BAiJR - Remilia


東方文花帖 ~ Bohemian Archive in Japanese Red.
โทวโฮวบุนคะโฉว (บันทึกอักขระบุปผาแห่งตะวันออก) ~ บทความแหกกฎในสมุดญี่ปุ่นปกแดง


.........................................................................................................................................................................................

ฤดูกาลที่ 118 เดือนจันทรคติที่ 9 วันที่ 5

ปีกเทวทูตและรุ้งสีแดงที่ทอดข้ามปฐพี
เหตุการณ์หมอกแดงวิปลาสที่มองเห็นจากท้องฟ้าสูงสุดกู่

นับจากตอนที่เกนโซวเคียวถูกปกคลุมด้วยหมอกสีแดงก็ผ่านมาได้ครึ่งเดือนแล้ว
เหตุวิปลาสที่ไม่ได้รับการแก้ไขนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุวิปลาสครั้งใหญ่ที่หาดูได้ยากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในคราวนี้จึงอยากผ่าทะลวงเข้าไปในเหตุวิปลาสนี้จากมุมมองที่ไม่เหมือนใคร

เท่าที่ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์หมอกแดงวิปลาส,
มันเป็นเหตุวิปลาสที่ปกคลุมเกนโซวเคียวด้วยหมอกที่หนาผิดปกติ จนทำให้แสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึงพื้นดิน และปัจจุบันก็ยังคงดำเนินอยู่
และเนื่องจากหมอกนั้นมีสีแดงอ่อนๆ จึงถูกเรียกขานโดยทั่วไปว่า เหตุการณ์หมอกแดงวิปลาส

หมอกที่หนามากทำให้เมื่ออยู่ใกล้พื้นดินแล้วจะมองไม่เห็นอะไรเลย
ในการนี้จึงใช้ความสามารถของพวกเราเผ่าเทนกุให้เป็นประโยชน์ โดยทำการตรวจสอบเหตุวิปลาสจากท้องฟ้าสูงสุดกู่ซึ่งไม่มีหมอก
รูปที่เห็นนี้เป็นสภาพการณ์เมื่อตอนนั้น

ผลที่ได้คือ เราพิสูจน์ได้ว่าหมอกแดงนั้นมีความเข้มสีที่แตกต่างกันอย่างรุนแรงผิดธรรมชาติเกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ส่วนที่มีสีแดงเข้มจะปิดกั้นแสงอย่างสมบูรณ์ จนไม่สามารถมองเห็นสภาพที่พื้นผิวดินได้เลย
ทว่า มีเรื่องที่ประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ความเข้มสีของหมอกนั้นวาดได้เป็นรูปทรงอันหนึ่ง

รูปทรงดังกล่าว หากมองจากมุมหนึ่งจะพบว่ามีลักษณะเป็นสายหลายสายแผ่พุ่งออกไปราวกับจะปกคลุมเกนโซวเคียว
มองดูแล้วเหมือนกับปีกของเทวทูตก็ไม่ปาน
จุดกำเนิดที่เป็นศูนย์กลางของสายหมอกนั้นอยู่ใกล้กับทะเลสาบแห่งภูเขา แต่เนื่องจากมองแทบไม่เห็นพื้นดินจึงไม่อาจระบุได้แน่ชัด

นอกเหนือจากปีกนี้ยังพบว่า บางครั้งจะมีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นจากพื้นดิน
เมื่อมองจากบนฟ้าจะเห็นว่าตอนที่เกิดแสงสว่างขึ้น จะมีรุ้งสีแดงทอดตัวเป็นวงกลมด้วย
การลอบสังเกตจากบนฟ้าทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าแสงดังกล่าวคืออะไร แต่ทางเราคงพูดได้ว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่ไม่อาจพบเห็นได้ทั่วไป
รุ้งวงแหวนและรูปทรงแปลกประหลาดที่ไม่มีทางมองเห็นได้จากพื้นดิน,
แม้จะไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุวิปลาสนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นเบาะแสที่สาวไปถึงตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน

ฤดูร้อนที่ไม่ต้องแสงอาทิตย์ยังคงดำเนินต่อไป
แม้จะน่าเหนื่อยหน่ายกับเกนโซวเคียวที่ถูกหมอกปกคลุมจนอากาศหนาวเย็น,
แต่หากเป็นโยวไคที่ชำนาญการบินบนท้องฟ้า คงสนุกสนานกับฤดูร้อนที่มีทิวทัศน์แปลกตาให้ได้ชมจากบนท้องฟ้าเหนือหมู่หมอกนี้กระมัง
(ชาเมย์มารุ อายะ)

(อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่หน้าสอง)


.........................................................................................................................................................................................

สวรผัสสะมายา

亡き王女の為のセプテット
นาคิโอวโจโนะทาเมะโนะเซพเททท์ (เจ็ดดนตรีประสานแด่เจ้าหญิงผู้วายชนม์)
(เพลงจาก 『東方紅魔郷』)

เป็นเพลงที่พยายามทำให้คึกคักเร้าใจยิ่งขึ้นน่ะครับ
เพลงนี้ใช้อิมเมจจาก เรมิเลีย สคาร์เลท ซึ่งเป็นธีมของเพลงล้วนๆครับ
เรื่องที่น่าแปลกก็คือ ถ้ามัวจดจ่ออยู่แต่กับการเล่นให้จบเกม, สิ่งที่เป็นเป้าหมายของเพลงนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋วไปเลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆเหมือนกัน (ประมาณว่าโดนสะกดจิตด้วยเสียงเพลงโดยไม่รู้ตัว ?)

เพลงนี้ทำให้ข้าพเจ้าเห็นภาพหลอนของเกม
เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับกำลังเล่นเกมมายาอยู่
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเกมแนวไหนหรือเกมอะไร แต่ก็เป็นภาพหลอนว่ากำลังเล่นเกมอะไรสักเกมอยู่

ข้าพเจ้ารู้สึกถูกใจเสียงเปียโนของท่อนฮุคครึ่งหลังเป็นพิเศษ
ระหว่างแต่งเพลงก็รู้สึกคึกคะนองยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายก็เผลอปล่อยตัวไปตามทำนองนั้น
เป็นอย่างนั้นจะดีรึนี่ ?


.........................................................................................................................................................................................


เรมิเลีย 「เอาหนังสือพิมพ์เก่าๆแบบนี้มาให้ฉันดูเพื่ออะไรรึ」
อายะ 「ตั้งใจจะมาถามว่าตอนนั้นทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไรน่ะค่ะ」
เรมิเลีย 「รูปทรงของหมอก ? รุ้งสีแดง ? ฉันไม่รู้จักของแบบนั้นหรอก
    แต่จะว่าไปก็รู้ดีเหมือนกันนี่ ว่าฉันเป็นคนร้ายที่ปล่อยหมอกออกไป」
อายะ 「ไม่รู้ก็แปลกแล้วล่ะค่ะ
    หลังเหตุการณ์หมอกแดงวิปลาสสิ้นสุดลงไม่ทันไร มาริสะก็เริ่มเข้าออกคฤหาสน์ของคุณบ่อยขึ้น คุณเองก็เริ่มไปที่ศาลเจ้าด้วย」
เรมิเลีย 「หมอกน่ะฉันเป็นคนปล่อยแน่ๆล่ะ
    แต่เรื่องรูปทรงอะไรนั่นน่ะฉันไม่รู้」
อายะ 「... ...ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเลยเหรอคะ ? ทั้งๆที่มันออกจะชัดเจนขนาดนั้นแท้ๆ ?」
เรมิเลีย 「ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ
    สาเหตุที่ฉันพอนึกออกก็ไม่มีเลยล่ะนะ
    บางทีมันอาจจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยังไม่เป็นที่รู้จักก็ได้นะ」
อายะ 「ถ้างั้น รุ้งกับแสงที่อยู่ในรูปนี้ล่ะคะ ?」
เรมิเลีย 「อืーม นั่นสิน้า
    แสงนี่มันคือแสงตอนที่พวกมนุษย์มันอาละวาดไม่ใช่เหรอ ? มองจากข้างบนแล้วมันรู้สึกแบบนั้นนะ」
อายะ 「พอเกิดเหตุวิปลาสทีไรก็อาละวาดอย่างนี้ทุกทีเลยนะคะ, มนุษย์พวกนั้น」
เรมิเลีย 「ตัวปัญหาสุดๆเลยล่ะ」
อายะ 「ให้คุณเป็นคนพูดมันก็ทะแม่งๆอยู่นะคะ
    เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องหมอกกันดีกว่าค่ะ」
เรมิเลีย 「ตัวจริงของหมอกคือ ปราณความหนาแน่นสูงที่ถูกแยกย่อยจนละเอียด... ...
    ดังนั้นมันอาจจะเบี่ยงเบนแสงจนทำให้เกิดรุ้งกินน้ำขึ้นมาก็เป็นได้
    ด้วยหลักการเดียวกับของจริงนั่นล่ะนะ」
อายะ 「ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเหตุผลที่รุ้งกลายเป็นสีแดงคืออะไรล่ะคะ ?」
เรมิเลีย 「หมอกของฉันเป็นสิ่งที่เหมือนกับผลึกแบบเล็กละเอียดที่เล็กยิ่งกว่าหยดน้ำขนาดเล็กเสียอีก
    ดังนั้นเนื้อในมันก็เลยกลายเป็นสีแดง อะไรทำนองนั้นล่ะ」
อายะ 「เห...」
แพชูลี่ 「หมอกของเรมี่มีความหนาแน่นสูงกว่าหยดน้ำจนใกล้เคียงกับผลึกมากกว่า ดังนั้นจึงเบี่ยงเบนแสงได้มากกว่าหยดน้ำ
    หมอกของเรมี่จึงถูกเรียกขานว่า โยวมุ (妖霧) ไงล่ะ
    (แปลได้หลายแบบ เช่น หมอกภูต หมอกพิศวง หมอกประหลาด) (เขียนคนละแบบกับชื่อ โยวมุ 妖夢)
    แสงที่หักเหเมื่อความยาวคลื่นต่ำกว่าสีแดงทั้งหมดจะเกิดการสะท้อนอย่างกระจัดกระจายซ้ำไปซ้ำมา
    และก็จะถูกหมอกดูดกลืนเอาไว้เป็นส่วนใหญ่
    ดังนั้นสีแดงที่ Straight ที่สุดเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่มาก และทำให้เห็นเป็นสีแดงน่ะ」
เรมิเลีย 「ใช่ใช่ อย่างที่ฉันพูดไปแล้วนั่นล่ะ
    เอ๊ะ แปลกจังเลยนะ ได้เวลาน้ำชาแล้วเหรอเนี่ย ?」
แพชูลี่ 「ซาคุยะบอกว่ามีแขกแปลกหน้ามาที่นี่ ก็เลยมาดูน่ะ」
อายะ 「อ๊ะ ขอรบกวนด้วยค่ะ
    ฉันแวะมาหาข้อมูลนิดหน่อยเผื่อว่าอาจจะเอาไปใช้ทำข่าวได้น่ะค่ะ」
เรมิเลีย 「จริงสิ
    ยังมีอีกเรื่องคือ พอมองจากบนท้องฟ้าแล้วหมอกของฉันมันคล้ายปีกของเทวทูตน่ะ
    ถ้าเป็นพาเช่อาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างก็ได้ล่ะมั้ง ?」
แพชูลี่ 「เอาหนังสือพิมพ์มาดูหน่อยสิ... ...」
อายะ 「เชิญค่ะ」
เรมิเลีย 「เทวทูตงั้นเหรอ
    ถึงจะโดนเรียกอย่างนั้นแล้วไม่รู้สึกแย่เท่าไรก็เถอะ แต่แหม...」
อายะ 「เป็นปิศาจที่แปลกดีนะคะ」
แพชูลี่ 「นี่น่ะ ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่นา」
อายะ 「เอ๋ เข้าใจแล้วเหรอคะ ? ยอดไปเลยนะคะเนี่ย」
แพชูลี่ 「นิ้วของเรมี่」
เรมิเลีย 「อ๋า ว่าแล้วเชียว
    รูปร่างของมือ ตอนที่ปล่อยหมอกออกมานี่เอง
    อย่างนี้ใช่มั้ย ?」 (ทำมือให้ดูแบบในรูป)
แพชูลี่ 「อย่างนั้นนั่นล่ะ」
อายะ 「ปล่อยหมอกออกมาจากปลายนิ้วนี่เองสินะคะ... ...」


เรมิเลีย สคาร์เลท

เจ้าแห่งคฤหาสน์มารแดง
แวมไพร์ผู้มีอายุกว่า 500 ปี และมีความสามารถในการควบคุมชะตาได้
เคยใช้หมอกคลุมซ่อนเกนโซวเคียวเอาไว้ เพื่อปิดกั้นแสงอาทิตย์

ผลงานการแสดง :
『東方紅魔郷』
『東方妖々夢』 (ในฉากจบ)
『東方萃夢想』
『東方永夜抄』



.........................................................................................................................................................................................

กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้