CoLA - 018


東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia.
โทวโฮวโควรินโดว (ร้านโควรินโดวแห่งตะวันออก) ~ ความอยากรู้อยากเห็นของดอกบัวเอเชีย


.........................................................................................................................................................................................


ตอนที่ 18
「พระจันทร์กับกัปปะ」

 

――กริ๊งกริ๊งกริ๊ง

แว่วเสียงมาจากทางเข้าของร้าน

「มาที่ร้านตอนดึกดื่นขนาดนี้เนี่ยนะ... ...ใครกันหว่า ?」

ผมอาศัยแสงจันทร์ที่สะท้อนหิมะซึ่งกองสะสมกันที่ริมหน้าต่าง เพื่อมุ่งหน้าไปยังทางเข้า
นับจากตอนที่ปิดร้านก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว ภายในร้านจึงหนาวเย็นอย่างมาก

「ยังเปิดร้านอยู่รึเปล่า ?」 ผู้ที่อยู่ตรงนั้นคือ เมดที่รับใช้ผีดูดเลือด นั่นเอง

ทั้งที่มาเยือนกลางดึก แต่เธอกลับไม่มีทีท่าว่ารีบร้อนแต่อย่างใด
คงเป็นเพราะช่วงเวลาทำกิจกรรมของเธอส่วนใหญ่จะเป็นเวลากลางคืนล่ะมั้ง
ถึงได้ทำหน้าเหมือนการออกมาเดินเล่นในเวลากลางคืนเป็นเรื่องปกติ
ดันมีเจ้านายเป็นผีดูดเลือดนี่นะ ช่วยไม่ได้

「พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ
 ไฟก็ดับไปแล้ว, ดูยังไงก็ปิดร้านไปแล้วชัดๆเลยนะ」

「ฉันคิดว่าอาจจะกำลังประหยัดไฟหรือไม่อยู่บ้าน, อะไรสักอย่างน่ะค่ะ」

ต่อให้ดับไฟเพราะไม่อยู่บ้าน, ก็ตั้งใจจะเข้ามาเดินดูของตามอำเภอใจอยู่แล้วสินะ
เพราะอย่างเนี้ยถึงไม่กล้าทิ้งบ้านออกไปไหนอย่างสบายใจ

「ฉันมาหาของที่เป็นลางดีน่ะค่ะ... ...พอจะมีอะไรบ้างมั้ยคะ ?」

ผมจุดไฟในร้าน
พลันนั้นความคลุ้มคลั่งของพระจันทร์ที่รายล้อมอยู่ได้สลายหายไป, และความมืดสลัวได้กลับมาสู่ด้านในของร้านทันที
ผมคิดว่าการมาเยือนหลังปิดร้านนั้นเป็นการกระทำที่เอาแต่ใจตนเองอย่างมาก แต่ถ้าเป็นลูกค้า จะมาเมื่อใดก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
แม้แต่ลูกค้าที่มาเยือนแต่เช้าตรู่สุดๆก็เคยเจอมาแล้ว (นัยถึงโยวมุใน ตอนที่ 13)

「ของที่เป็นลางดี... ...งั้นเหรอ, เป็นการสั่งของที่คลุมเครือจังเลยนะครับ
 ถ้าเป็นของที่เพิ่งเข้าร้านมาเมื่อเร็วๆนี้ก็มี 『แร่สะเก็ดดาวที่แกะสลักเป็นรูปซุ้มประตูศาลเจ้า』 น่ะครับ... ...」

「ไม่เอาของที่ความน่าเชื่อถือต่ำแบบนั้นค่ะ, ไม่มีของที่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นลางดีมากกว่านี้เลยเหรอ ?」

ผมจินตนาการไม่ออกว่าจะเอาของที่เป็นลางดีไปใช้ทำอะไรในเวลาดึกดื่นเช่นนี้, แต่ถ้ามีของที่ขายได้ ผมก็อยากจะขายตอนนี้เลย
ปกติแล้วผมไม่ค่อยสนใจสินค้าที่ใช้งานจริงไม่ค่อยได้อย่างพวกวัตถุมงคล
ผมแจ้งไปว่า 「ถ้าอย่างนั้นก็มีวัตถุมงคลชั้นเลิศอยู่ครับ」 แล้วไปนำเอาของที่เป็นลางดีที่สุดซึ่งหลับใหลอยู่ในโรงเก็บของออกมา



「ตายจริง, เป็นกระดองเต่าที่ Colorful อะไรอย่างนี้
 แบบนี้ต้องเป็นลางดีแน่นอนเลย」

「กระดองเต่าห้าสีซึ่งกระกอบด้วย แดงกับฟ้า ขาวกับดำ และตรงกลางมีสีเหลือง
 คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นลางดีไปกว่านี้แล้วล่ะนะ」

「แต่ว่า... ...กระดองนี่, มันแปลกประหลาดสำหรับเต่านะ
 มันใหญ่เกินไป, แถมยังราบเรียบอย่างบอกไม่ถูกด้วย」

「ใช่แล้ว, นี่ไม่ใช่กระดองเต่า, แต่เป็น 『กระดองห้าสีของกัปปะ』 น่ะ」

เตาผิงที่สร้างขึ้นโดยโลกภายนอกนั้นต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยในการทำให้ร้านที่เย็นจัดอบอุ่นขึ้น
ในที่สุดภายในร้านก็เริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว, หัวก็แล่นมากขึ้นตามไปด้วย

「กัปปะ, งั้นสิน้า
 พวกกัปปะนี่อาศัยอยู่ที่ไหนเหรอ ?」

「พวกกัปปะนั้นอาศัยอยู่ที่ภูเขาเป็นจำนวนมากเลยล่ะ
 พวกเธอไม่ค่อยได้ย่างกรายเข้าไปในภูเขาสินะ, ที่นั่นมีโยวไคหลากหลายอาศัยอยู่น่ะ
 แต่กระดองนี่ไม่ใช่ของที่เพิ่งพบเมื่อเร็วๆนี้หรอกนะ
 อายุมันเกินพันปี... ...น่าจะราวๆหนึ่งพันสามร้อยปีล่ะมั้ง
 เป็นของที่เก่าแก่สุดๆเลยล่ะ」

「เก่าเอาการเลยนะ」

「ถ้ามาบ่นทีหลังแล้วจะลำบากเลยขอเตือนไว้ก่อนนะว่า,
 ถึงจะบอกว่าเป็นของกัปปะ แต่จริงๆแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเป็นกระดองของกัปปะจริงหรือไม่
 แต่ถึงยังไง กระดองห้าสีก็เป็นวัตถุมงคลขั้นสูงสุดอยู่ดี」

ผมระบุเรื่องความน่าเชื่อถือที่ว่ามันมาจากกัปปะอย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งผมรู้สึกว่ามันทำให้สีหน้าของเมดแสดงความเคลือบแคลงสงสัยออกมาทางแววตา ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

「ว่าแต่, ทำไมถึงต้องการของที่เป็นลางดีล่ะ ? แถมยังเป็นเวลาดึกดื่นแบบนี้อีก」

「ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะ... ...จำเป็นต้องมีโชคอย่างมากในการทำให้เวทมนตร์ขนาดใหญ่ประสบความสำเร็จน่ะค่ะ」



เรื่องที่เธอเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก
วันก่อน, คฤหาสน์มารแดงที่ตัวเธอ――อิซาโยอิ ซาคุยะ ทำงานอยู่นั้นได้จัดงานเซทสึบุนขึ้น
แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่ผีดูดเลือดทำพิธีไล่ยักษ์ แต่ดูเหมือนคฤหาสน์มารแดงจะจัดกิจกรรมประหลาดดังกล่าวขึ้นบ่อยครั้งมาก
ซึ่งผมคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับที่นั่น


「――พองานประลองเซทสึบุนจบลง ก็เกิดเหตุจันทราวิปลาสขึ้นค่ะ
 ถึงคุณจะไม่ทราบก็เถอะ」

ผมทราบเรื่องดังกล่าวในภายหลังจากหนังสือพิมพ์ 『บุนบุนมารุชินบุน』
ดูเหมือนจะเกิดเหตุพระจันทร์แตกเป็นเสี่ยงๆในคืนวันเซทสึบุน
พระจันทร์แตกโดยไร้เสียง, และกลับเป็นเหมือนเดิมโดยไร้เสียง, ซึ่งถ้าดูจากเวลาเกิดเหตุแล้วก็น่าจะมีน้อยคนที่รู้สึกตัว

(แพชูลี่เริ่มจัดงานประลองเซทสึบุนช่วงก่อนเกิดเหตุในภาค 7.5 รายละเอียด(+เรื่องเซทสึบุน)ตาม link)
(นัยถึงข่าวเกี่ยวกับซุยกะที่ถูกเขียนถึงในหนังสือพิมพ์ รายละเอียดตาม link)

「แล้ว, ของที่มีลางดีกับเหตุจันทราวิปลาสนั่นมันเกี่ยวข้องกันยังไงล่ะ... ...」

「คุณหนูเห็นพระจันทร์แตกเป็นเสี่ยงๆแล้วตกใจ ก็เลยพูดออกมาอีกครั้งน่ะค่ะ
 ว่า 『คราวนี้แหละ จะไปดวงจันทร์ให้ได้』」

พูดว่า คราวนี้แหละ ก็แสดงว่าก่อนหน้านี้เคยพูดว่าจะไปดวงจันทร์อย่างกะทันหันมาแล้ว
โดยพยายามใช้เวทมนตร์เดินทางสู่ดวงจันทร์ (รู้สึกว่าจะชื่อ 『Project Apollo』)
ดูเหมือนตอนนั้นจะจบลงด้วยความผิดพลาดเพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอ... ...

『Project Apollo』 จัดว่าเป็นเวทมนตร์ที่ซับซ้อนจนเข้าใจยากเป็นอย่างมาก แม้แต่ในบรรดาเวทมนตร์ของโลกภายนอกด้วยกัน
ดูเหมือนจะเป็นเวทมนตร์ขั้นสูงสุดที่มีกระบวนการทางเวทมนตร์เยอะจนต้องบันทึกลงในตำราเวทหลายเล่ม
และมีขั้นตอนการดำเนินงานมากมาย อีกทั้งยังต้องใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้อยู่เป็นจำนวนมาก แค่ตามหารวบรวมแต่ละชิ้นให้พบก็เหนื่อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันว่า ไม่มีจอมเวทคนใดในเกนโซวเคียวที่จะสามารถทำให้เวทมนตร์นี้ประสบความสำเร็จได้

「จอมเวทที่เป็นเพื่อนกับคุณหนูบอกว่า
 『รวบรวมวัตถุดิบได้เกือบครบแล้ว แต่จำเป็นต้องมีโชคขั้นสูงสุดเพื่อให้เวทมนตร์ขั้นสูงสุดนี้ประสบความสำเร็จ』
 ก็เลยสั่งฉันมาว่า 『จงไปหาของที่เป็นลางดีที่สุดในเกนโซวเคียวมา』 น่ะค่ะ... ...」

「เคราะห์ร้ายจริงๆเลยนะครับ」

ความสำเร็จของเวทมนตร์ประกอบขึ้นจากปัจจัยหกอย่าง ได้แก่
『ฝีมือ』 ของผู้ใช้วิชา, 『อารมณ์』 ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของจิตวิญญาณ, 『สสาร』 ซึ่งก็คืออุปกรณ์และวัตถุดิบ
『บรรยากาศ』 ของสถานที่ปฏิบัติงาน, 『เวลา』 ที่ใช้ในการทำงาน และสุดท้ายคือ 『โชค』
ซึ่งในหกปัจจัยนี้, โชค คือปัจจัยที่มีน้ำหนักมากที่สุด, ขอแค่มีโชค ก็สามารถครอบคลุมปัจจัยอื่นได้ทั้งหมด
ในทางกลับกัน, หากไม่มีโชค ต่อให้เป็นเวทมนตร์ที่ง่ายดายเพียงใดก็อาจล้มเหลวได้

「ดูเหมือนว่าปัจจัยอื่นจะรวบรวมได้ครบแล้ว, ขาดแต่ดวงนี่ล่ะค่ะ
 ถ้าเป็นของที่เป็นลางดีที่สุด, ไม่ใช่ทั้งก้านชาตั้งตรงในถ้วยชา, Clover สี่กลีบ หรือดอกไม้ไผ่
 ก็ต้องเป็นของที่หายากยิ่งกว่านั้นอีก... ...」

ผมคิดว่าของที่หายากกับของที่เป็นลางดีมันต่างกัน แต่บางทีสามัญสำนึกแบบนั้นอาจใช้ไม่ได้กับคฤหาสน์มารแดง
ถ้าเอาแค่หายากก็พอล่ะก็, บางทีอาจไม่ต้องเป็นกระดองห้าสีของกัปปะนี้, แค่เหล้าทสึจิโนโกะก็อาจจะเพียงพอแล้วก็เป็นได้
(ทสึจิโนโกะ เป็นสัตว์ลับแลที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเป็นข้ารับใช้ของเทพแห่งหญ้า)

แต่ผมรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสงามที่จะได้ขายกระดองเต่าห้าสีของกัปปะ
จึงไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป

「กระดองห้าสีอันนี้ไม่เพียงแต่หายากเท่านั้นนะ
 มันเป็นของที่เหมาะกับเธอในตอนนี้อย่างมากเลยล่ะครับ」

ของที่เป็นลางดีจำเป็นต้องมีการเล่าขานว่ามันเป็นลางดี
ผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมกระดองห้าสีของกัปปะนี้จึงเป็นลางดี, และทำไมมันจึงเป็นของที่เหมาะกับเธอ

ผมเลิกยืนคุยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กับเตาผิง
ผมแนะนำให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้เช่นกัน,
แต่เธอบอกว่า 「ฉันชินกับการยืนมากกว่าค่ะ」 และพยายามจัดท่ายืนให้มีบุคลิกที่ดีอยู่เสมอ
ผมชี้ไปที่กระดองในมือของเธอแล้วเริ่มอธิบายให้ฟัง โดยที่มีผมเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่

「แดง ฟ้า ขาว ดำ เหลือง ห้าสีนี้แสดงถึงสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในธรรมชาติ
 ทิศ เหนือใต้ออกตกและใจกลาง,
 ฤดู ผลิร้อนร่วงหนาวและเซทสึบุน,
 สสาร ไฟน้ำไม้ทองดิน
 กล่าวคือเป็นสีที่แสดงถึงทุกสิ่งในโลกใบนี้นั่นเอง
 ซึ่งครอบคลุมทั้ง 『บรรยากาศ』 『เวลา』 และ 『สสาร』 ที่จำเป็นต่อความสำเร็จของเวทมนตร์
 นอกจากนี้ เต่ายังเป็นลางดีมาแต่โบราณว่าเป็นสัตว์ที่แบกผืนปฐพีไว้บนหลัง
 เต่าห้าสีที่แบกรับทุกสิ่งในธรรมชาติจึงถูกจัดว่าเป็นวัตถุมงคลขั้นสูงสุด
 เต่าที่ร่ำลือกันว่าอายุยืนยาวถึงหมื่นปี แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เต่าธรรมดา แต่เป็นเต่าห้าสีแบบนี้นั่นเอง」

「แต่ว่า, กระดองนี่ไม่ใช่ของเต่า แต่เป็นของกัปปะนี่นา ? กัปปะก็อายุยืนถึงหมื่นปีเหรอ」

「นั่นล่ะคือเหตุผลที่ของชิ้นนี้เหมาะสมกับเธอในตอนนี้อย่างมาก
 แม้ร่ำลือกันว่ากัปปะนั้นเป็นโยวไคแห่งแม่น้ำจากประเทศจีนที่เรียกขานว่า คาฮาคุ ... ...แต่นั่นไม่ถูกต้องเสียทีเดียว」

「เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนั้นเป็นครั้งแรกนะคะเนี่ย」

「คาฮาคุ เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำสายใหญ่
 การเหมารวมกัปปะเป็นคาฮาคุนั้นจึงเป็นการยกยอกัปปะที่มากเกินไป」

「นั่นสิ, ก็พวกกัปปะเนี่ยเป็นโยวไคที่นิสัยแย่ยิ่งกว่าเทนกุเสียอีกนี่นะ」

แค่มีโยวไคที่ชื่อคล้ายกันในต่างประเทศก็เหมารวมว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกัน, มันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลย
โดยเฉพาะเรื่องคำศัพท์, อาศัยในแม่น้ำก็เลยมีคำว่าแม่น้ำอยู่ในชื่อ, มันก็ต้องมีชื่อคล้ายกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

「ผมคิดว่ากัปปะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเข้ามาใกล้เรามากขึ้น」

เริ่มได้ยินเสียงของน้ำในกาน้ำที่ตั้งอยู่บนเตาผิง
ภายในร้านที่เคยหนาวเย็นเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง, และเมื่อได้ชงชา ร่างกายของผมก็เข้าที่เข้าทางเสียที

ในเวลาแบบนี้, ผมคิดว่าเมดน่าจะชงชาให้เพราะติดเป็นนิสัย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ทำอย่างนั้นในบ้านของคนอื่น
นั่นเป็นหลักฐานว่าเธอเป็นเมดที่ดี
ถึงจะมีบางคนที่คิดว่าไม่เป็นไร แล้วชงชาหรือทำความสะอาดให้บ้านของคนอื่น แต่นั่นเป็นแค่ความทึ่มเท่านั้น
แม้จะเป็นเมด แต่ยามที่ไปรบกวนบ้านของคนอื่นก็ถือว่าแขกธรรมดาคนหนึ่ง
ดังนั้นการเสนอตัวเข้าช่วยเหลือจึงเป็นการทำให้เจ้าของบ้านลำบากใจเปล่าๆ
เจ้าตัวเลยดูไม่ดีเพราะความหวังดีของตนเองซะงั้น

เมดคือผู้ที่จะต้องมีสติในทุกสถานที่และระมัดระวังมิให้ทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทอยู่ตลอดเวลา
แตกต่างอย่างมากกับใครบางคนที่เข้ามาในร้านแล้วชงชาดื่มกันตามอำเภอใจ (นัยถึงเรย์มุและมาริสะ)
ด้วยเหตุนี้ผมจึงเตรียมน้ำชาในส่วนของเธอด้วย

「ถ้างั้น กัปปะมาจากที่ไหนล่ะคะ ?」

「หากนึกถึงรูปลักษณ์ของกัปปะก็จะจินตนาการถึงคำตอบนั้นได้ทันทีเลยล่ะ」

「รูปลักษณ์ของกัปปะงั้นสิน้า... ...
 จะว่าไปแล้ว กระดองของกัปปะเนี่ยมันราบลื่นสินะ ?」

ใช่แล้ว, กระดองของกัปปะมีรูปทรงที่แตกต่างจากกระดองเต่า

「ผมคิดว่าต้นกำเนิดของกัปปะ มาจากเต่าแม่น้ำน่ะ」 (เต่าแม่น้ำ เป็นภาษาโบราณ นัยถึง ตะพาบน้ำ)

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมดคนนี้มาเยือนกลางดึกแต่ไม่แสดงอาการรีบร้อนเลย
บางทีเธออาจคิดว่าการไปดวงจันทร์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้
พอคิดอย่างนั้นก็เลยรู้สึกว่าเธอแค่กำลังร่วมมือกับการละเล่นของคุณหนูอยู่เท่านั้นเอง

「เต่าแม่น้ำ, หรือก็คือ เต่าที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ
 เมื่อเขียนคำว่าเต่าแม่น้ำด้วยอักษรคันจิก็จะกลายเป็นคำว่า เต่ายักษ์
 จึงเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารตามที่คำนั้นได้แสดงเอาไว้
 หากเติบโตขึ้นก็ไม่แปลกเลยที่จะมีขนาดใกล้เคียงกับมนุษย์
 เต่าแม่น้ำที่มีอายุยืนยาวหลายปี จะมีพลังภูตเพียงพอต่อการมีรูปลักษณ์แบบมนุษย์และเข้าใจภาษามนุษย์ จนกลายเป็นกัปปะนั่นเอง」

「เต่าแม่น้ำ... ...ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
 แล้วเต่าตัวใหญ่ขนาดนั้นจะอาศัยอยู่ในแม่น้ำได้ยังไง ? ไม่ใช่เต่าทะเลสักหน่อย... ...」

ผมสงสัยนิดหน่อยที่สาวน้อยพูดเหมือนเคยเห็นเต่าทะเลว่ายน้ำมาก่อน, แต่ผมยังคงเล่าต่อไป

「ลองนึกดูให้ดีๆสิ ? มันก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ, สัตว์ขนาดใหญ่มากที่พบได้ตามหนองน้ำหรือแม่น้ำที่ไม่ใช่ทะเล
 ลองนึกถึงรูปลักษณ์ของกัปปะอีกครั้งหนึ่ง, ลองนึกถึงกระดองของมันให้ดีๆสิ ? ไม่คิดว่ามันกลมและเรียบลื่นเกินไปสำหรับเต่าเหรอ ?」

「อย่างนี้นี่เอง, ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณอยากจะพูดแล้วล่ะค่ะ
 เพราะงั้นถึงได้บอกว่าของชิ้นนี้เหมาะกับตัวฉันในตอนนี้สินะ
 แต่ว่า, ถ้าเป็นแบบนี้... ...คุณหนูต้องบอกว่า 『ฉันไม่คุ้นกับพวกสัตว์น้ำนะ』 แน่ๆเลยค่ะ」



เมดอุ้มกระดองห้าสีกลับไปด้วยท่าทียอมรับ
แน่นอนว่าเธอจ่ายเงิน, โดยมิได้ช่วยเก็บล้างถ้วยชา
เธอเป็นเมดที่ดีจริงๆ
ผมเก็บล้างส่วนของทั้งสองคน แล้วปิดร้านอีกครั้ง

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คำพูดสุดท้ายของเธอ... ...ทำให้ผมรู้ว่าเธอเป็นคนหัวไวที่พิจารณาตามข้อพึงปฏิบัติของเมดเสมอ

เมื่อเธอรู้ถึงตัวจริงของกัปปะ เธอคงจำลองไว้ในหัวทันทีเลยว่าจะอธิบายยังไงเมื่อเอาไปให้คุณหนูดู
สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมมันถึงเป็นลางดี ก็คงจะอธิบายถึงเรื่องเล่าของกระดองนั่นล่ะมั้ง
แต่ผมคิดว่าเธอคงไม่เล่าถึงตัวจริงของกัปปะ



เต่ายักษ์ที่เป็นตัวจริงของกัปปะนั้น คือเต่าขนาดใหญ่มากที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำหรือแม่น้ำที่ไม่ใช่ทะเล
กล่าวคือ ตะพาบน้ำ นั่นเอง
เมื่อตะพาบน้ำมีอายุยืนยาว ก็จะได้รับพลังภูตจนกลายเป็นกัปปะ

การที่เธอนำตะพาบไปในเวลาที่เจ้านายของเธอคิดจะเดินทางไปดวงจันทร์,
แค่นั้นก็พอที่จะแสดงว่าเธอมีเจตนาบางอย่างอยู่เบื้องหลัง แถมคิดได้อย่างเดียวว่าจะต้องเป็นเจตนาในทางลบแน่
เธอบอกเองว่า เจ้านายไม่คุ้นกับพวกสัตว์น้ำ, ดังนั้นจึงไม่บอกเจ้านายแน่ๆว่ากระดองนั้นเป็นของตะพาบน้ำ

พระจันทร์กับตะพาบ (สำนวนญี่ปุ่น หมายถึงคล้ายกันแค่บางเรื่อง(ในสำนวนนี้คือ ความกลม) นอกนั้นไม่เหมือนกันเลยสักนิด)
จริงอยู่ว่าทั้งสองมีลักษณะคล้ายกัน แต่ก็แตกต่างกันอย่างมาก
แต่ทว่า, สิ่งที่พวกเราสามารถสัมผัสได้ แถมยังเป็นลางดีอีกต่างหาก ก็คือตะพาบน้ำ
พระจันทร์เป็นลางไม่ดี แถมยังจับต้องไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้, หากถามว่าสิ่งใดยอดเยี่ยมกว่ากัน ระหว่างพระจันทร์กับตะพาบน้ำ ... ...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นตะพาบน้ำ
ก่อนที่จะมองหาสิ่งอัปมงคลที่อยู่ไกล สู้มองหาสิ่งมงคลที่อยู่ใกล้ตัวดีกว่า

เธอคงจะรู้สึกตัวถึงเรื่องนั้น และจงใจประชดด้วยการเตรียมตะพาบน้ำเพื่อไปดวงจันทร์
บางทีคุณหนูอาจจะไม่รู้สึกตัวก็เป็นได้, แต่เธอคงจะรู้สึกพอใจเป็นแน่ หากปัญญาชนคนใดสักคนในคฤหาสน์มารแดงรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้

ส่วนผมก็รู้สึกดีใจนิดหน่อยที่มีรายรับพิเศษเหนือความคาดหมาย
กระดองห้าสีนั่นมีขนาดใหญ่ แถมไม่มีใครสนใจ, เป็นสินค้าค้างคลังที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
ที่สำคัญคือ แม้จะเล่าลือกันว่าเป็นกระดองของกัปปะ แต่มันก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี
ตอนที่เมดมาเยือน, ผมคิดว่าโอกาสที่จะได้ขายเจ้านี่อาจจะไม่มีอีกแล้วก็เป็นได้
ผมจึงคอยมองเธอกับกระดองด้วยการตอบสนองขั้นสูงสุดเลยทีเดียว

ตอนที่เห็นวิธีการวางตัวแบบเมดกับจุดประสงค์ที่ไร้หนทางสู่ดวงจันทร์,
จู่ๆผมก็นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง กัปปะกับตะพาบน้ำ และ พระจันทร์กับตะพาบน้ำ แวบขึ้นมาในหัว
ต่อให้บอกว่าเป็นลางดียังไง ถ้าเป็นของที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ไม่มีความหมาย
ดังนั้นผมจึงพยายามพูดแบบอ้อมค้อม
แน่นอนว่าถ้าเป็นเธอจะต้องเข้าใจได้ในทันที และยอมซื้อสินค้าชิ้นนั้นไป
ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคำนวณเอาไว้... ...

ผมวางพู่กันแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ตอนนั้น, ผมรู้สึกว่าพระจันทร์ส่องแสงสีแดงฉานขึ้นมาชั่วพริบตาหนึ่ง





สาระน่ารู้น่าสังเกต...
- ชื่อตอนล้อสำนวนญี่ปุ่น พระจันทร์กับตะพาบ เพราะกัปปะมีลักษณะคล้ายสัตว์จำพวกเต่ากับตะพาบ
- นอกจากนี้ยังอาจเป็นการล้อถึงซาคุยะทางอ้อม เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะออกมาตามหาตะพาบน้ำไปใช้สร้างจรวดสู่ดวงจันทร์
- วรรคสุดท้ายไม่อาจตีความได้ว่ามีความหมายอย่างไร
   อาจหมายถึงจรวดระเบิดกลางทาง หรืออาจเกิดการต่อสู้ระหว่างเรมิเลียกับซาคุยะก็เป็นได้



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้