BAiJR - Merlin


東方文花帖 ~ Bohemian Archive in Japanese Red.
โทวโฮวบุนคะโฉว (บันทึกอักขระบุปผาแห่งตะวันออก) ~ บทความแหกกฎในสมุดญี่ปุ่นปกแดง


.........................................................................................................................................................................................

ฤดูกาลที่ 114 เดือนจันทรคติที่ 10 วันที่ 1

ปริซึมริเวอร์คนรอง ฉายเดี่ยว ?
ณ เนินที่มีวิญญาณยึดติดเป็นจำนวนมาก

เมื่อเร็วๆนี้, คุณ เมแลง ปริซึมริเวอร์ (โพลเตอร์ไกสต์) พี่คนรองแห่งสามพี่น้องปริซึมริเวอร์ ผู้บรรเลงทรัมเปต
ได้แยกตัวออกจากกลุ่มสามพี่น้องมาจัดงานแสดงดนตรีด้วยตัวคนเดียว
ในครั้งนี้จึงมาทำข่าวเจาะลึกกัน

การที่เธอไปที่สุสานด้วยตัวคนเดียวนั้นก็เพื่อแสดงการบรรเลงทรัมเปตที่ได้ฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ
ณ สุสานยามค่ำคืนที่มากด้วยเหล่าผี
ถึงจะพูดว่าเป็นผี แต่ก็มีนิสัยที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน
ในจำนวนนั้นก็มีพวกที่ตายไปทั้งที่ยังมีความแค้นหรือมีห่วงอยู่เหมือนกัน
ซึ่งสุสานที่มีวิญญาณยึดติดเป็นจำนวนมากนั้น เธอมักจะไปบรรเลงดนตรีด้วยตัวคนเดียวอยู่บ่อยๆ

การบรรเลงทรัมเปตของเธอนั้นให้อิมเมจที่ต่างไปจากตอนที่แสดงร่วมกันสามคนนิดหน่อย
โดยเสียงที่บรรเลงออกมานั้นเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกอันท่วมท้นยิ่งกว่า
เหล่าผีเองก็บินวนไปมาในสุสานอย่างสงบเสงี่ยมยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้
มองดูราวกับว่าเหล่าผีจำนวนมากถูกเธอควบคุมด้วยทรัมเปตจนกลายเป็นขบวนรถเลยทีเดียว
มาฟังเหตุผลที่เธอทำการแสดงเดี่ยวกันดีกว่า

「พวกเราสามคนใช้ไวโอลิน, ทรัมเปตและคีย์บอร์ดー เสียงที่บรรเลงออกมาจึงมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันออกไปน่ะนะ
 พี่เค้าจะใช้ท่วงทำนองที่อ่อนโยน สร้างเสียงแห่งความซึมเซาที่ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟังสงบลง
 ฉันจะใช้ท่วงทำนองที่เปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรุนแรง สร้างเสียงแห่งความคึกคะนองซึ่งเร่งเร้าอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟังให้เพิ่มสูงขึ้น
 ลิริก้าจะรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดเสียงมายาที่สร้างท่วงทำนองอันไพเราะเสนาะหู
 หากขาดทำนองใดไปแม้เพียงหนึ่ง บทเพลงก็จะผิดเพี้ยนจนกลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับเวทมนตร์ไปเลยล่ะー
 ในทางกลับกัน สำหรับพวกวิญญาณยึดติดเนี่ย ถ้ากระตุ้นให้ตื่นตัวขึ้นมาสักหน่อยก็คงจะดี ดังนั้นฉันก็เลยมาแสดงดนตรีคนเดียวยังไงล่ะ
 ถ้าเป็นพวกที่คลุ้มคลั่งขาดสติ ก็ให้พี่เค้าเป็นคนแสดงดนตรี
 ส่วนลิริก้าตัวคนเดียวนั้นไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรเป็นพิเศษจึงไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้น... ...ปล่อยให้ทำตามใจไปก็ได้, ประมาณนั้นมั้ง ?」

ดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างเครื่องดนตรีกับนักดนตรีจะไม่ใช่แค่เสียงซะแล้ว
การที่ต้องเข้าใจสภาวะของผู้ฟังแล้วเลือกใช้เสียงให้เข้ากับผู้ฟังนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ
จะว่าไปแล้ว การโซโลทรัมเปตของเธอนั้นก็เปี่ยมด้วยความรู้สึกอันมากล้นจนเกินความจำเป็น ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
พอได้ฟังแล้วก็ทนประคองจิตใจให้สงบเยือกเย็นไว้ไม่ไหว
ระหว่างการเก็บข้อมูลในครั้งนี้ก็ได้ฟังการบรรเลงดนตรีไปด้วยจนรู้สึกอารมณ์ดี, ดีจนแทบจะพลิกหินสุสานให้ล้มระเนระนาดเลย
คนปกติธรรมดา ไม่ควรฟังการบรรเลงของพวกเธอ หากพวกเธอไม่อยู่พร้อมหน้ากันทั้งสามคน
(ชาเมย์มารุ อายะ)

Tips :
- วิญญาณยึดติด หมายถึงพวกวิญญาณที่ยังมีห่วงซึ่งตัดไม่ขาด ทำให้วนเวียนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมไปไหน
- ห่วง หมายถึง สิ่งที่ยังค้างคาในใจของผู้คน อาจเป็นความแค้น ความรัก ภาระหน้าที่ที่ยังไม่เสร็จสิ้น หรืออะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- คำว่า 耳障り(みみざわり)の良い นั้นเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางแม้แต่ในญี่ปุ่น
เนื่องจาก 耳障り นั้นมีความหมายที่ไม่ดี แต่กลับเติมคำว่าดีต่อท้าย
耳障り นั้นตัวมันเองหมายถึง ระคายหู รำคาญหู ทั้งนี้เพราะในสมัยโบราณนั้นถือว่าหูเป็นอวัยวะที่บอบบาง จึงไม่ควรสัมผัสหรือทำให้ระคาย
ざわり นั้นพ้องเสียงกับคำว่า ขัดขวาง และ สัมผัส หากแต่คำในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น 目障り(ตา) 手触り(มือ) 足障り(เท้า) ฯลฯ
คำกลุ่มนี้ล้วนมีความหมายปกติธรรมดา คือ ประสาทสัมผัสและการรับรู้ที่จุดต่างๆ คนรุ่นใหม่จึงเข้าใจผิดว่า 耳障り ใช้ได้เหมือนกัน
การใช้คำว่า 耳障り ที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นผลมาจากรอยต่อของยุคสมัย ซึ่งก็สุดแต่ผู้ใดจะหัวโบราณเข้มงวดหรือจะไม่คิดมากแล้วนำมาใช้เช่นนี้
ซึ่งในกรณีของสามพี่น้องปริซึมริเวอร์นี้น่าสนใจมาก เพราะว่า สำหรับ Poltergeist นั้น เสียงที่หนวกหู ถือว่าเป็นเสียงที่ดี
ดังนั้นในกรณีนี้ อาจต้องแปลว่า ท่วงทำนองอันไพเราะบาดหู ก็เป็นได้ (ฮา
บางทีนี่อาจเป็นลูกเล่นทางภาษาอย่างหนึ่งที่ท่าน ZUN จงใจใส่มาให้คนอ่านที่ชอบคิดซับซ้อนได้สับสนเล่น
รายละเอียดคร่าวๆผมได้อธิบายไว้ ณ ที่นี้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้อ่านแล้วล่ะครับ ว่าคิดว่ามันเป็นแบบไหน ^ ^)
ในที่นี้ผมเลือกใช้ "เสนาะหู" เพราะแม้ว่าคนพูดจะเป็น Poltergeist
แต่คนอ่านหนังสือพิมพ์ ก็คือคนทั่วไปอยู่ดี ดังนั้นน่าจะตีความตามแบบคนทั่วไปมากกว่า


เอาเลย
เกนโซวเคียว

(อาราตะ โทชิฮิระ)

เรย์มุ 「พวกเธอกลายเป็นหนึ่งปล้องไผ่เปล่งแสง
    ด้วยป่าไผ่อาบแสงจันทร์แห่งนี้」
เรย์มุ 「...ช่างงดงามเสียจริงนะ」


(ผ่าง)
อลิส 「เป็นหนึ่งเดียวก็แย่น่ะสิ !」







อลิส 「ม.. มาพูดว่าเป็นหนึ่งเดียวกับยัยนี่เนี่ยนะ...」
อลิส (แต่ถ้าไม่ว่ายังไงก็จะพูดแบบนั้นให้ได้ล่ะก็)

เรย์มุ 「เขินอะไรของเธอน่ะ ?」

Tips :
- ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ป่าไผ่นั้นบังแสงจนเป็นช่อง ส่องมาที่มาริสะ-อลิส เลยมองเห็นทั้งสองเป็นเหมือนต้นไผ่เปล่งแสงต้นเดียวกัน
- ช่องที่สอง ถ้าจะให้แปลอีกแบบหนึ่งก็คือ "เหมารวมกันก็แย่น่ะสิ !"


.........................................................................................................................................................................................


เมแลง 「เขียนว่าไม่ควรฟังการบรรเลงดนตรีของคนอื่นอย่างนี้โหดร้ายจังเลーย」
อายะ 「แต่ว่ามันมีผลกระทบต่อจิตใจค่อนข้างมากอย่างนี้ก็อันตรายนะคะ
    ขนาดคนที่สงบเยือกเย็นอย่างฉันยังออกอาการไฮเปอร์หลุดโลกเลยค่ะ」
เมแลง 「เสียงที่ไม่สะเทือนไปถึงจิตใจน่ะ ไม่มีทางกล่าวว่าเป็นเสียงที่ดีได้หรอก
    เสียงที่ขับเคลื่อนหัวใจไม่ได้น่ะ ไม่น่าสนใจเลย
    แต่แรกเริ่มเดิมที เสียงของฉันก็คือเสียงแห่งความรู้สึก ส่วนที่หมุนหมุนของทรัมเปตก็เป็นเครื่องขยายความรู้สึกไงล่ะ」
อายะ 「หมุนหมุนสินะคะ
    คุณก็ด้วย」
เมแลง 「เสียมารยาทน้าー
    ฉันไม่ใช่ 『ไอ้นั่น』 สักหน่อย แค่สนุกกับทุกวันเท่านั้นเอง」
อายะ 「น่าสนุกดีนะคะ
    แล้วปกติพวกคุณสามพี่น้องใช้ชีวิตกันอย่างไรล่ะคะ」
เมแลง 「ปกติแล้วจะส่งเสียงดังยิ่งกว่านี้อีกนะ
    ถึงเค้าจะว่ากันว่า ถ้าผู้หญิงมาอยู่ใกล้กันครบสามคนแล้วจะส่งเสียงหนวกหูก็เถอะ
    แต่พวกเราซ้อมดนตรีกันต่างหากล่ะ ไม่ใช่ว่าพูดคุยกันเสียงดังหรอกนะ
    พอคิดว่าคนที่ทำเสียงดังหนวกหูที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ มันก็สุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะー?
    ถึงตัวเองจะเป็นคนพูดเองก็เถอะนะ」
อายะ 「ชนะงั้นเหรอคะ... หมายความว่าในการใช้ชีวิตปกตินี่มีการแข่งเอาแพ้ชนะอะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ ?」
เมแลง 「มันเป็นปัญหาด้านความรู้สึกน่ะนะ」
อายะ 「คุณพี่น่าจะแพ้บ่อยที่สุดรึเปล่านะ ? แบบว่าคิดๆดูแล้วเธอดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดเลยน่ะค่ะ」
เมแลง 「เห็นพี่เป็นแบบนั้น แต่เวลาที่จู้จี้ขึ้นมาก็จะจู้จี้น่ารำคาญสุดยอดเลยล่ะค่ะ
    ระดับเสียงรบกวนของพี่น่ะค่อนข้างสูงทีเดียว
    ประมาณเดียวกับพวกเสียงกรีดกระจกนั่นล่ะ」
อายะ 「สมกับที่เป็น Poltergeist เลยนะคะ... ...
    เป็นบทความเกี่ยวกับการแสดงเดี่ยวก็จริงแต่ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ, พวกวิญญาณยึดติดนั่นไปที่โลกโน้นแล้วเหรอคะ ?」
เมแลง 「อาจจะไปแล้วก็ได้, หรืออาจจะปลดปล่อยสิ่งยึดติดได้แล้ว แล้วก็เดินอยู่แถวนั้นก็เป็นได้」
อายะ 「เป็นอย่างนั้นเองเหรอคะ」
เมแลง 「ก็ฉันไม่ได้มาแสดงสดเพื่อชี้นำดวงวิญญาณสักหน่อยนี่นาー
    แค่มามอบความสนุกให้กับเหล่าผีที่ยังมีห่วงอยู่ในโลกนี้เท่านั้นเอง
    ก็เลยคิดว่าเพลงที่ High Tension ถึงขนาดทำให้ลืมเรื่องทางโลกได้น่าจะเหมาะ
    แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ที่จริงก็เพราะทุกคนทำตามคำสั่งของพี่น่ะนะ」
อายะ 「มอบความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่งานแสดงสดแบบนี้ คุณพี่นี่ก็ช่างคิดได้ดีจริงๆนะคะ」
เมแลง 「ก็เพราะก่อนหน้านี้แพ้พี่มานี่แหละー」
อายะ 「แพ้ชนะเป็นเรื่องของความรู้สึกไม่ใช่เหรอคะ」
เมแลง 「ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น」
อายะ 「จะว่าไปแล้ว ตอนที่โซโลก็ใช้เครื่องดนตรีชนิดอื่นที่ไม่ใช่ทรัมเปตนี่คะ
    เครื่องดนตรีพวกนั้นเรียกว่าอะไรเหรอคะ ?」
เมแลง 「ถ้าใช้แค่ทรัมเปตมันก็จะให้เมโลดี้ได้จำกัดน่ะนะ
    เวลาแบบนี้ สำหรับคนที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีกี่ชิ้นพร้อมๆกันก็ได้อย่างพวกเราก็ถือว่าสบายล่ะ
    Trombone ที่มีหมุนหมุนน้อยกว่าทรัมเปต, Tuba ที่มีหมุนหมุนมากกว่าทรัมเปต, Horn ที่มีหมุนหมุนค่อนข้างมากกว่าทรัมเปต
    และอื่นๆอีกเยอะเลย」
อายะ 「เครื่องดนตรีของคุณนี่มีหมุนหมุนเป็นมาตรฐานเลยสินะคะ」
เมแลง 「ถ้าคิดจะเพิ่ม Tension ของคนอื่นล่ะก็, มีไว้สักหน่อยก็จะดี
    เพราะงั้นเลยใช้เครื่องดนตรีที่หมุนหมุนยังไงล่ะー」
อายะ 「ฉันคิดว่าตัวคุณตอนที่บรรเลงดนตรีก็หมุนหมุนไปพอสมควรเลยนะคะ... ...」
เมแลง 「แต่ Tension ก็เพิ่มขึ้นใช่มั้ยล่ะ ?」
อายะ 「ค่ะ, เพิ่มอย่างเต็มที่เลยค่ะ」

Tips :
- กำลังตรวจสอบว่า 『ไอ้นั่น』 คืออะไร แต่คาดว่าคงล้ออะไรอีกตามเคยครับ


เมแลง ปริซึมริเวอร์

น้องสาวของลูนาซ่า แน่นอนว่าเป็น Poltergeist
เชี่ยวชาญเครื่องเป่า และชอบใช้ทรัมเปตมากเป็นพิเศษ

ผลงานการแสดง :
『東方妖々夢』



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้