東方星蓮船 ~ Undefined Fantastic Object.
โทวโฮวเซย์เรนเซน (เรือบัวดาวแห่งตะวันออก) ~ วัตถุมหัศจรรย์ที่ไม่แน่ชัด
.........................................................................................................................................................................................
Reimu A's Story
มุ่งหน้าสู่เรือสมบัติ, รวยทางลัด !
(รูปแบบเน้นพลังโจมตีรวมศูนย์ที่จุดเดียว)
「หากพูดถึงเรือสมบัติก็ต้องนึกถึงเทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด, และเมื่อพูดถึงเทพเจ้าก็ถึงตาฉันออกโรงล่ะ」
จงติดตั้งเข็มสุดแกร่งไว้ที่ด้านหน้า แล้วท้าทายท้องฟ้าด้วยความรู้สึกอันซื่อตรง !
Shot : 「Persuasion Needle」
Spell Card : ยันต์ฝัน「ยันต์กำราบมารเริงรำ」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
เรย์มุ : เจ้าวัตถุบินนั่นเร็วจัง !
เรย์มุ : มัวแต่ไล่ตามแบบทีเล่นทีจริงอย่างนี้ตามไม่ทันแน่ !
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เกนโซวเคียวก็สุดจะคับแคบออกอย่างนี้
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : จะรีบร้อนขนาดนั้นไปไหน ?
เรย์มุ : เกะกะน่า ! เมื่อกี้ก็โผล่มาแล้วนี่นา เจ้าโยวไคสีเทา
เรย์มุ : ฉันไม่มีเวลามาใส่ใจกับพวกสัตวเล็กสัตว์น้อยที่โผล่มาแป๊บเดียวตายอย่างเธอหรอกนะ !
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : งั้นเหรอ ? น่าเสียดายนะ
เรย์มุ : ช่วงที่มัวแต่ทำอย่างนี้อยู่, เจ้าเรือสมบัตินั่นก็ยิ่งทิ้งห่างไปไกลขึ้นอีก... ...
นาซูริน : เรือสมบัติ ? หมายถึง เจ้านั่น ที่ลอยอยู่บนฟ้าน่ะเหรอ ?
นาซูริน : หึหึหึ อย่างกับคนบ้าเลยนะ, เธอคิดว่าเจ้านั่นเป็นเรือสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
เรย์มุ : ยอมเป็นคนบ้าก็ได้ เพราะงั้นรีบหลบไปจากตรงนั้นซะ !
นาซูริน : หากหมายมั่นจะเอาสมบัติล่ะก็ จงอย่ามองท้องฟ้า เพราะสมบัติมันอัดแน่นอยู่ในซอกหลืบของห้องครัวต่างหากล่ะ
(นาซูริน แพ้พ่าย)
เรย์มุ : อ๋า... หายเข้าไปในหมู่เมฆซะแล้ว
เรย์มุ : คงต้องฝ่าทะลวงเข้าไปในเมฆสินะ
เรย์มุ : ในเมฆมีโยวไคเยอะแยะจนชวนเสียอารมณ์ซะด้วยสิ... ...
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
- ประโยคที่นาซูรินพูดนั้นล้อเลียนสโลแกนของการจราจรญี่ปุ่นที่ว่า "ญี่ปุ่นก็คับแคบออกอย่างนี้ จะรีบร้อนขนาดนั้นไปไหน ?"
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : รอเดี๋ยวสิ~
เรย์มุ : อะไรเล่า เจ้าโยวไคธรรมดานี่
??? : ไม่เห็นต้องใจร้ายขนาดนั้นเลยนี่นา, ช่วงนี้ยิ่งว่างๆอยู่ด้วย~
เรย์มุ : ฉันกำลังไล่ตามเรือที่เห็นอยู่ตรงหน้าโน่นอยู่นะ
เรย์มุ : ไม่มีเวลามาใส่ใจพวกปลาซิวปลาสร้อยอย่างเธอหรอก
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : ถ้าจะไล่ตามเรือนั่นล่ะก็ เล่นกับฉันไปในระหว่างที่ไล่ตามก็ได้นี่นา
เรย์มุ : หืม... การที่โยวไคว่างงานนับเป็นเรื่องที่ดีนะ, ยังไงซะก็เป็นตัวตนที่มีอยู่เพียงเพื่อถูกกำราบอยู่แล้วนี่
เรย์มุ : แต่พอมีจำนวนมากเกินไปก็กำราบให้หมดไม่ไหวแฮะ, สำหรับเธอก็เอาไว้คราวหน้าละกัน
โคกาสะ : เพราะอย่างเงี้ยแหละน้า มนุษย์ถึงได้ไม่น่าสนใจ
โคกาสะ : ทำไมไม่ลองฝืนตัวหาเวลาว่างไว้บ้างล่ะ ? หรือถึงมีเวลาว่างก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเหรอ ?
โคกาสะ : กะแค่เรือสมบัติ เดี๋ยวก็ได้เจออีกครั้งจนได้ล่ะน่า
เรย์มุ : สำหรับตัวฉันในตอนนี้ เวลาว่างอะไรนั่นมันไม่มีประโยชน์หรอก, ฉันไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปแม้แต่นิดเดียวแล้ว
โคกาสะ : ความเปล่าประโยชน์นั่นล่ะคือความงดงาม, วิถีชีวิตที่เดินไปตามกำหนดการมันเป็นเหมือนกับฝันร้ายนะ
โคกาสะ : พวกอุปกรณ์เองก็จะไม่งดงามหากเอาแต่ทำหน้าที่ของตน, ส่วนที่เปล่าประโยชนนั่นล่ะโยวไคอย่างพวก... ...(เรย์มุพูดแทรก)
เรย์มุ : ไม่อยากโดนภูตสถิตสิ่งของมาเทศนาหรอกนะ ! แค่โค่นเธอในขณะที่ไล่ตามเรือก็พอใช่มะ ?
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
เรย์มุ : โยวไคร่มน่ะ แค่รีบๆร่วงลงไปซะก็พอแล้ว
โคกาสะ : อ๋า... มนุษย์ช่างเย็นชาอะไรอย่างนี้
เรย์มุ : เธออยากถูกโค่นไม่ใช่เหรอ, ก็พูดออกมาอย่างนั้นเองนี่นา ?
โคกาสะ : แบบว่า, ซาเดะสึมุ ?
เรย์มุ : รู้สึกไม่เห็นด้วยชอบกล แต่จะยังไงก็ช่างเหอะ ตอนนี้เรือแล่นมาให้เห็นแล้ว ขอบใจที่ช่วยนำทางนะ
Tips :
- ตัวอักษรคันจิเขียนว่า ทสึคุโมะกามิ แต่ผู้แต่งใส่คำกำกับไว้ว่า บาเคะโดวกุ (ผีอุปกรณ์) ซึ่งในแง่ของความหมายก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก
อย่างไรก็ดี นี่เป็นสิ่งบ่งชี้อย่างหนึ่งว่า ทาทาระ โคกาสะ เป็นภูตสถิตสิ่งของ ซึ่งจัดว่าเป็นโยวไคชนิดหนึ่ง
- ซาเดะสึมุ ... โคกาสะคิดจะเหน็บแนมเรย์มุว่าเป็นพวก Sadism (พวกที่มีความสุขเมื่อได้ทำร้ายคนอื่น)
แต่โคกาสะออกเสียงไม่ถูก แต่เรย์มุก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าโคกาสะอยากพูดคำอะไรออกมา (ปกติญี่ปุ่นจะออกเสียงคำนี้ว่า ซาดิสึมุ)
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
เรย์มุ : ห้องสมบัติ ? หมายความว่าเรือลำนี้... ...(อิจิรินตัดบท)
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
เรย์มุ : สรุปว่าเรือลำนี้เป็นเรือสมบัติ ? ดูๆไปแล้วก็ไม่เห็นรู้สึกว่าจะมีอะไรสะสมอยู่ในเรือเลยนะ... ...
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : อ๊ะ หนีไปซะแล้ว
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ต้องการอะไรกันแน่, สมบัติ ? หรือว่าพลังของคุณพี่ ?
เรย์มุ : สมบัติคือเป้าหมาย !
??? : หืม... เป็นแค่โจรธรรมดาจริงๆสินะ
เรย์มุ : แต่ว่าเรือลำนี้มันไม่น่าพิสมัยเอาซะเลยแฮะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : งั้นก็น่าเสียดายที่ต้องแจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้ไม่มีสมบัติเหลืออยู่ในเรือเลย
เรย์มุ : ไหงงั้นล่ะ ?
อิจิริน : สมบัติที่มีพลังในการลอยฟ้าทั้งหลาย ล้วนเป็นสมบัติที่ทำให้มนุษย์กลับตัวกลับใจ... ...
(ดูเหมือนอิจิรินจะรู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่ต้องเล่าถึงอดีต จึงชะงักไป)
อิจิริน : และในระหว่างที่คุณพี่หลับใหลอยู่ ก็ได้สูญหายไปเกือบทั้งหมด โดยกระจัดกระจายไปในโลก
เรย์มุ : เอ๋--- แล้วพวกสมบัติเงินทองล่ะ ?
อิจิริน : สมบัติเงินทอง ? อยากได้ของพวกนั้นเหรอ ?
อิจิริน : ของที่พอจะเอาไปแลกเป็นเงินได้พวกนั้นน่ะ ไม่มีตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
เรย์มุ : orz
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, มิโกะคนนี้น่ะเหรอ... ...?
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามา เป็นความจริงเหรอ ?
เรย์มุ : ไม่ได้รวบรวมมาค่ะ
อิจิริน : อุนซันไม่น่าจะโกหก, คุณคงรวบรวมมาสินะ
อิจิริน : เอาน่า ไม่ต้องซ่อนไปหรอก, ดูเหมือนคุณกำลังรวบรวมเศษเสี้ยวที่ลอยไปบนท้องฟ้านี่นา
อิจิริน : คุณเองก็ปรารถนาจะให้คุณพี่ฟื้นคืนชีพสินะ ! ช่างวิเศษจริงๆ
เรย์มุ : พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย, ฉันแค่คิดว่ามันจะมีสมบัติเงินทองอยู่ในเรือสมบัติเท่านั้นเอง !
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : เอาน่า เอาน่า, ส่งสมบัติที่คุณรวบรวมอยู่มาให้ฉันเถอะนะ !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้, อุนซันบอกว่าท่านต้องเป็นผู้มีชื่อเสียงอย่างแน่นอนเลยค่ะ (สุภาพขึ้นมาเชียว)
เรย์มุ : งะ.. งั้นเหรอ ? อืม ก็ประมาณนั้นแหละ
อิจิริน : เศษเสี้ยวลอยฟ้าที่คุณรวบรวมมาคือสิ่งที่จำเป็นต่อการคืนชีพของคุณพี่
อิจิริน : กรุณานำสิ่งนั้นเข้าไปยังด้านในด้วยเถอะ
เรย์มุ : ไม่มีสมบัติแน่ใช่มะ ? เสียอารมณ์ยังไงไม่รู้
เรย์มุ : เอาเถอะ ยังไงก็ต้องตรวจสอบว่าเรือลำนี้คืออะไรกันแน่อยู่ดีน่ะนะ
เรย์มุ : ถึงแม้ว่าท่าทางจะไม่มีรางวัลอะไรให้ฉันก็เหอะ
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- กัคคุชิ ... หมายถึงสัญลักษณ์ orz (หรือ OTL) ที่มีท่าทางคล้ายมนุษย์คุกเข่าเอามือสองข้างยันพื้นเหมือนคนสิ้นหวังท้อแท้ ในที่นี้จึงใส่ orz ลงไปเลย
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
เรย์มุ : อืม ดีล่ะ ภายในเรือก็ไม่มีอะไร
เรย์มุ : ดีจริงๆที่ตรวจสอบเสร็จสิ้นสักที น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว
เรย์มุ : ยังไงเสีย เจ้าเรือนี่ก็แค่บินไปบินมาเฉยๆ ไม่ได้ก่อเรื่องอะไร
เรย์มุ : ถ้าไม่ใช่เรือสมบัติ ก็ไม่มีค่าอะไรเลย เป็นแค่กล่องเปล่าเท่านั้นเอง...
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
??? : มนุษย์... ...? หรือว่าคุณก็เป็นผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
เรย์มุ : อุ... ดูเหมือนฉันจะมองข้ามบางอย่างไปสินะ, มีโยวไคอยู่ในเรือแบบนี้ ! ก็ควรจะกำราบ !
??? : งั้นเหรอ เป็นมนุษย์สินะ ?
??? : ถ้าเช่นนั้นก็วางสมบัติลอยฟ้าที่คุณพกติดตัวมาเอาไว้ แล้วรีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่านะ
??? : อีกเดี๋ยวเรือลำนี้ก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่กลับมาอีกแล้ว
เรย์มุ : จุดหมายปลายทาง ? เธอเป็นอะไรกันแน่... ...
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : ขออภัยที่แนะนำตัวช้า, ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
เรย์มุ : กัปตันเรืองั้นเหรอ ?
มุราสะ : เรือลำนี้จะมุ่งหน้าไปยังต่างโลกซึ่งห่างไกลจากโลกนี้และเป็นที่ซึ่งใช้ผนึกฮิจิริค่ะ
มุราสะ : ทุกคนจะทำการชุบชีวิตฮิจิริที่นั่น และใช้ชีวิตโดยลืมสิ้นซึ่งเรื่องทุกข์ใจทั้งหลายค่ะ
มุราสะ : สู่สวนสวรรค์ของโลกนี้ซึ่งจะไม่มีผู้ใดถูกกำจัด... ..., สู่อนาคตแห่งการปลดแอกที่สามารถปลดปล่อยพลังภูตได้อย่างอิสระ... ...
มุราสะ : นั่นคือจุดหมายปลายทางของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์, นั่นคืออุดมคติในความคิดของฮิจิริค่ะ
มุราสะ : เพราะฉะนั้น จึงปฏิเสธการลงเรือของผู้ที่ยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อโลกนี้ค่ะ, แล้วคุณล่ะคะ ?
เรย์มุ : พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย
เรย์มุ : แต่ที่เข้าใจแล้วแน่ๆคือเรื่องที่ว่าเรือลำนี้ไม่ใช่เรือสมบัติเท่านั้นล่ะ
เรย์มุ : เรืออสูรที่โยวไคใช้เป็นรังซ่องสุมสินะ งั้นก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้หรอก
มุราสะ : แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ หมายถึง... ?
เรย์มุ : ก็จะโค่นกัปตันลงที่นี่แล้วทำให้เรือพรรค์นี้ร่วงลงไปน่ะสิ
มุราสะ : อาจจะลืมพูดไปนะคะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีสมบัติที่จำเป็นต่อการมุ่งหน้าสู่โลกต่างมิติค่ะ
มุราสะ : วัตถุลึกลับบินได้ที่คุณนำมานั่นล่ะค่ะ คือ เศษเสี้ยวของสมบัติดังกล่าว
เรย์มุ : จะบอกว่าเธอกำลังรวบรวมเจ้านี่อยู่งั้นสิ ?
มุราสะ : เพราะอย่างนั้นถึงได้นึกว่าคุณเป็นผู้ให้ความร่วมมือไงล่ะคะ... ...แต่น่าเสียดายนะคะ
มุราสะ : ปล่อยให้คุณนั่งเรือต่อไปคงไม่แคล้วเรือต้องจมเป็นแน่ ดังนั้นจงอาบน้ำต้องคำสาปแล้วตกเรือไปเสียเถอะ ! (เลิกสุภาพชั่วคราว)
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : นี่คือพลังที่กลบฝังโยวไคมาแล้วมากมายหรือนี่
เรย์มุ : ใช่แล้ว ! เพราะฉะนั้นหยุดทำเรื่องชั่วร้ายซะเถอะนะ !
มุราสะ : แต่ว่าฉันไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายอะไรนี่คะ (กลับมาสุภาพตามเดิม)
เรย์มุ : แหม... แค่บอกว่าเป็นโยวไคก็ชั่วร้ายแล้วนี่นา ?
มุราสะ : จะให้เลิกเป็นโยวไคมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่า~
เรย์มุ : แต่ว่าเรือลำนี้มันก็ไม่หยุดสักทีนะ, ทั้งๆที่กัปตันเรือก็ไม่ได้ทำอะไรแท้ๆ
มุราสะ : เพราะว่าควบคุมแบบอัตโนมัติน่ะค่ะ
เรย์มุ : พอรู้ว่าไม่ใช่เรือสมบัติก็เลยหมดความน่าสนใจก็จริง
เรย์มุ : แต่สุดท้ายรู้สึกเป็นห่วงเรื่องร่างจริงของเรือลำนี้ขึ้นมาแฮะ
เรย์มุ : ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดซะแล้วว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกันแน่
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
เรย์มุ : ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนรึเปล่าเนี่ย ? แล้วเมื่อกี้บอกว่าโลกปิศาจงั้นเหรอ ?
เรย์มุ : อีกัปตันบ้านั่นมันเคยพูดด้วยเหรอว่าจุดหมายปลายทางของเรือลำนี้คือโลกปิศาจ ?
นาซูริน : ตัวเธอซึ่งค้นพบสมบัติแล้วได้ถูกพามายังโลกปิศาจโดยที่ไม่รู้อะไรเลยสินะ
นาซูริน : กัปตันมุราสะทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ (คาดว่าหมายถึง การที่พาเรย์มุซึ่งมีสมบัติลอยฟ้ามากมายมาที่นี่ได้)
นาซูริน : ในระหว่างนั้นฉันเองก็ค้นหาสมบัติอีกชิ้นหนึ่งตามคำสั่งจนพบแล้ว
นาซูริน : ก่อนที่จะนำไปส่งให้แก่นายท่าน ขอทดสอบพลังของเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้กับเธอหน่อยเถอะ
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : ที่นี่คือโลกปิศาจงั้นเหรอ---
เรย์มุ : ก็สมควรแล้วที่จะรู้สึกว่าไม่น่าอยู่ล่ะนะ
เรย์มุ : เห็นว่าเจ้าเรือนั่นพามาจนถึงที่แบบนี้เพื่อปลดผนึก... รู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : กำลังรออยู่เลยค่ะ !
??? : คุณคือมนุษย์ที่รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาสินะ, หน้าตาแลดูอดอยากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
เรย์มุ : เสียมารยาทนะ
??? : อ๊ะ ขอโทษนะที่เสียมารยาท
??? : อุตส่าห์มาจนถึงที่นี่ได้, ฉันเลยนึกว่าจะเป็นมนุษย์ที่ฝึกตนมามากกว่านี้เสียอีก
เรย์มุ : ก็ตั้งใจจะฝึกอยู่เหมือนกันล่ะนะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
เรย์มุ : สมบัติที่ฉันนำมา ? หรือว่าจะหมายถึงเจ้า UFO ของเล่นนี่ ?
โชว : UFO ? ...มองเห็นเป็นอย่างนั้นสินะคะ
โชว : เอาล่ะ ร่วมมือกับฉันเพื่อนำแสงสว่างมาสู่ฮค----(เรย์มุแทรก)
เรย์มุ : ไม่รู้ว้อย !
เรย์มุ : ฉันแค่ไล่ตามเรือสมบัติจนกระทั่งมาถึงที่นี่เท่านั้นแหละ
โชว : เรือสมบัติ... ...งั้นเหรอคะ ?
เรย์มุ : พอเปิดฝาดูก็เจอแต่เรือที่ว่างเปล่าเท่านั้น
เรย์มุ : รู้สึกว่าโดยสารอยู่บนอะไรสักอย่าง แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาถึงโลกปิศาจแล้ว
เรย์มุ : ฉันเอือมระอาเต็มทนแล้ว !
โชว : ไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวังหรอกค่ะ
โชว : เพราะจะบอกว่าเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ไม่ใช่เรือสมบัติก็คงไม่ได้ค่ะ
เรย์มุ : เอ๋ ?
โชว : ก็แหม เรือสมบัติคือเรือที่เทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ดนั่งมานี่คะ ?
โชว : อย่างน้อยก็มีบิชามอนเทนซึ่งเป็นหนึ่งในเทพกลุ่มนั้นอยู่ที่นี่นะคะ, เป็นลางดีออกค่ะ
เรย์มุ : ยังไงก็ช่างเถอะ
เรย์มุ : ลงเป็นอย่างนี้แล้วก็คงมีแต่ต้องโค่นเธอแล้วโค่นอะไรสักอย่างที่ถูกผนึกเพื่อหาทางกลับบ้านเท่านั้นล่ะ !
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : ย่อมได้ค่ะ, หากบอกว่าจะต่อสู้กับฉันก็จะเป็นคู่มือให้ค่ะ
โชว : เพียงแต่ ถ้าหากคุณกำลังหลงเดินทางผิดล่ะก็
โชว : จะต้องสยบแทบเท้าต่อหน้าเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ซึ่งส่องแสงแห่งธรรมะที่สว่างไสวยิ่งขึ้นยามอยู่ในโลกปิศาจนะคะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : ยอดเยี่ยมมาก, สมแล้วที่สามารถรวบรวมสมบัติลอยฟ้าได้มากมายถึงเพียงนั้น
เรย์มุ : กำราบโยวไคในระดับนี้ก็เหมือนกิจวัตรก่อนมื้อเช้านั่นล่ะ
โชว : แล้วหลังจากโค่นฉันได้นี่คิดจะทำอะไรต่อเหรอคะ ?
เรย์มุ : นี่ไง ! เจ้า UFO ของเล่นพวกนี้จำเป็นต่อการปลดผนึกใช่มะ ?
เรย์มุ : ฉันจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่าอะไรกันแน่ที่ถูกผนึกอยู่ไงล่ะ
โชว : อา... ถึงจะออกนอกเส้นทางไปหน่อยก็เถอะ... งั้นเรารีบเตรียมการคลายผนึกกันเถอะค่ะ
เรย์มุ : ฮึ่ม ! เดี๋ยวจะโค่นยัยคนที่ถูกผนึกไปพร้อมๆกับแก้ปัญหาอย่างราบรื่นซะเลย
โชว : นี่เรามาคลายผนึกนะคะ, อย่ารังแกฮิจิริเลยค่ะ
Tips :
- กิจวัตรก่อนมื้อเช้า เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง เรื่องง่ายๆ
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
เรย์มุ : เอ้า, ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !
เรย์มุ : รู้ตัวใช่มั้ยว่าถูกผนึกอยู่ที่นี่ ?
เรย์มุ : ไม่มีเสียงตอบรับ... ...
เรย์มุ : เป็นสถานที่ที่น่าพิศวงอะไรอย่างนี้, ไม่รู้สึกถึงวี่แววของผู้คนเลยสักนิด
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
เรย์มุ : ในที่สุดก็เจอตัวเสียที, เธอเป็นหัวโจกของพวกโยวไคสินะ ?
??? : หัวโจก ? ของพวกโยวไค ?
เรย์มุ : ใช่, พวกโยวไคมันพยายามปลดปล่อยเธอน่ะ
??? : อย่างนี้นี่เอง... ...
??? : ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลยมาเกินกว่าพันปีแล้วแท้ๆ... ...
??? : แต่ก็ยังมีโยวไคที่ให้ความเคารพรักแก่ฉันอยู่สินะคะ
เรย์มุ : แล้วเธอเป็นใครกันล่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ดูจากลักษณะแล้วคุณคงเป็นมิโกะสินะ ?
เบียคุเรน : จะมาจับฉันผนึกไว้อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ ?
เรย์มุ : อ๊ะ, อืม, ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นแหละ ! (ท่าทางเรย์มุยังงงๆไม่หาย)
เบียคุเรน : คุณก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กดขี่ข่มเหงโยวไคสินะ
เบียคุเรน : ฉันรู้สึกตัวเมื่อนานมาแล้วล่ะค่ะ ว่าจะเทพหรือพุทธก็เป็นแค่โยวไคเท่านั้น
เบียคุเรน : จะกำจัดในฐานะโยวไค หรือบูชาในฐานะเทพเจ้า ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดเอาเองทั้งสิ้น
เรย์มุ : เห--- แต่ถึงเป็นเทพเจ้าฉันก็กำราบนะ---
เบียคุเรน : อา... แสงแห่งธรรมกำลังเอ่อล้นเข้ามาในม้วนคัมภีร์ของฉัน
เบียคุเรน : นับจากนี้ไป ฉันจะต้องทดแทนบุญคุณของคนที่ช่วยปลดปล่อยฉันออกมาให้ได้ค่ะ
เรย์มุ : อืม... ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้จะไม่เป็นไรแน่รึนี่ ?
เบียคุเรน : แนวคิดของคุณที่จะกำจัดโยวไคทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ค่ะ
เบียคุเรน : แต่หากคิดจะผนึกฉันอีกครั้งล่ะก็----
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : ฉันจะขัดขืนอย่างสุดความสามารถค่ะ
เรย์มุ : เข้ามาเล้ย !
เรย์มุ : ฉันตั้งใจว่าจะโค่นทุกคนที่เป็นมิตรกับโยวไคนั่นล่ะ !
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : เอาแต่ใจตัวเองและโง่เขลาอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Reimu B's Story
เป็นฝีมือของโยวไคอีกแล้วสินะ !
(รูปแบบเน้น Anti-Pattern ด้วยกระสุนติดตามขั้นสุดยอด)
「ไม่ว่าจะเป็นเรือสมบัติหรืออะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นต้องเป็นฝีมือของโยวไคแน่ๆ」
จงโค่นโยวไคที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่มุ่งหน้าไปตามลางสังหรณ์ดังเช่นทุกครา !
Shot : 「Homing Amulet」
Spell Card : ยันต์วิญญาณ「ผนึกจินตนาการ」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
เรย์มุ : เจ้าเรือนั่น... ...บินจากไปแบบไม่มีเสียงเลย, น่าสงสัยจริงๆ
เรย์มุ : แล้วยังมีพวกโยวเซย์ที่ท่าทางเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างสิงสู่อีก... ...นี่ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ... ...มีปฏิกิริยาต่อบริเวณนี้แฮะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : อ้าว, มนุษย์เมื่อกี้นี่นา, เซ็งเลย
เรย์มุ : ว่าใครน่าเซ็ง !
นาซูริน : อ๊ะ อย่าเพิ่งรีบคิดในแง่ร้ายไป
นาซูริน : เป็นเพราะแถวๆนี้มีปฏิกิริยาของสมบัติน่ะ
เรย์มุ : สมบัติเหรอ ? หรือว่าข่าวลือเรื่องเรือสมบัติจะเป็นความจริง ?
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : เรือสมบัติ ? ของพรรค์นั้นไม่มีตัวตนอยู่หรอก
(นาซูรินรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง)
นาซูริน : ไม่สิ พวกหนูตัวน้อยของฉันมันแสดงปฏิกิริยาต่อตัวเธอต่างหาก
เรย์มุ : แหม ก็ฉันเป็นสมบัติของมนุษยชาตินี่นะ
นาซูริน : หนูของฉันโปรดปรานเนื้อคนมากเลย
นาซูริน : พวกมันบอกว่าไม่คิดจะกินอาหารสีแดงอ่อนๆอย่างชีสหรอก
(นาซูริน แพ้พ่าย)
เรย์มุ : มนุษย์ที่โดนหนูดูถูกเอาได้น่ะ ไม่อร่อยหรอกนะ
เรย์มุ : แต่ว่า, กระทั่งหนูยังออกมาตามหาสมบัติเลยน้า
เรย์มุ : น่าสงสัยจริงๆ... ...
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
- ในความเป็นจริงแล้ว หนูเป็นสัตว์ที่ชอบชีส แต่ไม่ค่อยกินชีส เพราะมันย่อยไม่ค่อยได้ ถ้ากินมากๆแล้วจะท้องอืดตาย
สองประโยคสุดท้ายที่นาซูรินพูดนั้นกำกวมชวนงงมากๆ เพราะเอาคำว่าเนื้อมนุษย์กับชีสมาพูดสลับปนกัน โดยมีคำว่า อาหารสีแดงอ่อน เป็นตัวเชื่อมโยง
จริงอยู่ที่ว่าหนูชอบชีสแต่ไม่กินชีสเพราะย่อยไม่ได้ แต่มันย่อยเนื้อมนุษย์ได้ ดังนั้นถ้ามันชอบกินเนื้อมนุษย์ก็หมายความว่า... ...
สรุปคือ นาซูรินพยายามหลอกเรย์มุว่า พวกเธอไม่กินเนื้อมนุษย์เพราะชอบเนื้อมนุษย์เหมือนที่ชอบชีสแต่ไม่กินชีส แต่เรย์มุก็รู้ทัน
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เร็วจังเลย, รอเดี๋ยวสิ~
เรย์มุ : มีธุระอะไร ?
??? : ธุระงั้นเหรอ~, แบบว่าไม่ค่อยได้เห็นมนุษย์มาบินบนท้องฟ้าน่ะ~
??? : เอ๊ะ พูดแบบนี้มันสื่อความหมายแปลกๆสินะ ? คือฉันแค่รู้สึกสนใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เรย์มุ : อะไรกัน ก็แค่ผีร่มนี่นา มีอะไรเหรอ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : ช่วงนี้ว่างจังเลยน้า
โคกาสะ : พอเริ่มทำอะไรด้วยร่มตัวคนเดียวก็ทำให้ใครตกใจไม่ได้เลย
โคกาสะ : แถมดูเหมือนจะทำให้คุณตกใจไม่ได้เลยเหมือนกัน
เรย์มุ : แล้วทำไมผีร่มจะต้องทำให้คนอื่นตกใจด้วยล่ะ
โคกาสะ : ทั้งๆที่ช่วงราตรีเป็นของพวกเราเหล่าโยวไคแท้ๆ, อ๊า--- สมัยก่อนนี่ดีจังเลยน้า (ไม่ได้ฟังเรย์มุเลย)
เรย์มุ : ตอนนี้มันกลางวันอ่ะ... ...
โคกาสะ : ฉันแค่หลอกให้ตกใจนิดหน่อย ทุกคนก็เข่าอ่อนกันหมดแล้ว (ยังคงไม่ได้ฟังเรย์มุ)
เรย์มุ : จ้าจ้า เรื่องเล่าสยองขวัญย้อนความหลังน่ะพอก่อนเหอะ, ช่วยหลบไปจากตรงนั้นนิดนึ... ...(โคกาสะพูดแทรก)
โคกาสะ : ถ้าไม่ทำให้เจออะไรร้ายๆสักหน่อยเสียแต่ตอนนี้ก็คงไม่ตกใจสิน้า ! (ดูเหมือนจะไม่สนใจฟังเรย์มุเลยจริงๆ)
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
โคกาสะ : แค้นนัก~
เรย์มุ : จ้าจ้า แค้นซะให้พอเลยนะ
โคกาสะ : ซิกซิก พวกเราเหล่าโยวไคคืออะไรกันแน่นะ
เรย์มุ : คงเป็นพวกสินค้าบริโภค (เหล้า) ล่ะมั้ง ? เอาล่ะ เรือก็อยู่ตรงหน้านี้เอง
Tips :
- แค้นนัก~ เป็นคำที่ผีญี่ปุ่นชอบพูดออกมา พบเห็นได้ทั่วไปทั้งในการ์ตูนและภาพยนตร์ต่างๆ โดยมักใช้เป็นมุขล้อเลียนผีเสียมากกว่า
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
เรย์มุ : ห้องสมบัติ ? ตรงไหนของเรือลำนี้เหรอ ?
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
เรย์มุ : เรือลำนี้เป็นเรือสมบัติจริงๆงั้นเหรอ ? ไม่เห็นจะมีอะไรเลยแท้ๆ... ...
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : อ๊ะ หนีไปซะแล้ว
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ต้องการอะไรกันแน่, สมบัติ ? หรือว่าพลังของคุณพี่ ?
เรย์มุ : เป้าหมายของฉันคือ การได้รู้เป้าหมายของเรือลำนี้ไงล่ะ !
??? : หืม... มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลหรอก
??? : สิ่งที่มองเห็นเป็นรูปเรือนี้ ที่จริงแล้วมันคืออาคารซึ่งมากด้วยอิทธิฤทธิ์อภินิหารที่ถูกดัดแปลงให้ทันสมัยน่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : ยามที่เรือลำนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสมบัติ, คุณพี่ก็จะสามารถทำให้การคืนชีพครั้งใหญ่ของความปรารถนาอันน่าเศร้าเป็นจริงขึ้นมาได้ค่ะ
เรย์มุ : การคืนชีพครั้งใหญ่เหรอ... ฟังดูน่าเศร้ายังไงชอบกลแฮะ
อิจิริน : จนกว่าจะถึงตอนนั้น จะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางเด็ดขาด
เรย์มุ : คุณพี่ที่ว่าเนี่ย... ...โยวไคสินะ ?
อิจิริน : ไม่ใช่ระดับเดียวกับพวกโยวไคนะ
เรย์มุ : อืม--- ดูเหมือนว่ากำจัดเสียก่อนที่จะคืนชีพน่าจะดีกว่าแฮะ
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, มิโกะคนนี้น่ะเหรอ... ...?
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามา เป็นความจริงเหรอ ?
เรย์มุ : พูดเรื่องอะไรน่ะ ?
อิจิริน : อุนซันไม่น่าจะโกหก, คุณกำลังรวบรวมเศษเสี้ยวที่ลอยไปบนท้องฟ้าสินะ ?
เรย์มุ : ถ้ามาเกะกะขวางทางล่ะก็ ได้สมพรปากแน่
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : อะฮะฮะ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์รวบรวมมาให้แทนหนู (นาซูริน) ! ขอรับไปทั้งหมดเลยนะ !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : ยอดเยี่ยมมาก, ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้จะยังมีมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วย
เรย์มุ : ถึงถูกโยวไคชมเชยไปก็ไม่รู้สึกดีใจหรืออะไรทั้งนั้นแหละ
อิจิริน : แต่ก็ยังไม่ได้ขี้เล็บของคุณพี่หรอกนะ
เรย์มุ : ดูเหมือนการปล่อยให้ชุบชีวิตคุณพี่อะไรนั่นขึ้นมาจะเป็นเรื่องไม่เข้าท่านะ
เรย์มุ : ขืนมีพวกที่ฉันรับมือไม่ไหวโผล่มาก็แย่สิ
อิจิริน : อ๋า... จะบอกว่าจะเข้าไปข้างในงั้นเหรอ ?
(อิจิรินน่าจะแอบดีใจ เพราะเธอต้องการให้สมบัติลอยฟ้าเข้าไปในเรืออยู่แล้ว และเรย์มุก็มีติดตัวอยู่เยอะซะด้วย)
(ในขณะเดียวกันก็คงเซ็งนิดๆ ที่ต้องเจ็บตัวฟรี)
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- การคืนชีพครั้งใหญ่ (ไดฟุคคัทสึ) ... มาจากชื่อเกม โดะดอนปาฉิไดฟุคคัทสึ ซึ่งเป็นเกมแนวดันมาคุเช่นกัน
ท่าน ZUN เคยกล่าวไว้ว่า เคยศึกษาเรื่องระดับความยากง่ายจากเกมนี้ ... ... จึงอาจเป็นมุขล้อชื่อเกม แต่นอกจากท่าน ZUN แล้วคงไม่มีใครทราบแน่ชัด
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
เรย์มุ : แต่ก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยน้า, แล้วเจ้าเรือนี่มันลอยอยู่ได้ยังไงกันเนี่ย ?
เรย์มุ : ของที่ไร้เหตุผลแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของอัปมงคลซะด้วยสิ
เรย์มุ : งั้นเจ้าเรือนี่ก็ต้องเป็นของอัปมงคลแน่เลย !
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
??? : มนุษย์... ...? หรือว่าคุณก็เป็นผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
เรย์มุ : มีโยวไคอัปมงคลอยู่ซะด้วย
??? : อั..อัปมงคลเหรอคะ ?
เรย์มุ : บอกร่างจริงของเรือลำนี้ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !
??? : ตายจริง ตะคอกเสียงดังเชียว... ...พูดว่า จะขอขึ้นเรือ ก็ได้มั้งคะ ?
เรย์มุ : แต่ก็ขึ้นมาแล้วนี่นะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
เรย์มุ : จู่ๆก็เจอกัปตันเรือเลยเหรอ ? แต่ก็สะดวกดีแฮะ
มุราสะ : เรือลำนี้ปฏิเสธการลงเรือของผู้ที่ยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อโลกนี้ค่ะ, แล้วคุณล่ะคะ ?
เรย์มุ : เห ? เป็นเรือที่จะมุ่งหน้าไปยังโลกโน้น (โลกวิญญาณ) งั้นเหรอ ? เรือพรรค์นั้นเห็นจนเบื่อแล้วล่ะ
มุราสะ : ไม่ได้ไปโลกโน้นหรอกค่ะ
มุราสะ : เรือลำนี้จะมุ่งหน้าไปยังฮคไค (แดนธรรม) ซึ่งเป็นโลกที่ฮิจิริถูกผนึกเอาไว้น่ะค่ะ
เรย์มุ : ฮคไค ?
มุราสะ : มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกปิศาจที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัด และฮิจิริถูกผนึกอยู่ที่นั่นค่ะ
เรย์มุ : ถ้าโลกปิศาจล่ะก็ ฉันรู้จัก, เรือลำนี้จะไปที่นั่นสินะ
มุราสะ : สมบัติที่ฮิจิริเหลือทิ้งไว้คือสิ่งจำเป็นต่อการเข้าสู่ฮคไคค่ะ... ...
มุราสะ : แล้วคุณก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนำสิ่งนั้นติดตัวมา, เอาล่ะ, มอบสิ่งนั้นให้ฉันที่นี่เถอะค่ะ !
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้... ...พวกมนุษย์แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ?
เรย์มุ : ก็บอกแล้วไงว่าถึงถูกโยวไคชมไปก็... ...
มุราสะ : ทำเอานึกขึ้นได้เลยว่าเมื่อก่อนฮิจิริก็เคยเป็นมนุษย์เหมือนกัน
เรย์มุ : เห ?
มุราสะ : มนุษย์เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งนะ, บนพื้นพิภพตอนนี้คงมีแต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งกระมัง ?
เรย์มุ : อืม--- จะว่ายังไงดีล่ะน้า, แต่เอ๊ะ เรือไม่เห็นจะหยุดเลยนี่นา
มุราสะ : เพราะว่าควบคุมแบบอัตโนมัติน่ะค่ะ
มุราสะ : เป็นเพราะคุณขึ้นเรือโดยนำสมบัติมาด้วย เรือมันก็เลยเริ่มมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางน่ะค่ะ
เรย์มุ : เอ๋ ? เดี๋ยวสิ
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
เรย์มุ : เธอคือหนูที่... ...ตามหาสมบัติเมื่อตะกี้นี่นา
เรย์มุ : ดูเหมือนว่าฉันจะพกสมบัติติดตัวมาด้วย ? ก็เลยถูกพามาจนถึงที่แบบนี้ซะแล้ว
นาซูริน : ดูท่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ, เพราะงั้น Dowsing ถึงได้มีปฏิกิริยาต่อตัวเธอยังไงล่ะ
นาซูริน : แต่สมบัติที่ฉันตามหาอยู่ไม่ใช่แค่สิ่งนั้นหรอกนะ
นาซูริน : ก่อนที่จะนำไปส่งให้แก่นายท่าน ขอทดสอบพลังของเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้กับเธอหน่อยเถอะ
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
เรย์มุ : ถูกเอามาทิ้งที่โลกปิศาจมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่เห็นจะเข้าไปข้างในได้เลย
เรย์มุ : ฮคไคที่ว่าคงจะอยู่ใต้เขตแดนนี่... ...
เรย์มุ : แต่มันถูกปิดกั้นด้วยผนึกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ
เรย์มุ : ตกลงมันผนึกอะไรเอาไว้กันแน่นะ ?
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : คุณคือมนุษย์ที่รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาสินะ, เป็นมนุษย์ที่ท่าทางจะกิเลสหนากว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
เรย์มุ : เสียมารยาทนะ
??? : อ๊ะ ขอโทษนะที่เสียมารยาท
??? : อุตส่าห์มาจนถึงที่นี่ได้, ฉันเลยนึกว่าจะเป็นมนุษย์ที่ฝึกตนมามากกว่านี้เสียอีก
เรย์มุ : ก็ตั้งใจจะฝึกอยู่เหมือนกันล่ะนะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
เรย์มุ : ข้างใต้ผนึกนี่มีอะไรหลับอยู่เหรอ ?
โชว : อ้าว ? รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาโดยที่ไม่รู้เหรอคะเนี่ย ?
เรย์มุ : ก็ไม่รู้น่ะสิ !
โชว : เป็นนักบุญชาวมนุษย์ ผู้มอบพลังให้โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นมนุษย์หรือโยวไคน่ะค่ะ
เรย์มุ : นักบุญ ?
โชว : ใช่ค่ะ เป็นคนที่วิเศษมากเลย แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น กลับถูกพวกมนุษย์จับผนึกโดยไม่ทราบสาเหตุ
เรย์มุ : จะนักบุญหรืออะไรก็ช่างเหอะ ไม่พ้นคงเป็นคนชั่วล่ะสิ ?
โชว : พวกมนุษย์นั้นโง่เขลาค่ะ
โชว : เป็นเพราะพวกมนุษย์ที่โง่เขลาชอบมองคนอื่นที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองเป็นสิ่งอัปมงคลค่ะ
โชว : เพียงแค่พูดว่า จะนำเอาพลังของโลกปิศาจมาช่วยเหลือโยวไค
โชว : แค่นี้ก็ถูกจับผนึกแล้ว, ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ว่ามั้ยคะ ?
เรย์มุ : นั่นไง ก็ทำความชั่วเอาไว้นี่นา ดันเป็นพันธมิตรกับโยวไคซะนี่
เรย์มุ : ฉันเองก็ตั้งใจจะกำราบเธอนะรู้มั้ย ? เพราะเธอเป็นโยวไคไงล่ะ
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : หากนั่นคือความถูกต้องของคุณก็ย่อมได้ค่ะ
โชว : เพียงแต่ ถ้าหากคุณกำลังหลงเดินทางผิดล่ะก็
โชว : จะต้องสยบแทบเท้าต่อหน้าเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ซึ่งส่องแสงแห่งธรรมะที่สว่างไสวยิ่งขึ้นยามอยู่ในโลกปิศาจนะคะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : ยอดเยี่ยมมาก, สมแล้วที่สามารถรวบรวมสมบัติลอยฟ้าได้มากมายถึงเพียงนั้น
เรย์มุ : วันนี้มีแต่คำชมจากโยวไคเลยนะเนี่ย
โชว : เพราะว่าคุณให้ความร่วมมือในการรวบรวมเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้ามาช่วยชุบชีวิตให้กับฮิจิริน่ะค่ะ
เรย์มุ : ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะช่วยหรอกนะ
โชว : เอาล่ะ มาเตรียมการคลายผนึกกันเถอะค่ะ
เรย์มุ : มะ.. มาจนถึงที่นี่แล้วถ้าไม่ได้เห็นนักบุญอะไรนั่นสักครั้งก็คงกลับไม่ได้น่ะนะ
เรย์มุ : ท่าทางจะน่าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับซะด้วย
โชว : เอาใจใส่ดีจริงๆนะคะ วิเศษไปเลย
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
เรย์มุ : ไม่รู้สึกถึงวี่แววของผู้คนเลยสักนิด
เรย์มุ : แล้วที่สำคัญ โลกนี้มันยังไงกันเนี่ย ?
เรย์มุ : ความอัปมงคลของโลกปิศาจที่มีมาจนถึงเมื่อกี้ หายไปเกือบหมดเลย... ...
เรย์มุ : กลับทำให้รู้สึกแย่แฮะ
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
เรย์มุ : ออกมาแล้วรึ, เธอคือคนที่พวกโยวไคพยายามชุบชีวิตสินะ... ...
??? : อ้าว, ก็คุณคือคนที่ปลดผนึกให้นี่คะ ?
เรย์มุ : ไม่นะ คือ เอ่อ ถึงแม้ว่าในทางผลลัพธ์แล้วจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ
??? : ขอบพระคุณมากค่ะ
??? : ไม่เคยคิดหรือแม้แต่ฝันเลยนะคะว่าจะได้อาบแสงสว่างอย่างนี้อีกครั้ง
เรย์มุ : แล้วเธอเป็นใครกันล่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ดูจากลักษณะแล้วคุณคงเป็นมิโกะสินะ ?
เบียคุเรน : มาตรวจสอบว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสินะคะ ?
เรย์มุ : หืม... ฉันคือมิโกะผู้ตระเวนไปกำราบผู้ที่เป็นมิตรกับโยวไคในทั่วสารทิศต่างหากล่ะ !
เรย์มุ : พวกโยวไคเคารพบูชาในตัวเธอ ดังนั้นต้องถูกตัดสินว่าเป็นบุคคลอันตรายนะ
เบียคุเรน : อย่างนั้นเหรอคะ หมายความว่าจะมาจับฉันผนึกอีกครั้งเหรอคะ ?
เรย์มุ : อืม, ตามนั้นแหละ !
เบียคุเรน : จริงๆแล้ว... ...คุณไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกับฉันหรอกเหรอคะ ?
เบียคุเรน : มนุษย์กับโยวไคล้วนไม่ต่างกัน และควรได้ใช้ชีวิตอย่างเสมอภาคภายใต้ร่มเงาแห่งธรรมนะคะ
เรย์มุ : มะ.. มันจะง่ายอย่างนั้นเลยเรอะ !
เบียคุเรน : ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงปลดผนึกให้ฉันล่ะคะ ?
เรย์มุ : แบบว่า... ...ถ้าให้โยวไคเป็นคนทำมันน่ากลัวน่ะ ! ให้ฉันเป็นคนปลดผนึกเองยังจะดีซะกว่า... ...
(แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพราะไม่อยากให้รู้ว่าทำไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลย)
เบียคุเรน : นับจากนี้ไป ฉันจะต้องทดแทนบุญคุณของคนที่ช่วยปลดปล่อยฉันออกมาให้ได้ค่ะ
เบียคุเรน : แนวคิดของคุณที่จะกำจัดโยวไคทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ค่ะ
เบียคุเรน : แต่หากคิดจะผนึกฉันอีกครั้งล่ะก็----
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : ฉันจะขัดขืนอย่างสุดความสามารถค่ะ
เรย์มุ : หืม... พูดมาอย่างนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่อง
เรย์มุ : เพราะฉันตั้งใจว่าจะโค่นทุกคนที่เป็นมิตรกับโยวไคนั่นล่ะ !
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : ทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ยั้งคิดและเบาปัญญาอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Marisa A's Story
ถ้าเป็นเรือสมบัติ มันก็น่าจะมีสมบัติ !
(รูปแบบโจมตีตลอดเวลา & ทะลุทะลวงไร้ขีดจำกัด)
「เรือสมบัติย่อมต้องบรรทุกสมบัติเป็นธรรมดา มันจะเป็นเรื่องโกหกไปได้ยังไงกันล่ะ」
จงท้าทายท้องฟ้า ด้วยแสงแห่งเวทมนตร์ขั้นสูงสุดที่ไม่เป็นรองใคร !
Shot : 「Illusion Laser」
Spell Card : ยันต์รัก「Master Spark」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
มาริสะ : อะไรกันเนี่ย
มาริสะ : รู้แล้วล่ะว่าถ้ามัวแต่บินเลียดพื้นแบบนี้ไม่มีทางตามเจ้าเรือบินนั่นทันแน่
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ปฏิกิริยาของสมบัติมาจากแถวๆนี้... ...
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : อะไรเนี่ย, มนุษย์เมื่อกี้นี่นา, เซ็งเลย
มาริสะ : ปฏิกิริยาของสมบัติ ? แถวๆนี้มีสมบัติอยู่เหรอ ?
นาซูริน : พลาดน่ะ พลาด, ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของสมบัติจะมาจากตัวเธอน่ะ
นาซูริน : ฉันไม่เก็บไปให้เสียเวลาหรอก เพราะว่าความ Rare ของมนุษย์เท่ากับ 0
มาริสะ : ในเชิงเปรียบเทียบ ฉันเองก็คิดว่ากึ่งสุกอยู่เหมือนกันนะ
นาซูริน : เอาล่ะ ต้องรีบหาสมบัติชิ้นต่อไป ไม่งั้นจะโดนท่านผู้นั้นบ่นจนหูชาเอาได้
มาริสะ : กำลังหาสมบัติอยู่เหรอ ? แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเรือสมบัตินั่นรึเปล่า ?
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : เรือสมบัติ ? หมายถึง เจ้านั่น ที่ลอยอยู่บนฟ้าน่ะเหรอ ?
นาซูริน : ถ้าพยายามมองก็อาจจะเห็นเป็นเรือสมบัติล่ะมั้ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่หรอก
(นาซูรินสังเกตพลพรรคหนูของเธอ)
นาซูริน : อืม ก็ไม่มีธุระอะไรกับมนุษย์หรอกนะ... ...
นาซูริน : ถึงจะน่าสงสารไปหน่อย แต่ท่าทางพวกหนูตัวน้อยของฉันจะทนหิวไม่ไหวซะแล้วล่ะ
(นาซูริน แพ้พ่าย)
มาริสะ : พวกหนูเมื่อกี้มันอะไรกันแน่นะ ?
มาริสะ : หรือว่าเรือสมบัติจะถูกพวกหนูเล่นงานเข้าให้ซะแล้ว
มาริสะ : อย่างนี้คงต้องตรวจสอบด้วยตัวเองล่ะนะ
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
- นาซูรินพูดถึง Rare (ความหายาก) ส่วนมาริสะก็เล่นมุขคำพ้องเป็นคำว่า Rare (กึ่งสุก)
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : รอเดี๋ยวสิ~
มาริสะ : รอไม่ได้แล้ว เรือกำลังเรียกฉันอยู่
??? : ตายจริง กำลังรีบเหรอเนี่ย ? งั้นฉันไปก่อนล่ะ
มาริสะ : ... ...เดี๋ยวดิ ยอมกลับไปง่ายๆแบบนี้มันน่าสงสัยแฮะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : งั้นไม่กลับก็ได้, ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว
มาริสะ : อะไรของเธอน่ะ ? สายลับจากเรือลำนั้นเรอะ ?
โคกาสะ : เรือ ? ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก
โคกาสะ : ฉันคือโยวไคผู้ร่าเริงที่เกิดมาเพื่อทำให้มนุษย์ตกใจน่ะ
โคกาสะ : เพราะฉะนั้น จงตกใจ---
มาริสะ : ไม่รู้ไม่สน
โคกาสะ : กระซิก
มาริสะ : ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับเรือก็อย่ามาขวางทาง, ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ
โคกาสะ : งั้นถ้าทำอย่างนี้จะตกใจมั้ยนะ ?
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
โคกาสะ : แค้นนัก---, ตกใจมั้ย ?
มาริสะ : ไม่ตกใจเลยอ่า, โยวไคตามท้องถนนทุกตนก็มีแต่พวกที่ไม่มีศิลปะเหมือนอย่างเธอนี่ล่ะ
โคกาสะ : กระซิก, ความหมายในการคงอยู่ของโยวไคมันช่าง... ...
มาริสะ : อาจจะตกใจก็ได้นะถ้าพยายามบังฝนให้ด้วยเจ้าร่มนั่นที่อยู่ในมือเธอ
โคกาสะ : สูงสุดคืนสู่สามัญ อะไรทำนองนั้นสินะคะ ! บางทีอาจจะไปได้สวยก็ได้... ...
มาริสะ : ถ้างั้นฉันไปก่อนล่ะนะ ต้องรีบตามเจ้าเรือที่เป็นเป้าหมายนั่น
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
มาริสะ : ห้องสมบัติ ? ช่างเป็นคำพูดที่มีเสน่ห์อะไรอย่างนี้
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
มาริสะ : เป็นเรื่องราวทำนองว่า ถ้าบีบคั้นเธอแล้วจะได้สมบัติ รึเปล่านะ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : ... ...หนีไปแล้วแฮะ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ต้องการอะไรกันแน่, สมบัติ ? หรือว่าพลังของคุณพี่ ?
มาริสะ : คุณพี่, งั้นเหรอ ?
มาริสะ : ... ...แต่ที่สำคัญกว่าก็คือสมบัติน่ะนะ, อื้ม
??? : เป็นแค่โจรธรรมดาจริงๆสินะ !
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : ฉันคืออิจิริน ผู้พิทักษ์สมบัติแทนคุณพี่
อิจิริน : และจะไม่ไว้ชีวิตพวกโจรเด็ดขาด !
มาริสะ : อะฮะฮะ โจรงั้นเหรอ ? คิดว่าฉันเป็นใครกันหา !
มาริสะ : ไม่ใช่โจรธรรมดา แต่เป็นท่านจอมเวทธรรมดาสามัญต่างหาก !
อิจิริน : แล้ว ?
มาริสะ : อ่า ก็ คืออะไรทำนองนั้นนั่นแหละ ดังนั้นอย่ามาใส่ใจฉันเลยน่า
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, ชุดดำคนนี้น่ะเหรอ... ...?
มาริสะ : อะไร ? มีอะไรเหรอ ? จู่ๆก็เริ่มพูดคนเดียวขึ้นมา
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามาน่ะ
มาริสะ : เศษเสี้ยวของสมบัติลับ... ...? ถ้าเป็นวัตถุประหลาดที่ทำให้พวกโยวเซย์คลุ้มคลั่งล่ะก็ ฉันเก็บมาอยู่นะ
อิจิริน : ทั้งๆที่ให้หนูไปตามหายังไม่เจอเลยแท้ๆ... ...
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : แต่ก็ขอบใจนะ ที่รวบรวมมาให้ ! ด้วยสิ่งนี้ ในที่สุดก็จะสามารถชุบชีวิตคุณพี่ได้เสียที !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : ยอดเยี่ยมมาก, ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้จะยังมีมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วย
มาริสะ : ฉันไม่แพ้ให้กับโยวไคระดับนี้หรอกน่า
อิจิริน : การที่รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาก็แสดงว่า คุณเองก็เป็นผู้ที่หวังให้คุณพี่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาสินะคะ ?
มาริสะ : สมบัติลับอะไรที่ว่าเนี่ย หรือว่าจะหมายถึง เจ้าวัตถุบินประหลาดที่ตกมาจากพวกโยวเซย์ ?
อิจิริน : ช่างเถอะค่ะ ช่างเถอะค่ะ เพราะยังไงคุณก็เป็นสหายร่วมอุดมการณ์เดียวกัน
มาริสะ : ... ...อะไรกัน ? เจ้าวัตถุบินประหลาดนี่เป็นของมีราคางั้นเหรอ... ...?
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- สมบัติลอยฟ้า (飛宝 ฮิโฮว) พ้องเสียงกับคำว่า สมบัติลับ (秘宝 ฮิโฮว)
- ตกมาจากโยวเซย์ เป็นสำนวนที่มาจากเกมต่างๆ นัยถึง เวลาที่กำจัดศัตรูได้แล้วจะมีของตกออกมาให้เก็บ
- 同胞 โดวโฮว แปลตามพจนานุกรมได้ว่า เพื่อนร่วมชาติ หรือพี่น้องร่วมสายเลือด แต่ขอแปลว่า สหายร่วมอุดมการณ์ เนื่องจากเข้ากับเนื้อหามากกว่า
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
มาริสะ : ถูกหลอกจนได้โว้ย
มาริสะ : ไอ้เรือลำนี้มันไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่หว่า
มาริสะ : อย่างนี้คงต้องลองเอาเจ้าวัตถุบินประหลาดที่ถูกเรียกว่าสมบัติลับนี่กลับไปตรวจสอบซะแล้ว
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
??? : มนุษย์... ...? หรือว่าคุณก็เป็นผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
มาริสะ : ... ...โยวไคงั้นเหรอ, เรือลำนี้มันคืออะไรกันแน่น่ะ ?
??? : ตายจริง คุณเอาของดีมาด้วยนี่นะ
มาริสะ : หืม ? สนใจเจ้านี่จริงๆด้วยเหรอเนี่ย ?
??? : ใช่ค่ะ ขอเพียงมีสิ่งนั้น เรือลำนี้ก็จะสามารถมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางได้
มาริสะ : จุดหมายปลายทางงั้นเหรอ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : ขออภัยที่แนะนำตัวช้า, ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
มุราสะ : เรือลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังฮคไค ซึ่งเป็นที่ที่ฮิจิริถูกผนึกเอาไว้ค่ะ
มาริสะ : ฮคไคงั้นเหรอ ? มันคืออะไรอ่ะ
มุราสะ : มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกปิศาจที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัด และฮิจิริถูกผนึกอยู่ที่นั่นค่ะ
มาริสะ : โลกปิศาจ... ...
มุราสะ : รู้สึกกลัวขึ้นมาเหรอคะ ?
มาริสะ : ไม่หรอก ฉันเคยอยากไปโลกปิศาจน่ะ, ในฐานะจอมเวทน่ะนะ
มุราสะ : จอมเวท ? คุณไม่ใช่มนุษย์หรอกเหรอคะเนี่ย ?
มาริสะ : มั้งนะ, เอาละ ช่วยพาไปหน่อยได้มั้ย
มุราสะ : ฮุฮุ น่าเสียดายนะคะ แต่ฉันไม่อนุญาตให้ผู้ไร้พลังขึ้นเรือค่ะ
มุราสะ : ดังนั้น, จงวางสมบัตินั่นเอาไว้แล้วกลับไปยังพื้นพิภพซะ !
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : แข็งแกร่งจัง... ...ช่วยไม่ได้นะ จะยอมให้ขึ้นเรือก็ได้
มาริสะ : ที่จริงก็ขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะ
มาริสะ : แล้วก็เมื่อกี้บอกว่า จะมุ่งหน้าไปยังโลกปิศาจ... ...ฮคไคนั่นล่ะ, แสดงว่าถ้านั่งเรือนี้ไปแล้วจะถึงที่นั่นได้ใช่มั้ย ?
มุราสะ : ใช่ค่ะ เพราะคุณนำสมบัติมาด้วย ตอนนี้ก็เลยเริ่มออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ
มาริสะ : ทุกทีจะไม่เข้าไปเพราะบรรยากาศเป็นพิษน่ะนะ แต่โลกปิศาจมีของที่น่าสนใจหลายหลากตกอยู่เพียบเลย
มาริสะ : ดังนั้นคราวนี้จะพยายามอดทนต่อบรรยากาศแย่ๆ แล้วเก็บของหายากมาทำเป็น Collection ให้เต็มที่เลยโว้ย !
มุราสะ : แต่จะว่าไป เรือลำนี้เป็นเรือโดยสารทางเดียวนะคะ
มุราสะ : ไม่คิดจะกลับมาจากโลกปิศาจหรอกนะคะ... ..เอาแบบนั้นจะดีเหรอคะ ?
มาริสะ : เฮ้ย เดี๋ยวสิ, งั้นหยุดเรือเหอะ
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
- มาริสะเป็นเพียงมนุษย์ที่ถืออาชีพเป็นจอมเวท แต่ไม่ได้เป็นโยวไคเผ่าจอมเวท
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
มาริสะ : โอ๋ ? หนูที่เจอเมื่อคราวก่อนไม่ใช่เหรอ, ได้กลิ่นสมบัติกระทั่งในโลกปิศาจเลยเหรอเนี่ย
นาซูริน : สมบัติน่ะหาเจอแล้วล่ะ
มาริสะ : ว่าไงนะ ? ขี้โกงอ่ะ ฉันถูกเขตแดนต่อต้านจนลงจากเรือไปที่โลกปิศาจไม่ได้เลย
นาซูริน : ไม่หรอก สมบัติที่ฉันหาอยู่ไม่ใช่ของของโลกปิศาจ แต่เป็นเจดีย์ที่ส่องแสงแห่งธรรมอันนี้ต่างหาก
นาซูริน : พอดีเลย, ลองใช้สมบัติชิ้นนี้กับเธอดูดีกว่า
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : อืม---
มาริสะ : เฮ้ยเฮ้ย โดนทิ้งไว้ที่โลกปิศาจยังพอว่านะ แต่นี่มันลงไปที่พื้นไม่ได้เลยนี่นา
มาริสะ : มันอะไรกันนักหนาเนี่ย ? เจ้าผนึกที่เข้าใจยากนี่
มาริสะ : ขืนเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เก็บสมบัติหรืออะไรอย่างอื่นกันพอดีน่ะสิวะ
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : คุณคือมนุษย์ที่รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาสินะ, เอาล่ะ รีบมาเริ่มกันเลยเถอะค่ะ
มาริสะ : โอ๋ ? หรือว่าจะทำให้สามารถเข้าไปข้างในนี้ได้ ?
??? : อืม ใช่แล้วค่ะ, นำสิ่งนั้นมาเพื่อการนี้ไม่ใช่เหรอคะ ?
??? : เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าพวกนั้น
มาริสะ : หือ ? อ๊ะ เอ้อ ก็นะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
มาริสะ : อือฮึ อือฮึ แล้วจะมีอะไรออกมาหลังจากคลายผนึกนี้ได้เหรอ ?
โชว : อ้าว ? รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาโดยที่ไม่รู้เหรอคะเนี่ย ?
มาริสะ : อ๊ะ ไม่สิ คือ แค่เผลอลืมไปนิดหน่อยเท่านั้นแหละ
โชว : หืม... ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนกับไม่รู้มาตั้งแต่แรกมากกว่านะคะ
มาริสะ : แหะแหะ
โชว : สิ่งที่นำทางคุณมาถึงที่นี่อาจจะเป็นพลังของสมบัติลอยฟ้าที่ฮิจิริเหลือทิ้งเอาไว้ก็เป็นได้
โชว : แต่อาจจะเป็นผู้ที่ต่อต้านการคืนชีพของฮิจิริก็เป็นได้ หรืออาจเป็นแค่โจรธรรมดาก็เป็นได้... ...
มาริสะ : ผิดแล้วผิดแล้ว ฉันแค่อยากจะเข้าไปข้างในนั้นเท่านั้นแหละ
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : แค่โจรธรรมดางั้นรึ... ...
โชว : แต่ถึงจะเป็นโจร ก็เป็นมนุษย์ที่ถูกเลือกโดยสมบัติลอยฟ้าไม่ผิดแน่
โชว : เพียงแต่ ถ้าหากคุณกำลังหลงเดินทางผิดล่ะก็
โชว : จะต้องสยบแทบเท้าต่อหน้าเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ซึ่งส่องแสงแห่งธรรมะที่สว่างไสวยิ่งขึ้นยามอยู่ในโลกปิศาจนะคะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : เส้นทางของคุณไม่ได้ผิดพลาด
มาริสะ : ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เรอะ ?
โชว : เอาล่ะ มาเตรียมการคลายผนึกกันเถอะ
มาริสะ : อ๊ะ เอ้อ นั่นสินะ
มาริสะ : แต่ก่อนหน้านั้น มีเรื่องที่อยากถามหน่อยนึง
มาริสะ : พอคลายผนึกนี่ออกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ ?
โชว : หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮิจิริค่ะ, แนวคิดของพวกฉันจะไม่เกี่ยวข้องแล้ว
มาริสะ : รู้สึกว่าแย่แล้วยังไงชอบกลแฮะ
มาริสะ : ถ้าเกิดกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาล่ะก็ ฉันคงต้องเข้าควบคุมสถานการณ์เองสินะ
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
มาริสะ : วู้ววววว
มาริสะ : ไม่มีอะไรเลยว้อย, โลกแห่งนี้
มาริสะ : แต่ก็สมกับเป็นโลกปิศาจล่ะนะ
มาริสะ : แค่มาอยู่ที่นี่ พลังเวทก็เอ่อล้นขึ้นมาเลย
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
มาริสะ : เธอเองเรอะ... ..., หาตัวเจอซะที
??? : คุณเป็นใครกัน ?
มาริสะ : ฉันคือจอมเวทมาริสะ, รู้สึกสนใจนิดหน่อยก็เลยมาจนถึงที่แบบนี้น่ะ
??? : อย่างงั้นเหรอคะ, จอมเวทสินะคะ... ...
มาริสะ : แล้วเธอเป็นใครกันล่ะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ไม่สิ เรียกว่าเป็นจอมเวทน่าจะถูกต้องกว่ากระมัง ?
มาริสะ : ว่าไงนะ ? เป็นจอมเวทงั้นเหรอ ? เธอก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันเหรอ ?
เบียคุเรน : อืม, ท่าทางจะเป็นเช่นนั้น, เพราะอย่างนั้นคุณจึงมาช่วยฉันสินะ ?
มาริสะ : เอ่อ ก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นหรอกนะ... ...
เบียคุเรน : ที่สำคัญกว่าคือ ตอนนี้ที่นั่นกลายเป็นโลกที่ถึงใช้เวทมนตร์ก็ไม่เป็นไรแล้วสินะคะ ?
เบียคุเรน : เป็นเพราะสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ฉันได้ใช้พลังลึกลับออกมา
เบียคุเรน : จึงถูกผู้คนรังเกียจ และจับผนึกเอาไว้ที่นี่ในท้ายที่สุดค่ะ
มาริสะ : ว่าไงนะ ? ถูกผนึกเพราะใช้เวทมนตร์เนี่ยนะ ?
เบียคุเรน : ค่ะ, ด้วยเหตุนี้ฉันจึงยอมรับตัวตนของโยวไค และเรียกร้องหาความเท่าเทียมกัน
เบียคุเรน : คุณเองก็สนับสนุนแนวคิดของฉันใช่มั้ยคะ ?
มาริสะ : โลกในตอนนี้... ...คิดว่าถึงใช้เวทมนตร์ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ
มาริสะ : แต่มนุษย์กับโยวไคไม่เท่าเทียมกันหรอก !
มาริสะ : ฝ่ายมนุษย์อ่อนแอกว่า ก็ควรจะได้รับการเอาใจใส่มากกว่าสิ !
มาริสะ : ที่สำคัญ, สักแต่พูดว่าเท่าเทียมกันแล้วไม่เห็นเคยทำตัวให้เท่าเทียมกันเลยนี่
มาริสะ : พวกโยวไคอย่างเธอน่ะ
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : งั้นเหรอคะ, ยังไงฉันก็คือผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
เบียคุเรน : ตัวฉันที่ไม่ใช่มนุษย์มาเรียกร้องหาความเท่าเทียมกันไปก็เปล่าประโยชน์สินะคะ
มาริสะ : ถูกต้องตามนั้นแหละ
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : กิเลสหนาไร้คุณธรรมและปัญญาตื้นเขินอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Marisa B's Story
ของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่นี่แหละที่น่าสนใจสุดๆ
(รูปแบบเน้นขอบเขตการโจมตีกว้างขั้นสุดยอด)
「ฉันเห็นแล้ว อะไรบางอย่างลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ผิดแน่ ดังนั้นจุดหมายคือท้องฟ้า !」
ต่อให้อยู่ข้างหลังหรือเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่มองข้าม ด้วยเวทมนตร์รอบทิศทางอันแข็งแกร่งนี้ !
Shot : 「Super Short Wave」
Spell Card : ยันต์เวท「Ultimate Short Wave」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
มาริสะ : เฮ้ยเฮ้ย กลายเป็นเรื่องสุดยอดไปแล้วว่ะ
มาริสะ : เจ้าเรือนั่นเปลี่ยนเส้นทางมาไล่ตามฉันเว้ยเฮ้ย
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ผิดแล้วผิดแล้ว ไม่ได้ไล่ตามเธอสักหน่อย
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : เจ้านั่นแค่เอาฉันมาปล่อยลงที่นี่เท่านั้นเอง
มาริสะ : อะไรกัน ? หนูเหรอ ? เมื่อกี้ก็เจอนี่นา
นาซูริน : ก็แค่ตามหาสิ่งของนิดหน่อยน่ะ, เพราะมีปฏิกิริยาของสมบัติก็เลยลงมานี่ล่ะ
นาซูริน : แต่ดูเหมือนมันจะแค่ทำปฏิกิริยาต่อตัวเธอแค่นั้นเอง, น่าผิดหวังชะมัด
มาริสะ : หนูจากเรือ... ...หรือว่าฟาดของในโกดังของเรือจนเรียบแล้ว !
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : เจ้านั่นไม่ใช่ของอย่างเรือหรอกน่า, เอาเถอะ ก็คงจะมองเห็นเป็นอย่างนั้นล่ะมั้งนะ
มาริสะ : ก็เห็นเป็นอย่างนั้นน่ะสิวะ, สายตาดีนะขอบอก
นาซูริน : เอาละ มนุษย์เอ๋ย, ฉันมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนล่ะ
มาริสะ : คิดหนีเรอะ ! รู้สึกว่าถ้าปล่อยให้หนีไปได้จะน่าเสียดายอย่างบอกไม่ถูกว่ะ !
นาซูริน : ไม่อยากต่อสู้สักเท่าไหร่เลยแฮะ... ...แต่ก็ช่วยไม่ได้น้า
(นาซูริน แพ้พ่าย)
มาริสะ : เอาล่ะ ! ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าเธอเป็นใคร !
มาริสะ : เอ๊ะ อ้าว ? หนีไปแล้วเหรอ ?
มาริสะ : เป็นหนูที่หนีเร็วจริงๆ... เออแฮะ ก็เพราะเป็นหนูนี่เนอะ
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : รอเดี๋ยวสิ~
??? : จะรีบร้อนขนาดนั้นไปไหนเหรอ ?
มาริสะ : เธอน่ะ โผล่ออกมาก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เรอะ
มาริสะ : อย่างนี้ก็เหมือนกับฉันไล่ตามเธอเลยน่ะสิ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : นั่นก็ส่วนนั่น
มาริสะ : แล้วไง ? ฉันกำลังยุ่ง มีธุระอะไรเรอะ ? ทำงาน ?
โคกาสะ : เปล่าหรอก, คือช่วงนี้มันว่างจังเลยน้า
มาริสะ : โฮ่ นั่นคือคำพูดอวดดีที่มีต่อฉันซึ่งกำลังเร่งรีบสินะ
โคกาสะ : ข่มขู่มนุษย์ไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครตกใจเลย, น่าเบื่อจัง
มาริสะ : ไม่มีมนุษย์ที่ไหนเขาตกใจกับผีร่มหรอก
มาริสะ : ร่มธรรมดาที่ปลิวไปตามลมยังจะน่ากลัวซะกว่า เพราะมันอาจลอยมาฟาดหน้าเอาได้น่ะนะ
โคกาสะ : อย่างนี้นี่เอง ! ถ้าโดนฟาดก็จะตกใจสินะคะ ?
มาริสะ : เปล่านะ ไม่ได้พูดให้หมายความว่าอย่างนั้น... ...
โคกาสะ : ฟาดแตก, แค้นนัก--- !
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
โคกาสะ : แตกแล้วจ้า--- (โดนซะเอง)
มาริสะ : เพราะผีร่มมันนุ่มนิ่มกว่าร่มธรรมดาน่ะนะ
มาริสะ : เอ๊ะ ? ของที่นุ่มนิ่มมันน่าจะแตกยากกว่านี่เนอะ ?
โคกาสะ : นุ่มนิ่ม... ... อย่างนี้นี่เอง คอนเนียคุ สินะ
มาริสะ : หา ?
โคกาสะ : ถ้าจะทำให้มนุษย์ตกใจล่ะก็ ต้องเตรียมคอนเนียคุเอาไว้, สมบูรณ์แบบ !
มาริสะ : ... ...ช่างเป็นโยวไคที่ตกยุคจริงๆเลยน้า เธอเนี่ย
Tips :
- ฟาดแตก เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่แต่ก็จะลองทำดูอย่างเต็มที่ (ที่เหลือก็มาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายแตก)
- คอนเนียคุ คือ หัวบุกแปรรูปจนมีลักษณะคล้ายวุ้นสีเทา มีทั้งแบบก้อนและแบบเส้น
ผิวสัมผัสของมันมีลักษณะคล้ายกับลิ้น จนต่างประเทศเรียกกันว่า Devil's Tongue (ลิ้นปิศาจ) และจุดเด่นของผีร่มก็คือลิ้นยาวๆนั่นเอง
ชาวญี่ปุ่นนิยมนำคอนเนียคุมาแขวนในบ้านผีสิง เวลาลูกค้าเดินมาโดนเข้าก็จะรู้สึกขยะแขยงสยดสยอง
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
มาริสะ : ห้องสมบัติ ? ทำไมห้องสมบัติมาลอยอยู่บนฟ้าล่ะ
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
มาริสะ : หาทางเข้าของเรือลำนี้ไม่เจอเลย แต่ตามเธอไปน่าจะได้มั้ง ?
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : ... ...หนีไปแล้วแฮะ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ต้องการอะไรกันแน่, สมบัติ ? หรือว่าพลังของคุณพี่ ?
มาริสะ : ไม่เห็นจะมีสมบัติอะไรพวกนั้นเลยไม่ใช่เรอะ
??? : ใช่, อย่างที่เห็นนั่นล่ะว่าสมบัติได้สาบสูญไปหมดสิ้นแล้ว
??? : สมบัติส่วนใหญ่ถูกพวกโจรโลภมากแย่งชิงไป, แม้กระทั่งสมบัติลอยฟ้าสุดท้ายที่จำเป็นต่อการคืนชีพของคุณพี่
??? : ก็ยังถูกพวกโยวเซย์ฉกฉวยเอาไปจนหมด
มาริสะ : นั่นก็น่าเสียดายนะ แต่ว่า...
มาริสะ : ดูเหมือนจะมีของที่น่าสนใจกว่าสมบัติหลับใหลอยู่นี่น้า
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : ใช่แล้วล่ะ ยังคงหลับใหลอยู่
อิจิริน : คุณพี่จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ถ้าไม่รวมรวบสมบัติลอยฟ้ามาให้ครบ
มาริสะ : หืม--- จะให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ ? ท่าทางน่าสนุกดี
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, ชุดดำคนนี้น่ะเหรอ... ...?
มาริสะ : อะไร ? มีอะไรเหรอ ? จู่ๆก็เริ่มพูดคนเดียวขึ้นมา
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามาน่ะ
อิจิริน : ทั้งๆที่ให้หนูไปตามหายังไม่เจอเลยแท้ๆ... ...
มาริสะ : จะบอกว่าฉันให้ความร่วมมือไปแล้วอย่างงั้นเหรอ ? มันอะไรกันล่ะเนี่ย สมบัติลับที่ว่า... ...
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : แต่ก็ขอบใจนะ ที่รวบรวมมาให้ ! ที่เหลือก็แค่ส่งสิ่งนั้นมาก็พอ !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : ยอดเยี่ยมมาก, ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้จะยังมีมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วย
มาริสะ : แล้วตกลงสมบัติลับมันคืออะไรกันล่ะ ?
อิจิริน : สมบัติลอยฟ้า คือสมบัติที่เก็บกักพลังของคุณพี่เอาไว้มากที่สุด, เธอก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ?
มาริสะ : เห็นอะไรล่ะหา
อิจิริน : เศษเสี้ยวโบยบินที่พวกโยวเซย์ถือมาในบางครั้งไง
มาริสะ : หรือว่าจะหมายถึงเจ้า UFO จานกลมนี่กันน้า
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- สมบัติลอยฟ้า (飛宝 ฮิโฮว) พ้องเสียงกับคำว่า สมบัติลับ (秘宝 ฮิโฮว)
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
มาริสะ : โฮ่... ...ดูซิ ดูซิ
มาริสะ : ไม่มีอะไรเลยอย่างหมดจด ไม่มีใครอยู่เลยอย่างเกลี้ยงเกลาเลยนี่หว่า
มาริสะ : นี่มันซากปรักหักพังที่กลายเป็นรังของโยวเซย์รึไง แล้วของพรรค์นี้มันบินได้ยังไงเนี่ย
มาริสะ : อาจจะเป็นอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง, รู้สึกได้อย่างเดียวเลยว่านี่มันต้องเป็นเรือผีแหงๆ
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
มาริสะ : โอ๊ะ มองข้ามไปเลยว่ะ, มีคนขึ้นเรือมาด้วยรึนี่
??? : ผู้ใดกันคะ
มาริสะ : จอมเวทที่แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้น่ะ แล้วเธอล่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : ขออภัยที่แนะนำตัวช้า, ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
มาริสะ : กัปตันเรือมาแล้วเรอะ ! แสดงว่าเรือลำนี้ไม่ได้แค่ล่องลอยไปเรื่อยๆสินะ
มาริสะ : แล้ว เรือลำนี้มันคือ 「เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์」งั้นเหรอ ?
มุราสะ : ใช่แล้วค่ะ เพราะเป็นเรือที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ฮิจิรินั่งมา จึงตั้งชื่อว่าเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ค่ะ
มุราสะ : แต่ว่า ในตอนนี้นอกจากคุณกับฉันและโยวไคอีกส่วนหนึ่ง ก็ไม่มีใครโดยสารมาแล้วค่ะ
มาริสะ : งั้นเหรอ งั้นมันก็น่าจะโหรงเหรงอย่างนี้ล่ะนะ
มาริสะ : แล้วเรือลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนล่ะ ? แล้วจะบินไปเพื่ออะไรเหรอ ?
มุราสะ : เรือลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังฮคไคค่ะ, เพื่อช่วยเหลือฮิจิริ และสร้างโลกใหม่ค่ะ
มาริสะ : โฮ่... ไม่เข้าใจเลยสักนิดอ่ะ
มุราสะ : ที่จริงแล้วมีเรื่องที่ไม่ได้บอกคุณอยู่ค่ะ
มุราสะ : แค่เพียงมีสมบัติที่คุณนำมา เรือลำนี้ก็จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ค่ะ
มุราสะ : จึงต้องขอถ่วงเวลาคุณไว้จนกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางล่ะค่ะ
มาริสะ : ... ...ว่าไงนะ ?
มุราสะ : เอาล่ะ อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว, ไม่ให้หนีไปได้หรอกค่ะ !
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : แข็งแกร่ง... ...แต่ก็ถ่วงเวลาได้เพียงพอแล้วค่ะ
มาริสะ : ไม่ได้คิดจะหนีตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
มาริสะ : ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเรือลำนี้เลยนี่นา
มุราสะ : งั้นเหรอคะ, เช่นนั้นฉันก็วางใจและจะได้เดินเรือต่อไป, อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้วค่ะ
มาริสะ : อะไรกันเนี่ย, จู่ๆก็ใช้เวทมนตร์ได้ง่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
มุราสะ : ผลกระทบจากการที่เรากำลังจะทะลวงเข้าสู่โลกปิศาจในอีกไม่ช้ากระมังคะ
มาริสะ : ละ.. โลกปิศาจงั้นเหรอ ?
มุราสะ : ใช่ค่ะ เพราะว่าฮคไคเป็นส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็จำเป็นต้องเดินทางไปที่โลกปิศาจค่ะ
มุราสะ : บรรยากาศที่ทำให้ร่างกายอึดอัดล่องลอยไปทั่ว แต่นั่นก็ทำให้เวทมนตร์แข็งแกร่งขึ้นค่ะ
มุราสะ : ด้วยเหตุนี้ ผนึกของฮิจิริก็เลยแข็งแกร่งอย่างยิ่งค่ะ
มาริสะ : โอ้โห... ถูกผนึกไว้ในที่แบบนี้, จะเป็นคนแบบไหนกันแน่นะเนี่ย
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
มาริสะ : อ๊ะ หนูเมื่อตอนนั้นนี่ !
มาริสะ : มาอยู่ที่นี่ก็หมายความว่า เธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือลำนี้จริงๆด้วยสินะ
นาซูริน : ได้ยินว่าเธอรวบรวมสมบัติที่ฉันกำลังตามหาได้ชิ้นหนึ่งนี่นะ
นาซูริน : ขณะเดียวกัน ฉันก็กำลังค้นหาสมบัติอีกชิ้นหนึ่ง โดยเก็บเป็นความลับต่อพวกกัปตัน
นาซูริน : นายท่านเผลอทำหายไป ก็เลยอายจนไม่อาจบอกใครได้นอกจากฉันน่ะนะ
นาซูริน : มาลองใช้เจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้ดูสักหน่อยดีกว่ามั้ย
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
มาริสะ : โฮ่ โฮ่
มาริสะ : เป็นผนึกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ อย่างนี้ก็จัดการด้วยวิธีทั่วๆไปไม่ได้น่ะสิ
มาริสะ : จะคลายผนึกได้ ต้องใช้สมบัติที่ฉันเอามา ? ดูเหมือนจะเป็นของจำเป็นแฮะ... ...
มาริสะ : แต่สมบัติที่ว่าเนี่ย... มันคือเจ้า UFO นี่จริงๆเหรอเนี่ย ?
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ใช่แล้ว คอยอยู่เลยล่ะ
??? : ขอเพียงมีสมบัติลอยฟ้าที่คุณนำมานั่น ก็จะสามารถปลดผนึกของที่นี่ลงได้ค่ะ
มาริสะ : ใครน่ะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
มาริสะ : เจ้า UFO นี่... ...คือ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า ? แล้วยุ้งฉางลอยฟ้ามันคืออะไรกันล่ะ ?
โชว : อ้าว ? รวบรวมสมบัติลอยฟ้ามาโดยที่ไม่รู้เหรอคะเนี่ย ?
มาริสะ : พอรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอรวบรวมมาแล้วน่ะ
โชว : ยุ้งฉางลอยฟ้าก็ตรงตามชื่อค่ะ เป็นยุ้งฉางที่บินไปบนท้องฟ้า
โชว : เป็นยุ้งฉางที่บรรจุไว้ด้วยพลังมหัศจรรย์ของท่านน้องชาย
โชว : พลังวิญญาณนั้นมากมายขนาดที่แค่สัมผัสกับยุ้งฉางก็จะเพิ่มความสามารถทางร่างกายและบินไปบนท้องฟ้าได้ค่ะ
มาริสะ : โห ?
โชว : หลายร้อยปีมานี้ ยุ้งฉางดังกล่าวได้ถูกปิดผนึกไว้ในโลกใต้พิภพร่วมกับพวกเราค่ะ
โชว : แต่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อฤดูหนาวนี้
โชว : ด้วยเหตุนี้ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าจึงกระจัดกระจายไปบนพื้นพิภพพร้อมๆกับน้ำพุร้อนค่ะ
มาริสะ : น้ำพุร้อนเหรอ จะว่าไปตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้วก็ผุดขึ้นมาบ่อยอยู่นะ, เพราะอะไรก็ไม่รู้
โชว : ตอนที่พวกเราลืมตาตื่นขึ้นมาจากใต้พิภพ เศษเสี้ยวก็กระจัดกระจายไปทั่วด้วยฝีมือของเหล่าโยวเซย์แล้วค่ะ
โชว : การคลายผนึกให้ฮิจิริต้องใช้บุญบารมีของท่านน้องชายเท่านั้น
โชว : หากแต่สิ่งที่ยังคงมีพลังวิญญาณของท่านน้องชายหลงเหลืออยู่นั้น มีแต่เศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้าเท่านั้นค่ะ
มาริสะ : ไม่ค่อยเข้าใจ แต่หมายความว่าเจ้า UFO นี่เป็นของสำคัญงั้นสินะ ? เป็นของล้ำค่างั้นสินะ ?
มาริสะ : สิ่งที่ทำให้พวกโยวเซย์คลุ้มคลั่งก็คือ UFO นี่เหมือนกัน, อยากเอากลับบ้านไปตรวจสอบชะมัดเลยวุ้ย
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : ตอนนี้เอาสมบัติลอยฟ้ากลับไปไม่ได้นะคะ, ต้องมีมันในการคลายผนึกที่นี่ค่ะ
โชว : ยิ่งถ้าคุณเอาพลังของสมบัติลอยฟ้าไปใช้ในทางที่ผิด ก็จะยิ่งเกิดปัญหาค่ะ
โชว : ไม่อยากจะทำอย่างนี้เลยนะคะ แต่ช่วยไม่ได้ค่ะ
โชว : แสงแห่งธรรมที่สาดส่องจากเจดีย์แห่งบิชามอนเทนจะขจัดจิตชั่วร้ายออกไปจากตัวคุณค่ะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : สมกับที่สามารถรวบรวมสมบัติลอยฟ้าได้มากมายถึงเพียงนั้นเเลยนะคะ, ถ้าหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ล่ะก็... ...
มาริสะ : เดี๋ยวสิ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง, ฉันตั้งใจว่าจะช่วยคลายผนึกให้อยู่แล้วล่ะน่า
โชว : อย่างนั้นเหรอคะ เช่นนั้นคุณก็เป็นสหายร่วมอุดมการณ์สินะคะ
มาริสะ : ถ้าคลายผนึกได้อย่างปลอดภัยล่ะก็ ขอแบ่งเจ้าสมบัติลอยฟ้านี่ไปเป็นค่าตอบแทนนิดหน่อยละกัน
โชว : อืม... ...ฉันให้สัญญาค่ะ, แต่ว่าแค่อันเดียวนะคะ เพราะมันเป็นของมีค่า
มาริสะ : สำเร็จแล้วว้อย !
Tips :
- ต้นแบบของเบียคุเรนมาจาก ม้วนภาพสมัยยุคเฮย์อันนามว่า "ชิกิซันเอนกิ" ที่เพิ่งได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นในปี 2006
ภายในเรื่อง มีตัวเอกชื่อเมียวเรน เป็นนักบวชที่เก่งกาจและมากด้วยพลัง ทั้งยังทรงคุณธรรมและเปี่ยมด้วยเมตตา
ในบทมหาเศรษฐียามาซากิ (บทโทบิคุระ) กล่าวถึงบาตรลอยได้ และยุ้งฉางลอยฟ้า (เกิดจากเมียวเรนใช้บาตรยกให้ลอยขึ้นมา)
ต่อมาเศรษฐีขี้งกได้มาขอข้าวในยุ้งฉางคืน เมียวเรนจึงคืนข้าวให้โดยเอาบาตรบินไปส่งให้ที่บ้าน แต่ไม่คืนยุ้งฉางให้เพราะเศรษฐีไม่ได้ขอ
ส่วนบทอามะกิมิ (นางชีที่มาจากหญิงสูงศักดิ์) ได้กล่าวถึงพี่สาวของเมียวเรนว่ามาเยี่ยมเขาที่วัด แต่ไม่มีชื่อของเธอระบุไว้
อาจกล่าวได้ว่า โทโฮภาคนี้ได้แรงบันดาลใจจากสมบัติประจำชาติชิ้นใหม่ และอาศัยตรงจุดที่ว่ามีนางชีนิรนามในเรื่อง สร้างเป็นเบียคุเรนขึ้นมานั่นเอง
แต่มีการดัดแปลงเนื้อหาตรงที่ว่า ยุ้งฉางสามารถบินได้เอง โดยไม่ต้องมีบาตรบินได้มายกให้ลอยขึ้นแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นที่อาศัยของเมียวเรนด้วย
- 同胞 โดวโฮว แปลตามพจนานุกรมได้ว่า เพื่อนร่วมชาติ หรือพี่น้องร่วมสายเลือด แต่ขอแปลว่า สหายร่วมอุดมการณ์ เนื่องจากเข้ากับเนื้อหามากกว่า
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
มาริสะ : อุหวา---
มาริสะ : ไม่มีอะไรเลยจนน่าตกใจจริงๆว้อย---
มาริสะ : รีบกลับไปตรวจสอบเจ้าเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้านี่ดีกว่ามั้งน้า---
มาริสะ : เผ่นไปก่อนที่จะมีอะไรโผล่ออกมาดีกว่า
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
มาริสะ : อุ, โดนเจอตัวจนได้วุ้ย
มาริสะ : ลองเป็นอย่างนี้แล้วคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจหน่อยแล้วมั้ง
??? : พลังเอ่อล้นขึ้นมาอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน, ขอบพระคุณมากค่ะ
??? : อยากจะตอบแทนคุณให้ได้เลยค่ะ แต่ว่า... ...โชคไม่ดีที่ไม่มีอะไรอยู่ในฮคไคเลย
มาริสะ : ตอบแทนงั้นเหรอ ? ว่าแต่เธอเป็นใครกันล่ะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ไม่สิ เรียกว่าเป็นจอมเวทน่าจะถูกต้องกว่ากระมัง ?
มาริสะ : เพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน อะไรทำนองนั้นสินะ... ...
มาริสะ : ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันอยากได้สิ่งตอบแทนอ่ะ
เบียคุเรน : เพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ? คุณก็ใช้เวทมนตร์สินะ ?
มาริสะ : เออ แม่นแล้ว
เบียคุเรน : งั้นคงต้องคิดถึงเรื่องการตอบแทนสักหน่อยแล้ว ขืนเป็นเรื่องที่คุณเองก็ทำได้คงแย่เลย... ...
เบียคุเรน : จะว่าไป ตอนนี้กลายเป็นยุคที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างโจ่งแจ้งแล้วสินะ ?
เบียคุเรน : เป็นเพราะสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ฉันได้ใช้พลังลึกลับออกมา
เบียคุเรน : จึงถูกผู้คนรังเกียจ และจับผนึกเอาไว้ที่นี่ในท้ายที่สุดค่ะ
มาริสะ : ว่าไงนะ ? ถูกผนึกเพราะใช้เวทมนตร์เนี่ยนะ ?
มาริสะ : โลกในตอนนี้... ...คิดว่าถึงใช้เวทมนตร์ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ
เบียคุเรน : ดีจังเลย เพียงเท่านี้ฉันก็จะได้รับการปลดปล่อยเสียที
เบียคุเรน : หลังจากนี้ก็ต้องกลับไปที่โลกเดิม แล้วพยายามให้มากๆ
มาริสะ : คอยเดี๋ยวซิ เธอคิดจะทำอะไรน่ะ ? จุดประสงค์คืออะไร ?
เบียคุเรน : ฉันจะเรียกร้องความเท่าเทียมกันระหว่างมนุษย์กับโยวไค และนำความเท่าเทียมกันมาสู่โลกค่ะ
มาริสะ : ความเท่าเทียม... ...งั้นเหรอ ?
เบียคุเรน : เป็นการช่วยเหลือเหล่าโยวไคที่ถูกกดขี่ข่มเหงค่ะ, นั่นคือภารกิจที่ฉันผู้เป็นจอมเวทได้ตัดสินใจลงไป
มาริสะ : ไม่ เดี๋ยว ฉันปล่อยให้ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกว้อย
มาริสะ : สังคมโลกตอนนี้ มนุษย์เป็นฝ่ายถูกกดขี่ข่มเหง ส่วนพวกโยวไคเดินกร่างอยู่ตามท้องถนนนะเฟ้ย
มาริสะ : พวกโยวไคอย่างเธอน่ะ รีบๆตอบแทนฉันแล้วทำตัวให้มันเรียบร้อยหน่อยเหอะ
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : งั้นเหรอคะ, ยังไงฉันก็คือผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
เบียคุเรน : ตัวฉันที่ไม่ใช่มนุษย์มาเรียกร้องหาความเท่าเทียมกันไปก็เปล่าประโยชน์สินะคะ
มาริสะ : ถูกต้องตามนั้นแหละ
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : ป่าเถื่อนไร้อารยธรรมและปัญญาคับแคบอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Sanae A's Story
ตามดำรัสของท่านคานาโกะ
(รูปแบบติดตาม & รวมศูนย์จุดเดียว)
「ท่านคานาโกะบอกว่า ...เจ้าเองก็จงกลายเป็นผู้ที่สามารถกำราบโยวไคได้ซะ... น่ะค่ะ」
จงป้องกันอันตรายล่วงหน้า ด้วยพลังเทพแห่งงูผู้ไล่กัดปิศาจไม่ยอมปล่อย !
Shot : 「Sky Serpent」
Spell Card : ยันต์งู「พญางูยุคเทพ」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
ซานาเอะ : มัวแต่ไล่ตามเรือลอยฟ้าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยนะค้า
ซานาเอะ : แล้วยังมีโยวเซย์ประหลาดในหมู่พวกโยวเซย์อีก มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ... ...
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ปฏิกิริยาของสมบัติมาจากแถวๆนี้... ...
ซานาเอะ : กรี๊ด ตกใจหมดเลย หนูตัวเมื่อกี้สินะคะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : อะไรกัน มนุษย์เมื่อกี้งั้นเหรอ แยกแยะผิดพลาดรึนี่
นาซูริน : อย่ามาขวางการทำงานของฉันสิ
ซานาเอะ : งานเหรอคะ ? เป็นแค่หนูแท้ๆ
ซานาเอะ : เป็นแค่หนูที่สุดท้ายก็กินข้าวที่เก็บสะสมไว้จนหมดไม่เหลือสักเม็ด แล้วไม่อาจรอดพ้นไปจากฤดูหนาวได้แท้ๆ
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย อย่ามาดูถูกหนูนะ
(นาซูรินรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง)
นาซูริน : ... ...อะไรเนี่ย ปฏิกิริยาของสมบัติที่นี่ ดูเหมือนจะมาจากตัวเธอแฮะ
นาซูริน : เสียเวลาชะมัดยาดเลย สงสัยต้องลองไล่ตามปฏิกิริยาของสมบัติอีกชิ้นซะแล้ว
ซานาเอะ : อย่างนี้นี่เอง ถึงเป็นหนูแต่ก็ไม่โง่สินะคะ
ซานาเอะ : แถมหนูที่โลกภายนอกยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเคารพซึ่งขาดเสียมิได้ในการทดลองสิ่งมีชีวิตเสียด้วยสิ
นาซูริน : น่าเสียดาย แต่ถ้าดูแคลนหนูล่ะก็ ถึงตายเชียวนะ
(นาซูริน แพ้พ่าย)
ซานาเอะ : ว้าว
ซานาเอะ : นี่คือการกำราบโยวไคสินะคะ !
ซานาเอะ : ... ...อาจจะสนุกดีก็ได้นะเนี่ย
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : รอเดี๋ยวสิ~
ซานาเอะ : มีอะไรเหรอคะ
??? : แค้นนัก---
ซานาเอะ : ... ...ต้องการอะไรกันแน่คะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : ... ...เหงาจังเลยน้า
โคกาสะ : ตกใจหน่อยไม่ได้เหรอ ?
ซานาเอะ : เอ... คือ ฉันชินแล้วน่ะค่ะ
โคกาสะ : ทั้งๆที่พวกเราเหล่าโยวไคกำลังพยายามเพื่อทำให้มนุษย์ตกใจแท้ๆ
ซานาเอะ : อ้าว ? แต่ฉันได้ยินมาว่ากำลังพยายามเพื่อจับมนุษย์กินนะคะ... ...
โคกาสะ : ถึงจะพูดว่ากิน แต่หากมีผู้ที่กินเนื้อ ก็ย่อมมีผู้ที่กินจิตใจนะ
โคกาสะ : ถ้ามนุษย์อย่างพวกเธอไม่ตกใจ ฉันก็หิวแย่สิ
ซานาเอะ : ยุ่งยากจังเลยนะค้า, แต่ก็นะ ในที่สุดฉันเองก็เข้าใจความสนุกขึ้นมาแล้ว, การตกใจมันก็เลย... ...(โคกาสะพูดแทรก)
โคกาสะ : ความสนุก ?
ซานาเอะ : ความสนุกของการกำราบโยวไคไงล่ะ
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
โคกาสะ : อา... คุณค่าของโยวไคที่ไม่อาจทำให้ใครตกใจได้มันช่าง... ...
ซานาเอะ : แหมแหม อย่าหดหู่สิ้นหวังแบบนั้นสิ
โคกาสะ : ฉันกลับไปเป็นร่มธรรมดาเสียแต่วันนี้เลยดีมั้ยนะ
ซานาเอะ : คิดว่าร่มที่เหมือนกับมะเขือม่วงเก่าแก่แบบนั้นคงไม่มีใครเอาไปกางใช้หรอกค่ะ
โคกาสะ : มันเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะงั้นถึงได้กลายเป็นโยวไคที่ถูกทิ้งไงล่ะ, อา... แผลเก่าในใจมัน... ...
ซานาเอะ : ตายจริง ท่าทางฉันจะพูดเรื่องไม่ควรออกไปสินะคะ
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
ซานาเอะ : เอ๊ะ ? ห้องสมบัติเหรอคะ ?
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
ซานาเอะ : ไม่ได้ต้องการห้องสมบัตินะคะ ฉันมากำราบโยวไคต่างหากค่ะ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
ซานาเอะ : อ้าว ทำไมหนีไปล่ะ ?
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ถ้าจะกำราบโยวไคก็ไปหาคนอื่นสิ
ซานาเอะ : กำราบโยวไคเป็นเรื่องที่ต้องทำกับโยวไคค่ะ ! คุณไม่ใช่โยวไคเหรอคะ ?
??? : ก็เป็นโยวไคน่ะนะคะ
ซานาเอะ : ... ...เตรียมรับมือ !
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : ฉันใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่รึ
อิจิริน : คุณต้องฆ่าโยวไคจึงจะสงบสุขอย่างนั้นหรือ ?
ซานาเอะ : อึก... นั่นก็เพื่อศีลธรรมจรรยาน่ะ
อิจิริน : ช่วงนี้มนุษย์ช่างเอาแต่ใจตัวเองจริงๆนะ
อิจิริน : ในทางกลับกัน ทั้งๆที่คุณพี่ของพวกเราเคยเป็นมนุษย์แท้ๆ แต่กลับพยายามเพื่อโยวไคถึงเพียงนั้น... ...
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, มิโกะคนนี้น่ะเหรอ... ...?
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามาน่ะ
ซานาเอะ : เอ๋ ? จู่ๆก็พูดเรื่องอะไรน่ะ ?
อิจิริน : ดูผิดไปหน่อย ต้องขออภัย
อิจิริน : กำลังพยายามชุบชีวิตให้คุณพี่สินะ, ผู้มีจุดมุ่งหมายเดียวกับฉันเอ๋ย
ซานาเอะ : เอ๋ ? ไม่นะ คือว่า
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : ขอบใจนะ ที่รวบรวมมาให้ ! ที่เหลือก็แค่ส่งสิ่งนั้นมาก็พอ !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : ยอดเยี่ยมมาก, ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้จะยังมีมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วย
ซานาเอะ : เป็นโยวไคที่สมกับเป็นโยวไคดีนะคะ อย่างนี้ค่อยรู้สึกว่าบรรลุเป้าหมายหน่อยค่ะ
ซานาเอะ : ถ้าหนทางข้างหน้าต่อจากนี้มีแต่โยวไคแบบนี้ก็คงจะดีนะคะ
อิจิริน : ไม่ยอมยกสมบัติลอยฟ้าที่รวบรวมมาให้แก่ฉัน
อิจิริน : แสดงว่าต้องการจะนำเข้าไปชุบชีวิตด้วยตนเองสินะคะ ?
อิจิริน : เช่นนั้นก็เชิญเข้าไปสู่ด้านในได้เลยค่ะ
ซานาเอะ : ข้างในต้องมีโยวไคที่คู่ควรแก่การกำราบอยู่เป็นแน่
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- ต้องฆ่าโยวไคจึงจะสงบสุขอย่างนั้นหรือ เป็นประโยคที่ล้อมาจากเกมชินเมกามิเทนเซย์ที่ว่า ต้องฆ่าปิศาจจึงจะสงบสุขอย่างนั้นหรือ
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
ซานาเอะ : อืม---
ซานาเอะ : มีแต่โยวเซย์ ไม่มีใครอยู่เลยน้า... ...
ซานาเอะ : เคยจินตนาการไว้ว่ารังลับของโยวไคเนี่ยมันน่าจะคล้ายกับปราสาทมารมากกว่านี้นะคะ
ซานาเอะ : การตกแต่งก็ดูเรียบง่ายสไตล์โบราณเสียด้วยสิ... ...
ซานาเอะ : ไม่มีใครอยู่เลยเหรอคะ---
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
ซานาเอะ : มีแฮะ
ซานาเอะ : แค่ลองพูดดูนะเนี่ย
??? : ผู้ใดกันคะ ?
ซานาเอะ : ผู้มากำราบโยวไค
ซานาเอะ : นามว่า โคจิยะ ซานาเอะ ค่ะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
มุราสะ : มากำราบโยวไคได้ทันเวลาพอดีเลยนะคะ
ซานาเอะ : คุณกัปตันเรือเหรอคะ ?
ซานาเอะ : ออกมาเตร็ดเตร่แบบนี้จะดีเหรอคะ ?
มุราสะ : ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะเรือลำนี้จะมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางโดยอัตโนมัติ
มุราสะ : อันที่จริงถึงจะพูดว่าเป็นกัปตันแต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำหรอกค่ะ
ซานาเอะ : อย่างนั้นเหรอคะ, เหมือนกับชินคันเซนสินะคะ
ซานาเอะ : ถ้าอย่างนั้นคงต้องรีบหน่อยล่ะ
มุราสะ : รีบ ?
ซานาเอะ : ไม่ฟังกันอย่างนี้ก็แย่สิคะ, ก็เรื่องกำราบโยวไคไงล่ะคะ
ซานาเอะ : คุณเป็นโยวไคสินะคะ ?
มุราสะ : โยวไคค่า---
มุราสะ : แต่อีกเดี๋ยวการกำราบโยวไคที่แสนยุ่งยากน่ารำคาญก็จะจบสิ้นลงแล้วล่ะค่ะ
ซานาเอะ : หา ?
มุราสะ : อนาคตที่ฮิจิริปรารถนา คือโลกแห่งโยวไคอันแสนงดงามที่ปราศจากการต่อสู้แย่งชิงค่ะ
มุราสะ : และสมบัติที่คุณนำมาจะทำให้สามารถคลายผนึกให้แก่ฮิจิริได้ค่ะ
ซานาเอะ : เอ๋ ? โลกที่ไม่มีการกำราบโยวไค ? แบบนั้นก็แย่น่ะสิคะ
มุราสะ : ฉันแค่พาคุณไปยังโลกปิศาจ ตราบเท่าที่คุณและสมบัติที่คุณนำมายังคงอยู่บนเรือค่ะ
มุราสะ : เอาล่ะ อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว, ไม่ให้หนีไปได้หรอกค่ะ !
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : ไม่ได้กำราบโยวไคแต่ปากสินะ
ซานาเอะ : สมบัติที่ฉันนำมามันคืออะไรเหรอ ?
มุราสะ : วัตถุบินที่ลอยได้อย่างอิสระค่ะ
มุราสะ : ถึงแม้ว่าแต่เดิมมันจะเป็นส่วนหนึ่งของยุ้งฉางก็เถอะ... ...
ซานาเอะ : อ๋อ หมายถึงเจ้าของเล่นรูป UFO นี่สินะ ?
มุราสะ : UFO ?
ซานาเอะ : เอ--- แล้วมันยังไงกันล่ะคะเนี่ย ?
ซานาเอะ : วัตถุปริศนาลอยฟ้าคือไอ้ที่ว่านั่น ?
มุราสะ : ถูกต้องตามนั้นค่ะ
มุราสะ : นั่นคือสมบัติลอยฟ้า, หรือก็คือ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าค่ะ
ซานาเอะ : ตัวจริงของ UFO คือส่วนหนึ่งของยุ้งฉางเหรอเนี่ย---
ซานาเอะ : ถูกนิตยสารที่เคยอ่านเมื่อสมัยก่อนหลอกเอาจนได้---
มุราสะ : สมบัติหนึ่งเดียวที่ท่านน้องชายในตำนานเหลือทิ้งเอาไว้เลยนะคะ
มุราสะ : เอาล่ะ เริ่มเห็นจุดหมายปลายทางแล้วล่ะค่ะ
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
- ชินคันเซน เป็นชื่อเรียกรถไฟความเร็วสูงแบบหัวกระสุนของญี่ปุ่น เมื่อออกวิ่งแล้วก็จะถึงที่หมายตามเวลาที่กำหนด นักขับจึงไม่ต้องทำอะไรมากนัก
- ต้นแบบของเบียคุเรนมาจาก ม้วนภาพสมัยยุคเฮย์อันนามว่า "ชิกิซันเอนกิ" ที่เพิ่งได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นในปี 2006
ภายในเรื่อง มีตัวเอกชื่อเมียวเรน เป็นนักบวชที่เก่งกาจและมากด้วยพลัง ทั้งยังทรงคุณธรรมและเปี่ยมด้วยเมตตา
ในบทมหาเศรษฐียามาซากิ (บทโทบิคุระ) กล่าวถึงบาตรลอยได้ และยุ้งฉางลอยฟ้า (เกิดจากเมียวเรนใช้บาตรยกให้ลอยขึ้นมา)
ต่อมาเศรษฐีขี้งกได้มาขอข้าวในยุ้งฉางคืน เมียวเรนจึงคืนข้าวให้โดยเอาบาตรบินไปส่งให้ที่บ้าน แต่ไม่คืนยุ้งฉางให้เพราะเศรษฐีไม่ได้ขอ
ส่วนบทอามะกิมิ (นางชีที่มาจากหญิงสูงศักดิ์) ได้กล่าวถึงพี่สาวของเมียวเรนว่ามาเยี่ยมเขาที่วัด แต่ไม่มีชื่อของเธอระบุไว้
อาจกล่าวได้ว่า โทโฮภาคนี้ได้แรงบันดาลใจจากสมบัติประจำชาติชิ้นใหม่ และอาศัยตรงจุดที่ว่ามีนางชีนิรนามในเรื่อง สร้างเป็นเบียคุเรนขึ้นมานั่นเอง
แต่มีการดัดแปลงเนื้อหาตรงที่ว่า ยุ้งฉางสามารถบินได้เอง โดยไม่ต้องมีบาตรบินได้มายกให้ลอยขึ้นแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นที่อาศัยของเมียวเรนด้วย
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
ซานาเอะ : อ๊ะ ! หนูนี่นา ยังมีชีวิตอยู่สินะ
นาซูริน : ไม่ถูกเล่นงานง่ายๆอย่างนั้นหรอกน่า
ซานาเอะ : คราวนี้แหละ จะเอาให้ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกเป็นครั้งที่สองเลยล่ะ ! ฝีมือของคุณก็อ่อนหัดซะด้วยสิ
นาซูริน : อ้าวเฮ้ย ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่นะ
นาซูริน : จนกว่าจะเอาเจดีย์นี้ไปส่งถึงที่ คงยอมให้เธอเล่นงานไม่ได้หรอก
นาซูริน : คงต้องขอยืมพลังของเจดีย์ที่ส่องแสงให้แก่โลกด้วยพลังธรรมอันนี้สักหน่อยแล้ว !
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
ซานาเอะ : ที่นี่มันอะไรกัน... ....รู้สึกได้ถึงลางร้ายขึ้นมาเลย
ซานาเอะ : บรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน แล้วยังมีเขตแดนที่ไม่เคยเห็นนี่อีก
ซานาเอะ : ทำไมฉันจึงถูกพามาในที่แบบนี้กันนะ ?
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : กำลังรอคุณอยู่เลย !
??? : ขอเพียงมีสมบัติลอยฟ้าที่คุณนำมา ก็จะสามารถคลายผนึกของที่นี่ลงได้ค่ะ
ซานาเอะ : เอ๊ะ ? ใครน่ะ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
ซานาเอะ : ยุ้งฉาง... ...จริงสิ, UFO เคยเป็นยุ้งฉางนี่นะ, ถ้าเอาเรื่องนี้กลับไปเล่าให้ฟังล่ะก็ ต้องตื่นเต้นกันแน่เลย---
โชว : เอาล่ะ มาคลายผนึกด้วยกันกับฉันเถอะค่ะ
ซานาเอะ : เอาละ, ก็เป็นห่วงเรื่องผนึกอยู่หรอกนะ แต่ว่า... ...ก่อนอื่นก็ต้องกำราบโยวไคที่อยู่ตรงหน้าก่อนล่ะนะ
โชว : โยวไค ? หมายถึงฉันเหรอคะ ?
ซานาเอะ : มีคนอื่นอยู่อีกรึ
โชว : ความถูกต้องของคุณคือการกำราบโยวไคสินะ
โชว : นั่นก็เป็นแนวคิดสากลอย่างหนึ่ง
ซานาเอะ : ตัวฉันอยู่ที่นี่ ก็เพื่อดัดนิสัยผู้ที่ไม่เคารพศรัทธาในเทพเจ้าค่ะ !
โชว : ฉันเป็นโยวไคก็จริง แต่เคารพศรัทธาในตัวบิชามอนเทนนะคะ
ซานาเอะ : เอ๊ะ, อ้าว ?
ซานาเอะ : แต่ก็จะกำราบให้ดูค่ะ !
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : อย่างนั้นเหรอคะ, เช่นนั้นก็ย่อมได้ค่ะ, คุณเองก็มีความถูกต้องของตัวคุณเองอยู่
โชว : เพียงแต่ ถ้าหากคุณกำลังหลงเดินทางผิดล่ะก็
โชว : จะต้องสยบแทบเท้าต่อหน้าเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ซึ่งส่องแสงแห่งธรรมะที่สว่างไสวยิ่งขึ้นยามอยู่ในโลกปิศาจนะคะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : แพ้แล้ว... ...คุณเองก็ไม่ได้เดินทางผิดสินะ
ซานาเอะ : ยอมแพ้แล้วใช่มั้ย---!
ซานาเอะ : นี่ล่ะคือพลังของฉัน โคจิยะ ซานาเอะ ผู้เป็นเทพในร่างมนุษย์ล่ะ
โชว : ถ้าเช่นนั้น คุณคิดจะทำอะไรต่อไปเหรอคะ ?
โชว : ที่นี่คือโลกปิศาจค่ะ แถมเรือที่จะพาคุณกลับไปส่งยังโลกเดิมก็พลังงานหมดแล้วด้วย
ซานาเอะ : เอ๋ ?
โชว : คิดว่าถ้าเป็นพลังของฮิจิริล่ะก็ น่าจะส่งคุณกลับโลกเดิมได้อย่างง่ายดายเลยล่ะค่ะ... ...
ซานาเอะ : นะ.. นั่นสินะ, ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คงต้องชุบชีวิตฮิจิริที่ว่านั่นขึ้นมาแล้วล่ะนะ
ซานาเอะ : ท่านคานาโกะคะ... ...เวลาอย่างนี้ฉันควรจะทำยังไงดี
ซานาเอะ : ... ...
ซานาเอะ : ... ...จริงสิ, ลองดูก่อนว่าถ้าคนที่ถูกผนึกนั่นเป็นคนอันตราย ก็แค่กำราบซะก็สิ้นเรื่องนี่นา !
โชว : จะให้ความร่วมมือสินะคะ ?
ซานาเอะ : อื้ม !
ซานาเอะ : ลงมือกันเลย !
โชว : จะว่าไป แต่เดิมฮิจิริก็เป็นมนุษย์ จึงเป็นมิตรกับมนุษย์ค่ะ
โชว : ทั้งอย่างนั้นแล้วคุณก็ยังสามารถกำราบโยวไคได้เหรอคะ ?
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
ซานาเอะ : ที่นี่มันอะไรกัน... ...
ซานาเอะ : ลางร้ายที่รู้สึกได้จนถึงเมื่อกี้อย่างกับเรื่องโกหกเลย
ซานาเอะ : คนที่ถูกผนึกอยู่ที่นี่เป็นคนแบบไหนกันแน่น้า
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
ซานาเอะ : อ๊ะ มาแล้ว
ซานาเอะ : คือว่า... ฉันอยากกลับไปที่โลกเดิมน่ะค่ะ
??? : หา... เรื่องนั้นน่าจะทำได้ง่ายๆนะคะ แต่ว่า... ....
??? : สำหรับคนที่คลายผนึกของที่นี่แล้ว นับว่าเป็นคำขอที่ไร้กิเลสจริงๆเลยนะเนี่ย
ซานาเอะ : อืม, แบบว่าพอรู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่แล้วน่ะค่ะ, จะว่าไปแล้ว คุณคือ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ดูจากลักษณะแล้วคุณคงเป็นมิโกะสินะ ?
ซานาเอะ : ใช่ค่ะ มิโกะผู้กำราบโยวไคค่ะ
เบียคุเรน : กำราบโยวไค... ...?
ซานาเอะ : ใช่ค่ะ, กำราบโยวไคที่คอยทำร้ายมนุษย์ค่ะ
เบียคุเรน : ... ...มนุษย์นี่ไม่เปลี่ยนไปเลย
ซานาเอะ : คะ ?
เบียคุเรน : ฉันรู้สึกสลดใจที่โยวไคถูกมนุษย์กดขี่ข่มเหงน่ะค่ะ
เบียคุเรน : ฉันเคยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ ซึ่งก็คือการสร้างโลกที่มนุษย์และโยวไคสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
เบียคุเรน : แต่ก็ถูกมนุษย์ที่ต่อต้านเรื่องนั้นจับผนึกเอาไว้ค่ะ
ซานาเอะ : มนุษย์และโยวไคอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ?
เบียคุเรน : ใช่ค่ะ, จะเทพหรือพุทธก็ไม่ต่างจากโยวไค
เบียคุเรน : ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่เหตุผลที่โยวไคถูกกำราบ หรือเทพเจ้าได้รับศรัทธา
เบียคุเรน : ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความสะดวกใจของมนุษย์ทั้งสิ้น
ซานาเอะ : เทพเจ้าเหมือนกับโยวไคงั้นเหรอคะ ?
ซานาเอะ : ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้หรอกค่ะ !
เบียคุเรน : ความถูกต้องของคุณคือการกำราบโยวไคสินะคะ ?
ซานาเอะ : ใช่แล้วล่ะ, หากไม่ทำแล้วไซร้ความสงบสุขก็จะไม่มาเยือนน่ะสิ !
ซานาเอะ : ท่านคานาโกะก็กล่าวไว้อย่างนั้นเหมือนกัน !
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : งั้นเหรอคะ, ยังไงฉันก็คือผู้ที่สิ้นหวังกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
เบียคุเรน : จากมุมมองของคุณคงเห็นฉันเป็นโยวไคสินะคะ
ซานาเอะ : เพราะงั้นจงยอมให้กำราบเสียแต่โดยดีเถอะค่ะ !
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : เชื่อฟังและทำตามโดยไม่ไตร่ตรองและปัญญาตื้นเขินอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Sanae B's Story
ตามดำรัสของท่านสุวะโกะ
(รูปแบบระเบิดวงกว้าง & พลังทำลายสูง)
「ท่านสุวะโกะเชื่อมั่นว่าจะได้พบกับสิ่งที่ดียิ่งกว่าเรือสมบัติค่ะ」
จงท้าทายวัตถุลอยฟ้าปริศนา ด้วยพลังเทพแห่งกบผู้ตามโค่นศัตรูแม้ตัวตาย !
Shot : 「Cobalt Spread」
Spell Card : ยันต์กบ「คางคกเจ้าเล่ห์」
Stage 1
ชื่อด่าน : เงาเรือ ณ สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ : ถนนที่ยังมีหิมะหลงเหลือมาถึงฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ)
ซานาเอะ : เจ้าเรือนั่นเหมือนกำลังบินไปทางนั้นทีบินมาทางนี้ที... ...
ซานาเอะ : คงพูดได้ยากว่ามันแค่กำลังบินลาดตระเวนอยู่นะคะ, ดูเหมือนเมื่อกี้จะไล่ตามฉันเสียด้วยสิ
??? : ไม่ได้ไล่ตามเธอหรอก
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : มันกำลังค้นหาปฏิกิริยาของสมบัติต่างหากล่ะ
ซานาเอะ : กรี๊ด, หนูหนู
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
พลเอก Dowser ตัวน้อย
นาซูริน
Nazrin
นาซูริน : ... ...อ่า ท่าทางจะได้ผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังแฮะ
นาซูริน : ดูเหมือนปฏิกิริยาของสมบัติจะมาจากตัวเธอน่ะ, เป็นเพราะดันมีมนุษย์ในที่แบบนี้นั่นล่ะนะ
ซานาเอะ : หมายความว่ายังไงเหรอ ? หรือว่ากำลังตามหาฉันอยู่ ?
(เปิดเพลง BGM : ยอดแม่ทัพตัวเล็กกระจิดริด)
นาซูริน : มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ
นาซูริน : พวกลูกหนูของฉันมันกำลังหิวแสบไส้เลยทำปฏิกิริยากับมนุษย์จนวุ่นวายต่างหาก
ซานาเอะ : หนูจะกินคน ?
ซานาเอะ : อะฮะฮะฮะ~ เรื่องบ้าๆแบบนั้นมันจะ(นาซูรินพูดแทรก)
นาซูริน : เป็นไปได้สิ
นาซูริน : เธอเป็นมนุษย์ที่แปลกดีนะ, ไม่รู้จักความน่ากลัวของหนูซะได้
(นาซูริน แพ้พ่าย)
ซานาเอะ : อื้ม อื้ม หนูในเกนโซวเคียวมันกินคนรึนี่
ซานาเอะ : ถ้ามนุษย์จะกินหนูบ้างก็คงได้สินะ
ซานาเอะ : ... ...
ซานาเอะ : ไม่ดีกว่าน้า, เรื่องนั้นมันละเอียดอ่อนเกินไปเนอะ
Tips :
- ชื่อด่านและชื่อเพลง "สุดปลายทางแห่งฤดูใบไม้ผลิ" มีที่มาจากบทกวีของพระสงฆ์นาม จาคุเรน
นอกจากนี้ในบทกวียังได้กล่าวถึงเรือสีม่วง ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นเงาสีม่วงใน Back Story ของภาคนี้ ด้วยเช่นกัน
Stage 2
ชื่อด่าน : สิ่งมีชีวิตประหลาดตาเดียวที่ซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สถานที่ : หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิ
(เปิดเพลง BGM : ทางสัญจรแห่งเมฆาที่ถูกปิดตาย)
(ทาทาระ โคกาสะ เข้ามาในหน้าจอ)
??? : รอเดี๋ยวสิ~
ซานาเอะ : มีอะไรเหรอคะ
??? : แค้นนัก---
ซานาเอะ : ... ...
ซานาเอะ : แบบว่ามนุษย์กำลังโดนโยวไคดูถูกสินะ
??? : แค้นนัก ?
ซานาเอะ : จ้า จ้า ข้างหน้าคือร้านโซบะสินะ
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
ทาทาระ โคกาสะ
Tatara Kogasa
(เปิดเพลง BGM : พึงระวังร่มสำรองหมื่นปี)
โคกาสะ : ... ...เห็นฉันแล้วไม่ตกใจเหรอ ?
ซานาเอะ : เดี๋ยวนี้มันเป็นยุคที่มี Helicopter ขนาดเล็กบินเล่นอยู่ในห้องแล้วนะ
ซานาเอะ : มนุษย์ในตอนนี้คงไม่ตกใจกับร่มที่เพิ่งออกมาบินเอาป่านนี้หรอกมั้งคะ
โคกาสะ : กล่าวคือตูข้านี้ตกยุคแล้ว ว่างั้นเต๊อะ (พยายามสร้าง Character ให้ตัวเองโดยใช้คำโบราณ)
ซานาเอะ : จะสร้าง Character แบบนั้นเหรอคะ ? แต่ถึงไม่สร้าง ผีร่มมันก็ตกยุคอยู่ดีล่ะค่ะ
ซานาเอะ : ที่สำคัญก็คือ เจ้าร่มนั่นน่ะแหละ, สีอย่างกับมะเขือม่วงเลยอ่า
โคกาสะ : ซิกซิก... ทั้งๆที่พยายามจะทำตัวให้สมกับที่เป็นโยวไคแท้ๆเชียวน้า
โคกาสะ : ฉันถูกทิ้งเพราะ Design ไม่ดีแค่นิดหน่อยเอง... ...
โคกาสะ : เลยพยายามจะกลับไปหามนุษย์ที่ทิ้งฉัน จนกระทั่งตัวเองกลายเป็นโยวไค... ...
ซานาเอะ : อ่า เอ่อ ฮัลโหล ? ฉันพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้จิตตกออกไปงั้นเหรอคะ ?
โคกาสะ : ช่างเถอะ, พอเป็นอย่างนี้แล้วโยวไคก็จะเปล่าเปลี่ยวจนหายสาบสูญไปเองแหละ
ซานาเอะ : อ๊ะ เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจพูดให้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ... ...
ซานาเอะ : ก็แค่... ถ้าเพื่อนส่งร่มแบบนี้มาให้ ฉันคงปฏิเสธแล้วยอมตากฝนกลับบ้านล่ะมั้งน้า~ อะไรทำนองนั้นน่ะ
โคกาสะ : มนุษย์ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของ(โยวไค)อุปกรณ์แบบนี้ จงละลายไปด้วยฝนกรดซะเถอะ !
(ทาทาระ โคกาสะ แพ้พ่าย)
โคกาสะ : อ๊า... แค้น
ซานาเอะ : ไม่ใช่แค่หนู แต่กระทั่งร่มก็ยังดูถูกฉันได้แฮะ
ซานาเอะ : อาการหนักจริงน้อ, เกียรติยศของมนุษย์ไปอยู่ที่ไหนกันนะ... ...
โคกาสะ : เจ็บใจนัก ! ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ ต้องลงไปถล่มศาลเจ้าแล้ว
ซานาเอะ : ตายจริง อย่าพยายามทำร้ายตัวเองเลยนะ
ซานาเอะ : ไม่งั้นจะโดนกำราบอย่างเต็มรูปแบบนะ
Tips :
- มุขตลกมาตรฐานสไตล์โบราณในภาพยนตร์ญี่ปุ่นในยุค 50-60
โดยเล่นคำพ้องเสียง อุราเมชิยะ (แค้นนัก >> ร้านอาหารเบื้องหลัง) กับคำว่า โอโมะเตะโซบะยะ (ร้านโซบะเบื้องหน้า)
Stage 3
ชื่อด่าน : ยักษ์กับซากปรักหักพังความเร็วสูง
สถานที่ : เรือลอยฟ้าความเร็วสูง
(เปิดเพลง BGM : ซากปรักหักพังลอยฟ้า)
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : เหล่าฝูงชนทั้งมนุษย์และโยวเซย์ล้วนมุ่งหน้าเข้ามา... ...เพราะหมายปองห้องสมบัติอย่างนั้นเหรอ ?
ซานาเอะ : เอ๊ะ ? ห้องสมบัติเหรอคะ ?
??? : ถกเถียงไปก็เท่านั้น ! ฉันไม่มีความปรานีต่อโจรหน้าไหนทั้งนั้น
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
??? : อะไรกันเนี่ย, ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เห็นกำปั้นนี้แล้วไม่หนี... ...
ซานาเอะ : ใช่ค่ะ, แม้เป็นมนุษย์ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำก็ทำได้ค่ะ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน ออกไปจากหน้าจอ)
ซานาเอะ : อ๊า, อย่าหนีสิ
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ต้องการอะไรกันแน่, สมบัติ ? หรือว่าพลังของคุณพี่ ?
ซานาเอะ : ตรวจสอบค่ะ, ในเชิง Academic (วิชาการ)นะ
??? : อะคาเดมิคคุ ?
??? : อ้อ พวกโจรที่ตระเวนบุกรุกโบราณสถานโดยอ้างว่าทำไปเพื่อการศึกษาสินะ
ซานาเอะ : ... ...เห, เป็นอย่างนั้นเหรอคะเนี่ย ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน
Kumoi Ichirin & Unzan
อิจิริน : ฉันคอยปกป้องสมบัติของที่นี่จากเจ้าพวกดังกล่าวค่ะ
ซานาเอะ : เช่นนั้นก็เหนื่อยหน่อยนะคะ
อิจิริน : เจ้าพวกดังกล่าวที่ว่านี่รวมคุณเข้าไปด้วยนะคะ
ซานาเอะ : ฉันแค่อยากจะตรวจสอบด้วยมุมมองทาง Academic เท่านั้นเอง... ...
อิจิริน : มันก็เหมือนกันนั่นแหละ, เป็นแค่โจรธรรมดาแท้ๆ
(อุนซันบอกบางอย่างแก่อิจิริน)
อิจิริน : ... ...เอ๊ะ ? ว่าไงนะ, มิโกะคนนี้น่ะเหรอ... ...?
อิจิริน : อุนซันบอกว่าคุณรวบรวมเศษเสี้ยวของสมบัติลอยฟ้ามาน่ะ
ซานาเอะ : เศษเสี้ยวของสมบัติลับ ?
อิจิริน : ดูผิดไปหน่อย ต้องขออภัย
อิจิริน : รวบรวมเศษเสี้ยวที่พวกโยวเซย์นำไปกลับมาให้สินะ, ไม่ทราบว่าเป็นพุทธบริษัทเช่นเดียวกัน ต้องขออภัยที่เสียมารยาท... ...
ซานาเอะ : เอ๋ ? เอ๋ ? เรื่องมันเป็นยังไงไปถึงไหนแล้วเนี่ย ?
(เปิดเพลง BGM : ตาลุงย้อนยุคกับสาวน้อย High Collar)
อิจิริน : ที่เหลือก็แค่ส่งสมบัติลอยฟ้ามาอย่างว่าง่าย แล้วก็จะสามารถบรรลุความปรารถนาอันน่าเศร้าได้ล่ะ !
(คุโมะอิ อิจิริน & อุนซัน แพ้พ่าย)
อิจิริน : ยอดเยี่ยมมาก, ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้จะยังมีมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วย
ซานาเอะ : สมบัติลับ... ...?
ซานาเอะ : หรือว่าจะหมายถึงเจ้ายันต์ที่เขียนไว้ว่า P หรือ แต้ม พวกนี้เหรอคะ
อิจิริน : กรุณาเข้าไปด้านในพร้อมกับสมบัติลอยฟ้าที่รวบรวมมาเถอะค่ะ
อิจิริน : แล้วก็, ช่วยชุบชีวิตคุณพี่ด้วยนะคะ
ซานาเอะ : อ้าว ? เข้าไปได้เหรอ ?
ซานาเอะ : งั้นก็เข้าไปกันเล้ย
Tips :
- คำว่า พี่สาว(姐) ที่อิจิรินใช้นั้นต่างจากคำว่าพี่สาวตามปกติ(姉)ซึ่งหมายถึงพี่สาวโดยสายเลือด
姐 มักใช้พูดถึงผู้หญิงที่เหนือกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด เช่น ลูกพี่ ศิษย์พี่ เป็นต้น
- เหนื่อยหน่อยนะคะ(ครับ) (โกะคุโรวซามะ / โกะคุโรวซัน / โอะทสึคาเระซามะ) แปลตรงตัวว่าเหนื่อย แต่มักใช้ในการขอบคุณผู้ที่ทำงานจนสำเร็จ
ในที่นี้ขอแปลว่า เหนื่อยหน่อยนะคะ เพื่อให้แยกออกจากคำว่า อาริงาโตะโกะไซมะสึ (ขอบคุณมากค่ะ/ขอบพระคุณมากค่ะ) ได้
- สมบัติลอยฟ้า (飛宝 ฮิโฮว) พ้องเสียงกับคำว่า สมบัติลับ (秘宝 ฮิโฮว)
- เป็นอีกครั้งที่มีบทพูดล้อระบบเกม โดยคราวนี้ทำให้ได้รู้ว่าเจ้าไอเทมที่เราเก็บในเกมนั้นคือ ยันต์ ที่มีอักษรเขียนกำกับไว้นั่นเอง
Stage 4
ชื่อด่าน : กัปตันแห่งลางร้ายกับเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ : ภายในเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
(เปิดเพลง BGM : การเดินทางข้ามห้วงเวลาของเรือโดยสารผีสิง)
ซานาเอะ : นี่มันอะไรกัน... ...?
ซานาเอะ : เพราะว่าเป็นเรือลอยฟ้าเลยจินตนาการไว้ว่าภายในมันจะเป็นเครื่องยนต์กลไกกว่านี้นะคะเนี่ย... ...
ซานาเอะ : แบบนี้มันดูเหมือนบ้านร้างเก่าแก่อะไรทำนองนั้นมากกว่านะ
ซานาเอะ : ท่าทางว่าจะต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้แล้วเริ่มตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
(มุราสะ มินะมิทสึ เข้ามาในหน้าจอ)
(เปิดเพลง BGM : กัปตันมุราสะ)
??? : มีใครอยู่เหรอ ?
ซานาเอะ : ว้าย ! ตกใจหมดเลย
??? : ตายจริง, มนุษย์เหรอ ? แถมยังนำสมบัติลอยฟ้ามาเสียด้วย
ซานาเอะ : สมบัติลับ ? โยวไคเมื่อกี้ก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน
ซานาเอะ : มันคืออะไรเหรอคะ ?
??? : มันคือสมบัติที่ใช้ในการชุบชีวิตฮิจิริที่ถูกผนึกอยู่ค่ะ
??? : ให้หนูออกไปตามหาอยู่น่ะค่ะ แต่ว่า... ...ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่นะเนี่ย
ซานาเอะ : หนู... ...เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ... ...
ซานาเอะ : อ๊ะ, หรือจะเป็นเจ้าโยวไคที่พยายามจะกินมนุษย์นั่น ?
ซานาเอะ : อ๋า--- เจ้าตัวที่ยั่วโมโหด้วยการดูถูกมนุษย์นั่นสินะ---
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
กัปตัน มุราสะ
Captain Murasa Minamitsu
มุราสะ : อ๊ะ, ขออภัยที่แนะนำตัวช้า, ฉันคือ มุราสะ เป็นกัปตันของเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ค่ะ
มุราสะ : เรือลำนี้ยินดีต้อนรับสมบัติที่คุณนำมาค่ะ
มุราสะ : แต่ว่าปฏิเสธการลงเรือของผู้ที่ยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อโลกนี้ค่ะ
ซานาเอะ : เอ๋ ? ฉันแค่มาตรวจสอบเท่านั้นเองค่ะ
มุราสะ : ขอความกรุณา ช่วยวางสมบัติลอยฟ้านั่นเอาไว้แล้วรีบลงจากเรือไปเถอะค่ะ
ซานาเอะ : หรือว่านี่จะเป็นการดูถูกมนุษย์อีกแล้ว ?
ซานาเอะ : อย่างนี้ไม่ดีแน่ !
ซานาเอะ : เดี๋ยวพวกคุณเรย์มุจะไม่เชื่อถือในตัวฉัน ดังนั้นไม่ยอมให้ดูถูกหรอก !
มุราสะ : จะบอกว่า... ...
มุราสะ : ไม่คิดจะลงไปจากเรืออย่างนั้นเหรอคะ ?
ซานาเอะ : ฉันจะโค่นคุณแล้วทวงเกียรติของมนุษย์กลับคืนมา !
มุราสะ : ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลยค่ะ
มุราสะ : ฉันเองก็, ตั้งใจว่าจะต่อสู้เพื่อช่วงชิงสมบัติลอยฟ้าอยู่เหมือนกันค่ะ
(มุราสะ มินะมิทสึ แพ้พ่าย)
มุราสะ : แข็งแกร่ง... ...คุณเป็นใครกันแน่ ?
ซานาเอะ : ฉันคือ โคจิยะ ซานาเอะ, สมมติเทพผู้เป็นเทพในร่างมนุษย์ค่ะ
ซานาเอะ : ไม่แพ้ให้กับโยวไคหรอกค่ะ
มุราสะ : อย่างนี้นี่เอง... ...เทพเจ้าสินะคะ, เช่นนั้นก็เข้าใจแล้วค่ะแล้วว่าทำไมจึงแข็งแกร่งนัก
มุราสะ : ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง... ...ที่หลอกคุณว่าให้ลงจากเรือไปเสียน่ะค่ะ
ซานาเอะ : เห ?
มุราสะ : อันที่จริงฉันแค่ยั่วยุเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ไม่ให้คุณหนีไปพร้อมกับสมบัติลอยฟ้าเท่านั้นค่ะ
ซานาเอะ : อ๊ะ งั้นหรอกเหรอ ?
มุราสะ : อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายปลายทางโดยที่สมบัติลอยฟ้ายังคงอยู่โดยสวัสดิภาพแล้วล่ะค่ะ
มุราสะ : เรือลำนี้ไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว ดังนั้นคุณก็จะกลายเป็นผู้อาศัยในแดนปิศาจแล้วนะคะ
Tips :
- คำว่า เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยอักษรคันจิสามตัวคือ 聖(ศักดิ์สิทธิ์) + 輦(เกี้ยว) + 船(เรือ)
โดยอักษร 聖 ก็คือนามสกุล ฮิจิริ ของเบียคุเรนนั่นเอง ชื่อเรือลำนี้จึงหมายถึง เกี้ยวที่ไปรับเบียคุเรนกลับมา
- 聖輦船 อ่านว่า เซย์เรนเซน ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อภาคของภาคนี้
- ต้นแบบของเบียคุเรนมาจาก ม้วนภาพสมัยยุคเฮย์อันนามว่า "ชิกิซันเอนกิ" ที่เพิ่งได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นในปี 2006
ภายในเรื่อง มีตัวเอกชื่อเมียวเรน เป็นนักบวชที่เก่งกาจและมากด้วยพลัง ทั้งยังทรงคุณธรรมและเปี่ยมด้วยเมตตา
ในบทมหาเศรษฐียามาซากิ (บทโทบิคุระ) กล่าวถึงบาตรลอยได้ และยุ้งฉางลอยฟ้า (เกิดจากเมียวเรนใช้บาตรยกให้ลอยขึ้นมา)
ต่อมาเศรษฐีขี้งกได้มาขอข้าวในยุ้งฉางคืน เมียวเรนจึงคืนข้าวให้โดยเอาบาตรบินไปส่งให้ที่บ้าน แต่ไม่คืนยุ้งฉางให้เพราะเศรษฐีไม่ได้ขอ
ส่วนบทอามะกิมิ (นางชีที่มาจากหญิงสูงศักดิ์) ได้กล่าวถึงพี่สาวของเมียวเรนว่ามาเยี่ยมเขาที่วัด แต่ไม่มีชื่อของเธอระบุไว้
อาจกล่าวได้ว่า โทโฮภาคนี้ได้แรงบันดาลใจจากสมบัติประจำชาติชิ้นใหม่ และอาศัยตรงจุดที่ว่ามีนางชีนิรนามในเรื่อง สร้างเป็นเบียคุเรนขึ้นมานั่นเอง
แต่มีการดัดแปลงเนื้อหาตรงที่ว่า ยุ้งฉางสามารถบินได้เอง โดยไม่ต้องมีบาตรบินได้มายกให้ลอยขึ้นแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นที่อาศัยของเมียวเรนด้วย
Stage 5
ชื่อด่าน : ผนึกสีแดงดำแห่งโลกปิศาจ
สถานที่ : โลกปิศาจ (ท้องฟ้าเหนือฮคไค)
(เปิดเพลง BGM : Esoteria นครศูนย์กลางส่วนภูมิภาคแห่งโลกปิศาจ)
(นาซูริน เข้ามาในหน้าจอ)
นาซูริน : โอ๋ ? เธอก็มาจนถึงโลกปิศาจเหรอเนี่ย ?
ซานาเอะ : อ๊ะ, หนูนี่นา---!
ซานาเอะ : กัปตันเรือกำลังตามหาอยู่นี่คะ ? เห็นบ่นว่า "มัวแต่ไปเดินลอยชายอยู่ที่ไหนกันนะ"
นาซูริน : เอ๊ะ ? งั้นเหรอ ? จริงๆแล้วฉันถูกไหว้วานให้ไปตามหาของอีกชิ้นหนึ่งโดยเก็บเป็นความลับต่อพวกกัปตันน่ะ
นาซูริน : ของที่ตามหาอีกชิ้นหนึ่งคือ เจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ไม่ใช่สมบัติลอยฟ้าที่เธอเก็บได้โดยบังเอิญหรอกนะ
นาซูริน : สุดท้ายก็พบมันหลับใหลอยู่ในร้านขายของเก่า แถมโดนโก่งราคาอย่างแรงเลย
ซานาเอะ : หืม---
ซานาเอะ : อ๊ะ นึกออกแล้ว คุณเคยพูดว่าจะกินมนุษย์สินะ
ซานาเอะ : ฉันจะลงทัณฑ์คุณที่นี่ล่ะ !
นาซูริน : เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจนะ, เจดีย์นี้เป็นของนายท่านก็จริง แต่ขอทดลองหน่อยเถอะว่ามันจะปล่อยแสงออกมาได้ขนาดไหน !
(นาซูริน แพ้พ่าย)
(นาซูริน ออกไปจากหน้าจอ)
ซานาเอะ : มีโลกแบบนี้อยู่ด้วยสินะคะเนี่ย... ...
ซานาเอะ : ถึงจะไม่รู้ว่าเรือแล่นมายังที่แห่งใด แต่ช่างเป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลย
ซานาเอะ : หรือว่าที่นี่จะเป็น... โลกที่พวกปิศาจอาศัยอยู่... ...?
(โทระมารุ โชว เข้ามาในหน้าจอ)
??? : ใช่แล้วค่ะ, ที่นี่คือโลกปิศาจค่ะ
ซานาเอะ : เอ๊ะ ? โลกปิศาจ ?
??? : โลกปิศาจ คือโลกที่ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ เพราะความโหดร้ายของปราณภูตนั้น
??? : แต่โยวไคบางส่วนก็มาฝึกวิชาที่นี่ และมนุษย์สามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้ที่นี่เช่นกันค่ะ
ซานาเอะ : คุณเป็นใครกัน ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
โทระมารุ โชว
Toramaru Syou
โชว : ฉันคือตัวแทนของบิชามอนเทน, และเป็นผู้ถวายตัวให้แก่ศรัทธาแด่ฮิจิริค่ะ
โชว : หากมีเจดีย์ที่นาซูรินนำมาอันนี้กับเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้าที่เธอนำมาอยู่พร้อมหน้ากัน
โชว : ก็จะสามารถคลายผนึกของที่แห่งนี้ลงได้ และสามารถชดใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อฮิจิริได้ค่ะ
ซานาเอะ : ฮิจิริ นี่เป็นใครเหรอ ?
โชว : ฮิจิริ ก็คือ ฮิจิริ ค่ะ
โชว : เท่าที่ฉันทราบ เธอเป็นมนุษย์ผู้เลิศเลอและมีความเมตตากรุณาอย่างที่สุดค่ะ
โชว : ฮิจิริถูกเหล่ามนุษย์ที่โง่เขลาจับผนึกเอาไว้ เพราะเธอได้รับพลังของโลกปิศาจมาน่ะค่ะ
โชว : เอาล่ะ มาคลายผนึกด้วยกันกับฉันเถอะค่ะ
ซานาเอะ : อืม... ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆก็จะกลายเป็นว่าผนึกถูกคลายออกทีละน้อยน่ะสิ ?
ซานาเอะ : ... ...
ซานาเอะ : ชักเป็นห่วงขึ้นมานิดหน่อยแล้วสินะ~, ฮิจิริที่ว่านั่นเป็นคนแบบไหนกันนะ
ซานาเอะ : แต่ว่า, ก่อนหน้านั้น... ...ไม่แน่ว่าคุณจะเป็นโยวไคที่เชื่อใจได้เสมอไปนะ
ซานาเอะ : การคลายผนึกที่ว่านั่นฉันจะทำเอง, เจดีย์นั่นและของอย่างอื่น ฉันจะชิงมาซะเลย !
(เปิดเพลง BGM : บิชามอนเทนลายเสือ)
โชว : อย่างนั้นเหรอคะ, ถ้าสามารถคลายผนึกได้ จะเอาตามนั้นก็ได้ค่ะ
โชว : เพียงแต่ ถ้าหากคุณมีจิตชั่วร้ายอยู่ล่ะก็
โชว : จะต้องสยบแทบเท้าต่อหน้าเจดีย์แห่งบิชามอนเทนอันนี้, ซึ่งส่องแสงแห่งธรรมะที่สว่างไสวยิ่งขึ้นยามอยู่ในโลกปิศาจนะคะ !
(โทระมารุ โชว แพ้พ่าย)
โชว : แพ้แล้ว... ...คุณไม่ได้เดินทางผิดสินะ
ซานาเอะ : ดีล่ะ ! ขอยืมเจดีย์ของคุณหน่อยนะ !
ซานาเอะ : นี่ล่ะคือพลังของฉัน โคจิยะ ซานาเอะ ผู้เป็นเทพในร่างมนุษย์ล่ะ
โชว : แค่ชั่วคราวนะคะ ? กรุณาอย่าเอาติดตัวไปด้วยนะคะ ?
ซานาเอะ : ทำอย่างนี้ด้วยเจ้านี่กับเจ้านี่... ...
ซานาเอะ : ... ...
ซานาเอะ : เอ๊ะ, ทำอย่างนี้แล้วจะคลายผนึกได้เหรอ ?
โชว : เรื่องนั้นน่ะนะคะ~ ให้บิดแบบนี้ที่ตรงนี้ค่ะ
ซานาเอะ : อ๊ะ ผนึกหายไปแล้ว... ...
โชว : อา... สายลมที่ห่างหายจากฮคไคไปหลายร้อยปีกำลังพัดมา !
Tips :
- ร้านขายของเก่า ที่ถูกนาซูรินกล่าวถึงในที่นี้อาจหมายถึงร้านโควรินโดวของรินโนะสุเกะก็เป็นได้ แต่ไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด
Stage 6
ชื่อด่าน : นางชีผู้พิชิตทุกข์แปด
สถานที่ : ฮคไค (แดนธรรม)
(เปิดเพลง BGM : เพลิงแห่งแดนธรรม)
ซานาเอะ : ในที่สุดก็คลายผนึกไปจนได้
ซานาเอะ : เอาเถอะ ยังไงก็เพื่อการตรวจสอบน่ะนะ
ซานาเอะ : ถ้าตรวจสอบคนที่ถูกผนึกไว้ที่นี่อย่างละเอียดแล้วกลับไปล่ะก็ พวกท่านสุวะโกะจะต้องยินดีเป็นแน่
(ฮิจิริ เบียคุเรน เข้ามาในหน้าจอ)
??? : อา... แสงสว่างสาดส่องไปทั่วโลกแห่งธรรมะ
??? : คุณคือผู้ที่ปลดปล่อยโลกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ ?
ซานาเอะ : อ๊ะ หรือว่าคุณคือคนที่ถูกผนึกอยู่ที่นี่ ?
??? : อืม ใช่ค่ะ
ซานาเอะ : คุณเป็นใครกันแน่ ?
(แสดงชื่อและฉายาของบอส)
จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
ฮิจิริ เบียคุเรน
Hiziri Byakuren
เบียคุเรน : ชื่อของฉันคือ เบียคุเรน
เบียคุเรน : นักบวชจากอดีตกาลอันแสนนานค่ะ
เบียคุเรน : ดูจากลักษณะแล้วคุณคงเป็นมิโกะสินะ ?
ซานาเอะ : ใช่ค่ะ แต่จริงๆแล้วเป็นทั้งมิโกะและเทพเจ้าน่ะค่ะ
เบียคุเรน : เทพเจ้า... ...? ทำไมเทพเจ้าจึงมายังส่วนลึกขนาดนี้ของโลกปิศาจล่ะ ?
ซานาเอะ : กำลังตรวจสอบเรือลอยฟ้าอยู่ แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้วน่ะค่ะ
เบียคุเรน : หา... ในที่แบบนี้เนี่ย..., แล้วคลายผนึกของที่นี่ได้ยังไงเหรอคะ ?
เบียคุเรน : ผนึกของที่นี่เป็นแบบพิเศษนะคะ
เบียคุเรน : เพราะมันถูกผนึกไว้ด้วยพลังของสมบัติหนึ่งเดียวที่เมียวเรน, น้องชายของฉัน, เหลือทิ้งเอาไว้
เบียคุเรน : และสมบัติดังกล่าวก็ถูกฝังเอาไว้ในดิน จนไม่อาจทำอะไรได้เลย
เบียคุเรน : แล้วคุณคลายผนึกของที่นี่ได้อย่างไรกัน ?
ซานาเอะ : เอ่อ แบบว่า ตามน้ำนิดหน่อยน่ะ
เบียคุเรน : ไม่ใช่คนธรรมดาสินะ คุณน่ะ
ซานาเอะ : แน่นอนค่ะ เพราะเป็นเทพเจ้าไงล่ะคะ
ซานาเอะ : แล้วที่พวกโยวไคพยายามชุบชีวิตคุณนี่เป็นเพราะอะไรเหรอคะ ?
เบียคุเรน : โยวไคเหรอคะ... ...อย่างเช่น เสือ, ผีเรือ, นักพรต งั้นเหรอคะ ?
ซานาเอะ : อืม--- คงใช่มั้ง
เบียคุเรน : อย่างนั้นเหรอคะ... ...พวกเขายังคงเคารพรักในตัวฉันอยู่สินะคะ
เบียคุเรน : ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลยมาเกินกว่าพันปีแล้วแท้ๆ
ซานาเอะ : ช่วยเหลือโยวไค ?
ซานาเอะ : คุณเป็นพวกเดียวกับโยวไคเหรอ ?
เบียคุเรน : หากจะกล่าวว่าเป็นพวกเดียวกัน... ...ก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกันค่ะ แต่ก็เป็นพวกเดียวกับมนุษย์ด้วยนะคะ
เบียคุเรน : เป้าหมายของฉันคือโลกอันแสนสงบสุขของมนุษย์และโยวไค
เบียคุเรน : ตัวคุณที่เป็นเทพเจ้าอาจจะไม่เข้าใจก็เป็นได้ แต่ฉันปรารถนาการกอบกู้ฐานะของเหล่าโยวไคที่ถูกกดขี่ข่มเหงค่ะ
ซานาเอะ : ความสงบสุข ? ถูกกดขี่ข่มเหง ?
ซานาเอะ : ไม่ว่าจะดูตรงไหน ก็เป็นมนุษย์ต่างหากที่ถูกกดขี่ข่มเหง !
ซานาเอะ : ฉันปรารถนาการกอบกู้ฐานะของมนุษย์ค่ะ !
(เปิดเพลง BGM : ตึกระฟ้าแห่งอารมณ์ความรู้สึก ~ คอสมิคไมนด์ (จิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล))
เบียคุเรน : งั้นเหรอคะ, น่าเสียดายที่ความเห็นไม่ตรงกับสมมติเทพนะคะ
เบียคุเรน : แต่ฉันไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเทพกับโยวไคหรอกนะ
ซานาเอะ : เทพเจ้าผู้สมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกายและความคิดย่อมกำราบโยวไคค่ะ !
เบียคุเรน : พวกมนุษย์นี่ไม่ต่างไปจากตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่วัดเลยนะ
เบียคุเรน : เป็นเจ้าของที่ดินจอมโฉดที่ยึดมั่นในตัวเองอย่างสุดขั้ว ! มาเลย, นามุซัน---- !
Tips :
- ฮคไค เป็นภาษาพุทธ หมายถึง เอกภพ หรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่มีตัวตน แต่ในโทโฮภาคนี้ใช้บ่งชี้ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกปิศาจ(มาไค)
- ฮคไค สามารถแปลตรงตัวได้ว่า โลกแห่งธรรมะ หรือ ธรรมโลก หรือ แดนธรรม (อะไรทำนองนั้น) ในที่นี้ขอเลือกใช้คำว่า แดนธรรม
- อามะกิมิ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า นิโคว หมายถึง นางชีที่มาจากสตรีผู้สูงศักดิ์
- ทุกข์แปด ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย, พลัดพรากจากของรัก, พบเจอกับสิ่งเกลียด, ไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา และทุกข์จากผลรวมห้าประการ
ผลรวมห้าประการได้แก่ สสาร, ความรู้สึก, การรับรู้, จิตใจ และความมีสติ
- นามุซัน 南無三 ย่อมาจาก 南無三宝 นามุุซันโบว ซึ่งแปลว่า พระรัตนตรัย
แต่ในภาษาพูด นามุซัน เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น ตกใจ เสียใจ เป็นต้น อาจเทียบได้กับคำว่า พระเจ้าช่วย
โดยทั่วไปมักพบแปลไทยว่า แย่แล้ว, ให้ตายสิ, เสร็จกัน, พระเจ้าช่วย และอื่นๆตามแต่สถานการณ์ว่าควรใช้คำใด
- เจ้าของที่ดินจอมโฉด เป็นสำนวนญี่ปุ่น หมายถึง เจ้าของที่ดินหรือผู้มีอำนาจที่ชอบรีดไถกับชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินนั้นๆอย่างชั่วร้าย
ในกรณีของซานาเอะนี้คาดว่าหมายถึงการที่ซานาเอะถือว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าแล้วจะทำอะไรกับประชาชน(รวมถึงโยวไค)ตามใจชอบก็ได้
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
*กดที่ชื่อของ Ending เพื่อแสดงข้อความ*
Ending No.01 Good End Reimu A
ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนทางตะวันออกของเกนโซวเคียว
หิมะในเขตศาลเจ้าก็หายไปจากใต้ร่มเงาไม้จนเหลือเพียงน้อยนิด
ซากุระเองก็ถึงเวลาที่จะต้องเบ่งบานแล้ว
เรย์มุ 「โลกปิศาจนี่บรรยากาศไม่น่าอยู่เอาซะเลยนะ---
เจ้าเรือนั่นก็ไม่ใช่เรือสมบัติหรืออะไรทั้งนั้น เป็นแค่เรือโยวไคที่กำลังมุ่งหน้าไปโลกปิศาจเท่านั้นเอง
ว่างเปล่าไม่มีอะไรจนน่าเบื่อชะมัดยาดเลยล่ะ---」
มาริสะ 「เป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ... เอ๊ะ เธอ ได้ไปโลกปิศาจมาเหรอเนี่ย」
เรย์มุ 「แทนที่จะเรียกว่าโลกปิศาจ, เรียกว่าฮคไคที่เป็นบ้านนอกของปิศาจจะดีกว่ามั้งนะ」
มาริสะ 「ที่สำคัญกว่าคือเจ้าเรือนั่น, ถ้าไม่ใช่เรือสมบัติก็ไม่น่าสนใจอะไรเป็นพิเศษล่ะนะ
แล้วสุดท้ายเจ้าเรือนั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ ?」
เรย์มุ 「ได้ยินข่าวลือว่ายังคงบินไปบินมาอย่างไร้จุดหมายอยู่เลย
เธอไม่เห็นเหรอ ?」
มาริสะ 「ช่วงนี้มีอาการหลับใบไม้ผลิ(หลับลึก)ค่อนข้างรุนแรงน่ะ
ก็เลยไม่เคยเห็นว่ะ」
เรย์มุ 「ถ้าคราวหน้าหาเจอล่ะก็ ตั้งใจว่าจะขึ้นเรือไปอีกสักครั้งน่ะนะ」
วันต่อมา, เรย์มุเจอเรือกำลังบินไปบนท้องฟ้า จึงขึ้นเรือไปอีกครั้ง
เรย์มุ 「ในที่สุดก็เจอจนได้, ทำไมยังบินบนท้องฟ้าอยู่อีกล่ะ」
เบียคุเรน 「ทำไมน่ะเหรอ... ก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วทางฝั่งโลกนี้ให้ความรู้สึกดีกว่าโลกปิศาจจริงๆ... ...
ก็เลยคิดว่า การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งมันก็ไม่เลวมั้งนะ」
มุราสะ 「ใช่แล้ว, เพราะฮิริจิตรัสออกมาเช่นนั้น ก็เลยคิดว่าเรือลำนี้เองก็น่าจะเริ่มทำกิจการเป็นเรือทัศนาจรเกนโซวเคียวน่ะค่ะ」
เรย์มุ 「เรือทัศนาจร... ..., แล้วแต่แรกเริ่มเดิมที พวกเธออาศัยอยู่ที่ไหนกันน่ะ ?」
เบียคุเรน 「วัดที่ฉันเคยอยู่อาศัยเมื่อสมัยก่อนมันไม่มีอีกต่อไปแล้วน่ะค่ะ
แต่แหม ที่อาศัยน่ะจะเป็นแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ」
มุราสะ 「พรรคพวกของพวกฉันอย่างโชวและอิจิริน กับเรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์ลำนี้ เคยถูกกักขังอยู่ในโลกใต้พิภพมาอย่างยาวนาน」
มุราสะ 「และในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยเมื่อตอนปีกลายค่ะ
แต่ยังไม่มีที่ปักหลักอาศัย, โดยปกติก็เลยอาศัยอยู่ในเรือลำนี้น่ะค่ะ」
เบียคุเรน 「แหม เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอคะ
แต่การใช้ชีวิตอยู่ในอุคิโยะโดยไม่ต้องปักหลักแหล่งนี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ
ล่องลอยตามตัวอักษรนั้น... ...」
(เป็นการเล่นคำ ... อุคิโยะ หมายถึง โลกมนุษย์ที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็แปลตรงตัวตามอักษรได้ว่า โลกที่ล่องลอย)
เรย์มุ 「เฮ้ยเฮ้ย จะมาใช้ชีวิตล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าตามใจชอบไม่ได้นะ
มันต้องเกิดจุดที่แสงแดดส่องไม่ถึงขึ้นที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอนเพราะเรือลำนี้ไม่ใช่รึ ?」
เบียคุเรน 「นั่นสินะคะ ถ้างั้นก็เปลี่ยนแผนท่องเที่ยวเป็นสามวัน แล้วค่อยลงไปพักผ่อนที่พื้นผิวดินกันเถอะ」
มุราสะ 「รับทราบค่ะ !」
เรย์มุได้เสนอแนะไอเดียเรียกลูกค้าโดยให้ตกแต่งภายนอกเป็นเหมือนเรือสมบัติ
เบียคุเรนรับคำเสนอแนะเอาไว้และทำตามอย่างง่ายดายผิดคาด
ข่าวลือเรื่อง 「เรือสมบัติลอยฟ้า」 ที่เคยแพร่หลายในเกนโซวเคียวอยู่พักหนึ่ง จึงกลายเป็นความจริงขึ้นมาด้วยเหตุนี้เอง
เรือทัศนาจรรูปแบบเรือสมบัติ เป็นที่นิยมของเหล่ามนุษย์และโยวไคจำนวนมาก
บางครั้งก็มีมนุษย์และโยวไคขึ้นเรือมาในเวลาเดียวกัน เบียคุเรนจึงเฝ้าระวังไว้ แต่ก็ไม่มีโยวไคตนใดถูกกำราบในที่แห่งนั้น
เธอตกใจที่พบว่าสังคมโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว... โยวไคไม่ถูกมนุษย์กดขี่ข่มเหงอีกต่อไปแล้ว
เรย์มุไม่ค่อยเข้าใจว่าเบียคุเรนกำลังเฝ้าระวังอะไร แต่ก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่เบียคุเรนถูกผนึกแล้ว
นั่นเป็นเพราะตัวเธอมีพลังมากเกินไป ทั้งยังเป็นพลังที่ไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และโยวไค จึงถูกมนุษย์หวาดกลัว และจับผนึกในที่สุด
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวมนุษย์ที่มากล้นด้วยพลังแล้ว
คงไม่มีวันที่เบียคุเรนและพวกพ้องโยวไคเหล่านั้นจะถูกผนึกอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
Ending No.01 เรือสมบัติทัศนาจรในเกนโซวเคียวฤดูใบไม้ผลิ
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.02 Good End Reimu B
ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนทางตะวันออกของเกนโซวเคียว
หิมะในเขตศาลเจ้าก็หายไปจากใต้ร่มเงาไม้จนเหลือเพียงน้อยนิด
ซากุระเองก็ถึงเวลาที่จะต้องเบ่งบานแล้ว
(ในรูป : ฮึ่ม)
เบียคุเรน 「ที่นี่คือศาลเจ้าของคุณเหรอคะ」
เรย์มุ 「หวา ตกใจหมดเลย !
ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย ?」
เบียคุเรน 「ถึงเป็นพุทธนิกายชินโตก็ต้องเคารพนับถือค่ะ」
เรย์มุ 「หืม--- ก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะนะ」
เบียคุเรน 「ศาลเจ้านี้... ...ไม่ได้รับศรัทธาเลยสักนิดสินะ ?」
เรย์มุ 「(สะดุ้ง)เฮือก... ทะ.. ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ?」
เบียคุเรน 「ก็... ...เทพเจ้ากำลังโกรธอยู่นี่คะ」
เรย์มุ 「เอ๋ ?」
เบียคุเรน 「อย่าเอาแต่กำราบโยวไค, ดำเนินกิจการศาลเจ้าสักหน่อยก็ยังดีนะคะ」
เรย์มุ 「ทะ.. ที่สำคัญกว่าคือ เธออยู่ที่โลกปิศาจไม่ใช่เหรอ ?
ออกมาเดินสบายอารมณ์อย่างนี้มันจะดีเหรอ ?」
เบียคุเรน 「แต่เดิมทั้งฉันและพวกมุราสะล้วนเป็นผู้อาศัยของทางโลกนี้ค่ะ
ดังนั้นก็เลยมาหาวิธีที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างสงบสุขค่ะ」
เรย์มุ 「อย่างสงบสุข ?」
เบียคุเรน 「พอได้เห็นศาลเจ้าที่ไม่มีคน ฉันก็ตัดสินใจได้แล้วค่ะ
ว่าจะสร้างวัดขึ้นมา」
เรย์มุ 「ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในวัด... ...? กับพวกโยวไค ?」
เบียคุเรน 「ใช่ค่ะ ต่อต้านการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งหลายทั้งปวง และฝึกตนเพื่อบรรลุสัจธรรมค่ะ」
เรย์มุ 「เห...」
เบียคุเรน 「เห็นอย่างนี้แต่ฉันก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองเรื่องพระธรรมคำสอนนะคะ
จะรวบรวมลูกศิษย์ แล้วกลายเป็นวัดอันดับหนึ่งของโลกนี้ในอนาคตให้ได้ค่ะ
นั่นสิน้า... ...ชื่อวัดก็ตั้งตามชื่อของน้องชาย... ...
ก็ต้อง เมียวเรนจิ สินะ !」
เรย์มุ 「เธอคิดจะเป็นคู่แข่งทางการค้าของฉันรึไง ?
ขืนทำแบบนั้นฉันไม่ยกโทษให้นะเอ้อ ?」
เบียคุเรน 「คู่แข่งทางการค้าของคุณ ? ฉันไม่กำราบโยวไคหรอกค่ะ
ฉันจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเหล่าโยวไคต่างหากค่ะ
จากมิโกะที่กดขี่ข่มเหงโยวไค... ...」
เรือที่บินไปบนท้องฟ้าได้ลงจอดตรงพื้นที่ว่างใกล้ๆกับหมู่บ้านมนุษย์ แล้วเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นยุ้งฉางโบราณ
ยุ้งฉางดังกล่าวได้ถูกตกแต่งปรับปรุงจนกลายเป็นวัดที่ดูเรียบง่าย
ชื่อของวัดแห่งนี้คือ 「เมียวเรนจิ」
(เรือลอยฟ้าที่เคยเชื่อกันว่าเป็น)เรือสมบัติร่อนลงมากลายร่างเป็นวัด ทำให้คนในหมู่บ้านแตกตื่นกันยกใหญ่
และเกิดข่าวลือแพร่หลายในหมู่มนุษย์ว่า 「นี่ต้องเป็นลางดีแน่」 และ 「ต้องมีพระสงฆ์ผู้เลิศเลออยู่ในนั้นไม่ผิดแน่」
แม้ว่าแต่เดิมจะเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อโยวไค แต่เพราะเบียคุเรนเป็นคนที่มองว่ามนุษย์กับโยวไคนั้นไม่แตกต่างกัน จึงยินดีต้อนรับโดยไม่ปฏิเสธผู้ใด
หากแต่ถ้าเป็นมนุษย์ผู้คิดว่าที่แห่งนี้เคยเป็นเรือสมบัติจึงมุ่งหวังจะเอาสมบัติ เธอก็จะปฏิเสธมิให้เข้า
พอได้เห็นเบียคุเรนรวบรวมศรัทธาอย่างง่ายดายเป็นอย่างยิ่งแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรย์มุกำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอยู่
Ending No.02 วัดเมียวเรนจิที่ลงมาจากท้องฟ้า
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.03 Good End Marisa A
ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนทางตะวันออกของเกนโซวเคียว
หิมะในเขตศาลเจ้าก็หายไปจากใต้ร่มเงาไม้จนเหลือเพียงน้อยนิด
ซากุระเองก็ถึงเวลาที่จะต้องเบ่งบานแล้ว
มาริสะ 「มัคไค~เทเรตเทเระ~」
(มัคไค น่าจะเป็นการเล่นเสียงจากคำว่า มาไค ที่แปลว่า โลกปิศาจ)
(เทเรตเทเระ อาจมาจากคำว่า เทเรตเท-- ซึ่งเป็นเสียงขึ้นต้นของ BGM ที่ใช้ในเรื่อง โฮคุโตะโนะเคน (หมัดดาวเหนือ)
โดยพบได้ในช่วงต้นของการแนะนำตอนต่อไป และยังใช้ในตอนที่สามารถทำ Fatal K.O. ได้ในเกมต่อสู้ โฮคุโตะโนะเคน ด้วย)
เรย์มุ 「อารมณ์ดีเหลือเกินนะ」
มาริสะ 「อื้ม, เป็นเพราะเจอเรื่องดีๆมาน่ะ」
เรย์มุ 「เรื่องเรือสมบัตินั่นน่ะเหรอ ?
เธอเคยพูดว่าจะลอบเข้าไปนี่นะ」
มาริสะ 「เออ เจ้าเรือนั่นน่ะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เรือสมบัติว่ะ」
เรย์มุ 「ว่าแล้วเชียว」
มาริสะ 「เรือนั่นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การเดินทางไปโลกปิศาจน่ะ
ดูเหมือนว่าจะบินไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพ้องออกมาว่ะ」
เรย์มุ 「โลกปิศาจงั้นเหรอ ?
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมถึงอารมณ์ดีล่ะ ?」
มาริสะ 「ฉันเองก็โดยสารไปกับเรือนั่นด้วย เลยถูกพาไปจนถึงโลกปิศาจ แล้วได้ค้นพบอะไรหลายๆอย่างน่ะ」
(ในรูป... มาริสะ : เอาป่ะ ? / UFO : เอาสิ--- / เรย์มุ : ไม่เอาอ่ะ)
มาริสะ 「อันนี้คือหินเวทมนตร์ ส่วนอันนี้คือเห็ดโลกปิศาจ
แถมยังเจอกระทั่งขนมเซมเบ้โลกปิศาจเลยนะเว้ย, เอามาเป็นของฝากแหละ」
เรย์มุ 「โลกปิศาจสิน้า... ถึงจะไม่ค่อยอยากไปก็เถอะ」
มาริสะ 「ขากลับก็ขอนั่งเรือลำนั้นกลับมานั่นล่ะ แถมเขายังบอกด้วยว่า นับแต่นี้ไปจะพาไปจนถึงโลกปิศาจให้ทุกเมื่อเลย
แบบนี้ก็สามารถรวบรวมไอเทมหลายหลากได้สบายเลยว้อย」
เรย์มุ 「หืม---
งั้นเหรอ... ไม่ใช่เรือสมบัติ แต่เป็นเรือท่องเที่ยวโลกปิศาจงั้นสินะ」
เรย์มุ 「ว่าแต่เรือนั่นจะพาไปโลกปิศาจทุกเมื่อที่ต้องการเลยเหรอ
ทำไมถึงใจดีขนาดนั้นล่ะ ?」
มาริสะ 「เพราะสู้จนชนะได้น่ะสิ」
เรย์มุ 「สู้กันจริงๆด้วยสินะ
กับเรือซะด้วย」
มาริสะ 「กัปตันเรือต่างหากล่ะ」
มาริสะขอเบียคุเรน ให้ตนเองสามารถสัญจรไปมาระหว่างเกนโซวเคียวกับโลกปิศาจได้ตามอำเภอใจ
เบียคุเรนถูกใจนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาของมาริสะ และการออกเรือก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด เธอจึงให้มุราสะเดินเรือได้
นอกจากนี้ เบียคุเรนยังกล่าวไว้ว่า มาริสะก็เป็นจอมเวทเหมือนกับตน ดังนั้นหากมีเรื่องเดือดร้อนอะไรขึ้นมาก็สามารถให้ยืมพลังได้ทุกเมื่อ
มาริสะจึงตั้งใจว่าจะขอเต็มที่แบบไม่เกรงใจโดยอ้างว่า 「คนที่คลายผนึกให้คือฉัน ดังนั้นสิ่งตอบแทนระดับนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา」
แต่อย่างไรก็ดี, เจ้า UFO ที่ใช้ในการคลายผนึกนั้น
ขนาดถามกับเบียคุเรนว่าเหตุใดจึงมีรูปร่างแบบนั้น ก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด
มาริสะจึงคิดว่า อาจจะยังมีความลับอะไรบางอย่างอยู่อีกก็เป็นได้
Ending No.03 ทัวร์โลกปิศาจราคาถูก
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.04 Good End Marisa B
ห้องของมาริสะ
การถ่ายเทอากาศไม่ดี, ข้าวของกองสูงจนมืดทึม
ที่นี่มีสิ่งของที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรือไม่รู้คุณประโยชน์หลับใหลอยู่มากมาย, มาริสะเองก็ไม่อาจแตะต้องข้าวของโดยไม่ระวังได้เช่นกัน
มาริสะ 「อะไรกันวะเนี่ย ?
ตอนที่ได้มายังบินอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่ขยับเลยสักนิด」
มาริสะ 「บอกไว้ว่าเป็น... ...ยุ้งฉางลอยฟ้าสินะ
ส่วนหนึ่งของยุ้งฉางที่บินไปบนท้องฟ้างั้นเหรอ---
ไม่ใช่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างถึงจะบินได้อีกครั้งรึไงนะ---」
มาริสะ 「หือ ?
เจ้า UFO นี่เปิดข้างบนได้ด้วยแฮะ ?
มีอะไรอยู่ข้างในวะเนี่ย ?」
มาริสะ 「เอ๋ ? อะไรเนี่ย เจ้างูของเล่นขนาดเล็กนี่... ...?
ทำไมของพรรค์นี้ถึงมาอยู่ข้างในได้หว่า ?
ไม่มีชีวิตแล้วใช่มั้ยนะ... ...」
มาริสะ 「เป็นสมบัติที่น่าพิศวงอย่างบอกไม่ถูกเลยน้า
เอาเถอะ ก็ยังดีที่ดูเหมือนจะมีค่าล่ะวะ
เอาไว้ถ้าถูกสาปขึ้นมา ค่อยไปขอให้เรย์มุปัดรังควานให้ก็ได้วะ」
มาริสะตกใจอย่างยิ่งเมื่อดึงงูของเล่นออกมาจาก UFO
สมบัติลอยฟ้าที่เคยมีรูปร่างเป็น UFO กลับเปลี่ยนรูปร่างเป็นเพียงเศษไม้ธรรมดาในชั่วอึดใจ
มาริสะเห็นสิ่งที่เหมือนกับเวทมนตร์ของแท้ต่อหน้าต่อตา จนพูดไม่ออก
และรู้สึกประทับใจในเวลาเดียวกัน
เพราะของสิ่งนี้จะต้องมีพลังอันสุดยอดซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
พอวางงูลงบนเศษไม้ ก็กลับกลายเป็น UFO อีกครั้งอย่างฉับพลัน
มาริสะจึงมั่นใจว่าสิ่งนี้คือสมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ก็ยังมีคำถามบางอย่างค้างคาใจอยู่
นั่นคือเธอไม่ค่อยแน่ใจว่า อะไรคือสมบัติกันแน่ ระหว่างงูกับเศษไม้
เธอรู้สึกได้ด้วยลางสังหรณ์ว่าสมบัติน่าจะเป็นเศษไม้มากกว่า
เพราะพวกโยวไคกลุ่มนั้นเรียกสิ่งนี้ว่า เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า มาตั้งแต่แรก
ดังนั้นสิ่งที่ดูคล้ายเศษเสี้ยวของยุ้งฉางมากกว่าย่อมต้องเป็น เศษไม้ นั่นเอง
เธอคิดว่าเศษไม้ชิ้นนี้อาจจะมีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้
จึงทำการทดลองหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ทำปฏิกิริยากับอะไรเลย นอกจากงูตัวนั้น
ในตอนที่กำลังจะยอมแพ้นั้น มาริสะมีอันต้องหวั่นไหวอย่างมากเมื่อได้พบความจริงที่น่าตื่นตะลึง
「จะ..เจ้าของเล่นนี่... ...กำลังจะขยับ !」
งูเริ่มเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันราวกับว่ามันฟื้นคืนชีพขึ้นมา จากนั้นก็พยายามจะหนีออกไปทางหน้าต่าง !
มาริสะที่กำลังอึ้งรีบไล่ตามงูไปโดยคิดอยู่ในหัวว่า สมบัติไม่ใช่เศษไม้แต่เป็นงูงั้นเหรอ
เจ้างูค่อนข้างรวดเร็วทีเดียว, เพียงแค่ชั่วพริบตามันก็ไปจนถึงหน้าต่างแล้ว
จากนั้นเจ้างูก็เปลี่ยนรูปร่างอย่างกะทันหัน คราวนี้กลายเป็นนก แล้วบินหายไปในท้องฟ้ายามราตรี, ส่วนมาริสะก็ได้แต่อึ้งต่อไป
"ตะ.. ต้องตรวจสอบแล้วว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !"
Ending No.04 ไปต่อ EXTRA
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.05 Good End Sanae A
ศาลเจ้าโมริยะซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา
ซากุระเริ่มเบ่งบานที่ตีนเขาแล้วก็จริง แต่บนภูเขายังคงหนาวเย็นเนื่องจากมีหิมะหลงเหลืออยู่
และถึงจะไม่มีหิมะ ก็มีมนุษย์น้อยคนนักที่จะปีนขึ้นมาจนถึงที่นี่
คานาโกะ 「ท่าทางจะลำบากแย่เลยนะ
งานกำราบโยวไคเนี่ย」
ซานาเอะ 「ใช่ค่ะ ลำบากน่าดูจริงๆ
ตอนแรกแค่ไล่ตามเรือเท่านั้นเอง แต่พอรู้สึกตัวอีกที
ก็ถูกพาไปจนถึงโลกที่ไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้วน่ะค่ะ」
ซานาเอะ 「ก็เลยขอร้องมนุษย์ที่อยู่ที่นั่น จนได้กลับมานี่ล่ะค่ะ」
คานาโกะ 「หืม---
แล้ว... ค่าตอบแทนก็คือเจ้านี่งั้นสิ ?」
(ในรูปด้านบน : รับสมัครด่วน ขอความร่วมมือในการก่อสร้างวัดเมียวเรนจิ ต้องการพนักงานก่อสร้าง)
(ในช่องสี่เหลี่ยมในรูป : ที่นี่)
(ในรูปด้านล่าง : ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ฮิจิริ เบียคุเรน)
คานาโกะ 「『ขอความร่วมมือในการก่อสร้างวัดเมียวเรนจิ ต้องการพนักงานก่อสร้าง』」
ซานาเอะ 「ก็แหม เธอบอกว่าอยากจะสร้างวัดเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องนั้น
เลยอยากจะให้ความช่วยเหลือน่ะค่ะ
แล้วก็ ทั้งท่านคานาโกะและท่านสุวะโกะก็ชำนาญงานด้านนี้ออก」
คานาโกะ 「เทียบกับแค่ให้ขึ้นเรือเนี่ยมันแพงไปหน่อยนะ」
ซานาเอะ 「ก็มันไม่มีวิธีกลับมาเลยนี่คะ」
คานาโกะ 「ถึงยังไงก็เถอะ, เอ... มันอ่านว่ายังไงนะ ?」
ซานาเอะ 「เบียคุเรนค่ะ ฮิจิริ เบียคุเรน」
คานาโกะ 「ไม่น่าไว้วางใจเลยนะ」
คานาโกะ 「ทั้งๆที่บอกว่าถูกผนึกมาเป็นเวลานาน แต่เรื่องแรกที่จะทำหลังผนึกคลายกลับเป็นการสร้างวัดเสียนี่」
ซานาเอะ 「จะว่าไปมันก็จริงนะคะ
มัวแต่คิดถึงเรื่องการกลับจากโลกปิศาจ จนลืมนึกไปเลย」
คานาโกะ 「ดีล่ะ ลองรับงานนี้ดูกันเถอะ
จะได้ไปดูว่าเบียคุเรนคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่」
ซานาเอะ 「ถ้างั้นก็ขอฝากด้วยนะคะ」
คานาโกะ 「เจ้าก็ต้องไปช่วยด้วยนะ」
ซานาเอะ 「เอ๋--- งานใช้แรงมันออกจะ... ...」
การก่อสร้างวัดเมียวเรนจิจึงดำเนินงานโดยฝีมือของคานาโกะและสุวะโกะ ตัววัดจึงถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ในพริบตา
อันที่จริง แค่สุวะโกะทำให้พื้นดินราบเรียบแล้วเรือลอยฟ้าลงมาจอดก็แทบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ส่วนคานาโกะก็เฝ้าจับตามองเบียคุเรนและเหล่าโยวไคใกล้เคียงอย่างไม่วางตา
เบียคุเรนได้รับความเคารพรักจากเหล่าโยวไค
คานาโกะจึงนึกประหลาดใจว่า 「นักบวชที่พยายามสร้างวัดแบบนี้กับโยวไค... ..?」
เบียคุเรนติดต่อคบค้ากับมนุษย์และโยวไคด้วยคำพูดแบบขวานผ่าซากที่ไร้ซึ่งการโป้ปดมดเท็จ
เมื่อเบียคุเรนเห็นคานาโกะกำลังสงสัย ก็แสดงความนอบน้อมอย่างสูงออกมา
「คุณคือเทพเจ้าของภูเขาลูกนี้สินะคะ ? แค่เห็นก็รู้แล้วค่ะ」
กล่าวจบ เธอก็เริ่มเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง
เกิดที่ใด
ใช้ชีวิตมาอย่างไร
และเหตุใดจึงถูกผนึก
โดยไม่อาจรู้สึกได้ถึงการโกหกในคำพูดของเบียคุเรนเลยแม้แต่น้อย
「นักบวชคนนี้ไม่ธรรมดา」
คานาโกะรู้สึกว่า จำเป็นต้องเฝ้าระวังให้มากกว่านี้เสียแล้ว
Ending No.05 ไม่หรอก ก็เบียคุเรนเป็นคนดีนี่ค่ะ
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.06 Good End Sanae B
เรือลอยฟ้า, เรือเกี้ยวศักดิ์สิทธิ์
ท่าทางจะเป็นแค่เรือธรรมดาที่บินไปบนท้องฟ้าเท่านั้น ไม่ใช่เรือสมบัติหรืออะไรทั้งนั้น
การที่บินไปบนท้องฟ้าเป็นครั้งคราวก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน
สุวะโกะ 「เห--- เรือลอยฟ้าก็ทำให้รู้สึกดีสินะ」
เบียคุเรน 「ไม่ตกใจเลยนะคะ」
สุวะโกะ 「แหม่ ก็นะ ป่านนี้แล้วจะมี UFO สักลำสองลำก็ไม่น่าแปลกอะไร」
เบียคุเรน 「UFO ?」
สุวะโกะ 「ในหมู่พวกฉัน เรียกเจ้าของแบบนี้ว่า UFO น่ะ」
เบียคุเรน 「อย่างนั้นเองเหรอคะ」
สุวะโกะ 「หมายถึง วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ น่ะนะ」
สุวะโกะ 「เอาล่ะ เข้าใจเรื่องของเรือลำนี้แล้วล่ะ แต่เจ้า UFO ขนาดเล็กนี่มันคืออะไรกันแน่เหรอ ?」
เบียคุเรน 「UFO ขนาดเล็ก... ...วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์เหรอคะ ?
นั่นมันคือ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า ไม่ใช่เหรอคะ ?」
ซานาเอะ 「จับได้แล้วค่ะ !」
สุวะโกะ 「เหนื่อยหน่อยนะ, เอ้า ดูสิ เจ้านั่นไง
ดูยังไงก็ไม่เห็นเป็นเศษเสี้ยวของยุ้งฉางเลยน้า」
เบียคุเรน 「งั้นเหรอคะ ?
ถึงมันจะผุๆไปหน่อย แต่เมื่อก่อนมันเคยเป็นยุ้งฉางไม้นะคะ」
สุวะโกะ 「เอ๋ ? ไม้ ? เจ้าเนี่ยนะ ?」
ซานาเอะ 「ความรู้สึกตอนสัมผัสมันก็เป็นไม้อยู่หรอกค่ะ... ...」
สุวะโกะ 「ยุ้งฉางทรงจานกลมเนี่ยนะ... ช่างล้ำยุคเสียเหลือเกินนะ」
เบียคุเรน 「เอ๋ ? ทรงจานกลม ?
ก็แค่ยุ้งฉางธรรมดาแบบพื้นๆนี่คะ ? เก่าแก่มากแล้วด้วย ?」
ซานาเอะ + สุวะโกะ 「เอ๋ ?」
เบียคุเรน 「เอ๊ะ ? ฉันพูดอะไรที่น่าตกใจออกไปเหรอ ?」
สุดท้ายแล้วการสนทนาของทั้งสามคนก็ไม่ได้ข้อสรุป
สุวะโกะที่ได้ฟังรายงานของซานาเอะคิดว่า ยังคงมีปริศนาสำคัญอยู่อีกหนึ่งอย่าง จึงขึ้นมาบนเรือลำนี้
ปริศนาดังกล่าวก็คือ เจ้า UFO ทรงจานกลมนั่นเอง
ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่านี่คือยุ้งฉาง
สุวะโกะจึงคิดว่าพวกเบียคุเรนยังคงปกปิดอะไรบางอย่างอยู่อีก
แต่ก็ผิดไปจากที่คาด
ความจริงแล้วพวกเบียคุเรนไม่เห็นว่าเศษไม้ลอยฟ้ามันเป็น UFO ทรงจานกลมเลย
UFO ที่ซานาเอะจับมาได้ก็เห็นเป็นเพียงเศษไม้เก่าแก่เท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่อาจได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ
ซานาเอะและสุวะโกะไม่รู้สึกตัวถึงความจริงข้อนี้เลยจนกระทั่งตอนสุดท้าย แล้วจากเรือมาทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจเหตุผลดีนัก
ทั้งสองจึงเข้าใจไปว่า ยุ้งฉางในยุคของเบียคุเรนนั้นมีรูปร่างเป็นทรงจานกลม
Ending No.06 คนร้ายเรื่อง UFO เป็นคนอื่น ?
ยินดีด้วยที่ All Clear ! สมแล้วล่ะนะ !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.07 Bad End Reimu A
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
เรย์มุถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
รอบตัวก็มีแต่เหล่าโยวไค... ...
เรย์มุ 「อะไรกันเล่า เจ้าพวกนี้มันไม่ธรรมดาเลยนี่นา
ต้องรีบกลับไปเตรียมตัวใหม่ ไม่งั้นไม่ชนะแน่」
เรย์มุล้มเลิกความคิดที่จะกำราบโยวไคที่อยู่ตรงหน้า และตอนนี้ให้ความสำคัญกับการกลับไปที่ศาลเจ้าเป็นอันดับแรก
Ending No.07 เก็บไอเทมให้ดีๆก่อนบุกเข้าสู่โลกปิศาจ
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.08 Bad End Reimu B
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
เรย์มุถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
จึงออกตามหาเรือลำที่นั่งตอนขามา... ...
เรย์มุ 「ทำไมเจ้าเรือบุโรทั่งนี่ถึงได้บรรทุกเชื้อเพลิงมาแค่พอเดินทางเที่ยวเดียวเนี่ย !
อย่างนี้ก็กลับไปเฝ้าศาลเจ้าไม่ได้ตั้งหลายวันน่ะสิ」
เรย์มุพยายามลองผิดลองถูกเพื่อขับเรือ แต่ด้วยพลังของเรย์มุก็มิอาจทำให้เรือบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อีกครั้ง
Ending No.08 ตอนขามาดันบอกว่าดีเองนี่ ?
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.09 Bad End Marisa A
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
มาริสะถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
ตอนแรกก็คิดว่าดีอยู่หรอก แต่... ...
มาริสะ 「น่าเบื่อ--- จะตายอยู่แล้ว---
ไม่อยากอยู่ในโลกที่ไม่มีอะไรเลยพรรค์นี้แล้วโว้ย
อยากกลับเร็วๆจัง... ...」
เหล่าโยวไคต่างใช้ชีวิตกันอย่างสันติอยู่รอบๆ
โลกที่ปราศจากการต่อสู้แย่งชิง ก็เป็นเหมือนนรกสำหรับมาริสะดีๆนี่เอง
Ending No.09 ยังเร็วเกินไปที่จะสนุกกับความน่าเบื่อนะ
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.10 Bad End Marisa B
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
มาริสะถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
ตอนแรกก็คิดว่าดีอยู่หรอก แต่... ...
มาริสะ 「ถึงได้สมบัติมา ก็กลับออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี
ไม่มีประโยชน์อะไรเอาซะเลย พับผ่า
ก็ไม่มีวิธีที่จะตรวจสอบมันเลยนี่นา」
นัยน์ตามืดมัวไปด้วยสมบัติ จนเป็นเหตุให้ไม่รู้สึกตัวว่าทางหนีทีไล่ได้ถูกตัดไปเสียสิ้นแล้ว
ตอนนี้จึงคิดถึงแต่การกลับไปยังโลกเดิมเท่านั้น
Ending No.10 เคาะสะพานหิน แล้วให้คนอื่นข้ามไป
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
Tips :
- ล้อสำนวนญี่ปุ่นที่ว่า เคาะสะพานหินก่อนข้าม ซึ่งหมายถึง การตรวจสอบให้มั่นใจก่อนลงมือกระทำการใดๆว่าปลอดภัยมั่นคงแน่นอน
แต่ในบทนี้ นอกจากเคาะสะพานแล้ว ยังส่งคนอื่นไปลองเชิงเสี่ยงตายก่อนด้วย ร้ายกาจจริงๆ (ฮา)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.11 Bad End Sanae A
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
ซานาเอะถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
จึงต้องฟังเรื่องราวของเบียคุเรนอย่างช่วยไม่ได้... ...
ซานาเอะ 「เห... โยวไคก็ไม่ได้มีแต่คนชั่วสินะคะ
แต่ก็ยังไม่อยากคิดว่าเทพเจ้ากับโยวไคนั้นเหมือนกันอยู่ดีค่ะ」
ซานาเอะยอมฟังเรื่องราวของเบียคุเรนอย่างว่าง่าย
ตอนแรกก็เพื่อให้เขายอมพากลับโลกเดิม แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มจะเห็นด้วยกับเหล่าโยวไคเสียอย่างนั้น
Ending No.11 แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้กลับล่ะเนี่ย ?
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Ending No.12 Bad End Sanae B
มุมหนึ่งของโลกปิศาจ นามว่า ฮคไค
ซานาเอะถูกเบียคุเรนจับตัวไว้จนไม่อาจเดินทางกลับมาได้
จึงต้องเล่าถึงแนวคิดของตนให้แก่เบียคุเรนอย่างช่วยไม่ได้... ...
ซานาเอะ 「ด้วยเหตุนี้ พวกมนุษย์จึงต้องใช้ชีวิตโดยหวาดกลัวต่อโยวไคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันค่ะ
ดังนั้นพอถูกโยวไคอย่างพวกคุณอาละวาดใส่จึงเดือดร้อนกันยกใหญ่ไงล่ะคะ
ว่าแต่, ทำยังไงถึงจะได้กลับโลกเดิมล่ะคะเนี่ย ?」
ซานาเอะรู้สึกตัวได้ว่ารอบๆตัวมีแต่เหล่าโยวไค
เพิ่งจะรู้สึกตัวเอาป่านนี้ว่า การเผชิญหน้ากับทุกคนที่นี่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของตนได้
Ending No.12 ดันทุรังไปมีแต่จะขาดทุน
จงตั้งเป้าไปที่การ Clear แบบ No Continue !
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
Tips :
- ฉากจบของภาคนี้ พอจะสามารถลำดับเป็นเหตุการณ์ได้ดังนี้ (ตามความเข้าใจของผู้แปล)
Ending No.03 Good End Marisa A (ของฝากจากโลกปิศาจ)
Ending No.06 Good End Sanae B (สุวะโกะสืบเรื่อง UFO)
Ending No.01 Good End Reimu A (เรย์มุไม่ยอมให้บิน)
Ending No.02 Good End Reimu B (เบียคุเรนมาหาที่ศาลเจ้า)
Ending No.05 Good End Sanae A (เบียคุเรนหาคนช่วยสร้างศาลเจ้า)
Ending No.04 Good End Marisa B (มาริสะค้นพบความลับของ UFO)
จากนั้นจึงไปต่อที่ Extra Stage's Back Story
.........................................................................................................................................................................................