BAiJR - Youmu


東方文花帖 ~ Bohemian Archive in Japanese Red.
โทวโฮวบุนคะโฉว (บันทึกอักขระบุปผาแห่งตะวันออก) ~ บทความแหกกฎในสมุดญี่ปุ่นปกแดง


.........................................................................................................................................................................................

ฤดูกาลที่ 119 เดือนจันทรคติที่ 8 วันที่ 5

ขบวนวิญญาณเที่ยงวันกลางฤดูร้อน
ตะลึงงันกับวิญญาณที่บินอย่างโจ่งแจ้งในเวลากลางวัน


เดือน ◯ วันที่ ◯ เวลาประมาณ 13 นาฬิกา ได้เกิดเหตุประหลาดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเกนโซวเคียว โดยมีวิญญาณฝูงใหญ่บินอยู่บนฟ้า
ทุกคนต่างประหลาดใจ เพราะไม่เคยเห็นวิญญาณฝูงใหญ่ขนาดนี้ โดยเฉพาะในเวลากลางวัน
เมื่อทราบเรื่อง ฉันจึงรีบตามวิญญาณฝูงนั้นไป ด้วยฝีเท้าซึ่งแสนภูมิใจว่ารวดเร็วที่สุดในเกนโซวเคียว

วิญญาณในฝูงมีจำนวนเยอะกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อย่างมาก และมุ่งหน้าไปทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง
ใจกลางฝูงวิญญาณนั้นมีอากาศหนาวเย็นมาก และปะทะกับความร้อนของฤดูร้อนที่อยู่นอกฝูงจนเกิดบรรยากาศผิดปกติที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องรู้สึกรับรู้ได้

ผู้ที่นำขบวนวิญญาณคือ คนสวนแห่งโลกวิญญาณ คอนปาคุ โยวมุ (ครึ่งคนครึ่งผี)
เหตุใดจึงมานำทางฝูงวิญญาณ และกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด, มาลองถามเจ้าตัวโดยตรงในระหว่างที่บินไปด้วยกันเลยดีกว่า

「ฉันแค่มาตามทุกคนกลับไปที่โลกโน้นเท่านั้นเองค่ะ
 เป็นเพราะเขตแดนระหว่างโลกนี้กับโลกโน้นอ่อนแอลง พอเผลอนิดเดียวทุกคนก็แห่มาเที่ยวเล่นที่ฝั่งนี้กันหมดเลย
 ยิ่งเมื่อวานมีการจุดไฟ มุคาเอะโนะฮิ ขึ้นในเกนโซวเคียว เลยทำให้วิญญาณส่วนนึงเข้าใจผิดแล้วลงมาที่โลกนี้
 อีกส่วนนึงก็ฉวยโอกาสเดินทางมาเที่ยวเล่น เลยทำให้มีวิญญาณจำนวนมากเข้ามาในเกนโซวเคียว
 วันนี้ก็แค่มาตามทุกคนกลับไปเท่านั้นเองค่ะ」

จะว่าไปแล้ว เมื่อวานนี้เป็นวันเริ่มเทศกาลบ้ง ดังนั้นไม่ว่าที่ไหนก็จุดไฟ มุคาเอะบิ กันทั้งนั้น
หากแต่ไฟมุคาเอะบิที่จุดขึ้นอย่างมักง่ายนั้นจะก่อให้เกิดสิ่งไม่คาดฝัน เพราะมันจะเรียกวิญญาณที่กำลังว่างๆมาด้วย ไม่จำกัดแค่บรรพชนของเราเท่านั้น
นอกจากนี้ คนสวนยังได้กระตุ้นเตือนเกี่ยวกับวิญญาณเอาไว้ดังนี้

「แม้พบเจอดวงวิญญาณเข้า ก็ห้ามให้อาหารหรือเลี้ยงเอาไว้โดยเด็ดขาด
 หากวิญญาณรู้สึกคุ้นเคยกับเราสักครั้งแล้วล่ะก็ มันจะไม่ยอมออกห่างจากตัวเราง่ายๆเลยล่ะค่ะ
 และพอมันยอมเป็นเบี้ยล่างแล้ว ก็จะสิงอาศัยไปตราบจนสามชั่วรุ่นเชียวนะคะ
 นอกจากนี้ พวกวิญญาณยังตัวเย็นผิดปกติ ถ้าไปสัมผัสโดยไม่ทันระวังก็อาจเกิดอันตรายเนื่องจากแผลเย็นกัดได้ค่ะ
 ถ้าหากพบวิญญาณเข้าล่ะก็ ให้แกล้งทำเป็นไม่เห็น หรือกรุณาติดต่อไปที่ตำหนักหยกขาวหรือไม่ก็มิโกะด้วยค่ะ」

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แม้จะไม่รู้สึกถึงเหตุร้ายหรืออันตรายใดๆเป็นพิเศษ
แต่ระหว่างที่มองดูพวกวิญญาณที่ลอยอยู่บนฟ้า อย่าไปแหย่หรือกินพวกมันก็น่าจะปลอดภัยกว่านะ
(ชาเมย์มารุ อายะ)

Tips :
- เทศกาลนี้เรียกว่า บ้ง (Bon) แต่คนญี่ปุ่นมักจะเติม โอะ ที่ด้านหน้าเพื่อยกย่องเทศกาลนี้ คล้ายกับคำว่า พ่อ แม่ พี่ ที่มักจะเติม โอะ ไว้ข้างหน้าเช่นกัน
- ตามปกติแล้ว โอบ้ง จะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 ของเดือนจันทรคติที่ 7
ซึ่งปัจจุบันนี้จะจัดกันในเดือน 8 วันที่ 13-15 (บางท้องที่จะจัดในเดือน 7 วันที่ 13-15)
ซึ่งจากตรงจุดนี้ อาจเป็นคำใบ้ให้ลางๆว่า โลกมนุษย์ในโทโฮนั้นเป็นคนละโลกกับที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน แต่เท็จจริงอย่างไรนั้นมีแต่ท่าน ZUN ที่ทราบ
- มุคาเอะโนะฮิ (มุคาเอะบิ) แปลว่า ไฟต้อนรับ จุดที่หน้าบ้านในช่วงเทศกาลโอบ้ง (13-15) เพื่อต้อนรับวิญญาณบรรพชนที่กลับมายังบ้านของตน
- วันที่ 16 จะมีการจุดไฟ โอคุริบิ แปลว่า ไฟส่ง เพื่อส่งดวงวิญญาณของบรรพชนให้กลับไปยังภพภูมิของตน


.........................................................................................................................................................................................

พาชมสถานที่ขึ้นชื่อแห่งเกนโซวเคียว
-----------------------------------------------------------------------------------------
               **ตำหนักหยกขาว

ช่วงนี้เนี่ย ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็ไม่พ้นตำหนักหยกขาวนี่ล่ะ
ปกติจะเดินทางไปโลกวิญญาณได้เมื่อตายไปแล้ว แต่เป็นเพราะช่วงนี้เขตแดนของโลกวิญญาณอ่อนแอลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทำให้การเดินทางไปที่โลกวิญญาณทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องง่ายดาย
เมื่อเข้าไปในโลกวิญญาณแล้ว แรกสุดก็จะต้องตกใจกับความกว้างใหญ่ของสวนอันเงียบสงบ
ไกลออกไปเป็นหมอกบางๆ ซึ่งแม้จะบินขึ้นไปบนฟ้าก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จึงไม่อาจทราบว่ามันไกลเพียงใด
และจะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อทราบว่า สวนที่เห็นทั้งหมดนี้เป็นสวนของตำหนักหลังเดียวเท่านั้น

ตำหนักแห่งโลกวิญญาณที่มีสวนกว้างอันใหญ่ไพศาลนี้ เรียกขานกันว่า ตำหนักหยกขาว
ซึ่งเป็นตำหนักแบบญี่ปุ่นที่มีบรรยากาศของต่างประเทศปะปนอยู่เล็กน้อย
แม้ว่าตัวอาคารจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับความกว้างของสวนแล้วไม่ว่ายังไงก็รู้สึกว่าเล็กไปถนัดตา

เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ซากุระอันแสนงดงามในสวนของตำหนักหยกขาวก็จะเบ่งบาน กลายเป็นทะเลซากุระที่ไม่อาจพบเห็นได้ในเกนโซวเคียว
ทุกๆปีจะมีเหล่าวิญญาณและโยวไคมากมาย ถูกซากุระที่งดงามนี้ดึงดูดให้มารวมตัวกัน
และในที่สุด เมือไม่นานมานี้ เหล่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิตก็ได้ทราบถึงการมีอยู่ของที่แห่งนี้
และจัดงานชมดอกไม้ขึ้นในตำหนักหยกขาว โดยไม่สนใจเรื่องความเป็นความตายกันเลยทีเดียว
ถ้าสามารถทำได้ ลองหาเวลาว่างแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่ดูสักครั้งก็คงดี เพราะไม่รู้ว่าเขตแดนของโลกวิญญาณจะอ่อนแอเช่นนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่

ฉันเองก็ได้ลองเข้าร่วมงานชมดอกไม้ของตำหนักหยกขาวดู
ได้เจอวิญญาณจำนวนมากมายมหาศาลที่ได้ชมแสดงของสามพี่น้องปริซึมริเวอร์จนคึกคักครื้นเครงหาใดเทียมเลยทีเดียว
เลยรู้สึกประหลาดใจกับความแตกต่างอันนี้เหลือเกิน คงเพราะยังประทับใจกับความเงียบสงบของโลกวิญญาณอยู่กระมัง

ในทางตรงข้าม แม้แต่ในโลกหลังความตายยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนานร่าเริงแบบนี้
มนุษย์ก็น่าจะสามารถต่อสู้อดทนกับชีวิตของตนในปัจจุบันได้
ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานร่าเริงในโลกวิญญาณแห่งนี้ ก็ควรใช้ชีวิตอย่างสุดความสามารถและไม่ทำเรื่องที่ส่งผลให้ตกนรก เช่น ฆ่าตัวตาย เป็นต้น
พอคิดอย่างนี้แล้ว พวกมนุษย์ที่เข้มแข็งก็ดูน่ารักขึ้นมาทันตาเลยแฮะ
(ชาเมย์มารุ อายะ)


.........................................................................................................................................................................................


อายะ 「นับจากตอนนั้นก็ผ่านมาเกินหนึ่งปีแล้ว แต่จำนวนวิญญาณยังไม่ค่อยลดลงเลยนะคะ」
โยวมุ 「นี่ก็พยายามอยู่นะคะ
    พยายามอยู่แน่ๆค่ะ !」
อายะ 「แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่คะ」
โยวมุ 「กระซิกกระซิก」
อายะ 「แต่ก็ชินกับพวกวิญญาณแล้วล่ะค่ะ
    การที่วิญญาณบินไปมาในเกนโซวเคียวก็กลายเป็นทิวทัศน์ปกติประจำวันไปแล้วนะคะ」
โยวมุ 「รังเกียจเหรอคะ」
อายะ 「ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ
    จะว่ารู้สึกเหมือนโลกโน้นอยู่ใกล้ตัวดี หรือจะว่าใกล้ชิดความตายอยู่เสมอดี หรือเรียกว่าจุดเปลี่ยนของชีวิตดี ?」
โยวมุ 「จะเป็นเพราะอะไรยังไงก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่แน่ๆคือ การไปมาระหว่างโลกนี้กับโลกโน้นกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้วสินะ
    เดี๋ยวนี้มนุษย์และโยวไคที่ยังมีชีวิตมาที่โลกโน้น ส่วนพวกคนตายก็ไปที่โลกนี้ จนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว」
อายะ 「เป็นอย่างนั้นแล้วจะดีเหรอคะ ?」
โยวมุ 「ฉันคิดว่า ไม่ดี」
อายะ 「ตอบไม่ชัดเจนเลยนะคะ」
โยวมุ 「คนตายอยู่โลกโน้น คนเป็นอยู่โลกนี้
    ทั้งที่จริงๆแล้ว เรื่องปกติธรรมดาน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแท้ๆ เพราะแม้จะคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย สังคมก็ยังดำเนินไปตามปกติได้
    ไม่ใช่ว่าคนตายได้ฟื้นคืนชีพ หรือว่าคนเป็นที่ยังไม่ถึงที่ตายได้ถึงแก่กรรมลงสักหน่อย
    พอเป็นอย่างนี้แล้วฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมต้องตามวิญญาณกลับมาที่โลกโน้น ทำไมต้องห้ามคนเป็นไม่ให้มาที่โลกโน้น」
อายะ 「แล้วถ้าสิ่งที่ทำให้คุณสับสนมันไม่กลับเป็นอย่างเดิมล่ะคะ ?」
โยวมุ 「ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เขตแดนระหว่างโลกนี้กับโลกโน้นไม่ได้รับการซ่อมแซมเสียที ตัวฉันคนเดียวจะทำอะไรก็... ...」
อายะ 「จะว่าไปแล้วตัวคุณก็เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตสินะคะ ? ทำไมตัวคุณที่เป็นแบบนี้ถึงมาอยู่ในโลกโน้นได้ล่ะคะ ?」
โยวมุ 「ฉันเหรอ ? ฉันเองก็ไม่เคยลองคิดถึงเรื่องนั้นเลยเหมือนกัน
    แต่ก็เพราะว่าตัวฉันก็เป็นมนุษย์ที่ตายไปแล้วด้วยน่ะนะ... ... อื---ม」
อายะ 「อ่า, ต้องครุ่นคิดขนาดนั้นก็ลำบากแย่เลยนะคะ
    ฉันแค่ถามไปเพราะคิดว่าจะได้รับคำตอบอย่าง ค่าแรงดี หรือว่า วันหยุดเยอะ อะไรแบบนั้นซะอีกค่ะ」
โยวมุ 「ค่าแรงอะไรนั่นฉันไม่เคยได้หรอก... ...แล้ววันหยุดเนี่ยมันคืออะไรเหรอ ?」
อายะ 「ซิกซิก น่าสงสารจัง」
โยวมุ 「อ๊ะ ไม่เอาน่า มาทำท่าสงสารอย่างนั้นฉันก็... ...
    ของว่างยามบ่ายก็มีอยู่นะ แถมถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา คิดว่าคงมีวันหยุดให้บ้างล่ะค่ะ... ...」
อายะ 「ซิกซิก」
โยวมุ 「ยังไงก็เถอะ ฉันรับใช้ตระกูลไซเกียวจิมาตั้งแต่เกิดแล้ว เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ」
อายะ 「ฉันชักรู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อยแล้วค่ะ ว่าเรื่องปกติธรรมดามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดจริงๆรึเปล่า」
โยวมุ 「เรื่องปกติธรรมดาเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
    แม้ว่าสิ่งปกติธรรมดาอาจจะผิดแปลกสำหรับบางคน แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องของสามัญสำนึกที่เปลือกนอกแบบนั้นหรอกค่ะ
    คนตายอยู่โลกโน้น คนเป็นอยู่โลกนี้
    โยวไคทำร้ายมนุษย์ มนุษย์กำราบโยวไค
    สิ่งปกติธรรมดาที่แท้จริงนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมมองเห็นเป็นความจริงอันยิ่งยวดอย่างเดียวกัน, ถึงจะเป็นเพราะถูกสอนกันมาอีกทีก็เถอะ」
อายะ 「สิ่งปกติธรรมดานั้นก็คือ การที่ไม่มีค่าแรงไม่มีวันหยุด อย่างนั้นสินะคะ」
โยวมุ 「กระซิกกระซิก」

Tips :
- โลกนี้ = โลกมนุษย์, โลกโน้น = โลกวิญญาณ ดังนั้นการใช้คำว่า มา/ไป อาจฟังดูแปลกๆสักนิด ขึ้นอยู่กับว่าผู้พูดอยู่ที่ไหนในตอนที่พูดนั้น


คอนปาคุ โยวมุ

ลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และวิญญาณ
รับหน้าที่คนสวนแห่งตระกูลไซเกียวจิ และองครักษ์ประจำตัวคุณหนู
นักดาบคู่ผู้เอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง

ผลงานการแสดง :
『東方妖々夢』
『東方萃夢想』
『東方永夜抄』



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้