TD - AllCharacter


東方神霊廟 ~ Ten Desires.
โทวโฮวชินเรย์เบียว (ฮวงซุ้ยวิญญาณเทพแห่งตะวันออก) ~ ความปรารถนาทั้งสิบ


.........................................................................................................................................................................................

แนะนำตัวละครทั้งหมด

ฝ่ายผู้เล่น



 ○ มิโกะแห่งสรวงสวรรค์
   ฮาคุเรย์ เรย์มุ
   Hakurei Reimu

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า

คุณมิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่คุ้นเคยกันดี

เป็นคนที่มองผู้อื่นเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์
เพียงแต่งานของเธอคือการกำราบโยวไค ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นเข้มงวดกับพวกโยวไค
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือโยวไค เธอก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไรนัก

เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายจากวิญญาณมากหน้าหลายตาที่ดูไม่ค่อยสมกับเป็นชินเรย์อย่างบอกไม่ถูก, จึงออกไปตรวจสอบ
ขืนปล่อยเอาไว้จนเกิดอะไรขึ้นมา เดี๋ยวคนอื่นเขาจะนึกว่าเป็นความผิดของศาลเจ้าเสียฉิบ




 ○ จอมเวทธรรมดาสามัญ
   คิริซาเมะ มาริสะ
   Kirisame Marisa

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์

จอมเวทธรรมดาสามัญที่อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียวและมีนิสัยรักการสะสม
แม้จะเห็นว่าเป็นคนไม่ซื่อ แต่ที่จริงแล้วตรงไปตรงมายิ่งกว่าใคร
เธอมักจะสวมชุดสีดำอยู่เสมอ โดยอ้างว่าเวลาชุดเปื้อนแล้วไม่สะดุดตา และมีความคิดที่ว่า จอมเวทมันต้องสีดำ
ช่างตรงไปตรงมาเสียจริงๆ

เธอรู้สึกตัวได้ว่า ชินเรย์คือวิญญาณแห่งความโลภของมนุษย์
การกระทำของเธอคือความอยากรู้อยากเห็นอันแสนบริสุทธิ์, และความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นความโลภอย่างหนึ่ง




 ○ เทพเจ้าองค์ใหม่แห่งขุนผา
   โคจิยะ ซานาเอะ
   Kochiya sanae

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์

คุณมิโกะผู้ไม่คุ้นเคยกับการกำราบโยวไค ที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าโมริยะซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาโยวไค

เธอใช้ชีวิตโดยมีเทพเจ้าและเหล่าโยวไครายล้อมอยู่เสมอ จึงคิดอยากได้คู่สนทนาที่เป็นมนุษย์บ้าง
แต่มนุษย์ที่ตีนเขาก็ดันมีแต่มนุษย์ที่คุ้นเคยกับโยวไคเสียนี่
ในขณะเดียวกันก็กำลังกังวลอยู่เล็กน้อยว่าตัวเองก็คงเป็นแบบนั้นไปแล้วเหมือนกัน
แม้ว่าเธอจะไม่ด้อยไปกว่าโยวไค สมกับที่ได้รับการยกย่องเป็นสมมติเทพ แต่มีป้ำๆเป๋อๆบ้างเล็กน้อย

ชินเรย์เป็นวิญญาณที่มีความสำคัญต่อศาลเจ้า
เธอจึงคิดว่าการรวบรวมชินเรย์เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญต่อการปลุกเร้าจิตศรัทธาของมนุษย์

Tips :
- ภาคนี้ท่าน ZUN กำกับชื่อซานาเอะแบบโรมะจิว่า Kochiya Sanae




 ○ คนสวนครึ่งคนครึ่งผี
   คอนปาคุ โยวมุ
   Konpaku Youmu

เผ่าพันธุ์ : ลูกครึ่งมนุษย์กับยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : ควบคุมและใช้วิชาดาบ

คนสวนแห่งโลกวิญญาณ, ควบตำแหน่งผู้ฝึกสอนเพลงดาบแก่ ไซเกียวจิ ยูยูโกะ

การดูแลสวนอันแสนกว้างใหญ่ของตำหนักหยกขาวทำให้เธอมีงานยุ่งทุกวัน
เธอเป็นคนที่เอาจริงเอาจังอย่างซื่อตรง, แต่ก็ถูกหลอกได้ง่าย
ช่วงนี้ป้ำๆเป๋อๆนิดหน่อยเพราะความวุ่นวายจากพวกยูวเรย์ลดน้อยลงจนเริ่มสงบสุขขึ้นมาแล้ว

วิญญาณประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน, ชินเรย์ คือรูปธรรมแห่งความโลภของมนุษย์
แม้จะมีตัวตนที่เจือจางจนหายไปในทันที, แต่ขืนปล่อยให้เกี่ยวข้องกับพวกวิญญาณมากกว่านี้ก็จะวุ่นวายขึ้นมาอีก
เธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นจึงออกเดินทางเพื่อตรวจสอบ





ฝ่ายศัตรู



 ○ บอสด่าน 1 วิญญาณผู้ไม่ทำตัวเรื่อยเปื่อย
   ไซเกียวจิ ยูยูโกะ
   Saigyouzi Yuyuko

เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์(วิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมความตาย

คุณหนูแห่งโลกวิญญาณผู้เป็นเจ้านายของโยวมุ
เธอไม่ได้สนใจชินเรย์มากมายนัก, แต่กลับสนใจเรื่องทิศทางที่ชินเรย์กำลังมุ่งหน้าไป
ปลายทางนั้นคือวัดที่เพิ่งสร้างเสร็จ, วัดเมียวเรนจิ
ผู้ที่กำลังฝึกตนเพื่อขจัดความโลภ, คือชินเรย์ซึ่งเป็นจิตวิญญาณแห่งความโลภเนี่ยนะ... ...
เธอจึงไม่คิดว่าเป็นฝีมือของทางวัด

ตอนที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่

ก็มีมนุษย์โผล่มาตรวจสอบเรื่องของชินเรย์ในถิ่นของตน
เมื่อเห็นมนุษย์คนนั้น, เธอก็รู้สึกวางใจว่าไม่ต้องถึงกับให้ตนออกโรง, แล้วไปชมดอกไม้ต่อ


Tips :
- ฉายาของยูยูโกะเปลี่ยนไปจากเวอร์ชั่นเดโม (วิญญาณผู้ไม่ลังเล)




 ○ บอสด่าน 2 ยามะบิโกะท่องบทสวด
   คาโซะดานิ เคียวโกะ
   Kasodani Kyouko

เผ่าพันธุ์ : เสียงสะท้อน (ยามะบิโกะ)
ความสามารถ : ทำให้เสียงสะท้อนกลับ

ตอนที่ไปปีนเขาน่ะ, เคยตะโกน 「ยะโฮ่ !」 กันบ้างรึเปล่า
ถ้าตอนนั้นมีเสียงตอบกลับมาอย่างดีว่า 「Yahoo!」, ก็แสดงว่าเป็นฝีมือของโยวไคยามะบิโกะตนนี้

เธออาศัยอยู่ในภูเขา, เมื่อได้ยินเสียงอันแสนสนุกสนานจากที่ไหนสักแห่ง, ก็จะตอบสนองให้ด้วยการตะโกนตอบกลับไป
ช่างเป็นโยวไคที่รับมุขดีจริงๆ

ช่วงนี้มีความเชื่องมงายแพร่กระจายไปทั่วว่า 「ยามะบิโกะมันก็แค่การสะท้อนของคลื่นเสียงเท่านั้นแหละว้า---」
ทำให้เธอเข้าถึงความอนิจจังทางโลก และเข้าสู่ทางธรรม

ความสามารถของเธอเข้ากันได้ดีกับการสวดมนต์
เธอจึงท่องบทสวดบนภูเขาทุกวัน

ด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วงนี้เป็นที่หวาดกลัวกันว่า 「ได้ยินเสียงสวดมนต์บนภูเขาที่ไม่มีใคร」
กลายเป็นว่ารักษาภาพลักษณ์ในฐานะโยวไคเอาไว้ได้ซะงั้น


Tips :
- ปรากฏการณ์เสียงสะท้อนมีชื่อเรียกว่ายามะบิโกะ สามารถเขียนได้ทั้ง 山彦 และ 幽谷響 ซึ่งพ้องกับชื่อภาษาญี่ปุ่นของเธอ (幽谷 響子)




 ○ บอสกลางด่าน 3 ของที่ถูกลืมเจ้าปัญหา
   ทาทาระ โคกาสะ
   Tatara Kogasa

เผ่าพันธุ์ : ผีร่มตาเดียว (คาราคาสะโอะบาเคะ)
ความสามารถ : ทำให้มนุษย์ตกใจ

โยวไคร่มที่ไปมาอย่างไร้จุดหมายอยู่แถวๆวัด
ผีร่มตาเดียวเข้ากับสุสานได้ดี, จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอาศัยอยู่ที่สุสาน
สาเหตุก็เพราะ, มนุษย์ที่ไม่ยอมตกใจตอนอยู่กลางถนนนั้น, กลับตกใจได้ง่ายเมื่อมาที่สุสาน
สำเร็จแล้วนะ, สุดยอดไปเลย

ทว่า, ตัวเธอที่กำลังมีความสุขถึงขีดสุดนั้นก็ต้องเจอกับเหตุการณ์บางอย่าง

ภายในสุสานมีโยวไคที่ไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏตัวขึ้น, แล้วเริ่มทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของสุสานและไม่ยอมให้เข้าใกล้


แม้จะพยายามติดต่อกับโยวไคตนนั้น, แต่ก็ไม่ยอมพูดคุยด้วยเลย
ตัวเธอรู้สึกได้ถึงอันตราย, จึงพยายามขับไล่โยวไคตนนั้นด้วยกำลัง

แต่ก็เหมือนใช้มือดึงผ้าม่าน, ตอกตะปูบนรำข้าว (ทั้งสองวรรคเป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง ทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่เกิดผลใดๆ)
โจมตีไปเท่าใดก็ไม่รู้สึกถึงการตอบสนองเลย, สุดท้ายก็เลยหนีกลับมา


ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากคนในวัดดีหรือไม่, มนุษย์ที่เคยเจอมาก่อนก็โผล่ออกมา
เป็นมนุษย์ที่เคยต่อสู้กันหลายต่อหลายครั้งในอดีตนั่นเอง

ตัวเธอคิดว่า 「ต้องมาโค่นเจ้าโยวไคนั่นแน่ๆ」 จึงตัดใจเข้ามาขอร้องมนุษย์ดังกล่าว


เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละ




 ○ บอสด่าน 3 ศพผู้ซื่อสัตย์
   มิยาโกะ โยชิกะ
   Miyako Yoshika

เผ่าพันธุ์ : เจียงซือ (ผีดิบจีน)
ความสามารถ : กินอะไรก็ได้
(หากมนุษย์ถูกกินบางส่วนของร่างกาย, มนุษย์นั้นจะกลายเป็นผีดิบจีนชั่วระยะเวลาหนึ่ง)


(เวอร์ชั่นเดโม)

ศพปริศนาที่ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาโดยใครบางคน
และกำลังปกป้องบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญในฐานะหุ่นเชิด

ด้วยพลังประหลาดและร่างเนื้อที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด, หากโต้แย้งกับเธอโดยตรงไม่พ้นต้องเจอดี,
แต่วงจรความคิดของเธอแค่ราวๆ Computer ยุคก่อนเท่านั้น, จึงสามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย

เมื่อได้รับบาดแผลจากการต่อสู้ เธอสามารถกินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังกายได้, ทำให้แทบจะไม่สามารถโค่นเธอได้เลย
แต่ก็สามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย (เรื่องนี้สำคัญมาก)


ร่างของเธอแข็งเป็นอย่างมาก, จนงอข้อต่อไม่ได้, ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยทีเดียว
ผู้ควบคุมเธอได้แนะนำให้เธอไปออกกำลังกายเสริมความยืดหยุ่นเสียบ้าง
เพราะถ้าออกกำลังกายด้วยสภาพที่ไม่มีความยืดหยุ่นก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บเอาได้
ก็เป็นซอมบี้นี่นา


เธอกำลังปกป้องอะไรอยู่กันแน่นะ
แล้วเจ้านายของเธอซึ่งมอบตำแหน่งยามที่ไร้ความหมายแบบนี้ให้แก่เธอเป็นใครกันนะ ?


เรื่องนั้นมันต้องรอดูตอนตัวเกมเสร็จสมบูรณ์ !



(เวอร์ชั่นตัวเกมสมบูรณ์)

ศพญี่ปุ่นยุคโบราณที่ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาโดยเซย์กะ
และกลายเป็นเครื่องมือของเซย์กะ
ครั้งนี้เธอถูกเรียกออกมาเพื่อปกป้องมหาสถานบวงสรวงยุเมะโดโนะ (วังแห่งความฝัน) ที่กำลังจะคืนชีพขึ้นมา

ด้วยพลังประหลาดและร่างเนื้อที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด, หากโต้แย้งกับเธอโดยตรงไม่พ้นต้องเจอดี,
แต่วงจรความคิดของเธอแค่ราวๆ Computer ยุคก่อนเท่านั้น, จึงสามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย

เมื่อได้รับบาดแผลจากการต่อสู้ เธอสามารถกินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังกายได้, ทำให้แทบจะไม่สามารถโค่นเธอได้เลย
แต่ก็สามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย (เรื่องนี้สำคัญมาก)

ร่างของเธอแข็งเป็นอย่างมาก, จนงอข้อต่อไม่ได้, ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยทีเดียว
ผู้ควบคุมเธอได้แนะนำให้เธอไปออกกำลังกายเสริมความยืดหยุ่นเสียบ้าง
เพราะถ้าออกกำลังกายด้วยสภาพที่ไม่มีความยืดหยุ่นก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บเอาได้
ก็เป็นซอมบี้นี่นา


Tips :
- จากเนื้อหาในเวอร์ชั่นตัวเกมสมบูรณ์ ทำให้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเธอเป็นศพของคนญี่ปุ่น ไม่ใช่ศพของคนจีน
- ชื่อ-นามสกุลของเธออาจมีที่มาจาก มิยาโกะ โนะ โยชิกะ (都良香) นักเขียนในยุคเฮย์อัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ที่ขับกลอนสู้กับอิบาราคิโดวจิ
- ยุเมะโดโนะ (วังแห่งความฝัน) หนึ่งในสมบัติชาติของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางวัดโฮวริว ซึ่งสร้างโดย มกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ




(อาภรณ์เทวาของเธอเป็นสีขาวใสทำให้มองแทบไม่เห็น ควรก็อปปี้รูปไปวางบนพื้นหลังที่มีสี เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น)

 ○ บอสด่าน 4 เซียนมารทะลุกำแพง
   คาคุ เซย์กะ (ฮั่ว ชิงเอ๋อ)
   Kaku Seiga
   ชื่อเล่น :เซย์กะ เนี้ยวเนี้ยว (ชิงเอ๋อ เหนียงเหนียง)

เผ่าพันธุ์ : เซียนมาร
ความสามารถ : ทะลุกำแพงได้

แต่เดิมเป็นมนุษย์ที่เคยหลงใหลนักพรตเต๋า

ตอนที่เซย์กะเป็นเด็ก, พ่อของเธอชื่นชอบลัทธิเต๋าจนทิ้งเธอเอาไว้แล้วขึ้นไปเก็บตัวบนภูเขา
เธอสนใจในหนังสือที่พ่อเหลือทิ้งไว้, จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน
จนรู้สึกหลงใหลนักพรตเต๋า โดยเฉพาะ คาเซนโคะ (何仙姑 (เหอเซียนกู หรือ ฮ้อเซียนโกว) : หนึ่งในแปดเซียนเต๋า (โป๊ยเซียน))
เธอจึงสาบานว่าสักวันจะต้องเป็นเซียนแล้วไปพบพ่อให้จงได้

เมื่อโตขึ้น, เธอได้เป็นเจ้าสาวของตระกูล คาคุ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
แม้จะมีชีวิตโดยไม่ลำบากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว, แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักพรต จึงใช้ชีวิตอย่างเศร้าหมองอยู่ทุกวัน
จากนั้นก็ค่อยๆเก็บตัวอยู่คนเดียว และไม่พยายามพูดจากับผู้ใด

แปดปีผ่านไป, เซย์กะได้บอกลาทุกคนอย่างกะทันหัน
ครอบครัวของเธอคิดว่ามันแปลก, แต่เซย์กะได้เข้านอนในห้องของตัวเองเหมือนทุกที, แล้วไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย

ครอบครัวของเธอตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก, และทำการฝังเธอซึ่งไร้ความมีชีวิตชีวาอย่างสมบูรณ์


แต่ว่า, เธอยังไม่ตาย
ช่วงที่เธอเก็บตัวอยู่คนเดียว, เธอได้ใช้วิชาที่จำมาจากหนังสือ ทำให้คนอื่นเห็นพลองไม้ไผ่เป็นตนเองที่ดูเหมือนตายไปแล้ว
กล่าวคือ ครอบครัวของเธอนำกระบองไม้ไผ่ไปฝังนั่นเอง

เธอละทิ้งทางโลกแล้วหนีไป
ใช่แล้ว, เพื่อไปยังโลกแห่งเซียนที่เธอใฝ่ฝัน


――นับจากตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้ว
ตัวเธอกลายเป็นเซียน ซึ่งมีพลังมากพอประมาณอยู่ในตัว
กลายเป็นผู้มีอายุยืนที่ไม่แก่ชรา, คงสภาพความเยาว์วัยอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเคยทำอะไรหลายอย่างจนกลายเป็นที่เกรงกลัวของผู้คน
แต่นั่นทำให้สวรรค์ไม่ยอมรับเธอ จนกลายเป็นเซียนมารในที่สุด
หากเพื่อจุดประสงค์ของตัวเองล่ะก็, เธอไม่รู้สึกรังเกียจที่ต้องหลอกลวงครอบครัวของตนเองด้วยซ้ำ
นิสัยแบบนั้นมันไม่ดีเลย

งานอดิเรกของเธอคือการแสดงพลังของตนเพื่อเผยแผ่ลัทธิเต๋า
แต่เซียนหรือนักพรตอย่างเธอไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากในประเทศนี้
เธอจึงคิดจะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่มีเซียน, และมุ่งหน้าไปยังประเทศตะวันออกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซึ่งก็คือ ญี่ปุ่น นั่นเอง


ญี่ปุ่นในเวลานั้น มีสองศาสนากำลังทำศึกช่วงชิงอำนาจกันอยู่
หนึ่งคือศาสนาพุทธที่เผยแผ่มาจากแผ่นดินใหญ่, หนึ่งคือศาสนาชินโตที่ศรัทธาในเทพพื้นเมืองซึ่งมีมาแต่โบราณ

เธอคิดว่า 「นี่แหละคือโอกาสดี」
เธอเข้าหา โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีตบะแก่กล้าที่สุด, และเล่าถึงเสน่ห์ของลัทธิเต๋าให้ฟัง

เธอเอาแต่เป่าหูว่า ให้ใช้ศาสนาพุทธในทางการเมืองเพื่อทำให้ประชาชนสงบเงี่ยมเรียบร้อย ส่วนผู้มีอำนาจก็ครอบครองพลังยอดมนุษย์ด้วยลัทธิเต๋า

ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, กล่าวคือนับถือเทพหลายองค์
จึงเหมาะกับศาสนาชินโตซึ่งเชื่อว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายคือลูกหลานของเทพเจ้า
แถมเป้าหมายสูงสุดยังเป็นความไม่แก่ไม่ตาย, จึงมีเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้มีอำนาจได้มากกว่าศาสนาพุทธที่เน้นการปล่อยวาง
หลังจากที่มิโกะคิดอยู่ครู่หนึ่ง, เธอก็นำแผนนี้ไปคุยกับเครือตระกูลโมโนโนเบะซึ่งเป็นศัตรูทางศาสนามาแต่ดั้งเดิม


Tips :
- จากเนื้อหาข้างต้น เชื่อว่าตัวละครนี้มีที่มาจากประเทศจีน จึงทำการระบุวิธีอ่านชื่อแบบจีนเอาไว้ด้วย
- เครือตระกูล หมายถึงกลุ่มคนหลายนามสกุลที่มารวมตัวกันภายใต้ชื่อเครือสกุลเดียวกัน เพื่ออำนาจทางการเมือง
- ชื่อ เซย์กะ (ชิงเอ๋อ) นั้นเป็นชื่อของตัวเอกในนิทานเรื่องหนึ่งของจีน
- ในนิทานดังกล่าว มีจอบที่ไม่ว่ากำแพงจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็สามารถขุดจนทะลุได้อยู่
- เนี้ยวเนี้ยว (เหนียงเหนียง) (娘々) หมายถึง นางฟ้าในตำนานจีนและลัทธิเต๋า (娘 แปลว่า สาวน้อย)
- ฉายาของเธออาจล้อชื่อเรื่องสั้น ชายทะลุกำแพง (Le Passe-muraille) ซึ่งแต่งโดย Marcel Aymé
- เหอเซียนกู เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มโป๊ยเซียนทั้งแปด




 ○ บอสกลางด่าน 5 วิญญาณผู้เป็นลูกหลานของเทพ
   โซะกะ โนะ โทจิโกะ
   Soga no Toziko

เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์
ความสามารถ : ก่อให้เกิดสายฟ้า

โบวเรย์แห่งเครือตระกูลโซะกะ ซึ่งเป็นเครือตระกูลยุคโบราณของญี่ปุ่น
แม้ว่าเธอกับฟุโตะจะร่วมกันรับใช้มิโกะ, แต่เธอถูกปฏิเสธมิให้คืนชีพในฐานะมนุษย์ เนื่องจากเวรกรรมในอดีตที่มีต่อฟุโตะ
และถูกใช้งานตามความพอใจของฟุโตะโดยที่เป็นร่างวิญญาณแบบนั้น

เธอไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับร่างวิญญาณเลย
เธอกลับคิดว่าไม่อยากได้ร่างมนุษย์ที่พังทลายได้ง่ายด้วยซ้ำ

เครือโซะกะกับเครือโมโนโนเบะเคยต่อสู้กันเรื่องศาสนาพุทธมาก่อน
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฟุโตะกับโทจิโกะก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันและกันที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
และตอนนี้พวกเธอสองคนต่างก็เกลียดศาสนาพุทธ


Tips :
- ชื่อของเธอนั้นนัยถึง โทจิโกะ โนะ อิรัทสึเมะ (刀自古郎女) ภรรยาของ มกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ
  ซึ่งเป็นบุตรีของ (พ่อ) โซะกะ โนะ อุมาโกะ และ (แม่) เจ้าหญิงฟุโตะ ผู้เป็นน้องสาวของ โมโนโนเบะ โนะ โมริยะ
- เชื่อกันว่าเครือตระกูลโมโนโนเบะนั้นสืบเชื้อสายมาจากเทพ อุมาชิมาจิโนะมิโคโตะ จึงเป็นที่มาของฉายาของเธอด้วย
- วัดที่ โซะกะ โนะ อุมาโกะ สร้างขึ้นนั้นมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพอัสนี จึงเป็นที่มาของความสามารถในการสร้างสายฟ้าของเธอ
- วิญญาณไร้ขาที่ใช้สายฟ้า... ตัวตนของเธอทำให้แฟนโทโฮบางส่วนเชื่อว่า เธอคือตัวละครที่มีต้นแบบจากมิมะ ซึ่งก็หมายความว่า...
- เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามศาสนาที่เป็นต้นแบบของภาคนี้ สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างสุดของหน้า




 ○ บอสด่าน 5 เซียนถอดวิญญาณแห่งญี่ปุ่นยุคโบราณ
   โมโนโนเบะ โนะ ฟุโตะ
   Mononobe no Futo

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ ? (นักพรตเต๋าที่อ้างว่าเป็นเซียนถอดวิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมฮวงจุ้ย

มันเป็นเรื่องที่เก่าแก่นิดหน่อย
เป็นเรื่องเมื่อราวๆหนึ่งพันกับอีกหลายร้อยปีก่อนเห็นจะได้
เป็นเรื่องสมัยที่ประเทศนี้ยังรวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองผู้คนไม่เสร็จ
สิ่งต่างๆเช่น ผู้คน, วัตถุ, วิทยาการ และศาสนา ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศนี้
หนึ่งในนั้นคือ ศาสนาพุทธ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศนี้ไปอย่างมาก

ภายในประเทศได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ นับถือพุทธ กับ ต่อต้านพุทธ, และช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
เครือตระกูลโมโนโนเบะอยู่ฝ่ายต่อต้าน เนื่องจากสืบเชื้อสายมาจากเทพ อุมาชิมาจิโนะมิโคโตะ ตามความเชื่อชินโต
จึงเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงต่อเครือตระกูลโซะกะที่สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์
ในภายหลัง, สงครามศาสนานี้มิได้ถูกเล่าขานในแง่ของการเป็นสงครามช่วงชิงอำนาจเท่านั้น
แต่ยังเป็นสงครามระหว่างวงศ์วานของเหล่าเทพกับเกียรติยศของมนุษย์อีกด้วย

จากนั้นสงครามศาสนาก็ปิดม่านลงด้วยโศกนาฏกรรม

สงครามทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน, ฝ่ายเครือโมโนโนเบะได้บุกรุกวัด เผาวัด ทิ้งพระพุทธรูป เพื่อกระตุ้นการต่อต้านพุทธ
แต่จังหวะช่างไม่ดีเอาเสียเลย, เพราะได้เกิดโรคระบาดขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา, และทำให้องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์

เครือโซะกะป่าวประกาศไปทั่วว่านี่คือคำสาปที่เกิดจากการทำร้ายพระพุทธศาสนา
ด้วยเหตุนี้ทำให้การสนับสนุนเครือโซะกะเพิ่มมากขึ้น, ส่วนเครือโมโนโนเบะถูกลงคำสั่งขับไล่

เครือตระกูลโมโนโนเบะจึงล่มสลายลงด้วยสงครามนี้
และการเมืองของประเทศก็ดำเนินไปโดยมีศาสนาพุทธเป็นศูนย์กลาง
โดยเป็นที่รู้กันในเบื้องหน้าว่านี่คือ สงครามศาสนาระหว่างโซะกะกับโมโนโนเบะ


ทว่า, ที่จริงแล้วมีผู้ที่ชักใยเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง, ซึ่งก็คือ ฟุโตะ นั่นเอง
ในขณะที่ใช้สกุลโมโนโนเบะ, เธอกลับนับถือศาสนาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงา
นั่นก็คือ ลัทธิเต๋า ที่เผยแผ่เข้ามาพร้อมกับศาสนาพุทธ
ลัทธิเต๋าสามารถทำให้ตนเองแข็งแกร่งราวกับยอดมนุษย์ได้, และเป้าหมายสุดท้ายคือการไม่แก่ไม่ตาย
จึงเป็นศาสนาที่มีเสน่ห์อย่างมากสำหรับผู้มีอำนาจ

แต่ศาสนาที่มีเสน่ห์นี้ก็มีข้อด้อยอยู่อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ, ไม่ว่าประชาชนคนใดก็สามารถฝึกฝนจนเป็นเซียนได้, ซึ่งไม่เหมาะกับการเมืองเอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงซ่อนเรื่องลัทธิเต๋าไว้เป็นความลับ

ต่อมา, มิโกะซึ่งนับถือลัทธิเต๋าเหมือนกัน, ได้นำแผนการอย่างหนึ่งมาเล่าให้ฟัง
นั่นคือ, การปกครองประเทศเบื้องหน้าโดยให้ประชาชนนับถือศาสนาพุทธซึ่งสามารถทำให้ประชาชนอยู่ในความสงบได้
จากนั้นก็ร่ายคำสาปใส่ความตายของตนเอง, แล้วค่อยคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในฐานะเซียนถอดวิญญาณ

ฟุโตะเป็นพันธมิตรของเครือโซะกะ, และสามารถควบคุมอยู่เบื้องหลังได้
เธอจึงทำให้เครือโซะกะหลับหูหลับตาเชื่อในศาสนาพุทธอย่างเต็มที่
ซึ่งแน่นอนว่า, เครือโมโนโนเบะ(ยกเว้นฟุโตะ)ซึ่งเป็นลูกหลานของเทพเจ้านั้นไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลยสักนิด

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ สงครามศาสนา
ซึ่งอันที่จริงมันคือสงครามระหว่างเหล่าเทพที่มีมาแต่โบราณของญี่ปุ่นในนามโมโนโนเบะ กับมิโกะที่พยายามจะเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่โดยใช้ลัทธิเต๋า
ศาสนาพุทธจึงเป็นเพียงของตบตาสำหรับแผนดังกล่าวเท่านั้น


ทว่า, กว่าทั้งสองจะคืนชีพขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาไปมากน่าดู
นั่นเป็นเพราะมีเหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธที่น่าสงสัยมาสร้างวัดอยู่ข้างบน ทำให้การคืนชีพจากความตายของมิโกะถูกยับยั้งเอาไว้

แม้จะเป็นศาสนาที่เคยถูกใช้ประโยชน์ทางการเมือง, แต่แรงศรัทธากลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้
การที่ศาสนาพุทธยังคงได้รับศรัทธาเรื่อยมาจนถึงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดจริงๆ


Tips :
- ต้นแบบของเธอคือ เจ้าหญิงฟุโตะ ผู้เป็นน้องสาวของ โมโนโนเบะ โนะ โมริยะ และเป็นภรรยาของ โซะกะ โนะ อุมาโกะ
  เธอเป็นคนช่วยวางแผนให้อุมาโกะสังหารโมริยะได้สำเร็จในสงครามภูเขาชิกิ ซึ่งทำให้เครือโมโนโนเบะล่มสลายในที่สุด
- นอกจากนี้ยังเป็นที่เชื่อกันว่า สงครามระหว่างสองเครือตระกูลนี้เกิดจากแผนการของเจ้าหญิงฟุโตะอีกด้วย
- ชิไคเซน (เซียนถอดวิญญาณ) หมายถึง ผู้ที่เลียนแบบความตายเพื่อถอดวิญญาณทิ้งร่างเนื้อ แล้วกลายเป็นเซียน
  โดยเมื่อวิชาถอดวิญญาณสำเร็จลุล่วง ศพที่ฝังเอาไว้จะคืนสภาพกลับมาเป็นร่างเนื้ออีกครั้ง และผู้ใช้วิชาก็จะกลายเป็นเซียน
- ลักษณะภายนอกของเธอดูคล้ายกับบอส ชินเกียคุ ในโทโฮภาค 1
- เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามศาสนาที่เป็นต้นแบบของภาคนี้ สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างสุดของหน้า




 ○ บอสด่าน 6 นักพรตเต๋าผู้ทรงธรรม
   โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ
   Toyosatomimi no Miko

เผ่าพันธุ์ : นักบุญ
ความสามารถ : ฟังเรื่องราวของสิบคนได้ในเวลาเดียวกัน

อัจฉริยะผู้ถือกำเนิดในคอกม้า ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก

ตัวเธอซึ่งถือกำเนิดมาอย่างสูงศักดิ์นั้นได้ยินได้ฟังคำร้องทุกข์มากมายมาตั้งแต่เด็ก
เหล่าข้าราชบริพารคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางฟังรู้เรื่อง, เธอจึงตกเป็นเรื่องพูดเล่นสนุกปากของเหล่าข้าราชบริพารอยู่บ่อยครั้ง
แต่ว่ามิโกะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง, และสามารถชี้แนะได้อย่างถูกต้องแม่นยำในทันที
ข่าวลือดังกล่าวแพร่สะพัดไปในสังคม ทำให้เธอได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในฐานะนักบุญ

แต่เธอก็มีเรื่องข้องใจที่พบได้เฉพาะในพวกอัจฉริยะอยู่เหมือนกัน
 「ผืนปฐพีไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากยุคของเหล่าเทพ, ท้องทะเลยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ
  แล้วเหตุใด, มนุษย์จักต้องยอมรับความตายด้วยเล่า」
เธอรู้สึกไม่พอใจโชคชะตาที่จะต้องตายของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ



เซย์กะได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับมิโกะ จึงคิดว่าต้องเป็นคนนี้ไม่ผิดแน่ และมาแนะนำลัทธิเต๋าให้แก่มิโกะ

เซย์กะเล่าว่า, ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, และสามารถทำให้ความไม่แก่ไม่ตายเป็นจริงได้ด้วยการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

มิโกะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลาเดียวกัน, เธอบอกแก่เซย์กะว่า, แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็มิอาจทำให้ประเทศสงบสุขได้ด้วยศาสนาที่ว่านั้น
เซย์กะคิดว่าถ้าเพื่อให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงแล้ว เรื่องการเมืองของประเทศจะเป็นยังไงก็ช่าง, แต่มิโกะไม่คิดแบบนั้น

เซย์กะจึงพูดว่า, ถ้าเช่นนั้นก็เอาแบบนี้สิ, จากนั้นเธอก็เสนอเรื่องการใช้ศาสนาพุทธเป็นฉากหน้า
เธอเล่าว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด
มิโกะจึงยอมรับว่า หากเป็นแบบนั้นประเทศก็คงจะสงบสุขได้


มิโกะเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่ว
ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนคนธรรมดาไม่มีพลังใดๆ
และทำการวิจัยลัทธิเต๋าอยู่เบื้องหลัง

ผลที่ได้คือ การแสดงความสามารถเหนือมนุษย์และกลายเป็นตำนานมากมาย จนเป็นที่รู้จักไปทั่ว


จากนั้นก็ทำการวิจัยเรื่องความไม่แก่ไม่ตายอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายต่อโดยไม่รั้งรอ
เธอเคยใช้สารหายากหลายๆอย่าง เช่น ชาด (เกิดจากกำมะถันและปรอท = เป็นพิษร้ายแรง)
มันกัดกร่อนร่างกายของเธอไปทีละน้อย
ร่างกายของเธอจึงถูกทำลายลงด้วยวิชาเต๋าที่น่าจะนำความไม่แก่ชราและอายุยืนมาให้แก่เธอ

มิโกะไม่คิดจะรออีกต่อไปด้วยร่างกายนี้แล้ว, จึงตัดสินใจที่จะเป็นเซียนถอดวิญญาณ
เซียนถอดวิญญาณคือวิชาลับที่จะต้องตาย(หรือทำให้เห็นว่าตายไปแล้ว)หนึ่งครั้ง แล้วคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

แต่เธอกลัวที่จะต้องทำคนเดียว, จึงเอาไปเล่าให้ฟุโตะฟัง, และพยายามให้ฟุโตะเข้าสู่การหลับใหลก่อน
ฟุโตะเชื่อในพลังของมิโกะ จึงยอมเป็นเข้ารับการทดลอง
หลังจากที่ตายไปแล้ว, ฟุโตะก็หลับใหลเรื่อยมาโดยไม่เน่าเปื่อย, เมื่อมิโกะตรวจสอบยืนยันเสร็จก็เข้าสู่นิทราบ้าง



ตามแผนของมิโกะ, เธอกำหนดให้ตัวเองคืนชีพขึ้นในเวลาที่ประเทศรู้สึกถึงขีดจำกัดของศาสนาพุทธ และแสวงหานักบุญ
แต่สิ่งที่คาดไว้กลับผิดพลาด, เพราะศาสนาพุทธปกครองประเทศนี้อย่างยาวนานเกินกว่าพันปี

แผนการของมิโกะรั่วไหลออกไป
เหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธผู้มากด้วยพลังจึงผนึกฮวงซุ้ยของมิโกะมาอย่างต่อเนื่อง, ทำให้เธอไม่สามารถคืนชีพได้

มิโกะจึงไม่รีบร้อน และคิดว่าจะคืนชีพเมื่อไหร่ก็ได้ จึงหลับใหลเรื่อยมา
และเวลาแห่งการคืนชีพก็มาถึงในที่สุด

สาเหตุก็คือ, ผู้คนเริ่มเล่าขานว่าตำนานทั้งหมดของเธอล้วนเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ปัจจุบันไม่มีมนุษย์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์แล้ว
ผลงานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของเธอจึงถูกเชื่อว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งตัวเธอและฮวงซุ้ยจึงย้ายเข้ามาสู่เกนโซวเคียว
ซึ่งในเวลานั้น, เกนโซวเคียวไม่มีวัดอยู่เลย, เธอจึงพร้อมแก่การคืนชีพขึ้นมาเมื่อไรก็ได้

แต่ ณ ตอนนั้นเอง กลับมีการสร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น
แถมยังอยู่เหนือฮวงซุ้ยอย่างพอดิบพอดีอย่างกับเล็งเอาไว้

มันคือ วัดเมียวเรนจิ นั่นเอง

มิโกะจะถูกกดขี่อีกครั้งโดยนักบวชแห่งศาสนาพุทธงั้นหรือ
หรือจะต้องต่อสู้กับนักบวชงั้นหรือ

เฉกเช่นเดียวกับการสู้ตายระหว่างโมโนโนเบะ(เหล่าเทพโบราณ)กับโซะกะ(ศาสนาพุทธ)เหมือนในอดีต


Tips :
- ต้นแบบของเธอคือ มกุฎราชกุมาร (ไทชิ) โชวโทะคุ บุตรแห่งจักรพรรดิโยวเมย์ (โชวโทะคุ = ทรงธรรม, ราชธรรม) และเป็นที่มาของฉายาของเธอ
- มกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ ถือกำเนิดที่หน้าประตูคอกม้า จึงเป็นที่มาของเนื้อหาบทแนะนำมิโกะข้างต้น
- มกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ มีอีกชื่อหนึ่งว่า โทโยซาโตะมิมิ จึงเป็นที่มาของนามสกุลของมิโกะ
- เล่ากันว่า มกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ เคยรับฟังคำร้องทุกข์ของสิบคนในเวลาเดียวกัน และสามารถให้คำตอบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
  จึงเป็นที่มาของความสามารถของมิโกะ และเป็นที่มาของชื่อภาค Ten Desires (ความปรารถนาทั้งสิบ)
- เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามศาสนาที่เป็นต้นแบบของภาคนี้ สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างสุดของหน้า




 ○ บอสกลางด่าน EX โยวไคโบราณ 1
   โฮวจูว นุเอะ
   Houjuu Nue

เผ่าพันธุ์ : นุเอะ
ความสามารถ : ทำให้ไม่มีใครรู้ร่างจริง

โยวไคปริศนาที่อาศัยอยู่ในวัดเมียวเรนจิ

นักบุญที่ถูกเบียคุเรนตรึงเอาไว้, ในที่สุดก็ตรึงไว้ไม่อยู่จนคืนชีพขึ้นมาจนได้
เมื่อเธอได้ยินเรื่องดังกล่าว, ก็ตั้งใจจะตอบแทนบุญคุณครั้งก่อน (ภาค 12) ด้วยการเรียกเพื่อนเก่ามาเพื่อเสริมกำลังโยวไค

แน่นอนว่าเรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับต่อเบียคุเรน


ผลก็คือ มีโยวไคมาอาศัยในวัดเมียวเรนจิเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว

สุดท้าย, ก็แค่ทำให้เบียคุเรนงานยุ่งมากขึ้นเท่านั้นเอง


Tips :
- ฉายา โยวไคโบราณ 1 นี้หากจะว่าไปแล้วก็คล้ายกับคำว่า ตัวประกอบ A ตัวประกอบ B ...ประมาณนั้น




 ○ บอสด่าน EX ปิศาจทานุกิ แปลงสิบร่าง
   ฟุทัทสึอิวะ มามิโซว
   Hutatsuiwa Mamizou

เผ่าพันธุ์ : ปิศาจทานุกิ
ความสามารถ : ทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง

ปิศาจทานุกิที่มีประวัติมาช้านาน
เป็นโยวไคหายากที่เคยอาศัยอยู่นอกเกนโซวเคียว
ครั้งนี้ลงทุนเข้ามาในเกนโซวเคียวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนเก่าจากวิกฤติ

ทานุกิชื่นชอบการหลอกลวงและเฝ้าดูผู้คนลังเล, จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง
และจะมีพลังเพิ่มขึ้นในคืนวันเพ็ญ

การทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง มีความหมายคล้ายคลึงกับความสามารถของนุเอะ
กล่าวคือทั้งสองล้วนเป็นโยวไคที่ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ซึ่งๆหน้า

เรียกโยวไคพรรค์นี้มาแล้วจะต่อกรกับมิโกะได้อย่างนั้นหรือ
สุดท้ายแล้วพวกโยวไคก็ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่คิดจะรับฟังคำสั่งใดๆ
ต่อให้อยู่ตนเดียวแล้วแข็งแกร่งเพียงไร, ถึงเวลาจะแพ้ก็ต้องแพ้อยู่ดี


ดูเหมือนเธอจะอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในถิ่นของเธอ (ซาโดะ)
บ้างก็หลอกลวงผู้คน, บ้างก็ให้คนยากจนกู้ยืมเงิน, บ้างก็ทำงานที่มีคนไหว้วานให้ทำ
ช่างกลมกลืนไปกับสังคมมนุษย์ได้ดีจริงๆ


แต่มีข่าวลือว่า, ทานุกิเข้ากับจิ้งจอกได้ไม่ดีนัก, ทำให้ไม่มีจิ้งจอกอาศัยอยู่ในซาโดะเลย
จึงเป็นเหตุให้เธอไม่ลงรอยกับเหล่าจิ้งจอกในเกนโซวเคียว, แต่เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง


Tips :
- ต้นแบบของเธอคือ ดันซาบุโร่ดานุกิ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเหล่าทานุกิแห่งเกาะซาโดะ เป็นหนึ่งในทานุกิที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น
- ดันซาบุโร่ดานุกิ ได้ขับไล่จิ้งจอกออกไปจากเกาะซาโดะจนหมดสิ้น จึงเป็นที่มาของเนื้อหาข้างต้น
- นามสกุล ฟุทัทสึอิวะ แปลว่า หินสองก้อน ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเกาะซาโดะ
- ชื่อ มามิโซว เชื่อกันว่ามาจากคำว่า 猯像 (รูปจำลองตัวทานุกิ) ซึ่งคำว่า 猯 อาจเขียนอีกอย่างได้ว่า 魔魅
  และหากสลับตำแหน่งกันก็จะกลายเป็นชื่อ 魅魔 (มิมะ) ตัวละครจากโทโฮยุคเก่า



.........................................................................................................................................................................................



สงครามศาสนาระหว่างสองเครือตระกูลใหญ่ในญี่ปุ่นยุคโบราณ

ในยุคของจักรพรรดิบิดัทสึ (ปี ค.ศ. 572-585) มีสองเครือตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลทางการเมืองเป็นอย่างมาก
ได้แก่ เครือโมโนโนเบะ และเครือโซะกะ
และในยุคนี้เองที่เริ่มมีการรับเอาพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น
โดยเครือโซะกะเลือกที่จะนับถือศาสนาพุทธ ส่วนเครือโมโนโนเบะเลือกที่จะต่อต้าน
ในปี 585 จักรพรรดิบิดัทสึสิ้นพระชนม์ด้วยโรคระบาด (ฝีดาษ) และน้องชายของเขาขึ้นครองราชย์แทนในนาม จักรพรรดิโยวเมย์
และมกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ คือบุตรแห่งจักรพรรดิโยวเมย์ ซึ่งทั้งสองนับถือศาสนาพุทธ จึงเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับเครือโซะกะ
เครือโมโนโนเบะจึงเริ่มตกที่นั่งลำบาก

ครั้นเมื่อจักรพรรดิโยวเมย์สิ้นพระชนม์ในปี 587 (ด้วยวัย 69 ปี ซึ่งตามตำราไม่ได้บอกว่าสิ้นพระชนม์เพราะเหตุใด)
ทั้งสองเครือต่างก็พยายามผลักดันองค์ชายที่ตนสนับสนุนให้ได้เป็นจักรพรรดิ
การโต้เถียงลุกลามกลายเป็นสงคราม
ฝ่ายโมโนโนเบะได้บุกเข้าไปเผาวัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่น
และโยนพระพุทธรูปองค์แรกของญี่ปุ่นทิ้งลงไปในคลองของเมืองนานิวะ (ปัจจุบันคือเมืองโอซาก้า)
สงครามแย่งชิงอำนาจนี้ไปสิ้นสุดลงที่ สงครามภูเขาชิกิ
โดย โซะกะ โนะ อุมาโกะ ได้สังหาร โมโนโนเบะ โนะ โมริยะ ในศึกครั้งนี้ และทำให้เครือโมโนโนเบะล่มสลายในที่สุด

อนึ่ง, โซะกะ โนะ อุมาโกะ มีภรรยาชื่อ ฟุโตะฮิเมะ (เจ้าหญิงฟุโตะ) ซึ่งเป็นน้องสาวของ โมโนโนเบะ โนะ โมริยะ
ทั้งสองมีบุตรีชื่อ โทจิโกะ โนะ อิรัทสึเมะ ซึ่งยกให้แต่งงานกับมกุฎราชกุมาร โชวโทะคุ
ว่ากันว่า เจ้าหญิงฟุโตะเป็นคนช่วยวางแผนให้อุมาโกะสังหารโมริยะได้สำเร็จในสงครามภูเขาชิกิ
นอกจากนี้ยังเป็นที่เชื่อกันว่า สงครามระหว่างสองเครือตระกูลนี้เกิดจากแผนการของเจ้าหญิงฟุโตะอีกด้วย


จะเห็นได้ว่า เรื่องราวค่อนข้างแตกต่างไปจากเนื้อหาที่แต่งใหม่ในโทโฮมากทีเดียว
อาทิเช่น จักรพรรดิที่สิ้นพระชนม์ด้วยโรคระบาดไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเผาวัดและโยนพระพุทธรูปทิ้งเลย



.........................................................................................................................................................................................