SDV - MainPage


東方紫香花 ~ Seasonal Dream Vision.
โทวโฮวชิโควบานะ (หอมกลิ่นบุปผาม่วงแห่งตะวันออก) ~ ทิวทัศน์ในฝันผันตามฤดูกาล


.........................................................................................................................................................................................

Fan Book เล่มแรกของโทโฮโปรเจคท์ !

จริงอยู่ว่าคนญี่ปุ่นบางคนจัดให้ภาคหนังสือพิมพ์เป็น Fanbook เล่มแรก
แต่ถ้าดูรายละเอียดของหนังสือเล่มนั้นแล้วจะพบว่า ยังมิควรแก่การถูกจัดว่าเป็น Fanbook มากนัก
เนื่องจาก ZUN เป็นหัวหลักในการแต่งเรื่องให้หนังสือพิมพ์ของอายะ แม้ว่าจะมีเนื้อหาแค่ครึ่งเล่ม และอีกครึ่งเป็นโดจินของนักวาดท่านอื่น
แต่ก็พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนังสือของ ZUN
ผิดกับหนังสือเล่มนี้ที่เรื่องสั้นท้ายเล่มโดย ZUN เป็นเหมือนแค่ของแถมเท่านั้น แม้ว่าจะได้ ZUN มาเป็นผู้คิดชื่อหนังสือให้
แต่เนื้อหาสาระที่น้อยเกินไปอย่างมากนี้จึงควรแก่การยกให้เป็น Fanbook เล่มแรกของโทโฮโปรเจคท์อย่างแท้จริง


วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 1 เดือนตุลาคม ปี 2005
ตีพิมพ์และจำหน่ายโดยร้านโดจินชอปชื่อดังนาม โทระโนะอานะ (รูเสือ/ถ้ำเสือ)
ซึ่งปัจจุบันได้เลิกตีพิมพ์ไปแล้ว ทำให้กลายเป็นหนึ่งในหนังสือโทโฮที่หายากที่สุดในปัจจุบัน


รูปแบบของสินค้าคือชุดกล่องกระดาษแข็งขนาด A4 ซึ่งประกอบด้วยหนังสือและแผ่นเพลง พร้อมภาพอิลลัสท์ 4 ภาพที่สื่อถึงฤดูกาลทั้ง 4
ภายในเล่มประกอบด้วยโดจินจำนวน 12 เรื่อง
ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยเรื่องสั้นที่แต่งโดย ZUN ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเกมภาค 9 ที่วางขายไปเมื่อสองเดือนก่อน
นอกจากนี้ ในส่วนของแผ่นเพลงเองก็เป็นเพลง Arrange โดยนักประพันธ์ท่านอื่นเสียส่วนมาก แต่ก็ปิดฉากเพลงสุดท้ายโดย ZUN เช่นกัน
ทำให้หนังสือฉบับนี้ถูกระบุไว้ว่าเป็นเพียง Semi-Official Item เท่านั้น
กล่าวคือ มีเพียงส่วนเรื่องสั้นและเพลงสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงกับเนื้อหาหลักได้
อย่างไรก็ดี เพลง 12 เพลงแรกที่ Arrange โดยนักประพันธ์ท่านอื่นนั้นถูก ZUN กำหนดให้เป็นธีมของแต่ละเดือนในหนึ่งปี
และเป็นคนเลือกเพลงที่จะใช้ในการ Arrange รวมถึงตั้งชื่อเพลงให้เองด้วย จึงสามารถเอาชื่อเพลงเหล่านี้มาใช้อ้างอิงได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนเรื่องสั้นนั้น คาดคะเนกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนเปิดศึก EX ของภาค 9


และตามธรรมเนียมของโทโฮ ทุกภาคจะต้องมีอักษรคันจิจากชื่อของตัวการก่อเรื่อง อยู่ในอักษรสามตัวท้ายของชื่อภาค
สำหรับภาคนี้ คือ 紫香花
โดยตัวอักษรแรกและตัวสุดท้ายนั้นรวมกันจะแปลว่า ดอกไม้ม่วง ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ปรากฏในเนื้อเรื่องของภาค 9
อาจเป็นเพราะการใช้ชื่อบ่งบอกตัวการนั้นได้ถูกใช้ไปแล้วในภาคเกม ทำให้ภาคหนังสือพูดถึงเพียงซากุระม่วงเท่านั้น



ISBN : 9780400101194

ขนาด : A4

จำนวน : 167 หน้า

สำนักพิมพ์ : โทระโนะอานะ

ผู้แต่ง : ZUN

ภาพหน้าปกและอิลลัสท์ : โมริอิ ชิซึคิ

ผู้วาดโดจิน :
D ซาโตะ PON
ฮานิวะ
SINRA
ฮิคาวะ โชว
ยู คามิยะ
คิริว
อายุมิ จิฮะ
ยุเมะซาโตะ มาคุระ
Katzeh
ยามุ
คิซารากิ เรียว
นารุมิ ยุคิ
ฮิราซากะ มาโคโตะ
อุริอุริ
ฮิซาเมะ เกนตะ
ซาโตะมุระ ฮิบิคิ





รายชื่อเพลง

   1. 卯月の正月
      อุสึคิโนะโชวกัทสึ (ขึ้นปีใหม่แห่งเดือนจันทรคติที่สี่)
      ต้นฉบับ : คนตัดไผ่โบยบิน ~ Lunatic Princess (ภาค 8)
      Arrange โดย : S.S.H

   2. 五月魔人形
      โกะกัทสึมะนิงเงียว (ตุ๊กตาเวทพฤษภาคม)
      ต้นฉบับ : ห้องสมุดเวทมนตร์ วัวล์ (ภาค 6)
      Arrange โดย : โนะ。

   3. 本物の雨を見抜け
      ฮอนโมโนะโนะอาเมะโอะมินุเคะ (จงมองสายฝนของจริงให้ทะลุปรุโปร่ง)
      ต้นฉบับ : ห้วงเวลาจินตนาการ (ภาค 5)
      Arrange โดย : คิชิตะ

   4. 全ては織姫の為に
      สึเบเตะวะโอริฮิเมะโนะทาเมะนิ (ทุกสิ่งเพื่อเจ้าหญิงโอริฮิเมะ)
      ต้นฉบับ : เกนโซวเคียวพันปี ~ History of the Moon (ภาค 8)
      Arrange โดย : ยามานิชิ โทชิฮาระ, นามิเฮย์

   5. 幻想の夏、妖怪の夏
      เกนโซวโนะนัทสึ, โยวไคโนะนัทสึ (ฤดูร้อนแห่งมายา, ฤดูร้อนแห่งโยวไค)
      ต้นฉบับ : บันทึกผนึกมารแห่งตะวันออก ~ มายาหมองเริงรำ (ภาค 2)
      Arrange โดย : ESTi

   6. 彼岸街道
      ฮิกันไคโดว (ทางหลวงสู่ฮิกัน)
      ต้นฉบับ : นครบุปผาแห่งท้องนภา (ภาค 7)
      Arrange โดย : setzer

   7. 蓬莱の冠雪に何を思うか
      โฮวไรโนะคันเซทสึนินานิโอะโอโมอุคะ (คิดอะไรกับหิมะที่ปกคลุมยอดเขาโฮวไรงั้นรึ)
      ต้นฉบับ : Strawberry Crisis!! (ภาค 3)
      Arrange โดย : ยาโทคิ สึคาสะ

   8. 11月の雨
      จูวอิฉิกัทสึโนะอาเมะ (สายฝนเดือน 11)
      ต้นฉบับ : Theme・of・Eastern Story (Akyu's Untouched Score vol.5)
      Arrange โดย : ชิโมดะ ยู

   9. 過ぎ去る年は柔らかい幻想を運ぶ
      สึกิซารุโทชิวะยาวาราไคเกนโซวโอะฮาโคบุ (ปีที่ผ่านไปนำมาซึ่งมายาอันแสนอ่อนโยน)
      ต้นฉบับ : Alice Maestera (ภาค 4)
      Arrange โดย : BEATมาริโอ

   10. 幻想元旦
      เกนโซวกันทัน (วันขึ้นปีใหม่มายา)
      ต้นฉบับ : ความฝันอันเย้ายวนแห่งตะวันออก ~ Ancient Temple (ภาค 7)
      Arrange โดย : ชิอินะ ฮารุมิ

   11. 八方恵方大胆無敵
      ฮัปโปวเอะโฮวไดทันมุเอคิ (โชคลาภหลั่งไหลรอบทิศ บ้าบิ่นไร้เทียมทาน)
      ต้นฉบับ : โอนิกะชิมะแห่งดินแดนในฝัน ~ Missing Power (ภาค 7.5)
      Arrange โดย : โดบุอุซางิ

   12. 幻想の桜、三月の紫色
      เกนโซวโนะซาคุระ, ซันกัทสึโนะมุราซาคิโนะซาคุระ (ซากุระมายา, ซากุระม่วงแห่งเดือนสาม)
      ต้นฉบับ : นักรบสาวพรหมจรรย์ ~ Heart of Valkyrie (คิโอเกียคุ <เซย์โฮโปรเจคท์>)
      Arrange โดย : สึคุโมะ ฮาคุทาโร่

   13. 六十年目の東方裁判
      โรคุจูวเนนเมะโนะโทวโฮวไซบัน (การพิพากษาแห่งตะวันออกในปีที่หกสิบ)
      ต้นฉบับ : การพิพากษาแห่งตะวันออกในปีที่หกสิบ ~ Fate of Sixty Years (ภาค 9)
      Arrange โดย : ZUN
      คอมเมนท์ by ZUN :
            ท่องเที่ยวไปทั่วสิบสองเดือนด้วยเพลงของเหล่า Arranger และสุดท้ายเกนโซวเคียวก็กลับมาสู่จุดเดิม
            รู้สึกโหยหาในบางสิ่ง รู้สึกน่ารักในบางอย่าง และไม่เหลือความรู้สึกแย่ๆเอาไว้
            ข้าพเจ้าคิดว่าแม้แต่ในบรรดาเพลงที่ข้าพเจ้าแต่งขึ้นนั้นก็ยังมีน้อยเพลงที่สมกับเป็น "โทโฮ" (ตะวันออก)
            นี่จึงเป็นเพลงที่เหมาะสมต่อการจัดให้อยู่นอกรอบหนึ่งปี... เรื่องสั้นก็เหมือนกัน :-)



Tips :
- ตุ๊กตาพฤษภาคม คือตุ๊กตาสำหรับประดับประดาในวันเด็กผู้ชาย (วันที่ 5 เดือน 5) ลักษณะเป็นซามูไรที่มีต้นแบบจาก ซาคากุจิ กินโทคิ
- เจ้าหญิงโอริฮิเมะ มาจากนิทานทานาบาตะ (วันที่ 7 เดือน 7)
- ล้อสโลแกนโฆษณาของยากันยุงคินโช [ฤดูร้อนของคินโช, ฤดูร้อนของญี่ปุ่น]
- สถานที่ทิ้งยาโฮวไรในตำนานคือภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งจะเริ่มมีหิมะปกคลุมที่ยอดเขาในช่วงเดือน 10
- อาจนัยถึงเพลง November Rain ของวงร็อคอเมริกาที่มีนามว่า Guns N' Roses
- มายาอันแสนอ่อนโยน... หมายถึง ซานตาคลอส รึเปล่าหว่า ? หรือจะหมายถึง หิมะ กันนะ ?
- เดือน 2 คือเดือนที่มีเทศกาลปาถั่วไล่ยักษ์





เรื่องสั้นท้ายเล่ม

六十年ぶりに紫に香る花
หอมกลิ่นบุปผาม่วงล่วงครบหกสิบปี


สายลมในเนินไร้ญาติได้หยุดพัดไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล็กน้อย
การที่สายลมไม่พัดแต่ก็ไม่รู้สึกร้อนนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้เท่านั้น
หากผ่านไปอีกสักเดือนหนึ่งคงร้อนจนทนอยู่ตรงนี้ไม่ได้เลยเชียว
แม้สายลมจะหยุดพัดไปแล้ว แต่กลีบดอกไม้ในที่แห่งนี้กลับไม่หยุดร่วงโรย
มันยังคงร่วงโรยโดยไร้เสียงและเงียบงัน
จะรีบร่วงโรยไปทำไมกันนะ
หากคำนวณเวลาที่ใช้ในการกลับสู่ดินจากการร่วงโรยที่รวดเร็วขนาดนั้น เวลาหนึ่งหรือสองวันก็เป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น



ฉันคิดแต่เพียงว่า ในที่สุดเกนโซวเคียวซึ่งถูกสั่นคลอนด้วยเหตุดอกไม้วิปลาสนี้ก็กลับสู่ภาวะปกติเสียที
ซึ่งมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุวิปลาสที่ดอกไม้เบ่งบานไปทั่วนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ในอดีตนั้นฉันเองก็เคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่สิ ต้องเห็นอยู่แล้วต่างหาก
ดังนั้นจึงรู้สึกขำขันและเวทนา เมื่อได้เห็นมนุษย์ที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานกำลังแตกตื่นครื้นเครงกัน



「ตายจริง คราวนี้อะไรอีกล่ะ
 『เธอ』 โผล่ออกมาแบบนี้......
 การที่ดอกไม้ไม่กลับเป็นปกติมันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ ?」

「ตายจริง เรย์มุนี่นา... เอ๊ะ ยังไม่มีใครบอกว่าเป็นความผิดของเธอสักหน่อย
 แล้วไง ? ยังสะสมกรรมดีอยู่ทุกวันรึเปล่า ?」

เรย์มุกล่าวว่า 「อะไรกันเนี่ย แม้แต่เธอก็พูดเหมือนยัยนั่นเลยนะ」 พลางมองซากุระ
ว่าแต่ยัยนั่นหมายถึงใครกันนะ ?

「หายากนะที่เรย์มุจะถ่อมาถึงเนินไร้ญาติแบบนี้
 ทั้งที่ซากุระของศาลเจ้างดงามตระการตากว่าซากุระของที่นี่แท้ๆ......」

「ไม่ได้มาเพราะอยากชมซากุระสักหน่อย
 ฉันแค่มาตรวจสอบดูว่าเมื่อไหร่ซากุระพวกนี้มันจะร่วงโรยแล้วกลับเป็นปกติต่างหาก」

เรย์มุมองซากุระแล้วกล่าวว่า... ท่าทางยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะร่วงหมดนะ ...แล้วก็ถอนหายใจ
『ซากุระม่วง』 ที่บานอยู่ในเนินไร้ญาตินั้นคือดอกไม้แห่งการสำนึกผิดที่เบ่งบานได้เพราะความผิดบาป
และครั้งนี้ปริมาณดอกซากุระก็มากกว่าครั้งที่แล้วเมื่อ 60 ปีก่อนด้วย



ใช่แล้ว เป็นความจริงที่ว่าเมื่อ 60 ปีก่อนเคยเกิดเหตุวิปลาสแบบเดียวกันนี้มาแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อร้อยยี่สิบปีก่อน เมื่อร้อยแปดสิบปีก่อน และในสมัยก่อนที่นานยิ่งกว่านั้น......ก็น่าจะเคยเกิดเหตุวิปลาสแบบเดียวกันนี้เช่นกัน

เหตุการณ์ที่นานกว่า 60 ปีก่อนนั้นมันเนิ่นนานเกินไปจนแทบจะไม่เหลืออยู่ในเศษเสี้ยวของความทรงจำแล้ว
ตอนนี้เหลือแค่เพียงความทรงจำเกี่ยวกับเหตุวิปลาสเมื่อ 60 ปีก่อนเท่านั้น

「ฉันเป็นคนขี้ลืมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ?」

「เดินโซเซไปมาแล้วบ่นพึมพำอะไรของเธอน่ะ
 อย่างกับคนแก่เลอะเลือนเลยนะ ?」

「นั่นสินะ
 อาจจะเลอะเลือนไปแล้วก็ได้」

「เดี๋ยวสิ ยอมรับกันง่ายๆแบบนั้นฉันก็สวนกลับไม่ได้น่ะสิ」

เรย์มุพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบจากไปโดยไม่พูดอะไรที่ประเทืองปัญญาออกมา
พอเห็นแบบนั้นฉันก็มั่นใจว่าเรย์มุรู้สาเหตุของเหตุวิปลาสนี้แล้ว เลยรู้สึกวางใจนิดหน่อย



ระหว่างที่ฉันเฝ้ามองซากุระม่วงร่วงโรยอย่างเงียบงัน พลันรู้สึกได้ว่าความทรงจำเมื่อ 60 ปีก่อนกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว
ก็พอจะเข้าใจในทฤษฎีอยู่ว่าถ้าผ่านไป 60 ปีแล้วจะต้องเป็นแบบนี้ แต่พอเจอเข้าจริงๆก็รู้สึกกังวลใจ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความทรงจำจะหายไปทั้งหมด
มีเฉพาะเหตุการณ์ที่หลงเหลืออยู่ใน 『บันทึก』 เท่านั้นที่ยังคงอยู่ ส่วน 『ความทรงจำ』 อื่นๆกำลังจะหายไป

เหตุการณ์ที่หลงเหลืออยู่ในบันทึก เรียกอีกอย่างก็คือ ประวัติศาสตร์ นั่นเอง
สิ่งที่ผ่านไป 60 ปีแล้วก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินนั้นมีเพียงประวัติศาสตร์ และมันก็คือสิ่งที่รวบรวมเหตุการณ์นอกเหนือจากชีวิตประจำวันเอาไว้
อาจกล่าวได้ว่า ช่วงเวลาที่อยู่นอกเหนือชีวิตประจำวันนั้นได้ถูกหยุดเวลาเอาไว้
ด้วยเหตุนี้อดีตกาลที่นานเนิ่นกว่า 60 ปีจึงถูกหยุดเวลาเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งหากพูดในทางกลับกัน ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปตามห้วงเวลานั้นมีอายุขัยเพียง 60 ปีเท่านั้น
การที่ความทรงจำเมื่อ 60 ปีก่อนกำลังจะหายไปนั้น เป็นเพราะอายุขัยของชีวิตประจำวันได้มาถึงแล้วนั่นเอง

ถ้างั้นทำไมถึงเป็นระยะเวลา 60 ปีกันล่ะ
รู้สึกเหมือนเมื่อ 60 ปีก่อนก็เคยคิดเรื่องแบบเดียวกันนี้เหมือนกัน แต่ฉันเองก็คงจะเลอะเลือนแล้วล่ะมั้งถึงได้นึกไม่ออก
เหล่ามนุษย์ผู้น่าขำและน่าเวทนาจะรู้รึเปล่านะว่าทำไมถึงต้องเป็น 60 ปี

ชักสงสัยว่ามนุษย์คนอื่นนอกจากมิโกะนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ จึงลองแวะไปดูสถานที่ที่มนุษย์เหล่านี้น่าจะอยู่กัน





「หวา ! ใครน่ะ ? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง ? อ้าว 『เธอ』 เองเหรอ」

「ว่าไง ? มาริสะ
 60 ปีแล้วนะ ? เข้าใจความหมายรึเปล่า ?」

「อะไรของเธอน่ะ จู่ๆก็เข้ามาในบ้านแล้วถามปริศนาธรรมเนี่ยนะ ? ชอบผลุบๆโผล่ทั้งร่างกายและหัวสมองเลยจริงๆแฮะ」



บ้านของมาริสะตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์
ป่าเวทมนตร์ไม่มีดอกไม้บาน และแสดงให้เห็นแต่ความน่ารังเกียจเหมือนเช่นที่ผ่านมา
ที่นี่เวลาไม่ถูกหยุดเอาไว้
กล่าวคือ สามารถพูดกลับกันได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีประวัติศาสตร์ใดๆ

「ตายจริง รวบรวมดอกไม้มาเยอะน่าดูเลยนะ」

「อา เพราะดอกไม้บานมากมายขนาดนี้มันหาดูยาก
 ก็เลยไปรวบรวมดอกไม้ที่งดงามที่สุดมาน่ะ」

「งั้นเหรอ เธอรู้สึกว่ามันหาดูยากสินะ」 มนุษย์รู้สึกว่าเหตุดอกไม้วิปลาสนี้หาดูยากงั้นเหรอ วันเวลา 60 ปีคงยาวนานเกินไปสำหรับมนุษย์สินะ

「พูดอะไรแปลกๆนะเธอเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ
 แล้ว 60 ปีมันคืออะไรเหรอ ?」

「60 ปีหลังจากนี้ เธอจะทำอะไรอยู่กันนะ ?」

「60 ปีงั้นเหรอ
 ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า
 ฉันไม่ใช่โยวไคเหมือนพวกเธอซะด้วยสิ」

「รู้รึเปล่าว่าทำไมดอกไม้ถึงบานเพียงหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ?」

「หนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ? หมายถึงดอกไม้ไผ่น่ะเหรอ ? นั่นสิน้า เป็นเพราะมันอู้งานไม่ยอมเบ่งบานนาน 59 ปีล่ะมั้ง ?」



มาริสะไม่พูดอะไรที่ประเทืองปัญญา ฉันจึงไปเยือนมนุษย์คนต่อไปด้วยความท้อแท้เล็กน้อย
ป่ามีแต่ชีวิตประจำวัน หรือพูดอีกแง่ก็คือมีแต่เรื่องธรรมดา
จึงช่วยไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจเหตุวิปลาสครั้งนี้





「ตายจริง 『เธอ』 เข้ามาจากทางไหนกันน่ะ ?」

「ว่าไง ? ซาคุยะ
 60 ปีแล้วนะ ? ถ้าเป็นผู้ใช้กาลเวลาอย่างเธอน่าจะเข้าใจความหมายนะ ?」

「จู่ๆมาถามแบบนั้นมันก็ไม่ไหวน้า......」



ที่นี่คือคฤหาสน์มารแดงซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ มันเป็นบ้านของปิศาจแดง
ทัศนียภาพอันเริดหรูนี้ไม่เข้ากับเกนโซวเคียวเอาเสียเลย แต่สถานที่ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเหมือนที่นี่ก็มีอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น
ภายในคฤหาสน์นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากภายนอก และในทางกลับกันก็ไม่ค่อยก่อให้เกิดผลกระทบต่อภายนอกสักเท่าใดนัก
ส่วนซาคุยะก็คือเมดที่เป็นมนุษย์ซึ่งทำงานอยู่ในนั้น

「เอะอะวุ่นวายจังเลยนะ ที่นี่เนี่ย
 เป็นอย่างนี้ประจำเลยเหรอ ?」

「ตอนนี้ดอกไม้งดงามมาก ทุกคนก็เลยร่าเริงกว่าปกตินิดหน่อยน่ะค่ะ」

「หากอยู่ภายในคฤหาสน์ก็จะมองไม่เห็นดอกไม้ที่งดงามเหล่านั้นสินะ ?」

「อันที่จริง... ดอกกุหลาบที่ตัดออกไปมันกำลังงอกบานขึ้นมาใหม่ด้วยค่ะ
 พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทุกคนก็เลยยิ่งร่าเริงเข้าไปใหญ่」

「กุหลาบก็กลับมามีชีวิตแล้วสินะ」

「ก็... งั้นเหรอ แสดงว่ามีอย่างอื่นที่กลับมามีชีวิตเหมือนกัน ?」

「ว่าแต่ รู้รึเปล่าว่าทำไมดอกไม้ถึงบานเพียงหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ?」

「หนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ? พูดถึงดอกอะไรอยู่น่ะ ?」

「เหตุดอกไม้วิปลาสที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นเหตุวิปลาสที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาทุกๆ 60 ปีไงล่ะจ๊ะ」

「งั้นเหรอ ? รู้สึกว่าคนคนนั้นก็เคยพูดเอาไว้นะ ? แล้วทำไมถึงต้องเป็น 60 ปีล่ะ ?」

คนคนนั้นที่ว่าเนี่ยคือใครกันนะ
รู้สึกสงสัยนิดหน่อย แต่การแกล้งเมดที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้คือสิ่งที่สำคัญกว่า

「นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังถามเธออยู่จ้ะ」

「นั่นสิน้า
 คนร้ายที่ก่อให้เกิดเหตุดอกไม้วิปลาสเคยถูกเล่นงานอย่างหนักจนหลับไป 59 ปีล่ะมั้ง ?」



ซาคุยะเองก็ไม่พูดอะไรที่ประเทืองปัญญา ฉันจึงต้องไปหาเด็กคนนั้นเป็นลำดับต่อไปด้วยความท้อแท้อีกครั้ง
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่เด็กคนนั้นจะเข้าใจเรื่องยากๆ แต่นิสัยตรงไปตรงมาของเธออาจทำให้ได้คำตอบที่น่าสนใจออกมา
เด็กคนนั้นอาศัยอยู่ในดินแดนซึ่งเป็นที่อาศัยของผู้ที่ตายไปแล้ว





「ตายจริง ? หายากนะคะที่จะมาตั้งแต่กลางวันแบบนี้
 ถ้าเป็นท่านยูยูโกะล่ะก็ น่าจะกำลังนอนกลางวันอยู่ค่ะ
 ไม่สิ นอนอยู่แน่ๆเลย」

「ไม่หรอก
 วันนี้ฉันลงทุนเดินทางมาไกลถึงโลกวิญญาณก็เพราะมีธุระกับโยวมุน่ะจ้ะ」

「รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกเลยนะคะ......」



โลกวิญญาณ
อุณหภูมิของบรรยากาศแตกต่างจากโลกมนุษย์
แต่ว่าตอนนี้มีสิ่งที่เห็นแล้วรู้สึกได้เลยว่าแตกต่างยิ่งกว่านั้น

「ดอกไม้ในโลกวิญญาณไม่ได้เบ่งบานถึงขนาดนั้นก็จริง......แต่รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ดอกไม้ที่โลกมนุษย์กำลังเบ่งบานอย่างน่าอัศจรรย์อยู่ ?」

「ค่ะ แน่นอน
 ท่านยูยูโกะไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ แต่คิดว่ามันแปลกนิดหน่อย เลยออกไปตรวจสอบคนเดียวมาแล้วค่ะ」

「ตายจริง ไม่เลวเลยนี่นา
 แต่เธอคงไม่รู้สินะ ว่าทำไมยูยูโกะถึงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุดอกไม้วิปลาสครั้งนี้ ?」

「เอ่อ ฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ......
 แต่ปกติก็ไม่พูดอะไรอยู่แล้วนะคะ......ท่านยูยูโกะน่ะ」

「แหม เดี๋ยวเอาไปฟ้องยูยูโกะเสียเลยดีมั้ย ? ว่าโยวมุพูดแบบนั้นออกมา」

「อ๊า เปล่านะคะ ฉันล้อเล่นเฉยๆค่ะ」

「ว่าแต่ รู้รึเปล่าว่าทำไมดอกไม้ในเกนโซวเคียวถึงบานเพียงหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ?」

「กะทันหันจังเลยนะคะ......
 หนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี... อืม--- รู้สึกเหมือนจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งค่ะ」



สายลมที่ทำให้รู้สึกดีพัดผ่านโลกวิญญาณ ทำให้กิ่งของซากุระที่ร่วงโรยอย่างสมบูรณ์แล้วสั่นไหว
ซากุระร่วงโรยและเริ่มถูกย้อมด้วยสีเขียว ทำให้รู้สึกถึงการเกิดชีวิตใหม่
หากเทียบกับเกนโซวเคียวในตอนนี้ โลกวิญญาณกลับรู้สึกได้ถึงชีวิตมากกว่าเสียอีก อย่างกับประชดกันเลย

「เอ่อ รู้สึกเหมือนเคยได้ยินเรื่องดอกไม้บานหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปีมาจากที่ไหนสักแห่งน่ะค่ะ
 หมายความว่าทุกๆ 60 ปีจะมีครั้งหนึ่งที่เกิดเหตุวิปลาสแบบนี้ขึ้นงั้นเหรอคะ ?」

「ตายจริง ไม่รู้หรอกเหรอ ?」

「ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่มานานขนาดนั้นนี่คะ」

「ตอนนี้ก็ไม่ถือว่ามีชีวิตอยู่นี่ ?」

「เอ่อ นั่นสินะคะ
 60 ปีก่อนฉันยังไม่เกิดเลย ดังนั้นถึงถามเรื่องเหตุดอกไม้วิปลาสที่เกิดขึ้นทุก 60 ปี ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะ」

「ถ้างั้นขอถามอีกครั้งหนึ่ง
 รู้รึเปล่าว่าทำไมดอกไม้ในเกนโซวเคียวถึงบานเพียงหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปี ?」

「ก็บอกว่าไม่รู้ไงคะ---」



โยวมุก็ไม่ไหวงั้นเหรอ......
นึกแล้วเชียวว่ามนุษย์――ถึงโยวมุจะเป็นมนุษย์แค่ครึ่งเดียวก็เถอะ――มีชีวิตที่ไม่ยืนยาวเลยด้อยทั้งความรู้และประสบการณ์
จึงไม่สามารถพูดอะไรที่น่าสนใจออกมาได้แม้แต่อย่างเดียวเมื่อโดนถามอย่างเฉียบพลัน
ภายในความทรงจำเกี่ยวกับ 60 ปีก่อนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จำได้ว่าตอนนั้นก็ไล่ถามมนุษย์ด้วยคำถามเดียวกันนี้
แต่จำไม่ได้เลยว่ามนุษย์ในตอนนั้นตอบไว้อย่างไรบ้าง
แต่รู้สึกว่าตอนนั้นได้รับคำตอบที่ยอดเยี่ยมกว่านี้นะ



มันคงเป็นภาพลวงตาที่กาลเวลาแสดงให้เห็นล่ะมั้ง
เวลาที่ไหลผ่านพวกเราเหล่าโยวไคนั้น จัดว่าไหลช้าอย่างมากเมื่อเทียบกับกาลเวลาที่ไหลผ่านพวกมนุษย์
แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องราวในอดีตที่อยู่ในความทรงจำก็ค่อยๆกลายเป็นสิ่งสวยงามไปทีละน้อย
เนื่องจากทั้งมนุษย์ โยวไค และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมีชีวิตต่อไปได้ด้วยการกลบฝังความเจ็บปวดในอดีต
หากไม่สามารถทำให้อดีตกลายเป็นสิ่งสวยงามได้ก็จะถูกควบคุมด้วยความรู้สึกตัดใจยอมแพ้ซึ่งชวนให้คิดว่า
「ตอนนั้นแย่กว่านี้อีก เทียบกันแล้วตอนนี้สบายกว่าเยอะ」
จากนั้นสิ่งมีชีวิตก็จะเลือกเดินไปในทางที่ผิด
การทำให้อดีตกลายเป็นสิ่งสวยงามนั้นจำเป็นต่อการมีอายุยืนยาวของสิ่งมีชีวิต
หากทำไม่ได้และเอาแต่ย้อนมองอดีตที่เลวร้ายอยู่ตลอดเวลา คนผู้นั้นก็ไม่มีอนาคต





ฉันกล่าวลาโยวมุที่กำลังทำความสะอาดสวน และจากโลกวิญญาณมาโดยไม่รอพบยูยูโกะ
เพราะยูยูโกะน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ดังนั้นถามไปก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ

ฉันกลับไปที่เนินไร้ญาติอีกครั้ง และเฝ้ามองซากุระม่วง
รู้สึกว่ามันดูไม่สวยเท่าตอนที่เจอกับเรย์มุก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็คงเป็นลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนอดีตเป็นสิ่งสวยงามล่ะมั้ง



「ในที่สุดก็เจอตัวจนได้
 เธอหายไปไหนมาน่ะ」

「อ้าว ? เรย์มุอีกแล้วเหรอ
 เมื่อกี้กลับศาลเจ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ ?」

「ก็ทำนองนั้น
 คือพอได้ฟังเธอพูดแล้วรู้สึกเหมือนจะเข้าใจเหตุวิปลาสครั้งนี้มากขึ้นก็เลยรีบกลับมาน่ะ
 แต่พอกลับมาก็ไม่เจอเธอแล้ว......ตกลงว่าไปที่ไหนมาล่ะ」

「แค่ไปเดินเล่นนิดหน่อยน่ะจ้ะ」

「เดินเล่นที่ว่าน่ะ กรณีของเธอมันก็คือการไปโผล่ที่ไหนก็ได้ในชั่วพริบตาสินะ จะเรียกว่าสะดวกสบายหรือวุ่นวายดีล่ะ......」
เรย์มุพูดแบบนั้นแล้วนั่งลงที่โคนต้นซากุระม่วง

「เหนื่อยหน่อยนะ ...แล้วไปนั่งหมดแรงอะไรตรงนั้นล่ะ ? ในสถานที่อันตรายแบบนี้
 แล้วไม่มีอะไรอยากถามฉันบ้างเลยเหรอ ?」

「ไม่มีคำถามที่เป็นรูปธรรมหรอก แต่ถ้าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุดอกไม้วิปลาสครั้งนี้ก็อยากให้ช่วยบอกมาหน่อยน่ะ
 ไม่สิ ฉันพอจะรู้ต้นเหตุแล้วล่ะ......แต่มันยังมีบางจุดที่ติดค้างในใจน่ะ」

「งั้นเหรอ
 ถ้างั้นจะสอนให้แค่นิดเดียวละกัน
 เกี่ยวกับเหตุดอกไม้วิปลาสครั้งนี้กับโลกภายนอก」



ฉันเป็นโยวไคที่สามารถควบคุมอาณาเขตของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงได้
ด้วยพลังดังกล่าว ฉันสามารถทำให้เขตแดนทั้งหลายทั้งปวงหายไปได้ดั่งใจ
ความสามารถนี้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกนโซวเคียว โลกภายนอก มนุษย์ โยวไค กลางคืน กลางวัน
สาเหตุที่ฉันคนนี้ยอมเล่าเรื่องเหตุวิปลาสในครั้งนี้ให้เรย์มุฟัง ก็เพราะคิดว่าเธอคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
60 ปีนั้นยาวนานเกินไปสำหรับมนุษย์
มนุษย์ส่วนใหญ่จะได้ประสบกับเหตุวิปลาสแบบนี้เพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
หากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป อาจไม่มีโอกาสได้สอนมิโกะแห่งฮาคุเรย์ที่อยู่ตรงหน้านี้อีกแล้วก็เป็นได้
อันที่จริงเรื่องแบบนี้มี 『ผู้ที่เหมาะสม』 อยู่แล้ว และไม่ใช่เรื่องที่โยวไคอย่างฉันจะต้องทำ
แต่รู้สึกอยากแกล้งมิโกะนิดหน่อย ก็เลยจะสอนเรื่องเหตุวิปลาสครั้งนี้และเรื่องโลกภายนอกให้เธอฟัง



「หืม---
 ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงสักแค่ไหนแต่ก็เป็นเรื่องใหญ่น่าดูเลยนะ
 พวกมนุษย์ที่โลกภายนอกก็เหมือนกัน」

「ปีนี้เป็นปีที่พิเศษสำหรับมนุษย์โลกภายนอกน่ะ
 ทำไมงั้นเหรอ ?
 แน่นอนว่าเพราะมันคือปีพิเศษหลังจากผ่านมา 60 ปีไงล่ะ」

「อะไรล่ะนั่น
 ถ้างั้นก็แปลว่าจะมีปีพิเศษมาเยือนทุกๆ 60 ปีไม่ใช่เหรอ」

「มาสิ
 พูดให้ถูกคือจะมาเรื่อยๆด้วยนะจ๊ะ」

「ยังไงก็ทำใจเชื่อเรื่องที่เธอเล่าไม่ลงแฮะ
 โลกภายนอกกำลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่งั้นเหรอ ?
 เกนโซวเคียวไม่เห็นมีแรงสั่นสะเทือนอะไรเลยนี่นา
 เกิดสึนามิระดับทำลายล้างที่โลกภายนอกงั้นเหรอ ?
 เอาแค่แผ่นดินไหวฉันยังเชื่อไม่ลงเลยว่ามันเกิดขึ้นจริง
 ไต้ฝุ่นกับน้ำท่วมงั้นเหรอ ?
 สักวันญี่ปุ่นก็ต้องเจอกับฝนตกหนักแบบนั้นอยู่แล้วนี่นา
 สงครามที่ควบคู่ไปกับการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมงั้นเหรอ ?
 ฉันไม่รู้หรอกนะว่าการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมคืออะไร
 แต่สงครามน่ะมันเป็นเรื่องของสมัยก่อน......มนุษย์โลกภายนอกสมัยนี้คงไม่ทำกันแล้วล่ะมั้ง ?
 ก็แหม.....อารยธรรมของโลกภายนอกก้าวหน้ากว่าเกนโซวเคียวตั้งเยอะ
 อุปกรณ์ของอารยธรรมที่ก้าวหน้าแล้วพวกนั้นก็ตกมาที่ร้านบ่อยๆนี่นา」

「มันไม่ได้ตกมาที่ร้านสักหน่อย
 อุปกรณ์ที่อยู่ในร้านนั่นไม่ใช่ของที่ตกมานะ... แต่เป็นของที่ตกไปแล้วต่างหาก」 (หมายถึง ตกรุ่นไปแล้ว)
เรย์มุไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจและยอมรับเลย
นี่ฉันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ......



「ถ้างั้น ทำไมถึงเกิดเหตุดอกไม้วิปลาสขึ้นทุกๆ 60 ปีล่ะ ?」



เสร็จกัน
ประมาทไปจนได้
บางทีฉันคงเลอะเลือนเพราะทัศนียภาพแห่งบาปหนาที่ซากุระม่วงแสดงให้ดูล่ะมั้ง
คำถามที่ฉันคิดจะเอามาถามเรย์มุเพื่อความสนุกสนาน ถึงได้ถูกเรย์มุชิงตัดหน้าถามขึ้นมาก่อนซะงั้น



「นะ.. นั่นสินะ
 จะว่าดอกไม้มันอู้งานหรือนอนหลับยาว 59 ปีก็ไม่น่าจะใช่ซะด้วย」

「เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า」

「เรื่องนั้นน่ะ......」

「แหม
 มานัดเดทกันในที่แบบนี้เหรอ ? หรือว่ากำลังทำสัญญาลับกันอยู่ ?」

วิธีพูดแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่าเสียงที่แว่วมาอย่างกะทันหันนี้เป็นเสียงของใคร

「เล่นหมากรุกญี่ปุ่นในจินตนาการอยู่น่ะ
 แต่ก็หายากนะ
 ที่ได้เห็นยูยูโกะมาเที่ยวถึงสุสานของโลกมนุษย์ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้」

「หมากรุกญี่ปุ่นในจินตนาการมันคืออะไรน่ะ ?」
เรย์มุพูดพลางทำหน้าเหมือนอยากพูดว่าตัวยุ่งยากโผล่มาอีกแล้ว จากนั้นก็นั่งลงที่โคนต้นซากุระม่วงอีกครั้ง

「หมากรุกญี่ปุ่นน่ะ คือการละเล่นที่ต้องจินตนาการล่วงหน้าไปหลายๆตาว่าคู่ต่อสู้จะเดินยังไง แล้วค้นหาตาเดินที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ ?
 ถ้าอย่างนั้นแค่สู้กันในหัวตั้งแต่แรกก็พอ
 ต่อให้ไม่ต้องวางหมากเล่นจริง ฉันก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถจินตนาการถึงตาเดินทั้งหมดของคู่ต่อสู้ทุกคนจนชนะได้นะ」

「พูดอะไรของเธอน่ะ~
 ถ้าแค่สู้กันแค่ในหัว ยังไงก็ต้องคิดว่าตัวเองชนะอยู่แล้วนี่นา---」



เรย์มุสูญเสียความมุ่งมั่นในการต่อสู้(โต้แย้ง)และหลงประเด็นไปแล้ว
ทั้งๆที่ฉันคนนี้อุตส่าห์คิดจะสอนว่า 『ทำไมถึงเกิดเหตุดอกไม้วิปลาสขึ้นทุกๆ 60 ปี』 ขึ้นมาแล้วแท้ๆ



「ว่าแต่ 『เธอ』 ล่ะ ? ตอนนี้เกนโซวเคียวมีดอกไม้เต็มไปหมดเลยน้า
 ทำไมถึงเป็นแบบนี้เหรอ ?」

「เธอคงไม่ได้ถามเพราะไม่รู้จริงๆใช่มั้ย ? ยูยูโกะ」

「อื้ม
 ไม่รู้สัก 1 ใน 10 ได้」

「ตายจริง แสดงว่าไม่รู้จริงๆเลยนะนั่น
 ยังจำเรื่องเมื่อ 60 ปีก่อนได้รึเปล่า ?」
(ปกติแล้วยูยูโกะเป็นตัวละครที่รู้ดีทุกเรื่อง การที่เธอบอกว่าไม่รู้ แม้จะเพียงน้อยนิด ก็เลยแสดงว่าเธอไม่รู้จริงๆ)

「มื้อเย็นเมื่อวานกินอะไรเข้าไปยังนึกไม่ออกเลยน้า」

「เมื่อวานกับ 60 ปี ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนี่ ?
 อ้าว เมื่อวานก็นึกไม่ออกเหรอ
 ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้นะ」

「แล้วเมื่อ 60 ปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ?」

「เมื่อ 60 ปีก่อนก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นน่ะ」

「งั้นเหรอ ? นึกไม่ออกเลยน้า」

ใช่แล้ว ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าความทรงจำช่วง 60 ปีก่อนกำลังหายไปเรื่อยๆ

「ทำไมถึงต้องเกิดเหตุดอกไม้วิปลาสซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุก 60 ปีด้วยนะ......」 ฉันพูดพลางพยายามนึกอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทำไมกันนะ ?
เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนงั้นเหรอ ?
ฉันพยายามรื้อฟื้นความทรงจำช่วง 60 ปีก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยนิด
1 ครั้งในรอบ 60 ปี......

「60 ปีก่อนงั้นสิน้า......
 จริงสิ !
 เมื่อ 60 ปีก่อนนั่นลำบากแทบแย่เลย
 โลกวิญญาณถูกยูวเรย์(ผี)จำนวนมากกว่าปกติหลายหมื่นเท่าจนนับไม่ถ้วนเข้ายึดครองน่ะน้า
 ตอนนั้นดอกไม้บานรึเปล่านะ ?
 ความทรงจำมันเลือนลางนิดหน่อย......แต่จะว่าไป ปริมาณยูวเรย์ในปีนี้ก็เยอะเหมือนกันนะ」



ใช่แล้ว......ในที่สุดก็นึกออกแล้ว
ว่าทำไมถึงต้องเกิดเหตุดอกไม้วิปลาสทุก 60 ปี !
และนึกออกแล้วว่าทำไมถึงลืมเลือนมันไป



「60 ปี
 มันคือรอบปีที่ธาตุทั้งหมดในธรรมชาติของเกนโซวเคียวเวียนมาบรรจบกัน
 แต่สอนให้ยูยูโกะซึ่งลืมกระทั่งว่ามื้อเย็นเมื่อวานทานอะไรเข้าไปก็คงจะเปล่าประโยชน์ล่ะมั้ง」
ฉันรีบพูดด้วยความเร็วเพราะอยากจะเล่าออกมาให้หมดก่อนที่จะลืมไปจนสิ้น

พอลองนึกดูก็พบว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย
เพราะงั้นจึงลืมไปจนหมดสิ้น
ความรู้ที่ผิดไปจากสามัญสำนึกปกตินั้นมักจะถูกลืมไปในทันที
ยิ่งเป็นความรู้ที่ไม่น่าสนใจแบบนี้ก็ยิ่งไม่น่าจะจำได้นานถึง 60 ปี

ฉันมองไปที่เรย์มุ
เธอกำลังนั่งอึ้งอยู่ที่โคนต้นซากุระโดยไม่สนใจการสนทนาอันเร่าร้อนของพวกฉันแล้ว
ซากุระม่วงในตอนนี้ไม่ใช่ต้นซากุระธรรมดา แต่เป็นซากุระที่เบ่งบานด้วยความรู้สึกผิดบาป
ด้วยเหตุนี้ การมาเอ้อระเหยลอยชายที่นี่จึงเป็นอันตรายนิดหน่อยล่ะมั้ง ?
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรย์มุก็เป็นเหมือนกรรมตามสนองแล้ว จึงปล่อยเธอไว้อย่างนั้น



「ธรรมชาติของเกนโซวเคียวนั้นประกอบด้วยธาตุที่ไม่อาจแทรกแซงได้จำนวน 3 สาย
 และเมื่อทั้งสามสายมาบรรจบกันก็จะสามารถอธิบายธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวงได้」

「งั้นเหรอ ? แล้วสามสายของธรรมชาตินี่คืออะไรล่ะ ? ซากุระ โมจิซากุระ กับโมจิต้นโอ๊ก งั้นเหรอ ?」

「น่าเสียดายนะ
 แต่ว่าสามสายที่ว่าน่ะ สายหนึ่งคือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว
 พระอาทิตย์มีมนต์เสน่ห์ในการดึงดูดผู้คนและมีความหยิ่งยโสจนทำให้พระจันทร์กับดวงดาวต้องหายตัวไป
 พระจันทร์สามารถเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองได้โดยการแหว่ง ซึ่งแสดงถึงการปรับตัวเข้าหาผู้อื่นและความไม่เด็ดขาด
 ส่วนดวงดาวนั้นมีตั้งแต่ดาวเหนือที่ไม่เคลื่อนไหว ดาวเคราะห์ที่เคลื่อนไหวอย่างสับสน ดาวตกที่โผล่มาให้เห็นหน้าแค่แวบเดียว
 ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายและการไม่ปรับตัวเข้าหากัน
 พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว สามสิ่งนี้เรียกรวมกันว่า 『สามจิต』 เป็นหนึ่งในสายของธาตุที่แสดงถึงคุณลักษณะของธรรมชาติ」

「เห~
 ท่าทางจะต้องคุยกันยาวแฮะ นั่งดีมั้ย ?」

「ไม่ได้นะ
 ถ้าไม่รีบเล่าให้จบ มันจะหายไปจากความทรงจำของฉันเสียก่อนน่ะสิ」

「น่าเสียดายนะ ฉันนั่งแล้วล่ะ
 เอ้า ต่อได้เลยจ้า
 อีกสองสายที่เหลือคืออะไรเหรอ ?」

「ถัดจากสามจิตก็คือ 『สี่ฤดู』 ที่คุ้นเคยกันดีน่ะ ได้แก่...
 ฤดูใบไม้ผลิที่สื่อความหมายถึงการกำเนิด ฤดูร้อนที่สื่อความหมายถึงการเติบโต
 ฤดูใบไม้ร่วงที่สื่อความหมายถึงผลลัพธ์และการเสื่อมถอย ฤดูหนาวที่สื่อความหมายถึงความตาย
 สี่ฤดูจึงเป็นสายหนึ่งของธาตุที่สื่อความหมายถึงกระแสของชีวิตนั่นเอง
 เรื่องแค่นี้ยูยูโกะน่าจะเข้าใจนะ」

「แอ่นแอ๊น--- โมจิซากุระ---
 มันวางอยู่ในตู้กับข้าวที่บ้านก็เลยแอบหยิบมาน่ะ」

「ใช่แล้ว
 และธาตุสุดท้ายก็คือ ธาตุของสสาร
 ไฟที่ร้อนแรงแต่ไร้ลักษณ์
 น้ำที่ชำระล้างทุกสิ่งสู่ความว่างเปล่า
 ไม้ที่อ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง
 ทองที่เงียบงันและเย็นยะเยือก
 และดินแห่งการเกิดใหม่ซึ่งเป็นปลายทางของสรรพสิ่ง
 ห้าธาตุนี้ล่ะคือสายสุดท้ายของธาตุทั้งสามสาย」

「อ๊า เสร็จกัน
 ลืมเอาน้ำชามาเสียได้」

「สามสายนี้แสดงถึง คุณลักษณะ ชีวิต และสสาร เมื่อผนวกเข้าด้วยกันก็จะสามารถแสดงถึงธรรมชาติทั้งมวลได้
 และตัวเลขที่เกิดจากการผนวกกันนั้น......ตัวเลขที่ทำให้เกิดการบรรจบของ สามจิต สี่ฤดู และห้าธาตุ... มันก็คือ 60 นั่นเอง」

「สมกับเป็นเธอเลยนะ
 เก่งคณิตศาสตร์จริงๆน้า」

「คูณเลขแค่นี้ไม่ว่าใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ? หรือว่ามันยากสำหรับยูยูโกะ ?」

「ยากสิ~」

「อ๊ะ ยังเล่าไม่จบนะ
 ธรรมชาติจะเวียนตามลำดับในแต่ละสายเพื่อให้เกิดความสมดุล
 กล่าวคือธาตุจะเปลี่ยนไปทุกปี ประมาณว่า ตะวัน จันทรา ดารา ตะวัน จันทรา ดารา......อะไรทำนองนั้น
 อีกสองสายก็เปลี่ยนไปทุกปีเช่นกัน คือ ผลิ ร้อน ร่วง หนาว...... ไฟ น้ำ ไม้ ทอง ดิน......
 เช่นนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?
 มันก็จะบรรจบครบรอบทุกๆ 60 ปีไงล่ะ」

「แล้วไงเหรอ ?
 ทำไมดอกไม้ถึงบานทุกๆ 60 ปีล่ะ ?」

「ปีนี้เป็นปีที่ พระอาทิตย์ ฤดูใบไม้ผลิ และธาตุดิน มาบรรจบกันไงล่ะ
 ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบ 60 ปีเท่านั้น
 และมันก็สื่อความหมายถึง การกำเนิดใหม่ของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง」



พอเล่ามาถึงตรงนี้ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของปราณขนาดใหญ่
ซากุระม่วงที่อยู่ตรงหน้ากำลังร่วงโรยด้วยความหวาดกลัว
เรย์มุซึ่งไม่ได้ฟังฉันเลยสักนิดคงรู้สึกถึงปราณขนาดใหญ่นี้เช่นกันล่ะมั้ง เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วตรวจตราโดยรอบ



「ยูยูโกะ
 ปราณนี้เป็นปราณของท่านผู้นั้นนะ」 ฉันกระซิบที่ข้างหูของยูยูโกะ

「ท่านผู้นั้น ? อืม--- ใครกันน้า
 แต่รู้สึกเหมือนจะเข้าใจอย่างบอกไม่ถูก」

「ต้องมาดูซากุระม่วงบาปหนาพวกนี้แน่เลย
 พวกเราไม่อาจขัดขืนท่านผู้นั้นได้ รีบถอยทัพไปจากที่นี่จะดีกว่านะ ?」

「ฉันคิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะว่า "ซากุระม่วง(紫)" เนี่ย มันคล้ายกับคำว่า "ซากุระของเธอ" จนน่าสนุกเลยล่ะ~
 กลายเป็นเธอบอกว่าตัวเองบาปหนาซะงั้น
 เนอะ ยูคาริ(紫)」

「แหม เสียมารยาทนะ ฉันไม่เลวร้ายขนาดซากุระม่วงหรอก」



พูดจบก็ใช้หางตามองเรย์มุที่กำลังเฝ้าระวังโดยรอบ แล้วยูยูโกะกับตัวฉันผู้เฉลียวฉลาดก็ผละจากเนินไร้ญาติมา



            (ไปต่อที่ Extra ของตัวเกมภาค 9... ล่ะมั้ง)





Tips :
- การที่ซาคุยะไม่รู้เรื่องเหตุวิปลาส อาจเป็นไปได้ว่าเธอเพิ่งเข้ามาในเกนโซวเคียวได้ไม่ถึง 60 ปี
- ได้ข้อมูลยืนยันแล้วว่าโยวมุอายุน้อยกว่า 60 ปี
- 『ผู้ที่เหมาะสม』 น่าจะหมายถึง รินโนะสุเกะ
- ไม่อาจขัดขืน ในที่นี้เป็นไปในลักษณะของการโต้แย้งแล้วไม่น่าจะชนะ หรือลูกที่ไม่อาจขัดคำสั่งพ่อแม่ มิได้หมายถึงสู้ด้วยแล้วจะแพ้แต่อย่างใด
- คำว่าสีม่วง 紫 (มุราซาคิ) เขียนเหมือนชื่อของยูคาริ (紫) ก็เลยโดนยูยูโกะแซวเข้าให้





PS. ปัจจุบันการหาซื้อหนังสือเล่มนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่อาจยังมีหนังสือเล่มนี้หลงเหลืออยู่ในร้านค้าบางร้าน หากโชคดีคงได้มาครอบครอง
หรือดาวน์โหลดได้ที่ ลิงค์นี้
PS. ตัวอักษรสีเขียวที่มักอยู่ในวงเล็บนั้น เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้แปล (เซเบอร์คุง) เอง จึงเรียนไว้ให้ทราบโดยทั่วกัน
PS. ข้อความทั้งหลายทั้งมวลที่อยู่ภายใต้หัวข้อ Tips นั้น เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้แปล (เซเบอร์คุง) เอง จึงเรียนไว้ให้ทราบโดยทั่วกัน



.........................................................................................................................................................................................