัวอย่างต่างๆในเทวตำนานอื่นๆของญี่ปุ่น
ส่วน เทพแปดสิบองค์ นั้นอาจหมายถึง เหล่าเทพจำนวนมาก เช่นเดียวกับคำว่า ยาโอโยโรซึ


อนึ่ง...
ตำนานกระต่ายขาวแห่งอินาบะนี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์จุตินัดดาสวรรค์นานมาก
และเหตุการณ์จุตินัดดาสวรรค์นี้เกิดก่อนการเริ่มต้นเดินทางสู่ตะวันออกของจักรพรรดิจินมุนานถึง 1,792,470 ปี โดยประมาณ
และการเดินทางของจักรพรรดิจินมุที่ว่านี้เริ่มต้นก่อนคริสตศักราชประมาณ 700 ปี รวมกับตอนนี้ก็ปี 2000 กว่าเข้าไปแล้ว
อีกทั้งคำว่า นานมาก ของพวกเทพญี่ปุ่นที่มีอายุขัยนับแสนนับล้านปีนั้นก็ไม่อาจทราบได้ว่ายาวนานเพียงไร
จึงไม่อาจทราบอายุที่แน่นอนของเทวิได้... ...แต่มันไม่น้อยแน่ๆ




 ○ บอสด่าน 5 กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต
   เรย์เซน อุดองเกอิน อินาบะ
   Reisen Udongein Inaba

เผ่าพันธุ์ : กระต่ายจันทรา
ความสามารถ : ควบคุมความวิกลจริต

กระต่ายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์
ม่านตาสีแดงของเธอเป็นแหล่งสถิตความวิกลจริตที่เหนือล้ำกว่ากระต่ายโลกหลายเท่า

ปัจจุบันเป็นสัตว์เลี้ยงของคางุยะ
ชื่อเดิมของเธอคือ レイセン (เขียนแบบคาตะคานะ อ่านว่า เรย์เซน) แต่เพื่ออำพรางตัวตนจากมนุษย์โลก จึงเปลี่ยนมาเขียนแบบคันจิ (鈴仙) แทน
มันก็เลยไม่เป็นธรรมชาติอย่างแรง

อุดองเกอิน เป็นชื่อเล่นที่เอย์รินตั้งให้ ... แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเหตุใดจึงเรียกด้วยชื่อนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เอย์รินยังชอบเรียกเธอว่า 「อุดองเกะ」 จนเคยตัว
ตั้งชื่อเล่นให้คนอื่นตามใจแล้วยังไปเรียกชื่อเล่นนั้นแบบย่อๆอีก ... ไม่เข้าใจความคิดของพวกมนุษย์ต่างดาวเลยจริงๆ

อินาบะ เป็นชื่อเล่นที่คางุยะตั้งให้ ... พูดให้ถูกคือเธอเรียกกระต่ายทุกตัวว่าอินาบะ
เมื่อคางุยะเอ่ยถึง 「อินาบะ」 ก็ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นเรย์เซนหรือเทวิแต่อย่างใด ดูเหมือนเธอไม่คิดจะแยกแยะเลยด้วยซ้ำ
เธอคงคิดว่า ...ถ้าเป็นกระต่ายล่ะก็ จะตัวไหนก็เหมือนกัน... กระมัง

เรย์เซนเป็นกระต่ายจันทราที่หนีออกมาจากดวงจันทร์ ซึ่งเริ่มถูกรุกรานโดยมนุษย์โลก
รายละเอียดนั้นขอยกยอดไปไว้ในบทของคางุยะ


Tips :
- การเขียนด้วยคาตะคานะนั้นเป็นการเขียนเพื่อแสดงถึงคำทับศัพท์ที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะถูกรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น และไม่ใช่ชาวเกนโซวเคียว




 ○ บอสด่าน 6 มันสมองของดวงจันทร์
   ยาโกะโคโระ เอย์ริน
   Eirin Yagokoro

เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ความสามารถ : สร้างยาได้ทุกชนิด ...และเป็นอัจฉริยะ

ชาวจันทรา หรือก็คือ มนุษย์ต่างดาว นั่นเอง
พวกเธอหลบซ่อนอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์มานานมากทีเดียว
เธอเริ่มคบหากับคางุยะมาตั้งแต่เมื่อนานแสนนานมาแล้ว สมัยที่คางุยะยังอาศัยอยู่ที่ดวงจันทร์

ตระกูลยาโกะโคโระเป็นตระกูลอัจฉริยะแห่งเภสัชศาสตร์ซึ่งอาศัยอยู่ในดวงจันทร์มาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่มีใครทราบ
แม้แต่ในตระกูลอัจฉริยะนี้ เอย์รินก็นับว่ามีสติปัญญาโดดเด่นเป็นเลิศ
มันสมองของเธอนั้นเหนือล้ำยิ่งกว่ามนุษย์อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายครั้งที่เธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครฟังรู้เรื่องออกมา

อันที่จริงเธอมีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าคางุยะเสียอีก แต่ดูเหมือนจะคอยถนอมพลังไว้ไม่ให้มากเกินกว่าระดับของคางุยะอยู่เสมอ

ในอดีตกาลนานมาแล้ว คางุยะผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์กระทำความผิดจนต้องโทษ และถูกลงทัณฑ์ให้ตกลงมายังโลกมนุษย์
เอย์รินเป็นหนึ่งในคณะทูตที่มารับคางุยะกลับดวงจันทร์
แต่ทว่า ด้วยเหตุผลบางอย่าง เอย์รินจึงสมคบกับคางุยะ สังหารเหล่าทูตจันทราจนหมดสิ้น
ในตอนนั้น เอย์รินได้มอบไหยาซึ่งบรรจุ 「ยาโฮวไร」 สูตรพิเศษตำรับเอย์ริน แก่เหล่ามนุษย์โลกชั้นต่ำที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกับคางุยะเป็นค่าปิดปาก
ยานี้เมื่อดื่มแล้วจะไม่มีวันตายอีกต่อไป

มนุษย์โลกเหล่านั้นล้วนเสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานนัก โดยไม่ทันได้ใช้ยาโฮวไรเลย
ในภายหลังเป็นที่ทราบกันว่า มนุษย์โลกเหล่านั้นถูกใครบางคนสังหารจนสิ้น

รายละเอียดนั้นขอยกยอดไปไว้ในบทของคางุยะ

อีกอย่าง, เอย์รินประหลาดใจอย่างมากตอนที่เห็นซาคุยะ แต่เป็นเพราะอะไรนั้นมีแต่เอย์รินที่ทราบ




 ○ Boss ตัวสุดท้าย คนบาปแห่งความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
   โฮวไรซัน คางุยะ
   Kaguya Houraisan

เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ความสามารถ : ควบคุมความนิรันดร์และความสิ้นพลัน

คางุยะ (カグヤ) (คำทับศัพท์) ถือกำเนิดในตระกูลหนึ่งของประชาชนชาวดวงจันทร์ และได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอมในฐานะเจ้าหญิงจันทรา
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เธอถูกเลี้ยงดูจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างมาก
แต่ชีวิตของคางุยะก็ต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยเหตุการณ์หนึ่ง
คางุยะสั่งให้เอย์รินสร้างยาลับต้องห้าม "โฮวไร" ขึ้นเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง แล้วก็ทานมันลงไป

ไม่นานนักเรื่องนี้ก็แดงขึ้น คางุยะจึงถูกลงโทษ

แต่คางุยะซึ่งมีพลังแห่งนิรันดร์นั้น แม้ตายก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในบัดดล, ความจริงก็คือเธอไม่สามารถตายได้อีกต่อไปแล้ว
คางุยะจึงถูกตัดสินให้รับโทษอีกแบบคือ ในชีวิตถัดไป เธอจะต้องตกไปยังโลกมนุษย์เพื่อใช้ชีวิตอาศัยอยู่กับมนุษย์โลกชั้นต่ำ
และไม่นานนักก็มีมนุษย์โลกคนหนึ่งมาพบเข้า และนับแต่นั้นมาก็ใช้ชีวิตโดยใช้ชื่อว่า คางุยะ (輝夜)

                ――

คางุยะ (輝夜) เป็นอดีตชาวจันทราที่เกิดบนโลก และเติบโตบนโลก
ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวจนใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ไม่เดือดร้อนอะไร
... ... แต่เมื่อเธอโตขึ้นก็มีผู้คนแวะเวียนมาหาเธอมากขึ้น จนเริ่มใช้ชีวิตได้ลำบากขึ้น
(อ่านรายละเอียดใน Tips ที่ท้ายบท)

หลายปีต่อมา โทษทัณฑ์ของคางุยะก็หมดลงและถึงเวลาที่จะต้องกลับดวงจันทร์
แต่คางุยะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชาวโลกที่เลี้ยงดูเธอมา ทั้งยังอาวรณ์วิถีชีวิตของโลกที่เปี่ยมด้วยไมตรี, ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากกลับเลย
แต่ก็มีส่วนที่สกปรกโสมม และเรื่องที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่เหมือนกัน, คางุยะจึงคิดหนักจนกลุ้มใจยิ่งนัก
เวลานั้นเอง คางุยะพลันมองเห็นบุคคลที่คุ้นตาอยู่ในกลุ่มคณะทูตจากจันทรา
...เอย์ริน...

เอย์รินคิดอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นคนสร้างยาแท้ๆ แต่กลับไม่ได้รับโทษอะไรเลย
ความรู้สึกผิดที่มีต่อคางุยะนั้นมันอัดแน่นอยู่ในหัวใจ
ความรู้สึกที่รุนแรงนั้น ทำให้เธอตั้งมั่นว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคางุยะ
เธอจึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่บนโลกร่วมกับคางุยะ

เอย์รินทรยศเหล่าทูตจันทรา และพาคางุยะหนีไป
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงเริ่มใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆและเงียบสงบในหุบเขาลึกที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์
ใช่แล้ว... ที่นั่นคือหุบเขาลึกที่มีกระทั่งโยวไคนั่นเอง... ...


                ――

―― นับจากตอนนั้น กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานเสียเหลือเกิน
นานจนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทูตจากดวงจันทร์ไม่โผล่มาให้เห็น ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนหลงลืมคืนวันในอดีตไปหมดสิ้นแล้ว

กระทั่งวันหนึ่งอันแสนสงบสุข ก็เกิดเรื่องที่ทำให้คางุยะนึกถึงอดีตขึ้นมาจนได้

นับตั้งแต่เกนโซวเคียวถูกตัดขาดจากโลกมนุษย์ก็ผ่านมาได้ร้อยกว่าปีแล้ว
คางุยะเองก็ใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบโดยไม่พบปะผู้ใดเรื่อยมา
แต่ในวันนั้นเอง โยวไคกระต่ายตนหนึ่ง ได้หลบหนีมาจนถึงที่อยู่ของคางุยะ
ที่จริงแล้วเธอเป็นกระต่ายจันทรา และได้ยินข่าวลือว่าเกนโซวเคียวนั้นเป็นที่อาศัยของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ จึงเข้ามาในเกนโซวเคียวด้วยวิธีการบางอย่าง
กระต่ายตัวนั้นกล่าวโดยมีใจความประมาณว่า
「ดวงจันทร์ถูกข้าศึกรุกราน จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปแล้ว
เจ้าพวกนั้นปักธงของพวกมันลงบนดวงจันทร์ แล้วก็พูดว่าเป็นดวงจันทร์ของพวกมันแล้ว จากนั้นก็ทำอะไรตามใจชอบ」

กระต่ายตนนี้ได้ทอดทิ้งเพื่อนฝูงแล้วหนีเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ในขณะที่ชาวจันทรากำลังต่อสู้

คางุยะฟังเรื่องเล่าแล้วพลันนึกขึ้นได้ว่าเธอเองก็เป็นชาวจันทรา

มนุษย์บุกจู่โจมดวงจันทร์งั้นเหรอ ?
เรื่องบ้าบอแบบนั้นไม่มีวันเป็นไปได้
คางุยะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เจ้ากระต่ายก็ไม่มีท่าทีโกหก
อย่างไรก็ดี, คางุยะได้ตัดสินใจรับกระต่ายที่น่าสงสารนาม เรย์เซน (レイセン) มาอาศัยอยู่ด้วยกัน


―― หลังจากรับเรย์เซนมาอาศัยอยู่ด้วยกัน ก็ผ่านเวลามาหลายสิบปีแล้ว

คางุยะ, เอย์ริน และเรย์เซน ยังคงใช้ชีวิตไปกับวันเวลาที่แสนน่าเบื่อ
ลองได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกสงบสุข เพราะไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ราวกับอาศัยในสวรรค์ก็มิปาน

กระทั่งคืนวันหนึ่งซึ่งเป็นวันเพ็ญ เรย์เซนได้รับคลื่นความถี่ของกระต่ายที่ใช้กันในหมู่กระต่ายจันทรา
นี่เป็นความสามารถพิเศษของกระต่ายจันทราที่มีหูขนาดใหญ่ ทำให้สามารถพูดคุยกันได้แม้อยู่ห่างไกลออกไปเพียงใดก็ตาม
เรย์เซนจับใจความมาได้ดังนี้

「พวกมนุษย์โลกชั้นต่ำประกาศว่าจะรีดเร้นพลังเวทของดวงจันทร์ออกมา และจะสร้างฐานทัพขึ้นบนดวงจันทร์
พวกเราเหล่าชาวจันทราเคยหารือกับมนุษย์ถึงแนวทางอะไรสักอย่างที่จะทำให้อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
แต่มันก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว

พวกเราเหล่าชาวจันทราจึงได้เตรียมการทำสงครามเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายกับเหล่ามนุษย์โลกแล้ว
หากแต่สถานการณ์ในตอนนี้ กำลังรบของเรายังเป็นรองอยู่เล็กน้อย เนื่องด้วยยุทโธปกรณ์ของข้าศึกนั้นก้าวไกลไปกว่าที่เราจินตนาการมากนัก
แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องหวาดกลัว พวกเราเหล่าชาวจันทรามีความภาคภูมิในความรู้ที่สั่งสมมานับพันปี จึงไม่น่าจะแพ้พ่าย

เรย์เซน (レイセン), อีกไม่นานดวงจันทร์จะกลายเป็นสนามรบแล้ว
เธอจะไม่กลับมาร่วมรบกับพวกเราอย่างเต็มภาคภูมิหรือ

ฉะนั้นแล้ว จงบอกกล่าวแก่มนุษย์โลกที่พวกเราเชื่อว่าอาศัยอยู่ร่วมกับเธอ
ว่าพวกเราจะไปรับเรย์เซน(レイセン)ในคืนวันเพ็ญที่จะถึงนี้
ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์」

เรย์เซนคิดว่าคงได้เวลาที่จะต้องกลับไปเสียที จึงแจ้งเรื่องแก่พวกคางุยะ
หากแต่คางุยะที่เธออาศัยอยู่ด้วยนั้น หาใช่มนุษย์โลกไม่ แต่เป็นชาวจันทราต่างหาก


――ความทรงจำของคางุยะพลันย้อนกลับมา
  ชีวิตบนดวงจันทร์ก่อนจะมีโทษ
  ชีวิตบนโลกกับมนุษย์ชั้นต่ำ
  การฆาตกรรมเหล่าทูตจากดวงจันทร์ที่มารับตน และการใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ


คางุยะจึงปรึกษากับเอย์ริน และตัดสินใจว่าจะไม่คืนเรย์เซนให้กับดวงจันทร์เด็ดขาด
คงไม่พ้นต้องสังหารทูตแล้วย้ายที่อยู่อาศัย กลับไปใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆอีกครั้ง
แต่คางุยะเบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆแบบนั้นแล้ว
คางุยะจึงปรึกษากับเอย์รินว่า ไม่มีวิธีการใดเลยหรือที่จะสามารถไล่ทูตจันทรากลับไปได้ ทั้งยังสามารถอาศัยอยู่บนโลกได้อย่างสง่าผ่าเผย

เมื่อคางุยะกล่าวจบ เอย์รินก็ตอบกลับมาในทันใด

「ถ้าเช่นนั้นการทำให้จันทร์เพ็ญหายไปจากโลกก็คงไม่เลวนัก
หากทำเช่นนั้นก็จะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างโลกกับดวงจันทร์ได้
เนื่องจากจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้าที่มองเห็นเมื่ออยู่บนพื้นโลกนี้ ก็คือกุญแจหนึ่งเดียวที่ทำให้สามารถไปมาระหว่างดวงจันทร์กับโลกได้นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ทูตจันทราจึงมาเยือนโลกได้เฉพาะในคืนวันเพ็ญ
หากทำลายกุญแจนั้นแล้วไซร้... ...
โลกก็จะกลายเป็นห้องลับขนาดใหญ่ในบัดดล」




ด้วยประการละฉะนี้ พวกคางุยะจึงทำการซ่อนเร้นจันทร์เพ็ญของจริง แล้วนำพระจันทร์ปลอมไปแทนที่เอาไว้บนท้องฟ้าให้ชาวโลกได้ดูกันไปพลางๆ
โดยพระจันทร์ปลอมนี้ขาดอีกเพียงเล็กน้อยนิดเดียวเท่านั้น ก็จะเป็นเหมือนจันทร์เพ็ญ

เพียงเท่านี้ ก็ไม่สามารถไปมาระหว่างโลกกับดวงจันทร์ได้แล้ว

แต่ทว่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่พวกเธอคำนวณพลาดไป
นั่นคือ พวกเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า พลังของเหล่าโยวไคที่ต้องพึ่งพาพลังของจันทร์เพ็ญ มันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ในที่สุด วิชานี้ก็ถูกทำลายลงด้วยพลังของมนุษย์และโยวไค
แต่พวกเธอก็ได้ทราบความจริงที่ว่า แต่เดิมเกนโซวเคียวก็เป็นมิติที่ถูกปิดผนึกอยู่แล้ว จึงไม่สามารถเดินทางจากดวงจันทร์เข้ามาได้ตั้งแต่แรก


ปัจจุบันคางุยะจึงเลิกใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ และดำเนินชีวิตในเรือนนิรันดร์ตามปกติ

แล้วดวงจันทร์ล่ะ ?
สุดท้ายแล้วดวงจันทร์มันจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกคางุยะซึ่งหมอบคลานอยู่บนโลกจำเป็นต้องรับรู้อีกต่อไป


Tips :
- ต้นแบบของคางุยะ มาจากนิทานเรื่องคนตัดไผ่ (竹取物語) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ นิทานเจ้าหญิงคางุยะ (かぐや姫の物語) อันแสนโด่งดังของญี่ปุ่น
- อาจสังเกตเห็นว่าชื่อเจ้าหญิงไม่เหมือนในนิทานต้นตำรับ นั่นก็เพราะพวกเธอเป็นคนละคนกัน และเรื่องราวในตอนท้ายก็ต่างกัน

นิทานคนตัดไผ่ / นิทานเจ้าหญิงคางุยะ
(รายละเอียดจะต่างกันไปตามตำราแต่ละเล่ม ในที่นี้เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งเท่านั้น ท่านจึงอาจพบรายละเอียดที่ต่างออกไปจากที่เคยรู้มา)
กาลครั้งหนึ่ง ชายชราที่มีอาชีพตัดไผ่ขาย ได้พบกับปล้องไผ่เปล่งแสงในป่าไผ่
เมื่อตัดปล้องไผ่ออกดู ก็พบทารกเพศหญิงคนหนึ่ง
ชายชรารู้สึกถูกชะตา อีกทั้งตนกับภรรยาก็ไม่เคยมีลูก จึงพากลับมาเลี้ยงที่บ้าน

หลังจากที่เก็บคางุยะมาเลี้ยงเสมือนบุตรีของตน ชายชราก็ยังคงไปตัดไผ่หาเลี้ยงชีพตามปกติ
หากแต่ทุกครั้งที่ไปตัดไผ่ จะพบทองอยู่ในปล้องไผ่ที่ตัดเสมอ ชายชราและภรรยาจึงร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และคางุยะเองก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหญิงงามอย่างหาที่เปรียบมิได้
ชายชราพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้แต่ไม่เป็นผล ... ความงามของคางุยะถูกร่ำลือไปทั่ว

ผู้ชายมากมายจากทั่วญี่ปุ่นเดินทางมาชื่นชมความงามของคางุยะ และขอเธอแต่งงาน
คางุยะนั้นนั่งอยู่ในที่ซึ่งมีม่านกั้น จึงไม่มีผู้ใดได้ยลโฉมของเธอ นอกจากนี้เธอยังปฏิเสธผู้ชายทั้งหมดที่มาสู่ขอเธอ
แต่ก็ยังมีอุปสรรคเล็กน้อย นั่นคือ องค์ชายทั้งห้า จากห้าตระกูลใหญ่

การที่จะขัดแย้งมีเรื่องมีราวกับผู้ยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดินั้น ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
คางุยะจึงแก้ปัญหาโดยการเสนอสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า ให้องค์ชายทั้งห้าไปหามาคนละอย่าง
สามคนแรกนำของปลอมมาให้คางุยะ แต่คางุยะดูออก คนที่สี่ล้มเลิกไปกลางคันเพราะเจอพายุ
และคนที่ห้าเสียชีวิตขณะตามหาสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ข้อที่ห้า

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คางุยะก็ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม นั่นคือ องค์จักรพรรดิเกิดสนใจตัวเธอขึ้นมา
จักรพรรดิถึงกับเดินทางมาหาคางุยะด้วยตัวเอง แต่ก็ยังคงไม่ได้ยลโฉมคางุยะอยู่ดี
จักรพรรดิเสนอให้คางุยะแต่งงานกับท่านและไปอยู่ด้วยกันที่ปราสาท แต่คางุยะขอไม่ให้คำตอบในตอนนั้น
หลังจากนั้น คางุยะจึงค่อยส่งจดหมายไปปฏิเสธองค์จักรพรรดิอย่างสุภาพ
โดยอ้างว่าเธอไม่ใช่คนของประเทศนี้ หากไปอยู่ที่นั่นจะถึงแก่ความตาย
แต่จักรพรรดิก็ยังคงไม่ยอมแพ้, ท่านจัดงานล่าสัตว์ขึ้นใกล้กับที่พำนักของคางุยะ และแกล้งหลุดออกนอกเส้นทาง
ในที่สุดจักรพรรดิก็ได้เห็นหน้าตาของคางุยะสมใจ และประทับใจความงามที่สมกับที่เล่าขานกัน
แม้คางุยะจะปฏิเสธองค์จักรพรรดิทางจดหมายไปแล้ว แต่ทางจักรพรรดิเองก็ยังคงส่งจดหมายมาพูดคุยต่อ
ทั้งสองจึงติดต่อกันทางจดหมายนับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่คางุยะก็ยังคงยืนยันคำปฏิเสธเดิมเป็นเวลาหลายปี

กระทั่งวันหนึ่งในฤดูร้อน คางุยะเอาแต่เหม่อมองดวงจันทร์แล้วร้องไห้ออกมา ... หลายต่อหลายคืน
ตายายสอบถามเธอจึงได้ความว่าเธอไม่ใช่คนของโลกนี้ และต้องกลับไปยังดวงจันทร์แล้ว

บางตำราก็ว่าเธอถูกส่งมาเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามบนดวงจันทร์ และสงครามได้จบลงแล้ว
บางตำราก็ว่าเธอทำความผิดร้ายแรงจึงถูกเนรเทศลงมา และตอนนี้ก็ครบกำหนดหมดโทษของเธอแล้ว
(ซึ่งในส่วนของโทโฮเลือกนำเสนอแบบที่สอง และเอาแบบแรกมาวุ่นวายกับคางุยะในภายหลัง)

คางุยะบอกแก่ชายชราว่า คณะทูตจากดวงจันทร์ จะมารับเธอไปในคืนวันเพ็ญของเดือนนี้
ชายชราจึงแจ้งข่าวแก่องค์จักรพรรดิ และได้รับพลธนูจำนวนสองพันนายมาช่วยคุ้มครองคางุยะ
หนึ่งพันนายอยู่นอกกำแพง หนึ่งพันนายอยู่บนหลังคา (บ้านใหญ่ขนาดไหนกันแน่เนี่ย ?)
คางุยะถูกซ่อนไว้ในห้องที่ลงกลอน (บ้างก็ว่าเป็นกล่อง) โดยชายชรายืนอยู่ข้างหน้าห้อง และมีภรรยาของชายชราคอยกอดคางุยะอยู่ข้างใน
ครั้นเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน คณะทูตจันทราก็ปรากฏตัวมาบนกลุ่มเมฆ แล้วร่อนลงมายังตำหนักของคางุยะ

บางตำราก็ว่าเหล่าทหารเกรงกลัวชาวจันทราที่คล้ายกับเทพจากสวรรค์ จึงไม่กล้าต่อสู้
บางตำราก็ว่าเหล่าทหารถูกแสงสว่างจ้า ทำให้ตาพร่า มิอาจต่อสู้ได้

เหล่าทูตจันทรามาถึงหน้าห้องของคางุยะ และเพียงร่ายคำขอให้คางุยะออกมา ประตูลงกลอนก็เปิดออกในทันใด
หลังจากที่คณะทูตจันทราได้พบกับคางุยะแล้ว ก็ได้มอบอาภรณ์เทวากับยาโฮวไรให้เธอ
คางุยะรู้ดีว่าเมื่อเธอคลุมอาภรณ์นี้แล้ว จะสูญเสีย"หัวใจ"ไปตลอดกาล เธอจึงขอกล่าวบางสิ่งก่อน
คางุยะจึงออกมาประกาศแก่ทุกคนว่าแม้เธอจะรักโลกใบนี้แต่เธอก็ต้องกลับบ้านเกิดที่แท้จริงของเธอ
จากนั้นเธอก็ได้เขียนจดหมายขอขมาอย่างแสนเศร้า มอบให้แก่ตายาย และองค์จักรพรรดิ
เธอมอบเสื้อคลุมของเธอให้ตายายไว้เป็นที่ระลึก และได้แอบสอดยาโฮวไรไปในจดหมายของจักรพรรดิด้วย (บ้างก็ว่าเธอมอบทั้งสองอย่างให้แก่จักรพรรดิ)
คางุยะได้มอบจดหมายนั้นให้แก่ทหารที่มาคุ้มครองเธอ เพื่อนำไปส่งให้แก่จักรพรรดิ

เสร็จสิ้นแล้วเธอก็ถูกคลุมด้วยอาภรณ์เทวา แล้วลืมเลือนทุกสิ่งจนสิ้น และถูกพากลับไปยังนครจันทราในที่สุด
ตายายเศร้าเสียใจจนล้มป่วยและเสียชีวิต ส่วนองค์จักรพรรดินั้นได้อ่านจดหมายและรายงานเหตุการณ์แล้วก็เศร้าใจยิ่งนัก
จักรพรรดิถามขึ้นมาว่า "ภูเขาใดใกล้สวรรค์ที่สุด" ก็มีผู้ตอบว่าเป็นภูเขาที่อยู่ในเขตสุรุกะ
พระองค์จึงสั่งให้นำจดหมายฉบับหนึ่งไปเผาทิ้งที่นั่น เผื่อว่าควันไฟจะนำข้อความในนั้นไปถึงคางุยะได้
นอกจากนี้ยังสั่งให้เอาไหยาโฮวไรไปเผาทำลายทิ้งเสียด้วยกัน เพราะพระองค์ไม่ต้องการมีชีวิตนิรันดร์ทั้งที่ไม่อาจพบคางุยะได้อีก

ทสึคิโนะอิวะคะสะ จึงนำกองทัพบุกขึ้นเขาเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ และเมื่อภูเขานี้ถูกใช้เป็นที่เผาทำลายยาอมตะ จึงตั้งชื่อให้ว่า ฟุชิ (ไร้มรณา)
และภายหลังได้เรียกเพี้ยนมาเป็น ภูเขาไฟฟูจิ ดังเช่นในปัจจุบันนั่นเอง
บ้างก็เชื่อกันว่าชื่อ ภูเขาไฟฟูจิ 富士山 (เขาทหารล้น) นั้นมีที่มาจากการที่กองทัพของทสึคิโนะอิวะคะสะจำนวนมหาศาลเดินทัพกันขึ้นเขาลูกนี้นั่นเอง




 ○ Extra Boss รูปลักษณ์ของมนุษย์โฮวไร
   ฟุจิวาระ โนะ โมโคว
   Huziwara no Mokou

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ไม่แก่ไม่ตาย

มนุษย์ที่ได้ทานยาโฮวไรเข้าไปจนเป็นอมตะ และมีชีวิตอยู่เรื่อยมาจนปัจจุบัน

ในอดีตกาลนานแสนนาน ช่วงที่เธอยังมิได้เป็นผู้ไม่แก่ไม่ตายนั้น เธอเป็นบุตรีของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่
หากแต่ตัวตนของเธอนั้นถูกเก็บซ่อนไว้ ราวกับเด็กที่ไม่ต้องการให้เกิดมา
อยู่มาวันหนึ่ง บิดาของเธอได้ไปสู่ขอเด็กสาวที่มีฐานันดรต้อยต่ำกว่าตน และถูกเล่นงานด้วยสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้จนต้องอับอายขายหน้าไปทั่ว
เด็กสาวคนนั้นก็คือ คางุยะ นั่นเอง

นับแต่นั้น โมโควผู้ยังเยาว์วัยก็มองคางุยะเป็นศัตรูเรื่อยมา
ยิ่งเมื่อรู้ว่าคางุยะกำลังจะเดินทางกลับดวงจันทร์ เธอยิ่งอยากล้างแค้นให้สาสมสักครา แต่หาโอกาสเข้าใกล้คางุยะไม่ได้เลย
ในที่สุดคางุยะก็หนีไปจนได้ แต่เธอคิดว่า อย่างน้อยขอแค่ได้ช่วงชิง 「ไหยา」 ที่คางุยะเหลือทิ้งไว้มาก็ยังดี

แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด มนุษย์ที่ถือครองไหยาจึงเดินทางไปทิ้งไหยาที่ภูเขา เธอจึงตามไปที่นั่น และช่วงชิงไหยามาได้สำเร็จ
ยาที่ถูกบรรจุอยู่ในไหยาใบนั้นก็คือ ยาโฮวไร... ...
นับแต่นั้นมา ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเธออีกเลย



มนุษย์ที่ไม่เจริญเติบโต ย่อมไม่สามารถอาศัยอยู่ที่เดิมได้นาน จึงต้องใช้ชีวิตโดยเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้ว่ามนุษย์จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวคนเดียว แต่โมโควนั้นไม่มีวันตาย
ไม่ว่าจะหิวเพียงไหน บาดเจ็บเพียงไร ก็ไม่มีวันตาย
ในที่สุด เธอก็หันไปใช้ชีวิตเยี่ยงโยวไคและอยู่อาศัยอย่างสงบเงียบในหุบเขาลึกซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์

หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนหลายปี


ปัจจุบัน, การฆ่ากันกับคางุยะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
แรกสุด ตอนที่ได้เห็นคางุยะอีกครั้งในหุบเขาลึกแห่งนี้ โมโควประหลาดใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร
คงเพราะร่างกายอมตะนี้ได้มาจากยาโฮวไรที่คางุยะทิ้งเอาไว้
เห็นบอกว่าจะกลับดวงจันทร์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้กลับไป
คางุยะในตอนนี้ก็เป็นมนุษย์ที่ต้องเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับตน
จู่ๆก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... คงเพราะคางุยะก็เป็นมนุษย์แบบเดียวกับตน

ปัจจุบันเธอก็ยังเกลียดคางุยะอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น คางุยะเองก็พยายามจะกำจัดเธอเช่นกัน
แต่ก็ไม่มีวันตายทั้งคู่
ช่างเป็นวันคืนที่เต็มไปด้วยสาระอะไรอย่างนี้
ดินแดนห่างไกลในหุบเขาลึกนี้ต้องเป็นดินแดนแห่งโฮวไรของจริงแน่นอนเลย
การมีชีวิตอยู่นี่มันช่างยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้


Tips :
- เนื่องจาก ฟุจิวาระ มิใช่นามสกุล แต่เป็นคำเรียกเครือตระกูลหรือกลุ่มตระกูล (Clan) จึงมีคำว่า โนะ คั่นระหว่างนามสกุลกับชื่อ
- ในนิทานเรื่องเจ้าหญิงคางุยะนั้น หนึ่งในห้าชายกล้าผู้รับท้าสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ของคางุยะ คือ คุราโมฉิ โนะ มิโกะ (ไปหากิ่งมณีโฮวไร)
ซึ่งถอดแบบมาจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ นั่นคือ ฟุจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ (659-720 A.D.)
ฟุฮิโตะ เป็นบุตรของคาตามาริ ผู้ช่วยเหลือสนับสนุนองค์ชายจนได้กลายเป็นจักรพรรดิ
และจักรพรรดิได้พระราชทานชื่อเครือสกุล ฟุจิวาระ ให้แก่คาตามาริก่อนตาย จึงถือได้ว่าคาตามาริเป็นผู้ก่อตั้งเครือตระกูลนี้
ฟุฮิโตะซึ่งเป็นผู้สืบทอดเครือสกุลฟุจิวาระก็ยังคงถวายการรับใช้จักรพรรดิเสมอมา
ซึ่งเขามีลูกชายราวสี่คนกับภรรยาสองคน และมีลูกสาวสามคนกับภรรยาคนหนึ่ง และลูกสาวอีกคนหนึ่งกับภรรยาอีกคน
บุตรีคนหนึ่งของฟุฮิโตะนั้นได้เป็นพระชายาขององค์จักรพรรดิในเวลาต่อมา ฟุฮิโตะจึงเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในเวลานั้น
และว่ากันว่า มีบุตรีคนที่ห้าอยู่อีกคนหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏชื่อในบันทึกใดๆ บ้างก็ว่าเป็นธิดานอกสมรส บ้างก็ว่าเป็นธิดาที่เกิดในตระกูล(ข้างแม่)ที่ต้องโทษ
โดยท่าน ZUN ได้จับเอานามสกุล ฟุจิวาระ มาใช้ในเรื่อง แทนที่จะเป็นคุราโมฉิ และต้นแบบของโมโควอาจจะเป็นธิดาลับแห่งฟุจิวาระคนดังกล่าวก็เป็นได้



.........................................................................................................................................................................................