CoLA - 021


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


ตอนที่ 21
「เบี้ยเลี้ยงแห่งเทพ」

 

ภูเขาโยวไคมอดไหม้เป็นสีเหลืองอมแดง
อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างกะทันหัน
ใบไม้ที่เกิดความสับสนในชีวิตเนื่องจากปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสี กำลังร่วงโรยเพราะมิอาจทนสายลมอันหนาวเย็นแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้
พระอาทิตย์ตกทางภูเขาโยวไค, เหล่าเทนกุกำลังร่ายรำไปในท้องฟ้าที่ถูกย้อมด้วยสีแดง
ภูเขาโยวไคงดงามที่สุดในช่วงเวลานี้นี่ล่ะ

ว่ากันว่าเดือนสิบเป็นเดือนที่เหล่าเทพไม่อยู่ จึงถูกขนานนามว่า เดือนไร้เทพ
แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เดือนสิบซึ่งงดงามระดับเทพเช่นนี้จะถูกเรียกขานแบบนั้น
จริงๆแล้วต้องเรียกว่าเดือนต้มเหล้าถึงจะถูก เพราะเป็นเดือนที่มีการต้มเหล้าด้วยธัญพืชที่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้



「รู้สึกว่า, จะอารมณ์ดีน่าดูเลยนะ」

「ก็เตรียมตัวทำเหล้าใหม่ของปีนี้อยู่นี่นา
 ไม่มีทางอารมณ์เสียอยู่แล้ว」

เรย์มุเข้ามาถามด้วยท่าทีสงสัยว่า, กำลังทำเหล้าอยู่เหรอ ?
แต่ผมตอบไปเพียงว่า, เพราะที่นี่คือร้านโควรินโดวน่ะ

วันนี้พวกเราสามคน มาริสะ เรย์มุ และผม จะดื่มเหล้าพร้อมแกล้มด้วยเห็ดรสฤดูใบไม้ร่วงกันให้เต็มที่
เรย์มุและผมกำลังรอเวลานั้นอยู่
เพราะเห็ดที่เป็นหัวใจสำคัญยังไม่อยู่ที่ร้านแห่งนี้

「เห, ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณรินโนะสุเกะก็กำลังทำเหล้าอยู่ด้วย
 คราวหน้าให้ฉันดื่มบ้างนะ」

เมื่ออากาศหนาวเย็นก็จะรู้สึกได้ถึงความอร่อยของเหล้า
ยิ่งถ้าเป็นเหล้าใหม่ที่ผลิตเองกับมือ ก็น่าจะยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก
และเดือนสิบเป็นเดือนแห่งข้าวใหม่ (เดือนที่ทำการเก็บเกี่ยวข้าว)
ดังนั้นก็ต้องทำเหล้าใหม่จากข้าวใหม่เหล่านี้อยู่แล้ว

「แหม่, จะให้เธอดื่มมันก็ได้อยู่หรอก แต่... ...」

「แต่ ?」

「ต้องไม่ดื่มเยอะเกินไปนะ」

เรย์มุกับมาริสะชอบดื่มโดยไม่ลิ้มรสจนน่าเสียดาย
แบบนั้นเหล้าล้ำค่าที่อุตส่าห์ทำขึ้นมาก็จะไม่มีความหมายเลย

「ไม่ดื่มมากขนาดนั้นหรอก
 ถ้ามันไม่อร่อยน่ะนะ」

「ไม่หรอก, ต้องอร่อยสิ」

「งั้นก็คงดื่มเต็มที่ล่ะมั้งนะ」

อันที่จริงผมไม่ได้ทำเหล้าขึ้นมาเพียงเพราะว่าอยากดื่มเท่านั้น
เหล้าเริ่มต้นจากข้าวที่เป็นวัตถุดิบ, แล้วตอนไหนที่กลายเป็นเหล้างั้นเหรอ
หากเป็นตัวผมที่มีความสามารถในการรู้ชื่อของวัตถุ ก็คงจะคลี่คลายข้อสงสัยนั้นได้
ผมคิดเช่นนั้นขึ้นมาในทันทีทันใด

ประวัติศาสตร์การดื่มเหล้าของคนญี่ปุ่นนั้น
ถูกจารึกไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของแผ่นดินใหญ่ยุคโบราณประมาณหนึ่งพันกับอีกหลายร้อยปีว่า 「ชอบดื่มเหล้าโดยสันดาน」
ซึ่งตอนนั้นประเทศญี่ปุ่นได้มีวิทยาการหมักเหล้าอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองแล้ว

เหล้าข้าวที่คนญี่ปุ่นให้กำเนิดขึ้นมานั้น มีกลิ่นหอมติดจมูก ไร้ตะกอนนอนก้น และมีรสชาติที่ถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดี
จัดได้ว่าเป็นเหล้าชั้นสูงในบรรดาเหล้าที่มีอยู่มากมายหลากหลายชนิด
รสชาติเลิศล้ำเข้ากับอาหารทั้งหลายทั้งปวงเฉกเช่นข้าวขาว, จนเป็นสิ่งที่มิอาจขาดได้บนโต๊ะอาหาร

「หมักเหล้าในร้านนี้เนี่ยน้า
 ในสถานที่ซึ่งมีเทพเจ้ามากหน้าหลายตาขนาดนี้อาศัยอยู่เนี่ยน้า
 จะทำออกมาได้อร่อยเหรอ ?」
(สืบเนื่องจากในภาค 8 เอย์รินเคยบอกว่า ความสามารถในการหมักดองน่ะ คือพลังของเทพเจ้า)

ดูจากวิธีการพูด แสดงว่าเรย์มุมีความรู้เกี่ยวกับเหล้าอย่างลึกซึ้ง

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะเหล้ามีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าอย่างแนบแน่น
แต่เดิม มิโกะเคยมีงานที่จะต้องทำการดื่มเหล้าด้วยซ้ำ
ดื่มเหล้าให้สภาพจิตใจเข้าสู่ภาวะผิดปกติ เพื่อให้สามารถทำการติดต่อกับโลกของเทพเจ้าได้
หลักฐานก็คือเทพเจ้าแห่งเหล้าถูกเรียกขานว่า 「เทพแห่งคุชิ (くし)」
ซึ่งคำว่า 「คุชิ」 พ้องเสียงกับ 「คุชิ (奇し)」 ที่แปลว่า ผิดเพี้ยน กล่าวคือเป็นการบ่งชี้ถึง การดื่มเหล้าจนเพี้ยน นั่นเอง

เหล้าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในพิธีต่างๆของศาลเจ้า
เหล้าจึงมีความจำเป็นต่ออาชีพมิโกะยิ่งกว่าคนธรรมดา, ด้วยเหตุนี้เหล้าส่วนใหญ่ในสมัยก่อนจึงถูกหมักขึ้นที่ศาลเจ้า
แม้จะไม่ค่อยได้ยินว่ามีการทำเหล้าที่ศาลเจ้าฮาคุเรย์ในสมัยนี้ แต่ถ้าดูจากวิธีการพูดของเรย์มุก็ไม่แปลกเลยที่จะยังคงมีการทำเหล้าอยู่
สาเหตุก็เพราะศาลเจ้ามักจะถูกเติมเต็มด้วยเหล้าเทวะที่มากด้วยปริศนาอยู่เสมอ
(นัยถึงเหตุการณ์ในภาคสามภูตฯภาค 3 ที่มีขวดเหล้าจากที่ไหนไม่รู้ โผล่มาตั้งอยู่บนหิ้งอย่างน่าอัศจรรย์)

「แล้ว, เริ่มทำเหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ?」

「เพิ่งเริ่มทำปีนี้นี่แหละ」

เรย์มุทำหน้าประหลาดใจ

「แหงะ, เล่นง่ายแบบนั้น เทพเจ้าไม่ยอมต้มเหล้าให้หรอกนะ
 ขั้นแรกสุดน่าจะต้องได้ของเหลวชั้นเลิศออกมาก่อน
 จากนั้นหากไม่ดื่มเยอะเกินไปก็น่าจะเสร็จสิ้นล่ะมั้ง」

นึกแล้วว่าจะต้องทำหน้าอย่างนั้นใส่ผม

「เอาน่า
 ปล่อยไว้หลายๆปีมันก็คงกลายเป็นของชั้นดีได้เอง
 ต่อให้รู้ว่าจะต้องผิดพลาด แต่ถ้าไม่เริ่มต้นก็ไม่มีทางก้าวหน้านะ」





―――กริ๊งกริ๊ง

「มัทสึทาเคะหอมฉุย, คาคิชิเมจิ ♪
 เข้าฤดูใบไม้ร่วงเต็มที่แล้วก็เลยไปเก็บเห็ดมาแล้วว้อย」

「คาคิชิเมจิมันเป็นเห็ดพิษนะ」

「อย่าไปใส่ใจเรื่องหยุมหยิมน่า
 ย่างเห็ดแล้วดื่มเหล้ากันเหอะ
 เรย์มุก็มาถึงแล้วด้วย」

อาหารจานหลักของเย็นนี้มาถึงที่ร้านแล้ว
มาริสะถือหมวกที่มีแต่เห็ดเต็มไปหมดเข้ามาในร้าน ท่าทางจะอารมณ์ดีและอยากดื่มเหล้าเต็มทีแล้ว

「อืม เข้าใจแล้ว
 อีกนิดเดียวก็จะเตรียมของเสร็จแล้วล่ะ ไปล้างเห็ดเถอะ」

「เตรียมของที่ว่าเนี่ย เตรียมอะไรเหรอ ?」

มาริสะถามเพราะแค่อยากจะถามเท่านั้นเอง ไม่ได้สนใจว่าคำตอบจะเป็นยังไง แล้วก็เข้าไปคัดเลือกเห็ด

「คุณรินโนะสุเกะบอกว่าเริ่มทำเหล้าแล้วน่ะ」

มาริสะพูดว่า เห งั้นเหรอ โดยไม่แสดงอาการตกใจให้เห็น แล้วพูดเรื่องที่ใครๆก็รู้ดีว่า 「หมักเหล้าตอนนี้ก็ไม่ทันดื่มเย็นนี้หรอก」

「แหงอยู่แล้วล่ะ
 ในร้านยังมีแค่ของที่จะกลายเป็นเหล้าในอนาคตเท่านั้น
 ถ้าอยากดื่มเหล้าก็ไปหามาเองสิ
 ที่ศาลเจ้ามีเหล้าอยู่เพียบเลยไม่ใช่เหรอ ?」

「ถ้าเป็นเรื่องเหล้าล่ะก็ ไม่ต้องห่วง
 นึกแล้วว่าอาจจะมีเรื่องแบบนี้ ก็เลยเอามาแล้วว้อย」

เฉพาะเรื่องของตัวเองเท่านั้นที่ไม่เคยพลาด
มาริสะดึงขวดเหล้าขนาดหนึ่งโชวออกมาจากใต้กองภูเขาเห็ด (1 โชว = 1.8 ลิตร)
เรย์มุพูดด้วยท่าทีตกใจว่า 「อ๊ะ, เหล้านั่นมัน... ...」

「อ้อ, เห็นมันประดับไว้ที่ศาลเจ้าก็เลยเอามาน่ะ」

「ที่จริงเหล้านั่นมันยังเร็วเกินไปนะ... ...」

เรย์มุพูดออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ แต่เพียงพริบตาก็แสดงสีหน้าที่ดูแล้วเหมือนอยากจะพูดว่า จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ออกมา

「งั้นเหรอ, โควรินเองก็เริ่มทำเหล้าแล้วเหรอ
 จะว่าไปเมื่อก่อนฉันก็เคยพยายามทำเหล้าด้วยตัวเองเหมือนกันนะ」

「เห, เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนั้นเป็นครั้งแรกนะ
 แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จใช่มั้ยล่ะ ?」

「เห, เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกแฮะ
 สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จล่ะสิ ?」

「ผิดพลาดอย่างแรงเลยล่ะ」 มาริสะหัวเราะเบาๆแล้วเอามือตบหัวตัวเอง
เธอยังคงอารมณ์ดีทั้งที่กำลังเล่าเรื่องความผิดพลาดของตัวเอง
คงเพราะมันเป็นอดีตที่จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ สำหรับเธอล่ะมั้ง

「ตอนนั้นคิดว่าถ้าหากทั้งข้าวและผลไม้สามารถใช้ทำเหล้าได้, เห็ดก็น่าจะทำได้, เลยลองทำเหล้าเห็ดกลั่นดูน่ะ
 สุดท้ายก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้」

ถึงจะไม่เข้าใจหลักการของเธอ แต่มาริสะนั้นชำนาญเรื่องแนวคิดแบบเส้นตรง
แม้แต่เรื่องเวทมนตร์, เธอก็พยายามทำลายสามัญสำนึกของเวทมนตร์โดยการใช้หลักการแบบเดียวกันนั้น
มีแต่เธอนี่แหละที่พยายามใส่พลังที่ไม่ได้ถูกระบุว่าอยู่ในธาตุใด ลงไปในเวทมนตร์ซึ่งประกอบขึ้นจากห้าธาตุเท่านั้น
แต่บางทีก็ทำให้เกิดเวทมนตร์ที่แม้แต่โยวไคยังต้องตื่นตะลึงได้เหมือนกัน

ว่าแต่, เหล้าเห็ดกลั่นมันเป็นยังไงหว่า

「กลั่นไปซึ่งๆหน้าเลยน่ะ」

「แล้วเรื่องใหญ่ที่ว่าคืออะไรล่ะ ?」

「มีเห็ดอะไรก็ไม่รู้งอกขึ้นมาน่ะสิ」



เรย์มุหัวเราะให้กับความผิดพลาดอันแสนงี่เง่าของมาริสะ

「เหล้าเนี่ย
 ไม่ใช่ว่าจะทำจากอะไรที่ไหนก็ได้นะ
 เทพเจ้าสามารถทำให้ของถวายกลายเป็นเหล้าในแบบที่ตนเองชอบได้
 เงื่อนไขแรกคือสถานที่หมักเหล้าจะต้องเป็นสถานที่สิงสถิตของเทพเจ้า, ไม่งั้นก็ทำเหล้าไม่ได้
 จากนั้นก็, เป็นเรื่องที่ต้องการความเชี่ยวชาญมากขึ้นไปอีกน่ะนะ... ...」



เรื่องที่เรย์มุเล่า ค่อยๆเปลี่ยนจากเทววิทยาไปสู่ชีววิทยา
ของต้มเหล้าที่เทพเจ้าโปรดปรานก็คือ น้ำตาล
หากเป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยน้ำตาลตั้งแต่แรก เช่น ผลไม้ ก็จะสามารถใช้ทำเหล้าได้ง่าย
ว่ากันว่าหากโชคดี, แค่ทุบให้เละแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ก็กลายเป็นเหล้าขึ้นมาได้
ในความเป็นจริง มีบางกรณีที่องุ่นหรือสาลี่ซึ่งตกจากต้นไม้ทำการส่งกลิ่นคล้ายเหล้าออกมา ซึ่งจุดนี้แตกต่างจากผลไม้ทั่วไป
เคยเห็นผลไม้ที่สุกจนร่วงลงมาแล้วโดนสัตว์หรือผึ้งรุมล้อมยิ่งกว่าตอนที่อยู่บนต้นไม้ใช่มั้ยล่ะ
นั่นคือการหมักที่ใกล้เคียงกับเหล้า ซึ่งส่งกลิ่นดึงดูดให้สิ่งมีชีวิตเข้ามาใกล้ไงล่ะ

ทว่า, ในการทำเหล้าจากธัญพืชที่มีน้ำตาลน้อยอย่างข้าวที่ใช้ทำเหล้าญี่ปุ่นนั้น
ก่อนอื่นจำเป็นต้องหมักเพื่อเปลี่ยนแป้งที่อยู่ในข้าวให้กลายเป็นน้ำตาลเสียก่อน
นี่เป็นการหมักคนละแบบกับการทำเหล้า แต่ก็เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องทำ
เมื่อแป้งของข้าวแตกตัวก็จะได้น้ำตาล สภาพที่มีน้ำตาลรวมตัวกันเป็นจำนวนมากนี้เรียกว่า ข้าวหมัก
หากทำข้าวหมักได้สำเร็จ ที่เหลือแค่ปล่อยให้เทพเจ้าจัดการเหมือนเหล้าผลไม้(ไวน์)ก็พอ

ด้วยเหตุนี้ การหมักเหล้าญี่ปุ่นจึงต่างกับเหล้าผลไม้ เพราะแค่ปล่อยทิ้งไว้ตามธรรมชาติ มิอาจทำให้เกิดเหล้าขึ้นมาได้
และการใช้เวลากับแรงงานมากขึ้น ทำให้มีความเป็นสินค้าแปรรูปสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเบียร์ ซึ่งสร้างขึ้นจากข้าวสาลีด้วยวิธีการคล้ายกับเหล้าญี่ปุ่นอยู่ด้วย
มันจึงถูกจัดว่าเป็นของพิเศษเช่นกัน

ตอนที่ผมเริ่มทำเหล้าขึ้นมา, ผมศึกษาวิธีการทำเหล้าด้วยตัวเองแล้ว จึงรู้เรื่องส่วนใหญ่ก่อนที่จะถามเรย์มุ
แต่จากรายละเอียดที่เธออธิบายออกมา แสดงว่าแม้แต่ตอนนี้ก็ยังทำเหล้าอยู่ที่ศาลเจ้าสินะ

「สรุปก็คือ จำเป็นต้องมีน้ำตาลในการกลายเป็นเหล้าไงล่ะ
 เห็ดอะไรก็ไม่รู้นั่นคงจะไม่มีน้ำตาลสักเท่าไหร่, ก็เลยใช้ทำเหล้าได้ยากไปหน่อยล่ะมั้ง」

「รู้ดีจังเลยนะ
 แต่หัดศึกษาเพิ่มเติมในฐานะมิโกะซะบ้าง, อย่าเอาแต่ศึกษาเรื่องแบบนั้นสิ」
ถึงมาริสะจะพูดแบบนั้น แต่ตัวผมมั่นใจว่าเรย์มุกำลังทำเหล้าอยู่แน่ๆ จึงยังชวนคุยเรื่องเดิมต่อ

「ไม่หรอก, การรู้ลึกเรื่องวิธีสร้างเหล้ามันเป็นเรื่องจำเป็นอันแสนธรรมดาสำหรับมิโกะนะ
 เพราะว่ามิโกะต้องใช้เหล้าในการสื่อสารกับเทพไงล่ะ
 สมัยก่อนการทำเหล้าที่ศาลเจ้าก็เป็นหนึ่งในงานของมิโกะนะ
 แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง... ...」

ผมเหลือบมองเรย์มุ
ผมคิดว่าถ้าตอนนี้กำลังทำเหล้าอยู่ที่ศาลเจ้า ก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรสักอย่างให้เห็นแน่
แต่ก็ผิดแผนเพราะเรย์มุดันเล่าต่อซะงั้น

「เอาน่า ต่อให้การหมักเหล้าไปได้สวยที่บ้านของมาริสะซึ่งตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์ ก็ไม่น่าจะได้เหล้าที่อร่อยหรอก
 ที่ร้านโควรินโดวนี่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงมั่งน้อ... ...」

เรย์มุทอดสายตามองไปรอบๆ
จริงอยู่ว่าวันนี้ข้าวของรกน่าดู แต่ก็ไม่ได้สกปรกขนาดนั้นสักหน่อย

「จะบอกว่าที่บ้านหลังนี้ไม่มีเทพเจ้าแห่งการต้มเหล้าสถิตอยู่งั้นเหรอ ?」

เรย์มุมองเข้าไปภายในร้าน
ภูตรับใช้ของโลกภายนอก, กล้องถ่ายรูปของเทนกุ, ตะเกียงของยูวเรย์(ผี)... ...
หลังจากมองผ่านๆเสร็จสิ้น เรย์มุก็กล่าวขึ้นมาว่า

「มีเทพเจ้าที่ต้มของอย่างอื่นที่ไม่ใช่เหล้าอยู่เยอะเกินไปน่ะ」



――เห็ดย่างเสร็จแล้ว, กลิ่นหอมเริ่มโชยออกมาแล้ว

นับจากเรย์มุเริ่มบรรยายเกี่ยวกับเหล้าก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว, ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ภูเขาที่ถูกย้อมแดงก็เห็นเป็นเพียงเงาสีดำเท่านั้น
เทพแห่งคุชิและเหล่าโยวไคผู้ชื่นชอบเหล้าต่างหยิบเหล้าที่ตนชอบออกมา
ถึงเวลาแห่งการดื่มโต้รุ่งแล้ว

เมื่อเห็ดที่เหยาะเกลือเล็กน้อยถูกนำไปผ่านไฟ, สปอร์แห่งฤดูใบไม้ร่วงก็คละคลุ้งไปทั่วร้าน
ยิ่งหอมหวนก็ยิ่งดื่มหนัก
เรย์มุและมาริสะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในขณะที่รุมถล่มเห็ดบนตะแกรง
ส่วนผมดื่มเหล้าพร้อมทานเห็ดย่างจนแก้มป่อง พลางจินตนาการถึงวันที่เหล้าของตัวเองทำเสร็จ

เหล้าที่กำลังหมักอยู่นั้น จะกลายเป็นเหล้าที่ขั้นตอนใดกันนะ
แต่ที่จริงผมก็พอจะจินตนาการเองได้แล้วล่ะ

「อ๊ะ, เรย์มุ
 คาคิชิเมจินั่นมีพิษอ่อนๆ อย่ากินจะดีกว่านะ
 ไม่งั้นหลับสนิทแน่」

「ไม่เป็นไรหรอก
 ฉันล้างพิษออกแล้วว้อย」

เรย์มุส่งเสียง อืม--- ออกมาเบาๆได้เพียงไม่นาน มาริสะก็บอกว่า 「ถึงหลับไปก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันดูแลศาลเจ้าให้เอง」
พอได้ยินแบบนั้น เรย์มุก็ใช้ตะเกียบคีบไปทิ้งที่หน้าต่างอย่างเงียบๆ

ที่จริงไม่มีมนุษย์คนใดจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเห็ดที่โตในป่าเวทมนตร์ดีเท่ากับมาริสะอีกแล้ว
เห็ดที่มองเห็นว่าเป็นคาคิชิเมจินั่นก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเห็ดอื่นซึ่งปลอดภัย
คงเป็นเพราะป่ามีพื้นที่ที่โดนแดดน้อยและมีความชื้นสูงล่ะมั้ง, เห็ดที่โตในนั้นจึงมีแต่เห็ดที่ไม่พบในสถานที่อื่น

ผมทานเห็ดที่คล้ายกับโจวเนนโบวเข้าไป พอเคี้ยวได้นิดหน่อยก็ซดเหล้าเข้าปาก
พลังของเหล้าทำให้กลิ่นของเห็ดแล่นพล่านไปทั่วทั้งจมูกและลำคอ, ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
(โจวเนนโบว แปลว่า ภิกษุโจวเนน หมายถึงลวดลายคล้ายภิกษุถือขวดเหล้าซึ่งเกิดจากหิมะบนภูเขาโจวเนนแห่งจังหวัดนากาโนะ)

เหล้าจะกลายเป็นเหล้าที่ขั้นตอนไหนงั้นหรือ

นั่นก็คือชั่วพริบตาที่เอาเข้าปากพร้อมกับอาหารรสเลิศไงล่ะ
ก่อนที่จะถึงขั้นตอนนี้ มันเป็นเพียงของเหลวที่ไม่รู้ว่าเป็นเหล้ารึเปล่าเท่านั้น
เหล้าที่เทพสร้างขึ้นนั้นถูกสร้างในสถานที่ซึ่งมนุษย์มิอาจเอื้อมถึง
สิ่งนั้นคือเหล้างั้นเหรอ, หรือจะเป็นน้ำส้มสายชู, หรืออาจจะเป็นของเหลวอย่างอื่นไปเลยก็เป็นได้
เรื่องนี้คงมีเพียงเทพเท่านั้นที่ทราบ, สมดังชื่อของเหล้านั้น

เหล้าซึ่งเป็นเบี้ยเลี้ยงแห่งเทพนั้นย่อมเลือกผู้ดื่ม
หากต้องการเคารพนับถือเทพแห่งคุชิผู้เป็นเทพแห่งเหล้า, ก็ต้องดื่มเหล้าเท่านั้น
ดื่มให้หนัก เมาให้หนัก นั่นล่ะคือสิ่งสำคัญ

เหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ ล้วนเป็นสินค้าบริโภค ซึ่งเป็นเข็มชั้นดีที่ใช้วัดจิตใจของมนุษย์และโยวไค
ใช้ตรวจดูให้แน่ชัดว่าผู้ที่นิยมชมชอบสินค้าบริโภคเหล่านี้มีความอ่อนไหวทางอารมณ์และความคิดลึกล้ำเพียงไร
ยิ่งเป็นโยวไคที่แข็งแกร่งอย่าง ยักษ์ เทนกุ หรือกัปปะ ก็ยิ่งดื่มเหล้าเก่ง
ผีดูดเลือดดื่มชาแดงทุกวัน ก็มิใช่ว่าเป็นเพราะมันคล้ายกับเลือด
โยวไคที่แข็งแกร่งทุกตนล้วนเป็นผู้ที่นิยมชมชอบในสินค้าบริโภคทั้งสิ้น, มันก็แค่นั้นเอง

「เป็นอะไรไป ? ตะเกียบไม่ขยับเลยนะ
 โดนพิษของโยวเนนโบวนั่นรึไง ?」 มาริสะกล่าวเช่นนั้น

「อะไรล่ะนั่น ? เจ้าโยวเนนโบวที่ว่าน่ะ」

「เห็ดที่โควรินกำลังกินอยู่นั่นไง
 คล้ายกับโจวเนนโบวใช่มั้ยล่ะ ? แต่ว่าขนาดมันต่างกัน อย่างกับโจวเนนโบวในแบบโยวไค ก็เลยตั้งชื่อมันว่า โยวเนนโบว」

สังหรณ์ใจไม่ดีชอบกลแฮะ

「พบได้เฉพาะในป่าเวทมนตร์ แต่กลิ่นหอมดีนะว้อย
 ต้นใหญ่แถมยังอร่อยอีกต่างหาก
 แน่นอนว่า――」

แน่นอนว่าถึงกินเข้าไปก็ไม่เป็นไรล่ะสิ
เพราะไม่มีทางเอาเห็ดที่กินไม่ได้มาวางบนตะแกรงอยู่แล้ว
เวลาแบบนี้ต้องขอพรจากมาริสะ มิใช่พระเจ้า

「แน่นอนว่ามันมีฤทธิ์กล่อมประสาท
 แต่แค่นิดเดียวคงไม่เป็นไรหรอก」



ผมไล่ทั้งสองคนออกไปแล้วยกเลิกงานเลี้ยงมื้อเย็น
ทั้งสองเองก็อิ่มเต็มที่แล้ว เลยยอมกลับไปแต่โดยดี

ต่อให้เจ้าตัวลองชิมแล้วบอกว่าไม่เป็นไรยังไงก็เถอะ, ปัญหามันอยู่ตรงที่เธอเอาเห็ดพิษมาให้คนอื่นกินต่างหาก
มาริสะอาจจะเคยชินกับการอาศัยอยู่ในป่าเวทมนตร์แล้ว แต่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจทนปราณพิษของป่าเป็นเวลานานได้
เห็ดพวกนั้นงอกเงยขึ้นมาในป่าแบบนั้น
อยากให้รู้จักเลือกแต่ของที่ปลอดภัยกว่านี้จังเลย... ...

จะว่าไปแล้วก็ยังเหลือเรื่องที่สงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่งนี่นา
เรื่องที่ว่า, เรย์มุกำลังทำเหล้าอยู่ที่ศาลเจ้ารึเปล่า
เป็นเพราะผมพยายามทำเหล้าอย่างเต็มภาคภูมิ หรือเป็นเพราะตกใจเรื่องเห็ดของมาริสะกันแน่นะ ผมถึงได้เลี่ยงที่ถามเธอตรงๆ
และสุดท้ายผมก็ไม่รู้คำตอบอยู่อย่างนี้





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- ชื่อตอน มาจากบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนที่กล่าวว่า เหล้าคือเบี้ยเลี้ยงแห่งสวรรค์
- เรย์มุสามารถมองเห็นเทพเจ้าได้ด้วยตาเปล่า ? แต่ทำไมมองไม่เห็นเทพประจำศาลเจ้าของตัวเอง ?



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้