SWR - GamePlay


東方緋想天 ~ Scarlet Weather Rhapsody.
โทวโฮวฮิโซวเทน (สวรรค์ชั้นมโนคติสีเพลิงแห่งตะวันออก) ~ บทเพลงแห่งภูมิอากาศสีแดงฉาน


.........................................................................................................................................................................................

GamePlay


*ข้อควรรู้*


เกมต่อสู้ทุกเกมล้วนถูกสร้างมาให้ใช้เล่นด้วย JoyStick หรือ JoyPad เป็นหลัก มิใช่ Keyboard
โดยเฉพาะคีย์บอร์ดของ Notebook ที่มักจะกดพร้อมกันได้เพียง 3 ปุ่มเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะเอาคีย์บอร์ดมาใช้เล่นไม่ได้ เพราะผู้เล่นเก่งๆที่ใช้คีย์บอร์ดก็มีอยู่ถมไป แค่ต้องระวังตอนไปเล่นกับคนอื่นด้วยคอมเครื่องเดียว



ปุ่มที่ใช้ภายในเกม

ปุ่มที่ใช้ในการควบคุมเมนูต่างๆ จะไม่เหมือนกับปุ่มที่ใช้ในการต่อสู้
ปุ่มที่ใช้ในการต่อสู้ สามารถตั้งค่าได้ใน Key Config ซึ่งจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป
ปุ่มที่ใช้ในการควบคุมเมนูต่างๆนั้น ได้แก่

บน-ล่าง   เลือกเป้าหมาย
ซ้าย-ขวา   เลือกเป้าหมาย
Z (pad0)   ตกลง
X (pad1)   ยกเลิก
C (pad2)   ไปที่ Sub Menu
A (pad3)   กดค้างไว้ตอนเลือกตัวละคร จะได้ตัวละครสี 2P
ESC   ย้อนกลับ



ระบบภายในเกม

หน้าจอในเกม


1. ตัวละครที่เลือกใช้
2. Profile ที่เลือกใช้
3. พลังชีวิตที่เหลืออยู่
4. จำนวนยกที่ชนะ
5. สภาพอากาศที่รอแสดงผล
6. ระยะเวลาของสภาพอากาศ
7. พลังวิญญาณ
8. การ์ดที่อยู่ในมือ






Profile Menu

ภาคนี้ผู้เล่นสามารถตั้งค่าต่างๆได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยการสร้าง Profile ของตัวเองขึ้นมา
ภายในโปรไฟล์นี้ ผู้เล่นสามารถจัดชุดการ์ดให้กับตัวละครแต่ละตัวได้ และสามารถตั้งค่าปุ่มต่างๆได้
ทำให้ไม่ต้องเสียเวลานั่งจัดชุดการ์ดใหม่ หรือตั้งปุ่มใหม่ เมื่อสลับตัวผู้เล่น เพียงแค่เลือกโปรไฟล์เท่านั้น ทุกอย่างก็เรียบร้อย



1. จัด Deck
2. Key Config
3. สร้าง Profile ใหม่
4. Copy Profile
5. ลบ Profile
6. เปลี่ยนชื่อ Profile
7. Profile ที่ถูกเลือกเอาไว้

ส่วนทางด้านขวาจะมีรายชื่อ Profile ที่มีอยู่แล้วแสดงเอาไว้



การจัด Deck

ภาคนี้ผู้เล่นสามารถเลือกการ์ด แล้วติดตั้งให้ตัวละครได้ตามใจชอบ
ชุดการ์ดนี้เรียกว่า Deck (เด็ค)
โดยผู้เล่นจะต้องใส่การ์ดจนครบ 20 ใบจึงจะสามารถเซฟ Deck แล้วออกจากห้องนี้ได้

*การ์ดแต่ละชนิด สามารถใส่ซ้ำได้สูงสุด 4 ใบ



1. ตัวละครที่เลือก
2. Profile ที่ถูกเลือก
3. แถบแสดงรายชื่อการ์ด มีทั้งหมด 4 หมวดคือ
          All = รายชื่อการ์ดทั้งหมดที่มี
          System = แสดงเฉพาะ System Card
          Skill = แสดงเฉพาะ Skill Card
          Spell = แสดงเฉพาะ Spell Card
          Equip = แสดงเฉพาะการ์ดที่ถูกใส่ลงเด็คแล้ว

4. คำอธิบายของการ์ดใบที่ถูกชี้อยู่
5. การ์ดที่ถูกใส่ลงเด็คแล้ว
6. จำนวนการ์ดที่ถูกใส่ลงเด็ค (สีแดง) / จำนวนเต็มของเด็ค (20)
7. เมื่อกดปุ่ม X (pad1) จะเป็นการออกจากห้องจัดเด็ค โดยจะมีคำสั่งให้เลือกคือ 
          (ซ้าย) เซฟเด็ค แล้วออกจากห้อง
          (ขวา) ไม่เซฟ แล้วออกจากห้อง

     ตอนเลือกจึงต้องระวังให้ดี มิฉะนั้นอาจต้องมานั่งจัดใหม่ได้

*สามารถกด F1 เพื่อนำไพ่ทั้งหมดออกจากเด็คได้



Sub Menu

ในฉากเลือกตัวละครของทุกโหมด สามารถกดปุ่ม C เพื่อเข้ามาที่หน้าจอ Sub Menu นี้ได้



1. เลือก Profile ให้ผู้เล่น 1P
2. เลือก Profile ให้ผู้เล่น 2P
3. จัดเด็คของผู้เล่น 1P
4. จัดเด็คของผู้เล่น 2P
5. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 1P
6. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 2P
7. กลับไปที่หน้าจอไตเติ้ล



Key Config

ตั้งค่าปุ่มที่ใช้ในฉากต่อสู้ ได้แก่



บน
ล่าง
ซ้าย
ขวา
A (โจมตี)
B (ยิงกระสุนแบบเบา)
C (ยิงกระสุนแบบหนัก)
D (บิน)
A+B (เลือกสเปลการ์ด)
B+C (ใช้สเปลการ์ด)
Pause
อนุญาตให้กดปุ่มพร้อมกันได้ด้วยตัวเอง (เปิด / ปิด)



การระบุปุ่มทิศทางด้วย NumPad

ในเวบไซต์ส่วนใหญ่จะระบุวิธีการกดท่าต่างๆด้วยตัวเลขแบบ NumPad คือ

7 8 9
4 5 6
1 2 3

โดย 5 คือตัวละครของผู้เล่น ซึ่งกำลังหันหน้าไปทางขวา
*ข้อควรรู้* เกมต่อสู้ทั่วไปจะบอกวิธีกดท่าต่างๆในลักษณะ "ตัวผู้เล่นหันหน้าไปทางขวา" เสมอ

1 = การกดล่าง+ซ้ายพร้อมกัน (ในเกมจะกลายเป็นการนั่งป้องกัน)
2 = การกดล่าง
3 = การกดล่าง+ขวาพร้อมกัน
4 = การกดซ้าย
5 = ตัวละครของผู้เล่น ซึ่งกำลังหันหน้าไปทางขวา
6 = การกดขวา
7 = การกดบน+ซ้าย (ในเกมจะกลายเป็นการกระโดดถอยหลัง)
8 = การกดบน
9 = การกดบน+ขวา (ในเกมจะกลายเป็นการกระโดดไปข้างหน้า)

ต่อไปจะเป็นการระบุวิธีกดที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น

66   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง
66ค้าง   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง โดยครั้งที่สองให้กดค้างเอาไว้
66(ค้าง)   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้ง โดยครั้งที่สองให้กดค้างเอาไว้หรือไม่ก็ได้
66+A   หมายถึง การกดปุ่มขวาสองครั้งแล้วกดปุ่ม A
236+A   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มล่าง ไปหาปุ่มขวา แล้วกดปุ่ม A
214+AB   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มล่าง ไปหาปุ่มซ้าย แล้วกดปุ่ม AB พร้อมกัน
41236+D   หมายถึง การกดปุ่มแบบลากจากปุ่มซ้าย ไปหาปุ่มล่าง แล้วไปยังปุ่มขวา (ครึ่งวงกลม) จากนั้นก็กดปุ่ม D

เป็นต้น


สำหรับการกดปุ่มแบบลากนั้น ให้นึกถึงจอยคันโยก ซึ่งพบได้บ่อยตามเครื่องเล่นเกมในห้างสรรพสินค้า
236+A ก็คือการดันคันโยกลงไปที่ปุ่มล่าง แล้วดันชิดขอบไปจนถึงปุ่มขวา จากนั้นให้กดปุ่ม A ทันที
หากทำสำเร็จภายใน 0.1-0.5 วินาที (โดยประมาณ) ก็จะสามารถกด "ท่า" นั้นได้สำเร็จ



การเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน

*ข้อควรรู้* เกมต่อสู้ทั่วไปจะบอกวิธีกดท่าต่างๆในลักษณะ "ตัวผู้เล่นหันหน้าไปทางขวา" เสมอ

1 = นั่ง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "นั่งป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันล่าง")
2 = นั่ง
3 = นั่ง
4 = ถอยหลัง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "ป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันบน")
6 = เดินหน้า
7 = กระโดดไปข้างหลัง (หากศัตรูโจมตีเข้ามาจะกลายเป็นการ "ป้องกัน" หรือที่เรียกว่า "ป้องกันกลางอากาศ")
8 = กระโดดอยู่กับที่
9 = กระโดดไปข้างหน้า

D = กดค้างไว้แล้วกดปุ่มทิศทางเพื่อทำการ Dash หรือ High Jump



การเคลื่อนไหวขั้นสูง

66(ค้าง) / D(ค้าง)+6   = การแดชไปด้านหน้า
44(ค้าง) / D(ค้าง)+4   = การแดชไปด้านหลัง
(กระโดด) 66(ค้าง) = การแดชกลางอากาศไปด้านหน้า
(กระโดด) 44(ค้าง) = การแดชกลางอากาศไปด้านหลัง
27 / D(ค้าง)+7   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) ไปด้านหลัง
28 / D(ค้าง)+8   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) อยู่กับที่
29 / D(ค้าง)+9   = การทำ High Jump (กระโดดสูง/พุ่งไปในอากาศ) ไปด้านหน้า
(กระโดด) D(ค้าง)+ปุ่มทิศทาง = บิน



การโจมตีพื้นฐาน

โดยทั่วไปจะเหมือนกันในทุกตัวละคร แต่บางตัวละครจะไม่มีบางท่า

A = โจมตีเบา
B = ยิงกระสุนแบบเบา
C = ยิงกระสุนแบบหนัก

A
2+A
3+A
6+A
(ระยะไกล) A
(ระยะไกล) 2+A
(ระยะไกล) 3+A
(ระยะไกล) 6+A
B
2+B
3+B
6+B
C
2+C
3+C
6+C

66(ค้าง)+A
66(ค้าง)+B
66(ค้าง)+C

(กระโดด) A
(กระโดด) 2A
(กระโดด) 6A
(กระโดด) 8A

(กระโดด) B
(กระโดด) 2B
(กระโดด) 6B
(กระโดด) 8B

(กระโดด) C
(กระโดด) 2C
(กระโดด) 6C
(กระโดด) 8C

ฯลฯ

โดยท่าหลายท่า สามารถกดปุ่ม A/B/C ค้างได้



การโจมตีพิเศษ

Skill Card แต่ละใบจะมีวิธีกดท่าระบุเอาไว้ สามารถกดตามนั้นได้เลย
โดยในภาคนี้จะกดปุ่มทิศทางร่วมกับปุ่มยิงเท่านั้น ไม่มีท่าใดที่กดด้วยปุ่มโจมตีเลย
ตัวอย่างเช่น

22+(B/C)         (ล่างล่าง+(B/C))
236+(B/C)       (ล่างหน้า+(B/C))
623+(B/C)       (หน้าล่างเฉียง+(B/C))
214+(B/C)       (ล่างหลัง+(B/C))
421+(B/C)       (หลังล่างเฉียง+(B/C))
412+(B/C)       (หลังล่าง+(B/C))
41236+(B/C)   (หลังล่างหน้า+(B/C))

โดยท่าหลายท่า สามารถกดปุ่ม A/B/C ค้างได้ และบางท่าสามารถควบคุมต่อในภายหลังได้ด้วยปุ่มทิศทาง






กฎพื้นฐานของเกม

1. หนึ่งศึก จบลงเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะสองในสามยก
2. ไม่มีการหมดเวลา ต้องสู้กันจนกว่าจะพลังชีวิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดลง จึงจะถือว่าจบยก
3. หากเกิด Double KO จะได้แต้มเป็น 1-1 เท่านั้น กล่าวคือ Double KO จะไม่สามารถจบเกมได้ ต้องสู้จนมีผู้ที่ชนะขาด



การทำ Combo

- ในขณะที่ทำคอมโบ จะมีการแสดงตัวเลขความเสียหายรวม (Damage) ค่า Rate และค่า Limit
- ค่า Rate เริ่มต้นที่ 100.0%
- ค่า Rate จะถูกคำนวณเป็นความเสียหายของการโจมตีฮิตต่อไป
- ยิ่งทำคอมโบได้จำนวนฮิตมากขึ้น ค่า Rate ก็จะยิ่งน้อยลง
- ค่า Limit เริ่มต้นที่ 0%
- ยิ่งทำคอมโบได้จำนวนฮิตมากขึ้น ค่า Limit จะยิ่งเพิ่มขึ้น
- เมื่อค่า Limit เต็ม 100% จะเกิดวงเวทที่ตัวคู่ต่อสู้ และจะไม่สามารถโจมตีซ้ำได้
- ระบบทั้งสองนี้ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถทำคอมโบแบบชุดเดียวตายได้โดยง่าย และเป็นเรื่องท้าทายในการค้นหาคอมโบที่รุนแรง

- การโจมตีที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบพิเศษ จะถูกระบุเอาไว้ในส่วนแสดงความเสียหายด้วย ดังนี้
          Smash Attack หมายถึง การโจมตีที่ทำให้คู่ต่อสู้ปลิวออกไป
          Rift Attack หมายถึง การโจมตีที่ทำให้คู่ต่อสู้ลอยขึ้นไปในอากาศ
          Chain Arts หมายถึง การโจมตีที่เกิดจากการ Cancel ด้วยท่าไม้ตาย (Skill)
          Chain Spell หมายถึง การโจมตีที่เกิดจากการ Cancel ด้วย Spell Card
          Border Resist หมายถึง การโจมตีคู่ต่อสู้ที่อยู่ในสภาพ Border Crash
          Counter Hit หมายถึง การโจมตีคู่ต่อสู้ในขณะที่คู่ต่อสู้กำลังทำการโจมตีอยู่

- ขณะที่ตัวละครถูกซัดจนลอยอยู่ในอากาศ ผู้เล่นสามารถกลับตัวกลางอากาศได้โดยการกดปุ่มซ้ายหรือขวา พร้อมปุ่มอะไรก็ได้ (A/B/C/D)
- เมื่อผู้เล่นถูกโจมตีจนนอนอยู่กับพื้น สามารถกลับตัวจากพื้นขึ้นมาได้โดยกดปุ่มซ้ายหรือขวา พร้อมปุ่มอะไรก็ได้ (A/B/C/D)
- ผู้เล่นจะกลับตัวไปในทิศทางที่ตนเองเลือกกด



การป้องกัน

- ในขณะที่ศัตรูทำการโจมตี หากกดปุ่มที่มีทิศทางไปด้านหลังของตัวละคร (1 / 4 / 7) จะกลายเป็นการ "ป้องกัน"
- การป้องกันจะทำให้สุญเสียพลังวิญญาณ และได้รับบาดเจ็บน้อยลงหรือไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ขึ้นอยู่กับการโจมตีของศัตรูว่าเป็นแบบใด
- การโจมตีมีสองแบบคือ โจมตีบน/ล่าง และการป้องกันก็มีสองแบบคือ บน/ล่าง เช่นกัน
- หากป้องกันผิดแบบ (เกิดเอฟเฟคท์สีแดง แทนที่จะเป็นสีฟ้า) ก็จะทำให้พลังชีวิตและพลังวิญญาณลดลงเร็วยิ่งขึ้น
- หากพลังวิญญาณหมดในขณะที่ป้องกันจะเกิดสภาวะ Border Crash (การ์ดแตก) ทำให้ตัวละครชะงักไปชั่วขณะ



พลังวิญญาณ

- ใช้ในการยิงกระสุนและใช้ท่าต่างๆ รวมถึงใช้ในการป้องกันการโจมตีของศัตรูด้วย
- พลังวิญญาณจะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง เมื่อผู้เล่นหยุดใช้พลังวิญญาณ โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับการกระทำหลังสุด ดังนี้
          บิน 0 วินาที
          ยิงกระสุนธรรมดา    1 วินาที
          ใช้ท่าไม้ตาย (Skill)  2 วินาที

- หากเก็บไอเทมได้ จะทำให้พลังวิญญาณฟื้นฟูเร็วขึ้น
- หากพลังวิญญาณหมด จะไม่สามารถยิงกระสุนหรือบินได้ แต่ยังสามารถแดชกลางอากาศได้
- หากพลังวิญญาณหมด แล้วทำการป้องกันการโจมตี จะทำให้ลูกแก้ววิญญาณแตก (Border Crash) กลายเป็นสีแดง
- ลูกแก้วสีแดงจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่มันจะค่อยๆซ่อมแซมตัวเองจนกลับเป็นปกติ



Graze

- Graze ในภาค Shooting คือการหลบแบบเฉียดตัว แต่เมื่อมาอยู่ในภาคต่อสู้ มันคือ การพุ่งผ่านกระสุน
- ผู้เล่นสามารถ Dash หรือ High Jump หรือ บิน เพื่อทำการเกรซกระสุนได้
- ผู้เล่นจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆจากการเกรซ
- การเกรซกระสุนบางชนิดทำให้พลังวิญญาณลดลงได้
- กระสุนที่ถูกเกรซไปแล้ว อาจหายไปเลยก็ได้ หรือยังอยู่ในหน้าจอแต่ไม่มีผลอะไรอีกแล้วก็ได้
- กระสุนที่ถูกเกรซไปแล้ว สามารถกลายเป็นไอเทมได้เมื่อเจ้าของถูกโจมตี



เขตแดนหลบหลีก

- ระบบที่สร้างมาเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเอาตัวรอดจากการถูกต้อนจนมุมได้ง่ายขึ้น
- สั่งใช้งานโดยการกด DD+ปุ่มทิศทาง ในขณะที่ป้องกันการโจมตีของศัตรูสำเร็จ
- ตัวละครจะทำการหลบหลีกโดยการเกรซ จึงไม่สามารถหนีพ้นจากการโจมตีแบบกายภาพได้
- ผู้เล่นจึงควรศึกษาคอมโบของคู่ต่อสู้ให้ดีว่า จังหวะใดในระหว่างคอมโบที่คู่ต่อสู้จะยิงกระสุน แล้วอาศัยจังหวะนั้นทำเขตแดนหลบหลีก
- หากใช้แขตแดนหลบหลีกด้วยปุ่มล่าง (1 / 2 / 3) จะกลายเป็นการกระโดดขึ้นข้างบน (7 / 8 / 9) แทน



Skill & Spell Card

- แท่งสะสมการ์ด มีรูปร่างเป็นการ์ด และมีทั้งหมด 5 แท่ง
- เมื่อสะสมจนเต็มแท่ง จะทำการสุ่มจั่วการ์ดจากในเด็คขึ้นมา 1 ใบ
- สามารถเลือกการ์ดใบที่จะสั่งใช้ได้ด้วยการกดปุ่ม A+B โดยการ์ดใบที่ใหญ่ที่สุดก็คือการ์ดที่ถูกเลือก
- สามารถสั่งใช้งานการ์ดที่ถูกเลือกได้ด้วยการกดปุ่ม B+C
- การ์ดแต่ละใบจะมีค่า Cost ของตัวเองอยู่ โดย System และ Skill จะมีค่าคอสท์เท่ากับ 1 เสมอ
- Spell Card จะมีค่า Cost แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 1-5
- เมื่อกดใช้การ์ด ระบบจะหักการ์ดในมือออกไป คิดเป็นจำนวนตามค่าคอสท์
          คอสท์ 1 ใช้การ์ดใบนั้นใบเดียว
          คอสท์ 2 ใช้การ์ดใบนั้นและการ์ดใบที่อยู่ติดกันอีก 1 ใบ
          คอสท์ 3 ใช้การ์ดใบนั้นและการ์ดใบที่อยู่ติดกันอีก 2 ใบ
          คอสท์ 4 ใช้การ์ดใบนั้นและการ์ดใบที่อยู่ติดกันอีก 3 ใบ
          คอสท์ 5 ใช้การ์ดทั้งหมดที่มีอยู่ในมือ
- หากมีการ์ดในมือไม่พอ จะไม่สามารถใช้การ์ดใบนั้นได้
- Skill Card สามารถกดใช้ซ้ำเพื่อพัฒนาเลเวลของสกิลนั้นๆได้ (Level MAX = 4)
- ท่าไม้ตายที่มีติดตัวมาแต่แรก จะเริ่มต้นที่เลเวล 0
- Skill Card จะสะสมเลเวลไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบศึก
- ในการเล่น Story Mode จะใช้การ์ด 20 ใบนี้ในการเล่นผ่านด่านทั้งหมด จึงต้องใช้อย่างระวัง
- Skill Card ที่ใช้จะสะสมเลเวลข้ามด่านได้ จนกว่าจะเล่นจบ Story Mode จึงสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องคิดมาก
- หากคอนทินิวในระหว่างเล่น Story Mode จะทำให้การ์ดทั้ง 20 ใบกลับมาครบตามเดิม แต่เลเวลสกิลกลับไปเป็น 0 ตามเดิมเช่นกัน



การสะสมการ์ด

- ผู้เล่นจะได้รับการ์ดแบบสุ่ม เมื่อเล่นจบ Story , Arcade หรือ VS mode ไม่ว่าที่ระดับความยากใดก็ตาม
- ตัวละครที่ใช้ (ทั้ง 1P และ 2P) มีผลต่อการ์ดที่ได้รับ กล่าวคือถ้าใช้ตัวละครใดก็มีโอกาสได้การ์ดของตัวละครนั้นๆสูงขึ้น



สภาพอากาศ
>> รายละเอียด






Main Menu

อธิบายลักษณะของโหมดต่างๆ พร้อมปุ่มพิเศษที่มีอยู่ในโหมดนั้นๆ

Story Mode



1. บน-ล่าง = เลือกตัวละคร
2. แสดง Profile ที่ถูกเลือกใช้
3. ซ้าย-ขวา = ปรับระดับความยาก

- เลือกตัวละคร แล้วเล่นไปตามเนื้อเรื่องของตัวละครนั้นๆ
- ศัตรูในโหมดนี้จะมีสเปลการ์ดพิเศษ ซึ่งไม่มีให้ผู้เล่นใช้
- ไม่มีการจับเวลาตามปกติ แต่จะเอาคะแนน Bonus มานับถอยหลังแทน หากชนะได้ ก็จะได้คะแนนเท่าที่เหลืออยู่
- แม้คะแนนนับถอยหลังจะหมดลง บอสก็จะยังคงใช้สเปลการ์ดต่อไป
- เมื่อพลังชีวิตหมดลง สเปลการ์ดของศัตรูจะถูกยกเลิก แล้วดำเนินการต่อสู้ในขั้นต่อไป
- เมื่อกด Pause จะมีคำสั่งให้เลือก
1. เล่นต่อ
2. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 1P
3. กลับไปหน้าจอเลือกตัวละคร
4. กลับไปหน้าจอไตเติ้ล



Arcade Mode
- เลือกตัวละคร แล้วสู้กับ CPU ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบเกม โดยไม่มีเนื้อเรื่องใดๆ และศัตรูไม่มีสเปลการ์ดพิเศษ
- เมื่อกด Pause จะมีคำสั่งให้เลือก
1. เล่นต่อ
2. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 1P
3. กลับไปหน้าจอเลือกตัวละคร
4. กลับไปหน้าจอไตเติ้ล



VS Com
- เล่นกับ AI โดยเลือกตัวละครให้ตนเองและ AI แล้วต่อสู้กันจนกว่าจะจบศึก
- สามารถกดซ้ายขวาในขณะที่เลือกด่านบางด่านเพื่อเปลี่ยนเพลงได้
- เมื่อกด Pause จะมีคำสั่งให้เลือก
1. เล่นต่อ
2. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 1P
3. กลับไปหน้าจอเลือกตัวละคร
4. กลับไปหน้าจอไตเติ้ล



VS Player
- เล่นกับมนุษย์ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างเลือกตัวละคร แล้วต่อสู้กันจนกว่าจะจบศึก
- สามารถกดซ้ายขวาในขณะที่เลือกด่านบางด่านเพื่อเปลี่ยนเพลงได้
- เมื่อกด Pause จะมีคำสั่งให้เลือก
1. เล่นต่อ
2. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 1P
3. ตั้งปุ่มกดของผู้เล่น 2P
4. กลับไปหน้าจอเลือกตัวละคร
5. กลับไปหน้าจอไตเติ้ล



VS Network

คือการเล่นแบบ VS Player ผ่านระบบออนไลน์



1. ตั้งตนเป็น Server (Host) โดยผู้เล่นที่ตั้งตนเป็นโฮสท์ จะถือว่าเป็น 1P
     - ระบุ Port ที่จะใช้ (ค่าตั้งต้นคือ 10800) กด ตกลง
     - ตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้มีคนเข้ามาสังเกตการณ์ได้หรือไม่ (อนุญาต / ไม่อนุญาต)
     - รอการเชื่อมต่อจาก 2P

2. ผู้เล่นที่เป็น 2P เชื่อมต่อกับผู้เล่นที่ตั้งตนเป็นโฮสท์เอาไว้
     - กรอกค่า IP ของผู้เล่นที่เป็นโฮสท์ และตามด้วย Port
          (กรณีที่ค่า IP ในบางช่วงมีไม่ครบสามหลัก ให้เติม 0 ด้านหน้าจนครบสามหลัก เช่น 123.004.056.789:10800)
     - ระบบถามว่าจะเชื่อมต่อจริงหรือไม่ (ใช่ / ไม่)
     - หากเชื่อมต่อสำเร็จ จะเข้าสู่หน้าจอเลือกตัวละคร

3. เลือก IP จากรายชื่อ
     สามารถเซฟ IP:Port ลงในไฟล์ชื่อ address.txt ในโฟลเดอร์ของตัวเกม เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในที่นี้ได้ง่าย
     จากนั้นก็ดำเนินตามขั้นตอนปกติ

4. เลือกใช้ IP ล่าสุด
     จะมีค่า IP อันล่าสุดแสดงขึ้นมาเหมือนตอนที่กรอกเอง จากนั้นก็ดำเนินตามขั้นตอนปกติ

5. เลือกใช้ IP ที่อยู่ในคลิปบอร์ด
     กล่าวคือ เมื่อเราก็อปปี้ IP มาจากที่ใดก็ตาม แทนที่จะเอาไปเซฟลงใน address.txt ก็กดที่ปุ่มนี้ มันจะกรอก IP ให้เราทันที
          (วิธีนี้ไม่ต้องเติม 0 หน้าค่า IP ช่วงที่ไม่ครบสามหลัก)
          (ต้องก็อปปี้มาทั้ง IP และ Port ตามรูปแบบ IP:Port จึงจะสามารถใช้งานได้)
     จากนั้นก็ดำเนินตามขั้นตอนปกติ

6. เลือก Profile ที่ต้องการใช้


*กรณีที่เชื่อมต่อไม่สำเร็จ อาจเกิดจาก
- ระบุค่า IP:Port ไม่ตรงกับโฮสท์
- ไม่มีโฮสท์ที่ใช้ IP:Port ดังกล่าว
- โฮสท์กำลังทำการต่อสู้กับผู้อื่นอยู่
- เวอร์ชั่นของตัวเกมไม่ตรงกัน
- โปรแกรม Anti-Virus หรือ Firewall ขัดขวางการเชื่อมต่อ
- อินเตอร์เนท อยู่ในสภาพที่ใช้งานไม่ได้
- ฯลฯ

*เพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างราบรื่น ควรใช้โปรแกรมสร้าง LAN จำลอง เช่น Hamachi
     โปรแกรมลักษณะนี้จะให้ค่า IP ที่สามารถใช้งานได้แก่เรามา ทำให้สามารถเชื่อมต่อกันได้



Practice Mode
- ห้องฝึกซ้อมฝีมือ โดยผู้เล่นทำการเลือกตัวละครที่ต้องการฝึกซ้อม และเลือกคู่ซ้อม (หรือกระสอบทราย?)
- จากนั้นก็ทำการทดสอบตามอำเภอใจจนกว่าจะพอใจแล้วออกจากการต่อสู้นี้ไปทำอย่างอื่นต่อ
- หากกด Pause จะพบคำสั่งพิเศษที่ไม่มีในโหมดอื่น (ในวงเล็บคือปุ่มคีย์ลัด) ได้แก่
     เล่นต่อ
     สภาพอากาศ
     พลังวิญญาณ (0 / 1 / 2 / 3/ 4 / 5) 
     สถานะ (ยืน / นั่ง / กระโดด / 2Pควบคุม)
     ตำแหน่ง (ขอบซ้าย / กลางจอ / ขอบขวา / อยู่กับที่)
     Guard (ตลอดเวลา / ไม่ป้องกัน / กันบน / กันล่าง / กันตั้งแต่ Hit ที่สองเป็นต้นไป)
     Counter (เปิด / ปิด)
     การกลับตัว (ไปข้างหน้า / ไปข้างหลัง / สุ่ม / ปิด)
     กลับไปหน้าจอเลือกตัวละคร
     กลับไปหน้าจอไตเติ้ล

* สามารถกด F2 เพื่อเติมการ์ดจนเต็มมือได้
* สามารถกด F3 เพื่อนำการ์ดทั้งหมดกลับเข้ากองได้ (รวมถึงการ์ดที่ใช้ไปแล้วด้วย)

Replay
- เมื่อจบการต่อสู้ จะสามารถเซฟรีเพลย์เพื่อนำมาย้อนดูได้ทุกเมื่อที่ห้องนี้
- นอกจากนี้ยังสามารถลบรีเพลย์ที่ไม่ต้องการออกไปได้ด้วย
- รีเพลย์ที่ชื่อเป็นสีเทา แสดงว่าเวอร์ชั่นไม่ตรงกับตัวเกม จึงไม่สามารถเปิดเล่นได้

Music Room
- สามารถนั่งฟังเพลงในเกมได้ที่ห้องนี้
- เมื่อเปิดเพลงแล้ว สามารถกดปุ่ม C เพื่อเข้าไปจัดเด็คได้

Result
- แสดงผลงานการเล่นของผู้เล่น

Config
- ระดับความยาก
- ระดับเสียงเพลงประกอบฉาก
- ระดับเสียงเอฟเฟคท์
- เล่นแบบ Full Screen (เปิด / ปิด)
- บันทึก Replay อัตโนมัติ (เปิด / ปิด)

*ทุกครั้งที่จบการต่อสู้จะมีคำถามขึ้นมาว่า จะเซฟรีเพลย์หรือไม่ หากเลือกข้อซ้ายคือ เซฟ ข้อขวาคือ ไม่เซฟ
*หากตั้งให้บันทึกอัตโนมัติ จะเซฟโดยไม่มีการถาม อาจทำให้รีเพลย์เพิ่มขึ้นจนเยอะเกินไปได้ โปรดระวัง


*ผู้เล่นสามารถปรับหน้าจอระหว่าง Full Screen / Window ได้ด้วยการกด Alt+Enter


Exit
- ออกจากเกม






วิธีการปลดล็อคตัวละคร

ทุกครั้งที่ใช้ตัวละครเล่นจบ Story Mode ได้ จะปลดล็อคตัวละครตัวต่อๆไป



วิธีการปลดล็อคด่านสำหรับเลือกเล่น

ใช้เทนชิเล่นจบ Story Mode



.........................................................................................................................................................................................