東方求聞史紀 ~ Perfect Memento in Strict Sense.
โทวโฮวกุมอนชิคิ (ใคร่รู้ประวัติศาสตร์แห่งตะวันออก) ~ อนุสรณ์สมบูรณ์ในสัมผัสที่เที่ยงตรง
.........................................................................................................................................................................................
ตำนานวีรชน
*กดที่ชื่อหัวข้อเพื่ออ่าน*
หรือกดที่นี่เพื่อแสดงข้อความทั้งหมด
มิโกะแห่งสรวงสวรรค์ ฮาคุเรย์ เรย์มุ
มิโกะแห่งสรวงสวรรค์
{ฮาคุเรย์ เรย์มุ Reimu Hakurei }
อาชีพ : มิโกะ
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า
ที่อยู่อาศัย : ศาลเจ้าฮาคุเรย์
มิโกะคนปัจจุบันแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนเกนโซวเคียว
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ เป็นศาลเจ้าที่คอยเฝ้าดูมหาเขตแดนซึ่งจำเป็นต่อเกนโซวเคียวในปัจจุบัน
มิโกะแห่งฮาคุเรย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างยึดเอางานคลี่คลายเหตุวิปลาสเป็นอาชีพ*
*1[เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรกับเงินทำบุญได้]
ในบรรดามิโกะทุกรุ่นที่ผ่านมา จัดว่าเธอบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย และฝึกฝนไม่เพียงพออย่างที่สุด
แต่พลังที่แท้จริงของเธอนั้นมากมายพอสมควรเลยทีเดียว
โยวไคจำนวนมากถูกกำราบลงด้วยดวงดีที่มีมาแต่เกิดและลางสังหรณ์อันเฉียบคมของเธอ
{นิสัย}
เป็นคนสบายๆที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนต่อสิ่งต่างๆอย่างมาก จึงบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย
ไม่ว่ากับผู้ใดก็ติดต่อคบหาด้วยท่าทางอย่างเดียวกัน คือ ไม่อ่อนโยนและไม่เข้มงวด
อาจเพราะนิสัยแบบนี้จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของโยวไคที่แข็งแกร่งได้ง่าย, ในแต่ทางตรงข้ามก็เป็นที่ครั่นคร้ามของโยวไคที่ไร้พลัง
หากแต่, เธอคิดว่าการกำราบโยวไคโดยไม่ปริปากบ่นถือเป็นงานของเธอ
{ความสามารถ}
เป็นอิสระจากแรงดึงดูด จึงสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ตามใจนึก
ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจผูกมัดเธอได้
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในฐานะมิโกะแห่งฮาคุเรย์อยู่ด้วย
มิโกะแห่งฮาคุเรย์เป็นผู้ควบคุมดูแลมหาเขตแดนฮาคุเรย์ และคอยเฝ้าคุ้มครองเกนโซวเคียว
หากมหาเขตแดนถูกทำลาย ไม่ว่าจากภายในหรือภายนอก, เกนโซวเคียวคงไม่สามารถยืนยงโดยสวัสดิภาพได้
ศาลเจ้าฮาคุเรย์และมิโกะ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการค้ำจุนเกนโซวเคียวให้มีสภาพดังเช่นปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีโยวไคตนใดที่สามารถต่อต้านมิโกะได้
แม้ไม่อาจทราบได้จากลักษณะภายนอกอันแสนเย็นใจไร้กังวลของเธอว่าเธอรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้หรือไม่
แต่โดยเนื้อแท้แล้วมิโกะแห่งฮาคุเรย์ก็คือผู้ที่กุมอำนาจเหนือเกนโซวเคียวนั่นเอง
{Spell Card Rule}
ไม่ว่าโยวไคหน้าไหนก็มิอาจโค่นมิโกะแห่งฮาคุเรย์ลงได้, ความหมายในการมีตัวตนของเหล่าโยวไคจึงเริ่มจะหายไป
แต่เธอก็ได้นำเอาหนหางสู่ศักราชใหม่มาแก้ปัญหานี้
นั่นคือ การนำ Spell Card Rule เข้ามาใช้
Spell Card Rule คือ กฎการต่อสู้ประชันความงามของท่าที่ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
มีเนื้อหาคร่าวๆดังนี้
・Spell Card คือ การตั้งชื่อให้กับท่าที่ตนภาคภูมิใจ และตอนที่จะใช้ท่านั้นจำเป็นต้องประกาศชื่อออกมาเสียก่อน
・ทั้งสองฝ่ายต้องแสดงจำนวนการ์ดล่วงหน้าก่อนการต่อสู้
・เมื่อการ์ดทั้งหมดที่มีอยู่ในมือถูกทำลาย จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
・ผู้ชนะจะไม่ได้รับสิ่งใด นอกจากสิ่งตอบแทนที่ตกลงกันไว้ก่อนต่อสู้, หากไม่ถูกใจสิ่งตอบแทนที่อีกฝ่ายเสนอมาก็สามารถปฏิเสธได้
・ผู้ชนะควรตอบรับความต้องการที่จะแก้มือของผู้แพ้อย่างกระตือรือร้น
・เตรียมใจไว้ก่อนว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ด้วยสิ่งนี้, ทำให้สามารถต่อสู้กันได้ โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการเล่นกีฬา
การนำกฎนี้มาใช้ทำให้แม้แต่มนุษย์ที่มีพลังอ่อนแอกว่าก็สามารถท้าประลองกับโยวไคได้
ในขณะเดียวกัน การโค่นมิโกะ ก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ, และในทางตรงข้าม เหล่าโยวไคก็สามารถทำตัวเหลวไหลได้เต็มที่
{กิจวัตรประจำวัน}
ในเวลาที่ไม่มีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น เธอก็คือมนุษย์ที่ธรรมดาสุดๆคนหนึ่ง*
*2[ความเย็นใจไร้กังวลน่าจะสูงกว่าคนธรรมดา]
เธอไม่ค่อยเอาใจใส่ศาลเจ้าที่มีผู้มาทำบุญน้อย, จึงดื่มน้ำชาบ้างล่ะ แสร้งทำเป็นกวาดพื้นบ้างล่ะ
เธอโผล่หน้ามาที่หมู่บ้านอยู่บ่อยครั้งเพื่อทำธุระบางอย่างเช่น ซื้อของ
ระหว่างทางหากพบเห็นโยวไคก็จะทำการลงโทษสั่งสอนอยู่ทุกครั้งร่ำไป
ตรงจุดนี้ล่ะที่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา
{งาน}
เป็นผู้เชี่ยวชาญการคลี่คลายเหตุวิปลาส
เมื่อเกิดเหตุวิปลาสขึ้น* ความเย็นใจไร้กังวลตามปกติจะหายไปไหนไม่รู้ แล้วมุ่งหน้าไปตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
*3[เหตุวิปลาส คือ ปรากฏการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อเกนโซวเคียว โดยมีสาเหตุที่ไม่แน่ชัด]
*3[โดยทั่วไปเกิดจากอารมณ์แปรปรวนของโยวไค หรือเป็นฝีมือของผู้มาใหม่]
เดิมทีมีเพียงมิโกะแห่งฮาคุเรย์เท่านั้นที่ทำการคลี่คลายเหตุวิปลาส
แต่ในช่วงนี้ เมื่อมีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น จะมีผู้ที่ออกมาหาทางคลี่คลายเหตุวิปลาสเลียนแบบมิโกะเป็นจำนวนมาก
{ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอก}
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ตั้งอยู่เพื่อเป็นชายแดนระหว่างเกนโซวเคียวกับโลกภายนอก จึงสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าได้จากทั้งสองโลก
หากแต่, โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของเกนโซวเคียวจะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งเกนโซวเคียว
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของโลกภายนอกก็จะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งโลกภายนอก
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอกนั้น เป็นศาลเจ้าร้างขนาดเล็กที่แทบไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยือนจนเงียบเหงาซบเซา
แม้ว่าก่อนที่มหาเขตแดนจะสร้างเสร็จนั้น ศาลเจ้าจะมิได้รกร้าง แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ของโลกภายนอกถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในสภาพเหมือนกับตอนที่เขตแดนถูกกางกั้นขึ้น
{ตัวอย่างการคลี่คลายเหตุวิปลาส}
・เหตุหมอกแดงวิปลาส
เหตุวิปลาสที่มีหมอกสีแดงฉานปกคลุมเกนโซวเคียวไปทั่ว จนแสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้น
เหตุวิปลาสนี้เป็นเหตุวิปลาสที่ก่อขึ้นโดย เรมิเลีย สคาร์เลท
เธอเกลียดแสงแดด จึงปกคลุมเกนโซวเคียวด้วยหมอก
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่ากันว่ามิโกะเดินทางไปยังคฤหาสน์มารแดงเพียงลำพัง และแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรง
การที่คฤหาสน์มารแดงกลายเป็นสถานที่เลื่องชื่ออย่างก้าวกระโดด ก็เพราะการเปิดเผยตัวคนร้ายหลังการคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้นั่นเอง
・เหตุผลิหนาววิปลาส
เหตุวิปลาสที่หิมะยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีดอกไม้บาน และไม่มีทีท่าว่าฤดูหนาวจะจบสิ้นลง ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุวิปลาสครั้งนี้
เท่าที่ฟังจากเธอ ดูเหมือนว่าคนร้ายคือชาวโลกวิญญาณ จึงได้แก้ปัญหาโดยการลงโทษด้วยวิธีการบางอย่างไป
แม้จะไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโลกวิญญาณกับฤดูหนาวที่ยาวนานได้
แต่เธอกล่าวว่า 「กลีบดอกซากุระร่วงโรยมาจากโลกวิญญาณก็เลยรู้น่ะ」
การที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยที่มนุษย์ธรรมดาไม่รู้สึกตัวได้นั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
・เหตุราตรีนิรันดร์วิปลาส
เหตุวิปลาสที่ฟ้าไม่ยอมสาง, จนรุ่งอรุณไม่มาเยือนเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แม้ร่ำลือกันว่าเธอเป็นคนคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้ แต่เมื่อถามถึงต้นเหตุและคนร้าย ก็จะได้รับคำตอบที่กำกวมกลับมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็นเหตุวิปลาสที่ยังคงมีปริศนาอยู่มาก จึงไม่อาจลงบันทึกได้
・เหตุมหาเขตแดนวิปลาสครบรอบหกสิบปี
มหาเขตแดนสร้างขึ้นจากเขตแดนอันมั่นคงซึ่งกั้นแบ่งสิ่งมายากับสิ่งไม่มายา แต่เป็นที่รู้กันว่าทุกๆหกสิบปีจะมีครั้งเดียวเท่านั้นที่มันคลายออก
เมื่อเร็วๆนี้ได้เกิดการคลายออกครั้งที่สองขึ้น และเกิดเหตุวิปลาสเล็กๆขึ้นทั่วเกนโซวเคียวในเวลาเดียวกัน
แม้ว่านี่จะเป็นเหตุวิปลาสที่ปล่อยไว้เฉยๆมันก็จะคลี่คลายไปได้เอง
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้น จึงมุ่งหน้าออกไปคลี่คลายเหตุวิปลาสเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
・เหตุผีดูดเลือดวิปลาส
ความหมายแรกสุดในการมีตัวตนของโยวไคก็คือการทำร้ายมนุษย์
แต่หลังจากที่มหาเขตแดนถูกสร้างขึ้น โยวไคก็ไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้โดยง่าย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดหาอาหารให้แก่โยวไค
กำลังใจของเหล่าโยวไคในตอนนั้นจึงลดต่ำลงเรื่อยๆ
โยวไคทรงพลังจากโลกภายนอก, ผีดูดเลือด, ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในเกนโซวเคียวที่มีสภาพดังกล่าว
และใช้เวลาเพียงพริบตาก็ได้เหล่าโยวไคมากมายมาเป็นลูกน้อง
แต่สุดท้ายความวุ่นวายนี้ก็จบลงโดยโยวไคที่ทรงพลังที่สุดได้โค่นผีดูดเลือดลงด้วยกำลัง
และประนีประนอมกันโดยทำสัญญาเกี่ยวกับข้อห้ามต่างๆนานา
เหล่าโยวไคที่ยังหลงเหลือกำลังใจรู้สึกว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ดีแน่ จึงมาปรึกษากับมิโกะแห่งฮาคุเรย์
มิโกะเองก็กำลังเฉื่อยชากับวันคืนที่ไร้เหตุวิปลาสรุนแรง จึงเห็นด้วยกับแนวคิดของโยวไคที่ว่า การได้ต่อสู้เป็นครั้งคราวคือสิ่งจำเป็นที่ขาดเสียมิได้
สิ่งที่คิดออกมาได้ในตอนนั้นก็คือ Spell Card Rule ที่ทำให้สามารถต่อสู้กันอย่างเต็มที่อย่างกับว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกได้*
*4[แม้ว่าจะมีกฎอื่นๆถูกคิดออกมามากมาย แต่กฎอื่นๆนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก]
*4[ทั้งนี้เพราะสาวๆและโยวไคถูกใจความหลากหลายและความงดงามของห่ากระสุนเป็นอย่างมาก]
ว่ากันว่าการก่อเหตุวิปลาสโดยใช้ Spell Card Rule เป็นครั้งแรกสุดนั้นคือ เหตุหมอกแดงวิปลาสที่ก่อขึ้นโดยผีดูดเลือดจอมเอะอะโวยวาย
นับแต่นั้นมาก็เกิดเหตุวิปลาสขึ้นด้วยความถี่พอประมาณ และเมื่อการคลี่คลายเหตุวิปลาสจบสิ้นลงก็จะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้
มิโกะจะต่อสู้ไปจนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะได้สักครั้งหนึ่งแล้ว การละเล่นครั้งนั้นก็จะจบลง
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
จอมเวทธรรมดาสามัญ คิริซาเมะ มาริสะ
จอมเวทธรรมดาสามัญ
{คิริซาเมะ มาริสะ Marisa Kirisame }
อาชีพ : จอมเวท
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์
ที่อยู่อาศัย : ป่าเวทมนตร์
จอมเวทสุดเพี้ยนที่อาศัยอยู่ในป่าเวทมนตร์
ถึงจะบอกว่าเป็นจอมเวท แต่ที่จริงเป็นเพียงมนุษย์ที่มีอาชีพแบบนั้นเท่านั้น
คลุมกายด้วยอาภรณ์สีดำ สวมหมวกสีดำใบใหญ่, สามารถพบเห็นได้บ่อยๆเมื่อไปที่ศาลเจ้า
แต่เธอแทบจะไม่โผล่หน้าไปที่หมู่บ้านมนุษย์เลย
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของร้านคิริซาเมะ, ร้านขายอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์, แต่ว่ากันว่าเธอได้ตัดความสัมพันธ์กับทางบ้านไปแล้ว*
*1[เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวจึงขอไม่ลงรายละเอียด แต่อาจเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับการที่ตระกูลคิริซาเมะไม่ค้าขายอุปกรณ์เวทมนตร์]
อันที่จริงเธอไม่เพียงอาศัยอยู่ในป่าเท่านั้น แต่ยังเปิดกิจการร้านอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ในชื่อ 「ร้านเวทมนตร์คิริซาเมะ」
ทว่า, เนื่องจากการเข้าป่าเวทมนตร์ไปตามหาร้านนี้เป็นเรื่องยาก
และแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยรู้เลยว่าเธอรับงานอะไรบ้าง จึงแทบไม่เคยมีใครเห็นเธอตอนกำลังทำงานเลย
เธอมีนิสัยชอบแหย่คนอื่นเล่น, แม้จะพูดได้ยากว่าเป็นคนมีน้ำใจ แต่ก็เป็นคนจริงใจ, เมื่อมีเธออยู่ใกล้แล้วรู้สึกสนุกดี
{ความสามารถ}
สามารถใช้เวทมนตร์ได้
เธอเชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์ที่เกี่ยวกับแสงและความร้อน
คำพูดติดปากคือ 『ถ้าไม่อลังการก็ไม่ใช่เวทมนตร์น่ะสิ。ดันมาคุคือพลังไงล่ะ』
(คำว่า พลัง ที่มาริสะใช้ในที่นี้ มาจากคำว่า พลังงานความร้อน 火力)
(ซึ่งหากแปลไปตรงๆจะทำให้ประโยคดูแปลกๆ จึงละมาใช้คำว่า พลัง เฉยๆแทน เนื่องจากในภาค 8 เธอเคยพูดไว้ว่า ดันมาคุคือ Power)
ลักษณะภายนอกของเวทมนตร์ที่เธอใช้นั้นมันอลังการก็จริง แต่เธอก็ดูเป็นคนเรียบๆธรรมดาๆ จนกว่าจะใช้มันออกมานั่นล่ะ
ก่อนอื่นต้องไปตามหาและดึงเด็ดเห็ดปิศาจที่งอกขึ้นอย่างมั่นคงมาใช้เป็นเชื้อเพลิงของเวทมนตร์
จากนั้นก็นำเห็ดมาเคี่ยวเป็นเวลาหลายวันด้วยวิธีการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์จนกลายเป็นซุป
นำซุปหลายๆชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วตากแห้งอยู่หลายวันจนกลายเป็นของแข็ง
เช่นนี้แล้ว การทดลองเวทมนตร์ก็จะเริ่มต้นขึ้นในที่สุด
ในเวลาต่อมา ของแข็งดังกล่าวจะถูกทดลองต่างๆนาๆ ถูกขว้างบ้าง ถูกให้ความร้อนบ้าง แช่ลงในน้ำจากภูเขาบ้าง
เนื่องจากเมื่อทำเช่นนี้แล้ว อาจก่อให้เกิดเวทมนตร์ที่สมกับเป็นเวทมนตร์ขึ้นมาได้ แม้จะมีโอกาสสำเร็จเพียงน้อยนิดก็ตาม
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือผิดพลาด เธอก็จะบันทึกลงหนังสือ แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ขั้นตอนการล่าเห็ด
เวทมนตร์สำหรับเธอนั้นคือ สิ่งที่อลังการและมีลักษณะภายนอกงดงามยิ่ง
หากแต่เบื้องหลังนั้นคือ สิ่งที่เกิดจากความพยายามอันแสนเรียบง่ายของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอพยายามจะไม่แสดงให้ผู้อื่นได้เห็น
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ดอกไม้ไฟทะยานฟ้าขนาดมหึมา
เพียงแต่, มนุษย์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึงขั้นนี้นับว่าหายากมาก*
*2[ในอนาคตเธออาจกลายเป็นจอมเวท(โยวไค)ก็ได้]
เธอกล่าวว่า นี่ก็เป็นเพราะอิทธิพลจากป่าเวทมนตร์เช่นกัน
{ร้านเวทมนตร์คิริซาเมะ}
อาชีพหลักของเธอ
เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็แทบไม่เคยมีใครเห็นเธอตอนกำลังทำงานเลย
ตัวร้านคือบ้านของเธอ แต่เนื่องจากตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์ที่หลงทางได้ง่าย ทำให้อาจเจอกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ เธอมักจะไม่อยู่บ้าน
ราวกับว่าไม่คิดจะทำมาค้าขายยังไงยังงั้น
นอกจากนี้ ภายในร้านก็รกเละเทะเหนือจินตนาการ เป็นเหมือนป่าเวทมนตร์ขนาดย่อมๆแห่งหนึ่ง
ลักษณะของงานที่เธอรับทำนั้นกว้างขวางมาก มีตั้งแต่พยากรณ์ผลการพนันไฮโล ไปจนถึงคลี่คลายเหตุวิปลาส
แต่ทว่า, เท่าที่ได้เห็นเวทมนตร์ของเธอ, บางทีลองว่าจ้างให้ช่วยจัดงานประลองดอกไม้ไฟฤดูร้อนดูก็คงไม่เลวเลยทีเดียว
ค่าตอบแทนให้จ่ายเมื่อทำสำเร็จ แต่กรณีที่ทำพลาดจะไม่รับเงินแม้แต่แดงเดียว, จัดว่าเป็นคนที่ซื่อตรงเกินคาด
{เวทมนตร์ที่เธอใช้}
แม้จะเรียกว่าเป็นร้านอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเวทมนตร์
แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอมิได้สามารถใช้เวทมนตร์ได้หลากหลายขนาดที่ว่าสามารถทำอะไรก็ได้
เวทมนตร์ของเธอมีแต่พวกที่ให้ผลในการทำลายล้างข้าวของ, งานที่สามารถว่าจ้างได้อย่างมากก็แค่การกำราบโยวไค
แต่ทว่า, มันเป็นเวทมนตร์ที่มีจุดอ่อนน้อย ทำให้ไม่ว่าจะใช้กับมนุษย์หรือโยวไคหน้าไหนก็ได้ผลไม่ต่างกัน
ดังนั้นในกรณีที่ต้องการเฉพาะพลังทำลายล้วนๆล่ะก็ ไม่มีใครเทียบเทียมเธอได้*
*3[หมายถึงในหมู่มนุษย์น่ะนะ]
ตามปกติแล้วมักจะอยู่ที่ศาลเจ้า, เมื่อมีการร้องขอให้มิโกะแห่งฮาคุเรย์ไปกำราบโยวไค เธอจะรับงานนั้นตามอำเภอใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
กระนั้นก็ตาม ฝีมือในการกำราบโยวไคของเธอนั้นจัดว่าไม่เลวเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่มีการก่อตั้ง Spell Card Rule ขึ้น, ทำให้เธอแสดงความสามารถด้านเวทมนตร์อันแสนอลังการของเธอได้อย่างเต็มที่
เธอออกกำราบโยวไคราวกับว่าจะแข่งขันกับมิโกะ, จึงกลายเป็นการฝึกฝนซึ่งกันและกันไปด้วยในตัว
{อาชีพขโมย}
งานของเธออีกอย่างหนึ่งก็คือ อาชีพขโมย
ดูเหมือนว่าเธอจะเอาใจใส่งานนี้มากกว่าร้านอะไรก็ได้นั่นเสียอีก
Motto (คำขวัญ) ของเธอคือ บุกเข้าไปทางด้านหน้าอย่างสง่าผ่าเผย, ซึ่งเป็นการชิงของไปพลางพูดว่า 「ขอยืมหน่อยนะเว้ย」 อย่างสง่าผ่าเผย
โดยเฉพาะการชิงหนังสือ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นความผิดเลย จึงก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ในตอนนี้เกนโซวเคียวเอนกิ (นิมิตแห่งดินแดนมายา) ของตระกูลฮิเอดะยังคงปลอดภัยดี
แต่เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
{อุปกรณ์}
บางครั้งจอมเวทก็ต้องใช้อุปกรณ์
อุปกรณ์ที่เธอใช้ ได้แก่ ไม้กวาดเวทมนตร์, เตาไฟขนาดเล็ก และตำราเวทมนตร์ทำมือ เป็นต้น
เธอคิดเองเออเองว่าไม้กวาดเวทมนตร์เป็นพาหนะจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับจอมเวท
แต่ก่อนมันเป็นเพียงไม้กวาดธรรมดาๆที่ทำจากไม้ไผ่
แต่เนื่องจากเธอเอามันมาใช้ในขณะที่ใช้เวทมนตร์ ทำให้มันได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์ และเริ่มเติบโตขึ้นอย่างประหลาด
ดูเหมือนจะมีใบไม้งอกขึ้นมาจากส่วนด้ามจับด้วย ทั้งๆที่น่าจะตายไปแล้วแท้ๆ
ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แต่อย่างใด
เตาไฟ คือ อาวุธสุดยอดของเธอ, และเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในการทดลองเวทมนตร์หรือการทำอาหาร
เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีพลังงานความร้อนสูงชนิดที่ว่าหาดูที่ไหนไม่ได้แม้แต่ในเกนโซวเคียว
เมื่อเติมพลังเวทเป็นเชื้อเพลิงให้มัน จะสามารถปรับการใช้งานได้ดั่งใจ ตั้งแต่เป็นไฟอ่อนสำหรับต้มเคี่ยวตลอดคืน ไปจนถึงไฟแรงเหมือนภูเขาไฟระเบิด
อนึ่ง, นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่เป็นสิ่งที่ร้านโควรินโดวสร้างขึ้นต่างหาก
ตำราเวทมนตร์ คือสิ่งที่ใช้บันทึกรายละเอียดของผลการทดลองเวทมนตร์ โดยไม่สนว่าสำเร็จหรือผิดพลาด
มันจึงเป็นเพียงสมุดบันทึกธรรมดาๆ ที่ถูกเรียกขานว่าตำราเวทมนตร์แต่ในนามเท่านั้น
พวกจอมเวทคงคิดว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ต้องมีติดตัวไว้กระมัง
อุปกรณ์อื่นๆอย่างเช่นพวกที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ดูเหมือนจะซ่อนอยู่ในหมวกและกระโปรงของเธอ*
*4[การซ่อนของที่ขว้างออกไปแล้วระเบิดได้มันอันตรายนะ]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง อิซาโยอิ ซาคุยะ
เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง
{อิซาโยอิ ซาคุยะ Sakuya Izayoi }
อาชีพ : เมด
ความสามารถ : ควบคุมเวลา
ที่อยู่อาศัย : คฤหาสน์มารแดง
เมดผู้ทำงานและพักอาศัยในคฤหาสน์มารแดง
มนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์มารแดงซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นที่อยู่ของปิศาจ ทั้งยังเป็นหัวหน้าของเหล่าเมดทั้งหลายอีกด้วย
สาวน้อยลึกลับที่ทำงานในสถานที่ซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้
ไม่เคยมีใครเห็นเธอมาก่อน จนกระทั่งเธอเริ่มทำงานที่คฤหาสน์มารแดง
นอกจากนี้ยังเย็นชากับมนุษย์จากหมู่บ้านที่ไปเยือนคฤหาสน์มารแดง และอยู่ฝ่ายเดียวกับโยวไคเสมอ
ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันว่าเธอมิใช่มนุษย์ในเกนโซวเคียว แต่เป็นมนุษย์จากโลกภายนอกหรือโลกอื่นที่ต่างออกไปยิ่งกว่านั้น
ไม่มีมนุษย์คนใดในหมู่บ้านที่สนิทสนมกับเธอ, รอบตัวเธอจึงมีแต่ปริศนา
ทว่า, บางครั้งเธอก็มาซื้อของที่หมู่บ้าน แต่บรรยากาศที่ออกมาจากตัวเธอนั้นช่างบริสุทธิ์เสียจนไม่เห็นจะมีท่าทีว่ามองมนุษย์เป็นศัตรู*
*1[ถึงแม้ว่าจะแสดงความเป็นศัตรูออกมาอย่างเด่นชัดเมื่ออยู่ที่คฤหาสน์ แต่นั่นคงเป็นเพราะเธอรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคฤหาสน์ด้วย]
{ความสามารถ}
มีความสามารถในการควบคุมเวลา
ในบรรดาความสามารถที่มนุษย์ถือครองอยู่ จัดว่าเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งในระดับชั้นสูงสุด และไม่ใช่สิ่งที่จะหามาติดตัวได้ด้วยการฝึกฝน
การควบคุมเวลานั้นเป็นความสามารถที่ทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น
หยุดเวลาแล้วเหลือเพียงตัวเองที่ยังเคลื่อนไหวได้, หน่วงกระแสการไหลของเวลาช้าลงเพื่อให้ตัวเองเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด
เร่งกระแสการไหลของเวลาให้เร็วขึ้นเพื่อเปลี่ยนน้ำแอปเปิ้ลให้กลายเป็นเหล้าแอปเปิ้ล เป็นต้น
ทว่า, เรื่องยากที่ถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษก็คือ การแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้น
อาทิเช่น สิ่งที่ถูกทำลายไปแล้ว ถูกเผาไปแล้ว หรือถูกกินไปแล้ว สิ่งเหล่านี้ต่อให้ย้อนเวลาได้ก็จะไม่กลับเป็นอย่างเดิม
การย้อนเวลาคือการดึงสิ่งที่เคลื่อนไหวไปแล้วให้กลับมาสู่ตำแหน่งเดิม
ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว การใช้คำว่า ไม่สามารถย้อนเวลาได้ น่าจะถูกต้องกว่า
นอกจากนี้ ความสามารถนี้ยังสามารถปั่นป่วนช่องว่างได้เช่นเดียวกัน
การหน่วงเวลาให้ช้าลงเป็นเหมือนกับการทำให้ช่องว่างมีขนาดเล็กลง และการเร่งเวลาให้เร็วขึ้นเป็นเหมือนกับการขยายช่องว่างให้กว้างขึ้น
(ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีทางฟิสิกส์ เรื่อง Space-Time)
(คำว่า ช่องว่าง ในที่นี้มักถูกแปลอีกแบบหนึ่งว่า ห้วงมิติ แต่เนื่องจากในบทความนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ จึงใช้ศัพท์วิชาฟิสิกส์)
เธอใช้ประโยชน์จากความสามารถอันเหนือล้ำนี้อย่างเต็มที่ ในการทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า และทำอาหาร
นอกจากความสามารถอันนี้แล้วยังเชี่ยวชาญการปามีดและมายากล
ว่ากันว่าเธอสามารถปามีดปักกลางหน้าผากของโยวเซย์เมดที่เอาแอปเปิ้ลวางไว้บนหัวโดยยืนห่างออกไปยี่สิบเคนได้
(มิได้แปลผิด เพราะรูปประโยคและศัพท์ที่ใช้แปลออกมาได้อย่างนี้ คาดว่าเป็นมุขของผู้แต่ง)
(1 เคน ยาวประมาณ 1.8182 เมตร (2 หลา หรือ 6 ฟุต) ดังนั้น 20 เคนจึงเท่ากับ 36.364 เมตร)
ส่วนมายากลนั้นสามารถทำให้สิ่งของหลากหลายปรากฏออกมาจากมือที่ไม่น่าจะมีอะไรอยู่เลยได้*
*2[ไม่ควรจุ้นจ้านหยาบคายกับเธอ อย่างเช่น ก็มันหยุดเวลาได้นี่หว่า]
{เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง}
โยวเซย์จำนวนมากถูกจ้างมาเป็นเมดแห่งคฤหาสน์มารแดงเพื่อรับหน้าที่อะไรบางอย่าง ตามความเชื่อที่ว่าปริมาณสำคัญกว่าคุณภาพ
ในบรรดานั้นมีเธอซึ่งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวรับหน้าที่เป็นหัวหน้าเมดและคอยชี้นำให้เหล่าโยวเซย์เมดทำตาม
โยวเซย์เมดส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์
แค่ซักเสื้อผ้าของตัวเองและทำอาหารให้ตัวเองก็สุดความสามารถแล้ว*
*3[จะมีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว หัวหน้าเมดจะเป็นคนจัดการงานส่วนใหญ่ทั้งหมด]
สิ่งที่บอกแก่เมดทุกคนคือ ไม่มีค่าแรงและวันหยุดตามหลักพื้นฐาน แต่ชดเชยด้วยการมอบอาหาร, น้ำชา และอิสระให้
สามารถลาออกหรือกลับมาสมัครใหม่ได้ตามอำเภอใจ
สำหรับโยวเซย์เมดจัดว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี จึงแทบไม่มีผู้ใดหนีจากไป
โดยเฉพาะเมื่อสามารถสนุกสนานไปกับความต้องการของคุณหนูผู้เรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในบางครั้งได้แล้ว
แต่เพื่อชดเชยส่วนนั้น ทำให้งานของหัวหน้าเมดหนักหนาสาหัสเป็นอย่างยิ่ง
ทำความสะอาดคฤหาสน์มารแดงที่เป็นเหมือนเขาวงกต, ปรนนิบัติรับใช้คุณหนูที่ชอบพูดเอาแต่ใจ, ควบคุมดูแลโยวเซย์เมดที่ไม่มีประโยชน์,
ไปซื้อของที่หมู่บ้านมนุษย์, ทำอาหารออกมาให้หรูหราโดยเปล่าประโยชน์, ไม่มีเวลาว่างให้พักผ่อนเลย
การสะสางงานมากมายขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่สามารถหยุดเวลาได้
{โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ}
งานเมดแห่งคฤหาสน์มารแดงทำให้เธอไม่มีเวลาพักผ่อนและไม่มีความเป็นส่วนตัว ทำให้โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอไม่เป็นที่รู้จักแน่ชัด
เหตุใดจึงทำงานในคฤหาสน์มารแดงซึ่งเป็นที่อาศัยของปิศาจ และได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผีดูดเลือดนั้น ยังคงเป็นปริศนา
จากการสังเกตตัวเธอพบว่า มิได้ถูกผีดูดเลือดบังคับขู่เข็ญให้ทำงานแต่อย่างใด
และดูเหมือนจะมีสิทธิ์มีเสียงในคฤหาสน์มารแดงอยู่พอตัว บางครั้งถึงขั้นออกคำสั่งกับผีดูดเลือดได้
ปัจจุบันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า
ผีดูดเลือดได้ซื้อความสามารถที่แข็งแกร่งเกินไปสำหรับมนุษย์นั่นเอาไว้ หรือว่าเธอยอมเป็นเมดแห่งคฤหาสน์มารแดงด้วยความสมัครใจกันแน่
นอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่า ชื่อของเธอในตอนนี้เป็นชื่อที่ผีดูดเลือดตั้งให้ มิใช่ชื่อจริงของเธอแต่อย่างใด
มีทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า แต่เดิมเธอน่าจะเป็นนักล่าผีดูดเลือด (Vampire Hunter) จากโลกภายนอกหรือจากต่างโลก*
*4[เช่น โลกวิญญาณ ฮิกัน หรือนครจันทรา]
เชื่อกันว่าเธอไล่ล่าผีดูดเลือดจนมาถึงคฤหาสน์มารแดง และพยายามสังหารผีดูดเลือดแต่กลับถูกสังหารเสียเอง
เหตุผลที่คิดแบบนั้นก็คือ มีดเงินที่เธอใช้เป็นมีดสำหรับสังหารผีดูดเลือด ประกอบกับความสามารถที่ผีดูดเลือดแห่งคฤหาสน์มารแดงมีอยู่
เธอปลีกตัวออกห่างจากหมู่บ้านมนุษย์เพื่อฝึกวิชาสำหรับการกำราบผีดูดเลือด
โดยปกติจะสังหารปิศาจขนาดเล็กเพื่อฝึกปรือฝีมือ แต่เธอยังไม่เคยเข้าไปยุ่งกับผีดูดเลือดเลย
แต่เธอมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองอย่างล้นหลาม
เธอคิดว่าถ้าหากเป็นผีดูดเลือดที่กำลังสูญเสียพลังไปอย่างช้าๆล่ะก็ แม้แต่เธอก็สามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย จึงออกเดินทางตามหาผีดูดเลือด
ครั้นเมื่อไล่ล่าผีดูดเลือดจนมาถึงคฤหาสน์มารแดงก็พบว่า
ผีดูดเลือดที่เจอนั้นแข็งแกร่งเหนือกว่าที่จินตนาการไว้มาก ทั้งๆที่ลักษณะภายนอกแลดูอ่อนเยาว์, เธอจึงเป็นฝ่ายถูกสังหารอย่างง่ายๆเสียเอง
ผีดูดเลือดรู้สึกเสียดายความสามารถอันนั้นจึงคิดชื่อใหม่ให้เธอ และชะตาของเธอก็ถูกเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยการเปลี่ยนชื่อนี้เอง*
*5[วินิจฉัยจากชื่อและนามสกุล]
(อิซาโยอิ = แรมหนึ่งค่ำ / ซาคุยะ = ราตรีที่เบ่งบาน ซึ่งทั้งสองคำนี้ล้วนหมายถึงสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อผีดูดเลือด)
เธอกลายเป็นข้ารับใช้ของปิศาจในชั่วพริบตาเดียว
และเนื่องจากความสามารถอันสูงล้ำที่มีอยู่แต่เดิม จึงได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเมด และกลายเป็นสมุนคนสนิทของผีดูดเลือดในทันที
ต่อมา, คฤหาสน์มารแดงได้ทำการย้ายทั้งตัวคฤหาสน์เข้ามาในเกนโซวเคียว
เธอรู้สึกได้ถึงความไม่ลงรอย*กับเกนโซวเคียวที่มีสภาพแวดล้อมอันแปลกประหลาด
ในช่วงแรกเธอจึงรู้สึกรับไม่ได้ทั้งผีดูดเลือดและมนุษย์ชาวเกนโซวเคียว
*6[เป็นเรื่องหลังจากที่ผีดูดเลือดได้ตกลงยอมทำสนธิสัญญาประหลาดแล้ว รายละเอียดลองดูได้ในส่วนของผีดูดเลือด]
ทว่า, ผีดูดเลือดที่ตนเองโค่นไม่ได้กลับพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ชาวเกนโซวเคียวอย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจบเรื่องก็ติดต่อคบค้ากันอย่างเป็นมิตร ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น, เมื่อได้เห็นดังนั้นเธอจึงค่อยๆเปิดใจออกมาทีละน้อย
ปัจจุบัน, ในขณะที่ยังคงเป็นฝ่ายเดียวกับผีดูดเลือด เธอก็ติดต่อคบหากับมนุษย์อย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างได้ถูกตัดสะบั้นไปแล้ว
แต่อันที่จริงแล้วนี่เป็นแผนการที่ผีดูดเลือดผู้ควบคุมชะตาได้วางเอาไว้ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก
แนวคิดแบบนี้ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีอื่นๆอีกมากมาย เช่น เธอเป็น Homunculus, เธอเป็นซอมบี้ หรือเธอเป็นแค่คนเพี้ยนๆคนหนึ่ง เป็นต้น
แต่ทฤษฎีที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุดก็คือ ทฤษฎีนักล่าผีดูดเลือดที่กล่าวถึงในตอนแรกสุด
แม้จะกล่าวกันว่าตัวเธอดูเหมือนสาวอายุสิบห้าถึงสิบเก้า แต่เมื่อดูจากความสามารถและนิสัยสงบเยือกเย็นแล้ว ความเห็นดังกล่าวก็ออกจะน่าสงสัยอยู่
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ยุคหลายร้อยปีก่อนอยู่ดี*
*7[ปั่นป่วนกระแสเวลาได้ด้วยสินะ]
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เจ้าของร้านโควรินโดว โมริจิกะ รินโนะสุเกะ
เจ้าของร้านโควรินโดว
{โมริจิกะ รินโนะสุเกะ Rinnosuke Morichika }
อาชีพ : เจ้าของร้านอุปกรณ์
ความสามารถ : ทราบชื่อและประโยชน์ของอุปกรณ์
ที่อยู่อาศัย : ร้านโควรินโดว
เจ้าของร้านโควรินโดว, ร้านขายอุปกรณ์ซึ่งเปิดกิจการอยู่ตรงทางเข้าป่าเวทมนตร์
ในร้านโควรินโดวไม่มีพนักงานคนอื่นเลย
หากจะให้พูดชี้ชัด, เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับโยวไค
จึงมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่คงเพราะไม่ได้ฝึกฝีมือ ทำให้ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ในอดีตเขาเคยทำงานให้กับตระกูลคิริซาเมะซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุด แต่เมื่อความสามารถของตัวเองตื่นขึ้นก็คิดขึ้นมาว่า
จะมัวทำงานในร้านอุปกรณ์ธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ต่างหาก
จากนั้นก็แยกตัวออกมาตั้งร้านของตัวเอง
อุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ ก็คงไม่พ้นอุปกรณ์จากโลกภายนอก
เขาเป็นคนที่รอบรู้ แต่มีนิสัยชอบคิดหมกมุ่นด้วยตัวเดียวอยู่เรื่อยจนไม่ค่อยออกมาจากร้าน และแสดงความเย็นชาแม้แต่กับลูกค้า
เป็นนิสัยที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายยิ่งนัก
{ความสามารถ}
มีความสามารถในการรู้ชื่อและคุณประโยชน์ของอุปกรณ์ต่างๆ
แม้แต่อุปกรณ์ที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก,
เพียงแค่ได้มองก็จะมีชื่อของมันลอยขึ้นมาในหัว, และเพียงแค่เอ่ยปากพูดชื่อของมันออกมาก็จะสามารถจินตนาการประโยชน์การใช้งานของมันได้
นับว่าเป็นความสามารถที่เหมาะกับร้านอุปกรณ์อย่างมาก แต่ก็มีจุดบอดร้ายแรงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือการที่รู้ไปไม่ถึงวิธีใช้งานของอุปกรณ์นั้นๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่หาได้ในร้านโควรินโดวเป็นอุปกรณ์ที่ต้องตรวจสอบค้นหาวิธีการใช้งานด้วยตัวเอง*
*1[อุปกรณ์จากโลกภายนอกนั้นมีของที่ไม่สามารถรู้วิธีใช้ได้ด้วยลางสังหรณ์อยู่มากเกินไป]
แต่กระนั้นก็ยังมีอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่เข้าใจถึงวิธีใช้งาน, บางชิ้นสามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากใช้งานมันได้ ก็จะสามารถทำการรับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกได้ แต่ขายอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่นั้นเขาจะไม่ขาย
กล่าวคือ รับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกแต่เพียงผู้เดียว นั่นเอง
(สำนวน "รับความเมตตาจาก..." นี้ปกติจะใช้กับพวกเทพเจ้าหรือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เช่น จากแสงอาทิตย์ จากเทพเจ้า ฯลฯ)
(มีความหมายถึงการได้รับประโยชน์และความสุขจากสิ่งนั้นๆ)
แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของร้านคนไหนที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายขนาดนี้อีกแล้ว
แต่ก็มีเพียงร้านโควรินโดวเท่านั้นที่จำหน่ายอุปกรณ์จากโลกภายนอก จึงมีลูกค้าขาประจำอยู่เหมือนกัน
{ร้านโควริวโดว}
อาคารแบบต่างประเทศซึ่งมีข้าวของวางระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง โดยมีป่าเวทมนตร์อยู่เบื้องหลัง
นั่นล่ะ ร้านโควรินโดว
เป็นร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์จำพวก อุปกรณ์จากโลกภายนอก, อุปกรณ์ของโยวไค, อุปกรณ์ของโลกวิญญาณ อะไรทำนองนั้นมากกว่าของใช้ประจำวัน
ร้านโควรินโดวไม่ปฏิเสธทั้งมนุษย์และโยวไค ไม่ว่าใครก็เข้าไปจับจ่ายได้
ภายในร้านมีสิ่งของมากมายถูกจัดวางไว้อย่างลวกๆ จนนึกได้แค่อย่างเดียวว่าเป็นคลังสินค้า
สิ่งของที่ถูกวางเรียงรายล้วนเต็มไปด้วยของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ดังนั้นถ้าสนใจของชิ้นไหนขึ้นมาก็ต้องถามเจ้าของร้านเท่านั้น
ไม่มีราคาแปะไว้และไม่รู้ราคาตลาด จึงควรระวังเรื่องราคาเปลี่ยนแปลงตามใจปากของเจ้าของร้าน
ด้านในของร้านมีคลังสินค้าที่ค่อนข้างใหญ่เอาการอยู่ และอุปกรณ์ที่หลับใหลอยู่ในที่แห่งนั้นล้วนเป็นสินค้าไม่ขาย
การที่ไม่ขายสินค้าที่ตัวเองถูกใจหรือเห็นว่ามีประโยชน์จนไม่รู้ว่ามีความตั้งใจจะค้าขายรึเปล่า* ก็ถือเป็นลักษณะเด่นของร้านโควรินโดว
*2[ไม่มีหรอก]
{สินค้าหลักที่กำลังวางขายในร้านโควรินโดว}
・Stove
ต่อให้เป็นฤดูหนาว แต่ในร้านโควรินโดวก็ยังอบอุ่น
ออกจะถึงขั้นร้อนเสียด้วยซ้ำ แต่ยังไงเสียก็ต้องนับเป็นพระคุณของเจ้า Stove (เครื่องทำความร้อน) ตัวนี้
แต่เชื้อเพลิงของมันไม่สามารถหาได้โดยทั่วไป* ดังนั้นซื้อไปก็ไม่มีประโยชน์
*3[แล้วเขาไปเอาเชื้อเพลิงมาจากไหนกันนะ]
・Personal Computer
ภูตรับใช้ของโลกภายนอก*
*4[ภูตรับใช้แพ้น้ำ, เจ้า Computer นี่จึงแพ้น้ำเช่นกัน]
สามารถรวบรวมข้อมูลได้ในพริบตาด้วยคำสั่งง่ายๆ
แม้จะมีรูปร่างมากมายหลายแบบ แต่เจ้าของร้านไม่เคยแม้แต่จะทดลองใช้งาน
พูดได้เต็มปากว่า ซื้อไปก็เปล่าประโยชน์
・โทรศัพท์มือถือ
สามารถใช้สนทนากับผู้ที่อยู่ไกลออกไปได้
ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดซึ่งสามารถติดต่อพูดคุยได้กระทั่งบรรพบุรุษที่อยู่ในโลกวิญญาณ แต่เจ้านี่ก็ยังไม่เคยทดลองใช้เช่นกัน
คงเอาไปใช้ได้แค่เป็นหนึ่งในห่ากระสุน โดยขว้างออกไปสุดแรงเท่านั้น
・กล้องถ่ายรูป
กล้องถ่ายรูปแบบเดียวกับที่พวกเทนกุใช้กัน
แต่มีขนาดเล็กและบางเบากว่ากล้องถ่ายรูปของเทนกุ
ดูเหมือนเจ้าของร้านจะกล่าวไว้ว่า มันมีอีกชื่อว่า Digital Camera
ไม่ว่าจะทำยังไงกับเจ้านี่ ก็ไม่มีภาพถ่ายออกมาเลย
การาคุตะ
(หมายถึง สิ่งของที่ไม่มีค่าแล้วหรือใช้งานไม่ได้แล้ว ว่าง่ายๆก็คือ ขยะ)
・Television
กล่องที่สามารถฉายวิญญาณของทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกมาได้
สิ่งที่ฉายภาพมนุษย์จะมีวิญญาณมาสิงสู่ได้ง่าย, น่าจะใช้ประโยชน์ในการเก็บพลังวิญญาณได้
・เครื่องกรองน้ำ
อุปกรณ์ลึกลับที่สามารถทำให้น้ำใสสะอาดได้ด้วยการผ่านน้ำลงไปในตัวมัน
แต่รสชาติแย่โดยไม่ทราบสาเหตุ
จึงไม่เป็นที่นิยม
・เครื่องเกม
กล่องปริศนา
ของเล่นของโลกภายนอก
มีรูปแบบหลากหลาย
วิธีเล่นไม่แน่ชัด แต่นิยมเอามาตั้งวงเตะเล่นกันแบบเคะมาริ (กีฬาเตะบอลรูปแบบหนึ่งของญีปุ่น เป็นที่นิยมในยุคเฮย์อัน)
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เภสัชกรโฮวไร ยาโกะโคโระ เอย์ริน
เภสัชกรโฮวไร
{ยาโกะโคโระ เอย์ริน Eirin Yagokoro }
อาชีพ : หมอยา
ความสามารถ : สร้างยาได้ทุกชนิด
ที่อยู่อาศัย : เรือนนิรันดร์
เจ้าของร้านขายยาผู้สร้างยาในเรือนนิรันดร์แล้วแจกจ่ายให้แก่มนุษย์และโยวไคไปทั่ว*
*1[คิดค่าขนส่ง, และคนที่ไปส่งยาไม่ใช่ตัวเธอ แต่เป็นโยวไคกระต่าย]
เพิ่งเปิดกิจการเมื่อเร็วๆนี้เอง
ยาที่ขายแบ่งออกเป็น ยาตั้งกับยาซื้อ
ระบบการขายยาตั้ง เริ่มจากการติดตั้งกล่องยาให้แต่ละบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เมื่อเปลี่ยนฤดูก็จะมาตรวจดูในกล่องว่าใช้ไปเท่าใด และคิดเงินตามนั้น
กลุ่มนี้จะเป็นยาที่ใช้รักษาบาดแผลเล็กๆน้อยๆหรือไข้หวัด เป็นต้น
ส่วนยาซื้อ เป็นยาที่ต้องมาซื้อที่เรือนนิรันดร์โดยตรง เช่น ยาที่เก็บไว้นานไม่ได้ ยาที่ใช้รักษาอาการป่วยหนักๆ หรือยาที่มีวิธีใช้เป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น
ยาที่เธอสร้างขึ้นเป็นที่เลื่องลือว่าออกฤทธิ์ดีโดยไม่มีผลข้างเคียง
แต่จำเป็นต้องเตือนไว้อย่างหนึ่งว่า ต้องแยกแยะระหว่างยาสำหรับโยวไคกับยาสำหรับมนุษย์ให้ดี
ยาสำหรับโยวไคมีผลต่อมนุษย์มากเกินไป หากทานเข้าไปก็จะเกิดผลข้างเคียง
ในทางตรงข้าม ยาสำหรับมนุษย์ก็เป็นเหมือนยาพิษสำหรับโยวไค
และหากเดินทางไปจนถึงเรือนนิรันดร์ได้ เธอจะตรวจอาการให้เราด้วยฐานะแพทย์แทน
ต่อให้เป็นโรคที่ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด เธอก็สามารถจ่ายยาชนิดพิเศษให้เราได้*
*2[แต่ถึงเข้าไปในป่าไผ่หลงทางก็ใช่ว่าจะสามารถเดินทางไปถึงเรือนนิรันดร์ได้]
{นิสัย}
เธอไม่สนใจค่ายามากนัก
ตัวยามีประสิทธิภาพสูงด้วยราคาที่เป็นธรรม และกรณีที่ไม่สามารถจ่ายได้ก็จะรอไปเรื่อยๆจนกว่าจะจ่าย
ต่อให้ไปหาเธออย่างกะทันหันและขอให้ตรวจอาการที่ไม่ดี เธอก็จะตรวจให้อย่างอ่อนโยน
โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นมนุษย์หรือโยวไคเช่นเคย
เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเร็วๆนี้ และเริ่มรักษาอาการป่วยของผู้คน แต่ก็ไม่ได้มีเงินทองเป็นจุดประสงค์
จึงรู้สึกขึ้นมาว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
แวบแรกก็ดูเหมือนมนุษย์ผู้โอบอ้อมอารี แต่เพราะไม่ทราบถึงจุดประสงค์ของความใจดีนั้น ทำให้มนุษย์รู้สึกวิตกกังวลในบางครั้ง
เธอยึดถือปฏิบัติตามแบบแผนเช่นนี้เรื่อยมา
อย่าลืมว่าไม่มีอะไรแพงกว่าของฟรี
(หมายถึง แม้จะได้มาฟรีๆ แต่ก็ต้องมีอะไรสักอย่างถูกจ่ายออกไปแน่ หรือมีทวงบุญคุณในภายหลัง เผลอๆจะแพงกว่าของฟรีที่ได้มา)
(อาจกล่าวได้ว่า เป็นสำนวนที่แรงกว่า ของฟรีไม่มีในโลก)
{ปริศนาของเธอ}
เรือนนิรันดร์มีปริศนาอยู่มากมาย แต่ในบรรดานั้นตัวเธอนี่ล่ะที่มีปริศนามากที่สุด
หาความรู้เกี่ยวกับยามาจากไหน, ทำไมจึงสามารถสร้างได้กระทั่งยาที่ใช้ได้ผลกับโยวไค, ก่อนจะเปิดร้ายขายยาเธอทำอะไรมาก่อนกันแน่
มีแต่เรื่องที่ไม่รู้เต็มไปหมด
รายละเอียดเกี่ยวกับอายุก็ไม่ทราบ แม้ว่าแวบแรกจะเห็นเธอเป็นสาวอายุน้อย
แต่วิธีการพูดและอากัปกิริยาของเธอทำให้เกิดบรรยากาศพิเศษแบบคนที่มีชีวิตอยู่มายาวนานจนเข้าใกล้ได้ยาก
ยิ่งกว่านั้นคือเธอไม่มีสามัญสำนึกทั่วไป ทั้งๆที่มีความรู้กว้างขวางอย่างมาก
เมื่อถามเธอเรื่องนี้ก็ได้คำตอบนอกประเด็นมาว่า, เป็นเพราะสร้างยาย้อนวัยเยาว์*ขึ้นมาใช้ ผิวหนังก็เลยกระชับเนียนนุ่ม, จึงจบการสนทนา
*3[อุดมด้วยคอลลาเจน]
ข่าวลือแว่วมาว่าเธอเป็นมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับนครจันทรา
เพราะในเรือนนิรันดร์มีบุคคลหรืองานพิธีที่เกี่ยวข้องกับดวงจันทร์อยู่มากมาย, กระต่ายส่งยาก็เช่นกัน, ซึ่งนับเป็นหนึ่งในมูลเหตุที่สนับสนุนข่าวลือนี้
คงไม่แปลกนักถ้าวิชาแพทย์อันล้ำหน้าของเธอเป็นวิชาแพทย์จากดวงจันทร์เช่นกัน
มีความเป็นไปได้ว่าเธอใช้วิธีการบางอย่างในการได้มาซึ่งวิทยาการของนครจันทรา
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
เจ้าหญิงแห่งนิรันดร์ โฮวไรซัน คางุยะ
เจ้าหญิงแห่งนิรันดร์
{โฮวไรซัน คางุยะ Kaguya Houraisan }
อาชีพ : ไม่แน่ชัด
ความสามารถ : ควบคุมความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
ที่อยู่อาศัย : เรือนนิรันดร์
เจ้าหญิงแห่งเรือนนิรันดร์
ไม่มีข้อมูลแน่ชัด แม้กระทั่งเรื่องที่ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
เรือนนิรันดร์เป็นอาคารประหลาดที่เลี้ยงกระต่ายไว้มากมาย ทั้งยังมีโยวไคกระต่ายอาศัยอยู่
ดูเหมือนว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้ก็คือเธอ
เมื่อเร็วๆนี้คุณยาโกะโคโระเริ่มกิจการขายยาแล้ว แต่จนถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอมีตัวตนอยู่ด้วย
เธอทำอะไรอยู่กันแน่, การรวมกลุ่มผู้อาศัยที่แปลกประหลาดนี้มีความหมายอย่างไร, มีแต่ปริศนาเต็มไปหมด
แต่เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการจัด Event ขึ้นที่นี่ และเริ่มโผล่หน้าไปที่หมู่บ้านมนุษย์บ่อยขึ้น จึงมีโอกาสได้ติดต่อคบค้ากับผู้อาศัยในเรือนนิรันดร์มากขึ้น
ตัวเธอซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งเรือนนิรันดร์นั้นมีศิลปะการพูดที่ยอดเยี่ยมเกินคาด*, และมักจะเล่านิทานโบราณให้ฟังอยู่บ่อยๆ
*1[แต่ว่าวิธีการพูดออกจะโบราณไปนิด]
บางทีอาจเป็นลูกหลานของบิวะโฮวชิหรืออะไรสักอย่างก็เป็นได้
(บิวะ หมายถึง พิณญี่ปุ่น, บิวะโฮวชิ หมายถึงนักเล่นพิณญี่ปุ่นซึ่งเป็นพระตาบอด)
{ความสามารถ}
มีความสามารถในการควบคุมความนิรันดร์และความสิ้นพลัน
ความนิรันดร์ หมายถึงโลกที่ไม่มีประวัติศาสตร์, เป็นโลกที่ความเปลี่ยนแปลงไม่มีวันมาเยือนตราบชั่วนิจนิรันดร์
ไม่ว่าจะพยายามทำอะไรสักเพียงไหนในโลกใบนี้ ก็ล้วนไร้ค่าเพราะเวลาได้ถูกหยุดเอาไว้
เชื่อกันว่าเป็นเพราะเธอคลายเวทมนตร์แห่งนิรันดร์ออก
ทำให้เรือนนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์อย่างกะทันหัน และเริ่มขับเคลื่อนประวัติศาสตร์
เรือนนิรันดร์ที่ต้องเวทมนตร์แห่งนิรันดร์เข้าไปนั้นไม่เคยปรากฏตัวในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และคงซ่อนตัวอยู่ในป่าไผ่หลงทางเรื่อยมา*
*2[ซึ่งชื่อของมันเองก็บ่งบอกถึงเรื่องนี้]
ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆก็ล้วนถูกปฏิเสธในโลกแห่งนิรันดร์
บางทีเธอเองก็คงใช้ชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยก็เป็นได้
ความสิ้นพลันซึ่งเป็นความสามารถอีกอย่างหนึ่งนั้นตรงข้ามกับความนิรันดร์, เป็นเวลาที่สั้นอย่างมากที่สุด
ด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตาซึ่งมนุษย์ไม่สามารถรับรู้สิ่งใดๆได้ทัน เธอสามารถกระทำสิ่งต่างๆได้ในช่วงเวลารวบยอดเป็นชั่วพริบตานั้น
เวลายังคงเดินไปตามปกติเนื่องจากมันเป็นการรวบยอดแห่งความสิ้นพลัน แต่มนุษย์จะไม่สามารถรู้สึกตัวได้เลย
เธอสามารถครอบครองประวัติศาสตร์ที่แตกต่างมากกว่าหนึ่งแบบได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากชั่วพริบตานี้
ไม่ว่าความสามารถใดก็ล้วนเป็นความสามารถในการควบคุมเวลา
ซึ่งสำหรับความสามารถที่มนุษย์ธรรมดามีไว้ในครอบครองนั้นจัดว่าเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งเกินไป
{งานนิทรรศการนครจันทรา 「งานแสดงสรรพสิ่งจากนครจันทรา」}
เป็น Event ที่รวบรวมสินค้าและข้อมูลเกี่ยวกับนครจันทรามาแสดงแก่สาธารณชน จนเรือนนิรันดร์กลายเป็นที่รู้จักของมนุษย์ไปทั่ว
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนครจันทรากับเกนโซวเคียวได้หยุดชะงักไปนานแล้ว
ในบรรดาผู้เข้าชมงานนิทรรศการ มีทั้งผู้ที่ไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน และโยวไคที่คิดถึงเรื่องในอดีต, จัดว่าตัวงานประสบความสำเร็จอย่างมากเลยทีเดียว
ชาวนครจันทราใช้ชีวิตกันอย่างผู้ดีจนชาวโลกพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึง, จึงแทบจะไม่มีใครพูดถึงนครจันทรามานานมากแล้ว
งานนิทรรศการที่จัดขึ้นอย่างกะทันหันนี้จึงนำความตกตะลึงมาสู่เกนโซวเคียว เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจ
การจัดแสดงของงานนิทรรศการนี้แบ่งออกได้เป็นสามส่วนหลักๆ
ส่วนแรกเป็นส่วน Classic ที่จัดแสดงสิ่งของตามขนบธรรมเนียม อาทิเช่น รถเทียมวัวบิน, ผ้าแพรที่สวมแล้วตัวลอยได้, ครกกระต่าย เป็นต้น
เราสามารถจินตนาการถึงนครจันทราซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกผู้ดีได้ที่ห้องนี้
ต่อมาคือส่วน Military ซึ่งต่างจากส่วน Classic แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว โดยจัดแสดงอาวุธหรืออุปกรณ์อันทันสมัย อาทิเช่น
Vulcan ที่ถือได้ด้วยมือเดียว, ระเบิด Placnk ขนาดเล็กสุดๆ, รถถังผิวจันทร์และรถสำรวจผิวจันทร์ เป็นต้น
ที่ส่วนนี้เราจะได้เห็นอีกโฉมหน้าที่คาดไม่ถึงและวิทยาการอันสูงส่งของนครจันทรา
สุดท้ายคือส่วน Academic ซึ่งจัดแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์, ตำราแพทย์เทวะ, ตำราปรัชญาคณิตศาสตร์, ตำราเวทมนตร์สติเฟื่อง เป็นต้น
พวกหนังสือนั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิทยาการชั้นสูง, ทั้งๆที่น่าจะถูกเขียนลงบนกระดาษ แต่รูปภาพกลับเคลื่อนไหวได้ และมีภาพสามมิติกระโดดออกมา
หากมีคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจ ให้แตะที่ตัวอักษรนั้น แล้วจะมีคำอธิบายรายละเอียดโผล่ออกมา เป็นต้น
เป็นที่น่าเสียดายที่มันถูกเขียนด้วยอักษรของชาวจันทรา จึงไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ได้เลย
เนื่องจากงานแสดงสรรพสิ่งจากนครจันทรานี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เธอจึงตั้งใจว่าจะจัดขึ้นทุกปี
ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปจะมีเวทีเตรียมไว้เพื่อจัดแสดงอะไรบางอย่างด้วยล่ะ
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
หน่วยระวังภัยสีแดงฉาน ฟุจิวาระ โนะ โมโคว
หน่วยระวังภัยสีแดงฉาน
{ฟุจิวาระ โนะ โมโคว Huziwara no Mokou }
อาชีพ : ไม่แน่ชัด
ความสามารถ : ไม่ตาย
ที่อยู่อาศัย : ที่ไหนสักแห่งในป่าไผ่หลงทาง
ป่าไผ่หลงทางมีตำนานประหลาดอยู่เรื่องหนึ่ง
เล่าว่ามีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญการกำราบโยวไคซึ่งไม่ใช่มนุษย์จากหมู่บ้านไปซุ่มซ่อนอาศัยอยู่ในป่าไผ่
เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไร้เสียง, ใช้วิชาอาคมเหมือนอย่างโยวไค, ดำเนินชีวิตโดยค้นหาและกำราบโยวไคอันตรายที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
แต่ในปัจจุบัน, การมีตัวตนของพวกเขายังคงถูกปฏิเสธอยู่*
*1[เชื่อกันว่าเป็นกลุ่มนินจา]
ทว่า, เมื่อเร็วๆนี้มีการค้นพบเรือนนิรันดร์ในป่าไผ่หลงทาง, จึงมีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยที่ตำนานกลุ่มนักกำราบโยวไคจะเป็นจริงขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเคยพบกับบุคคลที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สืบทอดของกลุ่มคนดังกล่าว
นั่นก็คือ เธอ
เธอเป็นมนุษย์ แต่มีร่างกายที่ไม่มีวันแก่ชราและไม่มีวันบุบสลาย
เธอมีชีวิตอยู่มายาวนาน จึงได้ฝึกฝนวิชาอาคมมากมาย จนสามารถต่อสู้ได้อย่างสูสีแม้แต่กับโยวไค
เพราะเป็นมนุษย์จึงถูกโยวไคทำร้ายเป็นบางครั้ง แต่เธอก็แข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้ไป, และยังคอยช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงทางจากเงื้อมมือของโยวไค
เธอซ่อนตัวอาศัยในป่าไผ่หลงทางโดยไม่ยอมเข้าพวกใคร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ในหมู่บ้านหรือโยวไค
เมื่อถามถึงเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนในตำนาน เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วตอบว่า มันคืออะไร
ดูเหมือนเธอจะคบค้าสมาคมกับคนอื่นไม่ค่อยเก่ง, จึงจากไปโดยไม่พูดอะไร แม้จะช่วยเหลือคนหลงทางเอาไว้ได้ก็ตาม
{ความสามารถ}
มีร่างกายที่ไม่มีวันแก่ชราและไม่มีวันบุบสลาย
กล่าวคือ ไม่แก่ไม่ตาย
ร่างที่ไม่แก่ไม่ตายนี้รักษาบาดแผลได้เร็วอย่างน่าประหลาด, ต่อให้บาดเจ็บสาหัสก็จะหายเป็นปกติภายในไม่กี่วัน*
*2[ขอเพียงเหลือเส้นผมแม้สักเส้น ก็จะหายเป็นปกติได้จากผมเส้นนั้น]
แต่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี, ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นความน่าเศร้าของการไม่แก่ไม่ตาย
มนุษย์จะได้รับร่างไม่แก่ไม่ตายเมื่อกลายเป็นเทวดาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไปจึงได้รับร่างนี้มา
ช่วงนี้เธอพยายามปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นมากขึ้นแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมา
แม้ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้น เธอก็ไม่ตอบอย่างแน่นอน ช่างเป็นปริศนาจริงๆ
{กองกำลังระวังภัย}
อาจเป็นเพราะเธอกำลังพยายามสร้างจุดเชื่อมโยงกับมนุษย์ในหมู่บ้านแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
ปัจจุบัน, หากได้รับคำขอร้อง เธอจะช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้ในระหว่างเดินทางในป่าไผ่หลงทาง
โดยเฉพาะในเวลาที่มีธุระกับเรือนนิรันดร์อย่างเช่นมีผู้ป่วยฉุกเฉิน, ถ้าขอร้องให้เธอช่วยพาไปส่งล่ะก็ วางใจได้เลย
เธอจะพาไปส่งถึงเรือนนิรันดร์โดยไม่หลงทางและไม่หวั่นเกรงต่อโยวไคหน้าไหนทั้งนั้น
ในระหว่างนี้ หากชวนเธอคุยเรื่องครอบครัวของทางเราล่ะก็ ดูเหมือนเธอจะรับฟังด้วยความยินดี แม้ว่าเธอจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องของตัวเองเลยก็ตาม*
*3[ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเป็นร้านนกย่างผู้คลั่งไคล้ในเรื่องการรักษาสุขภาพ]
(ไม่แน่ชัดว่าสิ่งที่อาคิวพูดหมายถึงอะไรกันแน่)
โมโควเปิดร้านนกย่าง ? โมโควล้อท่าตอนใช้สเปลการ์ดของตัวเองว่าตัวเองเป็นเหมือนนกย่าง ? เรื่องนี้สุดแท้แต่ผู้อ่านพิจารณา)
แม้จะไม่แก่ไม่ตาย แต่เพราะไม่ใช่เทวดา จึงมีแนวการคิดไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก
ลองชวนคุยอย่างสบายๆไปมากๆเข้า ไม่แน่เธออาจจะยอมเล่าอะไรอย่างอื่นให้ฟังอีกก็เป็นได้
[กดที่ข้อความนี้เพื่อซ่อนบทความ]
.........................................................................................................................................................................................
กลับไปที่สารบัญของหนังสือเล่มนี้