東方求聞史紀 ~ Perfect Memento in Strict Sense.
โทวโฮวกุมอนชิคิ (ใคร่รู้ประวัติศาสตร์แห่งตะวันออก) ~ อนุสรณ์สมบูรณ์ในสัมผัสที่เที่ยงตรง
.........................................................................................................................................................................................
เผ่าพันธุ์ที่ยังมิได้ยืนยันเอกลักษณ์
*กดที่ชื่อหัวข้อเพื่ออ่าน*
หรือกดที่นี่เพื่อแสดงข้อความทั้งหมด
ริว(มังกร) ~เทพมายาสูงสุด~
[ริว(มังกร) ~เทพมายาสูงสุด~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำสุด
ความหลากหลาย : ไม่แน่ชัด
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
เทพสูงสุดแห่งเกนโซวเคียว
เป็นเทพที่ทั้งมนุษย์, โยวไค, สรรพชีวิตทั้งหลายทั้งมวลล้วนให้ความเคารพบูชา
ตามปกติจะอาศัยอยู่ในทะเล หรือท้องนภา หรือท่ามกลางห่าฝน*, จึงตรวจสอบยืนยันรูปลักษณ์แทบไม่ได้เลย
*1[มังกรนั้นไม่เกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบจากมหาเขตแดน จึงสามารถเดินทางไปยังที่ใดก็ได้]
*1[ว่ากันว่า ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอก โลกวิญญาณ สวรรค์ หรือนรก ก็สามารถเดินทางไปมาได้อย่างอิสระ]
ว่ากันว่ามีรูปร่างคล้ายงูที่มีมือและเขา, ลำตัวใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่าต้นไม้อายุหลายพันวงปีอย่างมาก, และมีลำตัวที่ยาวจนปกคลุมท้องฟ้าได้ทั่วทิศ
เสียงคำรามแหวกนภา นำฝนฟ้าคะนองมาสู่ปฐพี
ยามเมื่อขยับร่างกาย ภูผาจะมลาย และเกิดแผ่นดินไหว
หากบังเอิญว่าเกล็ดย้อนถูกสัมผัส, ก็มิอาจคาดเดาได้ว่าเกนโซวเคียวจะมีชะตากรรมอย่างไร
(ว่ากันว่ามังกรแต่ละตนนั้นจะมี"เกล็ดย้อน"อยู่ใต้คอ หากถูกสัมผัสจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดอย่างรุนแรงสุดกำลัง)
ทว่า, ในขณะที่ทำลายล้างก็เป็นเทพผู้สร้างสรรค์เกนโซวเคียวไปด้วย
ฝนตก แม่น้ำไหล แมกไม้เขียวขจีอย่างอุดมสมบูรณ์ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะมังกรคอยช่วยเหลือ
มังกรนั้นแทบจะไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
เมื่อเกนโซวเคียวเกิดวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญเท่านั้น จึงจะปรากฏตัวออกมา และปกคลุมท้องฟ้าไปทั่วสารทิศ
โดยปกติแล้วจะสามารถยืนยันตัวตนของมังกรได้จากสายรุ้งและลำธารที่เกิดจากร่องรอยการเดินทางของมังกร
*มังกรเมื่อครั้งมหาเขตแดนฮาคุเรย์*
ครั้งสุดท้ายที่มังกรปรากฏตัวขึ้นคือตอนที่มหาเขตแดนฮาคุเรย์ถูกกางกั้น
เสียงฟ้าร้องกึกก้องแยกท้องฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆ พายุฝนปกคลุมซัดกระหน่ำจนนึกว่าจะจมน้ำกันหมดเสียแล้ว
แค่เพียงชั่วครู่, เกนโซวเคียวก็ตกสู่โลกแห่งความมืดที่แสงแดดไม่สาดส่องแม้ในยามกลางวัน
ว่ากันว่า เหล่าจอมปราชญ์โยวไคได้ใช้ตัวตนของตนเองเป็นเดิมพันในการสาบานต่อมังกรว่าจะรักษาความสงบสุขของเกนโซวเคียวไปตลอดกาล
พลันนั้น, น้ำที่เคยท่วมสูงก็ลดลง ท้องฟ้ามืดครึ้มแยกย้ายหายไป แล้วแสงสว่างก็กลับคืนสู่ผืนปฐพีดังเดิม
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้มีการก่อตั้งรูปปั้นเทพมังกรขึ้นเพื่อสักการบูชามังกรที่ใจกลางของหมู่บ้านมนุษย์, และได้รับความเคารพนับถือตราบจนทุกวันนี้
*รูปปั้นหินเทพมังกร*
รูปปั้นหินของเทพมังกรที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของหมู่บ้านนั้นมีความวิเศษเลิศล้ำอยู่อย่างหนึ่ง
คือ เมื่อมองดูที่สีของตาของรูปปั้นจะสามารถรู้ถึงสภาพอากาศของวันนี้ได้
ตาสีขาวหมายถึงอากาศจะแจ่มใส
เมื่อเป็นสีฟ้าแสดงว่าฝนจะตก
ส่วนสีเทาหมายถึงมืดครึ้ม
ช่างสะดวกอะไรอย่างนี้*
*2[ดูเหมือนกัปปะที่สร้างรูปปั้นหินนี้ได้แอบติดตั้งเครื่องพยากรณ์อากาศลงไป
คงเพราะคิดว่าถ้ามันไม่มีประโยชน์ ก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนมาสักการบูชาหรอก]
ทว่า, ตอนที่เป็นสีแดงนั้นจะต้องระมัดระวังให้ดี
เพราะนี่เป็นสีที่จะปรากฏขึ้นเมื่อเกิดเรื่องที่ไม่สามารถคาดคะเนได้, แสดงว่ากำลังเกิดเรื่องผิดปกติบางอย่างกับเกนโซวเคียว
ในเวลาอย่างนี้, มักเกิดจากโยวไคก่อเหตุวิปลาสขึ้นมาเสียส่วนใหญ่
ความแม่นยำในการพยากรณ์อากาศนี้ อยู่ที่ประมาณ 7 ส่วน
(วิธีการคิดอัตราส่วนแบบจีน ซึ่งเต็มสิบส่วน ดังนั้น 7 ส่วนในที่นี้จึงเท่ากับ 70%)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
คัปปะ(กัปปะ) ~โยวไคช่างฝีมือแห่งน้ำ~
[คัปปะ(กัปปะ) ~โยวไคช่างฝีมือแห่งน้ำ~]
ระดับความอันตราย : ปานกลาง
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ภูเขาโยวไค
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
โยวไคแห่งแม่น้ำที่อาศัยอยู่บนภูเขาโยวไค
เป็นโยวไคที่ชำนาญการใช้ปลายนิ้วทำงานละเอียดอ่อน, มีวิทยาการชั้นสูงติดตัวและสร้างสรรค์อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆออกมาได้อย่างหลากหลาย
ทั้งยังให้ความร่วมมือกับเทนกุในการสร้างสังคมที่มีเอกลักษณ์ขึ้น และใช้ชีวิตกันแบบชนชั้นสูง
รูปร่างเป็นแบบมนุษย์, แต่แบกกระดองเต่าไว้ที่หลัง และมีจานวางอยู่บนหัว
กัปปะเชี่ยวชาญการว่ายน้ำ หากอยู่ในน้ำสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่าปลา, แต่ถ้าขึ้นบกมาก็มีสมรรถภาพร่างกายที่ไม่ต่างจากมนุษย์เท่าใดนัก
ในเชิงเปรียบเทียบ พบว่าความสามารถด้านการต่อสู้ของกัปปะนั้นค่อนข้างต่ำ, และแทบจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลย
นอกจากนี้ เมื่อรู้ตัวว่าถูกมนุษย์พบเห็นเข้าก็จะหนีไปอย่างรวดเร็ว, ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของกัปปะยังคงเป็นปริศนาอยู่
จะได้เห็นตัวก็ต่อเมื่อมีกัปปะเซ่อซ่าไหลลอยมาตามแม่น้ำเท่านั้น ซึ่งนานๆครั้งจะมีอย่างนี้สักทีหนึ่ง
(ล้อสำนวนญี่ปุ่น "กัปปะลอยมาตามแม่น้ำ" หมายถึง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีโอกาสพลาดได้)
*อุปกรณ์ของกัปปะ*
อุปกรณ์ที่กัปปะคิดค้นสร้างสรรค์ขึ้นถูกยกย่องให้เป็นสมบัติล้ำค่าร่วมกับอุปกรณ์จากโลกภายนอกในฐานะ สองยอดอุปกรณ์สมัยใหม่แห่งเกนโซวเคียว
ทว่า, อุปกรณ์ส่วนใหญ่นั้นยังไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้งานสักเท่าใดนัก
กล้องถ่ายรูปที่พวกเทนกุใช้กันนั้นเป็นตัวอย่างที่ดี
บางครั้งกดปุ่มไปแล้วแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลยโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตัวอย่างอื่นๆก็เช่น นาฬิกาเดินบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำไม่มีคลาดเคลื่อนโดยไม่ทราบสาเหตุ
หรืออุปกรณ์ที่ทำให้สามารถพูดคุยกับคนที่อยู่ห่างไกลออกไปได้
หรืออย่างเครื่องส่งสัญญาณกับเครื่องรับสัญญาณที่สามารถส่งภาพไปปรากฏในที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ เป็นต้น
อุปกรณ์หลากหลายที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น*เหล่านี้จะกลายเป็นวัตถุชั้นสูงของสังคมภูเขาต่อไป
*1[แม้จะกล่าวกันว่า สร้างขึ้นโดยการพยายามสังเกตแล้วเลียนแบบอุปกรณ์จากโลกภายนอก, แต่ว่าคุณสมบัติการกันน้ำนั้นดีเลิศทีเดียว]
*การดำเนินชีวิตของกัปปะ*
แม้ว่ากัปปะจะเชี่ยวชาญการว่ายน้ำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอาศัยอยู่ในน้ำเสียทีเดียว
โดยปกติแล้วก็จะอาศัยอยู่บนบก, และสร้างอุปกรณ์ต่างๆบนบกด้วยเช่นกัน
หากศัตรูเข้ามาใกล้ก็จะดำน้ำลงไปซ่อนตัว
และถึงจะสามารถอยู่ในน้ำได้นานกว่ามนุษย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลั้นหายใจอยู่ในน้ำไปได้ตลอด, บางครั้งก็ต้องพักหายใจเช่นกัน*
*2[หนึ่งเฮือกหายใจสามารถอยู่ได้นานหลายชั่วโมง]
เสื้อผ้าของกัปปะนั้นมีการระบายน้ำที่ดี, สามารถลงไปดำน้ำทั้งๆที่ใส่ชุดอยู่ได้เลย, โดยไม่รบกวนประสิทธิภาพในการว่ายน้ำแต่อย่างใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เทนนิน(เทวดา) ~มนุษย์ผู้ไร้กังวลอย่างที่สุด~
[เทนนิน(เทวดา) ~มนุษย์ผู้ไร้กังวลอย่างที่สุด~]
ระดับความอันตราย : ต่ำสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำสุด
ความหลากหลาย : ธรรมดา
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนสวรรค์
ปล่อยวางทางโลกอย่างสมบูรณ์, หลุดพ้นจากวัฏสงสาร, อาศัยอยู่บนสวรรค์ไปชั่วกาลปาวสาน
สดใสร่าเริงอย่างไร้กังวล ไม่ร้อนรนใจ, ชอบที่จะขับร้องบทเพลงหรือฟ้อนรำหรือตกปลา
ร่าเริงสดใสไร้กังวล ชื่นชอบการร้องเพลง เต้นรำ และตกปลา
ทุกๆวันจึงใช้ชีวิตโดยฟังเพลงบ้าง ตกปลาบ้าง เล่นโกะบ้าง
เทวดามีสองประเภท คือ เทวดาที่เกิดจากเซียนผู้บำเพ็ญตบะจนบรรลุความไม่แก่ไม่ตาย และมายังสวรรค์ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่*
*1[ว่ากันว่าจำเป็นต้องบำเพ็ญตบะนานมาก อย่างเร็วก็หลายร้อยถึงหลายพันปี]
อีกประเภทคือ เทวดาที่มายังสวรรค์โดยการนิพพานหลังจากที่ตายไปแล้ว
กลุ่มแรกนั้น, ยังคงมีร่างเนื้ออยู่, จึงสามารถปรากฏตัวบนพื้นพิภพได้
แต่กลุ่มหลังนั้นหากไม่ยืมร่างของใครสักคนมาใช้ ก็จะไม่สามารถลงมายังพื้นพิภพได้เลย
การลงมายังพื้นพิภพนั้น, บางครั้งก็ทำให้มนุษย์เดือดร้อนเพราะการพูดอย่างไม่ระมัดระวัง แล้วก็กลับสวรรค์ไป
(คาดว่าล้อเลียนเรื่องราวหรือตำนานบางอย่าง แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเรื่องใด)
เนื้อของเทวดาเป็นพิษต่อโยวไค, จึงแทบไม่ถูกโยวไคทำร้ายเลย, ทำให้ไม่มีอะไรบนพื้นพิภพที่ต้องหวาดเกรง
แม้แต่สัตว์ที่ดุร้ายป่าเถื่อน, เพียงวางมือลงบนหัวเท่านั้นก็สามารถกำราบให้เชื่องได้อย่างง่ายดายยิ่ง
นอกจากนี้ยังสามารถขี่เมฆได้, ซึ่งลักษณะแบบนี้ทำให้ดูน่าเลื่อมใสศรัทธาจนถึงขั้นน่าหวาดเกรงเลยทีเดียว
*ปัจจัยสำคัญสู่การเป็นเทวดา*
ทุกๆวันจะใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลไม่เร่งร้อนโดยฟังเพลงบ้าง, ตกปลาบ้าง, เล่นโกะบ้าง แล้วยังได้ทานอาหารชั้นเลิศที่สุดอยู่เสมอโดยไม่ต้องทำงานอะไร
มนุษย์ที่หลงใหลใฝ่หาวิถีชีวิตในฝันแบบนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว*
*2[แน่นอน ข้าพเจ้าก็เช่นกัน]
แต่ทว่า, มนุษย์ที่ประสงค์จะเป็นเทวดานั้น ขั้นแรกสุดต้องตัดกิเลสให้ได้เสียก่อน
อาจสรุปได้จากเงื่อนไขแรกนี้ว่า, จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ที่ไม่หลงใหลใฝ่หาวิถีชีวิตในฝันดังกล่าวนั่นเอง
มนุษย์ส่วนใหญ่จะโดนเขี่ยออกจากหนทางสู่การเป็นเทวดาที่ขั้นตอนนี้นี่แหละ
*โลกของเทวดา*
ว่ากันว่าสวรรค์นั้นตั้งอยู่บนเมฆบนท้องฟ้า, แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
สวรรค์ตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ, บนท้องฟ้าที่แสนห่างไกลออกไปของโลกวิญญาณต่างหาก
โดยธรรมดาแล้วเป็นสถานที่สำหรับผู้ตายเดินทางไป, แต่ว่าก็มีมนุษย์ที่บรรลุความเป็นเทวดาได้โดยที่ยังไม่ตายอยู่เหมือนกัน
นั่นเป็นเพราะการละทิ้งกิเลสนั้นได้หมายรวมถึงการละทิ้งความอยากที่จะมีชีวิตไปด้วย
จึงอาจกล่าวได้ว่า มีสภาพไม่ต่างจากคนตายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เซนนิน(เซียน) ~มนุษย์ที่ออกจะเพี้ยนอยู่สักหน่อย~
[เซนนิน(เซียน) ~มนุษย์ที่ออกจะเพี้ยนอยู่สักหน่อย~]
ระดับความอันตราย : ต่ำสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ธรรมดา
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
มนุษย์ที่สะสมตบะจนได้รับพลังระดับยอดมนุษย์มาครอบครอง
ทว่า, ยังมิได้ละทิ้งกิเลสไปโดยสมบูรณ์, และใช้ชีวิตอยู่ในเกนโซวเคียวซึ่งห่างไกลจากทางโลก
แม้จะมีอายุยืนยาวหลายร้อยถึงหลายพันปี, แต่ก็มิได้ถึงขั้นไม่แก่ไม่ตาย
หากละเลยการบำเพ็ญตบะ ร่างกายก็เริ่มจะเน่าเปื่อย, และสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไป
เซียนต่างจากเทวดาที่มีเนื้อเป็นพิษต่อโยวไค, พวกเซียนนั้นเป็นของโปรดสุดๆของโยวไคเลยทีเดียว
โยวไคที่ได้เขมือบเซียนเข้าไปจะได้รับการยกระดับความเป็นโยวไคให้สูงขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น, สัตว์ป่าธรรมดาเพียงแค่ได้หม่ำเนื้อของเซียนเข้าไปก็บรรลุเป็นโยวจูว(สัตว์ภูต)ได้เลย
อาจกล่าวได้ว่า, เมื่อกลายเป็นเซียนแล้วจะถูกเพ่งเล็งจากเหล่าโยวไคมากมาย
ไม่เพียงเท่านี้, พวกเซียนนั้นมักจะประสบเคราะห์ร้ายอยู่เสมอ, แบบร้ายแรงที่สุดเลยก็คือทุกๆร้อยปีจะมีมือสังหารจากขุมนรกจะมาเยือน*
*1[เพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว. ยิ่งมีอายุยืนยาวยิ่งมีความผิดร้ายแรง, จึงต้องหมั่นสร้างสมกุศลผลบุญมาชดเชยในส่วนนั้นด้วย]
ในช่วงนี้หากละเลยการบำเพ็ญตบะแม้เพียงเล็กน้อยจนพลังอ่อนด้อยลงล่ะก็ อาจไม่สามารถไล่มือสังหารกลับไปได้และต้องตกนรกในที่สุด
การมีชีวิตต่อไปในฐานะเซียนนั้นเป็นเรื่องยาก, การจะบรรลุเป็นเทวดานั้นยิ่งยากขึ้นไปอีก
มนุษย์ที่บรรลุตนเป็นเผ่าพันธุ์แบบนี้, ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมนุษย์ที่ออกจะเพี้ยนอยู่สักหน่อยจริงๆนั่นล่ะ
เซียนมักใช้ชีวิตห่างไกลจากหมู่บ้านมนุษย์ มีลักษณะเด่นสะดุดตาด้วยพฤติกรรมที่แปลกผิดปกติ, ทั้งยังชอบพูดพึมพำถึงเรื่องที่เข้าใจยาก
ทว่า, ในหมู่เซียนด้วยกันนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
เมื่อมีผู้ประสงค์จะเป็นเซียนหน้าใหม่ปรากฏตัวขึ้นก็จะรีบรับเป็นลูกศิษย์, และคอยดูแลไปจนกว่าจะสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง*
*2[บ้างก็ว่าเอาไว้ใช้ให้ทำงานจิปาถะ]
*การดำเนินชีวิตของเซียน*
วิถีชีวิตเรียบง่ายอย่างที่สุด, ไม่ทานอาหารมากเกินกว่าความจำเป็นต่ำสุดที่ร่างกายต้องการ
ในหนึ่งวัน, สามารถยังชีพได้โดยการกัดแทะกินผลไม้หลายๆชิ้น*
*3[อย่างกับกระรอกเลย]
ยิ่งเมื่ออายุพ้นห้าร้อยปีไปแล้ว, อาหารก็แทบจะไม่จำเป็นอีกต่อไป, ใช้ชีวิตโดยทานเมฆหมอกก็เพียงพอ
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นจะหันหน้าไปทางที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วท่องบทสวดมนต์หลายหมื่นรอบ*
เวลากลางวันก็จะออกไปโน่นไปนี่ตามใจตนเองเพียงนิดหน่อยเท่านั้น, และเมื่ออาทิตย์ตกก็ท่องบทสวดอีกครั้ง
*4[ใช้วิธีท่องออกเสียงโดยย่อความ]
*ความสามารถของเซียน*
เซียนเป็นมนุษย์ที่มีเสน่ห์ที่สุดสำหรับโยวไค, แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีพลังทัดเทียมกับโยวไค
และผู้ที่กลายเป็นเซียนทั้งๆที่เดิมมีอาชีพกำราบโยวไคก็มีอยู่ไม่น้อย
ร่างเนื้อแก่ชรา, จึงแลดูบอบบางอย่างมาก
แต่ก็ว่ากันว่ามีหลายคนที่กินยาที่ตัวเองจ่ายเงินซื้อมาเอง แล้วทำให้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าได้
ยิ่งไปกว่านี้, ยังมีการใช้วิชาอาคมต่างๆนานากับร่างกายของตนเอง
เมื่อพบเห็นมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตราย, ก็จะปรากฏตัวมาช่วยในบัดดลและเผยอีกด้านที่อ่อนโยนออกมาให้เห็น
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ยาโอโยโรซึโนะคามิ(เทพแปดล้าน) ~เทพเจ้าในสภาพอิ่มตัว~
[ยาโอโยโรซึโนะคามิ(เทพแปดล้าน) ~เทพเจ้าในสภาพอิ่มตัว~]
ระดับความอันตราย : ต่ำ
ความถี่ที่พบ : สูง
ความหลากหลาย : สูง
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ทุกที่
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ทุกเวลา
*ลักษณะเด่น*
มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง, เป็นเทพที่ใกล้ชิดผูกพันกับมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
ยาโอโยโรซึ(แปดล้าน) มีความหมายว่า 『มากมายมหาศาล』, จึงคาดกันว่าแท้จริงแล้วมีมากมายยิ่งกว่าแปดล้านเสียอีก
ไม่มีรูปร่าง, ไม่สามารถพูดคุยหรือสัมผัสสิ่งต่างๆได้
ตัวตนที่แท้จริงของเทพแปดล้านคือ ตัวตนของวัตถุทั้งหลายทั้งปวงก่อนที่จะถูกตั้งชื่อนั่นเอง
หลังจากที่ตั้งชื่อแล้วก็ยังคงพบเห็นอิทธิพลจากเทพชนิดนี้ได้ แต่แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และแม้เทพชนิดนี้จะสิงสู่อยู่ในวัตถุหลากหลายชนิดก็ตาม, แต่ในทางตรงกันข้าม จะไม่สิงสู่ในวัตถุจำพวกแนวคิดซึ่งไม่มีร่างเนื้อ
เทพแปดล้านมีลักษณะต่างๆกันไป ไล่ตั้งแต่ล่างสุดยันยอดสุด เช่น
เทพที่มารยาททรามจนถึงเทพที่คบหาสมาคมได้ง่าย, เทพที่ต่ำต้อยจนถึงเทพที่สูงศักดิ์, เป็นต้น
กรณีของเทพที่สิงสถิตในอุปกรณ์, ว่ากันว่าหากเทพที่สิงสถิตในอุปกรณ์นั้นๆมีระดับสูง, อุปกรณ์นั้นก็จะมีคุณค่าการใช้งานมากขึ้นตามไปด้วย*
*1[จะกล่าวว่าเป็นเพราะนำมาใช้งานบ่อยๆ, ระดับของเทพจึงสูงขึ้นก็ไม่ผิดนัก]
*ศรัทธาแด่เทพสถิตอุปกรณ์*
ยามเมื่อซื้ออุปกรณ์ใดๆมา ก่อนอื่นเลยให้อธิษฐานต่ออุปกรณ์นั้น, แล้วจึงตรวจสอบตามจุดต่างๆว่าไม่มีตรงไหนที่เสียหายเป็นตำหนิ*
*2[ในระหว่างนี้ก็อย่าลืมที่จะให้ความยำเกรงต่อเทพ]
หากพบตำหนิในขั้นตอนนี้ แสดงว่ามีเทพแห่งคำสาปที่นิสัยไม่ดีสิงสถิตอยู่
ก็บอกให้คนของทางร้านนำไปปัดรังควานเสีย
ทุกครั้งที่นำมาใช้งานก็จงใช้อย่างทะนุถนอมและคอยปัดฝุ่นให้สะอาดอยู่เสมอ
เมื่อทำเช่นนี้แล้วเทพที่สิงสถิตอยู่ก็จะอารมณ์ดียิ่งๆขึ้นไป
หากวันใดอุปกรณ์นั้นผุพังเสียหาย แล้วพยายามจะซื้อของใหม่มาเปลี่ยน, เทพที่สิงสถิตอยู่จะอารมณ์เสียและสาปแช่งเจ้าของเอาได้ในที่สุด
สุดท้ายแล้ว, ไม่พ้นต้องสวดส่งวิญญาณแล้วนำไปทิ้งเสีย
หากละเลยต่อเรื่องนี้, ขอเตือนว่า ทสึคุโมะงามิ(ภูตสถิตสิ่งของ)อาจเคลื่อนไหวตามอำเภอใจและทำเรื่องเลวร้ายต่อเจ้าของได้
*ทสึคุโมะงามิ(ภูตสถิตสิ่งของ)*
เทพที่สิงสถิตในอุปกรณ์นั้น, เมื่อถูกใช้งานมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จะได้รับจิต(เน็น)ของผู้ใช้งาน จนค่อยๆเสียความเป็นเทพไปทีละน้อยๆ
เมื่อถูกทิ้งโดยไม่ได้รับการสวดส่งวิญญาณ, ก็จะไม่สามารถกลับไปเป็นเทพได้ดังเดิม
แล้วเริ่มเคลื่อนไหวตามใจตนเองในฐานะทสึคุโมะงามิ, และกลับมาทำเรื่องเลวร้ายต่อเจ้าของที่ทิ้งมันในที่สุด
ไม่ว่าจะกล่าวถึงทสึคุโมะงามิในแง่มุมใด, ก็มีลักษณะคล้ายกับโยวไคมากกว่าเทพเจ้า
ล้วนแต่ก่อโทษต่อมนุษย์ หาได้มีคุณประโยชน์อันใดไม่
(จึงนิยมแปลไทยกันว่า ภูต ทั้งๆที่ลงท้ายด้วยคำว่า งามิ ที่แปลว่าเทพ)
รู้อย่างนี้แล้วก็มาสวดส่งวิญญาณให้กับอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อยๆกันเถอะ
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ชินเรย์(วิญญาณเทพ) ~วิญญาณของเทพเจ้า~
[ชินเรย์(วิญญาณเทพ) ~วิญญาณของเทพเจ้า~]
ระดับความอันตราย : ต่ำสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำสุด
ความหลากหลาย : ไม่แน่ชัด
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ศาลเจ้า
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
ผู้ที่ถูกเคารพบูชาเป็นเทพเจ้าในหมู่โบวเรย์(วิญญาณ)นั้นถูกเรียกว่า ชินเรย์(วิญญาณเทพ)
มีทั้งผู้ที่บรรลุเป็นเทพขณะที่ยังมีชีวิตอยู่, และผู้ที่บรรลุเป็นเทพหลังจากที่ตาย
ชินเรย์ไม่เกี่ยวข้องกับเทพแปดล้านแต่อย่างใด
หากชินเรย์ถูกสวดส่งวิญญาณ ก็มิได้หมายความว่าจะถึงแก่ความตาย, แต่จะดับสูญไปทั้งอย่างนั้นเลย
ชินเรย์ไม่มีร่างเนื้อ, ตามปกติจะอาศัยอยู่ในศาลเจ้าหรือหิ้งพระขนาดเล็ก
เมื่อมีงานเทศกาลก็จะออกมาจากศาลเจ้าแล้วนั่งเล่นบนมิโคชิ, แล้วแลดูสภาพของเหล่ามนุษย์อย่างสบายใจ
(มิโคชิ คือศาลเจ้าขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งบนเกี้ยวแล้วให้คนช่วยกันแบกหามพาเดินไปทั่วๆในช่วงที่มีงานเทศกาล)
พลังของชินเรย์ก็คือพลังแห่งศรัทธา
เมื่อมีผู้ศรัทธามาก ก็จะมีอิทธิพลอันส่งผลกระทบต่อมนุษย์และโยวไคอย่างมาก, ศาลเจ้าก็ใหญ่โตขึ้นด้วย*
*1[เพราะว่าเงินทำบุญเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน]
ในทางตรงข้าม เมื่อศรัทธาลดน้อยลง, อิทธิพลก็ค่อยๆลดลงไปด้วยเช่นกัน, ศาลเจ้าก็จะซบเซาเงียบเหงาลงไป
จึงต้องพึ่งพาผู้อื่นเป็นนิจ
*มิโกะ*
ชินเรย์เป็นวิญญาณที่ค่อนข้างเลือนราง, จึงแทบจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลย
เสียงเปล่งวาจาก็แว่วเบาจนมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถได้ยิน
ด้วยเหตุนี้เอง, มิโกะจึงรับหน้าที่สดับฟังถ้อยคำเหล่านั้น, และถ่ายทอดสู่ผู้คน
มิโกะจะใช้วิธีที่เป็นเอกลักษณ์*ในการรับฟังถ้อยคำของชินเรย์, แล้วถ่ายทอดคำนั้นให้ผู้คนได้รับทราบ
*2[มีหลายรูปแบบ เช่น ฟ้อนรำ, ดื่มเหล้า, บางทีก็ดื่มเหล้าแล้วฟ้อนรำ]
*ศาลเจ้า*
ศาลเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ชินเรย์สร้างขึ้น หากแต่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา
เมื่อสักการบูชาชินเรย์ที่มีตัวตนอยู่จริง, ชินเรย์ก็จะมาสิงสู่อาศัยเองโดยธรรมชาติ
ทว่า, ตรงจุดนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง
เนื่องจากชินเรย์เพียงมาอาศัยสิงสถิตเท่านั้น, มิได้ทำให้ศาลเจ้าแตกต่างจากสิ่งก่อสร้างธรรมดาๆแต่อย่างใด
เมื่อมีผู้มากราบไหว้ศาลเจ้าแห่งนี้ และได้รับศรัทธามากๆเข้า ชินเรย์จึงจะเริ่มมีพลังขึ้นมา
การขยับขยายหรือตกแต่งศาลเจ้าก็เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มจำนวนผู้มากราบไหว้บูชาให้มากขึ้น, ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก
โดยสรุปแล้ว, จุดประสงค์ของการก่อตั้งศาลเจ้า, ก็มาจบตรงที่การรับเงินทำบุญจากผู้มากราบไหว้บูชานั่นเอง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ชินิงามิ(ยมทูต) ~มัคคุเทศก์นำเที่ยวแห่งขุมนรก~
[ชินิงามิ(ยมทูต) ~มัคคุเทศก์นำเที่ยวแห่งขุมนรก~]
ระดับความอันตราย : ต่ำ
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ริมแม่น้ำซันสึ
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
ยมทูต เป็นโยวไคที่มิได้อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียว แต่นานๆครั้งก็จะปรากฏตัวในเกนโซวเคียว จึงขอแนะนำให้เป็นที่รู้จัก ณ ที่นี้
โดยปกติยมทูตจะอาศัยอยู่ในนรก
เป็นประชาชนชาวนรกผู้มีหน้าที่บริหารจัดการอายุขัยของมนุษย์, นำทางยูวเรย์, เป็นคนพายเรือข้ามแม่น้ำซันสึ หรือเป็นไกด์นำเที่ยวในนรก เป็นต้น
ภาพลักษณ์ที่ว่า ยมทูตเป็นผู้ชี้นำดวงวิญญาณของมนุษย์ที่ถึงแก่กรรม นั้นเป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังกันขึ้นมาในภายหลัง
แต่ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแรงงานสำคัญที่คอยทำงานต่างมือต่างเท้าให้ท่านเอนมะโอว(จ้าวยมบาล)
การถือเคียวขนาดใหญ่, ถูกยกให้เป็นลักษณะเด่นของยมทูต
ว่ากันว่า เคียวอันนี้ให้ถือไว้เพื่อดูสมกับที่เป็นยมทูต, แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นบริการอย่างหนึ่งที่มอบให้แก่ผู้ตาย
กล่าวคือ เมื่อผู้ตายเห็นยมทูตผู้ถือเคียวยักษ์ก็จะรู้สึกปิติยินดีว่า 『มียมทูตอยู่จริงๆด้วย』*
*1[กระแสตอบรับดีทีเดียว]
*งานหลักของยมทูต*
บริหารจัดการอายุขัย
บันทึกอายุขัยของมนุษย์ที่ยังมีชีวิต หากพบกรณีที่เกิดความผิดปกติในกำหนดการ ก็จะคำนวณแก้ไขอายุขัยใหม่อีกครั้ง*
*2[เป็นเพียงการบันทึกเท่านั้น ถึงแก้ไขกำหนดการนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการฆ่าให้ตายแต่อย่างใด] (ล้อเรื่อง Death Note เต็มๆ)
เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องคำนวณซ้ำไปย้อนมาจนภูเขาเอกสารกองพะเนินล้อมรอบตัว จึงเป็นงานของยมทูตที่เหมาะกับงานธุรการ
สาวประชาสัมพันธ์แห่งขุมนรก
เป็นยมทูตที่คอยให้คำแนะนำแก่ยูวเรย์ที่ยังไม่เคยชินกับระบบของนรกและนำทางไปยังจุดหมายปลายทาง
โดยลักษณะงานแล้วจะเป็นความรับผิดชอบของยมทูตที่ชำนาญเรื่องเกี่ยวกับนรก
คนพายเรือแห่งแม่น้ำซันสึ
เป็นงานที่รับค่าจ้างจากยูวเรย์ที่มาถึงแม่น้ำซันสึ แล้วพาข้ามฟากไปส่งยังฮิกัน
เนื่องจากเป็นงานใช้แรงงานนอกสถานที่ จึงได้รับความนิยมต่ำ
แต่ว่างานนี้เป็นที่ชื่นชอบของที่คนชอบทำงานคนเดียว, ชอบทำงานตามแบบแผนของตนเอง และชอบพบปะพูดคุยกับยูวเรย์หลากหลาย
เลขาธิการงานพิพากษา
เป็นงานที่ต้องคอยบันทึกเนื้อหาใจความและได้นั่งร่วมโต๊ะช่วยงานพิพากษาของท่านเอนมะ(ยมบาล)
ในหมู่ยมทูตด้วยกันนับว่าเป็นงานของของพวก Elite ที่สุด แต่ช่างเป็นงานที่เรียบง่ายเหลือเกิน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
มัคคุเทศก์นำร่องแห่งซันสึ
{โอโนะซึกะ โคมาจิ Komachi Onoduka }
ความสามารถ : ควบคุมระยะทาง
ความอันตราย : ต่ำ
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : แม่น้ำซันสึ
ยมทูตที่ทำงานเป็นคนพายเรือในแม่น้ำซันสึ
แม้จะมียมทูตที่ทำงานเป็นคนพายเรือเหมือนกันนี้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เธอจะเป็นผู้รับผิดชอบดวงวิญญาณของมนุษย์ชาวเกนโซวเคียว*
*1[พอไม่มีงานเข้า ก็ไปรับมนุษย์จากโลกภายนอกเป็นบางครั้ง]
คงเพราะเหตุนี้จึงพบเห็นเธอในเกนโซวเคียวอยู่บ่อยๆ*
*2[กำลังโดดงาน ?]
เธอดูน่าเกรงขามด้วยการสวมรองเท้าเกี๊ยะสูงและถือเคียวยักษ์ขนาดใหญ่
ขนาดตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ยังมองเห็นว่าเธอน่าเกรงขาม หากสูญเสียร่างเนื้อและกลายเป็นยูวเรย์อันแสนเจือจางคงจะเห็นเธอน่าเกรงขามยิ่งกว่านี้แน่
นอกจากนี้ยังชอบพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่ทรงอานุภาพ, ระหว่างข้ามแม่น้ำเธอคงจะชวนคุยอยู่ฝ่ายเดียว*
*3[แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะยูวเรย์พูดไม่ได้]
จนกว่าจะข้ามแม่น้ำเสร็จ ก็ต้องอดทนฟังไปนิ่งๆนั่นล่ะ
{ความสามารถในการควบคุมระยะทาง}
ความกว้างของแม่น้ำซันสึเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ข้าม
ระยะทางนั้นคิดตามค่าจ้างยมทูตพายเรือข้ามฟาก ยิ่งมีเงินมากเท่าไร ระยะทางยิ่งสั้นเท่านั้น
ว่ากันว่าค่าจ้างพายเรือคือทรัพย์สินทั้งหมด
โดยทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินของตัวเอง แต่เป็นยอดรวมสุทธิของเงินที่ญาติสนิทมิตรสหายใช้จ่ายเพื่อตัวผู้ตายตอนที่ยังมีชีวิต
หากบังเอิญยอดเงินนั้นติดลบล่ะก็ เรือลำนี้จะไม่พาไปส่งยังอีกฟากหนึ่ง แต่จะถูกจับโยนลงจากเรือกลางทางแทน
จะไปถึงอีกฟากหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับยมทูตทั้งสิ้น
{เรือของโคมาจิที่ใช้ข้ามแม่น้ำซันสึ}
แม่น้ำซันสึไม่มีลมพัด จึงไม่ติดตั้งใบเรือ และใช้มือพายเอาล้วนๆ
เทียบกับความหรูหราอลังการของตัวเธอแล้ว เรือของเธอนั้นเรียบง่ายสุดๆและไม่มีความคิดที่จะตกแต่งประดับประดาเลย
เมื่อคาดคะเนจากการที่เรือของยมทูตคนอื่นก็เรียบง่ายเหมือนกันหมด ทำให้เชื่อกันว่าเรือเหล่านี้เป็นเรือที่ถูกจัดหามาจากนรก
ปัจจุบัน นรกจำเป็นต้องขยายสิ่งปลูกสร้างเพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร จึงประสบกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก
การที่ต้องใช้เรือเก่าคร่ำครึแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เอนมะ(ยมบาล) ~ราชันย์แห่งขุมนรก~
[เอนมะ(ยมบาล) ~ราชันย์แห่งขุมนรก~]
ระดับความอันตราย : สูงสุด
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ฮิกัน(โลกหน้า)
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
ไม่ว่าจะเป็นยมบาลองค์ใดก็มิได้เป็นโยวไคที่อาศัยอยู่ในเกนโซวเคียว แต่นานๆครั้งก็จะปรากฏตัวในเกนโซวเคียว จึงขอแนะนำให้เป็นที่รู้จัก ณ ที่นี้
สมัยก่อนนั้น มิได้มีมนุษย์มากมายเท่ากับสมัยนี้จึงสามารถไปเกิดใหม่ได้อย่างแน่นอน
โดยต้องได้รับการเวียนเทียนพิพากษาเจ็ดครั้ง(และอาจเพิ่มอีกสาม)*จากสิบราชันย์*
*1[ที่จริงแล้วเพียงเจ็ดรอบก็พอ แต่หากครบเจ็ดรอบแล้วยังมีปัญหาที่ตัดสินไม่ได้ ก็จะต้องพิพากษาต่ออีกสามรอบ]
*2[ชินโควโอว, โชโควโอว, โซวเทย์โอว, โกะคันโอว, เอนมะโอว, เฮนโจวโอว, ไทซันโอว, เบียวโดวโอว, โทะชิโอว, โกะโดวเทนรินโอว]
ซึ่งหาก"ผ่าน"การไต่สวนแม้เพียงครั้งเดียวก็สามารถไปเกิดใหม่ได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่า จำนวนของมนุษย์ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย ทำให้จำนวนผู้พิพากษาเริ่มที่จะไม่เพียงพอ
ราชันย์ทั้งสิบจึงอ้างนามเป็นเอนมะโอว(จ้าวยมบาล)ซึ่งมีพลังสูงที่สุดในตอนนั้น แล้วลดการพิพากษาให้เหลือเพียงรอบเดียว
จึงแก้ไขปัญหาการขาดคนขั้นร้ายแรงได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังรวบรวมผู้ที่อยากทำงานยมบาลจากคุณจิโซวทั่วประเทศ และมอบหมายให้ทำการพิพากษาผู้ที่ตายในพื้นที่ที่คุณจิโซวนั้นๆประจำอยู่
ท่านยมบาลส่วนใหญ่ก็คือ คุณจิโซวที่มีอายุเก่าแก่นั่นเอง
ปัจจุบัน จำนวนยมบาลมีมากขึ้นอย่างมาก
ยมทูตและยักษ์นรกจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรสาธารณะแห่งขุมนรกชื่อ 「สำนักงานผิดชอบชั่วดี」ขึ้น
*สำนักงานผิดชอบชั่วดี*
ระดับท็อปขององค์กรนี้คือ เอนมะโอว(จ้าวยมบาล)ทั้งสิบ*
*3[ตอนที่มีระดับท็อปอยู่มากมายเต็มไปหมด องค์กรจะเป็นยังไงบ้างนะ]
ถัดลงมาคือผู้พิพากษาและหัวหน้าเทพยักษ์
โดยผู้พิพากษาแต่ละคนจะทำงานร่วมกับยมทูตหลายคน และหัวหน้าเทพยักษ์ก็ทำงานร่วมกับยักษ์หลายตน
ในองค์กรนี้ แม้แต่ผู้พิพากษาก็จะถูกเรียกว่า เอนมะ(ยมบาล)
ก่อนอื่น ยูวเรย์ที่ถูกยมทูตพาข้ามมายังฮิกันจะถูกส่งไปหาผู้พิพากษาซึ่งรับผิดชอบดูแลเขตที่ตัวเองอยู่อาศัย
การพิพากษาจะกระทำโดยผู้พิพากษาแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่รับฟังข้อแก้ต่างใดๆทั้งสิ้น*
*4[เพราะคนตายพูดไม่ได้ (ยูวเรย์ไม่มีปาก)]
ยมบาลจะอ่านคำตัดสินที่ได้จากการพิพากษาอันเป็นเอกลักษณ์ของตน
แล้วออกคำสั่งศาลให้ยูวเรย์ตนนั้นๆได้ไปในที่อันสมควรแก่ตน ได้แก่ เมย์ไค(โลกวิญญาณ) หรือ สวรรค์ หรือ นรก
หัวหน้าเทพยักษ์เป็นหัวหน้าของเหล่ายักษ์ที่มีหน้าที่ทรมานยูวเรย์ที่ตกนรก
แม้จะมีการสร้างเครื่องทรมานขึ้นมามากมายหลายชนิด
แต่ว่าปัจจุบัน, นรกกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานสักเท่าใดนัก
แหล่งเงินทุนหลักขององค์กรก็คือ ค่าจ้างเรือข้ามฟากแม่น้ำซันสึ
รวมไปถึงรายได้จากร้านค้าแผงลอยที่ "ฉูวอุโนะมิฉิ(ถนนครึ่งเป็น)" นั่นเอง
*การพิพากษาของยมบาล*
ร่ายยาวโดยอ่านออกเสียงดังถึงกรรมชั่วที่ได้ทำไว้เมื่อยามมีชีวิต และประกาศคำพิพากษาตามปริมาณและความร้ายแรงของบาปกรรมที่ทำเอาไว้
เมื่อถูกลงคำสั่งศาลแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่มีวันอุทธรณ์ได้
คำสั่งศาลเป็นเพียงตัวกำหนดจุดหมายปลายทางของยูวเรย์เท่านั้น
ข่าวลือที่ว่า 「ถ้าโกหกจะถูกท่านยมบาลดึงลิ้น」เป็นเรื่องที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ
แต่ฝั่งท่านยมบาลเองก็มีหลายท่านที่นำเอาข่าวลือนี้มาใช้ประโยชน์ในการขู่ผู้รับการพิพากษาให้กลัว
เนื่องจากจำนวนของผู้ตายมีมากมายเกินไป จึงทำการพิพากษาแบบรวบรัดตัดตอน และปิดคดีด้วยใจความสรุปอย่างย่อมากๆ
ทั้งยังใช้ระบบทำงานสองกะ ทำให้การพิพากษาเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ขาดตอน
ส่วนช่วงเวลาพักผ่อนนั้น ท่านยมบาลก็จะสนุกสนานในฮิกันไลฟ์ที่แสนจะสุขสบายไร้เรื่องวุ่นวายใจ
Tips :
- คุณจิโซว เป็นชื่อย่อของ จิโซวโบวซัทสึ แปลไทยได้ว่า พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ หรือก็คือ พระกษิติครรภ์ นั่นเอง
เชื่อกันว่าคุณจิโซวเป็นเทพผู้คุ้มครองเด็กและนักเดินทาง จึงพบเห็นพระพุทธรูปคุณจิโซวได้ตามข้างทางหรือในสุสานทั่วญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ตามความเชื่อของลัทธิเต๋ายังว่า เอนมะ, เอนมะโอว และจิโซวโบซัทสึ คือคนคนเดียวกัน
การที่มีพระพุทธรูปคุณจิโซวอยู่ทั่วไป ทำให้ท่านรู้เห็นการกระทำของมนุษย์มากขึ้น ช่วยให้ท่านพิพากษาความผิดได้ง่ายขึ้น
- เทพยักษ์ หมายถึงเทพนักบู๊ของศาสนาพุทธ มีหน้าที่ต่างๆกันไป
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ตุลาการสูงสุดแห่งขุมนรก
{ชิคิเอย์คิ ยามะซานาดู Sikieiki Yamaxanadu }
ความสามารถ : แยกแยะขาวดำได้อย่างชัดแจ้ง
ความอันตราย : ต่ำมาก
ความเป็นมิตรต่อมนุษย์ : ธรรมดา
สถานที่หลักในการทำกิจกรรม : ฮิกัน
หนึ่งในท่านยมบาลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
รับผิดชอบพิพากษาผู้ตายในเกนโซวเคียว จึงเป็นท่านยมบาลที่มีความใกล้ชิดกับพวกเราที่สุด*
*1[ยามะซานาดู เป็นชื่อตำแหน่งในสำนักงานผิดชอบชั่วดี, ความหมายก็ตามนั้น, ยมบาลแห่งสรวงสวรรค์]
เธอเป็นคนช่างเทศนาอย่างมาก แถมไม่เคยพูดอะไรผิดไปจากความจริง จึงมีบรรยากาศที่ทำให้ไม่อยากเข้าใกล้พอสมควร
แต่การเทศนานี้ก็มีพื้นฐานอยู่บนความปรารถนาดีต่อมนุษย์ชาวเกนโซวเคียว จึงอยากให้รับฟังด้วยความจริงใจ
ท่านยมบาลคนนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงในเกนโซวเคียว โดยเฉพาะโยวไคที่มีอายุยืนยาวล้วนเคยได้รับการดูแลจากเธออย่างน้อยหนึ่งครั้ง
แต่สำหรับโยวไค, สถานที่ที่มีท่านยมบาลอยู่นั้นจัดว่าไม่น่าอยู่เอาเสียเลย
เมื่อท่านยมบาลมาปรากฏตัวที่เกนโซวเคียว ไม่ว่าโยวไคหน้าไหนก็หลบซ่อนตัวกันหมด
ด้วยเหตุนี้ ท่านยมบาลจึงเป็นเหมือนมิตรสำหรับมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์
นอกจากนี้ กรณีที่พบว่าผู้มีอายุขัยมีความผิดติดตัวมากเกินไปเมื่อเทียบกับอายุในขณะนั้น และจะต้องตกนรกอย่างแน่นอน
บางครั้งเธอจะใช้เวลาระหว่างวันหยุดของเธอมาตักเตือนโดยตรง และชักจูงให้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น*
*2[โดยการเอาโทษที่จะได้รับมาพูดเกินความจริงเพื่อเป็นการข่มขู่]
{กระจกใสไร้ราคิน}
กระจกที่ท่านยมบาลใช้อยู่
เมื่อถูกส่องด้วยกระจกนี้จะทราบถึงการกระทำในอดีตทั้งหมด
เป็นเพราะกระจกนี้ทำให้สามารถพิพากษาได้อย่างยุติธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านยมบาลเหนื่อยล้า
จัดเป็นอุปกรณ์แห่งนรก*ที่น่าสะพรึงกลัว
เพราะต่อหน้ากระจกนี้จะไม่มี Privacy (ความเป็นส่วนตัว) อีกต่อไป, ข้อมูลส่วนตัวจะไหลทะลักออกมาเท่าที่ต้องการ
*3[นรก ในทั้งสองความหมาย]
ขนาดของมันแตกต่างกันไปตามท่านยมบาลแต่ละคน แต่ว่ากันว่ากระจกของเธอมีขนาดประมาณกระจกที่มีด้ามถือเท่านั้น
{ป้ายสำนึกผิด}
แผ่นป้ายที่ท่านยมบาลถือติดมือไว้เสมอ
มันมีไว้เขียนลักษณะการกระทำผิด แล้วนำไปโบยตีผู้กระทำผิด
มนุษย์ที่ทำชั่วจะถูกโบยตีหลายครั้ง ขึ้นอยู่จำนวนความผิด และจะโบยไปเรื่อยๆจนกว่าจะกลับตัวกลับใจ
น้ำหนักของป้ายนี้ก็คือน้ำหนักของความผิดที่ถูกเขียนเอาไว้
หากจะว่าไปแล้ว ความผิดดังกล่าวต่างจากความผิดทางกฎหมายของโลกนี้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายเลยแม้แต่น้อย
หากแต่เป็นความผิดตามความเห็นของท่านยมบาลแต่เพียงผู้เดียว
ในอดีตจะใช้หนึ่งป้ายต่อวิญญาณหนึ่งดวง แต่เพราะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้วัสดุชนิดใหม่ที่สามารถลบทิ้งเขียนใหม่ได้เรื่อยๆแทน
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
ไกไรจิน(ผู้มาจากภายนอก) ~มนุษย์ที่สาบสูญอย่างลึกลับ~
[ไกไรจิน(ผู้มาจากภายนอก) ~มนุษย์ที่สาบสูญอย่างลึกลับ~]
ระดับความอันตราย : ไม่แน่ชัด
ความถี่ที่พบ : ต่ำ
ความหลากหลาย : ต่ำ
สถานที่ที่พบได้บ่อยๆ : ศาลเจ้าฮาคุเรย์, ถนนหวนคนึง, แถวๆเนินไร้ญาติ
ช่วงเวลาที่พบได้บ่อยๆ : ไม่แน่ชัด
*ลักษณะเด่น*
มนุษย์มีชีวิตจากโลกภายนอก
เมื่อพูดถึงมนุษย์จากโลกภายนอกล่ะก็ จัดว่าไม่มีความแตกต่างกับมนุษย์ในเกนโซวเคียวอย่างชัดเจน
มีเพียงเครื่องแต่งกายหรือทรงผมและการพูดการจาเท่านั้นที่จะต่างออกไป
ส่วนใหญ่พวกเขาจะตกอยู่ในสภาพ Panic (ตื่นตระหนก), แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
ความรู้ของมนุษย์จากภายนอกนั้นล้ำลึกก้าวไกลกว่าพวกเรามาก สามารถใช้งานอุปกรณ์ที่เราไม่รู้จักได้
ทั้งมนุษย์เกนโซเคียวและโยวไคต่างได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกได้ง่าย
เมื่อได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากผู้มาจากภายนอก ก็จะเป็นที่นิยมแพร่หลายไประยะนึง*
*1[ระยะนี้ก็มีกีฬาที่เรียกว่า Soccer แพร่หลายอยู่, รู้สึกราวกับว่า โลกภายนอกกำลังแต่งแต้มสีสันให้กับเกนโซวเคียวที่ไม่สมบูรณ์]
(ล้อเลียนถึงเกมโดจิน โทวโฮวซอคเกอร์ ของค่ายฮาฉิมิทสึคุมะซัง)
ผู้มาจากภายนอกส่วนใหญ่มักจะถูกโยวไคจับได้แล้วกินในบัดนั้นเลย หรือไปทำให้โยวไคเบื่อเข้าเลยถูกจับกิน
กรณีที่ดวงดีเดินทางจนมาถึงหมู่บ้านมนุษย์ได้, หากถูกพาไปยังศาลเจ้าฮาคุเรย์ ก็จะสามารถกลับออกไปยังโลกภายนอกได้โดยสวัสดิภาพ
ทว่า, ผู้ที่เลือกจะมาอยู่อาศัยในเกนโซวเคียวเลยก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน แต่น้อยมากๆ
โดยผู้มาจากภายนอกเหล่านั้นจะถูกยกย่องให้เป็นสมบัติล้ำค่าในฐานะมนุษย์ที่มีความรู้พิเศษ
*ลักษณะพิเศษที่คล้ายคลึงกันของผู้มาจากภายนอก*
・หยิบอุปกรณ์ที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูในทันที จากนั้นก็อับจนหมดหนทาง
เป็นเพราะเจ้าอุปกรณ์นั่นส่งเสียงอัปมงคลออกมาหรือเปล่านะ
・เห็นโยวไคแล้วไม่หนี ไม่สู้
มีแววว่าจะโดนจับกินเต็มที่เลย
・และเจ้าพวกนั้น เมื่อเห็นยูวเรย์จะวิ่งหนีสุดฝีเท้า
มันไม่อันตรายเท่าโยวไคหรอกนะ... ...
・ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอก
เมื่อเทียบกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆแล้วกลับพบว่า ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลักการทำงานหรือวิธีสร้างอุปกรณ์เหล่านั้นเลย
โทรศัพท์มือถืออะไรนั่นก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่น่าเสียดายที่เกนโซวเคียวไม่สามารถจำลองแบบอุปกรณ์จากโลกภายนอกได้เลย
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้