東方永夜抄 ~ Imperishable Night.
โทวโฮวเอย์ยะโชว (บทสรุปราตรีนิรันดร์แห่งตะวันออก) ~ ราตรีที่ไม่สิ้นสุด
.........................................................................................................................................................................................
人妖弾幕幻夜 นินโยวดันมาคุเกนยะ (ค่ำคืนมายาห่ากระสุนมนุษย์ภูต)
東方永夜抄 ~ Imperishable Night.
--------------------------------------------------------------------------------
-0-
การสิ้นสุดของฤดูร้อน คือเรื่องราวของช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนเสียงจั๊กจั่นร้องเป็นเสียงจิ้งหรีดร้อง
เมื่อถึงยามราตรี ความร้อนของเกนโซวเคียวแห่งนี้ก็มลายสิ้นไป เป็นฤดูกาลที่แสนสบายกายสำหรับทุกคน ทั้งมนุษย์และโยวไค
ช่างแสนสงบสุขเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
อย่างน้อย... พวกมนุษย์ก็เห็นเป็นเช่นนั้น
東方永夜抄 ~ Imperishable Night.
-1-
ที่นี่คือ เรือนไม้แบบโบราณที่ตั้งอยู่ ณ พรมแดนเกนโซวเคียว
รูปลักษณ์ของมันทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นมา และบรรยากาศที่ไม่ต้อนรับการมาเยือนของแขกคนใด
ไม่รู้เหตุใด ในบ้านหลังนี้จึงมีเครื่องมือที่เชื่อกันว่าเป็นของจากโลกมนุษย์อยู่มากมายหลายชิ้น
ทั้งเครื่องจักรที่ไม่ทราบว่ามีประโยชน์อันใด หนังสือหรือนิตยสารอ่านแล้วไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ภายใน
กล่องเหล็กที่เชื่อกันว่าใช้รับสัญญาณภาพจากโลกภายนอกก็กลายเป็นแค่ภาชนะบรรจุพลังวิญญาณ
"สิ่งที่สะท้อนภาพรูปร่างของมนุษย์นั้นจะถูกสิ่งสู่โดยวิญญาณได้ง่ายน่ะนะ"... เธอสอนภูตรับใช้ของตนเอง
โยวไคแห่งอาณาเขต 『ยาคุโมะ ยูคาริ』 อาศัยอยู่ที่นี่
เธอรู้สึกตัวได้ถึงเหตุวิปลาสอันแสนจิ๊บจ๊อยของเกนโซวเคียว เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้เธอนอนไม่หลับเลย แม้แต่ในเวลากลางวัน
แม้ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของศัตรูได้แน่ชัด แต่เธอก็สามารถจินตภาพได้ว่า คนที่สามารถทำเรื่อง『แบบนี้』ได้จะต้องแข็งแกร่งเอาการเลยทีเดียว
แต่ทว่า, สำหรับตัวเธอที่ปกติแล้วแทบจะไม่ออกเดินทางไปไหนเลยนั้น มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสุดๆที่จะต้องทำอะไรด้วยตัวเอง
「จริงสิ ไปโยนให้『ยัยนั่น』จัดการดีกว่า ถ้า『ยัยนั่น』ยอมลงมือล่ะก็เยี่ยมเลย」
ด้วยประการละฉะนี้แล ยูคาริจึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ ณ พรมแดนเกนโซวเคียวเหมือนกัน
ที่นั่นมีมนุษย์อยู่คนหนึ่งที่เธอรู้จัก
มนุษย์คนนั้นน่าจะกำลังเบื่อเพราะเป็นคนที่เย็นใจไร้กังวลเสมอ
ไม่ว่างานแบบไหนก็ต้องรับทำเป็นแน่แท้
-2-
ฉุนกลิ่นลางร้าย
ว่ากันว่าป่าแห่งนี้กินคน จึงเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไม่เฉียดเข้ามาใกล้เท่าใดนัก
บรรยากาศอบอวลด้วยปราณภูตที่ไม่น่าโสภาอยู่เสมอ
ป่าเวทมนตร์ ..... ป่าที่เหล่ามารในเกนโซวเคียวมารวมตัวกันโดยมิต้องนัดหมาย
ในป่านั้นมีบ้านหลังน้อยๆอยู่หลังหนึ่งที่รวบรวมวัตถุขนาดเล็กซึ่งมีรูปร่างเหมือนคนเอาไว้
วัตถุซึ่งมีรูปร่างเหมือนคนและขนาดเล็กกว่ามนุษย์เป็นเท่าตัว
ผู้เชิดตุ๊กตาเจ็ดสี 『อลิส มาร์กาทรอยด์』 กำลังอ่านหนังสืออยู่ท่ามกลางภูเขาตุ๊กตา
「ทำไมยัยมนุษย์พวกนั้นไม่รู้สึกถึงเหตุวิปลาสที่รุนแรงอย่างนี้นะ」
「เนอะ ?」
หากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปก็จะไม่สามารถสนุกกับ "สิ่งนั้น" เหมือนทุกทีได้
ในเมื่อทุกคนไม่สนใจเหตุวิปลาสที่เกิดขึ้น เธอจึงลองออกเดินทางไปตามหาสาเหตุด้วยตนเองดู
แม้ว่าปกติแล้วเธอแทบจะไม่ออกเดินทางไปไหนเลยก็ตาม
ไม่สิ แค่ คิดจะลอง เท่านั้นล่ะ
「ยุ่งยากชะมัดเลยน้า... ทั้งๆที่『ยัยพวกนั้น』คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี น่าจะออกมาจัดการกันเองแท้ๆ」
「อ๊ะ จริงด้วย จริงด้วย」
เป้าหมายของศัตรูก็ไม่ทราบแน่ชัด จึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มยังไงดี
คิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของมนุษย์ที่อาศัยในป่าเช่นเดียวกับตน
เธอมีหนังสือในมืออยู่หลายเล่ม... ...
มันคือ กริมมัวร์, หนังสือที่มนุษย์หามาครอบครองได้ยาก
ด้วยของสิ่งนี้ ... มนุษย์คนนั้นไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอ
-3-
「ซาคุยะ~ อยู่ไหน~?」
ที่นี่คือคฤหาสน์สไตล์ตะวันตกสีแดงฉานที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ
วันนี้ก็ยังคงแว่วเสียงเอะอะโวยวายเฉกเช่นทุกวัน
ทะเลสาบสีขาว ป่าสีเขียว และมีคฤหาสน์สีแดงตั้งตระหง่านอยู่
ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นการจับกลุ่มที่แสนแสบตา แต่ก็แลดูสงบอย่างน่าประหลาด
ลือกันว่าคฤหาสน์มารแดงแห่งนี้หยุดเวลาเอาไว้ ..... และนี่มิใช่การเปรียบเปรยแต่อย่างใด
ผีดูดเลือด 『เรมิเลีย สคาร์เลท』 กำลังตามหาเมดประจำตัวของเธอ
「"ไอ้นั่น"ที่ฝากให้จัดการน่ะ เรียบร้อยรึยัง ?」
「ที่สั่งมานั่นก็... ต้องขออภัยจริงๆค่ะ แต่ว่าดิฉันไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลย... ...」
ทำยังไงก็สื่อสารกับมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าไม่เข้าใจกันเสียที
「พอกันที ! ฉันจะไปเอง เพราะงั้นเรื่องที่บ้านนี่ซาคุยะก็...
ช่างเถอะ, ทำตามใจชอบละกัน」
ชัดเจนว่า มิได้สั่งให้เฝ้าบ้าน
เมดสาวจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากติดตามไปด้วยในฐานะเครื่องรางคุ้มภัย
"ตัวคนเดียวเจอพระอาทิตย์ขึ้นก็ไร้น้ำยาแท้ๆ"... เธอคิดในใจ
"ออกจะสงบสุขอย่างนี้ ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย เดี๋ยวพอเทียวไปเทียวมาจนเหนื่อยก็กลับมาเอง"... เมดสาวคิดเบาๆในใจ
แน่นอนว่าไม่ปล่อยให้หลุดออกมาจากปากแน่
-4-
แม้แต่ในเกนโซวเคียวก็คงไม่มีที่ใดจะเงียบสงบได้เท่าที่นี่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอ้างว้างว่างเปล่า หากแต่เป็นความเงียบสงบที่เหมือนกับวิญญาณกำลังพักผ่อน อะไรทำนองนั้น
ไร้ซึ่งเสียงของคนหยาบคาย ได้ยินแต่เสียงของสายลมอันแสนสดชื่นสบายใจในธรรมชาติอันแสนอุดมเท่านั้น
โลกวิญญาณ ... ถิ่นอาศัยของผู้ตาย
ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งมนุษย์ผู้มีชีวิตชีวา หากแต่เหล่าวิญญาณนั้นใช้ชีวิตในฐานะวิญญาณกันอย่างเริงร่า
「ท่านยูยูโกะไม่รู้สึกตัวหรืออย่างไรกันนะ ?」
สถานที่กว้างซึ่งสวยงามโดดเด่นที่สุดในดินแดนที่เงียบงันแห่งนี้ ... ตำหนักหยกขาว
คนสวน 『คอนปาคุ โยวมุ』 กำลังลังเลว่าจะแจ้งเรื่องเหตุวิปลาสแก่คุณหนูดีหรือไม่
ในตอนนั้นเอง, คุณหนูก็ตรงมาทางนี้พอดี... จังหวะเหมาะทีเดียว
「เอ่อ, ท่านยูยูโกะ ... ...」
「โยวมุ "สิ่งนั้น"ยังเป็นเช่นนั้นอยู่อีกหรือ ?」
「เอ๋ ?... ..."สิ่งนั้น" ... มันคืออะไรเหรอคะ ?」
「ตายจริง, ไม่รู้สึกตัวหรอกรึ ?
เพราะอย่างนี้ถึงได้ถูกเหน็บแนมว่าเป็นคนสวนความรู้สึกช้าน่ะสิ」
ถึงจะจำไม่ได้ว่าโดนเหน็บแนมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนคุณหนูจะรู้สึกตัวถึงเหตุวิปลาสแล้ว
「หมายถึงเรื่องของ『พระจันทร์』สินะคะ ? ดิฉันรู้สึกตัวแล้วล่ะค่ะ~
ก็จู่ๆท่านพูดว่า"สิ่งนั้น" ดิฉันก็เลย... ...」
「ดูเหมือนจะไม่มีใครเคลื่อนไหวเลยนะ, โยวมุ, ลองไปดูมั้ย ?」
「เอ๋ ? ทำไมล่ะคะ」
「ล้อเล่นน่ะ โยวมุน่ะยังวางใจไม่ได้หรอก
พวกมนุษย์ที่เจอเมื่อคราวก่อนยังดีซะกว่า... ...เอาล่ะ ฉันจะไปเอง」
「โธ่~ อย่าพูดแกล้งกันอย่างนี้สิคะ~ ... ดิฉันจะไปด้วยค่า~」
「ที่ว่าวางใจไม่ได้นี่ฉันพูดจริงนะ」
สาวน้อยวิญญาณแห่งตระกูลไซเกียวจิ 『ไซเกียวจิ ยูยูโกะ』 กล่าวเหน็บแนมโยวมุ
「แล้ว, คุณหนูมีจุดหมายที่จะไปแล้วหรือคะ ?」
「แน่นอน มีเพียบเลยล่ะ. แต่เอาน่ะ บินไปแถวๆนั้นแล้วสอยให้เรียบ เดี๋ยวก็เจอเข้าจนได้ล่ะ」
「อย่างนั้นก็ไม่ไหวน่ะคะ
ท่านยูยูโกะน่ะเอาแต่พึ่งพาพลังแล้วไม่ยอมเล็งให้ดีๆ ถึงได้เสียเวลาไงล่ะคะ
ต้องโจมตีให้เข้าเป้ามากขึ้นกว่านี้นะคะ... แบบนี้ค่ะ... ...」
「โยวมุ ข้างหลังมีช่องว่างนะ」
ยูยูโกะนั้นรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ หากปล่อยให้โยวมุมาคนเดียว ดังนั้นจึงตั้งใจจะลงมือเอง
แต่หากจะต้องประมือกับคนที่สามารถก่อให้เกิดเหตุวิปลาสร้ายแรงขนาดนี้ได้ล่ะก็ ไปกันสองคนก็น่าจะดีกว่า
-5-
สงบสุข
ดูเหมือนสงบสุข
ทว่า เหล่าโยวไคกำลังเดือดร้อน
เหตุวิปลาสนั้นเกิดขึ้นอย่างเงียบๆโดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดกันที่... ...
จันทร์เพ็ญได้หายไปจากยามราตรีของเกนโซวเคียว
แม้แต่ในคืนที่น่าจะเป็นคืนวันเพ็ญ พระจันทร์นั้นก็จะขาดอีกเสี้ยวเพียงนิดเดียวเท่านั้น และไม่กลายเป็นจันทร์เพ็ญที่สมบูรณ์
มนุษย์ธรรมดาจะไม่รู้สึกตัวก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะพระจันทร์ขาดเสี้ยวไปนิดเดียวเท่านั้น
หากแต่สำหรับเหล่าภูตนั้น พระจันทร์ที่ไม่ยอมเต็มดวงก็เหมือนกับพระจันทร์ที่ทำงานไม่สำเร็จลุล่วงนั่นเอง
โดยเฉพาะพวกที่เกลียดแสงอาทิตย์นั้นถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยทีเดียว
มนุษย์จับคู่โยวไค ออกทะยานไปในเกนโซวเคียวยามราตรี
แน่นอนว่าเพื่อออกตามหาเสี้ยวจันทร์ที่หายไป และกอบกู้จันทร์เพ็ญของเกนโซวเคียวกลับคืนมา
ต่อให้ต้องหยุดราตรีไว้จนกว่าจะหาพบ
ต่อให้ต้องกลายเป็นราตรีนิรันดร์
――ฤดูร้อนสิ้นสุดลง... จวนเจียนจะถึงเวลาจันทร์เพ็ญแห่งขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
คู่มนุษย์โยวไค จึงหยุดราตรีเอาไว้
-E-
วัตถุโบราณทรงกระบอกส่องแสงระยิบระยับ
วัตถุทรงกลมขนาดใหญ่แลเห็นอยู่เบื้องหน้า
มณีเม็ดน้อย พลอยส่องแสง วิญญาณใกล้ดับ และลูกแก้วสุดมหึมา
ตัวเธอตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่, ก็คงมองดูวัตถุทรงกลมอยู่กระมัง
ที่แห่งนี้คือสถานที่ซึ่งหยุดเวลาเอาไว้ และมีประวัติศาสตร์ซ้ำไปย้อนมาไม่สิ้นสุด
ตัวเธอเองก็ อยู่ในเกนโซวเคียวแล้วเช่นกัน
--------------------------------------------------------------------------------
Tips :
- ยังคงใช้คำว่า โลกมนุษย์ แทนคำว่า โลกภายนอก เป็นบางครั้ง
- เล่าขานกันมาแต่โบราณว่า พระจันทร์เต็มดวงมีผลทำให้เหล่าปิศาจกล้าแกร่งและคึกคะนองดุร้ายเป็นที่สุด
- ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็น"วันเพ็ญเก็บเกี่ยว" ซึ่งพระจันทร์จะเต็มดวงอย่างสวยงาม
.........................................................................................................................................................................................